รายงาน ประวตั ิความเป็นมาของวดั พระพทุ ธบาทผาหนาม จัดทาโดย นางสาว จรัสรวี จนั ทร์เรือน เลขที่ 31 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 6 หอ้ ง 4 เสนอ คุณครู สมพร นวลปันยอง รายงานน้ีเป็นส่วนหน่ึงของกลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 โรงเรียนส่วนบุญโญปถมั ภ์ ลาพูน
คานา รายงาน ฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ าพระพุทธศาสนา ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่6/4 โดยมีจุดประสงค์ เพื่อ การศึกษาความรู้ท่ีไดจ้ ากเร่ืองประวตั ิของวดั พระพทุ ธบาทผาหนาม ท้งั น้ี ในรายงานน้ีมีเน้ือหาประกอบดว้ ย ความรู้เกี่ยวกบั ประวตั ิของวดั พระพทุ ธบาทผาหนาม และองคป์ ระกอบตา่ งๆภายในวดั ผจู้ ดั ทาไดเ้ ลือกหวั ขอ้ น้ีในการทารายงาน เนื่องมาจากเป็ นเรื่องที่น่าสนใจ เนื่องจากวดั พระพุทธบาทผา หนามกน็ บั เป็นหน่ึงในหลายๆวดั ท่ีผทู้ ี่มาเท่ียวอาเภอล้ี ตอ้ งมากราบไหว้ อาจจะถือไดว้ า่ เป็นวดั ประจาอาเภอ ล้ีเลยกว็ า่ ได้ ผจู้ ดั ทาตอ้ งขอขอบคุณอาจารย์ สมพร นวลปันยอง ผใู้ หค้ วามรู้ และแนวทางการศึกษา หวงั วา่ รายงานฉบบั น้ีจะใหค้ วามรู้ และเป็นประโยชนแ์ ก่ผอู้ ่านทุก ๆ ท่าน หากมีขอ้ เสนอแนะประการใด ผจู้ ดั ทา ขอรับไวด้ ว้ ยความขอบพระคุณยง่ิ นางสาว จรัสรวี จนั ทร์เรือน ผจู้ ดั ทา
สารบัญ หน้า 1 เร่ือง 5 ประวตั ขิ องวดั พระพทุ ธบาทผาหนาม 16 รูปบริเวณวดั พระพทุ ธบาทผาหนาม บรรณานุกรม
ประวตั พิ ระพทุ ธบาทผาหนาม พระพุทธบาทผาหนาม ต้งั อยใู่ นเขตหมู่ท่ี 12 อาเภอล้ี จงั หวดั ลาพนู นบั เป็นปูชนียสถานที่สาคญั แห่งหน่ึง ของอาเภอล้ี ในวนั ท่ี 13 -17 เดือนเมษายน ของทุกปี จะมีงานนมสั การสรงน้า เป็นประจา โดยจะมีประชาชน ทวั่ ทุกสารทิศหลงั่ ไหลกนั มาทาบุญเป็ นจานวนมาก ลกั ษณะพระบาทเป็นรอยค่อนขา้ งชดั เจนเหยยี บประทบั ไวบ้ นแผน่ หินบนดอยผาหนามปัจจุบนั สร้างมณฑปรูปเจดียค์ รอบไวแ้ ละพทุ ธศาสนิกชนต่างใหค้ วามศรัทธา วา่ เป็นรอยพระบาทของพระองค์ รอยพระบาทแห่งน้ีจะถูกคน้ พบมานานเท่าไรไม่ปรากฎ แต่จากหลกั ฐานท่ี พบ เขา้ ใจว่าจะเป็ นวดั มาก่อน เพราะพบซากอิฐปรักหักพงั และรายช่ือเจา้ อาวาสท่ีไดค้ รอบครองวดั จาก ตานานของวดั ไดก้ ล่าวถึง มีจานวนถึง 8 รูป นบั ยอ้ นหลงั อายกุ ารครองวดั ไปเกือบถึงสามร้อยปี จากน้นั วดั พระพุทธบาทผาหนาม ก็ไดร้ กร้างวา่ งเปล่าไปเป็นเวลาชา้ นาน จะดว้ ยสาเหตุใดไม่ปรากฏ รูป : งานนมสั การสรงน้าครูบาอภิชยั ขาวปี จากตานานพระพุทธบาทท่ีจารึกไวบ้ นใบลาน ไดเ้ ล่าวา่ คร้ังพุทธกาลสมยั ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา้ ไดเ้ สด็จจาริกโปรดเวไนยสัตวด์ ว้ ยพระมหากรุณาธิคุณอนั ย่ิงใหญ่บริสุทธ์ิดว้ ยทรงหวงั จะให้สัตวพ์ น้ ทุกข์ จากโอฆสงสารอยอู่ ยา่ งไม่ยอ่ ทอ้ พระทยั ณ ปัจจุสมยั ใกลร้ ุ่งของคืนวนั หน่ึงขณะที่ทรงแผข่ อบข่ายแห่งพระ ญาณอนั กวา้ งใหญ่หาขอบเขตมิได้ เพื่อตรวจดูเวไนยสัตว์ อนั พอที่พระองคจ์ ะโปรดไดน้ ้นั ก็ทรงเล็งเห็นว่า นาคราชตวั หน่ึงซ่ึงอยูใ่ นถ้าดอยผาหนามปัจจุบนั น้ี มีอุปนิสัยท่ีจะทรงโปรดไดพ้ ร้อมกบั ทรงทราบดว้ ยพทุ ธ ญาณว่าสถานที่นาคราชอยู่น้นั จะเป็ นสถานท่ีประกาศสัจจธรรมแห่งพระองค์ท่ีสาคญั ในอนาคตกาล จึง หลงั จากสาเร็จพุทธกิจแล้วจึงเสด็จมาสู่สถานท่ีอนั เป็ นเขตของหมู่ท่ี 16 อาเภอล้ี ในปัจจุบนั น้ี และทรง พกั ผอ่ นพระอริยาบถ ณ ผาลาด ซ่ึงในปัจจุบนั น้ี ยงั ปรากฏหลกั ฐานอยู่ ณ ท่ามกลางแม่น้าล้ี ๆ กบั ดอยผา หนาม
จะกล่าวถึง นาคราชยกั ษต์ นดงั กล่าว คร้ังน้นั ไดอ้ าศยั อยใู่ นถ้าใตด้ อยผาหนามมีนิสัยดุร้ายชอบจบั คนและ สตั วก์ ินเป็นอาหารอยูเ่ สมอ โดยสั่งสมปาณาติบาทบาปเป็ นจานวนมาก ในวนั ที่พระพทุ ธองคม์ าประทบั อยูท่ ี่ ผาลาดน้นั มีสุนขั จิ้งจอกตวั หน่ึงไดท้ ่องเท่ียวมาตามประสาผา่ นมาท่ีหนา้ ถ้าอนั เป็ นที่สถิตอยูข่ องพญานาค เกิดความหิวน้า เห็นแองน้าเลก็ ๆ ท่ีหนา้ ถ้าจึงตรงเขา้ ไปทางที่พระพทุ ธองคป์ ระทบั อยู่ โดยมีนาคราชยกั ษไ์ ล่ ตามไปติด ๆ จนสุนบั จิ้งจอกอ่อนแรง ดว้ ยความหิวกระหายบวกกบั ความเหน่ือย ก็ พอดีมนั มาซวนเซวซบ แทบพระบาทของพระศาสดาพอดีดว้ ยอาการที่สิ้นแรงพระองคจ์ ึงเอ้ือมพระหตั ถล์ ูบหัวมนั ดว้ ยพระเมตตา แลว้ ทรงให้พระดรรชน์จิ้มตรงแผน่ หิน ทนั ใดน้นั ก็มีสายน้าพุง่ ข้ึนมาดว้ ยพุทธปาฏิหาริยใ์ หส้ ุนขั จิ้งจอกได้ ดื่มกินใหส้ มอยาก ฝ่ ายพญานาคไล่ตามมาถึง เห็นสุนขั จิ้งจอกอยแู่ ทบพระบาทพระพุทธองค์ ก็มิอาจเขา้ ใกลไ้ ดด้ ว้ ยอานาจ พุทธฤทธ์ิ จึงหนั กลบั มาสู่ถ้าดว้ ยความโกรธ และอาฆาตในพระองคท์ ี่ทรงขดั ขวางไม่ใหม้ นั กินสุนขั จิ้งจอก ไดส้ มใจ หลงั จากท่ีทรงช่วยสุนขั จิ้งจอกตวั น้นั พน้ ภยั แลว้ พระองคจ์ ึงเสด็จมาท่ีดอยผาหนาม พญานาคเห็น พระองคเ์ สดจ็ มาดงั น้นั จึงเนรมิตใหด้ อยท้งั ลูกปรากฏเป็นหนามอนั แหลมคมไปหมด หวงั จะไม่ให้ พระองค์ ข้ึนไปบนดอยไดพ้ ร้อมท้งั แผพ่ งั พานก้นั ทางเสด็จ พระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นว่า จะโปรดนาคราชตวั น้ีโดยมิได้ข่มมานะทิฐิเสียก่อนมิได้ จึงเหาะข้ึนบน อากาศดว้ ยพุทธฤทธ์ิ แลว้ เหยียบพระบาทลงบนพงั พานกดเศียรพญานาคลงกบั พ้ืนหิน จนพญานาคกระดิก กระเด้ืยไม่ได้ แลว้ มนั ก็หายตวั ไปดว้ ยอิทธิวิธี พระองคจ์ ึงเสด็จเขา้ ไปในถ้าที่อยขู่ องพญานาค สักครู่หน่ึงกม็ ี มานพคนหน่ึง มีรูปกายสวยงามเขา้ มาหาพระองคท์ รงทราบดว้ ยพระญาณวา่ มานพคนน้ีคือพญานาคจาแลง มาน้นั เองฝ่ ายมานพจาแลง หลงั จากกราบดว้ ยเบญจางคประดิษฐแ์ ลว้ จึงทูลข้ึนวา่ \"ขา้ แต่ท่านผเู้ จริญท่านเป็ น ผูม้ ีวรรณผวิ พรรณอนั ผอ่ งใส มีสายพระเนตประจุดว้ ยเมตตาอะไรหนอที่ทาใหท้ ่านเป็ นดงั น้ี\" พระพุทธองค์ จึงตรัสวา่ \"ดูกรนาคราชเราเป็นผหู้ ลุดพน้ แลว้ เวน้ จากการเบียดเบียน เมื่อใจเราปราศจากกิเลศ เหตุเศร้าหมอง ใจเราจึงผ่องแผว้ เมื่อใจเราผ่องแผว้ ร่างกายเราจึงผ่องใส\" พญานาคไดฟ้ ังพุทธดารัสดงั น้นั ก็เกิดความ เลื่อมใส ทราบดว้ ยอุปนิสัยวา่ น้ีคือพระพทุ ธเจา้ จึงเกิดปิ ติแลว้ ทูลวา่ \"ขา้ แต่พระองคผ์ เู้ จริญขา้ พระองคม์ ีความ ทุกขข์ ิ่งนกั ร้อนรนดว้ ยการแสดงหา ขอพระองคจ์ งเป็นที่พ่ึงแก่ขา้ พระองคด์ ว้ ยเถิด\" พระองคจ์ ึงตรัสสอนวา่ \"ดูกรนาคราช การแสวงหายอ่ มเป็ นความทุกขก์ ารเบียดเบียนผูอ้ ่ืนยอ่ มทาให้เกิดความร้อนรนการวนกระวาย ท่านจงมีศีลเป็นเครื่องทรง แลว้ ต้งั ตนอยใู่ นธรรม ทา่ นจะเป็นผถู้ ึงพร้อมดว้ ยความสุขท่ีแทจ้ ริง
แล้วทรงประทานศีลให้นาคราชสมาทานและตรัสธรรมกต สอบส่ังให้สัคคาถาหลงั จากจบเทศนา พญานาคมีปิ ติมีน้าตาองั อายหนา้ ดว้ ยความซาบซ้ึงแต่มิอาจบรรบลุธรรมไดเ้ พราะมีช้นั ภูมิเป็ นสัตวเ์ ดรัจฉาน พระองค์จึงเสด็จข้ึนสู่หลงั ดอยทรงอธิษฐานเหยียบประทบั รอยพระพุทธบาทไวท้ ี่แผ่นหินแล้วตรัสกบั นาคราชวา่ \"ดูกร นาคราช ท่านจงรักษาสถานที่แห่งน้ีไวเ้ ถิด เพราะต่อไปในอนาคตรอยพระบาทแห่งน้ีจะ เป็ นที่แห่งมหาชนมาบูชา เป็ นสังเวชนียสถานเมื่อเขาท้งั หลายไดม้ าถึงนอ้ มราลึกถึงเรายอ่ มเขา้ ถึงธรรม เหตุ น้นั เขาท้งั หลายยอ่ มมีความสุข มีสุขคติเป็นที่หวงั \" รูป : รอยพระบาทของครูอภิชยั บาขาวปี หลงั จากโปรดพญานาคแลว้ พระองคจ์ ึงเสด็จกลบั ฝ่ ายพญานาคสมาทานศีลต้งั ม่นอยใู่ นธรรมมิหวนั่ ไหว เมื่อขาดจากการจงั สัตวก์ ินเป็ นอาหารร่างกายก็อยไู่ ม่ไดจ้ ึงถึงแก่ความตาย ดว้ ยอานิสงส์แห่งศีล และการได้ สดบั ธรรมจากพระโอษฐ์แห่งพระพุทธเจา้ จึงไดเ้ กิดเป็ นรุยเทพดา มีวิมานอนั เป็ นทิพย์ สถิตอยู่ ณ ถ้าผา หนาม รักษาพระพุทธบาทอยูต่ ราบเท่าทุกวนั น้ี และจะไดห้ ลุดพน้ เป็ นพระอรหนั ตก์ ็ในอนาคตกาลเมื่อพระ ศรีอาริยเมตไตรยเสด็จอุบตั ิข้ึนแลว้ ในโลก ตานานผาหนามก็จบลงเพียงเทา่ น้ี รูป : ถ้าผาหนาม
หลงั จากน้นั รอยพระพุทธบาทแห่งน้ีก็ถูกคน้ พบและมีศรัทธาพุทธศาสนิกชนมานมสั การมิไดข้ าด จนเกิด ความเจริญรุ่งเรืองกลายเป็ นวดั โดยมีหลกั ฐานการครอง การสร้างวดั ผาหนามจากพระเถรานุเถร เท่าที่ทราบ ตามลาดงั ดงั น้ี 1. พระครูบามหารัตนาคร 2. ครูบาปิ นใจ 3. ครูบาพุทธิมา 4. ครูบาสุนนั ทะ 5. ครูบาจนั ทร์แกว้ 6. ครูบาก๋า 7. ครูบาอินตุย้ 8. ครูบาสุยะ หลงั จากท่านครูบาสุยะเป็ นเจา้ อาวาสแลว้ ก็ไม่ปรากฏว่า วดั พระพุทธบาทผาหนาม มีเจา้ อาวาสช่ือใด ครอบครองอีก และวดั แห่งน้ีก็ผพุ งั รกร้างไปตามกาลเวลา เขา้ ใจวา่ บา้ นเมืองระยะน้นั คงจะเกิดภยั สงคราม จนกระทงั่ ถึงปี 2507 ท่านครูบาเจา้ อภิชยั ขาวปี จึงร่วมกบั ราษฎรหมู่บา้ นผาหนาม ซ่ึงไดอ้ พยพมาจาก อาเภอฮอด อนั เน่ืองมาจากน้าท่วมจากการสร้างเขื่อนภูมิพล จ. ตาก และศรัทธาพุทธศาสนิกชนจากที่ต่าง ๆ ช่วยกนั สร้างวดั ข้ึนอีก จนเจริญรุ่งเรืองถึงปัจจุบนั น้ี สมกบั พุทธทานายท่ีทรงพยากรณ์ไวว้ า่ \"สถานท่ีแห่งน้ี จะเจริญเป็นสงั เวชนียสถาน และประกาศพระสัทธรรม แก่ผแู้ สวงหาต่อไปในอนาคตกาล\" รูป : วดั พระพทุ ธบาทผาหนาม
บริเวณวดั พระพทุ ธบาทผาหนาม ป้ายชื่อวดั
ภาพด้านหน้าวดั ภาพวหิ าร(เก่า)ภายนอก
ภาพวหิ าร(ใหม่)ภายนอก ภาพเจดยี ์
วหิ ารเรือนแก้ว
ภายในวหิ ารเรือนแก้ว
งานเปลย่ี นผ้าครูบา
บรรยากาศภายในวดั รูป : เจดียข์ าว
รูป : โฮงหลวง รูป : ภายในโฮงหลวง
บรรณานุกรม เพจวดั พระพุทธบาทผาหนาม.//(2555).//(ประวตั ิพระพทุ ธบาทผาหนาม).//สืบคน้ เมื่อ 7 สิงหาคม 2564./จาก https://www.facebook.com/265610560228345/posts/265640043558730/
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: