Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (E-BOOK)

(E-BOOK)

Published by ประภาพรรณ ชัยแก้ว, 2020-10-12 18:50:38

Description: (E-BOOK)

Search

Read the Text Version

คาํ นํา หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ (E-BOOK) วชิ าภาษาไทยเรอื ง การเขยี นเรยี งความ สําหรบั นกั เรยี นชนั ประถมศกึ ษาปที ๖ ผเู้ ขยี นไดจ้ ดั ทําขนึ เพอื มงุ่ เนน้ ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาเนือหา ฝกทกั ษะทางภาษา เรอื งการเขยี นเรยี งความ เพอื พฒั นา ผลสมั ฤทธทิ างการเรยี นภาษาไทยใหส้ งู ขนึ ทงั ยงั ชว่ ย สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นอยากอา่ นหนงั สอื ดว้ ยตนเอง เกดิ นิสยั รกั การอา่ น ซงึ เปนพนื ฐานในการเรยี นรู้ หวงั เปนอยา่ งยงิ วา่ หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ (E-BOOK) ชดุ นีจะเปนประโยชนต์ อ่ การเรยี นรแู้ ละเกดิ ประสทิ ธภิ าพ เปนไปตามหลกั สตู รและบรรลตุ ามจดุ มงุ่ หมายสง่ ผลตอ่ การพฒั นาศกั ยภาพผเู้ รยี นตอ่ ไป

สารบญั แบบทดสอบกอ่ นเรยี น บทที ๑ ความหมายและลกั ษณะ.........................๑ ของเรยี งความทดี ี บทที ๒ โครงสรา้ งและการเรยี บเรยี ง.................๔ ประโยค บทที ๓ องคป์ ระกอบของเรยี งความ...................๘ บทที ๔ การวางโครงเรอื งของ............................๑๒ เรยี งความ บทที ๕ การเขยี นยห่ นา้ คํานํา............................๑๘ บทที ๖ การเขยี นยอ่ หนา้ เนือเรอื ง.....................๒๒ บทที ๗ การเขยี นยอ่ หนา้ สรปุ ..........................๒๕ บทที ๘ ขนั ตอนการเขยี นเรยี งความ................๒๗ แบบทดสอบหลงั เรยี น บรรณานกุ รม

๑ . ทํา แ บ บ ท ด ส อ บ ก่ อ น เ รี ย น จาํ น ว น ๑ ๐ ข้ อ ๒ . ศึ ก ษ า บ ท เ รี ย น เ รื อ ง ก า ร เ ขี ย น เ รี ย ง ค ว า ม ซึ ง มี เ นื อ ห า ทั ง ห ม ด ๘ ห น่ ว ย ๓ . ทาํ แ บ บ ท ด ส อ บ ห ลั ง เ รี ย น จาํ น ว น ๑ ๐ ข้ อ

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น HTTPS://FORMS.GLE/P3VT98U5SRRPCDWY7

๑ บทที ๑ ความหมายและลักษณะ ของเรียงความทีดี

๒ ความหมายของเรียงความ เรยี งความ เปนงานเขียนร้อยแกว้ ชนิดหนึงที ผูเ้ ขียนมุ่งถา่ ยทอดเรอื งราว ความรู้ ความคดิ และทศั นคตใิ นเรืองใดเรอื งหนึงดว้ ยถอ้ ยคํา และ สาํ นวนทีเรยี บเรยี งอยา่ งมลี ําดบั และสละสลวย

๓ ลกั ษณะของเรียงความทดี ี ๑. รปู แบบถกู ตอ้ ง คือ มคี าํ นํา เนือเรอื ง สรปุ ๒. การลาํ ดบั ความคดิ ดี ตอ่ เนือง ไม่วกวน ๓. เนือหาชดั เจน ตรงกับชอื เรอื งหรอื แนวคดิ ของเรือง ๔. การใชภ้ าษาถูกต้องตามหลกั ภาษาไทย ชัดเจนและ สละสลวย สํานวนสภุ าษติ และบทร้อยกรองทีนํามาใช้ ประกอบเนือเรอื งสอดคลอ้ งกนั ๕. การให้ขอ้ คิดเหน็ หรือแสดงความคิดมลี ักษณะ สรา้ งสรรคห์ รอื แปลกใหม่

๔ บทที ๒ โครงสรา้ งและ การเรยี บเรยี งประโยค

๕ โครงสรา้ งประโยค ประโยค คอื คาํ หรอื กลุม่ คําทีนํามาเรียงกันมี ความหมายครบถว้ นสมบรู ณ์ สามารถสอื ความได้วา่ ใครทาํ อะไร คิดอยา่ งไร รสู้ ึกอย่างไร หรอื มสี ภาพ อย่างไร โครงสร้างประโยค โดยทวั ไปประกอบด้วยสว่ น สําคัญ ๒ สว่ น คือ ภาคประธาน และภาคแสดง ภาคประธาน ประกอบดว้ ยคํานาม หรือ สรรพนาม ภาคแสดง ประกอบดว้ ยคาํ กริยา ๒ ชนิด ได้แก่ กรยิ าอกรรม หมายความวา่ เปนกรยิ าไม่ต้องมกี รรม และกริยาสกรรม เปนกริยาทีต้องการกรรม

๖ ตารางโครงสรา้ งประโยค การเรยี บเรียงประโยค หมายถงึ การนําประโยคมาเขยี นเพือ เรียบเรยี งลาํ ดบั เนือเรอื งให้ได้ใจความต่อเนือง เปนเรืองราว หรอื อาจจะเรยี บเรียงประโยคให้ ตรงกับภาพของเรืองทกี าํ หนด

๗ ตวั อย่าง การเรียบเรียงประโยค จากนิทานเรืองกระต่ายกับเตา่ ระหวา่ งทาง กระต่ายเผลอนอนหลบั ไป เชา้ วนั หนึง กระต่ายพบเต่าคลานตว้ มเตยี มอยู่ ทีริมบึง เตา่ รบั คาํ ทา้ แลว้ สตั วท์ งั สองก็เริมวงิ แขง่ กนั กระตา่ ยจงึ ทา้ เตา่ วิงแขง่ เพราะคิดว่าตนชนะ แน่นอน เต่าจึงชนะการวิงแข่ง นําประโยคทัง ๕ ประโยคมาเรยี บเรยี งไดด้ งั นี เช้าวนั หนึงกระต่ายพบเต่าคลานต้วมเตยี มอยู่ทีริม บึง กระต่ายจึงทา้ เต่าวงิ แขง่ เพราะคดิ วา่ ตนชนะ แน่นอน เต่ารบั คาํ ท้า แล้วสัตว์ทงั สองกเ็ ริมวงิ แขง่ กัน ระหว่างทาง กระต่ายเผลอนอนหลบั ไป เต่าจงึ ชนะการวิงแขง่

๘ บทที ๓ องคป์ ระกอบของ เรียงความ

๙ องคป์ ระกอบของเรยี งความ เรียงความมอี งคป์ ระกอบ 3 สว่ น คือคาํ นํา เนือเรอื งและสรปุ ๑. คํานํา เปนสว่ นแรกของเรียงความ ทาํ หนา้ ที เปดประเด็นหรือนําเข้าส่เู รืองทจี ะเขยี น จงึ อาจกล่าว ได้ว่า คาํ นําเปนส่วนทดี ึงดดู ความสนใจและทําใหผ้ ู้ อา่ นเกดิ ความอยากร้แู ละตอ้ งติดตามเรืองตอ่ ไป ผเู้ ขียนจึงตอ้ งเขยี นคํานําอย่างพถิ พี ถิ ันโดยคาํ นึงถึง เรอื งทตี นจะเขยี นและศิลปะในการใชภ้ าษา โดยปกติ แลว้ ไม่มกี ารกําหนดว่าคาํ นําจะมีกยี อ่ หนา้ ท้งนีขึนอยู่ กบั ความยาวของเรียงความหากเรยี งความมขี นาด ยาวก็อาจมคี าํ นํามากกวา่ ๑ ย่อหนา้ ได้

๑๐ องคป์ ระกอบของเรยี งความ (ตอ่ ) ๒. เนือเรอื ง เปนสว่ นสําคญั และเปนส่วนทียาว ทสี ุดของเรยี งความ เพราะเนือเรอื งเปนสว่ นทีนํา ความรู้ ความคดิ และข้อมูลทผี ู้ขยี นได้คน้ ควา้ และ เรีบบเรียงอยา่ งมรี ะบบระเบยี บ เปนขันตอนเพือให้ ผู้อา่ นเข้าใจความคดิ สาํ คัญทงั หมดของเรอื งได้อยา่ ง ชดั เจนและแจ่มแจ้ง

๑๑ องคป์ ระกอบของเรียงความ (ต่อ) ๓. สรปุ เปนองคป์ ระกอบสําคัญทีอยู่ส่วนสดุ ทา้ ย ของเรียงความ ผูเ้ขียนจะทงิ ทา้ ยให้ผู้อ่านเกิดความ ประทับใจ การสรปุ ควรมีเนือหาทสี อดคลอ้ งกบั เรืองที เขยี น ไมค่ วรสรปุ นอกเรืองหรือนอกประเดน็ นอกจากนีผู้เขียนจะตอ้ งใช้ศิลปะในการเขยี นเปน อย่างยงิ คือ ตอ้ งกระชับรดั กมุ และใชข้ อ้ ความที ทําใหผ้ ้อู ่านเกดิ ความประทับใจ การเขยี นสรปุ มหี ลายวธิ ีเช่น ฝากข้อคิดและ ความประทับใจให้แกผ่ ู้อ่าน ยําความคดิ สาํ คญั ของ เรือง ชักชวนใหป้ ฏบิ ัตติ าม ให้กําลังใจแก่ผูอา่ น ตงั คาํ ถามทชี วนให้ผอู้ ่านคดิ หาคําตอบ และยกคําพดู คําคม สุภาษิต หรอื บทกวีทีน่าประทับใจ เปนต้น

๑๒ บทที ๔ การวางโครงเรือง ของเรียงความ

๑๓ การวางโครงเรืองของเรยี งความ การเขยี นเรยี งความเปนการเสนอความคิดตอ่ ผอู้ ่าน ผูเ้ ขยี นจงึ ตอ้ งรวบรวมเลอื กสรรและจดั ระเบียบความคิด แล้วนํามาเรียบเรียงเปนโครงเรอื ง การรวบรวมความคิดอาจจะรวบรวมขอ้ มลู จาก ประสบการณข์ องผเู้ ขียนเองนําส่วนทีเปน ประสบการณต์ รงและประสบการณท์ างอ้อม ซงึ เกดิ จากการฟง การอ่าน การพูดคุย ซกั ถาม เปนต้น เมอื ได้ขอ้ มูลแลว้ ก็นําข้อมูลมาจดั ระเบียบ ความคิดโดยจดั เรยี งลาํ ดับตามเวลา เหตุการณ์ ความสาํ คัญและเหตผุ ลแลว้ จงึ เขยี นเปนโครงเรอื ง เพือเปนแนวทางใหง้ านเขยี นอยใู่ นกรอบ ไมอ่ อก นอกเรืองและสามารถนํามาเขยี นขยายความเปน เนือเรืองทีสมบรู ณเ์ ขยี นชอื เรอื งไว้กลางหนา้ กระดาษ เลือกหวั ข้อทีน่าสนใจทีสดุ เปนคาํ นําและ เลอื กหัวขอ้ ทีน่าประทบั ใจทีสุดเปนสรปุ นอกนนั เปน เนือเรือง

๑๔ ลักษณะโครงเรืองทีดี มดี ังนี คอื ๑. มขี อบข่ายของเรอื ง คือ เนือหาอยใู่ น ขอบขา่ ยจํากดั ไมอ่ อกนอกเรือง ๒. เนือหาไมซ่ าํ ซ้อน คือ เนือหาในแตล่ ะสว่ น ตอ้ งไมซ่ าํ กนั เพราะจะทําให้การดําเนินเรืองสับสน วกวน

๑๕ ตัวอยา่ งการวางโครงเรือง ดว้ ยหวั ข้อตา่ ง ๆ เรอื งเกยี วกับสถานที เชน่ โรงเรียน อนสุ าวรีย์ วัด โรงพยาบาล ฯลฯ ควรมหี วั ข้อตามลําดบั ดังนี - ประวตั ิ - ทีตัง - ลักษณะ - ความสําคัญ เรอื งเกียวกับบคุ คล เชน่ พระมหากษตั ริย์ กวี วรี บรุ ุษ บคุ คลสาํ คญั ฯลฯ ควรมหี วั ขอ้ ตาม ลาํ ดบั ดังนี - กําเนิด - การศกึ ษา - งาน หรือ ผลงงานทัวไป - ผลงานทีเดน่ หรือสาํ คญั - เกียรติคุณ

๑๖ ตัวอย่างการวางโครงเรอื ง ด้วยหัวข้อต่าง ๆ เรอื งเกียวกบั นิทาน นิยาย เรอื งเล่า ควรมหี วั ข้อ ตามลาํ ดับ ดังนี - ทีมา - เวลาและสถานที - เนือเรือง - คติธรรม เรืองเกยี วกับคณุ ธรรม เช่น ความซอื สตั ย์ ความ เพียร ความสามคั คี ฯลฯ ควรมหี ัวขอ้ ตามลาํ ดับ ดังนี - ความหมาย - การปฏิบตั ิ - ประโยชน์ - อุทาหรณ์

๑๗ ตัวอยา่ งการวางโครงเรือง ดว้ ยหัวขอ้ ตา่ ง ๆ เรอื งเกยี วกับเบ็ดเตลด็ เชน่ เรืองชวี ิต ความเปนอยู่ รูปรา่ ง ลักษณะของมนษุ ย์ งานรืนเรงิ กจิ กรรม ประเพณี พธิ กี ารต่าง ๆ งานเขยี นประเภทนี แลว้ แตผ่ เู้ ขียนจะคิดและลาํ ดับความขนึ เอง แต่ควร ยึดหลักสาํ คญั คือ - ตอ้ งเขยี นใหช้ ดั เจน ผ้อู ่านจะเขา้ ใจหรอื เหน็ เหตุการณต์ ามไปด้วย - ตอ้ งร้จู ักหยบิ ยกเอาสิงทีเด่นและน่าสังเกต มากล่าว - พยายามเลอื กสรรคํามาใช้ ให้คาํ เลา่ นนั แสดง ความหมายเดน่ ชัด

๑๘ บทที ๕ การเขียนยอ่ หนา้ คาํ นํา

๑๙ การเขยี นย่อหนา้ คาํ นําทีดี การเขียนย่อหนา้ คํานํา ต้องเร้าความสนใจของ ผู้อา่ น คาํ นําจะต้องเปนความคดิ ใหม่ ความคิด แปลก หรือความคดิ สนกุ ต้องมีลกั ษณะนําหรือเชญิ ให้ผอู้ า่ น อ่านเรอื งของเราให้จบให้ได้ คํานําจึงมสี ว่ น สาํ คัญในการเรียกร้องความสนใจของผู้อา่ นตังแต่ เริมตน้ อ่านเรือง และดึงดดู ใจใหค้ ดิ ตามเรอื งไป โดยตลอด

๒๐ การเขียนคาํ นําทดี จี ึงควร มีลกั ษณะดังนี ๑. การเขยี นคาํ นําโดยยกคาํ พงั เพยหรือ สุภาษติ คําคม ทเี กยี วข้องกบั เนือเรือง ๒. การเขยี นคาํ นําโดยการอธิบายความหมาย ของเรอื ง ๓. การเขยี นคาํ นําโดยขนึ ต้นด้วยคาํ กลา่ ว ขอบคณุ บุคคลสาํ คญั แต่ให้มีความสัมพันธก์ บั เรือง ทเี ขยี น ๔. การเขยี นคํานําด้วยการเล่าเรือง ๕. การเขยี นคํานําดว้ ยคาํ ถามหรอื ปญหาที น่าสนใจ ๖. การเขียนคํานําดว้ ยการอธิบายชือเรือง ๗. การเขยี นคาํ นําด้วยการกลา่ วถึงจุดประสงค์ ของเรอื งทเี ขยี น ๘. การเขยี นคํานําด้วยการกล่าวถงึ ความสาํ คญั ของเรืองทีเขียน

๒๑ สิงทคี วรหลกี เลยี ง ในการเขียนคาํ นําคอื ๑. ไมค่ วนนําประวัตศิ าสตร์ทรี ้จู ักกันดแี ลว้ มา เปนคาํ นํา ๒. ไมค่ วรอธิบายฟงุ ซา่ นโดยไมม่ ีจดุ มงุ่ หมาย ของเรอื ง ๓. ไม่ควรขึนคาํ นําด้วยคาํ บอกเลา่ อันเกินควร

๒๒ บทที ๖ การเขียนยอ่ หนา้ เนือเรือง

๒๓ เนือเรือง เนือเรอื งหรือเนือความ เปนใจความส่วนใหญ่ ของเรอื ง เปนส่วนทยี าวทีสดุ ของเรยี งความและเปน สว่ นสาํ คญั ทสี ดุ ของการเขียนเรยี งความเพราะเปน ส่วนทีเสนอความรู้ คาวมคดิ ความเข้าใจ ทรรศนะ หรือคาวมรู้สึกของผู้เขียนใหแ้ จ่มแจ้ง โดยอาจยก ประสบการณข์ องผเู้ ขยี นมาสนับสนนุ เรืองทเี ขียน นันเอง การเขยี นส่วนของเนือเรืองนีตอ้ งแบ่งสัดส่วน ออกเปนตยอ่ หนา้ ต่าง ๆ หลายย่อหนา้ จะย่หนา้ เมือ ใดนนั ขนึ อย่กู บั การดาํ เนินเรอื งและขนึ อยกู่ บั วา่ เรา ได้เปลยี นหัวขอ้ ทจี ะพูดถงึ อีกหรือไม่ ถ้าเรมิ เปลียน หวั ข้อ พดู ถึงสว่ นอืน ๆ ก็ยอ่ หนา้ ได้

๒๔ เนือเรืองทีดคี วรมลี กั ษณะดังนี ๑. มเี อกภาพ ความคิดสาํ คญั ของแตล่ ะย่อหนา้ ตอ้ งมเี นือหาไปในทศิ ทางเดยี วกบั หัวขอ้ เรือง และไม่กลา่ วนอกเรอื ง ๒. มสี มั พันธภาพ มเี นือหาทเี กียวเนืองสมั พนั ธ์ กัน ตลอดทังเรืองและจดั ลําดบั ยอ่ หนา้ อย่างมี ระเบยี บ รวมทังต้องมีการเรียบเรยี งดว้ ยคําเชอื มที เหมาะสม ๓. มสี ารัตถภาพ ตอ้ งมีเนือหาสาระสมบรู ณ์ ตลอดทงั เรือง โดยในแตล่ ะย่อหนา้ ควรจะตอ้ ง เขยี นประโยคใจความสาํ คญั ให้ชดั เจนและต้องมี ประโยคขยายความทมี ีนําหนักน่าเชือถอื ถูกต้อง ตามข้อเท็จจริง

๒๕ บทที ๗ การเขียนย่อหนา้ สรปุ

๒๖ สรุป การเขยี นย่อหนา้ สรปุ เปนการเขียนในขันตอน สดุ ท้ายของเรียงความ เปนสว่ นสดุ ทา้ ยของเรียง ความ ทีผู้เขียนจะเนน้ ความรู้ ความคิดหลัก หรอื ประเด็นสําคญั ของเรืองทเี ขยี นอกี ครงั หนึง การสรุป นบั วา่ มีสว่ นสําคัญเทา่ กบั คํานํา เพราะเปนสว่ นชว่ ย เสริมให้เรียงความมคี ณุ คา่ ขนึ การสรปุ ควรมีเนือหา สอดคลอ้ งกับคาํ นํา และประเด็นของเรอื ง ย่อหนา้ สรปุ ไมค่ วรยาวแตใ่ ห้มใี จความกระชับ วธิ ีการสรปุ มหี ลายวธิ ี เชน่ - การฝากขอ้ คิดเหน็ - การสรปุ สาระสําคัญทผี ้อู ่านควรทราบ - การลงท้ายด้วยคาํ คมหรอื สภุ าษติ - การลงท้ายเพอื เปนการตอบคาํ ถามในคํานํา การเขยี นคาํ ลงท้ายตอ้ งทาํ ให้ผูอ้ ่านเกิดความ สนกุ เพลิดเพลนิ ไดค้ วามคดิ ทีแปลกใหม่ อา่ นแลว้ เข้าใจเรืองราวทงั หมด หรอื เกดิ ความประทบั ใจ

๒๗ บทที ๘ ขันตอน การเขยี นเรียงความ

๒๘ ขันตอนการเขียนเรียงความ ๑. การเลอื กเรืองโดยทวั ไปครูมักกําหนดหัวข้อ เรืองใหน้ กั เรียนเขียนเรียงความแตถ่ า้ หาก นกั เรียนจะต้องเปนผู้เลอื กเรืองเองแล้ว นักเรียนควร จะเลอื กเรืองตามความชอบหรือความถนดั ของ ตน ไมค่ วรเลือกเรียงทียากจนเกินไป หรอื หาข้อมูล ไมไ่ ด้เพียงพอ ๒. การค้นควา้ หาข้อมลู อาจทพไดโ้ ดยการ คน้ คว้าจากหนังสอื นิตยสาร วารสาร หรือสอื อนื ๆ เชน่ วิทยุ โทรทัศน์ และอินเทอร์เนต็ เปนต้น ๓. การวางโครงรา่ ง เมือไดห้ วั ขอ้ เรอื งทจี ะเขียน เรยี งความแลว้ ผูเ้ ขียนจะตอ้ งวางโครงเรือง โดยคาํ นึงถงึ การจัดลําดบั หัวข้อเรอื งทจี ะเขยี นให้ สมั พันธต์ อ่ เนืองกัน เชน่

๒๙ ขนั ตอนการเขยี นเรยี งความ (ต่อ) - การจดั ลําดบั หวั ขอ้ ตามเวลาทเี กดิ เชน่ หาก จะเขียนเรอื งการทดลองทางวทิ ยาศาสตร์ควรเริม จาก การเตรียมอุปกรณ์ ขนั ตอนการทดลอง และ สรุปผลการทดลอง เปนตน้ - การจดั ลาํ ดับหวั ขอ้ จากหน่วยเลก็ ไปสู่หน่วย ใหญ่ เชน่ หากจะเขียนเรอื งสถาบันทางสงั คมควร เรมิ จาก สถาบนั ครอบครวั สถาบนั การศึกษา และ สถาบันศาสนา เปนตน้ - การจัดลําดับตามความนิยม เช่น หากจะ เขยี นเรืองพระรตั นตรัย ควรเรมิ จากพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เปนต้น ๔. การเรยี บเรียงตามรปู แบบของเรยี งความ คือการเขยี นคํานํา เนือเรือง และสรุป

แบบทดสอบหลังเรยี น HTTPS://FORMS.GLE/YY632YQFWZXQKYVU9

บรรณานกุ รม ศึกษาธิการ , กระทรวง. หนงั สอื เรียนภาษาไทย ชุดทักษะพฒั นา เลม่ ๒. กรงุ เทพฯ :คุรสุ ภาลาดพรา้ ว , ๒๕๓๑. ฐะปะนีย์ นาครทรรพ. การประพนั ธ์ ท.๐๔๑. กรุงเทพฯ : อกั ษรเจริทศั น์ , ๒๕๑๙. ภาสกร เกดิ ออ่ น. ภาษาไทย ม.5.กรงุ เทพฯ : อักษรเจริญทัศน,์ ๒๕๔๘.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook