Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ไทรแอก

ไทรแอก

Published by e27asy, 2017-08-07 22:14:03

Description: หน่วยที่ 9 เรื่องไทรแอก

Search

Read the Text Version

ชดุ การสอน ชุดที่ 6 ไทริสเตอร์ วิชา อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกสแ์ ละวงจร รหัส 2104-2102 หลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชพี พุทธศักราช 2556หน่วยที่ 9 เร่ืองไทรแอก นายสมพร บญุ รนิ สาขาวิชาชา่ งไฟฟา้ กาลงั วิทยาลยั เทคนิคชลบุรี สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ

ใบความรู้ท่ี 9 1ช่ือวิชา อุปกรณ์อเิ ล็กทรอนกิ ส์และวงจร รหสั วิชา 2104-2102หน่วยท่ี 9 ช่อื หน่วย ไทรแอก สอนคร้ังที่ 10ชอ่ื เรอ่ื ง ไทรแอก รวม 4 ช่ัวโมง จานวน 1 ช่วั โมงสาระสาคญั ไทรแอก (Triac) เป็นอุปกรณ์ท่ีถูกสรา้ งจากสารก่ึงตัวนาที่มขี ้ัวต่อ 3 ขา แต่ละขามีชื่อเรียกว่าA2 (แอโนด 2) , A1 (แอโนด1) และ G (เกต) ไทรแอก (Triac) จะเป็นอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่เหมือน กับสวิตชไ์ ฟฟ้าสาหรับกระแสสลับ แตม่ ีข้อดีกว่าสวิตช์ธรรมดา คือการเปดิ – ปิดวงจรของไทรแอกเร็วกว่าสวิตชธ์ รรมดาหลายเทา่ จงึ ทาให้สามารถควบคมุ กาลงั งานได้ คุณสมบัติของไทรแอก มีคุณสมบัติคล้ายกับ SCR ตรงท่ีเม่ือนากระแสแล้วก็จะนากระแสตลอดไปเชน่ กนั แต่ไทรแอกนั้นมีข้อแตกต่างตรงที่สามารถนากระแสได้ 2 ทิศทาง ไม่วา่ จะเปน็ การไหลของกระแสจาก A1 มายัง A2 หรือกระแสไหลจากไหลจาก A2 มายัง A1 ดังนั้นจึงนิยมใช้ไทรแอกในงานควบคุมกาลังไฟฟา้ ทีต่ อ้ งการใชง้ านท้ังไซเกลิ บวกและลบ (ไฟสลับ) จากคณุ สมบัตทิ ก่ี ล่าวมาในเรื่องของการนากระแสนน้ั เราจงึ สามารถแบง่ การทางานของไทรแอก ออกเป็น 4 แบบหรอื 4 ควอทเดรนท์(Quadrant ) ดังน้ันผู้เรียนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ โครงสร้าง สัญลักษณ์ การทางานของไทรแอก ต่อไฟฟา้ กระแสตรง ไฟฟ้ากระแสสลบั การวดั หาขาและตรวจสอบไทรแอกสาระการเรยี นรู้ 1. โครงสร้างของไทรแอก 2. สัญลักษณข์ องไทรแอก 3. การจา่ ยไฟไบแอสให้ไทรแอกทางาน 4. การหยดุ ทางานของไทรแอกตอ่ ไฟฟา้ กระแสตรง 5. การทางานของไทรแอกตอ่ ไฟฟา้ กระแสสลบั 6. การวดั และตรวจสอบไทรแอกจดุ ประสงค์การเรียนรู้ เมอ่ื ผูเ้ รียน เรยี นหนว่ ยการเรยี นนี้แล้วมคี วามสามารถดังต่อไปนี้ คือ 1. บอกโครงสร้างของไทรแอกได้ 2. บอกสญั ลกั ษณ์ของไทรแอกทางานได้ 3. อธบิ ายจ่ายไฟไบแอสให้ไทรแอกทางานได้ 4. อธบิ ายการหยดุ ทางานของไทรแอกต่อไฟฟา้ กระแสตรงได้ 5. อธิบายการทางานของไทรแอกต่อไฟฟา้ กระแสสลับได้ 6. อธบิ ายการวดั หาขาและตรวจสอบไทรแอกได้

2 ไทรแอก (Triac) การนาไทรแอกไปใช้งานทีท่ ีน่ ิยมใช้มากท่ีสุดคือการนาไปใช้ควบควบคุมกาลงั ไฟฟ้ากระแสสลับท่ีโหลด เช่นควบความสว่างของหลอดไฟฟ้ากระแสสลับที่โหลด หรือ วงจรหรี่ไฟ (DIMMER CIRCUIT)ควบคุมวามเร็วมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Motor Speed control) ควบคุมความร้อนของลวดความร้อนเช่นเตาอบไฟฟ้า เคร่ืองทาน้าอุ่น เป็นต้น ลักษณะการทางานของไทรแอก เพ่ือควบคุมการทางานของไฟฟ้ากระสลับน้ันใช้หลักการเดียวกบั การควบคุมมมุ นากระแสของ เอสซีอาร์ เน่ืองจากไทรแอกนากระแสได้ 2 ทางดังนนั้ จึงทางานไดท้ ้ังไซเกลิ บวกและลบของไฟฟ้ากระแสสลบั รปู ท่ี 9.1 รูปร่างของไทรแอก ทม่ี า: http://www.es.co.th1. โครงสรา้ งของไทรแอก ไทรแอกเป็นอุปกรณ์สารก่ึงตัวนาจาพวกไทริสเตอร์เช่นเดียวกันกับเอสซีอาร์ แต่มีโครงสร้างแตกตา่ งไปจาก เอสซอี าร์ โครงสร้างของไทรแอกจะประกอบด้วยสารกงึ่ ตัวนาตอนใหญ่ 3 ตอนคอื PNPและในสารกง่ึ ตวั นาตอนใหญจ่ ะมีสารกึ่งตัวนาตอนย่อยชนดิ N อีก 3 ตอนตอ่ รวมในสารก่ึงตัวนาชนิด Pทั้งสองตอน มีขาออกมาใช้งาน 3 ขาเหมือน เอสซีอาร์ โดยใช้เรียกการใช้งานต่างๆ ขาแอโนด 2 ใช้ตัวย่อว่า A2 หรืออีกอย่างว่าขา เมนเทอร์มินอล 2 โดยใช้ตัวย่อว่า MT2 ขาแอโนด 1 โดยใช้ตัวย่อว่า A1หรอื เรียกอกี อย่างหนึ่งว่าขา เมนเทอรม์ ินอล 1 ใชต้ ัวยอ่ MT1 และขาเกต ใชต้ วั ย่อว่า G A2 NP N NP N G A1 รปู ที่ 9.2 โครงสร้างของไทรแอก

32. สัญลักษณข์ องไทรแอก สัญลักษณข์ องไทรแอก ประกอบดว้ ยรูปสามเหลยี่ มและขีด 2 รูปตอ่ กลับด้านกนั มขี าตอ่ ออกมาเปน็ ขา A1 (แอโนด1) และ A2 (แอโนด2) และที่ปลายแหลมของสามเหล่ียมด้าน A1 จะมขี า G (เกต)ตอ่ ออกมาอีกขาหน่ึงขา A2 G A1 รูปที่ 9.3 สัญลกั ษณ์ของไทรแอก3. การจ่ายไฟไบแอสใหไ้ ทรแอกทางาน คุณสมบัติในการทางานของไทรแอกเหมือนกับ SCR สองตัวหนั หัวกลับทางกัน และสามารถควบคุมการทางานของตวั ไทรแอก หรอื SCR สองตวั ไดด้ ้วย ขา G จงึ ทาให้สญั ลักษณข์ องไทรแอกคลา้ ยกบั มี SCR สองตัวกลบั ทางกนั ดงั รูปที่ 9.4 A2 G A1 รปู ท่ี 9.4 วงจรเทยี บเคยี งไทรแอกจากเอสซีอาร์ ไทรแอกสามารถทางานทง้ั แรงดันทัง้ ช่วงบวกและชว่ งลบ สามารถนากระแสได้สองทิศทางการนากระแสของไทรแอกจะขนึ้ อย่กู ับแรงดนั ทีป่ อ้ นจดุ ชนวนขา G และแรงดนั ท่ีจา่ ยให้ขา A2 และ A1 เมื่อจดั การจ่ายไบแอสใหไ้ ทรแอกสามารถทจ่ี ะจดั ไบแอสใหต้ ัวไทรแอกทางานไดท้ งั้ หมด 4 สะภาวะดงั น้ี 1. สภาวะท่ี 1 หรือ ควอแดรนท์ท่ี 1 จ่ายแรงดันบวกให้ขา A2 จ่ายแรงดันไฟลบที่ขา A1 จ่ายแรงดันบวกจุดชนวนขา G จะเกิดการนากระแสในตัวไทรแอกแสดงดังรูปที่ 9.5 สภาวะการนากระแสของไทรแอกในควอแดรนท์ที่ 1 โดยจ่ายแรงดันบวกให้ขา A2 และจ่ายแรงดันลบให้กับขา A1 และมีแรงดนั บวกจุดชนวนขา G ไทรแอกจะนากระแสมกี ระแสบวกจากแหล่งจา่ ย VAA ไป A2 ผา่ นตัวไทรแอกไปออกขา A1 ครบวงจรที่แหล่งจ่าย VAA การจ่ายแรงดันจุดชนวนที่ขา G ทาให้มีกระแสบวกไหลผ่านจากแหลง่ จ่าย VG ไปขา A1 ไหลออกทีข่ า G ครบวงจรทแ่ี หลง่ จา่ ย VG ทศิ ทางการไหลของ IG และ IA จะไหลในทิศทางเดยี วกัน ทาให้ IA ไหลมากขนึ้ ในสภาวะท่ี 1 ไทรแอกจะนากระแสได้ดี

4 IA RL A2 IG + VAA A1 -+ G- VG รปู ที่ 9.4 แสดงสภาวะการนากระแสของไทรแอกในควอแดรนท์ที่ 1 2. สภาวะที่ 2 หรอื ควอแดรนท์ท่ี 2 ยังคงจา่ ยแรงดนั บวกใหก้ บั ขา A2 จ่ายแรงดันลบที่ขา A1แต่จา่ ยแรงดนั ลบจุดชนวนขา G แทนแรงดนั บวก จะเกดิ การนากระแสในตัวของไทรแอกแสดงดงั รูปท่ี9.5 IA RL A2 IG + VAA G A1 -+- VG รปู ที่ 9.5 สภาวะท่ี 2 หรือควอแดรนท์ที่ 2 สภาวะการนากระแสของไทรแอกในควอแดรนท์ที่ 2 โดยจ่ายแรงดันบวกให้ขา A2 และจ่ายแรงดันลบให้กับขา A1 และมีแรงดันลบจุดชนวนขา G เป็นการจ่ายแรงดันกระตุ้นอกี แบบหนึ่งไทรแอกจะนากระแสมีกระแสบวกจากแหลง่ จา่ ย VAA ไป A2 ผา่ นตวั ไทรแอกไปออกขา A1 ครบวงจรทแ่ี หล่งจ่ายVAA การจา่ ยแรงดันจดุ ชนวนที่ขา G ทาใหม้ กี ระแสบวกไหลผ่านจากแหลง่ จ่าย VG ไปขา A1 ไหลออกที่ขา G ครบวงจรทแ่ี หลง่ จา่ ย VG สังเกตวา่ การไหลของกระแสของ IG และ IA จะไหลในทิศทางสวนกันหรือกระแสไหลหกั ลา้ งกนั ทาให้ IA ไหลน้อยลง ในสภาวะท่ี 2 ไทรแอกจะนากระแสได้ไมด่ ี 3. สภาวะที่ 3 หรือควอแดรนท์ท่ี 3 กลับขัว้ แรงดันที่จา่ ยให้ A2 เปน็ ลบและแรงดนั ทจี่ า่ ยให้ A1เป็นบวก ส่วนขา G ยังคงจ่ายแรงดันจุดชนวนเป็นลบเหมือนเดิม จะเกิดการนากระแสในตัวไทรแอกแสดงดงั รูป 9.6

5 +IGIARL -GA2 VAA+ VG A1+- รูปท่ี 9.6 สภาวะท่ี 3 หรอื ควอแดรนท์ที่ 3- สภาวะการนากระแสของไทรแอกในควอแดรนท์ท่ี 3 โดยจ่ายแรงดันลบให้ขา A2 จ่ายแรงดันบวกให้ขา A1 และจ่ายแรงดันลบจุดชนวนขา G เป็นการจ่ายแรงดันกระตุ้นอีกแบบหนึ่ง ไทรแอกจะนากระแสมีกระแสไหลจากบวกของแหลง่ จ่าย VAA ไปขา A1 ผ่านตัวไทรแอกไปออกขา A2 ครบวงจรท่ีลบแหล่งจ่าย VAA การจ่ายแรงดันกระตุ้นท่ีขา G ทาให้มีกระแสบวกไหลจากแหล่งจ่าย VG ไปขา A1และไหลออกที่ขา G ครบวงจรที่ลบแหล่งจ่าย VG ทิศทางการไหลของกระแส IG และ IA จะไหลในทศิ ทางเดียวกนั หรือกระแสไหลเสรมิ กนั ทาให้ IA ไหลมากขนึ้ ในสภาวะที่ 3 ไทรแอกจะนากระแสไดด้ ี 4. สภาวะที่ 4 หรือควอแดรนท์ที่ 4 ยังคงจา่ ยแรงดนั ลบให้ขา A2 และจ่ายแรงดันบวกใหข้ า A1ส่วนขา G กลับข้ัวแรงดันเป็นจ่ายบวกใหข้ า G เป็นแรงดนั จดุ ชนวนเทียบกับขา A1 จะเกิดการนากระแสในตวั ไทรแอกแสดงดงั รูปที่ 9.7 IG IA RL A2 VAA G+ A1- VG รูปท่ี 9.7 สภาวะท่ี 4 หรอื ควอแดรนท์ท่ี 4 สภาวะการนากระแสของไทรแอกในควอแดรนท์ท่ี 4 โดยจ่ายแรงดันลบให้ขา A2 จ่ายแรงดันบวกให้ขา A1 และจ่ายแรงดันบวกจดุ ชนวนขา G เปน็ การจา่ ยไบแอสอีกแบบหน่งึ ไทรแอกจะนากระแสมีกระแสไหลจากบวกของแหล่งจ่าย VAA ไปขา A1 ผ่านตัวไทรแอกไปออกขา A2 ครบวงจรท่ีลบแหล่งจ่าย VAA การจ่ายรงดันจุดชนวนท่ีขา G ทาให้มีกระแสบวกไหลจากแหล่งจ่าย VG ไปขา G ไหลผ่านออกท่ีขา A1 ครบวงจรที่ลบแหล่งจ่าย VG ทิศทางการไหลของกระแส IG และ IA จะไหลในทิศทางสวนกนั หรือกระแสไหลหักลา้ งกนั ทาให้ IA ไหลนอ้ ยลง ในสภาวะท่ี 4 ไทรแอกจะนากระแสไดไ้ ม่ดี

64. การหยดุ การทางานของไทรแอก การหยุดการทางานของไทรแอกในวงจรไฟฟา้ กระแสตรงจะทาได้เหมือนกบั เอสซีอาร์ คือลดค่ากระแสทไ่ี หลผ่านแอโนดลงให้ตา่ กว่าค่ากระแสโฮลดิง้ (Holding current) หรือเรยี กว่า IH จากวงจรดังรูปที่ 9.5 ถ้าเรากดสวิตช์ S2 จะเป็นการตัดแหล่งจ่ายไฟออก ไทรแอกจะหยุดนากระแส (OFF) หลอดไฟจะดับ หรือกดสวิตช์ S3 เป็นการลดกระแสที่ไหลผ่านไทรแอกให้น้อยกว่ากระแสโฮลด้ิง (IH) ไทรแอกจะหยุดนากระแส (OFF) หลอดไฟจะดับ S2 S1 A2 + G A1 - S3 VAA+ VG- รปู ท่ี 9.5 การหยดุ การทางานของไทรแอก5. การทางานของไทรแอกตอ่ ไฟฟา้ กระแสสลับ เมือ่ นาไทรแอก ไปใชก้ ับแรงดนั ไฟฟา้ สลบั สามารถทางานได้ท่ีรปู คลืน่ ไฟฟ้าทั้ง 2 ซกี คือทัง้ ครึง่คลื่นบวกและครึ่งคล่ืนลบ สามารถควบคุมการทางานได้จากขาเกต การนาไทรแอกไปใช้งานน้ันเราสามารถนาไปใชอ้ ยู่ใน 2 ลักษณะ คือ 5.1 ใช้งานเป็นสวติ ช์ ซ่ึงเหมือนกบั SCR แต่ไทรแอกน้นั สามารถใช้ได้ทั้งไฟฟา้ กระแสตรงและไฟฟ้ากระแสสลบัจากรูปท่ี 9.6

7 S1 Lamp A2 AC VAA+ G A1- VG รูปท่ี 9.6 การทางานของ ไทรแอก ต่อไฟฟา้ กระแสสลับ จากรูปที่ 9.6 การควบคุมให้ ไทรแอก นากระแส (ON) ทาได้โดยการป้อนแรงดันไฟฟ้าบวกหรือลบที่ขั้วเกตที่เรียกว่าจุดชนวนเกตหรือสัญญาณ ทริกเกอร์ (Trigerred) โดยกดสวิตช์ S1 เป็นการจุดชนวนเกต ควบคุมให้ ไทรแอก นากระแส (ON) หลอดไฟจะสว่าง แต่ถ้าไม่กด S1 ไทรแอก จะหยุดนากระแส (OFF) เน่ืองจากจุดตัดศูนย์ (Zero-crossing point) ซึ่งจะเกิดขึ้นทุก ๆ คร่ึงคาบเวลาของสญั ญาณไฟสลับทใี่ ห้แก่วงจร 5.2 ใชไ้ ทรแอกควบคุมกาลังไฟฟา้ ที่จะจา่ ยใหแ้ ก่โหลด ไทรแอกสมารถควบคุมเฟสของสัญญาณได้เช่นเดียวกับ SCR แต่ดีกว่า SCR ตรงที่สามารถควบคมุ เฟสของแรงดนั ไฟสลบั ได้ทง้ั ชว่ งบวกและชว่ งลบ และควบคมุ การทางานของโหลดไดโ้ ดยใช้วงจรปรับเฟสและหนว่ งเวลา หน่วงเวลาแรงดนั ที่จะสง่ ไปทาการกระตุ้นขาเกต จหุ รอื จดุ ชนวนเกต เพ่ือทาให้ไทรแอกทางาน ในเวลาและเฟสของสัญญาณท่เี ปลย่ี นไป Lamp A2 RG VAC AA G A1 รปู ที่ 9.7 การใช้งาน ไทรแอก คมุ คมุ ความสว่างของหลอดไฟ การใชง้ านควบคมุ กาลังไฟฟ้าทีจ่ ะจา่ ยใหแ้ ก่โหลด ในระบบท่เี รยี กวา่ เฟสทริกเกอร์ รปู ท่ี 9.7เปน็ วงจรควบคมุ ความสว่างของหลอดไฟโดยการปรบั มมุ ของสญั ญาณทริกเกอร์

VAA 8 tVG t 90VL t รูปท่ี 9.8 รูปคลน่ื แรงดันของวงจร เม่อื จดุ ชนวนเกตที่ตาแหนง่ เฟส 90 องศา การหนว่ งเฟสมีผลดงั นี้คอื ถ้า ไทรแอก ถูกจุดชนวนเกตทตี่ าแหนง่ เฟส 0 องศาหลังจากทท่ี ุก ๆครึ่งรูปคลื่นเร่ิมเข้ามากาลังไฟทั้งหมดก็จะถูกป้อนให้แก่โหลด จากรูปท่ี 9.8 ถ้าการจุดชนวนเกตที่ตาแหน่งเฟส 90 องศา หลังจากทุก ๆ ครึ่งคลื่นเร่ิมเข้ามา จะทาให้กาลังไฟทป่ี ้อนให้แกโ่ หลดน้ัน ลดลงเหลอื เพียงครึ่งหนึ่งของกาลังทงั้ หมด6. การวดั หาขาและตรวจสอบไทรแอก การวัดหาขาของ ไทรแอก เราจะทราบขา A2 เป็นอันดับแรก โดยใช้มัลติมิเตอร์ ต้ังย่านวัดค่าความต้านทาน Rx1 สายวัดบวกสีแดงจะมีศักย์ไฟฟา้ เป็นลบ (-) ส่วนสายวัดลบสีดาจะมีศักย์ไฟฟา้ เป็นบวก (+) รูปที่ 9.9 แสดงการวัดหาหาขา A2 ทาไดโ้ ดยใชส้ ายวดั ลบ แตะทข่ี าใดขาหนง่ึ เป็นหลัก แลว้ นาสายวัดบวก ไปวัด 2 ขาที่เหลือ ให้ได้ผลการวดั ท่ีเข็มขนึ้ มาก 1 ครั้ง ถ้าผลการวัดไม่ได้ตามน้ใี หย้ ้ายสายวดั ลบไปแตะท่ีขาอื่น บา้ ง และใช้สายวัดบวกวัด 2 ขาท่ีเหลอื จนกวา่ จะไดผ้ ลการวัดท่ีเข็มขนึ้ มาก 1 ครงั้เมื่อเจอขาท่ีได้ผลการวดั ที่เข็มข้ึนมาก 1 ครั้ง ให้ทดลองสลับสายวดั ดังรูปที่ 9.9 เข็มมัลติมิเตอรก์ จ็ ะขึ้นเหมอื นเดิมเนื่องจากไทรแอกน้ันสามารจุดชนวนเกตได้ทั้งไฟบวกและลบ ขาท่สี ายวดั ลบ และบวกตอ่ อยู่จะมีขาใดขาหนงึ่ เปน็ G และอกี ขาเป็น A1 สว่ นขาทีเ่ หลอื จะเป็นขา A2

9Triac Triac A2 X1 A2 X1123 123ผลการวดั ที่เข็มขนึ้ มาก 1 คร้ัง สลบั สายวดั เขม็ ขน้ึ มาก รูปท่ี 9.9 การวัดหาหาขา A2 ของไทรแอก จากรปู ที่ 9.9 สรุปว่าขา 3 คือขา A2 ส่วนขาท่ีวัดค่าความต้านทานผลการวัดท่ีเข็มมัลตมิ ิเตอร์ขึน้ ขา 1 และ 2 จะมีขาใดขาหนง่ึ เป็น G และอีกขาเป็น A1 จะตอ้ งทาการทดสอบการสมมุติขาให้ขาใดขาหนงึ่ เป็นขา G แลว้ ทดสอบจุดชนวนเกตหรือ ทริกเกอร์ เพื่อหาขา G และ A1 ดังรปู ท่ี 9.10 สมมตุ ิขาให้ขาที่ 1 ขาหนึ่งเป็นขา G และต่อสายวัดลบกับขา A2 สายวัดบวกต่อขาท่ี 2 และทาการจุดชนวนเกตโดยการช็อตขา G กับขา A2 และปลดสายช็อตออก อ่านค่าความต้านทาน จากน้ันให้สลับสายวัดเอาสายวดั บวกตอ่ ขา A2 สายวดั ลบ ขาที่ 2 และทาการจดุ ชนวนเกตโดยการช็อตขา G กับขา A2 และปลดสายช็อตออก อ่านค่าความต้านทาน ให้เปรียบเทียบค่าความต้านทานท้ัง 2 ครั้งว่ามีค่าเท่ากันหรือไม่ ถ้าความต้านทานเท่ากับแสดงว่าสมมตุ ิขา G ถูกต้อง แต่จากรูปที่ 9.10 ค่าความต้านทานท่ีวัดได้จากการจุดชนวนเกตไม่เท่ากับแสดงว่าสมมุติขา G ไม่ถูกต้อง ให้ทาการสมมุติขา G ใหม่ดังรูปท่ี9.11Triac TriacG 1 2 A2 X1 G 1 2 A2 X1A2 G A2 G รปู ที่ 9.10 การวัดหาหาขา G ของไทรแอก

10 Triac X1 Triac X1 1 2G A2 1 2G A2 A2 GA2 G รูปที่ 9.11 การวดั หาหาขา G ของไทรแอก จากรูปที่ 9.11 สมมุตขิ าใหข้ าท่ี 2 เป็นขา G และตอ่ สายวดั ลบกบั ขา A2 สายวัดบวกกบั ขาท่ี 1และทาการจุดชนวนเกตโดยการช็อตขา G กับขา A2 และปลดสายช็อตออก อ่านค่าความต้านทานจากน้ันให้สลับสายวัด เอาสายวัดบวกต่อขา A2 สายวัดลบต่อขาท่ี 1 และทาการจุดชนวนเกตโดยการช็อตขา G กบั ขา A2 และปลดสายช็อตออก อา่ นค่าความตา้ นทาน ใหเ้ ปรียบเทยี บค่าความตา้ นทานท้ัง 2 ครั้งว่ามีค่าเท่ากันหรือไม่ ถ้าความต้านทานเท่ากับแสดงว่าสมมุติขา G ถูกต้อง สรุปได้ว่าขาที่ 1คอื A1 ขาที่2 คือ G ขาท่ี 3 คือ A2 อาการเสียของไทรแอกน้ันส่วนใหญ่ท่ีพบมักเกิดจากการต่อช็อตวงจรที่โหลดทาให้รอยต่อระหว่างขา A1 และ A2 เสียหายคือทะลุถึงกัน ฉะนั้นเรามีวิธีการตรวจสอบไทรแอกง่าย ๆ คือใช้มลั ตมิ ิเตอร์ต้ังยา่ นวดั โอห์มมเิ ตอร์ Rx1 วดั ขา A1 และ A2 ถา้ เข็มมิเตอรข์ น้ึ แสดงว่าไทรแอกตวั นั้นเสยีแตถ่ ้าความตา้ นทานมคี า่ สงู ไทรแอก อยใู่ นสภาพดี Triac X1 A1 G A2รูปท่ี 9.12 การวดั ค่าความตา้ นทานขา A2 A1

11สรปุ 1. โครงสร้างของ ไทรแอก โครงสร้างของไทรแอกจะประกอบดว้ ยสารกง่ึ ตัวนาตอนใหญ่ 3 ตอนคอื PNP และในสารก่ึงตัวนาตอนใหญ่จะมีสารกึง่ ตวั นาตอนยอ่ ยชนดิ N อีก 3 ตอนต่อรวมในสารก่งึ ตัวนาชนิด P ท้งั สองตอนมีขาออกมาใชง้ าน 3 โดยใช้เรยี กการใชง้ านต่างๆ A2 หรอื MT2 ขา A1 หรือ MT1 และขา G 2. สญั ลกั ษณ์ของ ไทรแอก A2 G A1 รปู ที่ 9.13 สญั ลกั ษณ์ของ ไทรแอก 3. การจา่ ยไฟไบแอสให้ไทรแอกทางาน ไทรแอกสามารถทางานทั้งแรงดันทัง้ ช่วงบวกและช่วงลบ สามารถนากระแสไดส้ องทศิ ทางการนากระแสของไทรแอกจะขนึ้ อยู่กับแรงดันทป่ี ้อนจดุ ชนวนขา G และแรงดันทจี่ า่ ยใหข้ า A2 และ A1 เมอ่ืจดั การจา่ ยไบแอสใหไ้ ทรแอกสามารถที่จะจัดไบแอสใหต้ วั ไทรแอกทางานได้ทั้งหมด 4 สะภาวะ 4. การหยุดทางานของไทรแอกตอ่ ไฟฟ้ากระแสตรง การหยุดการทางานของไทรแอกในวงจรไฟฟา้ กระแสตรงจะทาได้เหมือนกบั เอสซีอาร์ คือลดคา่ กระแสท่ีไหลผา่ นแอโนดลงให้ตา่ กว่าคา่ กระแสโฮลดิง้ (Holding current) หรือเรียกวา่ IH 5. การทางานของไทรแอกตอ่ ไฟฟา้ กระแสสลบั เม่อื นาไทรแอก ไปใชก้ บั แรงดันไฟฟ้าสลับ สามารถทางานได้ทรี่ ูปคล่ืนไฟฟา้ ทัง้ 2 ซกี คอื ทั้งครึง่คลืน่ บวกและครึ่งคลนื่ ลบ สามารถควบคุมการทางานไดจ้ ากขาเกต 6. การวดั และตรวจสอบไทรแอก การวัดหาขาของ ไทรแอก เราจะทราบขา A2 เป็นอันดับแรก และหาขา G และ A1 โดยการทดสอบการจดุ ชนวนเกต อาการเสียของไทรแอกนั้นส่วนใหญ่ท่ีพบมักเกิดจากการต่อช็อ ตวงจรที่โหลดทาให้รอย ต่อระหวา่ งขา A1และ A2 เสยี หายคือทะลถุ ึงกนั ฉะน้ันเรามีวิธกี ารตรวจสอบไทรแอกง่ายๆคือใช้ มัลติมิเตอรต์ ง้ั ยา่ นวัด โอหม์ มเิ ตอร์ Rx1 วัดขา A1และ A2 ถา้ เข็มมเิ ตอรข์ ึ้นแสดงว่าไทรแอกตวั น้นั เสีย

12 อ้างอิงฉัตรธิวัฒน์ ธรรมานยุ ุต 2558. วงจรอิเล็กทรอนิกส์. กรุงเทพมหานคร: ซีเอด็ ยเู คชนั่ .ชิงชัย ศรีสรุ ตั น์ และ วีรศกั ด์ิ สวุ รรณเพชร 2556. อุปกรณอ์ ิเล็กทรอนกิ ส์และวงจร. นนทบรุ ี: สานักพิมพ์ศนู ยห์ นังสอื เมืองไทย.นภัทร วัจนเทพินทร์. 2551. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์. ปทมุ ธานี: สานักพิมพ์สกายบุกส์.ไวพจน์ ศรีธญั . 2558. อปุ กรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกสแ์ ละวงจร. กรงุ เทพมหานคร: สานักพิมพ์วงั อักษร.พันธ์ศักด์ิ พุฒมิ านิตพงศ์ 2555. อุปกรณอ์ ิเล็กทรอนกิ ส์และวงจร. กรุงเทพมหานคร: สานักพมิ พ์ ศูนย์สง่ เสริมอาชวี ะ.วิทยาลยั เทคนิคนครปฐม. 2542. ปฏิบตั ิอปุ กรณ์อิเล็กทรอนกิ ส์และวงจร โครงการจัดทาต้นแบบ การเรยี นการสอนวชิ าชพี ภาคปฏิบัติ. นครปฐม: กรมอาชีวศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ.อดุลย์ กัลยาแกว้ . 2554. อปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนกิ ส์และวงจร. กรุงเทพมหานคร: สานกั พิมพศ์ ูนย์ส่งเสรมิ อาชวี ะ.

13 รูปที่ 9.18 การดขู ้อมูล IT,IGT,VGT,IH ของไทรแอกเบอร์ Z0103MA1AA2 ที่มา: https://www.es.co.th/Schemetic/PDF/Z01SERIES-ST.PDF

14 รูปท่ี 9.19 การดขู ้อมลู IT, VDRM/VRRM,IGT ของไทรแอกเบอร์ Z0103MA1AA2 ทม่ี า: https://www.es.co.th/Schemetic/PDF/Z01SERIES-ST.PDF จากรปู ท่ี 9.17-9.19 คณุ สมบตั ิของไทรแอกเบอร์ Z0103MA1AA2 IGT กระแสท่ีใช้ในการจุดชนวนเกตควอแดรนท์ที่ 1,2,3= 3mA ควอแดรนท์ที่ 4= 5mA IGM กระแสเกตสูงสุด 1A IH กระแสโฮลดงิ้ 7mA IT กระแสสูงสุดทไ่ี หลผ่านไทรแอก 1 A VDRM/VRRM แรงดนั สูงสุดที่ทนได้ 600V VGT แรงดันเกตสงู สุดในทุกควอแดรนท์ 1.3 V ส่วนของไทรแอกเบอร์เบอร์ อื่น ๆ กม็ ีรายละเอยี ดแตกตา่ งกัน

15 สรปุ 1. โครงสร้างของ ไทรแอก โครงสรา้ งของไทรแอกจะประกอบด้วยสารกึ่งตัวนาตอนใหญ่ 3 ตอนคอื PNP และในสารก่ึง ตัวนาตอนใหญ่จะมีสารก่ึงตัวนาตอนยอ่ ยชนิด N อกี 3 ตอนตอ่ รวมในสารก่งึ ตัวนาชนดิ P ทงั้ สองตอน มขี าออกมาใชง้ าน 3 โดยใช้เรียกการใช้งานตา่ งๆ แอโนด2 (A2) หรือ เมนเทอรม์ ินอล 2 (MT2) ขา แอโนด1 (A1) หรือ เมนเทอรม์ ินอล 1 (MT1) และขา เกต (G) 2. สญั ลักษณ์ของ ไทรแอก A2 G A1 รปู ท่ี 9.20 สัญลกั ษณ์ของ ไทรแอก 3. การจ่ายแรงดันไฟฟ้าใหไ้ ทรแอกทางาน ไทรแอกสามารถทางานทง้ั แรงดนั ท้ังช่วงบวกและชว่ งลบ สามารถนากระแสได้สองทิศทางการ นากระแสของไทรแอกจะข้นึ อยู่กบั แรงดนั ทีป่ ้อนจุดชนวนขา เกต (G) และแรงดนั ทจ่ี ่ายใหข้ า แอโนด2 (A2) และ แอโนด1 (A1) เมื่อจดั การจ่ายไบแอสให้ไทรแอกสามารถท่จี ะจัดไบแอสใหต้ วั ไทรแอกทางาน ได้ทงั้ หมด 4 สภาวะ 4. การหยุดทางานของไทรแอกตอ่ ไฟฟา้ กระแสตรง การหยุดการทางานของไทรแอกในวงจรไฟฟ้ากระแสตรงจะทาได้เหมือนกับเอสซีอาร์ คือลด ค่ากระแสทไี่ หลผ่านแอโนดลงให้ตา่ กวา่ ค่ากระแสโฮลด้ิง (Holding current) หรอื เรยี กว่า IH 5. การทางานของไทรแอกตอ่ ไฟฟา้ กระแสสลับ เม่อื นาไทรแอกไปใชก้ บั แรงดนั ไฟฟ้าสลับ สามารถทางานได้ทร่ี ูปคลน่ื ไฟฟ้าทง้ั 2 ซีก คือทงั้ ครึ่ง คลื่นบวกและครง่ึ คลน่ื ลบ สามารถควบคมุ การทางานไดจ้ ากขาเกต 6. การวดั หาขาและตรวจสอบไทรแอก การวัดหาขาของไทรแอก เราจะทราบขา แอโนด2 (A2) เป็นอันดับแรก และหาขา เกต (G) และ แอโนด1 (A1)โดยการทดสอบการจดุ ชนวนเกต อาการเสียของไทรแอกน้ันส่วนใหญ่ท่ีพบมักเกิดจากการต่อช็อตวงจรที่โหลดทาให้รอยต่อ ระหว่างขา แอโนด1 (A1) และ แอโนด2 (A2) เสียหายคือทะลุถึงกัน ฉะน้ันเรามีวิธีการตรวจสอบไทร แอกงา่ ยๆคอื ใช้มลั ติมเิ ตอร์ต้ังย่านวดั โอห์มมิเตอร์ Rx1 วัดขา แอโนด1 (A1) และ แอโนด2 (A2) ถา้ เข็ม มเิ ตอร์ขึ้นแสดงว่าไทรแอกตวั นน้ั เสีย

16 อ้างอิง ฉัตรธิวัฒน์ ธรรมานยุ ุต 2558. วงจรอิเล็กทรอนิกส์. กรุงเทพมหานคร: ซีเอด็ ยเู คชนั่ . ชิงชัย ศรีสรุ ตั น์ และ วีรศกั ด์ิ สวุ รรณเพชร 2556. อุปกรณอ์ ิเล็กทรอนกิ ส์และวงจร. นนทบรุ ี: สานักพิมพ์ศนู ยห์ นังสอื เมืองไทย. นภัทร วัจนเทพินทร์. 2551. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์. ปทมุ ธานี: สานักพิมพ์สกายบุกส์. ไวพจน์ ศรีธญั . 2558. อปุ กรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกสแ์ ละวงจร. กรงุ เทพมหานคร: สานักพิมพ์วงั อักษร. พันธ์ศักด์ิ พุฒมิ านิตพงศ์ 2555. อุปกรณอ์ ิเล็กทรอนกิ ส์และวงจร. กรุงเทพมหานคร: สานักพมิ พ์ ศูนย์สง่ เสริมอาชวี ะ. วิทยาลยั เทคนิคนครปฐม. 2542. ปฏิบตั ิอปุ กรณ์อิเล็กทรอนกิ ส์และวงจร โครงการจัดทาต้นแบบ การเรยี นการสอนวชิ าชพี ภาคปฏิบัติ. นครปฐม: กรมอาชีวศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ. อดุลย์ กัลยาแกว้ . 2554. อปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนกิ ส์และวงจร. กรุงเทพมหานคร: สานกั พิมพศ์ ูนย์ ส่งเสรมิ อาชวี ะ.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook