บทท่ี 3 องค์กรและการบริหารจดั การภายในองค์กร ความสาเร็จของธุรกจิ ข้นึ อยกู่ บั ทุกคนท่ีทาหนา้ ทภี่ ายในองคก์ รน้นั ๆไมว่ า่ จะเป็นเจา้ ของหรือผปู้ ระกอบการ ผบู้ ริหารระดบั สูง ผบู้ ริหารระดบั กลาง หรือพนกั งานเจา้ หนา้ ท่รี ะดบั ลา่ ง ตา่ งส่งผลกระทบตอ่ ธุรกจิ ท้งั สิ้น ความสาเร็จของธุรกจิ จะมีปัจจยั สาคญั ในการวางรากฐานท่ีดีต้งั แต่เริ่มตน้ ความรู้เบ้อื งตน้ เกยี่ วกบั องคก์ ร
1.ความหมายขององค์กร บุคคลกลมุ่ หน่ึงทมี่ ารวมตวั กนั โดยมีวตั ถปุ ระสงคห์ รือเป้ าหมายอย่างหน่ึงหรือหลายอย่างร่วมกนั และดาเนินกจิ กรรมบางอย่างร่วมกนั อยา่ งมขี ้นั ตอนเพอื่ ให้บรรลวุ ตั ถุประสงคน์ ้นั โดยมที ้งั องคก์ รทีแ่ สวงหาผลกาไร คือองคก์ รท่ีดาเนินกิจกรรมเพอ่ื การ แข่งขนั ทางเศรษฐกจิ องคก์ รที่ไมแ่ สวงหาผลกาไร คือองคก์ รทีด่ าเนินกจิ กรรมเพอ่ื สาธารณประโยชน์เป็ นหลกั
2. ความหมายขององค์กรธุรกจิ บคุ คลหรือกลุม่ บคุ คลทม่ี ีการรวมตวั กนั โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์เพอ่ื ทากจิ กรรมอย่างใดอย่างหน่ึงหรือหลายอย่างก็ไดเ้ พอื่ ตอบสนอกความตอ้ งการของสงั คมและไดผ้ ลตอบแทนในรูปแบบของกาไร3.ข้นั ตอนการเติบโตขององค์กร 3.1 ข้นั ธุรกจิ ครอบครัว หลายธุรกิจเริ่มตน้ จากการดาเนินงานภายในครอบครัวมหี นา้ ทีใ่ นการดาเนินงานไม่มากและการตดั สินใจส่วนใหญข่ ้ึนอย่กู บั บคุ คลหน่ึงหรือสองคนเท่าน้นั 3.2 ข้นั ผปู้ ระกอบการ เป็ นข้นั ทอ่ี งคก์ ารเจริญเตบิ โตอย่างรวดเร็วในระยะแรกและจะลดอตั ราการเจริญเติบโตในตอนปลาย 3.3 ข้นั การจดั การแบบมืออาชพี องคก์ รจะมกี ารเจริญเตบิ โตข้ึนอย่างมากจนตอ้ งใชผ้ จู้ ดั การมืออาชพี เขา้ มาชว่ ยในการวางแผน การจดั องคก์ ร การจูงใจ และการควบคุม
4. การจดั องค์กร 4.1 ความหมายของการจดั องคก์ ร คอื การตดั สินใจเลอื กวธิ ีการในการจดัแบ่งกลุ่มกจิ กรรมและทรัพยากรต่าง ๆ 4.2 รูปแบบขององคก์ ร-องคก์ รอย่างเป็ นทางการ-องคก์ รไมเ่ ป็ นทางการ 4.3 ความสาคญั ในการจดั องคก์ รทม่ี ีความสาคญั ดงั น้ี- เพอื่ เพมิ่ ประสิทธิภาพขององคก์ ร- เพอ่ื ความอยู่รอดขององคก์ ร- เพอื่ เป็ นหลกั การประกนั ให้เกิดความมน่ั ใจ- เพอื่ ส่งเสริมการปฎิสมั พนั ธ์- เพอื่ จดั องคก์ รทีด่ ี
5. โครงสร้างขององค์กร และการจดั แผนงาน 5.1 โครงสร้างขององคก์ ร คือ แบบแผนทีก่ าหนดขอบเขตของงานและความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบคุ คลในองคก์ รในรูปแบบของอานาจหนา้ ทแ่ี ละสายการบงั คบั บญั ชา 5.2 การจดั แผนงาน คอื กระบวนการในการจดั กล่มุ งานโดยถอื เกณฑ์ลกั ษณะต่าง ๆ แบง่ งานและกล่มุ คนออกเป็ นหน่วยงานหรือแผนกงานในองคก์ ร
6. การกาหนดความสัมพันธ์ระหว่างงาน 6.1 สายบงั คบั บญั ชา คือ การแตกทศิ ทางของอานาจหนา้ ท่ีจากระดบั บนลงมาระดบั ลา่ งขององคก์ ร 6.2 การกระจายอานาจ ปัญญหาทส่ี าคญั จะรู้ไดอ้ ย่างรัยในการปฏบิ ตั ิงานในองคก์ รให้สาเร็รุลว่ งไปไดด้ ี 6.3 การรวมอานาจและการกระจายอานาจ- การรวมอานาจ คือ กระบวนการรักษาอานาจอยา่ งเป็ นระบบไวก้ บั ผบู้ ริหารระดบั สูง- การกระจายอานาจ คอื กระบวนการมอบอานาจอยา่ งเป็ นระบบจากผบู้ ริหารระดบั สูงสู่ผบู้ ริหารระดบั กลางและผบู้ ริหารระดบั ตน้ 6.4 การประสานงาน เมื่อองคก์ รมีการออกแบบโดยแตกงานออกเป็ นชิ้น ๆเพอ่ื จดั สรรใหพ้ นกั งานแต่ละคนทากนั ตามความสามารถหรือความถนัดการบริหารจดั การภายในองคก์ ร
การบริหารจัดการภายในองค์กร1. ความหมายของความแตกต่างของคาว่า การบริหาร กบั การจดั การ องคก์ รต่าง มกั ใชส้ องคา คือ การบริหาร กบั คาวา่ การจดั การ ท้งั สองคาน้ีมีความหมายไมต่ ่างกนั การบริหารมกั ใชว้ งการสาธารณะหรืราชการ ในขณะท่ีการจดั การใชก้ นั ในวงการธุรกิจหรืเอกชนเป็ นหลกั2. ความหมายของการจัดการ(บคุ คลต้งั แต่สองคนข้นึ ไปมาร่วมแรงร่วมใจกนั ปฏบิ ตั ิเพอ่ื บรรลเุ ป้ าหมายร่วมกนั ) การจดั การ คือกระบวนการนาทรัพยากรการบริหารมาใชใ้ ห้บรรลุวตั ถปุ ระสงคต์ ามข้นั ตอนการบริหารคือ
1 การวางแผน ( Planning ) 2 การจดั การองคก์ าร ( Organizing ) 3 การช้นี า ( Leading ) 4 การควบคุม ( Controlling )2.1 INPUT คือ ทรัพยากรการบริหาร อนั ไดแ้ ก่ 4 M’s ประกอบดว้ ย คน ( Man ) เงนิ ( Money ) วตั ถุดบิ ( Material ) วธิ ีการ / จดั การ ( Method / Management )
ถูกนาเขา้ ในระบบเพอื่ การประมวลผลหรือการบริการท่ีเติบโตและพฒั นากา้ วหน้าไปพร้อมกบั อุตสาหกรรมการผลติ และการบริการทเ่ี ติบโตและพฒั นาข้นึ ไปอยา่ งรวดเร็ว 6 M’s ไดแ้ ก่ เคร่ืองจกั รกล ( Machine ) การตลาด ( Market ) จงึ เพม่ิ ขวญั และกาลงั ใจ ( Morale )เป็ น 7 M’s และเมือ่ โลกกา้ วเขา้ สู่ยคุ โลกาภวิ ตั น์ ( Globalization ) ระบบการสื่อสารไร้พรหมแดนท่ีตดิ ตอ่ เชอื่ มโยงกนั เป็ นระบบเครือขา่ ยครอบคลุมทวั่ โลกทาใหก้ ารติดตอ่ ส่ือสารรวดเร็วใครไม่รู้หรือไม่มขี อ้ มลู ยอ่ มเสียเปรียบในเชงิ ธุรกิจจงึ ไดเ้ พมิ่ ขอ้ มูลขา่ วสาร ( Message ) เขา้ ไปในทรัพยากรกระบวนการผลติ รวมเป็ น 8 M’s ซ่ึงทรัพยากรเหลา่ น้ีจะเพมิ่ ข้นึ ไปเร่ือยๆ ไม่ส้ินสุดตราบเท่าท่ีระบบอุตสาหกรรมการผลติ การจดั จาหน่ายและการบริการยงั คงพฒั นาและกา้ วไปไมห่ ยุดย้งั
2.2 PROCESS คือ หนา้ ทห่ี รือกจิ กรรมข้นั พน้ื ฐานท่ผี บู้ ริหาร ตอ้ งกระทา ในปัจจบุ นั ยึดถือหน้าที่ 4 ประการไดแ้ ก่ (POLC) การวางแผน ( Planning ) การจดั องคก์ ร(Organizing ) การช้นี า ( Leading ) การควบคมุ ( Controlling ) 2.3 OUTPUT คือ เป้ าหมาย ( Goals ) หรือ วตั ถปุ ระสงค์ (Objectives ) ขององคก์ าร ทน่ี าออกมาจากกระบวนการแปรรูปในข้นั ตอนทส่ี องเป้ าหมายขององคก์ ารสามารถแบง่ หยาบไดเ้ ป็ น 2 ประเภทดว้ ยกนั คือ องคก์ ารทม่ี ีเป้ าหมายทมี่ ุง่ แสวงหากาไร ( Profit ) องคก์ ารทีม่ ีเป้ าหมายไม่มุ่งแสวงหากาไร ( Non – profit )หรืออาจแบ่งเป็ นองคก์ ารที่วตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ การผลติ สินคา้ กบั องคก์ ารที่มวี ตั ถุประสงค์ เพอ่ื ใหบ้ ริการ ( Services ) กไ็ ด้
3.ระบบในการบริหารจดั การ ภายในองคก์ รก็จะมรี ะบบยอ่ ยที่สามารถ แยกศึกษาระบบยอ่ ยตามหนา้ ท่ี 4. ตาแหน่ง คุณลักษณะ หน้าที่ บทบาท และทักษะของผ้บู ริหาร สมาชิในองคก์ รจะถูกแบ่งออกเป็ น 2 ฝ่าย คอื ฝ่ายปฏิบตั งิ าน กบั ฝ่าย บริหารหรือฝ่ายจดั การ โดยที่ฝ่ายปฏบิ ตั งิ านจะเป็ นผลู้ งมือทางานดว้ ยตนเองส่วนฝ่า บริหารทาหนา้ ทใี่ นการดูแลกบั ตรวจสอบหรือควบคุมงานของผอู้ นื่ โดยตรง4.1 ตาแหน่งผ้บู ริหาร แบ่งออกเป็ น 3 ระดบั คอื 4.1.1 ผบู้ ริหารระดบั สูง (Top Manager) คือ ผบู้ ริหารทอี่ ยู่ในระดบั สูงสุดของสายบงั คบั บญั ชา ทาหน้าทน่ี าองคก์ ารไปสู่ความสาเร็จ เป็ นผทู้ ่ตี อ้ งรับผดิ ชอบองคก์ ารท้งั หมดและเป็ นผกู้ าหนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ละนโยบายสาคญั ๆให้กบั องคก์ าร ขอบเขตการบริหารจดั การจึงเกยี่ วขอ้ งกบั ปัจจยั ตา่ งๆ ในสภาพแวดลอ้ มภายนอกและปัจจยั ตา่ งๆ ภายในองคก์ าร
4.1.2 ผบู้ ริหารระดบั กลาง (Middle Manager) คอื ผบู้ ริหารท่ีอยู่ระดบั รองลงมาจากผบู้ ริหารระดบั สูง เป็ นผรู้ ับเอาเป้ าหมาย นโยบายและแผนงานจากผบู้ ริหารระดบั สูงให้นาไปปฏบิ ตั ิ ทาหนา้ ที่ประสานงานโดยพยายามรวบรวมผลสาเร็จของการทางานภายในหน่วยงานทต่ี นรับผดิ ชอบอยู่ ส่งมอบใหก้ บั ผบู้ ริหารระดบั ท่อี ยสู่ ูงถดั ข้ึนไปขณะเดยี วกนั ก็จะคอยร่วมมอื ช่วยเหลอื ในการเผชญิ และแกไ้ ขปัญหาที่มากระทบจากภายนอกดว้ ย ผบู้ ริหารระดบั กลางยงั มีหนา้ ท่รี ับผดิ ชอบต่อการทางานของผบู้ ริหารท่ีอยูร่ ะดบั ล่างลงมา
4.1.3 ผบู้ ริหารระดบั ตน้ (First-line Manager or First-lineSupervisor) คือ ผบู้ ริหารระดบั ลา่ งสุด รับผดิ ชอบการปฏิบตั งิ านของพนักงานปฏิบตั กิ าร เป็ นผใู้ กลช้ ิดและสัง่ การโดยตรงกบั พนักงานปฏบิ ตั กิ ารและมีโอกาสรู้ความเป็ นไปของปัญหาทีเ่ กดิ ข้ึนในจุดปฏิบตั ิงาน ในบางองคก์ าร อาจจะมกี าหนดตาแหน่งงานของผบู้ ริหารระดบั ตน้ เป็ น Line Manager และแบ่งตาแหน่งส่วนท่ดี แู ลออกเป็ นส่วนๆเชน่ หวั หนา้ งาน Supervisor หัวหนา้ งาน Foreman ผนู้ ากลุ่ม (Crew Leader) เป็ นตน้
4.2 ทักษะการจดั การ 4.2.1 ทกั ษะดา้ นความคดิ (Conceptual Skill) เป็ นความสามารถในการเขา้ ใจองคก์ ารโดยรวม มีความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ มวี สิ ัยทศั นแ์ ละคาดการณ์สถานการณต์ า่ งๆ ไดเ้ ป็ นอย่างดี พร้อมกบั มีความคิดริเร่ิม โดยสามารถคดิกลยุทธ์วธิ ีต่างๆ หรือพฒั นาสิ่งใหม่ๆ ทดี่ ีกวา่ ออกมาไดเ้ สมอๆ 4.2.2 ทกั ษะดา้ นมนุษยสมั พนั ธ์ (People Skill) เป็ นทกั ษะทสี่ ร้างความร่วมมือในกลุม่ งาน รู้ถึงจติ ใจคน เขา้ ใจพฤติกรรมมนุษย์ รวมถึงทกั ษะในดา้ นการติดต่อส่ือสารและจูงใจคน ซ่งึ จะทาใหเ้ กดิ การประสานงานกนั ทดี่ ีและเกิดการทมุ่ เททางานอทุ ศิ ให้กบั องคก์ าร 4.2.3 ทกั ษะดา้ นเทคนิค (Technical Skill) เป็ นการใชค้ วามรู้ความเช่ยี วชาญเฉพาะทางในการปฏบิ ตั ิงานเชิงเทคนิค รู้วธิ ีปฏิบตั งิ านและสามารถเขา้ ใจปัญหาดา้ นเทคนิคตา่ งๆ เป็ นอยา่ งดี รวมถงึ เขา้ ใจสภาพเงื่อนไขของทรัพยากรต่างๆ ท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั การจดั ระบบการทางานและรู้จกั ปรับปรุงวธิ ีการทางานใหท้ ีประสิทธิภาพดว้ ย
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: