โครงงาน คืออะไร โครงงาน เป็นการศึกษาคน้ ควา้ เก่ียวกบั สิ่งใดส่ิงหน่ึง หรือหลายๆสิ่งท่ีอยากรู้คาตอบใหล้ ึกซ้ึง หรือเรียนรู้ในเรื่องน้นั ๆ ใหม้ ากข้ึน โดยใชก้ ระบวนการ วธิ ีการที่ศึกษาอยา่ งมีระบบ เป็นข้นั ตอน มีการวางแผนในการศึกษาอยา่ งละเอียด ปฏิบตั ิงาน ตามแผนที่วางไว้ จนไดข้ อ้ สรุปหรือผลสรุปท่ีเป็นคาตอบในเร่ืองน้นั ๆ การจดั การเรียนการสอนแบบโครงงาน คือการจดั ประสบการณ์ในการปฏิบตั ิงาน ใหแ้ ก่เด็กเหมือนกบั การทางานใน ชีวิตจริง เพอ่ื ใหเ้ ดก็ มีประสบการณ์ตรง เดก็ จะไดเ้ รียนรู้วธิ ีการแกป้ ัญหารู้จกั รู้จกั การทางานอยา่ งมีระบบ รู้จกั การวางแผนใน การทางาน ฝึกการคดิ วเิ คราะหแ์ ละเกิดการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง โครงงานจดั เป็นการเรียนรู้รูปแบบหน่ึงท่ีทาใหผ้ เู้ รียนรู้เรียนรู้ดว้ ยตนเอง โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์อยา่ งเป็น ข้นั ตอนและใชค้ วามรู้ท่ีตนเองไดม้ าบรู ณาการ ประเภทโครงงาน แบง่ ออกเป็น ๒ ประเภท ไดแ้ ก่ ๑. โครงงานตามสาระการเรียนรู้ เป็นการใชบ้ ูรณาการร่วมกบั การเรียนรู้ ทกั ษะและเป็นพ้นื ฐานในการกาหนดโครงงานและ ปฏิบตั ิ ๒. โครงงานตามความสนใจ เป็นโครงงานที่ผูเ้ รียนกาหนดข้นั ตอน ความถนดั ความสนใจ ความตอ้ งการ โดยใชท้ กั ษะความรู้ จากกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆมาบูรณาการเป็นโครงงานและปฏิบตั ิ สามารถแบ่งได้ 4 รูปแบบ ตามวัตถปุ ระสงค์ 1. โครงงานท่ีเป็นการสารวจ รวบรวมขอ้ มลู 2. โครงงานที่เป็นการคน้ ควา้ ทดลอง 3. โครงงานท่ีเป็นการศึกษาทฤษฎี หลกั การ หรือแนวคดิ ใหม่ๆ 4. โครงงานท่ีเป็นการประดิษฐ์ คดิ คน้ • โครงงานทเ่ี ป็ นการสารวจ รวบรวมข้อมูล โครงงานประเภทน้ี เป็นโครงงานท่ีมีวตั ถุประสงคใ์ นการรวบรวมขอ้ มลู เรื่องใดเรื่องหน่ึง แลว้ นาขอ้ มลู น้นั มาจาแนกเป็น หมวดหมู่ ในรูปแบบท่ีเหมาะสม เช่น แบบสอบถาม แบบสมั ภาษณ์ แบบบนั ทึก เป็นตน้ • โครงงานท่เี ป็ นการค้นคว้า ทดลอง เป็นโครงงานที่มีวตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื การศึกษาเร่ืองใดเรื่องหน่ึงโดยเฉพาะ โดยออกแบบในรูปผลการทดลอง เพอ่ื ศึกษาตวั แปร หน่ึง จะมีผลต่อตวั แปรที่ตอ้ งการศึกษาอยา่ งไร ดว้ ยการควบคมุ ตวั แปร • โครงงานท่เี ป็ นการศึกษาทฤษฎี หลกั การ หรือแนวคดิ ใหม่ๆ เป็นโครงงานท่ีมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื เสนอความรู้ หรือหลกั การใหมๆ่ เกี่ยวกบั เร่ืองใดเรื่องหน่ึงที่ยงั ไม่มีใครเคยคดิ หรือขดั แยง้ หรือขยายจากของเดิมท่ีมีอยู่ ซ่ึงตอ้ งผา่ นการพสิ ูจนอ์ ยา่ งมีหลกั การก่อน • โครงงานที่เป็ นการประดิษฐ์ คิดค้น เป็นโครงงานท่ีมีวตั ถปุ ระสงค์ คอื การนาความรู้ทฤษฎี หลกั การ มาประยกุ ตใ์ ช้ โดยประดิษฐ์เป็นเคร่ืองมือ เคร่ืองใชต้ ่างๆ เพอ่ื ประโยชน์ตา่ งๆ หรืออาจเป็นการประดิษฐ์ข้นึ มาใหม่ หรือปรับปรุงของเดิมใหด้ ีข้ึนกไ็ ด้ ข้นั ตอนการทาโครงงาน
ข้นั ตอนท่ี 1 การคิดและเลือกหัวเร่ือง เป็นการหาหัวขอ้ ในการทดลอง ในการท่ีจะอยากรู้อยากเห็น ข้นั ตอนที่ 2 การศึกษาเอกสารที่เกย่ี วข้องรวมไปถึงการขอคาปรึกษา หรือขอ้ มลู ตา่ งๆจากผทู้ รงคุณวฒุ ิท่ีเกี่ยวขอ้ ง ข้นั ตอนท่ี 3 การเขียนเค้าโครงของโครงงานโดยทว่ั ไปเคา้ โครงของโครงงานจะมีหวั ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี ข้นั ตอนท4ี่ การปฏิบัตโิ ครงงาน เป็นการดาเนินงานตามแผน ที่ไดก้ าหนดไวใ้ นเคา้ โครงของโครงงาน และตอ้ งมีการจด บนั ทึกขอ้ มูลต่างๆไดอ้ ยา่ งละเอียด และตอ้ งจดั ทาอยา่ งเป็นระบบ ระเบียบ เพื่อท่ีจะไดใ้ ชเ้ ป็นขอ้ มลู ต่อไป ข้นั ตอนที่ 5การเขียนรายงาน ควรใชภ้ าษาที่เขา้ ใจง่าย กระชบั ชดั เจน และครอบคลมุ ประเดน็ สาคญั ของโครงงาน โดย สามารถเขียนใหอ้ ยใู่ นรูปต่างๆ เช่น การสรุป รายงานผล ซ่ึงประกอบไปดว้ ยหวั ขอ้ ตา่ งๆ เช่น บทคดั ยอ่ บทนา เอกสารที่ เก่ียวขอ้ ง เป็นตน้ ข้นั ตอนที่ 6 การแสดงผล การแสดงผลงาน เป็นการนาเสนอผลงาน สามารถจดั ไดห้ ลายรูปแบบ เช่น การจดั นิทรรศการ หรือทาเป็นส่ิงตีพมิ พ์ การสอนแบบเพื่อนสอนเพอ่ื น ตามแต่ความเหมาะสมของโครงงาน แนวทางการเขียนโครงงาน บทท่ี1-5 บทท่ี 1 บทนา 1.1 ทม่ี าและความสาคัญของปัญหา (สภาพปัจจุบนั เป็นการบรรยายสภาพทวั่ ไปของสิ่งท่ีสนใจจะศึกษา) (ปัญหา เป็นการบรรยายปัญหาของของส่ิงที่สนใจจะศึกษา) (สาเหตขุ องปัญหา เป็นการบรรยายถึงสาเหตทุ ่ีนามาซ่ึงปัญหาของของส่ิงท่ีสนใจจะศึกษา ) (แนวทางแกไ้ ขปัญหา เป็นการบรรยายถึงแนวทางแกไ้ ขปัญหาของของส่ิงท่ีสนใจจะศึกษา) (การสรุปท่ีมาและความสาคญั ของปัญหา โดยอาจสรุปไดว้ า่ ”คณะผจู้ ดั ทาจึงมีความประสงคท์ ่ีจะจดั สร้างโครงงาน ) 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ของการจัดสร้างโครงงาน 1 เพ่ือศึกษาและดาเนินการสร้าง ….(ชื่อโครงงาน)….. 2 เพอ่ื ……………………………………………………………… 3 เพอื่ ……………………………………………………………… 1.3 ขอบเขตของการจดั สร้างโครงงาน (คอื Spec ของโครงงาน โดยมากมกั เขยี นเป็นขอ้ ๆ บอกลกั ษณะท่ีชดั เจนของตวั โครงงานเช่น ขนาด น้าหนกั ความสามารถที่ ทาได้ สิ่งท่ีทาไม่ได)้ 1.4 ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะได้รับ (เขยี นจากวตั ถุประสงคข์ องการจดั สร้างโครงงาน หรือขอบเขตของการจดั สร้างโครงงาน) 1 ไดศ้ ึกษาและสามารถดาเนินการสร้าง ….(ชื่อโครงงาน)….. 2 สามารถ……………………………………………………………… 3 สามารถ……………………………………………………………… บทที่ 2 ทฤษฎที ีเ่ ก่ียวของกบั การจัดสร้างโครงงาน บทน้ีเป็นการนาเสนอแนวคดิ ทฤษฎีและงานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ งท่ีใชเ้ ป็นกรอบในการวิจยั ตอ้ งเรียบเรียงสรุปกรอบความคิด หลกั การ การเขียนตอ้ งเป็นการเรียบเรียงเน้ือหาเหมือนกบั การเขยี นบททางความวชิ าการไมค่ วรลอกเน้ือหามาต่อกนั เป็น ทอ่ นๆ หวั ขอ้ สาคญั น่าจะประกอบดว้ ย – แนวความคิดหรือทฤษฎีที่เกี่ยวขอ้ งท่ีนามาใชใ้ นงานวิจยั – ผลการวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั สิ่งท่ีนามาใชใ้ นการแกป้ ัญหา
เช่นในการจดั สร้างโครงงาน ….(ชื่อโครงงาน)….. จาเป็นจะตอ้ งศึกษาทฤษฎีท่ีเกี่ยวของดงั น้ี 2.1 (เรื่องที่ 1)รายละเอยี ดดงั นี้ 2.1.1 เร่ืองท่ี 1 ……………………………………………………………………………….. 2.1.2 เรื่องที่ 2 ……………………………………………………………………………….. 2.2 (เร่ืองท่ี 2)รายละเอยี ดดงั นี้ 2.2.1 เรื่องท่ี 1 ……………………………………………………………………………….. 2.2.2 เร่ืองที่ 2 ……………………………………………………………………………….. บทที่ 3 วธิ ีดาเนินการ (เป็นการแสดงถึงรูปแบบการออกแบบการจดั สร้างโครงงานโดยอาจจะรวมถึงการออกแบบเวลาการจดั สร้างโครงงานดว้ ยก็ ได)้ ในการจดั สร้างโครงงาน ….(ช่ือโครงงาน)….. มีแผนการจดั สร้างดงั น้ี 3.1 การระดมสมอง เพือ่ ออกแบบการจดั สร้างโครงงาน ………………………………….. 3.2 การออกแบบการจดั สร้างโครงงานและวิธีการดาเนินการ ………………………………….. 3.3 การดาเนินการ ………………………………….. 3.4 การสรุปผลการดาเนินการ (เขยี นเฉพาะความสาเร็จและปัญหา (การแกไ้ ขจะเขยี นที่บทท่ี4)) ………………………………….. บทที่ 4 ผลการดาเนนิ การโครงงาน 4.1 การทดสอบ(ควรแสดงตารางการทดสอบ ซ่ึงระบวุ า่ โครงงานของเรามีการทดสอบการทางานท่ีจุดใดบา้ ง) ……………………………………………………………… 4.2ผลการทดสอบ 1 ……………………………………………………………… 2 ……………………………………………………………… 4.3 การปรับปรุง(แสดงการปรับปรุงผลการทดสอบที่ไม่ไดต้ ามผลท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ) บทท่ี 5 การสรุปผลการจัดสร้างโครงงานปัญหาและข้อเสนอแนะ 5.1 การสรุปผลการจดั สร้างโครงงาน 5.2 ปัญหาการจดั สร้างโครงงาน 5.3 ขอ้ เสนอแนะ
ตวั อย่างโครงงานอาชีพ ประเภทส่ิงปะดิษฐ์ ช่ือโครงงาน : การทาโคมไฟจากช้อน รายช่ือผู้จดั ทา : นางสาวสุภลกั ษณ์ หิ้นเจก๊ ปี การศึกษา: 2560 สถานที่ศึกษา: มหาวิทยาลยั ราชภฏั บา้ นสมเด็จเจา้ พระยา ทป่ี รึกษา : อาจารย์ จริยาวิชยั ดิษฐ บทคัดย่อ โครงงานฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของวิชา นวตั กรรมและเทคโนโลยที างการศึกษาโดยมีจุดประสงคเ์ พ่ือการศึกษาการใชช้ อ้ น พลาสติกใหเ้ กิดประโยชนม์ ากข้นึ เพอ่ื ศึกษาการพฒั นางานฝีมือ เพื่อใหส้ ามารถประดิษฐช์ ิ้นงานจากชอ้ นพลาสติก เป็นการ สร้างรายไดแ้ ละการใชเ้ วลาใหเ้ กิดประโยชน์ เพื่อแสดงให้เห็นความสาคญั ของผจู้ ดั ทาไดเ้ ลือกหวั ขอ้ เรื่อง การทาโคมไฟจาก ชอ้ นพลาสติก ในการทาโครงงานเน่ืองมาจากเป็นเร่ืองที่ดี มีความสาคญั เก่ียวกบั ผทู้ ี่ตอ้ งการตกแตง่ ไวห้ นา้ บา้ น หรือจดั โคม ไฟที่สวยงาม ผจู้ ดั ทาไดด้ าเนินการศึกษาโดยสืบหาขอ้ มูลทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต วิธีการประดิษฐ์ จากบทความต่างๆ ทางส่ือส่ิงพิมพ์ ผจู้ ดั ทามีความสนใจในการประดิษฐโ์ คมไฟจากชอ้ น จากการศึกษาในเรื่องการทาโคมไฟจากช้อน ทาให้ผู้จัดทาได้มคี วามรู้ในเร่ืองต่างๆได้เป็ นอย่างมาก ได้ประสบการณ์จากการ ทางาน และหวงั เป็ นอย่างยิ่งว่าโครงงานฉบบั นจี้ ะมีประโยชน์แก่ผู้พบเห็นเป็ นอย่างมาก
บทท่ี 1 บทนา 1.1 ทีม่ าและความสาคัญของโครงงาน การจดั ทาโครงงานสิ่งประดิษฐเ์ รื่องการทาโคมไฟจากชอ้ นพาลสติก ไดจ้ ดั ทาข้ึนเพ่ือเผยแพร่และขยายความรู้เกี่ยวกบั การ นาโคมไฟมาใชป้ ระโยชนใ์ หม้ ากข้ึน โดยเนน้ การใชค้ วามคดิ สร้างสรรคเ์ พอ่ื ใหเ้ กิดความคดิ ท่ีแปลกใหม่ และตอบสนองต่อ ความตอ้ งการของผซู้ ้ือ เป็นการเพิม่ มูลคา่ ของสินคา้ สามารถนาส่ิงประดิษฐ์โคมไฟจากชอ้ นพาลสติก นาไปขาย หรือตกแตง่ บา้ น ใชใ้ นการจดั กิจกรรม นิทรรศการตา่ งๆ เป็นของฝาก ของรางวลั หรือของชาร่วยกไ็ ด้ ดงั น้นั ผจู้ ดั ทาจึงเห็นความสาคญั ของการนาสิ่งประดิษฐโ์ คมไฟจากชอ้ นพาลสติก มาใชป้ ระโยชน์ จึงไดจ้ ดั ทาโครงงาน เร่ืองการทาโคมไฟจากชอ้ นพาลสติก ข้ึนเพื่อศึกษาความสาคญั เกี่ยวกบั ประโยชนข์ องขวดน้าและชอ้ นพลาสติก และคน้ ควา้ ส่ิงประดิษฐใ์ หมๆ่ ที่ทาจากโคมไฟ 1.2 วัตถุประสงค์ 2.1 เพือ่ ศึกษาการทาโคมไฟจากชอ้ นพลาสติก 2.2 เพ่อื เป็นการสร้างรายไดร้ ะหวา่ งเรียนและใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ 2.3เพอ่ื นาสิ่งของเก่ามาประดิษฐใ์ หมเ่ พ่ือลดโลกร้อน 2.4 คิดสิ่งประดิษฐ์จากของเหลือใชใ้ หเ้ ป็นประโยชน์ 3.ขอบเขตของการศึกษา 3.1 ศึกษาวธิ ีการใชป้ ระโยชน์จากชอ้ นพลสติก 3.2 ศึกษาวิธีการประดิษฐโ์ คมไฟจากชอ้ นพลสติก 3.3 ศึกษาการนาเสนอผลงาน 3.4 นามาใหค้ นอื่นรับรู้ 4.สมมตฐิ านของการดาเนนิ โครงงาน ส่ิงประดิษฐ์โคมไฟจากชอ้ นพลาสติกสามารถนาไปประกอบอาชีพได้ ทาเป็นอาชีพเสริมหารายไดร้ ะหวา่ งเรียน และเพมิ่ มูลคา่ ของโคมไฟ ตอบสนองความตอ้ งการของผซู้ ้ือ จะสามารถทาใหผ้ ซู้ ้ือนาไปทาได้ ช่วยในการมองเห็นเวลามืดสนิท
บทท่ี 2 เอกสารท่ีเกย่ี วข้อง โครงงานการประดิษฐ์การทาโคมไฟจากชอ้ นศึกษาเอกสารท่ีเก่ียวขอ้ ง ดงั น้ี ความหมายของการประดษิ ฐ์ 1. ความหมายของงานประดิษฐ์ งานประดิษฐ์ หมายถึง ส่ิงที่จดั ทาข้ึน โดยใชค้ วามคิด สร้างสรรคใ์ หเ้ กิดความประณีต สวยงาม น่าสนใจ เพอ่ื ประโยชนท์ ่ีพึงประสงค์ เช่น งานประดิษฐด์ อกไม้ ผา้ รองจาน กระเป๋ า ตกุ๊ ตา ที่คนั่ หนงั สือ กระทง ใบตอง บายศรี พานดอกไม้ มาลยั แบบอ่ืนๆ 2. ความสาคัญและประโยชน์ของงานประดษิ ฐ์ 2.1 ประหยดั คา่ ใชจ้ ่าย 2.2 ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ 2.3 ความเพลิดเพลิน 2.4 เพ่ิมคณุ คา่ ของวสั ดุ 2.5 สร้างความแปลกใหม่ที่มีอยเู่ ดิม 2.6 ชิ้นตรงตามความตอ้ งการ 2.7 เป็นของกานลั แก่ผอู้ ่ืน2.8 อนุรักษศ์ ิลปวฒั นธรรมไทย 2.8 เพมิ่ รายไดใ้ หแ้ ก่ตนเองและครอบครัว 2.9 เกิดความภมู ิใจในตนเอง - ประโยชน์ของ งานประดิษฐ์ 1. เป็นการใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ 2. มีความภมู ิใจในผลงานของตน 3. มีรายไดจ้ ากผลงาน 4. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรคผ์ ลงานใหม่ๆ 5. เป็นการฝึกให้รู้จกั สังเกตส่ิงรอบๆ ตวั และนามาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ - ลกั ษณะของงานประดษิ ฐ์ 1. งานประดิษฐ์ทว่ั ไป เป็นงานที่บคุ คลสร้างข้ึนมาจากความคดิ ของตนเองโดยอาศยั การเรียนรู้จากสิ่งรอบๆ ตวั นามาดดั แปลง หรือเรียนรู้จากตารา เช่น การประดิษฐ์ของใชจ้ ากเศษวสั ดุ การประดิษฐ์ดอกไม้ 2. งานประดิษฐ์ท่ีเป็นเอกลกั ษณ์ไทย เป็นงานที่ไดร้ ับการสืบทอดมาจากบรรพบรุ ุษในครอบครัวหรือในทอ้ งถ่ิน หรือทาข้ึนเพื่อใชง้ านหรือเทศกาลเฉพาะอยา่ ง เช่น มาลยั บายศรี งานแกะสลกั - ประเภทของงานประดษิ ฐ์ งานประดิษฐ์ตา่ งๆ สามารถเลือกทาไดต้ ามความตอ้ งการและประโยชนใ์ ชส้ อย ซ่ึงอาจแบ่งประเภทของงาน ประดิษฐ์ตามโอกาสใชส้ อยดงั น้ี 1. ประเภทใชเ้ ป็นของเล่น เป็นของเลน่ ท่ีผใู้ หญใ่ นครอบครัวทาใหล้ กู หลานเล่นเพื่อความเพลิดเพลิน เช่น งานป้ัน ดินเป็นสัตว์ ส่ิงของ งานจกั สานใบลานเป็นโมบาย งานพบั กระดาษ 2. ประเภทของใช้ ทาข้ึนเพ่ือเป็นของใชใ้ นชีวติ ประจาวนั เช่น การสานกระบุง ตะกร้า การทาเคร่ืองใชจ้ ากดินเผา
จากผา้ และเศษวสั ดุ 3. ประเภทงานตกแต่ง ใชต้ กแต่งสถานท่ี บา้ นเรือนใหส้ วยงาม เช่น งานแกะสลกั ไม้ การทากรอบรูป ดอกไม้ ประดิษฐ์ 4. ประเภทเครื่องใชใ้ นงานพิธี ประดิษฐข์ ้นึ เพื่อใชใ้ นงานเทศกาลหรือประเพณีต่างๆ เช่น การทากระทงลอย ทาพาน พุ่ม มาลยั บายศรี - วสั ดุอปุ กรณ์ท่ใี ช้ในงานประดิษฐ์ การเลือกใชว้ สั ดุอุปกรณ์ในการประดิษฐ์ชิ้นงานตอ้ งเลือกใหเ้ หมาะสมจึงจะไดง้ านออกมามีคุณภาพ สวยงาม รวมท้งั ตอ้ งดูแลรักษาอปุ กรณ์เคร่ืองใชเ้ หลา่ น้ีให้อยใู่ นสภาพใชง้ านไดต้ ลอดเวลา และสามารถแบง่ ออกเป็นประเภทตา่ งๆ ได้ ดงั น้ี 1. ประเภทของเลน่ - วสั ดุที่ใช้ เช่น กระดาษ ใบลาน ผา้ เชือก พลาสติก กระป๋ อง - อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น กรรไกร เขม็ ดา้ ย กาว มีด ตะปู คอ้ น แปรงทาสี 2. ประเภทของใช้ - วสั ดุที่ใช้ เช่น กระดาษ ไม้ โลหะ ดิน ผา้ - อปุ กรณ์ท่ีใช้ เช่น เล่ือย สี จกั รเยบ็ ผา้ กรรไกร เคร่ืองขดั เจาะ 3. ประเภทของตกแต่ง - วสั ดุที่ใช้ เช่น เปลือกหอย ผา้ กระจก กระดาษ ดินเผา - อุปกรณ์ เช่น เล่ือย คอ้ น มีด กรรไกร สี แปรงทาสี เคร่ืองตอก 4. ประเภทเครื่องใชใ้ นงานพิธี - วสั ดุที่ใช้ เช่น ใบตอง ดอกไมส้ ด ใบเตย ผา้ ริบบิน้ - อปุ กรณ์ท่ีใช้ เช่น เขม็ เยบ็ ผา้ เขม็ ร้อยมาลยั คีม คน้ เขม็ หมดุ การเลือกใช้และบารุงรักษาอุปกรณ์ มีหลกั การดงั นี้ 1. ควรเลือกใชใ้ หถ้ กู ประเภทของวสั ดุและอุปกรณ์ 2. ควรศึกษาวธิ ีการใชก้ ่อนลงมือใช้ 3. เม่ือใชแ้ ลว้ เก็บไวใ้ หเ้ ป็นระเบียบเรียบร้อย 4. ซ่อมแซมเครื่องมือท่ีชารุดใหพ้ ร้อมใชเ้ สมอ
บทท3่ี วิธีการดาเนินการ ประกอบด้วยวัสดุอปุ กรณ์ทใี่ ช้หรือเคร่ืองมือท่ขี ้ันตอนการทา วัสดุ/อปุ กรณ์ 1. ชอ้ นพลาสติก 2. ขวดน้าพลาสติก 3. กาวร้อน 4. หลอดไฟ 5. สายไฟ 1. ชอ้ นพลาสติก 2. ขวดพลาสติก 3. หลอดไฟ พร้อมเดินสายไฟ 4. กาวร้อน 5. คสั เตอร์
ข้นั ตอนการทา 1. ใชใ้ ชค้ ดั เตอร์ตดั ขอบขวดดา้ นลา่ งออก 2. หกั ดา้ มชอ้ นพลาสติกออกใหเ้ หลือแต่ชอ้ น 3. ไดโ้ คมไฟจากขอ้ นพลาสติกตามท่ีเราตอ้ งการแลว้ กส็ ามารถนาไปประดบั หอ้ งได้
บทที่ 4 ผลการดาเนินงานโครงงาน สามารถทาไดท้ วั่ ไป จากอินเตอร์เน็ตและสถานท่ีต่างๆจากที่ทอ่ งเที่ยวหรือจากบา้ นตนเองซ่ึงมีผลการดาเนินงานโครงงาน ดงั น้ี 4.1 ผลการพฒั นาการทาโคมไฟ การพฒั นาการทาโคมไฟจะมีการนาไปใชไ้ ดจ้ ะนามาใชใ้ นท่ีต่างๆไดจ้ ากสถานที่ต่างบา้ นหรือจากที่ท่องเท่ียว และสถานที่ ตา่ งๆมากมายจากการทาโครงงานน้ี บทท่ี 5 สรุปผลและอภปิ รายผลงาน สรุป การทาโครงงานโคมไฟจากชอ้ นพลาสติก คร้ังน้ีสืบคน้ หาขอ้ มลู และปฏิบตั ิเป็นรูปเลม่ โครงงานและทาเป็นประดบั ในบา้ น เพื่อความสวยงามใหส้ าเร็จตามวตั ถุประสงคท์ ่ีตอ้ งการ และนอกจากน้ียงั เป็นการศึกษาวิธีการทา และลงมือปฏิบตั ิไดด้ ว้ ย ตนเอง อภปิ ราย 1. สามารถนาเอาโครงงานมาเป็นแบบอยา่ งในการศึกษาขอ้ มลู ในการทาคร้ังต่อไป 2. ใชป้ ระโยชนจ์ ากรูปเลม่ โครงงานไปศึกษาขอ้ มูลเพม่ิ เติม 3. นาไปปรับใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ 4. ลดรายจ่าย เพม่ิ รายได้ ใหก้ บั ตนเองและครอบครัว 5. ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ ประโยชน์ท่ไี ด้รับจากโครงงาน ในการทาโครงงานเร่ืองการทาโคมไฟจากชอ้ นพลาสติกในคร้ังน้ี ทาใหไ้ ดร้ ู้และศึกษาขอ้ มูลจากแหลง่ ตา่ งๆ มา ประยกุ ตใ์ ชแ้ ละไดร้ ับประโยชน์ ดงั น้ี 1. รู้และนาไปปฏิบตั ิไดอ้ ยา่ งถูกวิธี 2. ไดศ้ ึกษาขอ้ มูลเพ่มิ เติมจากแหลง่ ตา่ งๆและนามาจดั ทาเป็นรูปเล่มโครงงาน เพื่อการศึกษาต่อไป 3. นาไปประกอบการเรียนรู้ในวชิ าท่ีเกี่ยวขอ้ ง 4. ไดเ้ รียนรู้และฝึกทกั ษะการทาโคมไฟจากชอ้ นพลาสติก ข้อเสนอแนะ 1. เราควรศึกษาวธิ ีการทาใหล้ ะเอียดก่อนเพ่ือจะไดไ้ ม่เสียเวลาในการลงมือปฏิบตั ิ 2. เราควรแบง่ หนา้ ท่ีในการทาโครงงานเพอื่ ความสะดวกในการทาโครงงาน
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: