วิชาโครงการ สาขางานพชื ศาสตร์ หน่วยท่ี 3 การเขยี นโครงการ วิชาโครงการ สาขางานพชื ศาสตร์ r
1 หน่วยท่ี 3 การเขียนโครงการ ส่ วนประกอบของโครงการ ในการเขียนโครงการจาเป็ นต้องเข้าใจส่วนประกอบต่างๆเพ่ือให้การเขียนโครงการเป็ นไป ตามลาดบั ข้นั ตอนซ่ึงส่วนประกอบของโครงการแบง่ เป็ น 3 ส่วนดงั น้ี 1. ส่วนนา หมายถึง ส่วนท่ีให้ขอ้ มูลเบ้ืองตน้ เกี่ยวกบั โครงการน้ันๆ ประกอบดว้ ย ปก คานา และ สารบญั 2. ส่วนเน้ือหา หมายถึง ส่วนที่เป็ นสาระสาคญั ของโครงการประกอบดว้ ย หลกั การและเหตุผล วตั ถุประสงค์ เป้าหมาย ประโยชน์ ละวธิ ีดาเนินงาน 3. ภาคผนวกและบรรณานุกรม ลาดบั ข้นั ตอนการเขยี นโครงการ ลาดบั ข้นั ตอนของการเขียนโครงการมีดงั ตอ่ ไปน้ี 1.ช่ือโครงการ ตอ้ งมีความชัดเจน รัดกุม และเฉพาะเจาะจง ทาให้เกิดความเข้าใจง่ายแก่ผูเ้ กี่ยวข้อง หรือผูน้ า โครงการไปปฏิบตั ิ ชื่อโครงการจะทาให้ทราบว่าจะทาสิ่งใด หรือ เสนอข้ึนเพ่ือทาอะไร โดยปกติชื่อ โครงการจะแสดงลกั ษณะของงานท่ีจะปฏิบตั ิ 2.หลกั การและเหตุผล ความเป็นมา และความสาคญั ของปัญหา หลกั การและเหตุผล หรืออาจจะเรียกวา่ ความเป็นมาหรือภูมิหลงั ของโครงการ หลกั การและเหตุผล เป็นส่วนที่แสดงถึงปัญหาความจาเป็นท่ีตอ้ งจดั โครงการข้ึน 3.วตั ถุประสงค์ ควรเขียนให้อยู่ในรูปการลดหรือขจดั ปัญหาหรือพฒั นาสิ่งท่ีตอ้ งการเพ่ิมข้ึน ไม่จาเป็ นตอ้ งเขียน วตั ถุประสงคห์ ลายขอ้ เพราะจานวนขอ้ ของวตั ถุประสงคไ์ ม่ไดแ้ สดงถึงความมีคุณภาพของโครงการแต่อยา่ ง ใด ดงั น้นั ตอ้ งระบุให้ ชดั เจน รัดกุม และสามารถปฏิบตั ิไดจ้ ริง การเขียนวตั ถุประสงคต์ อ้ งครอบคลุมเหตุผล ที่จะทาโครงการ โดยจดั ลาดบั แยกเป็นขอ้ ๆ เพอื่ ความเขา้ ใจง่ายและชดั เจน 4.เป้าหมาย เป้าหมายของโครงการเป็ นการบอกถึงความตอ้ งการหรือทิศทางในการปฏิบตั ิงานท่ีระบุในเชิง ปริมาณ เชิงคุณภาพ เวลาและพ้ืนที่ในการปฏิบตั ิงาน ให้สอดคล้องกบั วตั ถุประสงค์และกิจกรรมของ โครงการ
2 5.วธิ ีดาเนินงาน เป็นกล่าวถึงลาดบั ข้นั ตอนการทางาน เพื่อใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคต์ ามที่กาหนดในโครงการ วธิ ีดาเนินการมกั จาแนกเป็นกิจกรรมยอ่ ยๆ โดยแสดงใหเ้ ห็นชดั เจนต้งั แต่เร่ิมตน้ จนจบกระบวนการวา่ มี กิจกรรมใดที่ตอ้ งทา รวมท้งั แสดงระยะเวลาดาเนินการควบคูไ่ ปดว้ ย 6.ระยะเวลาและสถานที่ดาเนินงาน - ระยะเวลาในการดาเนินการ เป็ นการระบุระยะเวลาต้ังแต่เร่ิมต้นโครงการจนกระทงั่ สิ้นสุด โครงการ - สถานท่ีดาเนินการ คือ สถานที่ บริเวณ พ้ืนท่ี อาคารท่ีใชจ้ ดั กิจกรรมตามโครงการ 7.ค่าใชจ้ า่ ย/งบประมาณ หรือค่าใช้จ่ายการดาเนินงานตามโครงการตอ้ งใช้งบประมาณหรือค่าใช้จ่ายท่ีระบุถึงจานวนเงิน จานวนวสั ดุ ครุภณั ฑ์ หรือจานวนบุคคล และปัจจยั อื่นๆ ท่ีจาเป็นต่อการดาเนินการ สาหรับงบประมาณ ควร ระบุใหช้ ดั เจนเป็นขอ้ ๆ 8.ผลท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ เป็ นการกล่าวถึงผลประโยชน์ที่พึงจะไดร้ ับจากความสาเร็จของโครงการ เป็ นการคาดคะเนผลที่จะ ไดร้ ับเม่ือสิ้นสุดการปฏิบตั ิโครงการ ซ่ึงผลท่ีไดร้ ับตอ้ งเป็นไปในทางที่ดี ท้งั เชิงปริมาณและคุณภาพ 9.การติดตามและประเมินผล เป็ นการประเมินผลการดาเนินงานตามโครงการซ่ึงตอ้ งระบุวิธีการประเมินผลให้ชดั เจนว่าจะ ประเมินโดยวธิ ีใด อาจเขียนเป็นขอ้ ๆหรือเขียนรวมกนั ก็ได้ 10.ปัญหาหรืออุปสรรคที่คาดวา่ อาจเกิดข้ึน ใหร้ ะบุปัญหาอุปสรรคที่ผจู้ ดั ทาโครงการคาดวา่ อาจเกิดข้ึน และจะทาให้โครงการไม่บรรลุผลตาม วตั ถุประสงค์ 11.ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ ใหร้ ะบุช่ือบุคคลหรือกลุ่มบุคคลท่ีทางานร่วมกนั 12.ท่ีปรึกษาโครงการ ใหร้ ะบุชื่อที่ปรึกษาในการทาโครงการ โครงการส่ิงประดษิ ฐ์ ความหมายของสิ่งประดิษฐ์ ส่ิงประดิษฐห์ มายถึงผลงาน ผลผลิต ผลิตภณั ฑ์ ตลอดจนวธิ ีการต่างๆที่ สร้างสรรคข์ ้ึนมาใหม่โดยมีลกั ษณะแตกตา่ งไปจากเดิม ความเป็ นมาของสิ่งประดิษฐ์ การประดิษฐค์ ร้ังแรก
3 เชื่อกนั วา่ การประดิษฐค์ ร้ังแรกอยใู่ นช่วงสมยั ท่ีมนุษยย์ งั เป็ นมนุษยย์ คุ ก่อนๆ หรือยคุ ของมนุษยส์ มยั สายพนั ธุ์ The Abominable Snowman ซ่ึงพฒั นามาจากลิง หลกั ฐานถูกคน้ พบในถ้าเก่าแก่ของข้วั โลกเหนือ จากเคร่ืองมือที่ใช้ในการทามาหากินโดยนกั สารวจชาวอเมริกนั มหาวทิ ยาลยั อิลลินอยส์ และทีมงานเป็ นผู้ คน้ พบ จากการตรวจสอบอยา่ งละเอียดพบวา่ อุปกรณ์เครื่องใชต้ ่างๆ มีสภาพคงอยูม่ านานนบั พนั ๆ ปี หรือ ในช่วง 5000-10000 B.C. ราวๆ 1000-4000 ก่อนพุทธศกั ราช ของใช้ต่างๆแมจ้ ะอยู่ในสภาพที่เก่าแก่ แต่ก็ สามารถทราบไดถ้ ึงวิวฒั นาการของมนุษยใ์ นยุคน้นั จากส่ิงประดิษฐ์เล็กๆ ของมนุษยจ์ นมาถึงเครื่องบินลา ยกั ษใ์ นปัจจุบนั เป็นส่ิงประดิษฐท์ ี่เกิดจากมนุษยท์ ้งั สิ้น ยคุ ในการประดิษฐ์ เราสามารถแบ่งการประดิษฐอ์ อกเป็ น 3 ช่วงตามเวลา และอุปกรณ์การประดิษฐ์ - ยคุ ตน้ (ก่อนคริสตศ์ กั ราช- ตน้ ปี ค.ศ. 500) มนุษยเ์ รียนรู้การใชไ้ ฟและในการหลอมโลหะ ตีอุปกรณ์ ทาแกว้ ยคุ น้ีเป็นยคุ เฟ่ื องฟูของศาสนาและ การทามาคา้ ขาย ในทางเขตยโุ รปผคู้ นนิยมทาเคร่ืองเกราะ ดาบ เครื่องเงิน มงกฎุ การประดิษฐเ์ ป็นแบบพ้ืนๆ แตม่ ีศิลปะมากกวา่ ทางเอเชียหรือแอฟริกา การประดิษฐใ์ นเอเชียไมค่ อ่ ยไดร้ ับความสนใจ บา้ นเป็นแบบเก่าท่ี ทาจากไม้ ผคู้ นจะนิยมคา้ ขายอาหารกิจกรรมทางศาสนามากกวา่ เช่นเดียวกบั แอฟริกาที่การประดิษฐไ์ ม่ค่อย เจริญเทียบเทา่ แถบยโุ รป - ยคุ รุ่งเรือง (ช่วงกลาง ค.ศ. 500 - ค.ศ. 1350) นกั ประดิษฐ์ทางยุโรปเริ่มรู้จกั การใช้ไฟฟ้า อาชีพนกั วิทยาศาสตร์เจริญมาก ทาให้การประดิษฐ์ กา้ วหนา้ ไปดว้ ย มีการคน้ พบคุณสมบตั ิของไฟฟ้าเป็ นคร้ังแรก ทาใหม้ ีการประดิษฐส์ ่ิงของมากมาย เช่น การ ค้นพบคลื่นวิทยุ มอเตอร์สนามพลัง ทาให้มีการสร้างรถยนต์ หลอดไฟ วิทยุ โทรทัศน์ และสิ่งของ อิเล็กทรอนิกส์อีกมากมาย เม่ือเทียบกบั ทางแถบแอฟริกาและเอเชีย ซ่ึงทางเอเชียไดร้ ับอิทธิพลจากทางแถบ ยุโรป ทาใหม้ ีการเจริญตามไปดว้ ย แต่ไม่มีเร่ืองของการประดิษฐ์ มกั เป็ นดา้ นการบริโภค ทางแถบอเมริกา เริ่มมีคนยา้ ยเขา้ ไปอยใู่ นเขตของชนชาวพ้นื เมือง และคนน้นั มาจากทางแถบยโุ รป ซ่ึงนาสิ่งประดิษฐต์ ่างๆ มา ดว้ ย ส่วนออสเตรียและแอฟริกา เป็นประเทศท่ีไม่สนใจการประดิษฐ์ - ยคุ ปัจจุบนั (ค.ศ. 1350 - ปัจจุบนั ) มนุษย์เริ่ มรู้จักการใช้ชิป มีการสร้างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศพั ทม์ ือถือ จรวด เรือดาน้า อุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ มีการใชค้ ล่ืนสัญญาณโทรศพั ทแ์ ละกระจายไปทวั่ โลก แต่ก็ยงั ไม่ทว่ั ถึงและเท่ากนั ทว่ั ประเทศ โดยเฉพาะมหาอานาจอย่างอเมริกาท่ีมีนกั ประดิษฐ์มากกว่าและมี ความพร้อม ไดร้ ับการสนบั สนุนจากทางรัฐบาลทาให้เกิดความกา้ วหนา้ เร็วข้ึน แลว้ เปลี่ยนการทางานเป็ น การทางานแบบองคก์ ร หรือทีมนน่ั เอง คุณลกั ษณะของผ้เู รียนทคี่ วรเลือกทาโครงการส่ิงประดษิ ฐ์
4 1. มีความรู้ทางดา้ นวชิ าการ การประดิษฐส์ ิ่งต่างๆยอ่ มตอ้ งใชค้ วามรู้ทางวชิ าการอยา่ งแทจ้ ริงมาเป็ น พ้ืนฐานการทางาน เพ่ือใหไ้ ดผ้ ลงานที่ถูกตอ้ ง มีหลกั การ และมีความเป็ นไปได้ ซ่ึงหากผเู้ รียนมีความสนใจ ประดิษฐด์ า้ นใด กค็ วรเสาะแสวงหาความรู้ทางวชิ าการท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ชิ้นงานน้นั ๆ 2. มีทกั ษะในการปฏิบตั ิงาน ทกั ษะในการปฏิบตั ิงานมีความสาคญั ไม่น้องไปกวา่ วิชาการ เพราะ ทกั ษะเกิดข้ึนได้จากการฝึ กฝนจนเกิดความเช่ียวชาญ การมีทกั ษะในการปฏิบตั ิงานจะช่วยให้ชิ้นงานที่ ประดิษฐข์ ้ึนมาน้นั มีประสิทธิภาพ และสามารถใชง้ านได้ 3. มีจรรยาบรรณ การมีจรรยาบรรณทาใหอ้ าชีพน้นั ไดร้ ับการยอมรับและเป็ นที่น่าเช่ือถือแก่บุคคล ทว่ั ไป ผูเ้ รียนจะตอ้ งมีคุณธรรม จริยธรรมในการปฏิบตั ิงาน และมีจิตสานึกในหน้าที่รับผิดชอบ อนั เป็ น พ้นื ฐานที่ดีที่จะเป็นผปู้ ระกอบอาชีพท่ีมีจรรยาบรรณในอนาคต 4. มีเจตคติท่ีดีต่องานอาชีพ การเลือกประกอบอาชีพไดก็ตามบุคคลน้นั จะตอ้ งมีเจตคติที่ดีต่ออาชีพท่ี เลือกจึงจะปฏิบตั ิงานไดอ้ ยา่ งมีความสุข การที่ผเู้ รียนเลือกปฏิบตั ิชิ้นงานใดก็ตามยอ่ มตอ้ งมีเจตคติท่ีดีต่องาน น้นั ดว้ ย จึงจะทาใหผ้ ลงานท่ีออกมาประสบผลสาเร็จไดต้ ามจุดมุ่งหมายท่ีตอ้ งไว้ อยา่ งไรก็ดีโครงการส่ิงประดิษฐม์ ีขอบเขตกวา้ งมาก มีต้งั แต่การประดิษฐช์ ิ้นงานง่ายๆจนถึงชิ้นงาน ที่ยงุ่ ยากสลบั ซบั ซอ้ น ดงั น้นั ผูเ้ รียนจึงควรเลือกทาโครงการที่เหมาะสมกบั ตนเองเพ่ือให้ผลงานที่ออกมาน้นั ประสบผลสาเร็จตามเป้าหมาย โครงการการจัดทาธุรกจิ และบริการ ความรู้ทว่ั ไปเกยี่ วกบั ธุรกจิ และบริการ ธุรกิจ หมายถึงการดาเนินกิจกรรมไม่วา่ จะเป็ นการผลิตหรือจดั สินคา้ /บริการมาเพื่อจาหน่ายไปยงั กลุ่มผซู้ ้ือ โดยมีจุดประสงคเ์ พอ่ื ใหไ้ ดม้ าซ่ึงรายไดห้ รือผลกาไรจากการดาเนินกิจกรรมน้นั สินคา้ (Goods) หมายถึง ผลิตภณั ฑท์ ี่มองเห็นและจบั ตอ้ งได้ เช่น เส้ือผา้ นาฬิกา โทรทศั น์ เป็นตน้ บริ การ(Service)หมายถึงผลิตภัณฑ์ท่ีไม่สามารถจับต้องได้ ผู้ซ้ือจะได้รับในรู ปของความ สะดวกสบาย ความบนั เทิงเป็นตน้ ปัจจยั เบ้ืองตน้ ในการประกอบธุรกิจ มีดงั น้ี 1. คน(Man) จดั เป็ นปัจจยั เบ้ืองตน้ ในการประกอบธุรกิจที่สาคญั ท่ีสุด เป็นผูร้ ิเร่ิมใชค้ วามคิดก่อต้งั ธุรกิจข้ึนมา 2. เงิน(Money)เป็นเงินท่ีนามาใชใ้ นการลงทุนผลิตสินคา้ หรือบริการ 3. เคร่ืองจกั ร(Machines)เป็นเคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการแปรรูปวตั ถุดิบใหเ้ ป็นสินคา้ สาเร็จรูป 4. วสั ดุ อุปกรณ์(Materials)เป็นวสั ดุอุปกรณ์ต่างๆที่ช่วยอานวยความสะดวกในการดาเนินการ 5. การจดั การ(Management)เป็นการจดั ระบบใหก้ ารประกอบธุรกิจสามารถดาเนินไปไดโ้ ดย ปราศจากอุปสรรคใดๆ
5 แนวทางการทาโครงการการจัดทาธุรกจิ และบริการ ผเู้ รียนท่ีเลือกทาโครงการการจดั ทาธุรกิจและบริการ ตอ้ งมีความรู้และทกั ษะเพยี งพอท่ีจะสามารถผลิต สินคา้ หรือใหบ้ ริการ และเป็นที่ไวว้ างใจได้ แนวทางการจดั ทาโครงการธุรกิจ และบริการที่สามารถทาไดด้ งั น้ี 1. การผลิตสินคา้ เพื่อการจาหน่าย เป็ นธุรกิจท่ีผูเ้ รียน ตดั สินใจวา่ จะผลิตสินคา้ ดว้ ยตนเอง แลว้ นามาจาหน่ายให้แก่ผูซ้ ้ือ ตวั อยา่ งเช่น การทาขนมไทยเพื่อการจาหน่าย เป็นตน้ 2. การซ้ือสินคา้ มาเพ่ือจาหน่าย หรือเรียกอย่างหน่ึงว่าการประกอบธุรกิจซ้ือมาขายไป ลกั ษณะของธุรกิจประเภทน้ีคือ ผูเ้ รียนหา แหล่งท่ีจาหน่ายสินคา้ ที่คาดวา่ น่าจะเป็ นที่สนใจของผูซ้ ้ือ ซ่ึงอาจเป็ นสินคา้ ประเภทท่ีผูซ้ ้ือใชเ้ หตุผลในการ ตดั สินใจซ้ือ คือสินค้าที่มีประโยชน์ต่อการดารงชีพ หรือเป็ นสินคา้ ท่ีผูซ้ ้ือเห็นแล้วเกิดความต้องการ ขณะเดียวกนั สินคา้ น้นั สามารถสร้างความภาคภูมิใจใหผ้ ซู้ ้ืออีกดว้ ย 3. การใหบ้ ริการ เป็ นธุรกิจท่ีใหบ้ ริการแก่ลูกคา้ ไดร้ ับความสะดวกสบาย ความสวยงาม ความบนั เทิง เป็ นตน้ เช่น โครงการส ปาไทย เป็นตน้ สิ่งทคี่ วรพจิ ารณาในการตัดสินใจเลือกทาโครงการธุรกจิ และบริการ ก่อนท่ีผเู้ รียนจะตดั สินใจเลือกจดั ทาโครงการใดน้นั ตอ้ งพิจารณาปัจจยั สาคญั หลายประการ ดงั น้ี 1. ความสามารถของตนเองหรือสมาชิกในกลุ่ม จุดมุ่งหมายสาคญั ของการจดั ทาธุรกิจหรือบริการคือสามารถสร้างรายได้หรือผลกาไรจากการ ดาเนินการ ผูเ้ รียนหรือสมาชิกในกลุ่มจะตอ้ งมีความสามารถเพียงพอสาหรับการดาเนินธุรกิจจนสามารถ บรรลุวตั ถุประสงคไ์ ด้ ส่ิงท่ีผซู้ ้ือนามาพิจารณาตดั สินใจซ้ือ คือประโยชน์ท่ีเขาจะไดร้ ับจากสินคา้ หรือบริการ น้นั 2. เงินทุน เงินลงทุนสาหรับโครงการการจดั ทาธุรกิจหรือบริการจะมากนอ้ ยเพียงใดข้ึนอยกู่ บั ส่ิงที่ผูเ้ รียนจะทา หากเป็ นโครงการขนาดใหญ่ อาจตอ้ งใชเ้ งินทุนมากกวา่ โครงการขนาดเล็ก นอกจากน้ียงั ข้ึนอยกู่ บั ลกั ษณะ ของสินคา้ หรือบริการที่ผลิตดว้ ย 3. อุปกรณ์ท่ีตอ้ งใช้ อุปกรณ์ท่ีตอ้ งใช้ในการดาเนินตามโครงการ เป็ นสิ่งหน่ึงที่ผูเ้ รียนควรนามาพิจารณา หากเป็ น อุปกรณ์ท่ีมีอยู่แลว้ หรือสามารถจดั หาไดโ้ ดยไม่ตอ้ งเสียค่าใช้จ่าย หรือเสียค่าใช้จ่ายไม่มากนกั จะช่วยลด ตน้ ทุนในการผลิตได้ ในทางตรงกนั ขา้ ม หากตอ้ งลงทุนซ้ืออุปกรณ์ในราคาสูง อาจทาใหก้ ารดาเนินการตาม โครงการไมเ่ กิดผลกาไรข้ึนมาได้ 4. สถานท่ี
6 สถานที่ท่ีเกี่ยวขอ้ งในการจดั ทาโครงการ ไดแ้ ก่ 4.1 สถานท่ีผลิตสินคา้ กรณีท่ีผูเ้ รียนเลือกจดั ทาโครงการผลิตสินคา้ หรือบริการ ซ่ึงตอ้ งผลิตสินคา้ ให้พร้อมก่อนท่ีจะนาออกจาหน่าย ผูเ้ รียนจะตอ้ งพิจารณาว่ามีสถานท่ีที่เหมาะสมสาหรับการผลิตสินคา้ หรือไม่ 4.2 สถานที่ต้งั ร้านคา้ หรือทาเลสาหรับขายสินคา้ หรือให้บริการท่ีเหมาะสม ส่ิงที่ตอ้ งพิจารณา เกี่ยวกบั สถานท่ีร้านคา้ สาหรับขายสินคา้ หรือบริการ จะตอ้ งเป็นสถานที่ที่จะตอ้ งมีกลุ่มป้าหมายผา่ นไปมาใน จานวนท่ีมากพอ แนวทางการสร้างรายได้แก่โครงการจัดทาธุรกจิ และบริการ 1. วิเคราะห์สถานการณ์ หมายถึงผูเ้ รียนจะต้องทาการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและ สภาพแวดลอ้ มภายนอก การวเิ คราะห์สถานการณ์น้ีเรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ การวเิ คราะห์จุดแขง็ จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค(SWOT Anlysis)ดงั รายนะเอียดต่อไปน้ี 1.1 การวเิ คราะห์สภาพแวดลอ้ มภายในเป็ นการวิเคราะห์เกี่ยวกบั สภาพแวดลอ้ มภายในองคก์ าร คือ มีบุคลากรที่มีความสามารถ มีลกั ษณะงานที่ดี มีเงินทุนเพียงพอต่อการดาเนินงาน ส่ิงเหล่าน้ีถือเป็ นข้อ ไดเ้ ปรียบขององค์การ หรือที่เรียกว่าจุดแข็ง(Strengph)ในทางตรงกนั ขา้ มหากองคก์ ารมีคนที่ไร้ความสามา มรถก มีลกั ษณะงานท่ีไม่ก่อให้เกิดการผลิตที่ดี มีเงินทุนจานวนน้อยไม่สามารถขยายกิจการหรือดาเนิน กิจกรรมได้ สิ่งเหล่าน้ีถือเป็นขอ้ เสียเปรียบขององคก์ ารหรือที่เรียกวา่ จุดอ่อน(Weakness) 1.2 การวเิ คราะห์สภาพแวดลอ้ มภายนอก เป็นการวิเคราะห์เก่ียวกบั สภาพแวดลอ้ มภายนอกองคก์ าร องคก์ ารจะตอ้ งปรับใหเ้ ขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มเหล่าน้นั เพ่ือเป็ นการสร้างประโยชน์ให้องคก์ าร สามารถทาให้ องคก์ ารดาเนินงานไปไดด้ ว้ ยดี และประสบผลสาเร็จได้ เรียกวา่ โอกาส(Opportunity)ในทางตรงกนั ขา้ มหาก สภาพแวดลอ้ มในทางตรงกนั ขา้ มหากสภาพแวดลอ้ มภายนอกเป็ นภยั คุกคามทาให้ธุรกิจไม่เป็ นไปตามท่ี คาดหวงั เรียกวา่ อุปสรรค(Treat) 2.การสร้างขอ้ ไดเ้ ปรียบหากตอ้ งการจะขายสินคา้ ใหไ้ ดผ้ ทู้ าโครงการจะตอ้ งสร้างจุดเด่นของสินคา้ หรือบริการที่จาหน่าย เพือ่ ความไดเ้ ปรียบทางการแข่งขนั การสร้างขอ้ ไดเ้ ปรียบสามารถกระทาไดด้ งั น้ี 2.1การสร้างขอ้ ไดเ้ ปรียบดา้ นตน้ ทุน หากผจู้ ดั ทาโครงการสามารถทาให้ตน้ ทุนการผลิตสินคา้ หรือ บริการต่าลงไดจ้ ะทาใหร้ าคาขายต่าลงไปดว้ ย ซ่ึงหากขายในราคาต่ากวา่ คูแ่ ขง่ ยอ่ มไดร้ ับความสนใจมากกวา่ 2.2การสร้างขอ้ ได้เปรียบดา้ นความแตกต่างของผลิตภณั ฑ์ หมายถึงกามรหาวิธีทาให้สินคา้ หรือ บริการท่ีจาหน่ายน้นั มีความแตกต่างจากของร้านอ่ืนๆท่ีขายสินคา้ หรือบริการประเภทเดียวกนั ซ่ึงการสร้าง ขอ้ ไดเ้ ปรียบทางดา้ นความแตกต่างของผลิตภณั ฑม์ ีความยนื นานกวา่ การสร้างขอ้ ไดเ้ ปรียบดา้ นตน้ ทุน 2.3การสร้างขอ้ ไดเ้ ปรียบดา้ นกลยุทธ์ตลาดเฉพาะกลุ่ม ผูท้ าโครงการสามารถนากลยุทธ์ทางด้าน การตลาดมาใชโ้ ดยพจิ ารณาวา่ สิ่งท่ีจาหน่ายน้นั เหมาะกบั กลุ่มลูกคา้ ท่ีมีลกั ษณะใด
7 โครงการทดลองและวจิ ัย ความรู้ทว่ั ไปเกย่ี วกบั การทดลองและวจิ ัย การทดลองและการวิจยั เป็ นกระบวนการในการคิดคน้ หาความรู้ใหม่คาตอบใหม่ท่ีผูท้ าการวิจยั ตอ้ งการทราบเพอื่ นาไปใชป้ ระโยชน์ในการตดั สินใจเร่ืองดเร่ืองหน่ึง การวจิ ยั หมายถึง การคน้ หาความรู้ใหม่ๆหรือหาคาตอบใหม่ๆเพื่อนาคาตอบน้นั มาใชใ้ นงานหรือ แกไ้ ขปัญหาซ่ึงผลการวจิ ยั ที่น่าเชื่อถือน้นั มีระเบียบและมีกฎเกณฑ์ ลกั ษณะสาคญั ของการวจิ ัย มีดงั น้ี 1. การวจิ ยั เป็นการศึกษาคน้ หาขอ้ เทจ็ จริงเพือ่ อธิบายปรากฏการณ์ตา่ งๆ 2. การวจิ ยั ตอ้ งใชค้ วามพยายาม ซ่ือสัตย์ ขยนั และอดทน ในการเฝ้าติดตาม 3. การวจิ ยั ตอ้ งอาศยั ความกลา้ หาญเดด็ เดี่ยวของผทู้ าการวิจยั 4. การวจิ ยั เป็นงานที่ผทู้ าการวจิ ยั ตอ้ งมีความรู้ความชานาญในเน้ือหาหรือเร่ืองที่จะศึกษา 5. การวจิ ยั เป็นกระบวนการที่มีเหตุผลและเป้าหมาย 6. การวจิ ยั จะตอ้ งมีการาจดบนั ทึก ละรายงานผลอยา่ งละเอียด 7. การวจิ ยั ตอ้ งอาศยั เคร่ืองมือและเทคนิคต่างๆในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล 8. การวจิ ยั เป็นกระบวนการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลใหม่ หากนาผลการวจิ ยั เก่ามาใชจ้ ะตอ้ งเป็นการ นามาใชเ้ พ่ือจุดประสงคใ์ หม่ ประโยชน์ของการวจิ ัย มีดงั น้ี 1. ช่วยใหเ้ กิดความรู้ใหมๆ่ ซ่ึงเป็นการเพิม่ พูนวทิ ยาการของศาสตร์ตา่ งๆ ไดก้ วา้ งมากยง่ิ ข้ึน 2. ช่วยแกไ้ ขปัญหาต่างๆท่ีเป็ นขอ้ สงสัยได้ หากบุคคลหรือธุรกิจมีปัญหา ตอ้ งการทราบคาตอบ สามารถทาการวจิ ยั คาตอบท่ีไดจ้ ากการวจิ ยั จะช่วยแกป้ ัญหาต่างๆ ท่ีสงสัยได้ 3. ช่วยใหอ้ งคก์ ารสามารถปรับปรุงการทางานใหม้ ีประสิทธิภาพมากยงิ่ ข้ึน กล่าวคือหากผบู้ ริหารไม่ ทราบแนวทางการดาเนินงานในดา้ นใดด้านหน่ึง อาจใช้วิธีการวิจยั เพ่ือหาคาตอบแลว้ ดาเนินงานไปตาม แนวทางน้นั 4. ช่วยพยากรณ์สถานการณ์ หรือพฤติกรรมต่างๆ ที่เก่ียวขอ้ งกบั กามรดาเนินธุรกิจไดถ้ ูกตอ้ งยง่ิ ข้ึน 5. ช่วยใหผ้ บู้ ริหารสามารถตดั สินใจบริหารงานดา้ นต่างไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ผลของการวจิ ัยกบั ธุรกจิ ธุรกิจจะดาเนินไปขา้ งหนา้ ได้ ตอ้ งอาศยั ผลของการวจิ ยั เป็ นแนวทางในการดาเนินงานเรื่องที่ธุรกิจ ทาการวจิ ยั มี ดงั น้ี 1. ดา้ นการจดั การ การวจิ ยั ดา้ นการจดั การ เป็ นการวิจยั ที่เก่ียวขอ้ งกบั ระบบบริหาร เพ่ือให้เป็ นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ เรื่องท่ีทาการวจิ ยั มกั จะเนน้ เรื่องท่ีเกี่ยวกบั บุคลากร
8 2. ดา้ นบญั ชี การวิจยั ดา้ นบญั ชี เป็ นงานวจิ ยั ที่เกี่ยวกบั การหาวิธีการจดบนั ทึกรายงานทางการเงินใหด้ ีท่ีสุด และ หาวธิ ีเสนอขอ้ มูลทางการเงินแบบใหมข่ องโครงการ 3. ดา้ นการเงิน หน้าท่ีของฝ่ ายการเงิน คือ การจดั หาเงินทุนให้เพียงพอกบั ความตอ้ งการของภารกิจองค์การ ดูแล ฐานะทางการเงิน และดาเนินการใชเ้ งินที่มีอยใู่ หเ้ กิดประสิทธิภาพสูงสุด 4. ดา้ นการตลาด การตลาดในปัจจุบนั ไม่ไดเ้ นน้ การผลิตสินคา้ หรือเนน้ การขายอีกต่อไปแลว้ แต่จะเนน้ ถึงความตอ้ งการของ ผซู้ ้ือ จะผลิตและขายผลิตภณั ฑท์ ี่แน่ใจวา่ เป็นท่ีตอ้ งการของลูกคา้ 5. ดา้ นการผลิต การผลิตเป็ นกระบวนการนาวตั ถุดิบเขา้ สู่กระบวนการเพื่อแปรรูปเป็ นสินคา้ สาเร็จรูป การผลิตท่ีมี ประสิทธิภาพตอ้ งทาให้มีตน้ ทุนต่าท่ีสุด เวลานอ้ ยท่ีสุด ค่าใช้จ่ายดา้ นวตั ถุดิบ อุปกรณ์ ตลอดจนค่าใชจ้ ่าย ดา้ นแรงงานเหมาะสมท่ีสุด 6. ดา้ นเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ธุรกิจ เป็ นศาสตร์ที่นาเอาหลกั ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์มาประยุกตใ์ ช้ในทางธุรกิจ หลกั เศรษฐศาสตร์เป็ นหลกั ของการอธิบายเหตุการณ์ต่างๆทางเศรษฐกิจ การดาเนินธุรกิจดาเนินอยใู่ นความ ไม่แน่นอนจึงตอ้ งนาหลกั เศรษฐศาสตร์มาช่วยในการตดั สินใจ 7. การวจิ ยั ดา้ นสังคมศาสตร์และอื่นๆที่เกี่ยวขอ้ งกบั ธุรกิจ การดาเนินธุรกิจจะตอ้ งดาเนินการภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มภายนอกท่ีไมส่ ามารถควบคุมได้ ธุรกิจจึงตอ้ งมีการ รับรู้เก่ียวกบั สงั คมภายนอก ข้นั ตอนการวจิ ัย 1. เลือกหวั ขอ้ ท่ีจะทาการวิจยั 2. กาหนดประเดน็ ปัญหาของการวจิ ยั 3. ต้งั วตั ถุประสงค์ 4. ต้งั สมมุติฐาน 5. การออกแบบการวิจยั 6. การรวบรวมขอ้ มูล 7. การวเิ คราะห์ขอ้ มูล 8. การแปรความหมาย หรือการตีความขอ้ มูล 9. การอภิปรายผล 10. สรุปผลการวจิ ยั การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
9 การเก็บรวบรวมขอ้ มูลเป็นกิจกรรมที่เกิดข้ึนหลงั จากท่ีผวู้ จิ ยั ไดอ้ อกแบบการวจิ ยั เสร็จสิ้นแลว้ แหล่ง ของขอ้ มูลมี 2 แหล่ง ไดแ้ ก่ แหล่งปฐมภูมิ เป็ นการหาขอ้ มูลดิบจากตน้ กาเนิดดว้ ยตนเองและแหล่งทุติยภูมิ เป็นการคดั ลอกขอ้ มูลจากเอกสารต่างๆ นกั วจิ ยั มกั นิยมรวบรวมขอ้ มูลจากแหล่งปฐมภูมิ ซ่ึงวธิ ีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลปฐมภูมิท่ีนิยมมี 3 วธิ ี คือ 1. การเก็บรวบรวมขอ้ มูลโดยวิธีทดลอง เป็ นการนาส่ิงที่ตอ้ งการศึกษาไปทดลองกบั กลุ่มตวั อยา่ ง เพอื่ ศึกษาผลการทดลองน้นั 2. การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยวิธีสังเกตการณ์ เป็ นวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ซ่ึงจะใช้ก็ต่อเม่ือไม่ สามารถหาวธิ ีอ่ืนในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลได้ 3. การเก็บขอ้ มูลดว้ ยวธิ ีสารวจ เป็ นการเก็บขอ้ มูลท่ีมีประสิทธิภาพ และนิยมใชก้ นั อยา่ งกวา้ งขวาง การเก็บขอ้ มูลโดยวธิ ีการสารวจสามารถกระทาได้ ดงั น้ี 3.1 การเก็บขอ้ มูลโดยการสัมภาษณ์ทางโทรศพั ท์ 3.2 การเก็บขอ้ มูลทางไปรษณีย์ 3.3 การเกบ็ ขอ้ มูลโดยการให้พนกั งานสมั ภาษณ์ 3.4 การแจกแบบสอบถาม การประมวลผลข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการแปลผล การประมวลผลข้อมูล หมายถึง การนาขอ้ มูลท่ีรวบรวมจากแหล่งตา่ งๆ มาจดั แยกหมวดหมู่ และ คานวณเพ่ือใหไ้ ดข้ อ้ มูลท่ีเหมาะสม สามารถนาไปใชง้ านไดต้ ามวตั ถุประสงค์ วธิ ีการประมวลผลขอ้ มูล การประมวลผลขอ้ มวลมีหลายวธิ ีดว้ ยกนั แตว่ ธิ ีที่มกั ใชก้ นั อยา่ งแพร่หลาย ไดแ้ ก่ 1. การประมวลผลขอ้ มูลดว้ ยมือ เป็นวธิ ีการประมวลผลขอ้ มูลที่ผใู้ ชต้ อ้ งมีความชานาญและมี ความจาดี เหมาะสาหรับขอ้ มูลท่ีมีปริมาณนอ้ ย 2. การประมวลผลดว้ ยเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็ นวิธีประมวลผลที่นิยมใชก้ นั ในปัจจุบนั เนื่องจากเป็ น วธิ ีท่ีรวดเร็ว มีความน่าเช่ือถือ และสามารถประหยดั เวลาไดม้ าก แต่เป็นวธิ ีการที่ตอ้ งเสียคา่ ใชจ้ ่ายสูง การวเิ คราะห์ข้อมูล ขอ้ มูลท่ีทาการแจงนบั ผา่ นข้นั ตอนการประมวลขอ้ มูลแลว้ ก็จะถึงลาดบั ข้นั การ นาไปวเิ คราะห์ ดว้ ยการหาคา่ ตา่ งๆ ทางสถิติ การแปลผล เป็นการนาผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล ซ่ึงเป็ นค่าสถิติตา่ งๆ มาอธิบายในลกั ษณะของการ บรรยาย ท่ีผใู้ ชป้ ระโยชนส์ ามารถอ่านและเขา้ ใจได้ จรรยาบรรณของนักวจิ ัย จรรยาบรรณเป็ นหลักของความประพฤติท่ีเหมาะสมแสดงถึงคุณธรรมและจริยธรรมในการ ประกอบอาชีพซ่ึงกลุ่มบุคคลแตล่ ะอาชีพตอ้ งยดึ ถือและปฏิบตั ิจรรยาบรรณของนกั วจิ ยั มีดงั น้ี
10 1. นกั วจิ ยั ตอ้ งซื่อสตั ยแ์ ละมีคุณธรรมในทางวชิ าการ และการจดั การ นกั วจิ ยั จะตอ้ งมีความซื่อสตั ย์ ต่อตนเอง ดว้ ยการไมล่ อกเลียนงานของผูอ้ ่ืนมาเป็นผลงานของตน หากมีการนาขอ้ มูลของผใู้ ดมาใช้ ตอ้ งอา้ ง ถึงบุคคลหรือแหล่งที่มาดว้ ย 2. นักวิจัยต้องตระหนักถึงพนั ธกรณีในการทางานวิจัย ตามข้อตกลงท่ีทาไวก้ ับหน่วยงานท่ี สนบั สนุนการวจิ ยั และตอ่ หน่วยงานท่ีตนสงั กดั นกั วจิ ยั จะตอ้ งตระหนกั ถึงพนั ธกรณีในการทาวิจยั กล่าวคือ กรณีท่ีนักวิจยั ได้ขอเขา้ รับทุนโครงการวิจยั ด้วยหน่วยงานใดจะตอ้ งศึกษาเงื่อนไข และกฎเกณฑ์อย่าง รอบคอบ 3. นักวิจัยต้องมีพ้ืนฐานความรู้ในสาขาวิชาการที่ทาการวิจยั นักวิจัยต้องมีพ้ืนฐานความรู้ใน สาขาวิชาการที่ทาการวิจยั อยา่ งเพียงพอ และมีความรู้ ความชานาญ หรือมีประสบการณ์เกี่ยวเนื่องกบั เร่ืองท่ี ทาวจิ ยั 4. นกั วจิ ยั ตอ้ งมีความรับผิดชอบตอ่ ส่ิงที่ศึกษาวจิ ยั ไม่วา่ จะเป็ นสิ่งที่มีชีวติ หรือไม่มีชีวติ นกั วจิ ยั ตอ้ ง ดาเนินการด้วยความรอบคอบ ระมัดระวงั และเที่ยงตรงในการทาวิจัยที่เกี่ยวข้องกับคน สัตว์ พืช ศิลปวฒั นธรรม ทรัพยากร และสิ่งแวดลอ้ ม มีจิตสานึกและมีปณิธานที่จะอนุรักษศ์ ิลปวฒั นธรรม ทรัพยากร และสิ่งแวดลอ้ ม 5. นกั วจิ ยั ตอ้ งเคารพศกั ด์ิศรี และสิทธิของมนุษยท์ ่ีใชเ้ ป็นตวั อยา่ งในการวจิ ยั นกั วจิ ยั ตอ้ งไม่คานึงถึง ผลประโยชนท์ างวชิ าการจนละเลย และขาดความเคารพในศกั ด์ิศรีของเพ่ือนมนุษย์ 6. นกั วจิ ยั ตอ้ งมีอิสระทางความคิดโดยปราศจาก อคติ ในทุกข้นั ตอนของการทาวิจยั นกั วจิ ยั จะตอ้ ง มีอิสระทางความคิด คือไม่ทางานวิจยั ดว้ ยความเกรงใจ และการปฏิบตั ิงานวิจยั น้นั จะตอ้ งใชห้ ลกั วิชาการ เป็นเกณฑโ์ ดยไมม่ ีอคติใดๆ เขจา้ มาเกี่ยวขอ้ ง 7. นกั วิจยั พึงนาผลงานวิจยั ไปใช้ประโยชน์ในทางท่ีชอบ นกั วิจยั จะตอ้ งมีความรับผิดชอบ และมี ความรอบคอบในการเผยแพร่งานวจิ ยั 8. นกั วจิ ยั พึงเคารพความคิดเห็นทางวิชาการของผูอ้ ่ืน นกั วิจยั ตอ้ งเป็ นผทู้ ี่มีมนุษยสัมพนั ธ์ที่ดี ยนิ ดี แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างความเขา้ ใจในงานวจิ ยั กบั เพอ่ื นร่วมงานและนกั วชิ าการอื่นๆ 9. นักวิจยั พึงมีความรับผิดชอบต่อสังคมทุกระดับ นักวิจยั จะต้องหาหัวข้อการวิจัยด้วยความ รอบคอบ และทาการวจิ ยั ดว้ ยจิตสานึกที่จะอุทิศกาลงั ปัญญาของตน เพ่ือความกา้ วหนา้ ทางวชิ าการ และเพื่อ ประโยชน์สุขตอ่ สงั คม การสรุปผลการดาเนินงานและการจัดทารายงาน การสรุปผลการดาเนินงาน หลงั จากที่ผเู้ รียนไดป้ ฏิบตั ิตามโครงการเรียบร้อยแลว้ จะตอ้ งสรุปผลการดาเนินงานวา่ เป็นอยา่ งไร ดงั น้นั ในส่วนของสรุปผลการดาเนินงานควรประกอบดว้ ยส่ิงตอ่ ไปน้ี 1. ผลการดาเนินงานเป็ นการสรุปผลหลงั จากที่ไดด้ าเนินงานตามโครงการสิ้นสุดลงแลว้
11 2. ปัญหาและอุปสรรคท่ีเกิดข้ึนระหวา่ งการดาเนินงานตามโครงการน้นั มีปัญหาและอุปสรรคอะไร เกิดข้ึนบา้ งจะไดห้ าแนวทางแกไ้ ขเพอ่ื ไมใ่ หป้ ัญหาหรืออุปสรรคเหล่าน้นั เกิดข้ึนไดอ้ ีก 3. ขอ้ เสนอแนะ เป็ นการเสนอแนะแนวทางเพื่อจะทาใหก้ ารปฏิบตั ิโครงการคร้ังต่อไปสามารถ หลีกเลี่ยงปัญหาและอุปสรรคท่ีเกิดข้ึน และทาใหโ้ ครงการสามารถประสบผลสาเร็จไดง้ ่ายข้ึน การจัดทารายงาน การจดั ทารายงานประกอบดว้ ยรายละเอียดดงั น้ี 1.ส่วนนา เป็นส่วนแรกของรายงาน ซ่ึงควรประกอบดว้ ย 1.1 ปก ควรมีท้งั ปกนอก และปกใน ซ่ึงมีเน้ือหาซ้ากนั 1.2 คานา หลกั การเขียนคานาท่ีดีจะตอ้ งทาให้ผูอ้ ่านตอ้ งการที่จะอ่านเน้ือหาส่วนในของ รายงานจนจบ ดงั น้นั คานาตอ้ งก่อความสนใจแก่ผอู้ า่ นใหม้ ากท่ีสุด 1.3 สารบญั หมายถึงบญั ชีบท หรือ หวั ขอ้ สาคญั ในรายงานตอ้ งเขียนเรียงลาดบั ตามเน้ือหา ของรายงาน 2.ส่วนเน้ือหา ประกอบดว้ ยส่วนต่างๆดงั น้ี 2.1 หลกั การและเหตุผล วตั ถุประสงค์ เป้าหมาย ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ 2.2 วธิ ีการดาเนินงาน แบ่งออกเป็น 4 ตอนไดแ้ ก่ ตอนที่ 1 การเตรียมการก่อนเร่ิมโครงการประกอบดว้ ย การศึกษาคน้ ควา้ การเตรียมวสั ดุ อุปกรณ์และการแบ่งหนา้ ท่ีใหแ้ ก่สมาชิกภายในกลุ่ม ตอนท่ี 2 การดาเนินการ เป็ นการเขียนถึงข้นั ตอนการทาโครงการแต่ละข้นั ตอนว่าดาเนินการ อย่างไรซ่ึงส่วนใหญ่จะมีการบนั ทึกภาพของแต่ละข้นั ตอนอย่างละเอียดแลว้ นาเสนอในรายงานน้ีพร้อมกบั คา บรรยาย ตอนท่ี 3 คา่ ใช่จา่ ยบอกท่ีมาของเงินทุนพร้อมกบั ระบุค่าใชจ้ า่ ยในการทาโครงการ ตอนที่ 4 สรุปผลการดาเนินงานประกอบดว้ ย ผลการดาเนินงาน ปัญหาและอุปสรรค และ ขอ้ เสนอแนะ ตามท่ีกล่าวมาขา้ งตน้ 3. บรรณานุกรม หรือเอกสารอา้ งอิงหรือเอกสารท่ีใชค้ น้ ควา้ 4. ภาคผนวก นาเอกสารที่เก่ียวขอ้ งในการจดั ทาโครงการ เช่นโครงการ แบบฟอร์ม รูปภาพอ่ืนๆมา ใส่ไวต้ ามความจาเป็น การนาเสนอผลงาน ความหมายของการนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงานหมายถึงการที่ผเู้ รียนไดน้ ารายละเอียดของโครงการมานาเสนอแก่ผูท้ ่ีเก่ียวขอ้ ง ไดร้ ับทราบถึงเหตุของการจดั ทาโครงการ วิธีการาดาเนินงาน ผลการดาเนินงาน ปั ญหาและอุปสรรคที่ เกิดข้ึน รวมถึงขอ้ เสนอแนะเพื่อเป็นแนวทางสาหรับผทู้ ่ีจะจดั ทาโครงการลกั ษณะเดียวกนั ในโอกาสตอ่ ไป
12 เทคนิคการนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงานผนู้ าเสนอจะตอ้ งมีการเตรียมตนเองเพ่ือใหก้ ารนาเสนอน้นั เป็นการนาเสนอท่ีดีมี ประสิทธิภาพ สามารถสื่อสารใหผ้ ฟู้ ังเขา้ ใจอยา่ งชดั เจน ส่ิงที่ผนู้ าเสนอควรปฏิบตั ิมีดงั น้ี 1. สารวจตนเอง บุคลิกภาพของผนู้ าเสนอเป็ นส่ิงสาคญั ยง่ิ ดงั น้นั ผนู้ าเสนอควรมีการสารวจตนเอง เพื่อเตรียมความพร้อมใหก้ บั ตนเอง 2. กล่าวสวสั ดีผฟู้ ัง โดยเร่ิมสวสั ดีผอู้ าวุโสท่ีสุดแลว้ เรียงลาดบั รองลงมาจากน้นั แนะนาตนเอง แนะนาสมาชิกในกลุ่ม และแนะนาช่ือโครงการ 3.เตรียมโครงเร่ืองท่ีจะพูด 4. พูดอยา่ งมีจงั หวะ 5. หลีกเล่ียงการอ่าน แต่ควรจดเฉพาะหวั ขอ้ สาคญั ๆ 6. ผนู้ าเสนอจะตอ้ งทาความเขา้ ใจกบั เน้ือหาท่ีจะนาเสนอเป็นอยา่ งดี 7. ผนู้ าเสนอควรจดั ความคิดแอยา่ งเป็นระบบนาเสนออยา่ งตรงไปตรงมาดว้ ยภาษาที่ชดั เจนและเขา้ ใจ ง่าย 8. รักษาเวลาของการนาเสนอไม่พูดวกไปวนมาหรือออกนอกเร่ืองจนเกินเวลา 9. รู้จกั ใชท้ า่ ทางประกอบการพูดพอสมควร 10.ควรมีสื่อประกอบการนาเสนอเพราะจะทาใหก้ ารนาเสนอน้นั สมบูรณ์ยง่ิ ข้ึน
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: