นิทานชาดก มทุ ุลักขณชาดก
มทุ ลุ กั ขณชาดก นิทานชาดก
สมัยพุทธกาลผ่านมาพระเชตะวนั มหาวหิ ารของพระบรม ศาสดารม่ เย็นเป็นทพี่ งึ่ พาของเวไนยสัตวอ์ ยา่ งทัว่ ถึง ดจุ แสง จนั ทรว์ ันเพ็ญอนั สวา่ งนวลทวั่ ปรมิ ณฑล แต่จันทร์กระจา่ ง ฟ้ากห็ าทาความรืน่ รมย์ได้ทว่ั ทกุ คนไม่ ยังมภี ิกษุหนุ่มชาวสา วตั ถรี ูปหนึ่งกาลังกลดั กลุ้มอยู่กับความทกุ ขภ์ ายใต้แสงจนั ทร์ นวลทกุ ราตรี
“โอ้นวลนอ้ ง ความรักของพีท่ ่มี ีต่อเจ้า ชา่ งทาใหพ้ ่ที ุกขใ์ จยิง่ นกั กิน ไม่ไดน้ อนไมห่ ลับ น่ังสมาธ(ิ Meditation)กว็ ุ่นวายใจ เฮอ้ ” สมณะกิจ ใดๆ ภกิ ษุหนุ่มกไ็ ม่ไดป้ ฏบิ ตั ิ จนเพ่อื นภิกษุท้ังหลายสดุ จะทนเวทนาอยู่ ได้ จึงนาสมณะสงฆ์รูปนม้ี าเฝา้ พระบรมศาสดา “ไปเฝา้ พระพุทธองค์ เถอะทา่ นจะไดป้ ลดเปล้อื งจากทุกข์น้ีซะท”ี “เปน็ เธอน่ีแล้วผู้กระวน กระวายรุม่ ร้อนใจ ด้วยอานาจความงามของหญิง
สิ่งน้ไี มไ่ ดแ้ ปลกอนั ใด เพราะเธอยังไมม่ คี ณุ วิเศษป้องกนั ใน อดตี กาลก่อน เราได้อภิญญา 5_สมาบัติ 8_สามารถขม่ กิเลสได้ ด้วยญาณ ท้งั เหาะเหนิ บนฟา้ ไดก้ ็ยงั เคยพลาดพลั้งยงั เผลอ หลงใหลหญงิ งาม จนญาณสมาบัตเิ สือ่ มสูญไดร้ บั ทุกข์รอ้ น มาแลว้ กิเลสน้ันกม็ ีกาลงั มากนัก ดจุ ลมพายุถอนขนุ เขา โคน่ ไม้ใหญ่
ครัง้ เปน็ พระโพธิสตั ว์ทรงภูมิรู้ยงั เพรย้ี งพรา้ แก่กเิ ลส ความผดิ ของเธอคร้งั น้จี งึ เปน็ สิง่ ธรรมดา ลาดบั นั้นพระพทุ ธเจา้ ทรงตรัส มทุ ลุ ักขณชาดกข้นึ โปรดภิกษทุ ้งั หลายในพระเชตะวัน ดังน้ี มานพหนมุ่ ผูห้ นงึ่ เกิดในตระกูลดี มสี ติปัญญาเลอเลิศ แต่ก็ คน้ พบว่าสรรพวิชาทีเ่ ล่าเรยี นมามิอาจช่วยผู้คนพน้ ความทุกข์ได้
เขาจึงออกหาสัจธรรมไปยงั ท่ีตา่ งๆ ทั่วชมพูทวีป ท้ายทส่ี ุดท่านไดถ้ อื เพศพรหมจรรยเ์ ป็นฤาษีบาเพญ็ เพียรภาวนาอยูร่ ิมป่าหมิ พานตจ์ นได้ สมาบตั ิแกก่ ลา้ สามารถเหาะเหินเดนิ อากาศได้ และมักเหาะลงมา บิณฑบาตโปรดชาวนครพาราณสอี ยู่เนอื งๆ ครง้ั หนงึ่ พระดาบสตนนไี้ ด้ เหาะจากหิมพานต์เขา้ มายงั มหานครดังปกติ “เอ.้ .วนั นีม้ ีเหตุอันใดหนอ จติ ใจถึงร้อนร่มุ นัก “
คร้ังนั้นยังมทิ ันบณิ ฑบาตกต็ ้องรับนมิ นต์จากราชบุรษุ ให้เขา้ ไป โปรดพระเจ้าพรหมทัตยงั พระราชฐาน “เชิญท่านฤาษีทางนี้ เถอะ พระเจ้าพรหมทัตทรงประทบั รออยู”่ “โอด้ ีจงั วนั นีเ้ รา จะไดฟ้ งั ธรรมกัน” “ฟังธรรมร?ึ ดีจงั ยงั ไม่เคยฟังมากอ่ นเลย” “เจริญพร มหาบพทิ ” “ขา้ พระองค์เลือ่ มใสในศลี และประพฤติ พรหมจรรยข์ องทา่ น ปรารถนาในรสธรรมโอวาทยิ่งนัก”
“หากท่านปรารถนาจะฟังธรรมเราก็ยนิ ดี” พระเจา้ พรหมทัตถวาย อาหารอนั ประณีต แลว้ จงึ อาราธนาให้พระดาบสพานักอยู่ในทพ่ี ระราชวัง ต่อไปอีกนานปี “เพอื่ เหลา่ พระราชวงศ์หญงิ ชายและปวงอามาตย์จะ ได้รบั โอวาทอย่างใกล้ชดิ บัดน้ขี ้าพระองค์ไดจ้ ดั อาศรมใหมไ่ วใ้ นพระ อทุ ยานแล้ว ขออาราธนาเปน็ พระอาจารย์แก่ราชวงศส์ บื ไปแต่วันน้ี เถิด”
“ถ้ามหาบพิทตอ้ งการอย่างนน้ั เราก็คงขัดไม่ได้” เม่อื พระฤาษี มาพานกั อยู่ในวงั ก็เปน็ ทเ่ี คารพนบั ถือของเหล่าราชนิกูลและข้า ราชบริพาร ดว้ ยท่านมีความรอบรู้ทง้ั ทางโลกและทางธรรมยากท่ี จะหาใครทัดเทยี มไดใ้ นยุคนน้ั “ออื ..อุทยานนช่ี า่ งสงบเงยี บดจี ริง เหมาะแกก่ ารน่งั สมาธิ ใหโ้ อวาทแล้วคอ่ ยกลบั มานั่งสมาธดิ ีกวา่ ”
“ความเพียรของหมู่ชนผู้พร้อมเพรยี งกันทาให้เกิดสขุ ขณะทส่ี กุ ร ทง้ั หลายพรอ้ มเพรียงกนั ยังฆ่าเสือโคร่งได้เพราะใจรวมเป็นอนั เดียว ท่านพงึ ศกึ ษาความสามคั คไี ว้เถดิ ความสามคั คีน้ันทา่ นผู้รู้ ทง้ั หลายสรรเสริญแลว้ ผู้ยนิ ดใี นสามคั คตี งั้ อยูใ่ นธรรมยอ่ มไมพ่ ลาด จากธรรมอนั เกษมจากโยคะ” “ถ้าอยา่ งน้นั เรากต็ ้องปกครองคนใน พาราณสใี หส้ ามคั คกี นั เอาไว”้
“ตอ่ จากนี้ไปเราจะยึดหลักความสามัคคีไวใ้ นใจ” อยา่ งเข้าฤดูแลง้ คราวหนึ่งเมอื งพาราณสีกเ็ กิดสงคราม พระเจ้าพรหมทัตกม็ ากราบ ขอพรเพ่ือยกทพั ไปสงครามชายแดน “มหาบพิทจงเผด็จศกึ โดยดี เถิด จงเมตตาแกผ่ ู้แพต้ ามสมควรเถดิ จะเกดิ กุศลยิง่ ” “ขา้ พระองค์ จะยดึ หลักศีลธรรมตามท่ีทา่ นฤาษีอบรม” พระเจา้ พรหมทตั ไดร้ บั สั่ง ใหพ้ ระนางมทุ ลุ ักขณาพระมเหสี
คอยดูแลเอาใจใสพ่ ระฤาษีมใิ ห้บกพร่องใดๆ แลว้ ก็ยกทัพออกจาก นครไป “เสด็จพีอ่ ย่าทรงหว่ งเลยเพคะ หมอ่ มฉนั จะดแู ลพระฤาษี เป็นอยา่ งดมี ใิ หข้ าดตกบกพรอ่ ง” ทุกวันพระนางมุทุลักขณา จดั เตรยี มอาหารถวายพระดาบสอยา่ งดมี ิได้ขาด แต่แล้วกเ็ กิดเหตุ ใหญ่ขึน้ ครง้ั หนึ่ง ในวนั นน้ั พระดาบสเขา้ ญาณจนลมื เวลานิมนต์ “ทาไมพ่ ระฤาษีถงึ ยงั ไม่ออกมาฉนั อาหารนะ”
“คงน่ังสมาธอิ ยกู่ ระมงั คะ” “ถ้าอยา่ งน้ันเราไป พกั ผอ่ นก่อนนะ พวกเจ้าอยูค่ อยรับใชก้ ่อนแลว้ กัน” “เพคะ” พระนางมุทลุ กั ขณารอพระฤาษอี ยู่ นานกย็ ังไม่มา พระนางจงึ ทอดพระวรกาย พักผ่อนอิรยิ าบถอยบู่ นยี่พู่ ณ ทอ้ งพระโรงอยู่ บรเิ วณเดยี วกนั “เฮ้อง่วงจัง..นอนซักพักดีกวา่ ” แอ๊ส.ส..ส “เอะ...เสียงอะไรนะ” “เหมือนมีใคร เขา้ มาทางพระบัญชรนะเพคะ”
เสียงน้นั คือพระฤาษีซ่งึ เหาะเข้ามาทางพระบญั ชรอย่างเร่งรีบ พระมเหสีตกพระทัยจึงผดุ ลุกโดยเร็วภูษาแพรท่หี ่มพระอุระก็ หลุดล่ยุ ลงอวดโฉมแก่สายตาพระฤาษี “โอะ๊ .วา๊ ยผ้าหลดุ ” “ว๊าย..ตาเถน หลุดๆๆๆ” ความงามแหง่ อสิ ตรีน้ันก่อกวนญาณ อนั บริสทุ ธิ์ให้ดับวูบลง กามราคะอนั ไมเ่ คยมขี องผู้ทรงศลี กลบั คุโชนข้นึ มาแทนที่อยา่ งรวดเร็ว
สมาชกิ ธดิ ารตั น์ จงึ เจรญิ 34 วรรณพร โพธิ์ศรที อง 41 สริ ินญา คล้ายชนที 43 3 /7
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: