ระบบเศรษฐกิจของประเทศจีน เสนอ อ.จันทนา ลัยวรรณา จดั ทาโดย นางสาวดลฤดี แพทยป์ ระทุม เลขที่ 10 ระดบั ช้นั ปวช. 2/1 สาขาวิชา คอมพวิ เตอร์ธรุ กจิ ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2562 วิทยาลยั เทคนคิ จันทบรุ ี
คำนำ รำยงำนเลม่ น้จี ัดทำขึน้ เพื่อประกอบกำรศึกษำวชิ ำ เศรษฐศำสตร์เบอ้ื งต้น ของ ปวช.2 เพอ่ื ให้ได้ศกึ ษำเกย่ี วกบั ระบบเศรษฐกจิ ตำ่ งๆ ของประเทศจีน และไดศ้ ึกษำอยำ่ ง เขำ้ ใจเพอ่ื เปน็ ประโยชนแ์ กก่ ำรเรียน ผู้จัดทำหวังวำ่ รำยงำนเลม่ นี้จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ ผ้ทู ่ีกำลังหำข้อมูลเรื่องน้ีอย่หู ำกมี ขอ้ แนะนำหรอื ขอ้ ผิดพลำดประกำรใด ผู้จดั ทำต้องขออภยั มำ ณ ท่นี ี้ดว้ ย นำงสำว ดลฤดี แพทยป์ ระทุม ผู้จัดทำ
สำรบญั หนำ้ ก เร่ือง ข คำนำ 1-2 สำรบญั 3-6 ระบบเศรษฐกิจจนี 7-9 เศรษฐกจิ จนี กอ่ นกำรปฏริ ูป ปญหำควำมไมสมดุลทำงเศรษฐกจิ ของจนี 10-14 เศรษฐกิจจีนปี 2019 ควำมทำ้ ทำยจำกนโยบำยกำรค้ำสหรัฐ สรปุ พัฒนำกำรเศรษฐกจิ ของจีน 15 บรรณำนุกรม
1 ระบบเศรษฐกิจจีน เศรษฐกิจจนี เป็นเศรษฐกิจแบบตลำดสงั คมนิยม เปน็ เศรษฐกจิ ใหญส่ ุดอนั ดับสองของโลก ตำมจีดพี รี ำคำตลำด และเศรษฐกิจใหญ่สดุ ของโลกตำมควำมเท่ำเทียมของอำนำจซ้ือ (PPP) จำก ข้อมลู ของกองทนุ กำรเงนิ ระหวำ่ งประเทศ (IMF) ประเทศจีนเปน็ เศรษฐกจิ ใหญเ่ ติบโตเรว็ สดุ ของ โลกก่อนปี 2558 โดยมีอตั รำกำรเติบโตโดยเฉล่ีย 10% ในช่วงกวำ่ 30 ปี เน่ืองจำกขอ้ เทจ็ จริงทำง ประวัตศิ ำสตร์และกำรเมอื งของเศรษฐกจิ กำลังพัฒนำของจนี ภำครัฐของจนี จึงมสี ัดสว่ นเศรษฐกจิ ของประเทศมำกกว่ำภำคเอกชนทกี่ ำลงั เฟอ่ื งฟู สำหรับรำยไดต้ ่อหัวนัน้ ประเทศจนี อย่ใู นอันดับท่ี 71 ตำมจดี พี ี (รำคำตลำด) และท่ี 78 ตำมจีดีพี (PPP) ในปี 2559 จำกข้อมูลของ IMF ประเทศจนี มที รพั ยำกรธรรมชำติประเมนิ มลู คำ่ 23 ลำ้ นล้ำนดอลลำรส์ หรัฐ ซึ่งจำนวนนกี้ ว่ำ 90% เปน็ ถำ่ น หนิ และโลหะหำยำก ประเทศจนี เปน็ เศรษฐกจิ กำรผลิตและผสู้ ง่ สินค้ำออกรำยใหญ่สุดของโลก มกั ไดร้ ับขนำน นำมเป็น \"โรงงำนของโลก\" ประเทศจนี ยังเปน็ ตลำดผูบ้ ริโภคเติบโตเรว็ สดุ ของโลก และผูน้ ำ สินคำ้ เข้ำรำยใหญ่สดุ อันดับสองของโลก ประเทศจนี เป็นผู้นำเขำ้ สุทธิซ่ึงผลติ ภณั ฑบ์ ริกำร ในปี 2559 ประเทศจีนเปน็ ประเทศกำรคำ้ ใหญ่สุดอนั ดับสองของโลกและมีบทบำทเด่นในกำรค้ำ ระหวำ่ งประเทศ และเข้ำร่วมองค์กำรและสนธิสญั ญำกำรคำ้ เพิม่ ขึ้นในปหี ลัง ๆ ประเทศจีนเปน็ สมำชิกองค์กำรกำรค้ำโลกในปี 2544 ประเทศจีนยังมีควำมตกลงกำรคำ้ เสรีกบั หลำยชำติ รวมทง้ั อำเซยี น ออสเตรเลีย นวิ ซีแลนด์ ปำกีสถำน เกำหลใี ต้และสวสิ เซอรแ์ ลนด์ มณฑลในแถบชำยฝั่ง ของจนี มแี นวโนม้ กลำยเป็นอตุ สำหกรรมมำกขน้ึ ส่วนบรเิ วณในแผน่ ดนิ ยังด้อยพัฒนำกว่ำ เพ่ือเล่ียงคำ่ ใช้จ่ำยทำงสงั คมและเศรษฐกจิ ระยะยำวของมลภำวะส่งิ แวดลอ้ มในประเทศจนี นโิ คลัส สเทิร์นและเฟอรก์ ัส กรนี แห่งสถำบนั วิจัยแกรนแธมวำ่ ด้วยกำรเปล่ียนแปลงภมู ิอำกำศและ สิ่งแวดล้อม (Grantham Research Institute on Climate Change and the Environment) แนะนำว่ำ เศรษฐกิจจีนควรเปล่ียนเป็นกำรพฒั นำอตุ สำหกรรมก้ำวหน้ำท่ีมกี ำรปลดปล่อยคำร์บอน ตำ่ ไฮเทคท่ีมกี ำรจัดสรรทรัพยำกรของชำตไิ ปยงั นวตั กรรมและกำรวิจยั และพฒั นำสำหรับกำร เตบิ โตทำงเศรษฐกิจอยำ่ งย่งั ยืนให้ดีข้นึ เพื่อผลกระทบของอตุ สำหกรรมหนักของจีน ซง่ึ สอดคลอ้ ง กับเปำ้ หมำยกำรวำงแผนของรัฐบำลกลำง ฝันจีนของสี จิ้นผิง อธิบำยว่ำบรรลุ \"สองรอ้ ย\" คอื เป้ำหมำยของจีนทำงวัตถใุ ห้กลำยเปน็ \"สังคมกนิ ดีอยู่ดปี ำนกลำง\" ภำยในปี 2564 ซึ่งปีครบรอบ
2 100 ปพี รรคคอมมวิ นิสต์จีน และเป้ำหมำยกำรทำให้จีนทันสมยั เป็นประเทศพัฒนำแลว้ อย่ำง สมบูรณ์ในปี 2592 ซ่ึงเปน็ ปที ่ี 100 ของกำรกอ่ ตัง้ สำธำรณรฐั ประชำชน สำกลววิ ฒั น์ของเศรษฐกิจจีนยงั มผี ลกระทบตอ่ กำรพยำกรณ์เศรษฐกิจปรับเป็นมำตรฐำนซง่ึ ดัชนีผจู้ ดั กำรซอ้ื ออกในประเทศจนี อยำ่ งเป็นทำงกำรในปี 2543 ตอ่ มำในปี 2549 ประเทศจีนเปน็ ประเทศในทวปี เอเชยี ประเทศเดยี วทีม่ ีจีดพี ี (PPP) เกิน 10 ลำ้ นล้ำนดอลลำรส์ หรัฐ (รว่ มกับสหรัฐ และสหภำพยโุ รป) ในปี 2558 ประเทศจีนเปน็ ประเทศแรกทมี่ ีจีดีพี (PPP) เกิน 20 ลำ้ นล้ำน ดอลลำรส์ หรัฐ เมือ่ เศรษฐกจิ จนี เติบโต เงินตรำเหรนิ หมินป้ีของจีนกเ็ ติบโตดว้ ย ซ่ึงผ่ำน กระบวนกำรทจ่ี ำเปน็ สำหรบั สำกลวิวฒั น์ ประเทศจีนริเริม่ กำรกอ่ ต้ังธนำคำรเพ่อื กำรลงทนุ โครงสร้ำงพนื้ ฐำนเอเชยี ในปี 2558 กำรพัฒนำเศรษฐกจิ ของเซินเจิ้นถกู เรยี กว่ำเปน็ ซิลิคอนแวลลยี ์ แหง่ ถัดไปของโลก
3 เศรษฐกิจจีนก่อนการปฏิรูป ชว่ งปี 1953-1377 กำรเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกจิ ของจนี เรมิ่ ตนภำยหลังสงครำมกลำงเมืองเมือ่ ป 1949 ซึ่ง พรรคคอมมิวนิสตจนี ไดรับชยั ชนะเหนือพรรคกกมนิ ตัง๋ ทเี่ ปนฝำยรัฐบำลในขณะน้นั สงผลใหนำย เหมำ เจอ ตุง ผูนำพรรคคอมมวิ นสิ ตจีนประกำศสถำปนำสำธำรณรฐั ประชำชนจีนขึน้ เมอ่ื วนั ท่ี 1 ตุลำคม 1949 โดยเขำรบั ตำแหนงประธำนำธิบดคี นแรกของสำธำรณรัฐประชำชนจีน และเปลีย่ น รูปแบบกำรปกครองจำกระบอบสำธำรณรัฐประชำธิปไตยเปนระบอบสงั คมนยิ มหรอื คอมมวิ นิสต จีนเริม่ พฒั นำระบบเศรษฐกจิ แบบรวมศนู ย และมแี ผนพัฒนำเศรษฐกิจ 5 ป ฉบับแรก เมือ่ ป 1953 ซง่ึ มตี นแบบจำกระบบเศรษฐกจิ ของสหภำพโซเวียตท่ีรัฐเปนเจำของกจิ กำร และทำ หนำทจ่ี ัดสรรปจจยั กำรผลิตทกุ ประเภท กำรพฒั นำเศรษฐกจิ ภำยใตแผนพัฒนำฉบับแรกน้ีเนนกำร พัฒนำอตุ สำหกรรมหนกั โดยเฉพำะเหลก็ เปนหลกั โดยในระยะแรกจนี ไดรบั ควำมชวยเหลอื จำก สหภำพโซเวียตทั้งดำนเทคโนโลยแี ละเงินทุนเศรษฐกิจจีนในระยะแรกมีควำมผันผวนคอนขำงมำก เนื่องจำกประสบปญหำกำรขำดแคลนอำหำรบอยคร้ังจำกกำรที่ผูผลติ ขำดแรงจูงใจในกำรผลติ และ กำรเรงรัดพฒั นำภำคอตุ สำหกรรม โดยเฉพำะในชวงแผนพัฒนำเศรษฐกจิ 5 ป ฉบับที่ 2 (1958 - 1962) ประธำนำธิบดเี หมำ เจอ ตุง ไดประกำศนโยบำย “กำวกระโดดไกล )The Great Leap Forward)” โดยมีวตั ถุประสงคเพอื่ เรงรัดกำรพฒั นำเพือ่ ใหจนี เปนประเทศสังคมนิยมที่ทนั สมัย ในชวงเวลำดังกลำวรฐั บำลต้ังเปำเพ่ิมผลผลิตเหลก็ ใหมำกกวำเดิม 2 เทำ ดงั นัน้ จึงมีกำรเกณฑ แรงงำนจำกภำคเกษตรเขำสูภำคอุตสำหกรรมมำกขึ้น ทำใหผลผลติ ทำงกำรเกษตรไมเพยี งพอกับ ควำมตองกำร3 เศรษฐกจิ ถดถอยมำก ทำใหรัฐบำลตองปรบั นโยบำยเปนมงุ ผลผลติ ทำงกำรเกษตร ในป 1961 ภำยหลงั กำรปรบั นโยบำย ผลผลติ อำหำรและกำรขยำยตวั ทำงเศรษฐกิจเรม่ิ ปรบั เขำสู ภำวะปกติ อยำงไรกต็ ำมปญหำควำมขัดแยงทำงกำรเมืองในชวง “ปฏิวัติวฒั นธรรม )Cultural Revolution: 1966 - 1976)”5 ทำใหกำรขยำยตัวของเศรษฐกจิ จีนไมรำบรื่นนัก
4 ช่วงปี 1978 - 2000 ควำมลมเหลวของนโยบำย “กำวกระโดดไกล” และ “กำรปฏิวัติวฒั นธรรม” ทำใหควำม เช่อื มัน่ ของประชำชนทมี่ ีตอรฐั บำลลดลง และควำมสำเรจ็ ของกำรพัฒนำเศรษฐกจิ ของประเทศ เอเชียอื่นๆ ท่ใี ชระบบเศรษฐกจิ ตลำด เชน เกำหลีใต ไตหวัน สงิ คโปรและฮองกง เปนตัวอยำงใหรฐั บำลและประชำชนจีนเห็นวำระบบเศรษฐกิจแบบตลำดมปี ระสทิ ธภิ ำพกวำระบบ เศรษฐกจิ แบบรวมศูนย์เมื่อกำรเมอื งเรม่ิ มีเสถียรภำพภำยหลงั กำรเสยี ชีวิตของประธำนำธิบดีเหมำ เจอ ตงุ นำยเตง้ิ เสย่ี วผงิ ผูนำจนี รนุ ตอมำไดเร่ิมปฏริ ูปเศรษฐกจิ จำกระบบเศรษฐกจิ แบบรวมศนู ย ไปสูระบบเศรษฐกิจแบบตลำดตำมแนวนโยบำย “สที่ นั สมัย )Four Modernizations)”7 ควบคู กับกำรเปดประเทศ )Open Door Policy) โดยเริม่ ปฏิรปู ในภำคเกษตร เพอ่ื แกปญหำอำหำรขำด แคลนซง่ึ เปนปญหำหลักในขณะนัน้ ตอมำจงึ เรมิ่ ปฏิรปู ภำคเศรษฐกจิ สำคัญอืน่ โดยมีรำยละเอียด ดังนี้ 1. การปฏิรูปภาคเกษตร กอนกำรปฏิรปู รฐั บำลกำหนดใหเกษตรกรตองขำยผลผลิตทั้งหมดใหกับรัฐบำลภำยใตระบบนำ รวม(Commune System) ในรำคำท่ที ำงกำรควบคุมซึง่ กำหนดไวํต่ำมำก ทำใหเกษตรกรขำด แรงจงู ใจในกำรผลติ และกอใหเกิดปญหำอำหำรขำดแคลน ดังนน้ั รัฐบำลจึงไดยกเลิกระบบดงั กล ำว และเปลยี่ นมำใชระบบ “ควำมรบั ผิดชอบของครัวเรือน )The Household Responsibility System)” แทน โดยเริม่ จำกกำรมอบสิทธิกำรใชทด่ี นิ ใหแกเกษตรกรภำยใตสัญญำเชำระยะยำว และกำหนดใหเกษตรกรขำยผลผลิตจำนวนหนึ่งใหกับรัฐบำลในรำคำควบคมุ เปนคำเชำทด่ี ิน8 สวน ผลผลิตทเ่ี หลือเกษตรกรสำมำรถเก็บไวบริโภคเองหรือนำไปขำยตอไดตำมรำคำตลำดเพอื่ เปนกำร เพม่ิ แรงจงู ใจใหแกเกษตรกร นอกจำกน้ี ยงั ยกเลิกกำรจดั เกบ็ ภำษสี ินคำเกษตรและอนุญำตใหมี กำรทำปศุสตั วได9 ระบบดงั กลำวประสบควำมสำเร็จมำกเพรำะทำใหผลผลติ อำหำรเพม่ิ ข้ึนมำก และสำมำรถแกปญหำอำหำรขำดแคลนได นอกจำกน้ี ยังชวยใหรำยไดของประชำชนโดยเฉพำะใน ชนบทเพ่มิ ข้นึ มำก
5 2. การปฏริ ปู ระบบราคา กำรปฏริ ปู ระบบรำคำมีควำมสำคัญมำกตอกำรเปลย่ี นแปลงจำกระบบเศรษฐกิจแบบ รวมศูนยไปเปนระบบเศรษฐกิจแบบตลำด เพรำะทำใหผูผลติ มแี รงจูงใจในกำรผลิต กอใหเกิดกำร แขงขันและพัฒนำประสิทธิภำพในกำรผลิต ตลอดจนทำใหกำรจดั สรรทรพั ยำกรเปนไปอยำงมี ประสทิ ธิภำพมำกข้นึ ดังน้ัน จีนจึงไดใหควำมสำคญั กับกำรปฏิรปู ระบบรำคำโดยเริม่ ปฏิรปู ระบบรำคำในภำค เกษตรกอนโดยในชวงป 1978 – 1984 รัฐบำลปรับขึน้ รำคำรับซือ้ ผลผลติ สินคำเกษตร รำคำ) ร (ควบคุมอยละ 15-50และเร่ิมนำระบบสองรำคำ )Dual-Price System) มำใชซ่งึ ประกอบดวย 1)รำคำควบคุมของทำงกำร และ 2) รำคำตลำด โดยมีวัตถุประสงคเพอ่ื เพม่ิ แรงจูงใจของผูผลติ และเพอ่ื ปองกนั ไมใหระบบเศรษฐกิจไดรบั ผลกระทบมำกเกินไป เพรำะหำกยกเลกิ ระบบควบคมุ รำคำทันที อำจทำใหเกดิ ปญหำอตั รำเงินเฟอสูง ดังเชนที่เกดิ ข้ึนในอเมริกำใต ยโุ รปตะวนั ออกและรัสเซยี 3. การปฏิรปู ภาคการคลงั กอนกำรปฏิรปู รัฐบำลกลำงทำหนำที่ควบคุมกำรจัดเกบ็ งบประมำณทั้งหมดของประเทศ กลำวคือรฐั บำลทองถิ่นและรัฐวสิ ำหกจิ จะตองนำสงรำยไดจำกภำษีและกำไรทัง้ หมดใหกบั รัฐบำล กลำง โดยรฐั บำลกลำงเปนผตู ัดสินใจจดั สรรงบประมำณใหแตละทองถ่ิน วธิ กี ำรน้ีทำใหรำยรบั และ รำยจำยของแตละทองถ่ินคอนขำงมีควำมสมดุล แตขณะเดยี วกนั กท็ ำใหรัฐบำลทองถ่นิ ไมมี แรงจูงใจในกำรพฒั นำเศรษฐกิจของตนเอง ในป 1980 รัฐบำลกลำงจึงอนญุ ำตใหรัฐบำลทองถิ่นจดั เกบ็ รำยไดทั้งหมดในทองถ่นิ เอง แต ตองนำสงรำยไดบำงสวนใหกบั รัฐบำลกลำง วธิ นี ี้แมจะทำใหแตละทองถิ่นมแี รงจงู ใจในกำรพัฒนำ เศรษฐกจิ แตกท็ ำใหรำยไดของรัฐบำลกลำงลดลงมำก เน่ืองจำกรฐั บำลกลำงขำดกลไกในกำร ตรวจสอบรฐั บำลทองถ่ิน โดยอตั รำสวนรำยรบั ของรัฐบำลท้งั หมดตอผลิตภัณฑมวลรวมในประเทศ )GDP) ลดลงจำกรอยละ 31 ในป 1978เหลือตำ่ กวำรอยละ 12 ในป 1993 และรำยรบั ของรัฐบำล กลำงตอรำยรับทงั้ หมดลดลงจำกรอยละ 40 ในป 1983เปนรอยละ 22 ในป 1993 ในป 1994 จนี จึงปฏริ ปู ระบบภำษีเพอื่ แกปญหำรำยรับของรฐั บำลกลำงและเพ่อื ทำใหกำร จดั เก็บรำยได
6 ของรฐั บำลทองถนิ่ มีควำมโปรงใส โดยระบบดังกลำวมีสำระสำคญั ดงั น้ี 1) กำหนดโครงสรำงกำร จดั เกบ็ ภำษี และรำยไดทช่ี ัดเจนระหวำงรฐั บำลกลำงและรัฐบำลทองถน่ิ 2) จัดต้ังหนวยงำนท่ที ำหนำทจ่ี ัดเกบ็ รำยไดจำก รฐั บำลทองถน่ิ โดยตรง และ 3) นำระบบสวนแบงทำงภำษี )Shared tax) มำใชเชน กำรจดั เกบ็ ภำษมี ลู คำเพิ่ม (VAT) โดยรำยไดจำกภำษีมูลคำเพ่ิมรอยละ 75 เปนของรัฐบำลกลำง และรอยละ 25 เปนของ รัฐบำลทองถิ่น ช่วงปี2001-ปจจบุ นั หลงั กำรปฏริ ปู เศรษฐกจิ จีนมบี ทบำททำงเศรษฐกิจโลกเพิ่มขน้ึ เปนอยำงมำก โดยเฉพำะด ำนกำรคำระหวำงประเทศซงึ่ จดุ เปลยี่ นสำคัญท่ีทำใหจีนประสบควำมสำเรจ็ คอื กำรทจ่ี นี เขำเป นสมำชกิ ขององคกำรกำรคำโลก )World TradeOrganization: WTO) ในป 2017 และกลำยเป นศนู ยกลำงฐำนกำรผลิตเพื่อกำรสงออกของประเทศในภมู ภิ ำคเอเชีย โดยสัดสวนกำรสงออกของ จนี ตอกำรสงออกรวมของโลกเรงข้นึ จำกรอยละ 4.3 ในป 2001เปนรอยละ 9.6 ในป 2009 และปจจุบนั จีนเปนประเทศทม่ี มี ูลคำกำรสงออกเปนอันดบั 1 ของโลก ดำนกำรลงทุน มลู คำกำรลงทนุ โดยตรงของจีนในตำงประเทศ )Outbound direct investment: ODI)เพมิ่ ขึ้นจำก 2.7 พนั ลำนดอลลำร สรอ ในป .2002 เปน 56.5 พนั ลำนดอลลำร สรอ ในป .2009 หรือเพ่มิ ข้นึ ถงึ 21 เทำ และปจจุบันจีนเปนประเทศทมี่ ีกำรลงทุนในตำงประเทศ มำกที่สุดเปนอนั ดับ 5 ของโลก18 ซงึ่ สวนใหญเปนกำรลงทนุ ในภมู ิภำคเอเชียถึงรอยละ 71 (China Daily, 2010) นอกจำกนี้ จนี ยังผลักดันใหเงินหยวนมีบทบำททำงเศรษฐกจิ โลกเพมิ่ ขึ้น โดยสงเสรมิ ใหมี กำรใชเงนิ หยวนในกำรชำระสินคำและบรกิ ำรระหวำงประเทศเพ่ิมขึ้น และทำขอตกลงแลกเปลยี่ น เงินตรำตำงประเทศ(Bilateral local currency swap) กับธนำคำรกลำงประเทศตำงๆ 8 ประเทศ เพ่อื สงเสริมกำรคำและกำรลงทุนระหวำงประเทศ
7 ปญหาความไมสมดุลทางเศรษฐกิจของจีน (Unbalanced growth) แมกำรปฏิรูปเศรษฐกิจจะทำใหเศรษฐกิจจีนเติบโตในระดับสูงอยำงตอเนื่อง แตกำรเตบิ โต นีม้ ีลกั ษณะไมสมดลุ )Unbalanced growth) มำกขน้ึ กลำวคอื กำรบรโิ ภคมีบทบำทลดลง ขณะท่ี กำรลงทุนและกำรสงออกมบี ทบำทเพ่ิมขน้ึ มำก โดยสัดสวนกำรบรโิ ภคตอ GDP ลดลงตอเนื่อจำกร อยละ 47 ในป 2000 เปนรอยละ 36 ในป 2009 ขณะทสี่ ัดสวนกำรลงทนุ และสดั สวนกำรสงออกตอ GDP เพิ่มสงู ขึ้นตอเนื่อง จำกรอยละ 34 และรอยละ 24 ในป 2000 เปนรอยละ 49 และรอยละ 28 ในป 2009 ตำมลำดบั นำยกรัฐมนตรีเหวิน เจยี เปำผูนำจีนยอมรับวำเศรษฐกิจจนี มีควำมไมสมดลุ ซง่ึ อำจนำไปสู กำรพัฒนำที่ไมยั่งยนื )Jiabao, 2007) นอกจำกน้ี นักวชิ ำกำรบำงสวนยงั เหน็ วำควำมไมสมดลุ ของ เศรษฐกิจจีนนั้นอำจเปนสำเหตทุ ำใหเกดิ ควำมไมสมดุลของเศรษฐกิจกำรเงินโลก )Global Imbalance)19 โดยปจจัยสำคญั ทีท่ ำใหเศรษฐกจิ จีนมคี วำมไมสมดุลมี 4 ปจจยั ดงั น้ี 1. แรงจงู ใจทางการเมอื ง ในอดตี ปญหำควำมไมสงบภำยในประเทศสวนหนงึ่ เกิดจำกภำวะเศรษฐกจิ ตกต่ำ ทำให แรงงำนทไี่ มมงี ำนทำออกมำประทวงและกอจลำจล ซ่ึงเปนภัยตอควำมมัน่ คงของจนี ดังนนั้ เพื่อ หลีกเล่ียงปญหำดังกลำวจีนจงึ พยำยำมรกั ษำกำรขยำยตวั ทำงเศรษฐกจิ ใหอยใู นระดบั สงู โดยมี เครอ่ื งมอื หลักคอื กำรลงทุนของภำครัฐโดยเฉพำะกำรลงทุนในโครงสรำงพนื้ ฐำน 2. อัตราการออมสงู แมกำรออมจะมีบทบำทสำคญั ตอกำรพัฒนำเศรษฐกจิ ของประเทศกำลังพฒั นำเชนจนี แต กำรออมที่สงู เกินไปน้นั อำจหมำยถึงกำรบริโภคที่คอนขำงตำ่ โดยจีนเปนหน่ึงในประเทศท่มี ีอัตร กำรออมสงู ที่สดุ ในโลก ซึง่ สวนใหญเกดิ จำกปญหำเชิงโครงสรำงท่ีสำคญั เชน -การขาดระบบสวัสดกิ ารสงั คมท่เี หมาะสม เชน กำรรกั ษำพยำบำล และกำรศึกษำท่มี คี ำใชจำ ยสงู และไมทวั่ ถึง ทำใหกำรออมเพ่อื ใชจำยในยำมฉกุ เฉนิ อยใู นระดบั สงู นอกจำกนีร้ ะบบ ประกันสงั คมท่กี ำหนดใหแรงงำนตองจำยเงนิ สมทบ )Social contribution rate) ในอัตรำสูง ถึงรอยละ 40 ของคำจำง (IMF, 2010 หนำ 22) เปนอีกสำเหตุหน่งึ ที่ทำใหแรงงำนจนี มรี ำยไดเพอ่ื ใชจำยในกำรบรโิ ภค )Disposable income) คอนขำงตำ่
8 -การเขาถงึ สินเชือ่ ของประชาชนยังไมทว่ั ถงึ เนื่องจำกธนำคำรพำณิชยในจีนสวนใหญมกั ปลอย สนิ เช่ือใหกบั ธุรกจิ ขนำดใหญและรฐั วิสำหกิจมำกกวำประชำชนท่ัวไป เพรำะมีควำมเส่ียงตำ่ และ รฐั บำลอำจใหควำมชวยเหลอื หำกเกิดปญหำผดิ นัดชำระหน้ี -ระบบการเงนิ ยังไมพัฒนา ทำใหประชำชนมีชองทำงในกำรลงทนุ นอย สวนใหญจงึ ตองฝำกเงนิ ไว กับธนำคำรพำณิชยซ่ึงไดรบั ดอกเบ้ียต่ำ เนื่องจำกจีนมกี ำรกำหนดเพดำนอตั รำดอกเบย้ี เงนิ ฝำก โดยหำมธนำคำรพำณชิ ยจำยอตั รำดอกเบ้ียเงนิ ฝำกใหกบั ผฝู ำกสูงกวำอัตรำดอกเบ้ยี เงินฝำกอำงอิง -ภาครัฐขาดรายไดจากรัฐวิสาหกิจ เนื่องจำกรัฐวสิ ำหกจิ สวนใหญทีจ่ ดทะเบียนในตลำด หลกั ทรพั ยมกี ำรจำยเงนิ ปนผลคอนขำ้ งนอย และกำรจำยเงินปนผลสวนใหญไมไดจำยให กระทรวงกำรคลงั โดยตรง แตเปนกำรจำยใหกบั บรษิ ัทแมทไ่ี มไดจดทะเบยี นในตลำดหลกั ทรัพยทำ ใหรำยไดบำงสวนไมไดถูกนำไปใชในรำยจำยสำธำรณะ )Goldman Sachs, 2009 หนำ 15) - ความไมสมดุลระหวางเพศชายและหญงิ (Gender imbalance) จำกนโยบำยลกู คนเดยี ว (One-child policy) ทำใหมจี ำนวนประชำกรเพศชำยสงู กวำเพศหญิงมำก สงผลใหประชำกรเพศ ชำยตองเก็บออมสงู เพอ่ื เพ่ิมโอกำสในกำรหำคูครอง 3. ตนทนุ ในการลงทุนต่า แมจีนจะมีกฏหมำยดำนสิง่ แวดลอมที่คอนขำงเขมงวด แตยังขำดกำรบงั คบั ใชในทำงปฏิบัติ โดยเฉพำะในระดับรฐั บำลทองถ่นิ ทพี่ ่ึงพำรำยไดจำกกำรขำยท่ดี นิ กำรออกใบอนญุ ำตตำงๆใหกบั โรงงำนอตุ สำหกรรม ทำใหไมสะทอนตนทุนของกำรลงทนุ ที่แทจริง นอกจำกนจ้ี นี ยังเปนประเทศทม่ี คี ำจำงคอนขำงต่ำเมือ่ เทยี บกับประเทศอ่ืน แมวำอัตรำคำจำงจะขยำยตัวเฉลี่ยรอยละ 15 ตอป นับต้ังแตป 2000 เปนตนมำ
9 4. นโยบายอัตราแลกเปลีย่ น กำรปรับเปล่ียนนโยบำยอัตรำแลกเปลยี่ นแตละครงั้ เปนไปอยำงคอยเปนคอยไป และสอด คลองกับภำวะเศรษฐกจิ แมในระยะหลังจนี จะยอมใหอตั รำแลกเปล่ยี นเคล่ือนไหวไดยดื หยนุ มำก ขนึ้ จำกทเี่ คยใชระบบอัตรำแลกเปล่ียนแบบคงท่ี กเ็ ปล่ยี นมำใชระบบอตั รำแลกเปลี่ยนแบบ ลอยตัวภำยใตกำรจดั กำรตง้ั แตป 2005เปนตนมำ โดยปจจบุ ันอตั รำแลกเปลย่ี นของจีนคอยๆ แข็งคำข้นึ จำกป 2005 ประมำณรอยละ 22 และมแี นวโนมคอยๆ แข็งคำตอเนื่อง จำกปจจยั พนื้ ฐำนทำงเศรษฐกิจจีนท่ีแขง็ แกรง อยำงไรกต็ ำม มีขอสังเกตวำในชวงทเี่ ศรษฐกิจกำรเงินโลกมี ควำมผันผวน จีนมกั ดำเนินนโยบำยอัตรำแลกเปลี่ยนคงที่ เพ่ือรักษำเสถียรภำพของระบบกำรเงิน เชน วกิ ฤตเศรษฐกจิ เอเชยี ในป 1997 ที่ประเทศในภูมิภำคเอเชยี สวนใหญปรับลดคำเงิน แตจนี กลับคงอตั รำแลกเปล่ยี นท่ี 8.28 หยวนตอดอลลำร สรอ และวิกฤตเศรษฐกจิ โลกป .2008 จีนกค็ ง อัตรำแลกเปลยี่ นท่ี 6.83 หยวนตอดอลลำร ขณะท่ีค่ำของประเทศอ่นื ในภมู ิภำคเอเชียออนคำลง มำกจำกปญหำเงินทนุ ไหลออก จำกควำมไมสมดลุ )Unbalanced growth) ดังกลำว ทำใหในแผนพัฒนำเศรษฐกิจ 5 ป ฉบับปจจบุ นั (ฉบบั ที่ 11: 2006-2010) ของจีนเนนกำรปรบั สมดลุ เศรษฐกิจผำนกำรดำเนิน มำตรกำรตำงๆ เชน กำรปฏริ ูประบบประกนั สงั คม กำรปฏิรูประบบรักษำพยำบำลและกำรศกึ ษำ กำรจดั ตงั้ บริษทั สนิ เชอ่ื ผูบริโภค(Consumerfinance company) กำรสรำงงำนในชนบท และสงเสริมกำรขยำยตวั ของเมอื ง )Urbanization) รวมถึงกำรพฒั นำปรบั ปรุงประสทิ ธิภำพกำร ผลติ ในอุตสำหกรรมท่กี อมลพิษสงู เปนตน เพ่ือเพมิ่ กำรบรโิ ภคในประเทศ และเพื่อใหเศรษฐกจิ เติบโตอยำงยง่ั ยืน และคำดวำมำตรกำรดังกลำวจะดำเนนิ กำรตอเนอื่ งใน แผนพัฒนำเศรษฐกิจ 5 ปฉบับที่ 12 (2011-2015)
10 เศรษฐกิจจนี ปี 2019 ความท้าทายจากนโยบายการค้าสหรฐั ในขณะท่ปี ระเทศจีนพยำยำมทำใหป้ ระชำคมโลกเห็นควำมเป็นผู้นำในกำรขับเคลอื่ น นโยบำยเศรษฐกิจระหวำ่ งประเทศ เช่น ควำมร่วมมือ RCEP และโครงกำร Belt and Road Initiative (BRI) เปน็ ต้น ซ่ึงทำใหจ้ ีนมีอิทธิพลกับประเทศขนำดเล็กตำ่ ง ๆ มำกขึ้นในฐำนะคูค่ ำ้ หรือผูล้ งทุนรำยใหญ่น้นั จีนเองกลับโดนท้ำทำยอย่ำงมำกจำกนโยบำยกำรคำ้ ของสหรัฐ ซง่ึ เปน็ คู่ ค้ำรำยใหญข่ องตน สงครำมกำรคำ้ ไดเ้ กิดข้ึนระหว่ำงเศรษฐกิจใหญอ่ ันดับหนงึ่ กับอันดับสองของ โลก และสง่ ผลใหเ้ ศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงอยำ่ งชดั เจนนบั ตง้ั แต่ครง่ึ หลงั ของปี 2018 เปน็ ต้น มำ คำถำมทตี่ ำมมำคือกำรชะลอตวั ของเศรษฐกจิ จีนครงั้ นม้ี ลี กั ษณะอยำ่ งไร และธรุ กิจไทย ควรเตรียมรับมอื อย่ำงไรในมมุ มองของผ้เู ขยี น กำรชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนคร้งั น้มี ีองค์ประกอบ สำคัญ คือ ควำมเช่อื ม่นั ทั้งควำมเชือ่ มั่นของภำคธุรกิจทจ่ี ะขยำยกำรลงทนุ และควำมเชอ่ื มั่นของ ผู้บรโิ ภคที่จะจบั จ่ำยใช้สอย สำเหตุที่มองไปที่เรือ่ งควำมเช่ือมั่น เน่ืองจำกเปน็ ครั้งแรกที่จีนต้องเจอ กับกำรท้ำทำยจำกค่คู ้ำทอ่ี ำจมอี ำนำจต่อรองมำกกว่ำ และอำจมีควำมไดเ้ ปรยี บมำกกวำ่ ในบำงมติ ิ เช่น มลู ค่ำกำรนำเข้ำสินค้ำจนี ของสหรัฐท่สี ูงถึงรำว 5 แสนล้ำนดอลลำร์ ในขณะทม่ี ูลคำ่ กำรนำเข้ำ
11 สนิ ค้ำสหรฐั ของจีน มไี ม่ถึง 2 แสนล้ำนดอลลำร์ ซ่ึงเป็นข้อจำกดั ของจนี ทจี่ ะตอบโต้สหรฐั โดยใช้ ภำษี เป็นต้น นอกจำกน้ี ลกั ษณะของสินคำ้ ทจี่ นี ส่งไปสหรัฐเป็นสินค้ำอุตสำหกรรม ซงึ่ กำรชะลอลงของ กำรส่งออกจะส่งผลโดยตรงต่อกำรลงทนุ ของเอกชนและกำรจ้ำงงำน ต่ำงจำกสินคำ้ ที่สหรัฐสง่ ไป จีนท่ีเปน็ สนิ ค้ำเกษตร ซ่งึ กำรชะลอลงนำ่ จะมผี ลกระทบกำรลงทุนเอกชนและกำรจำ้ งงำนคอ่ นข้ำง นอ้ ย ด้วยควำมแตกตำ่ งเหลำ่ น้ี ผู้บรโิ ภคและนกั ธุรกจิ ของจีนจงึ มคี วำมกงั วลค่อนขำ้ งมำกเกี่ยวกับ ควำมมนั่ คงในหนำ้ ทีก่ ำรงำนและอนำคตของรำยได้ ซง่ึ สะท้อนให้เหน็ ในกำรลดลงของดัชนีควำม เชอื่ ม่ันของผู้บรโิ ภค (China Consumer Confidence Index) และของภำคธรุ กจิ (IHS Markit China Business Outlook) สำหรบั ผบู้ ริโภค ควำมกังวลเกีย่ วกบั รำยไดใ้ นอนำคตเร่ิมมผี ลตอ่ กำรใชจ้ ำ่ ยในสินคำ้ ท่ีมี มูลค่ำสงู หรอื ตอ้ งใชส้ นิ เชื่อ เช่น รถยนต์ และบ้ำน เปน็ ตน้ โดยชว่ ง 4 เดอื นสุดท้ำยปี 2018 ยอดขำยรถยนต์ในจนี ลดลงกวำ่ 10% เมอ่ื เทียบกบั ช่วงเดยี วกันของปี 2017 และเนอื่ งจำก ยอดขำยรถยนต์มีสัดส่วนเกอื บ 30% ในยอดค้ำปลีกในประเทศทั้งหมด จึงเป็นเหตใุ หก้ ำรเติบโต ของยอดคำ้ ปลกี ลดลงเหลือแค่ 8% จำกท่ีเคยเติบโตได้ 9-10% ตอนต้นปี ในส่วนของภำคธุรกจิ ภำคกำรผลติ ชะลอตัวลงอยำ่ งชัดเจนต้ังแตช่ ว่ งกลำงปี 2018 โดยสิง่ ทมี่ ีผลกระทบกบั ประเทศไทยคอ่ นขำ้ งมำกคือ กำรลดกำรนำเข้ำสนิ ค้ำเพอ่ื ภำคกำรผลิต ซึ่งนำ่ จะ เป็นกำรท่ีผู้ประกอบกำรในจีนเตรยี มรบั มือกับยอดกำรสง่ ออกที่จะลดลงในระยะตอ่ ไป ซึง่ เป็นกำร คำดกำรณ์ที่ถูกตอ้ งเพรำะยอดส่งออกโดยรวมของจีนหดตัวในเดือนธนั วำคม 2018 ผูเ้ ขยี นมองว่ำสำหรับไตรมำสแรกของปี 2019 น้ี ยงั มคี วำมเส่ียงท่ีควำมตงึ เครียดเกีย่ วกบั สงครำมกำรค้ำจะกดดันควำมเชื่อม่นั ของภำคเอกชนจีนตอ่ ไป แม้ผู้นำของท้ังสองประเทศไดห้ ำรอื กันระหว่ำงกำรประชมุ G20 ทอี่ ำรเ์ จนตนิ ำ เมื่อ 1 ธันวำคม 2018 ทีผ่ ่ำนมำ ทำให้ท้งั สองฝ่ำยหยดุ ตอบโต้ด้วยกำรขนึ้ ภำษสี นิ คำ้ นำเข้ำระหวำ่ งกนั เป็นเวลำ 90 วนั เพ่อื หนั มำเจรจำและหำขอ้ สรปุ ร่วมกนั ให้ไดภ้ ำยใน 1 มีนำคม 2019 กต็ ำม เปำ้ หมำยที่ทำงสหรัฐกำหนดไว้สำหรับช่วง 90 วนั นี้ คอื กำรบรรลุขอ้ ตกลงที่จะมกี ำร เปลย่ี นแปลงเชิงโครงสรำ้ ง ท้ังในด้ำนกำรคำ้ และกำรลงทุน ท่ีจะทำให้สหรัฐลดกำรขำดดลุ กำรค้ำ
12 จำกจีนได้ และสำมำรถเขำ้ ไปลงทนุ ในจีนได้โดยเสรีมำกขึน้ โดยไม่มขี อ้ กำหนดใหต้ อ้ งเปดิ เผย เทคโนโลยี เปน็ ต้น ซึง่ เปน็ เปำ้ หมำยทผี่ ูส้ ังเกตกำรณ์ส่วนใหญเ่ ห็นตรงกนั วำ่ คงไม่สำมำรถเป็นไปไดใ้ น ระยะเวลำอันสั้น สงิ่ ท่อี ำจคำดหวงั ไดม้ ำกกว่ำ คือ กำรเพิ่มระยะเวลำกำรเจรจำ โดยทำงกำรจนี มที ี ท่ำอ่อนลงเลก็ นอ้ ย หลงั เร่ิมเข้ำซอ้ื ผลผลติ เกษตรสำคัญอยำ่ งถัว่ เหลืองในช่วงเดอื นธนั วำคม รวมทั้ง ลดภำษนี ำเข้ำรถยนต์จำกสหรฐั มำอยูท่ ี่ระดบั 15% จำก 40% และล่ำสดุ หลังกำรเจรจำเจ้ำหนำ้ ท่ี ระดับสูงนัดแรกในชว่ ง 7-9 มกรำคม 2019 ตวั แทนสำนักงำนผ้แู ทนกำรคำ้ สหรัฐ (USTR) ระบุว่ำ กำรเจรจำมีควำมคืบหน้ำ โดยจีนได้ให้สญั ญำวำ่ จะซอื้ สนิ คำ้ จำนวนมำกจำกสหรฐั ท้ังในกล่มุ สนิ คำ้ เกษตร พลังงำน รวมถงึ สินคำ้ ในภำคกำรผลิตและบริกำร แตท่ ั้งหมดนี้ยงั มคี วำมไมแ่ น่นอน ค่อนขำ้ งมำก ในกรณที ่ีไม่สำมำรถตกลงกันได้ สหรัฐอำจปรับขน้ึ ภำษีนำเข้ำกับสนิ ค้ำจนี มูลค่ำ 2 แสน ลำ้ นดอลลำร์ จำก 10% เป็น 25% และในกรณีแย่กว่ำน้นั คอื กำรประกำศเก็บภำษีกบั สินค้ำนำเขำ้ จนี อกี 2.67 แสนล้ำนดอลลำร์ โดยสนิ คำ้ ทส่ี ำคัญ ได้แก่ โทรศพั ท์มอื ถือ และคอมพวิ เตอร์ เป็นตน้ ซ่ึงหำกเกดิ ขน้ึ จริงจะเป็นชนวนให้เศรษฐกิจจีนขยำยตัวไดต้ ำ่ กว่ำกรอบ 6.0-6.5% ท่ีนกั วิเครำะห์ สว่ นใหญป่ ระเมินได้ กำรชะลอตัวของกำลังซอ้ื จำกจีนจึงเปน็ ปจั จัยสำคัญท่ีธรุ กจิ ไทยควรเตรียมแผนรับมือไว้ ลว่ งหนำ้ ในปนี ้ี ในปจั จุบนั ตลำดจีนมคี วำมสำคัญมำก โดยเป็นตลำดสง่ ออกอนั ดบั 1 ของไทย คิด เปน็ ประมำณ 12% ของมลู ค่ำกำรส่งออกทั้งหมดมลู ค่ำ 2.4 แสนลำ้ นดอลลำร์ตอ่ ปี และมี นกั ท่องเทยี่ วมำไทยเปน็ อันดับ 1 คิดเปน็ 28% ของนกั ท่องเทีย่ วจำกต่ำงประเทศท้งั หมดปีละ เกอื บ 40 ล้ำนคน นอกจำกน้ี ชำวจนี เป็นกลุม่ ลูกคำ้ เป้ำหมำยของผู้ประกอบกำรอสังหำรมิ ทรพั ย์ ในระยะหลังอีกดว้ ย ในส่วนของภำคกำรส่งออก หำกปจั จยั ท่ีกระทบควำมเชอื่ มั่นของผบู้ รโิ ภคชำวจนี ยังมอี ยู่ ตอ่ ไป ยอด retail sales ในจีนก็มีโอกำสทจี่ ะชะลอตวั ลงเพิม่ เตมิ โดยเฉพำะสนิ ค้ำฟุม่ เฟือย ทงั้ นี้ สนิ คำ้ ฟมุ่ เฟอื ยทไี่ ทยส่งออกไปจนี สว่ นใหญ่ คือ สนิ ค้ำในกลุ่มเครื่องสำอำงและอัญมณี ส่วน ยอดขำยรถยนต์กม็ ีควำมเสีย่ งท่ีจะหดตัวต่อไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำรสง่ ออกของไทยในสนิ ค้ำท่ี เกี่ยวข้อง อำทิ ยำงรถยนต์ รวมถงึ รถยนต์และส่วนประกอบ เป็นตน้ นอกจำกนี้ สนิ ค้ำสง่ ออกที่
13 เป็นสินคำ้ ข้นั กลำงใน supply chain ของผ้ผู ลิตจนี เช่น ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์และแผงวงจร ของใช้ในบ้ำนและออฟฟิศ หรอื เคร่ืองใช้ไฟฟำ้ และส่วนประกอบ กม็ แี นวโน้มชะลอตัวตอ่ ไปเชน่ กนั สำหรับกำรทอ่ งเท่ียว จำกกำรสำรวจเรอื่ งกำรท่องเท่ียวโดยควำมรว่ มมือกนั ระหวำ่ ง Nielsen และ Alipay ในปี 2017 ประเทศไทยได้ชื่อวำ่ เปน็ ทท่ี ี่ใหค้ วำมคมุ้ ค่ำกบั นกั ท่องเทย่ี ว (excellent value for overseas travel) จึงน่ำจะยงั ดึงดดู นกั ทอ่ งเท่ียวจนี ได้ อย่ำงไรกด็ ี หำก คนจนี ลดกำรใช้จ่ำยฟุ่มเฟือยลง กอ็ ำจลดกำรชอ็ ปปิง้ ในต่ำงประเทศได้ ซ่งึ จำกกำรสำรวจของ Nielsen และ Alipay ชำวจนี ใชจ้ ่ำยเกยี่ วกับกำรช็อปปง้ิ มำกถงึ 762 ดอลลำร์ หรอื รำว 25% ของ งบประมำณในกำรท่องเท่ียว สงู กว่ำนกั ทอ่ งเที่ยวชำตอิ ื่นท่ใี ชแ้ ค่ 486 ดอลลำร์ หรอื 15% โดยชำวจีนนยิ มกำรซ้อื ของในร้ำน duty-free เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพำะในประเทศไทย ท้ังนี้ สนิ ค้ำท่คี นจีนนิยมซ้ือ ได้แก่ สินค้ำเก่ียวกับควำมงำมและกำรดแู ลผิวพรรณ สินค้ำท่เี ปน็ เอกลักษณข์ องทอ้ งถนิ่ และของฝำกท่วั ไป ตำมลำดบั ในสว่ นของภำคอสงั หำรมิ ทรัพย์ ประเทศไทยเป็นหนง่ึ ในทที่ ี่ชำวจนี นิยมซอื้ บ้ำนใน ต่ำงประเทศ จำกรำยงำนของ FT Confidential Research ชำวจีนนิยมซ้ือท่ีรำคำประมำณ 1 ลำ้ นหยวน หรือรำว 5 ลำ้ นบำท อยู่ในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเกต็ และชลบรุ ี ตำมลำดับ ซ่ึงควำม เชอื่ มนั่ ท่ลี ดลง ยอ่ มนำ่ จะส่งผลให้ชำวจนี ชะลอกำรลงทนุ ซ้ืออสังหำรมิ ทรพั ย์ในต่ำงประเทศ ควำม เสย่ี งน้เี ป็นประเดน็ ที่ธนำคำรแหง่ ประเทศไทยให้ควำมสำคัญเช่นกนั โดยมกี ำรเปิดเผยข้อมูลวำ่ ในชว่ งไตรมำส 3 ของปี 2018 ทีผ่ ่ำนมำ ตลำดอสังหำรมิ ทรัพยใ์ นไทยพง่ึ พำอปุ สงคจ์ ำกต่ำงชำติถงึ 31% หรือเปน็ มลู คำ่ กำรซ้ือขำยเกือบ 7 หมืน่ ล้ำนบำท ดงั นน้ั ผปู้ ระกอบกำรอสังหำรมิ ทรัพยค์ ง ตอ้ งปรับแผนกำรลงทุนให้สอดคลอ้ งกบั อุปสงค์จำกต่ำงชำตทิ ีอ่ ำจชะลอลงได้ ควำมท้ำทำยทำงเศรษฐกิจท่ีจนี กำลังเผชิญไดส้ ่งผลต่อควำมเชอ่ื ม่นั และกำลังซ้ือของชำว จีน ซึง่ เปน็ หนึง่ ในประเดน็ ทผ่ี ปู้ ระกอบกำรจำเป็นตอ้ งติดตำมอย่ำงใกลช้ ดิ ในปี 2019 เพ่อื ให้ สำมำรถปรับเปล่ียนแผนกำรตลำดและกำรลงทนุ ได้อยำ่ งทันท่วงที อย่ำงไรกด็ ี ประเทศจีนไม่ใช่ ประเทศเดียวท่ีเศรษฐกิจที่ชะลอตวั ลงหลำยฝ่ำยประเมินวำ่ ประเทศใหญ่อืน่ ๆ ทวั่ โลกก็มีแนวโน้ม ไปในทศิ ทำงเดียวกนั
14 ดงั น้นั ด้วยควำมไมแ่ นน่ อนทเ่ี พิ่มมำกขนึ้ ผูเ้ ขียนมองว่ำกำรบริหำรควำมเสยี่ ง โดยเฉพำะด้ำน สภำพคล่อง ควรเปน็ สง่ิ ที่ผปู้ ระกอบกำรให้ควำมสำคัญมำกข้นึ เปน็ พิเศษในปีนี้
15 สรปุ พฒั นาการเศรษฐกิจของจีน พฒั นำกำรของเศรษฐกิจจีนแบงออกเปน 3 ชวงสำคัญ คือ เศรษฐกจิ จนี กอนกำรปฏริ ปู ชวงปฏริ ปู เศรษฐกจิ และหลังกำรปฏิรปู เศรษฐกจิ โดยชวงกอนกำรปฏิรูป จีนใชระบบเศรษฐกิจ วำงแผนจำกสวนกลำงและเนนกำรพฒั นำอุตสำหกรรมหนกั เศรษฐกจิ ในชวงเวลำดงั กลำวมีควำม ผนั ผวนคอนขำงมำก เนือ่ งจำกประสบปญหำขำดแคลนอำหำรบอยครั้งจำกกำรทผ่ี ูผลติ ขำด แรงจูงใจในกำรผลติ และควำมไมมเี สถียรภำพทำงกำรเมอื งควำมไมมปี ระสทิ ธิภำพของระบบ เศรษฐกิจแบบรวมศนู ย ทำใหจีนตดั สนิ ใจปฏริ ูปเศรษฐกจิ ไปสูระบบตลำด พรอมกบั กำรเปดประ เทศในเวลำตอมำ โดยเรมิ่ ปฏริ ูปจำกภำคเกษตร เพ่ือแกปญหำอำหำรขำดแคลนซงึ่ เปนปญหำหลกั ในขณะน้นั จำกนนั้ จงึ ปฏริ ูปภำคเศรษฐกิจสำคัญอ่ืน โดยเนนเพม่ิ ประสทิ ธภิ ำพกำรผลิต เพมิ่ แรงจูงใจของผผู ลติ เพ่ือพัฒนำประเทศไปสูควำมทนั สมัย ปรัชญำกำรปฏริ ูปเศรษฐกิจจีนซ่งึ มี ลักษณะเชงิ ทดลองแบบคอยเปนคอยไปประสบควำมสำเร็จมำก เพรำะสำมำรถรกั ษำอตั รำกำร ขยำยตัวทำงเศรษฐกิจไดในระดบั สูงเมือ่ เทียบกบั ชวงกอนกำรปฏิรปู ขณะท่อี ัตรำเงินเฟออยใู น ระดบั ทีไ่ มสงู นกั อยำงไรก็ตำม กำรพฒั นำเศรษฐกจิ ของจนี ในชวงที่ผำนมำมีควำมไมสมดลุ โดย สัดสวนกำรบริโภคตอGDP ลดลงตอเนอ่ื ง ขณะท่ีสัดสวนกำรลงทนุ ตอ GDP และสัดสวนกำรสงอ อกตอ GDP เพ่มิ สูงขึน้ ตอเนือ่ ง ซ่งึ สวนหนงึ่ เกดิ จำกปญหำเชิงโครงสรำงอำทิ เชน กำรขำดระบบ สวัสดกิ ำรสังคมท่เี หมำะสม อุปสรรคในกำรเขำถงึ แหลงเงินกูของผูบรโิ ภค และกำรขำดกำร บังคับใชกฎหมำยดำนสิง่ แวดลอม เปนตน ทำใหปจจุบนั จนี เนนปรบั สมดุลเศรษฐกิจผำนกำร ดำเนินมำตรกำรตำงๆ เพื่อเพม่ิ กำรบริโภคในประเทศ และเพือ่ ใหเศรษฐกจิ จีนเติบโตอยำงยง่ั ยนื และคำดวำมำตรกำรดังกลำวจะไดรับกำรดำเนนิ กำรตอเนื่องในแผนพัฒนำเศรษฐกิจ 5 ป ฉบับที่ 12 (2011-2015) อยำงไรกต็ ำม คำดวำกำรปรบั สมดุลดังกลำวจะมีลกั ษณะคอยเปนคอยไปเพ่ือ กำรรักษำเสถียรภำพท้งั ทำงเศรษฐกิจและสงั คม และยังคงคำดเดำไดยำกกวำกำรปรบั สมดุลจะ ประสบควำมสำเรจ็ เพียงใด
16 บรรณำนกุ รม https://th.wikipedia.org/wiki/ https://www.prachachat.net/columns/news-286093
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: