Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้ที่2.2_พัฒนาการของเทคโนโลยีการสื่อสาร-05271642

ใบความรู้ที่2.2_พัฒนาการของเทคโนโลยีการสื่อสาร-05271642

Published by april.maysa, 2020-05-27 22:33:59

Description: ใบความรู้ที่2.2_พัฒนาการของเทคโนโลยีการสื่อสาร-05271642

Search

Read the Text Version

ใบความร้ทู ี่ 2.2 เร่อื ง แนวโนม้ ของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในระยะเวลาอันใกล้นี้มีแนวโน้มท่ีจะพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มี ความสามารถใกล้เคียงกับความเป็นตัวตนของมนุษย์ได้เหมือนหรือใกล้เคียงมากท่ีสุด ซ่ึงจะดูได้จาก ความก้าวหน้าของการประดษิ ฐ์คิดค้นและสรา้ งประสาทสัมผัสเสมือน ขึ้นมาให้ทางานไดผ้ ลลัพธ์ใกล้เคยี งระบบ ประสาทสัมผัสจริงๆของมนุษย์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์เกิดการเข้าใจภาษาสื่อสารทุกด้านของมนุษย์ และระบบ การคิดโดยใชโ้ ครงขา่ ยประสาทเทยี ม (ปัญญาประดิษฐ์ / AI / Artificial Intelligence) โดยพยายามนาไปใชใ้ ห้ เกิดประโยชน์มากข้ึน เพื่อลดการสูญเสียประชากรโลก เนื่องจากผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์เอง ซึ่งการพัฒนานี้ ก่อให้เกิดผลกระทบมากมายต่อสังคมความเป็นอยู่ของมนุษย์มาก โดยปัจจุบันนี้ทาให้มีแนวโน้มหรือทิศทางท่ี จะเกดิ ผลกระทบใน 2 มิติ คอื 1. มิตดิ า้ นที่เกดิ ผลดี มีอยู่มากมาย แต่ก่อนอ่ืนต้องมาทราบก่อนวา่ เทคโนโลยีสารสนเทศมีเปา้ หมายกาหนดไว้ ดังน้ี - เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการทางาน (Operation Efficiency) - เพ่ิมผลผลิต (Function Effectiveness) - เพิม่ คุณภาพบรกิ ารลกู ค้า (Quality Customer Service) - ผลิตสินคา้ ใหมแ่ ละขยายผลผลติ (Product Creation and Enhancement) - สามารถสร้างทางเลือกเพอ่ื แขง่ ขนั ได้ (Altering the basic of competition) - สรา้ งโอกาสทางธรุ กจิ (Identifying and Exploiting Business Opportunities) - ดงึ ดดู ลกู ค้าและปอ้ งกันคู่แขง่ (Client Lock-In/Competitor Lock-Out) จาก เปา้ หมายทั้งทุกขอ้ ของเทคโนโลยสี ารสนเทศถา้ สามารถดาเนนิ การได้ตามเปา้ หมาย ดังกล่าวก็ ถอื ไดว้ า่ เปน็ ข้อดีของเทคโนโลยีสารสนเทศระบบน้ีได้ทง้ั หมด นอกจากนก้ี ย็ ังมี - การพัฒนาอย่างรวดเร็วของเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ น็ตที่เช่ือมโยงกันท่วั โลก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เช่น การศึกษาหาความรู้ และข้อมูลต่างๆในทุกเร่ืองที่สนใจของประชาชนทุกระดับอายุ การติดต่อสื่อสารในหลายรูปแบบท้ัง Online และ Batch Job การทาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การตกลงซ้ือขายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ การดูหนัง ฟังเพลง และบันเทิงต่างๆ - การพัฒนาให้คอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพในการฟัง ประมวลผล และโต้ตอบด้วยตัวอักษรหรือเสียงพูด เปน็ ภาษาต่างๆ ได้ อ่านตัวอักษรหรอื ลายมือเขยี นได้ การแสดงผลของคอมพิวเตอรไ์ ดเ้ สมือนจริง และการรับรู้ ด้วยประสาทสัมผัสทกุ ดา้ นท่ใี กลเ้ คียงหรอื เหมือนกบั มนุษยม์ ากๆ - การพฒั นาระบบบรหิ ารจัดการอิเล็กทรอนิกสเ์ พื่อสนับสนุนดา้ นต่างๆ เชน่ สารสนเทศ ฐานขอ้ มูล ฐานความร้ตู ่างๆ - การศึกษาตามอัธยาศัยด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-learning) การเรียนการสอนด้วยระบบโทรศึกษา (Tele-Education) การค้นคว้าหาความรู้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากห้องสมุดเสมือน (Virtual Library) จากท่ัว โลก - การพัฒนาเครือข่ายโทรคมนาคมที่ทันสมัย ระบบการส่ือสารผ่านเครือข่ายไร้สาย เครือข่ายดาวเทียม ระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ ทาใหส้ ามารถค้นหาตาแหน่งได้อยา่ งแม่นยา - การบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายการสื่อสารเพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพการ ดาเนินการของภาครัฐที่เรียกว่า รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government) ระบบการจ่าย

เงินเดือนแก่ข้าราชการ และระบบงบประมาณ ของทุกหน่วยงานท้ังประเทศโดยกรมบัญชีกลาง รวมท้ังระบบ ฐานขอ้ มูลประชาชน หรอื E-Citizen และอกี มากมาย 2. มติ ดิ ้านที่เกดิ ผลเสีย มีอยู่มากมายเช่น - วงจร ชีวิตของระบบสารสนเทศ เป็นระบบที่มีวงจรชีวิตค่อนขา้ งจากดั อาจจะอธิบายได้ว่า เน่ืองจาการ เปลย่ี นแปลงทางด้านเทคโนโลยี รวมทง้ั สภาพทางเศรษฐกจิ และธรุ กิจ เช่น ความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยี ทาให้ ต้องมีการปรับเปล่ียนระบบสารสนเทศไปด้วยหรือ การเปล่ียนแปลงความต้องการของผู้บริหาร ก็อาจจะต้อง เปลีย่ นระบบสารสนเทศไปด้วย - ลงทนุ สงู เทคโนโลยสี ารสนเทศเป็นเครื่องมือท่ีมีราคาแพง และสว่ นมากไม่อาจจะนาไปใช้ได้ทนั ที แต่ จะตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจเสียกอ่ นจงึ จะใชไ้ ด้อยา่ งถูกต้องและมี ประสิทธิภาพ - ก่อให้เกิดช่องวา่ ง (Gap) เทคโนโลยีสารสนเทศ ทาให้เกิดช่องวา่ งในการรับขา่ วสารระหว่างคนจนกับคน รวย - ความผิดพลาดในการทางานของระบบ คอมพิวเตอร์ ทั้งส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ท่ีเกิดข้ึนจากการ ออกแบบและพฒั นา ทาให้เกิดความเสียหายตอ่ ระบบและสญู เสียค่าใช้จ่ายในการแก้ปญั หา - การละเมิดลิขสิทธ์ิของทรัพย์สินทางปัญญา การทาสาเนาและลอกเลียนแบบ ทาให้เกิดการละเมิดต่อ กฎหมายแสวงประโยชน์ด้วยการทาสาเนาเพ่ือจาหน่ายในราคาถูกโดยเจตนา และจะทาให้เกิดความผิดต่อ ประชาชนผู้ใชง้ านทีไ่ มเ่ จตนาทาการทาสาเนาแจกกันเองของผู้ใชง้ านที่ยงั ไม่เข้าใจเรื่องการละเมดิ ทรพั ย์สินทาง ปญั ญาดเี พยี งพอ - การก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ การโจรกรรมข้อมูล การล่วงละเมิด การก่อกวนระบบ คอมพิวเตอร์ ของหนว่ ยงาน สถาบันต่างๆท้งั ของภาครัฐและเอกชน ปจั จุบันเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้บูรณาการเข้าสู่ระบบราชการ และระบบธรุ กิจ ดังนั้นทุกองค์กรที่จะ อยรู่ อดและมพี ัฒนาการเดนิ ตอ่ ไปได้ตอ้ งสามารถปรับตัว และจัดการกับเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม โดยในท่ีนี้ จะขอกล่าวถึงเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีจะมีผลต่อการดาเนินงานของระบบราชการและการดาเนินงานของภาค ธุรกิจในอนาคต เพ่ือให้ผู้บริหารในฐานะหัวใจสาคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์กรได้ศึกษา แต่เน่ืองจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีสารสนเทศอาจทาให้เทคโนโลยีที่กล่าวถึงในท่ีนี้ ล้าสมัยได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้นจึงมีความจาเป็นท่ีผู้บริหารที่สนใจจะต้องศึกษาติดตามความ เปลย่ี นแปลงอยตู่ ลอดเวลา โดยเทคโนโลยีสารสนเทศทส่ี าคัญและจะเกดิ ขนึ้ ในอนาคต มดี งั ตอ่ ไปน้ี 1. คอมพิวเตอร์ (Computer) ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้พัฒนาไปจากยุคแรกๆท่ีเครื่องมีขนาดใหญ่ ทางานได้ช้า ความสามารถต่า มีราคาสูงมาก และใช้พลังงานสูง เป็นการใช้เทคโนโลยีวงจรรวมขนาดใหญ่ (Very Large Scale Integrated Circuit : VLSI) ในการผลิตไมโครโปรเซสเซอร์ (Microprocessor) ทาให้ ประสิทธิภาพของส่วนประมวลผลของเครื่องพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากน้ียังได้มีการพัฒนา หน่วยความจาให้มี ประสิทธิภาพสูงข้ึน แต่มีราคาถูกลง ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการทางานของคอมพิวเตอร์ ส่วนบุคคลในปัจจุบัน โดยท่ีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในขณะท่ีมีความสามารถเท่าเทียมหรือมากกว่าเครื่อง คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ในสมัยก่อน ตลอดจนการนาคอมพิวเตอร์ชนิดลดชุดคาส่ัง (Reduced Instruction Set Computer) หรือ RISC มาใช้ในการออกแบบหน่วยประเมินผล ทาให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทางาน ได้เร็วข้ึนโดยใช้คาส่งั พ้นื ฐานงา่ ยๆ 2. ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ AI เป็นการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้มี ความสามารถท่ีจะคิดแก้ปัญหาและให้เหตุผลได้เหมือนอย่างการใช้ภูมิปัญญาของมนุษย์จริง ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ในหลายสาขาวิชาได้ศึกษาและทดลองท่ีจะพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้สามารถทางานที่มี

เหตุผล โดยการเลียนแบบการทางานของสมองมนุษย์ ซึ่งความรู้ทางด้านนี้ถ้าได้รับการพัฒนาอย่างต่อเน่ืองจะ สามารถนามาประยุกต์ใช้งานต่าง ๆ อย่างมากมาย เช่น ระบบผู้เช่ียวชาญเป็นระบบคอมพิวเตอร์ท่ีถูก พัฒนาขึ้นเพ่ือให้ความสามารถในการแก้ปัญหาได้อย่างผู้เช่ียวชาญ และหุ่นยนต์ (Robotics) เป็นการพัฒนา ส่ิงประดษิ ฐใ์ หส้ ามารถปฏบิ ัตงิ านและใชท้ ักษะการเคลื่อนไหวไดใ้ กลเ้ คียงกบั การทางานของมนุษย์ เปน็ ตน้ 3. ระบบสารสนเทศสาหรับผู้บริหาร (Executive Information System) หรือ EIS เป็นการ พัฒนาระบบสารสนเทศท่ีสนับสนุนผู้บริหารในงานระดับวางแผนนโยบายและกลยุทธ์ขององค์การโดยท่ี EIS จะถูกนามาให้คาแนะนาผู้บริหารในการตัดสินใจเมื่อประสบปัญหาแบบไม่มีโครงสร้างหรือกึ่งโครงสร้าง โดย EIS เป็นระบบทพี่ ัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่พิเศษของผู้บริหารในด้านต่าง ๆ เช่น สถานการณ์ต่าง ๆ ท้ังภายในและภายนอกองค์การ รวมทั้งสถานะของคู่แข่งขันด้วย โดยที่ระบบจะต้องมีความละเอียดอ่อน ตลอดจนง่ายต่อการใช้งาน เน่อื งจากผู้บริหารระดับสูงจานวนมากไมเ่ คยชนิ กบั การติดตอ่ และสง่ั งานโดยตรงกับ ระบบคอมพิวเตอร์ 4. การจดจาเสียง (Voice Recognition) เป็นความพยายามของนักวิทยาศาสตร์ที่จะทาให้ คอมพิวเตอร์จดจาเสียงของผู้ใช้ ปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยีสาขานี้ยังไม่ประสบความสาเร็จตามท่ี นักวิทยาศาสตร์ต้องการ ถ้าในอนาคตนักวิทยาศาสตร์ประสบความสาเร็จในการนาความรู้ต่าง ๆ มาใช้สร้าง ระบบการจดจาเสียง ก็จะสามารถสร้างประโยชน์ได้อย่างมหาศาลแก่การใช้งานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี สารสนเทศ โดยทผี่ ู้ใช้จะสามารถออกคาสั่งและตอบโต้กับคอมพิวเตอรแ์ ทนการกดแป้นพิมพ์ ซ่ึงจะสง่ ผลให้ผู้ท่ี ไม่เคยชินกับการใช้คอมพิวเตอร์ให้สามารถปรับตัวเข้ากับระบบได้ง่าย เช่น ระบบสารสนเทศสาหรับผู้บริหาร ระดับสูง การส่ังงานระบบฐานข้อมูลต่าง ๆ และระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพในการทางานและขยายคุณคา่ เพิ่มของเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีมีต่อธุรกิจ 5. การแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Data Interchange) หรือ EDI เป็นการส่ง ข้อมูลหรือข่าวสารจากระบบคอมพิวเตอร์หนึ่งไปสู่ระบบคอมพิวเตอร์อ่ืนโดยผ่านทางระบบส่ือสารข้อมูล อเิ ล็กทรอนิกส์ เช่น การสง่ คาส่ังซื้อจากผู้ซ้ือไปยังผู้ขายโดยตรง ปัจจุบนั ระบบแลกเปลี่ยนข้อมลู อิเล็กทรอนิกส์ กาลังได้รับความนิยมเพิ่มมากข้ึนเร่ือย ๆ เพราะช่วงลดระยะเวลาในการทางานของแต่ละองค์การลง โดย องค์การจะสามารถส่งและรับสารสนเทศในการดาเนินธุรกิจ เช่น ใบส่ังซ้ือและใบตอบรับผ่านระบบส่ือสาร โทรคมนาคมทีม่ อี ยู่ ทาใหท้ งั้ ผู้สง่ และผู้รบั ไมต่ ้องเสียเวลาเดินทาง 6. เส้นใยแก้วนาแสง (Fiber Optics) เป็นตัวกลางท่ีสามารถส่งข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วโดย อาศัยการส่งสัญญาณแสงผ่านเส้นใยแก้วนาแสงที่มัดรวมกัน การนาเส้นใยแก้วนาแสงมาใช้ในการสื่อสาร ก่อให้เกิดแนวความคิดเก่ียวกับ “ทางด่วนข้อมูล (Information Superhighway)” ท่ีจะเช่ือมโยงระบบ เครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน เพ่ือเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลและสารสนเทศต่าง ๆ ได้ง่าย และรวดเร็วขึ้น ปัจจุบันเทคโนโลยีเส้นใยแก้วนาแสงได้ส่งผลกระทบต่อวงการสื่อสารมวลชนและการค้าขาย สนิ ค้าผา่ นระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนกิ ส์ 7. อินเทอร์เน็ต (Internet) เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เช่ือมโยงไปทั่วโลก มีผู้ใช้งาน หลายล้านคน และกาลังได้รับความนิยมเพ่ิมข้ึนอย่างต่อเนื่อง โดยที่สมาชิกสามารถติดต่อส่ือสารแลกเปลี่ยน ขอ้ มูลขา่ วสาร ตลอดจนค้นหาขอ้ มูลต่างๆท่ีสนใจได้จากทวั่ โลก 8. ระบบเครือข่าย (Networking System) โดยเฉพาะระบบเครือข่ายเฉพาะพื้นที่ (Local Area Network : LAN) เป็นระบบส่ือสารเครือข่ายที่ใช้ในระยะทางท่ีกาหนด ส่วนใหญ่จะภายในอาคารหรือใน หน่วยงาน LAN จะมีส่วนช่วยเพ่ิมศักยภาพในการทางานของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลให้สูงข้ึน รวมทั้งการเพิ่ม ประสิทธิภาพในการทางาน การใช้ข้อมูลร่วมกัน และการเพิ่มความเร็วในการติดต่อส่ือสาร นอกจากนี้ระบบ

เครือข่ายของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลยังผลักดันให้เกิดการกระจายความรับผิดชอบในการจัดการเทคโนโลยี สารสนเทศไปยงั ผใู้ ช้มากกว่าในอดตี 9. ระบบการประชุมทางไกล (Teleconference) เป็นการนาเทคโนโลยีสาขาต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ เคร่ืองถ่ายโทรทัศน์ และระบบสื่อสารโทรคมนาคมผสมผสาน เพื่อให้สนับสนุนในการประชุมมี ประสิทธิภาพ โดยผู้นาเข้าร่วมประชุมไม่จาเป็นท่ีจะต้องอยู่ในห้องประชุมและพ้ืนที่เดียวกัน ซ่ึงจะช่วยให้ ประหยัดเวลาในการเดนิ ทาง โดยเฉพาะในสภาวะการจราจรท่ีติดขัด ตลอดจนผ้เู ข้าประชุมอยู่ในเขตที่ห่างไกล กันมาก 10. โทรทัศน์ตามสายและผ่านดาวเทียม (Cable and Sattleite TV) การส่งสัญญาณโทรทัศน์ ผ่านส่ือต่าง ๆ ไปยังผู้ชม จะมีผลทาให้ข้อมูลข่าวสารสามารถแพร่ไปได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมพ้ืนท่ีกว้าง ข้ึน โดยท่ีผู้ชมสามารถเข้าถึงข้อมูลจากส่ือต่าง ๆ ได้มากขึ้น ส่งผลให้ผู้ชมรายการมีทางเลือกมากขึ้นและ สามารถตัดสนิ ใจในทางเลอื กต่าง ๆ ได้เหมาะสมขน้ึ 11. เทคโนโลยีมัลติมีเดีย (Multimedia Technology) เป็นการนาเอาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มาจัดเก็บข้อมูลหรือข่าวสารในลักษณะท่ีแตกต่างกันท้ังรูปภาพ ข้อความ เสียง โดย สามารถเรียกกลับมาใช้เป็นภาพเคล่ือนไหวได้ และยังสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ด้วยการประยุกต์เข้ากับความรู้ ทางด้านคอมพิวเตอร์ เช่น หน่วยความจาแบบอ่านอย่างเดยี วที่บนั ทึกในแผ่นดสิ ก์ (CD-ROM) จอภาพที่มคี วาม ละเอียดสูง (High Resolution) เขา้ กับอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อจัดเก็บและนาเสนอขอ้ มลู ภาพ และเสียงที่สามารถ โต้ตอบกบั ผู้ใช้ได้ ปจั จบุ ันเทคโนโลยมี ัลติมเี ดยี เป็นเทคโนโลยที ีต่ ่ืนตัวและได้รับความสนใจจากบุคคลหลายกลุ่ม เนือ่ งจากเลง็ เห็นความสาคญั ว่าจะเปน็ ประโยชนต์ ่อวงการศึกษา โฆษณา และบันเทงิ เป็นอยา่ งมาก 12. การใช้คอมพิวเตอร์ในการฝึกอบรม (Computer Base Training) เป็นการนาเอาระบบ คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการฝึกอบรมในด้านต่าง ๆ หรือการนาเอาคอมพิวเตอร์มาช่วยในด้านการเรียนการ สอนท่ีเรียกว่า “คอมพิวเตอร์ช่วยการสอน (Computer Assisted Instruction) หรือ CAI” การใช้ คอมพิวเตอร์ช่วยในการสอนเปิดช่องทางใหม่ในการเรียนรู้ โดยส่งเสริมประสิทธิภาพการเรียนรู้ ตลอดจน ปรชั ญาการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง 13. การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบ (Computer Aided Design) หรือ CAD เป็นการ นาเอาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และระบบข้อมูลเข้ามาช่วยในการออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมท้ังรูปแบบหีบห่อของ ผลิตภัณฑ์หรือการนาคอมพิวเตอร์มาช่วยทางด้านการออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมให้มีความ เหมาะสมกับความต้องการและความเป็นจริง ตลอดจนช่วยลดต้นทุนการดาเนินงานในการออกแบบ โดยเฉพาะในเรื่องของเวลา การแก้ไข และการจัดเก็บแบบ 14. การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการผลิต (Computer Aided Manufacturing) หรือ CAM เป็น การนาคอมพิวเตอร์มาช่วยในการผลิตสินค้าในโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์จะมีความ เที่ยงตรงและน่าเช่ือถือได้ในการทางานท่ีซ้ากัน ตลอดจนสามารถตรวจสอบรายละเอียดและข้อผิดพลาดของ ผลติ ภัณฑไ์ ด้ตามมาตรฐานทตี่ ้องการ ซึง่ จะช่วยประหยัดระยะเวลาและแรงงาน ประการสาคญั ช่วยให้คุณภาพ ของผลติ ภณั ฑ์มีความสมา่ เสมอตามทีก่ าหนด 15. ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (Geographic Information System) หรือ GIS เป็นการ นาเอาระบบคอมพิวเตอร์ทางด้านรูปภาพ (Graphics) และข้อมูลทางภูมิศาสตร์มาจัดทาแผนท่ีในบริเวณที่ สนใจ GIS สามารถนามาประยุกต์ให้เป็นประโยชน์ในการดาเนินกิจการต่าง ๆ เช่น การวางแผนยุทธศาสตร์ การบริหารการขนส่ง การสารวจและวางแผนปอ้ งกนั ภยั ธรรมชาติ การชว่ ยเหลอื และกูภ้ ัย เปน็ ตน้

ท่ีกล่าวมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ถูกพัฒนาข้ึนในปัจจุบัน และโลกก็ยังคง กาลังทาการศกึ ษาและปรับปรุงให้มีประสทิ ธิภาพเหมาะสมตอ่ การใช้งานในอนาคต โครงการพฒั นาความรู้ต่าง ๆ เหล่าน้ีจะมีผลไม่เพียงต้องการเปล่ียนแปลงเทคโนโลยีสารสนเทศเท่าน้ัน แต่ยังจะส่งผลกระทบต่อการ ดาเนินงานขององค์การและความเป็นอยู่ของมนุษย์ในสังคมส่วนรวมอีกด้วย เราจะเห็นว่าปัจจุบันเทคโนโลยี สารสนเทศจะเข้ามามีบทบาทและอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์เพ่ิมขึ้น ดังน้ันเราต้องพยายามติดตาม ศึกษา และทา ความเข้าใจแนวทางและพัฒนาการที่เกิดข้ึน เพ่ือที่จะนาเทคโนโลยีสารสนเทศไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ ในการดารงชวี ติ อย่างเหมาะสมต่อไป อา้ งอิง : http://www.dstd.mi.th/board/index.php?topic=1239.0


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook