59
60 3.1 มาตรฐานท่ีเกี่ยวกับไฟฟา้ แสงสว่าง 3.2 มาตรฐานสวติ ช์และเตา้ รับ 3.3 มาตรฐานชอ่ งเดนิ สายและรางเคเบิล 3.4 สรุปสาระสาํ คัญ การเลอื กใช้วัสดุอุปกรณใ์ นงานติดตั้งทางไฟฟ้าตอ้ งไดม้ าตรฐานขน้ั ตาํ่ หรอื มาตรฐานอนื่ ที่การไฟฟ้าฯ ยอมรับ ซึ่งอยู่บนพ้ืนฐานของความปลอดภัย เช่น มาตรฐานที่เก่ียวกับไฟฟ้าแสงสว่าง มาตรฐานสวิตช์และเต้ารับ มาตรฐานท่อร้อยสาย มาตรฐานรางเดินสายและรางเคเบิล เป็นต้น สําหรับมาตรฐานผลิตภัณฑ์- อุตสาหกรรม (มอก.) ให้สังเกตจากเครื่องหมายมาตรฐาน มอก. หมายถึง มาตรฐานทั่วไป และ หมายถึง มาตรฐาน บังคบั แสดงความรเู้ ก่ียวกบั มาตรฐานวัสดุอปุ กรณ์ทางไฟฟ้า 1. จาํ แนกแบบ ประเภท และชนิดของหลอดไฟฟา้ ได้ 2. บอกมาตรฐานท่ีเก่ยี วกับหลอดไฟฟา้ และยกตัวอยา่ งได้ 3. บอกมาตรฐานทเี่ ก่ียวกบั โคมไฟฟา้ และยกตวั อย่างได้ 4. บอกมาตรฐานท่เี ก่ียวกับสวติ ชแ์ ละยกตวั อยา่ งได้ 5. บอกมาตรฐานที่เกี่ยวกบั เต้ารบั และยกตัวอยา่ งได้ 6. บอกมาตรฐานช่องเดินสายและยกตวั อยา่ งได้ 7. บอกมาตรฐานรางเคเบลิ และยกตวั อยา่ งได้
61 เนือ้ หาสาระ ในหน่วยน้ีจะศึกษาถึงมาตรฐานวัสดุอุปกรณ์ทางไฟฟ้า เช่น มาตรฐานที่เกี่ยวกับไฟฟ้าแสงสว่าง มาตรฐานสวิตช์และเต้ารับ มาตรฐานท่อร้อยสาย มาตรฐานรางเดินสายและรางเคเบิล เป็นต้น เพื่อเป็นความรู้ พ้ืนฐานในการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ในงานติดตั้งทางไฟฟ้าต่อไป ซึ่งไฟฟ้าแสงสว่างเป็นไฟฟ้าพ้ืนฐานของอาคาร ทุกประเภท เพือ่ ใหม้ แี สงสวา่ งเพยี งพอต่อการดําเนินกิจกรรมต่าง ๆ หรือประดับตกแต่งอาคารให้สวยงาม และ เครอื่ งหมายมาตรฐาน มอก. หมายถงึ มาตรฐานท่วั ไป และ หมายถงึ มาตรฐานบงั คบั 3.1.1 หลอดไฟฟา้ หลอดไฟฟ้าตาม มอก. 4 แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือแบบขั้วหลอดเกลียวและแบบขั้วหลอดเข้ียว ทั้ง 2 แบบนี้ยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทให้ฟลักซ์การส่องสว่างธรรมดาและประเภทให้ฟลักซ์การ สอ่ งสว่างสงู และแตล่ ะประเภทยงั แบง่ ออกเปน็ 2 ชนดิ คอื ชนดิ สุญญากาศและชนิดบรรจกุ า๊ ซ 1. หลอดเผาไส้ (Incandescent Lamp) มาตรฐานที่เกย่ี วขอ้ ง: มอก. 4–2549, IEC 60432–1, IEC 60064 ขนาดมาตรฐาน: 25, 40, 60, 80, 100 และ 120 W ข้อมูลท่ัวไป: หลอดเผาไส้ ดังรูปท่ี 3.1 ในปัจจุบันยังมีใช้งานอยู่ ติดตั้งง่ายและมีราคาถูก อายุการใช้งานประมาณ 1,000–2,000 ช่ัวโมง ไสห้ ลอดทําจากขดลวดทงั สเตนบรรจุในหลอดแกว้ ข้ัวหลอดมี 2 แบบ คอื แบบขัว้ หลอดเกลยี ว (E27) และแบบขั้วหลอดเขย้ี ว (B22) ก) หลอดอนิ แคนเดสเซนตแ์ บบข้วั หลอดเกลยี ว ข) หลอดอนิ แคนเดสเซนตแ์ บบข้ัวหลอดเขี้ยว รูปท่ี 3.1 ตวั อยา่ งหลอดอนิ แคนเดสเซนต์
62 2. หลอดทงั สเตนฮาโลเจน (Tungsten Halogen Lamp) มาตรฐานที่เกยี่ วขอ้ ง: IEC 60432–2, IEC 60432–3, IEC 60357 ขนาดมาตรฐาน: สําหรับแรงดันไฟฟ้า 12, 24 V มีขนาด 20, 30, 35, 40, 50, 100 และ 250 W สําหรบั แรงดันไฟฟ้า 220 V มีขนาด 150, 250, 300, 500, 1,000, 1,500 และ 2,000 W ข้อมูลท่ัวไป: หลอดทังสเตนฮาโลเจน ดังรูปท่ี 3.2 เป็นหลอดเผาไส้ชนิดหนึ่ง ประกอบด้วย ไส้ทังสเตนที่ถูกปิดผนึกอยู่ภายในหลอดแก้วท่ีเต็มไปด้วยก๊าซเฉ่ือยและเติมสารฮาโลเจนลงไป เพ่ือป้องกันข้ัว หลอดดํา ให้ประสิทธิภาพการส่องสว่างสูงกว่าหลอดเผาไส้ธรรมดา อายุการใช้งานประมาณ 1,000–2,000 ชวั่ โมง และสามารถทาํ งานไดภ้ ายใต้อุณหภูมทิ ่สี งู มากขนึ้ รปู ท่ี 3.2 ตวั อยา่ งหลอดทังสเตนฮาโลเจน 3. หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent Lamp) มาตรฐานทเ่ี กย่ี วข้อง: มอก. 236–2548, มอก. 344–2549, มอก. 956–2548, IEC 60081, IEC 61195 ขนาดมาตรฐาน: หลอดแบบ T8 ทรงกระบอกมีขนาด 36, 18 และ 10 W หลอดแบบ T5 ทรงกระบอกมขี นาด 35, 28, 21, 14 และ 8 W และทรงกลมมีขนาด 22, 30 และ 32 W ข้อมูลทั่วไป: หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent Lamp: FL) หรือหลอดเรืองแสง ดังรูปท่ี 3.3 จัดเป็นหลอดก๊าซดิสชาร์จความดันตํ่าหรือหลอดความดันไอต่ํา เดิมเป็นแบบ T12 (T: Tubular, 12: เส้น ผ่านศูนยก์ ลาง 381 มม. (12 หุน หรอื 12/8 น้ิว)) ท่เี รยี กว่า หลอดอ้วน ปัจจุบันได้เลิกใช้แล้ว ต่อมาพัฒนาเป็น แบบ T8 ท่ีเรียกท่ัวไปว่า หลอดผอม ซ่ึงใช้กันมากท่ีสุดในปัจจุบันและมีการพัฒนาต่อเป็นแบบ T5 อายุการใช้ งานประมาณ 8,000–10,000 ช่ัวโมง ปัจจุบันการไฟฟ้าฯ ได้รณรงค์ให้ประชาชนใช้เพ่ือประหยัดพลังงาน หลอดฟลอู อเรสเซนตแ์ บง่ ออกเปน็ 3 ประเภท – หลอดประเภทอุ่นไส้ (Preheat Start Lamp) ต้องใช้งานร่วมกับบัลลาสต์และ สตาร์ตเตอร์ การทํางานตอ้ งอุน่ ไส้หลอดใหร้ ้อนก่อนโดยใช้สตารต์ เตอร์
63 – หลอดประเภทติดทันที (Instant Start Lamp) เป็นหลอดท่ีสามารถจุดติดได้ทันที จึงไมต่ อ้ งใชส้ ตารต์ เตอร์ – หลอดประเภทติดเร็ว (Rapid Start Lamp) เป็นหลอดที่รวมเอาคุณสมบัติของ หลอดประเภทอุ่นไส้กับหลอดประเภทติดทันทีเข้าด้วยกัน จึงไม่ต้องใช้สตาร์ตเตอร์และสามารถหร่ีแสงของ หลอดได้อีกดว้ ย รูปที่ 3.3 ตัวอยา่ งหลอดฟลูออเรสเซนต์ 4. หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (Compact Fluorescent Lamp) มาตรฐานที่เกย่ี วขอ้ ง: มอก. 2233–2548, มอก. 2234–2548, IEC 60969 ขนาดมาตรฐาน: 5, 7, 9, 11, 13, 18 และ 25 W ข้อมูลทั่วไป: หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ หรือเรียกว่า หลอดตะเกียบ จัดเป็นหลอดก๊าซ ดิสชาร์จความดันตํ่าหรือหลอดความดันไอต่ํา ดังรูปท่ี 3.4 มีให้เลือกใช้ 2 ชนิด คือ (1) ชนิดใช้บัลลาสต์ภายใน มีข้ัวหลอด 2 ชนดิ คือ ชนิดขั้วหลอดเกลียวและชนิดข้ัวหลอดเขี้ยว และ (2) ชนิดใช้บัลลาสต์ภายนอก หลอดนี้ มีอายุการใช้งานประมาณ 5,000–8,000 ชั่วโมง ให้แสงสว่างสูงกว่าหลอดเผาไส้และนํามาใช้แทนหลอดเผาไส้ ได้ถ้าขั้วหลอดขนาดเดียวกัน เช่น E27 เป็นต้น โดยไม่ต้องติดต้ังข้ัวรับหลอดใหม่ (ปัจจุบันชนิดข้ัวหลอดเขี้ยว นยิ มใชน้ ้อยลง) หลอดแกว้ มบี ัลลาสต์อย่ภู ายใน ขว้ั หลอดไปต่อกับ บัลลาสต์ภายนอก ข้วั หลอดเกลียว ขว้ั หลอดเข้ยี ว ก) หลอดคอมแพคชนดิ บลั ลาสตภ์ ายใน ข) หลอดคอมแพคชนิดบัลลาสต์ภายนอก รปู ท่ี 3.4 ตวั อยา่ งหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์
64 5. หลอดโซเดยี มความดันตาํ่ (Low Pressure Sodium Lamp) มาตรฐานทเ่ี กยี่ วขอ้ ง: IEC 62035, IEC 60192 ขนาดมาตรฐาน: 18, 35, 55, 90, 135 และ 180 W ข้อมูลท่ัวไป: หลอดโซเดียมความดันต่ํา หรือเรียกว่า หลอด SOX จัดเป็นหลอดก๊าซดิสชาร์จ ความดันต่ําหรือหลอดความดันไอตํ่า ดังรูปที่ 3.5 การใช้งานต้องใช้ร่วมกับบัลลาสต์ชนิด Autotransformer High Leakage และคาปาซิเตอร์ ใช้เวลาต้ังแต่อุ่นหลอดจนสว่างเต็มท่ีประมาณ 12–15 นาที และหากปิดใช้ งานแล้วเปดิ ใหมใ่ ชเ้ วลารออนุ่ หลอดใหมป่ ระมาณ 5 นาที ซ่ึงปจั จบุ นั ไม่คอ่ ยนยิ มนํามาใชง้ าน รูปท่ี 3.5 ตวั อยา่ งหลอดโซเดยี มความดันตาํ่ 6. หลอดแสงจันทร์ (Mercury Vapor Lamp) มาตรฐานที่เกย่ี วขอ้ ง: IEC 60188 ขนาดมาตรฐาน: 80, 125, 250, 400 และ 1,000 W ข้อมูลท่ัวไป: หลอดแสงจันทร์ หรือเรียกว่า หลอดปรอทความดันสูง หรือหลอดไอปรอท จัดเป็นหลอดก๊าซดิสชาร์จความดันสูงหรือหลอดความดันไอสูง ดังรูปที่ 3.6 การใช้งานต้องใช้ร่วมกับบัลลาสต์ ใช้เวลาตั้งแต่อุ่นหลอดจนสว่างเต็มท่ีประมาณ 3–5 นาที อายุการใช้งานประมาณ 12,000–24,00 ชั่วโมง โดยทว่ั ไปนําไปใช้งานในสถานท่ีสาธารณะ ไฟถนน หา้ งสรรพสนิ ค้า โรงงานอตุ สาหกรรมและอาคารมีเพดานสูง รูปที่ 3.6 ตวั อยา่ งหลอดแสงจนั ทร์
65 7. หลอดโซเดยี มความดนั สงู (High Pressure Sodium Lamp) มาตรฐานท่ีเกยี่ วข้อง: IEC 60662 ขนาดมาตรฐาน: 70, 110, 150, 250, 350, 400 และ 1,000 W ข้อมูลท่ัวไป: หลอดโซเดียมความดันสูง หรือเรียกว่า หลอด SON จัดเป็นหลอดก๊าซดิสชาร์จ ความดันสูงหรือหลอดความดันไอสูง ดังรูปที่ 3.7 การใช้งานต้องใช้ร่วมกับบัลลาสต์และตัวจุดชนวน (Ignitor) ใช้เวลาตั้งแต่อุ่นหลอดจนสว่างเต็มที่ประมาณ 3–7 นาที และหากปิดใช้งานแล้วเปิดใหม่ใช้เวลารออุ่นหลอด ใหม่ประมาณ 1 นาที อายุการใช้งานประมาณ 18,000–24,00 ช่ัวโมง โดยท่ัวไปนําไปใช้งานในระบบแสงสว่าง ภายนอกอาคาร เช่น บรเิ วณลานจอดรถ เปน็ ตน้ รูปท่ี 3.7 ตวั อยา่ งหลอดโซเดยี มความดนั สูง 8. หลอดเมทลั ฮาไลด์ (Metal Halide Lamp) มาตรฐานทีเ่ กย่ี วข้อง: IEC 61167 ขนาดมาตรฐาน: 70, 100, 150, 250, 400, 1,000 และ 2,000 W ขอ้ มลู ท่วั ไป: หลอดเมทลั ฮาไลด์ จดั เปน็ หลอดกา๊ ซดิสชาร์จความดันสูงหรือหลอดความดันไอ สูง ดังรูปท่ี 3.8 มีลักษณะคล้ายหลอดแสงจันทร์ การใช้งานต้องใช้ร่วมกับบัลลาสต์และตัวจุดชนวน (Ignitor) ใชเ้ วลาตัง้ แตอ่ ุ่นหลอดจนสว่างเตม็ ท่ปี ระมาณ 5 นาที อายุการใช้งานประมาณ 7,500–15,00 ช่ัวโมง โดยทั่วไป นาํ ไปใช้งานในระบบแสงสว่างทตี่ ้องการความถูกต้องของสสี ูง เชน่ สนามกฬี า โชว์รูมรถยนต์ เป็นต้น
66 รูปที่ 3.8 ตวั อยา่ งหลอดเมทลั ฮาไลด์ 3.1.2 โคมไฟฟ้า โคมไฟฟ้า (Luminaire) หมายถึง อุปกรณ์สําเร็จใช้จับยึดหลอดไฟฟ้า อุปกรณ์ประกอบและต่อ วงจรของหลอดไฟฟ้าเพ่ือการกระจาย กรอง หรือสะท้อนแสงสว่างท่ีได้จากหลอดไฟฟ้า รวมทั้งป้องกันหลอด และบงั คับทศิ ทางของแสงตามตอ้ งการ โคมไฟฟา้ มีมากมายหลายชนดิ ในทีน่ ีก้ ล่าวถงึ เฉพาะทใี่ ช้กนั มากเท่านน้ั 1. โคมไฟฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent Luminaire) มาตรฐานทเ่ี กยี่ วข้อง: มาตรฐานของโคม: มอก. 344–2549, มอก. 902–2532, มอก. 903–2532, มอก. 1955–2551, IEC 60598 มาตรฐานของบัลลาสต:์ มอก. 23–2521, มอก. 885–2551, มอก. 1506–2541, IEC 60921, IEC 60929, IEC 61347 มาตรฐานของสตาร์ตเตอร์: มอก. 183–2547, IEC 60155 ขอ้ มูลท่ัวไป: โคมไฟสาํ หรบั หลอดฟลอู อเรสเซนต์มีหลายรปู แบบ เพื่อให้เหมาะกบั การใช้งานที่ แตกตา่ งกันไป จงึ ยกตวั อยา่ งชนดิ ทใ่ี ช้กนั มาก ดังน้ี (1) โคมฟลูออเรสเซนต์แบบเปลือย (Bare Type Luminaire) ดังรูปท่ี 3.9 ใช้กับงานท่ี ต้องการแสงออกด้านข้างเหมาะสําหรับติดต้ังท่ีเพดานไม่สูงมากนักโดยทั่วไปไม่เกิน 4 เมตร เช่น ห้องเก็บของ ทจี่ อดรถ พ้นื ทีท่ ่มี ีช้นั วางของ พืน้ ทใ่ี ช้งานไม่บอ่ ยและไม่ต้องการความสวยงามมาก เป็นต้น
67 รูปที่ 3.9 ตัวอยา่ งโคมฟลูออเรสเซนตแ์ บบเปลือย (2) โคมฟลอู อเรสเซนต์แบบโรงงาน (Industrial Type Luminaire) หรือแบบอุตสาหกรรมดัง รูปที่ 3.10 เป็นโคมท่ีมีแผ่นสะท้อนแสงเพ่ือควบคุมแสงให้ไปในทิศทางที่ต้องการ แผ่นสะท้อนแสงอาจทําจาก แผ่นอะลูมิเนียม แผ่นเหล็กพ่นสีขาว หรือวัสดุอื่นที่มีการสะท้อนแสงสูง ทําความสะอาดง่ายและให้แสงสว่าง มากในทิศทางท่ีส่องไป ไม่มีตัวครอบป้องกันวัตถุภายนอกมากระแทกกับหลอดทําให้หลอดสามารถหลุดร่วงลง มาได้ ไม่เน้นความสวยงาม และมีแสงบาดตาจากหลอด รูปที่ 3.10 ตวั อยา่ งโคมฟลอู อเรสเซนต์แบบโรงงาน (3) โคมฟลูออเรสเซนต์กรองแสง (Diffuser luminaire) โดยท่ัวไปแผ่นกรองแสงมี 3 แบบคือ แบบเกร็ดแก้ว (Prismatic diffuser) แบบขาวขุ่น (Opal diffuser) และแบบผิวส้ม (Stipple diffuser) โคม ประเภทน้ีมีทั้งแบบติดฝังฝ้า ติดลอย หรือแบบกระจายแสง (Diffuser surface) ดังรูปท่ี 3.11 เหมาะกับการใช้ งานท่ีไม่ต้องการแสงบาดตาและไม่ต้องการความเข้มส่องสว่างสูงมากนัก เช่น ในพื้นที่โรงพยาบาลท่ีไม่ให้แสง รบกวนคนไข้ ห้องประชมุ ทีไ่ ม่ต้องการแสงบาดตาและแสงสว่างมาก เป็นตน้ และมีประสิทธิภาพตาํ่ ไม่เหมาะกับ การประหยดั พลงั งาน
68 ก) แผ่นกรองแสงแบบเกรด็ แกว้ ข) แผ่นกรองแสงแบบขาวขนุ่ รูปท่ี 3.11 ตวั อย่างโคมฟลอู อเรสเซนตก์ รองแสงแบบฝงั ฝา้ (4) โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรง (Louver luminaire) โดยทั่วไปตะแกรงมี 3 แบบ คือ แบบ ตัวขวาง แบบพาราโบลิก และแบบช่องถี่ ดังรูปท่ี 3.12 มีทั้งแบบติดลอยและฝังฝ้า ลักษณะของโคมไฟ ประกอบด้วยแผ่นสะท้อนแสงด้านข้าง (Reflector) เพื่อสะท้อนแสงและควบคุมแสงให้ไปในทิศทางท่ีต้องการ ส่วนตัวขวางจะช่วยลดแสงบาดตา โดยท่ัวไปแผ่นสะท้อนแสงและตัวขวางจะทําจากอะลูมิเนียมมีท้ังแบบเงา และแบบกระจาย ก) ตะแกรงแบบตัวขวาง ข) ตะแกรงแบบพาราโบลกิ ค) ตะแกรงแบบช่องถี่ รปู ท่ี 3.12 ตวั อย่างโคมฟลูออเรสเซนตต์ ะแกรง 2. โคมไฟดาวนไ์ ลต์ (Downlight Luminaire) มาตรฐานที่เกย่ี วข้อง: มอก. 902–2532, มอก. 903–2532, IEC 60598 ข้อมูลท่ัวไป: โคมไฟดาวน์ไลต์ หรือเรียกว่า โคมไฟส่องลง ดังรูปท่ี 3.13 ใช้กับหลอดไฟได้ หลายชนิด เช่น หลอดเผาไส้แบบสะท้อนแสง (หลอด PAR) หลอดเผาไส้ธรรมดา หลอดฮาโลเจน เป็นต้น ใช้ ติดต้ังแบบฝังฝ้าเพดาน หรือติดตั้งบนพื้นผิวเพดาน ให้แสงส่วนมากส่องใต้ดวงโคม มีการกระจายแสงออก ด้านข้างเลก็ นอ้ ย
69 รูปท่ี 3.13 ตัวอยา่ งโคมไฟดาวนไ์ ลต์ 3. โคมไฟไฮเบย์ (Hight Bay Luminaire) มาตรฐานทเี่ กย่ี วข้อง: มอก. 902–2532, IEC 60598 ข้อมูลท่ัวไป: โคมไฟไฮเบย์ นิยมใช้ในโรงงานที่มีโครงสร้างของหลังคาสูงมากกว่า 6 เมตร ดัง รูปที่ 3.14 ใชก้ บั หลอดกา๊ ซดสิ ชาร์จความดนั สูง การกระจายแสงของโคมเป็นแบบแคบ รปู ท่ี 3.14 ตัวอยา่ งโคมไฟไฮเบย์ 4. โคมไฟสาดสอ่ ง (Floodlight Luminaire) มาตรฐานท่ีเกยี่ วข้อง: มอก. 902–2532, มอก. 906–2532, IEC 60598, IEC 61347–2–1 ข้อมูลทั่วไป: โคมไฟสาดส่อง หรือเรียกว่า โคมไฟฟลัดไลต์ ใช้กับหลอดก๊าซดิสชาร์จความดัน สูง ดังรูปที่ 3.15 ส่วนใหญ่ใช้เพ่ือให้แสงสว่างภายนอกอาคาร สนามกีฬาท้ังสนามกลางแจ้งและในร่ม ตัวโคม สามารถกนั น้ําได้ การกระจายแสงมที งั้ กว้าง แคบ และปรับทศิ ทางได้ตามการใช้งาน รปู ท่ี 3.15 ตัวอยา่ งโคมไฟสาดส่อง
70 5. โคมไฟถนน (Streetlight Luminaire) มาตรฐานที่เกยี่ วขอ้ ง: มอก. 902–2532, มอก. 904–2532, IEC 60598, IEC 61347–2–1 ข้อมูลทั่วไป: โคมไฟถนน ดังรูปที่ 3.16 เป็นโคมไฟที่ใช้ให้แสงสว่างกับถนน ใช้ร่วมกับหลอด ก๊าซดิสชาร์จ หลอดฟลูออเรสเซนต์ หรอื หลอดแอลอดี ี รปู ที่ 3.16 ตัวอย่างโคมไฟถนน 6. โคมไฟฟา้ แสงสวา่ งฉุกเฉนิ (Emergency Light) มาตรฐานท่เี กยี่ วข้อง: มอก. 1102–2538, มอก. 1955–2551, วสท. 2004–54 IEC 61347–2–7 ข้อมูลทั่วไป: โคมไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉิน เป็นโคมไฟฟ้าที่มีอุปกรณ์สําหรับการให้แสงสว่าง ฉกุ เฉนิ ดังรปู ที่ 3.17 ใหแ้ สงสว่างกรณรี ะบบไฟฟ้าแสงสว่างปกตลิ ้มเหลว หรือเมื่อเครื่องป้องกันกระแสเกินเปิด วงจร เพ่ือให้มีแสงสว่างเพียงพอต่อการหนีภัยได้อย่างปลอดภัย วงจรไฟฟ้าที่จ่ายให้โคมไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉิน จะต้องแยกอิสระจากอุปกรณ์ไฟฟ้าอ่ืน ๆ แบตเตอรี่ท่ีใช้เป็นชนิดปิดผนึกและไม่ต้องมีการบํารุงรักษา และจ่าย ไฟฟา้ สํารองกรณฉี ุกเฉนิ สําหรบั ทางเดนิ ห้องโถง บันได ไดต้ อ่ เนอ่ื งไม่นอ้ ยกวา่ 120 นาที รปู ที่ 3.17 ตวั อยา่ งโคมไฟฟ้าแสงสว่างฉกุ เฉนิ
71 7. โคมไฟฟา้ ปา้ ยทางออกฉุกเฉนิ (Emergency Exit Sign) มาตรฐานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง: วสท. 2004–54 ข้อมูลทั่วไป: โคมไฟฟ้าป้ายทางออกฉุกเฉิน เป็นโคมไฟฟ้าชุดสําเร็จที่มีแหล่งจ่ายไฟฟ้าสํารอง ในตัว เพื่อให้ความสว่างกับป้ายทางออกฉุกเฉินซ่ึงเป็นป้ายที่ใช้แสดงทางออกฉุกเฉิน หรือทางหนีภัย ไปยัง ภายนอกอาคารให้เห็นอย่างชัดเจนทั้งในสภาวะปกติและสภาวะฉุกเฉิน ดังรูปที่ 3.18 และแหล่งจ่ายไฟฟ้า สาํ รองกรณีฉุกเฉนิ ตอ้ งจ่ายไฟสาํ หรบั ป้ายทางออกฉุกเฉนิ ไดต้ อ่ เนอ่ื งไม่นอ้ ยกว่า 120 นาที รปู ท่ี 3.18 ตัวอย่างป้ายทางออกฉุกเฉิน 3.2.1 สวติ ช์ (Switch) มาตรฐานทเ่ี กยี่ วขอ้ ง: มอก. 824–2551 พกิ ัดแรงดันมาตรฐาน: 130, 230, 250, 277, 380, 400, 415 และ 440 V พกิ ัดกระแสมาตรฐาน: 6, 10, 16, 20, 25, 32, 40, 45, 50 และ 63 A ข้อมูลทั่วไป: สวิตช์ คือ อุปกรณ์ซึ่งออกแบบให้ต่อ (Make) หรือตัด (Break) กระแสไฟฟ้าใน วงจรไฟฟ้าเดียวหรือหลายวงจร ดังรูปท่ี 3.19 ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ครอบคลุมสวิตช์ที่มี จุดประสงค์ทั่วไปให้ทํางานด้วยมือ (Manually Operated) เฉพาะไฟฟ้ากระแสสลับเท่านั้น มีแรงดันไฟฟ้าที่ กําหนดไม่เกิน 440 โวลต์ กระแสไฟฟ้าที่กําหนดไม่เกิน 63 แอมแปร์ สําหรับใช้ในท่ีอยู่อาศัยและในสิ่งติดตั้ง ทางไฟฟ้ายึดกับท่ีที่คล้ายกันได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร สวิตช์ที่มีข้ัวต่อแบบไร้หมุดเกลียว ต้องมี กระแสไฟฟ้าท่กี าํ หนดสงู สุดไมเ่ กนิ 16 แอมแปร์ รปู ที่ 3.19 ตัวอย่างสวิตช์
72 3.2.2 เต้ารับ (Receptacle) มาตรฐานท่ีเกย่ี วข้อง: มอก. 166–2549, มอก. 2162–2547, IEC 60884–1 พิกัดแรงดันมาตรฐาน: มากกวา่ 50 V ไมเ่ กนิ 440 V พิกัดกระแสมาตรฐาน: 2.5, 6, 10, 16 และ 32 A ข้อมูลท่วั ไป: มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรมนคี้ รอบคลมุ เตา้ เสยี บและเตา้ รับยึดกบั ท่หี รือเตา้ รับ หยิบยกได้ใช้สําหรับไฟฟ้ากระแสสลับที่มีแรงดันไฟฟ้าท่ีกําหนดมากกว่า 50 โวลต์ แต่ไม่เกิน 440 โวลต์ และมี กระแสไฟฟ้าที่กําหนดไม่เกิน 32 แอมแปร์ ดังรูปที่ 3.20 โดยมีเจตนาให้ใช้ในท่ีอยู่อาศัยและงานทั่วไปที่มี จุดประสงค์คล้ายกัน ทั้งภายในอาคารและภายนอกอาคารที่มีอุณหภูมิโดยรอบตามปกติไม่เกิน 40 องศา เซลเซยี ส กรณีเป็นเต้ารบั ยึดกับท่ีมีข้ัวตอ่ แบบไรห้ มุดเกลียว กระแสไฟฟา้ ที่กําหนดสูงสดุ จํากัดไวท้ ี่ 16 แอมแปร์ รูปที่ 3.20 ตัวอยา่ งเตา้ รับ ช่องเดินสาย (Raceway) หมายถึง ช่องปิดซ่ึงออกแบบเฉพาะสําหรับการเดินสายไฟฟ้า หรือตัวนําหรือ ทาํ หน้าท่อี นื่ ตามที่มาตรฐานได้อนญุ าต ช่องเดินสายอาจเป็นโลหะหรือวัสดุฉนวน รวมท้ังท่อโลหะหนา ท่ออโลหะหนา ท่อโลหะหนาปานกลาง ท่อโลหะอ่อนกนั ของเหลว ท่อโลหะอ่อนบาง ท่อโลหะอ่อน ท่อโลหะบาง ช่องเดินสายใต้พ้ืน ช่องเดินสายใต้พ้ืน คอนกรีตโปร่ง ช่องเดนิ สายใตพ้ ้ืนโลหะโปร่ง ช่องเดินสายบนพน้ื รางเดินสาย เคเบิลบัส และทางเดินบัส 3.3.1 ท่อเหลก็ สําหรบั ใชร้ ้อยสายไฟฟ้า ท่อเหล็กกล้าเคลือบสังกะสีสําหรับใช้ร้อยสายไฟจะเรียกว่า “ท่อร้อยสาย” หมายถึง ท่อเหล็ก– กล้ามีตะเข็บและเคลือบสังกะสี ซึ่งปกติใช้ร้อยสายไฟฟ้า แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ตามความหนาของผนังท่อ คือ (1) ประเภทท่ี 1 ผนังท่อบาง ปลายท้ัง 2 ข้างไม่มีเกลียว มีช่ือย่อว่า EMT (Electrical Metallic Tubing) (2) ประเภทท่ี 2 ผนังท่อหนาปานกลาง ปลายทั้ง 2 ข้างมีเกลียว มีชื่อย่อว่า IMC (Intermediate Metal Conduit) (3) ประเภทท่ี 3 ผนังท่อหนา ปลายทงั้ 2 ขา้ งมเี กลยี ว มชี อ่ื ย่อว่า RSC (Rigid Steel Conduit)
73 1. ท่อโลหะบาง (EMT) มาตรฐานท่เี กยี่ วข้อง: มอก. 770–2533 ขนาดมาตรฐาน: เสน้ ผ่านศูนย์กลางภายนอกประมาณ 18, 23, 30, 38, 44 และ 56 มม. ( 1 , 3 , 1, 1 1 , 1 1 และ 2 น้วิ ) มคี วามยาวทอ่ นละ 3 เมตร (10 ฟุต) 2 4 4 2 ข้อมูลทั่วไป: ท่อโลหะบาง ดังรูปท่ี 3.21 ผนังท่อบาง ปลายท้ัง 2 ข้างไม่มีเกลียว หรือไม่ สามารถทําเกลียวได้ ใช้ได้เฉพาะในอาคาร ไม่ใช้ในท่ีท่ีมีการกระทบทางกล ห้ามใช้ฝังดิน และห้ามใช้ในระบบ แรงดันปานกลาง หรือแรงดนั สงู มาตรฐานกาํ หนดใหใ้ ช้อกั ษรสเี ขียวระบุขนาดและชนิดของท่อ รูปท่ี 3.21 ตวั อย่างทอ่ โลหะบาง 2. ทอ่ โลหะหนาปานกลาง (IMC) มาตรฐานทเี่ กยี่ วขอ้ ง: มอก. 770–2533 ขนาดมาตรฐาน: เส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกประมาณ 21, 26, 33, 42, 48, 60, 73, 88, 101 และ 113 มม. ( 1 , 3 , 1, 1 1 , 1 1 , 2, 2 1 , 3, 3 1 , และ 4 นวิ้ ) มคี วามยาวทอ่ นละ 3 เมตร (10 ฟตุ ) 2 4 4 2 2 2 ขอ้ มลู ท่วั ไป: ทอ่ โลหะหนาปานกลาง ดังรูปที่ 3.22 ผนังท่อหนาปานกลาง ปลายทั้ง 2 ข้างมี เกลียว ใช้งานได้ทุกสถานท่ีและสภาวะอากาศ ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร สามารถฝังดินได้ มาตรฐาน กาํ หนดใหใ้ ชอ้ ักษรสีสม้ ระบขุ นาดและชนดิ ของท่อ รปู ที่ 3.22 ตวั อย่างทอ่ โลหะหนาปานกลาง
74 3. ทอ่ โลหะหนา (RSC) มาตรฐานทเ่ี กยี่ วขอ้ ง: มอก. 770–2533 ขนาดมาตรฐาน: เส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกประมาณ 21, 27, 33, 42, 48, 60, 73, 89, 102, 114, 141 และ 168 มม. ( 1 , 3 , 1, 1 1 , 1 1 , 2, 2 1 , 3, 3 1 , 4, 5 และ 6 นิ้ว) มีความยาวท่อนละ 3 2 4 4 2 2 2 เมตร (10 ฟตุ ) ข้อมลู ทว่ั ไป: ทอ่ โลหะหนา ดงั รปู ท่ี 3.23 ผนังท่อหนาปานกลาง ปลายทงั้ 2 ข้างมีเกลียว ใช้ งานไดท้ กุ สถานทีแ่ ละสภาวะอากาศ ใช้ได้ทงั้ ภายในและภายนอกอาคาร สามารถฝงั ดินได้ มาตรฐานกาํ หนดให้ ใช้อกั ษรสีดาํ ระบขุ นาดและชนิดของทอ่ รปู ที่ 3.23 ตวั อยา่ งทอ่ โลหะหนา 3.3.2 ทอ่ โลหะอ่อน มาตรฐานที่เกยี่ วขอ้ ง: IEC 61386–23 ขนาดมาตรฐาน: เส้นผ่านศูนยก์ ลางภายนอกประมาณ 16, 23, 29, 38, 43, 56, 71, 84 และ 109 มม. ( 1 , 3 , 1, 1 1 , 1 1 , 2, 2 1 , 3 และ 4 นวิ้ ) มีความยาวขดละ 10, 15, 30 และ 50 เมตร 2 4 4 2 2 ข้อมูลท่ัวไป: ท่อโลหะอ่อน (Flexible Metal Conduit: FMC) หรือเรียกว่า ท่อ FMC ดังรูปท่ี 3.24 ทําด้วยแผน่ เหล็กกลา้ เคลอื บสงั กะสี มีความออ่ นตัวและโค้งงอไปมาได้ เหมาะสําหรับต่อเข้าเคร่ืองจักรที่มี การสน่ั สะเทือน ก) ท่อ FMC แบบสแควรล์ ็อก (Squarelocked) ข) ทอ่ FMC แบบอินเทอรล์ ็อก (Interlocked) รปู ที่ 3.24 ตัวอยา่ งทอ่ โลหะอ่อน
75 3.3.3 ท่อพวี ซี แี ขง็ สําหรบั ใชร้ ้อยสายไฟฟา้ มาตรฐานทีเ่ กยี่ วขอ้ ง: มอก. 17–2532, มอก. 216–2524, มอก. 999–2533 ขนาดมาตรฐาน: เส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกประมาณ 15, 18, 20, 25, 35, 40, 55, 66, 80 3 1 3 1 1 1 และ 100 มม. ( 8 , 2 , 4 , 1, 1 4 , 1 2 , 2, 2 2 , 3 และ 4 น้วิ ) มีความยาวท่อนละ 4 เมตร สําหรับท่อขนาด 80 มม. (3 นวิ้ ) และขนาด 100 มม. (4 นว้ิ ) ในบางยหี่ อ้ มผี ลิตใชย้ าวถึงท่อนละ 6 เมตร ข้อมูลท่ัวไป: ท่ออโลหะหรือท่อพีวีซี (Polyvinyl Chloride: PVC) ดังรูปที่ 3.25 ทําด้วยพลาสติก พอลิไวนีลคลอไรด์ มีคุณสมบัติด้านเปลวไฟ แต่ไม่ทนต่อแสงแดดเป็นเวลานานทําให้ท่อกรอบ ท่ีใช้ในงานติดต้ัง ไฟฟ้ามีทอ่ สีเหลือง ทอ่ สขี าวและทอ่ สีเทา นยิ มใช้มากเป็นท่อสีเหลอื งและสีขาว ก) ทอ่ พีวีซสี ีเหลือง ข) ทอ่ พวี ีซีสีขาว รปู ท่ี 3.25 ตวั อยา่ งทอ่ พีวซี ี 3.3.4 ทอ่ เอชดพี ีอี (HDPE) มาตรฐานที่เกย่ี วขอ้ ง: มอก. 982–2548 ขนาดมาตรฐาน: เส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกต้ังแต่ 25.4 –160 มม. ( 1 – 6 น้ิว) มีความยาว 2 30–300 เมตร ข้อมูลทั่วไป: ท่อเอชดีพีอี (High Density Polyethylene: HDPE) หรือเรียกส้ัน ๆ ว่า ท่อ PE ดังรูปท่ี 3.26 ทําด้วยพลาสติก Polyethylene มีความแข็งแรงสูง ยืดหยุ่นตัวได้ดี มีท้ังแบบผิวเรียบและแบบ ลูกผูก จะนิยมใช้แบบลูกฟูก แบบลูกฟูกน้ีเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ท่อ EFLEX ใช้ในงานติดตั้งบนฝ้าในอาคาร ใช้ เดนิ สายใตด้ ิน เป็นตน้ ก) ทอ่ HDPE แบบผวิ เรียบ ข) ทอ่ HDPE แบบผิวลูกฟูก รปู ท่ี 3.26 ตวั อยา่ งทอ่ HDPE
76 3.3.5 รางเดินสาย (Wire Ways) มาตรฐานที่เกย่ี วขอ้ ง: มาตรฐานที่การไฟฟ้าฯ ยอมรับ ขนาดมาตรฐาน: ความกว้าง 75, 100, 150, 200, 250, 300, 350, 400, 500, 550, 600, 650, 700, 750 และ 800 mm ความยาว 2440 และ 3000 mm ความสงู 50, 75, 100 และ 150 mm ขอ้ มลู ทวั่ ไป: รางเดนิ สายโลหะ ดังรปู ที่ 3.27 ทําจากแผ่นโลหะพับ มฝี าปิด-เปิดได้ ซ่ึงแผ่นโลหะ พับจะผา่ นกรรมวธิ ีป้องกนั สนิมดว้ ยวิธีต่าง ๆ เช่น ชุบสงั กะสี ชบุ อะลูซงิ ก์ และพน่ สฝี นุ่ เปน็ ต้น รปู ที่ 3.27 อุปกรณ์ประกอบของระบบรางเดนิ สาย (ท่ีมา: แคตตาล็อกรางเดินสาย Bigphaisan Project. 2556: 1)
77 3.3.6 รางเคเบลิ (Cable Trays) มาตรฐานทเี่ กย่ี วขอ้ ง: IEC 61537 หรือ มาตรฐานทีก่ ารไฟฟา้ ฯ ยอมรบั ขนาดมาตรฐาน: ความกวา้ ง 200, 300, 400, 500, 600, 700, 800, 900 และ 1000 mm ความยาว 3000 mm ความสงู 100 mm ขอ้ มูลท่ัวไป: รางเคเบิล ดังรูปท่ี 3.28 ทาํ จากแผน่ โลหะดา้ นล่างทึบ มีช่องระบายอากาศ พื้นพับ เปน็ ลกู ฟูก ซ่งึ แผ่นโลหะจะผา่ นกรรมวิธปี ้องกนั สนมิ ด้วยวธิ ีต่าง ๆ เช่น ชบุ สงั กะสแี ละพ่นสฝี นุ่ เปน็ ตน้ รูปท่ี 3.28 อุปกรณป์ ระกอบของระบบรางเคเบลิ (ทมี่ า: แคตตาล็อกรางเดินสาย Bigphaisan Project. 2556: 7)
78 3.3.7 รางเคเบิลแลดเดอร์ (Cable Ladder) มาตรฐานทเี่ กยี่ วขอ้ ง: IEC 61537 หรอื มาตรฐานทีก่ ารไฟฟา้ ฯ ยอมรับ ขนาดมาตรฐาน: ความกวา้ ง 200, 300, 400, 500, 600, 700, 800, 900 และ 1000 mm ความยาว 3000 mm ความสูง 100 mm ข้อมูลทั่วไป: รางเคเบิลแลดเดอร์ หรือเรียกว่า รางเคเบิลแบบบันได ดังรูปที่ 3.29 ทําจากแผ่น โลหะลกั ษณะเป็นรางเปดิ ขอบมนไม่คม ยึดติดกนั ด้วยขน้ั บันไดทุกระยะหา่ งประมาณ 30 ซม. หรือนอ้ ยกว่า ซ่ึง แผน่ โลหะจะผา่ นกรรมวิธีป้องกนั สนมิ ดว้ ยวิธตี า่ ง ๆ เชน่ ชุบสงั กะสแี ละพ่นสฝี นุ่ เปน็ ต้น รูปที่ 3.29 อปุ กรณป์ ระกอบของระบบรางเคเบลิ แลดเดอร์ (ที่มา: แคตตาล็อกรางเดินสาย Bigphaisan Project. 2556: 12)
79 1. หลอดไฟฟ้าตาม มอก. 4 แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือแบบข้ัวหลอดเกลียวและแบบข้ัวหลอดเขี้ยว ท้ัง 2 แบบนี้ยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทให้ฟลักซ์การส่องสว่างธรรมดาและประเภทให้ฟลักซ์การส่อง สว่างสูง และแต่ละประเภทยังแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ ชนิดสุญญากาศและชนิดบรรจุก๊าซ หลอดไฟฟ้าท่ีมีใช้ งานอยู่มาก เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดเผาไส้ หลอดทังสเตนฮาโลเจน หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ หลอดโซเดียมความดนั ตํา่ หลอดแสงจันทร์ หลอดโซเดียมความดนั สูง และหลอดเมทลั ฮาไลต์ เป็นต้น 2. โคมไฟฟ้า หมายถึง อุปกรณ์สําเร็จใช้จับยึดหลอดไฟฟ้า อุปกรณ์ประกอบและต่อวงจรของหลอด ไฟฟา้ เพ่อื การกระจาย กรอง หรือสะท้อนแสงสว่างท่ีได้จากหลอดไฟฟ้า รวมท้ังป้องกันหลอดและบังคับทิศทาง ของแสงตามต้องการ โคมไฟฟ้ามีมากมายหลายชนิด เช่น โคมไฟฟลูออเรสเซนต์ โคมไฟดาวน์ไลต์ โคมไฟไฮ- เบย์ โคมไฟฟลัดไลต์ โคมไฟถนน และโคมไฟปา้ ยทางออกฉุกเฉิน เป็นตน้ และเลอื กใช้ทไ่ี ดต้ ามมาตรฐาน 3. สวิตช์ คือ อุปกรณ์ซึ่งออกแบบให้ต่อ (Make) หรือตัด (Break) กระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าเดียวหรือ หลายวงจร มีแรงดันไฟฟ้าท่ีกําหนดไม่เกิน 440 โวลต์ กระแสไฟฟ้าที่กําหนดไม่เกิน 63 แอมแปร์ สวิตช์ที่มี ขว้ั ตอ่ แบบไรห้ มดุ เกลยี ว ต้องมีกระแสไฟฟ้าทีก่ ําหนดสูงสดุ ไมเ่ กนิ 16 แอมแปร์ 4. เต้ารับ คือ อุปกรณ์ที่ใช้เป็นจุดต่อทางไฟฟ้าเพ่ือจ่ายไฟฟ้า มีแรงดันไฟฟ้าที่กําหนดมากกว่า 50 โวลต์ แต่ไม่เกิน 440 โวลต์ และมีกระแสไฟฟ้าที่กําหนดไม่เกิน 32 แอมแปร์ กรณีเป็นเต้ารับยึดกับที่มีข้ัวต่อแบบไร้ หมดุ เกลียว กระแสไฟฟา้ ที่กาํ หนดสงู สดุ จาํ กัดไว้ที่ 16 แอมแปร์ 5. ช่องเดินสาย (Raceway) หมายถึง ช่องปิดซ่ึงออกแบบเฉพาะสําหรับการเดินสายไฟฟ้า หรือตัวนํา หรือทําหน้าที่อื่นตามที่มาตรฐานได้อนุญาต เช่น ท่อโลหะหนา ท่ออโลหะหนา ท่อโลหะหนาปานกลาง ท่อ โลหะอ่อนกันของเหลว ท่อโลหะอ่อนบาง ท่อโลหะอ่อน ท่อโลหะบาง ช่องเดินสายใต้พื้น ช่องเดินสายใต้พ้ืน คอนกรตี โปร่ง ชอ่ งเดนิ สายใต้พื้นโลหะโปรง่ ช่องเดินสายบนพนื้ รางเดินสาย เคเบลิ บัส และทางเดนิ บสั คําศพั ท์ประจาํ หนว่ ย ทอ่ หลอดฟลูออเรสเซนต์ Conduit หลอดไฟฟา้ Fluorescent Lamp โคมไฟฟ้า Lamp ช่องเดินสาย Luminaire เต้ารับ Raceway สวติ ช์ Receptacle รางเดินสาย Switch Wire Ways
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: