1
ก คำนำ การจัดทานวัตกรรมเพ่ือยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยใช้รูปแบบการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ ORGAN Model สาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ เป็นวิธีปฏิบัติท่ี เป็นเลิศ(Best Practices) เพ่ือการพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชา คณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนเซนต์ปอลหนองคาย สังกัดสานักงานศึกษาธิการจังหวัดหนองคาย โดย ครูผู้สอนได้ออกแบบนวัตกรรมขึ้นมาเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ของวิชาคณิตศาสตร์ เนื่องจากนักเรียน ในระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ เป็นระดับชั้นที่มีนักเรียนเข้าเรียนใหม่เป็นจานวนมากและมาจาก หลากหลายโรงเรียน ครผู สู้ อนจึงมคี วามประสงค์สร้างนวัตกรรมการเรียนการสอนใหน้ ักเรียนได้เรียนรู้ ด้วยความสนุกสนาน มีกิจกรรมท่ีหลากหลาย ร่วมกับกระบวนการ Active Learning ส่งผลให้ นกั เรยี นสามารถพัฒนายกระดบั ผลสัมฤทธใ์ิ นการเรียนวชิ าคณติ ศาสตร์ได้ดียิ่งขึ้น การจัดทาวิธีปฏิบัติท่ีเป็นเลิศ (Best Practices) เพ่ือพัฒนายกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วชิ าคณิตศาสตรข์ อง นกั เรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๑ เปน็ แนวทางในการพัฒนาการจดั การเรยี นรู้ และ เพือ่ เป็นข้อมูลให้กับผู้ทีส่ นใจสามารถนาไปเป็นตัวอย่างในการพัฒนายกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ในวิชาของตนเองได้ (นางสาวอลษิ า พรศร)ี ครผู ู้สอนวิชาคณิตศาสตร์ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕
ข สำรบัญ หนำ้ ก เรอื่ ง ข คานา ๑ สารบญั ๑ ชอ่ื ผลงาน (Best Practice) ๑ ๑. ควำมสำคัญของนวัตกรรม ๒ ๒ ๑.๑ ความเปน็ มาและสภาพของปญั หา ๓ ๑.๒ แนวทางการแก้ไขปัญหาและหรอื การพฒั นา ๓ ๑.๓ ประโยชน์และความสาคัญ ๓ ๒. กระบวนกำรพัฒนำนวัตกรรม ๕ ๒.๑ วัตถปุ ระสงคแ์ ละเปา้ หมายการพฒั นา ๖ ๒.๒ หลักการ ทฤษฎี แนวคดิ ในการพฒั นา ๗ ๒.๓ การออกแบบและแนวทางการพัฒนา ๗ ๒.๔ การนาไปใช้ ๗ ๒.๕ การประเมินและการปรับปรุง ๗ ๓. ผลทเ่ี กิดขนึ้ จำกกำรดำเนินงำนตำมนวัตกรรม ๘ ๓.๑ ผลที่เกดิ ขน้ึ กบั สถานศึกษาและผู้บรหิ าร ๙ ๙ ๓.๑.๑ ขอ้ มูลสารสนเทศของสถานศกึ ษา ๑๐ ๓.๑.๒ การดาเนินงาน ๑๐ ๓.๑.๓ การมเี ครอื ขา่ ยพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษา ๑๐ ๓.๑.๔ การยอมรบั ทีม่ ตี ่อสถานศึกษา ๑๐ ๓.๒ ผลทเี่ กิดขึน้ กับครูผู้สอน ๑๐ ๓.๒.๑ การออกแบบการจดั การเรียนรู้ ๑๑ ๓.๒.๒ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑๒ ๓.๒.๓ การพฒั นาสื่อการเรยี นรู้ ๓.๒.๔ การวดั และการประเมินผล ๓.๓ ผลท่เี กิดขึน้ กบั ผูเ้ รียน ใบสมคั รเขา้ รับการคัดเลอื กนวัตกรรม/วธิ ีการปฏิบตั ทิ เ่ี ป็นเลิศ (Best Practices) ๔. ภำคผนวก
๑ กำรเขยี นรำยงำนนวัตกรรม/วธิ ีกำรปฏบิ ตั ิท่เี ป็นเลศิ (Best Practices) ภำยใต้โครงกำร Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมกำรศึกษำเพื่อพัฒนำ กำรศึกษำ สำนักงำนศกึ ษำธกิ ำรจงั หวัดหนองคำย ประจำปงี บประมำณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ช่ือผลงำน (Best Practice) กำรยกระดับผลสัมฤทธท์ิ ำงกำรเรยี นวิชำคณิตศำสตรโ์ ดยใชร้ ูปแบบ กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรแู้ บบ ORGAN Model สำหรับนักเรยี นชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี ๑ ชื่อ – สกลุ นำงสำวอลษิ ำ พรศรี ตำแหนง่ ครู โรงเรยี น เซนตป์ อลหนองคำย สังกัด สำนักงำนศกึ ษำธิกำรจังหวัดหนองคำย เบอร์โทร ๐๘๕-๔๕๕๒๒๗๖ ประเภท กำรบริหำรจดั กำรของสถำนศึกษำ กำรจดั กำรเรียนรู้ ระดบั ปฐมวยั ✓ ประถมศึกษำ มัธยมศึกษำ กำรนเิ ทศ ตดิ ตำมและประเมินผล ๑. ควำมสำคญั ของนวัตกรรม ๑.๑ ความเปน็ มาและสภาพของปญั หา คณิตศาสตรม์ บี ทบาทสาคญั ยงิ่ ตอ่ การพัฒนาความคิดของมนษุ ย์ ทาให้มนษุ ย์ มีความคดิ อย่าง สร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ ระเบียบ มีแบบแผน ชัดเจนและรัดกุม นอกจากน้ี มนุษย์ยัง ใช้ คณิตศาสตร์ เป็นหลักในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ในศาสตร์แขนงอื่นๆ รวมถึงด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนพ้ืนฐานสาหรับการค้นคว้าวิจัยทุกประเภท โดยถือว่า คณิตศาสตร์เป็นเคร่ืองมือ ในการเรียนรู้ และเป็นพ้ืนฐานในการดารงชีวิต ตลอดจนช่วยพัฒนา คุณภาพชีวิตให้ดีข้ึน ซึ่งจุดประสงค์ โดยท่ัวไป ในการสอนคณิตศาสตร์นั้นเพ่ือต้องการให้นักเรียนมี ความรู้ ความเข้าใจและมีทักษะในการคิด คานวณตามกระบวนการทางคณิตศาสตร์ รู้คุณค่าของ คณิตศาสตร์ สามารถนาประสบการณ์ทางด้านความรู้ ความคิด และทักษะท่ีได้จากการเรียน คณิตศาสตร์ไปใช้ในการเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ ใช้ในชีวิตประจาวนั และพัฒนา ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษ ที่ ๒๑
๒ เม่ือกล่าวถึงวิชาคณิตศาสตร์ นักเรียนหลาย ๆ คนบอกว่าเป็นวิชาท่ียาก ไม่ชอบเรียน เพราะ มีแต่การ คานวณเป็นส่วนใหญ่ ขณะท่ีอีกหลายคนมีคาถามว่าทาไมต้องเรียนคณิตศาสตร์ ในเมื่อ ปัจจุบันเรามีเคร่ืองคิด เลขใช้แล้ว จึงจาเป็นต้องสร้างเจตคติท่ีดีให้แก่นักเรียน เพ่ือให้นักเรียนไม่รู้สึก ว่าการเรียนคณิตศาสตร์เป็นเรื่อง ท่ีน่าเบื่อ แต่รู้สึกอยากเรียน เพราะเป้าหมายสูงสุดของการเรียน คณิตศาสตร์ คือ การนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน และการนาไปใช้เป็นพ้ืนฐานการเรียนรู้วิชาอื่น คณติ ศาสตรเ์ ป็นวชิ าทกั ษะ ดังนน้ั การทาโจทย์คณติ ศาสตร์ทุกวันกจ็ ะชว่ ยให้เก่งคณิตศาสตร์ได้ฉันนั้น ปัจจบุ นั คณิตศาสตรม์ ีบทบาทสาคญั ย่ิงต่อการพัฒนาความคิดมนุษย์ ทาให้มนุษยม์ ีความคดิ สร้างสรรค์ คิด อย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างถ่ีถ้วน รอบคอบ ช่วยให้ คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหา และนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่าง ถกู ต้อง เหมาะสม ๑.๒ แนวทางการแก้ไขปญั หาและหรือการพฒั นา ครูผ้สู อนจึงได้ออกแบบนวัตกรรมเพ่อื ยกระดับผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยใช้ รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ ORGAN Model สาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ เพ่อื ให้ผู้เรียนได้เรียนร้วู ชิ าคณิตศาสตรด์ ้วยความสนุกสนาน คดิ เชื่อมโยงกับกิจกรรมต่างๆ นักเรียนได้ ร่วมลงมอื ทากจิ กรรมแบบ Active Learning บูรณาการความรูผ้ า่ นการทากิจกรรมตา่ งๆเพื่อยกระดับ ผลสัมฤทธ์ิในวิชาเรียนคณิตศาสตร์ เม่ือนักเรียนได้รับการปลูกฝังเจตคติที่ดีในวิชาคณิตศาสตร์ต้ังแต่ ระดับช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ จงึ ทาใหน้ ักเรียนสามารถพฒั นาความรใู้ นระดบั ชั้นตอ่ ๆไปได้ ๑.๓ ประโยชนแ์ ละความสาคัญ วิชาคณิตศาสตร์มีความสาคัญทั้งในด้านการพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักใช้ความคิด เหตุผลเพ่ือที่จะ พัฒนาวิธีการเสาะแสวงหาความรู้ใหม่ และพัฒนาผู้เรียนให้เห็นคุณค่าของระเบียบการใช้ความคิด ส่งผลถึงจิตใจของนักเรียนให้มีความละเอียด รอบคอบ เม่ือผู้เรียนได้ผา่ นการเรียนในวชิ าคณิตศาสตร์ ดังน้ัน การสร้างนวัตกรรมเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิท์ างการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยใชร้ ูปแบบการจัด กิจกรรมการเรียนรู้แบบ ORGAN Model สาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ จึงเป็นการพัฒนา ผู้เรียนให้มีเจตคติท่ีดีต่อวิชา นักเรียนได้ร่วมกิจกรรมตามกระบวนการท่ีสนุกสนาน และสามารถ ยกระดับผลสัมฤทธ์ิในการเรียนวชิ าคณติ ศาสตร์ได้
๓ ๒. กระบวนกำรพฒั นำนวตั กรรม ๒.๑ วตั ถปุ ระสงคแ์ ละเปา้ หมายการพฒั นา การออกแบบนวตั กรรมเพอ่ื ยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นวชิ าคณติ ศาสตร์โดยใช้รปู แบบ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้แบบ ORGAN Model สาหรบั นักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๑ โดยมี วัตถปุ ระสงค์ดังน้ี ๑. เพอ่ื สง่ เสรมิ ให้นักเรียนมีเจตคตทิ ด่ี ตี ่อวิชาคณติ ศาสตร์ ผ้เู รียนได้เรียนรูว้ ชิ าคณติ ศาสตร์ ด้วยความสนกุ สนาน คิดเชอื่ มโยงกับกจิ กรรมตา่ งๆ ๒. เพอ่ื พฒั นาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนวชิ าคณิตศาสตรข์ องนักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ให้ นกั เรยี นมีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึน้ โดยใชร้ ูปแบบการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบ ORGAN Model ๓. เพ่อื นาผลทไ่ี ด้ไปพฒั นาการเรียนการสอนในวิชาคณิตศาสตร์ ๒.๒ หลักการ ทฤษฎี แนวคดิ ในการพฒั นา การจัดการเรยี นการสอนแบบ Active Learning เปน็ กระบวนการจัดการเรียนรูต้ ามแนวคิดการสร้างสรรคท์ างปญั ญา (Constructivism) ท่ี เน้นกระบวนการเรยี นรู้มากกว่าเนอ้ื หาวิชา เพอ่ื ชว่ ยให้ผ้เู รยี นสามารถเชอ่ื มโยงความรู้ หรอื สร้าง ความรใู้ หเ้ กิดข้ึนในตนเอง ดว้ ยการลงมือปฏิบัติจริงผ่านสื่อหรอื กจิ กรรมการเรียนรู้ ท่ีมคี รูผสู้ อนเปน็ ผู้ แนะนา กระตุน้ หรอื อานวยความสะดวก ใหผ้ ูเ้ รยี นเกิดการเรยี นรขู้ น้ึ โดยกระบวนการคิดข้นั สงู กล่าวคือ ผู้เรยี นมีการวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และการประเมินคา่ จากสิ่งท่ีได้รบั จากกจิ กรรมการเรยี นรู้ ทาให้การเรียนรเู้ ป็นไปอยา่ งมีความหมายและนาไปใชใ้ นสถานการณ์อ่นื ๆไดอ้ ยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ (สถาพร พฤฑฒกิ ลุ , ๒๕๕๘) ลักษณะของการจัดการเรยี นการสอนแบบ Active Learning เป็นดังน้ี (ไชยยศ เรอื งสวุ รรณ, ๒๕๕๓) ๑. เปน็ การเรียนการสอนที่พัฒนาศักยภาพทางสมอง ได้แก่ การคิด การแก้ปัญหา และการ นาความรู้ไปประยุกต์ใช้ ๒. เปน็ การเรียนการสอนที่เปดิ โอกาสให้ผู้เรยี นมสี ่วนรว่ มในกระบวนการเรียนรู้สูงสุด ๓. ผูเ้ รียนสร้างองคค์ วามรู้และจดั กระบวนการเรียนรดู้ ้วยตนเอง
๔ ๔. ผู้เรยี นมีส่วนรว่ มในการเรียนการสอนทง้ั ในด้านการสร้างองค์ความรู้ การสร้างปฏสิ ัมพนั ธ์ รว่ มกนั ร่วมมอื กนั มากกวา่ การแขง่ ขนั ๕. ผู้เรยี นเรียนรคู้ วามรบั ผดิ ชอบร่วมกนั การมีวนิ ยั ในการทางาน และการแบ่งหนา้ ท่คี วาม รบั ผดิ ชอบ ๖. เปน็ กระบวนการสรา้ งสถานการณ์ใหผ้ เู้ รยี นอา่ น พูด ฟัง คดิ อยา่ งลุ่มลึก ผ้เู รียนจะเป็นผู้ จัดระบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง ๗. เป็นกจิ กรรมการเรยี นการสอนที่เนน้ ทักษะการคิดขั้นสงู ๘. เปน็ กจิ กรรมที่เปดิ โอกาสให้ผูเ้ รยี นบูรณาการขอ้ มลู ข่าวสาร หรือสารสนเทศ และ หลักการความคดิ รวบยอด ๙. ผ้สู อนจะเป็นผูอ้ านวยความสะดวกในการจดั การเรยี นรู้ เพื่อใหผ้ ู้เรียนเปน็ ผปู้ ฏบิ ตั ดิ ้วย ตนเอง ๑๐. ความรู้เกดิ จากประสบการณ์ การสร้างองค์ความรู้ และการสรปุ ทบทวนของผเู้ รียน รูปแบบกำรสอน ORGAN Model A N Apply New way R G Regenerate Gathering O Observe
๕ O • Observe = กำรสังเกตปุ ญั หำในกำรเรยี น R • Regenarate = กำรคดิ หำควำมรู้ใหมๆ่ G • Gathering = กำรรว่ มมือ A • Apply = กำรประยกุ ต์ บูรณำกำรควำมรู้ N • New way = กำรคน้ พบวธิ ีกำรใหม่ๆ ๒.๓ การออกแบบและแนวทางการพฒั นา ข้นั ท่ี ๑ ขั้นวางแผน (Plan) ศึกษาสภาพปญั หาโดยทว่ั ไปของนกั เรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี๑ จากนั้นผู้สอน ศึกษาหลกั สตู ร เกบ็ รวมรวมขอ้ มูล และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ในด้านทักษะการ แกป้ ัญหา ขั้นที่ ๒ ขน้ั ดาเนินการ (Do) การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ โดยใชร้ ูปแบบการสอนแบบ ORGAN Model ประกอบด้วย ขน้ั ตอนการดาเนินงานดังน้ี ข้ันตอนท่ี ๑ ขนั้ Observe (O) การสังเกตุปญั หาในการเรียน วางแผนการจัดกิจกรรมโดยการวิเคราะห์หลักสูตร เตรียมเนื้อหาสาระการเรียนรู้ เตรียมส่ือ และปัญหาท่ีพบเจอในการจัดการเรียน ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญและ เตรียมกจิ กรรมการเรยี นการสอนให้ สอดคล้องกบั ความต้องการของผ้เู รียน ขั้นตอนท่ี ๒ ข้นั Regenarate (R) การคิดหาความร้ใู หมๆ่ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้คณติ ศาสตร์โดยให้ผู้เรยี นได้ฝึกทกั ษะกระบวนการคิดได้ รว่ มคดิ ร่วมทา การได้ลงมือปฏิบัติจริง ให้สามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่าง บุคคลของผเู้ รยี นมีการใชส้ ่อื ประกอบประกอบการสอนตามความเหมาะสมกับเนื้อหาสาระ
๖ ขน้ั ตอนท่ี ๓ ขน้ั Gathering (G) การร่วมมือ นกั เรยี นลงมอื ปฏิบตั ิตามกิจกรรมการเรยี นรูด้ ้วยตนเอง โดยครูเปน็ ผชู้ ว่ ยให้นกั เรียนได้ลงมอื ทากิจกรรมด้วยตนเองอยา่ งถูกต้องและปลอดภยั ขน้ั ตอนที่ ๔ ข้นั Apply (A) การประยกุ ต์ บูรณาการความรู้ มีการวัดผลและประเมนิ ผลการเรยี นรใู้ หส้ อดคล้องกบั จุดประสงค์การเรียนรู้และกิจกรรมการ เรียนการสอน โดยเน้นการใช้กระบวนการวัดผลประเมินผลที่หลากหลายวัดความรู้ ความจา ความ เข้าใจ การนาไปใชโ้ ดยทาการวัดผลประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ อยา่ งตอ่ เนือ่ ง ข้นั ตอนท่ี ๕ ขน้ั New way (N) การคน้ พบวธิ กี ารใหมๆ่ มกี ารนาเสนอผลงานของนกั เรียน ร่วมกนั สรุปเกีย่ วกับวิธีการทางานใหเ้ หน็ การคิดเชงิ ระบบ และวธิ ีการทางานท่ีมีแบบแผนผลการประเมนิ มาปรบั ปรุงและพัฒนาต่อไป ขน้ั ที่ ๓ ข้นั ประเมินทบทวนตรวจสอบ (Check) เม่ือดาเนินงานตามกจิ กรรมการเรียนรู้แตล่ ะ ครัง้ ผสู้ อน จะประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรม หรือตรวจสอบว่ามปี ญั หาเกิดข้นั ระหว่างการปฏิบัติ หรอื ไม่ เพราะส่งิ เหลา่ นี้ เป็นอปุ สรรคต่อประสิทธภิ าพและคุณภาพของการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม การ ตดิ ตาม ตรวจสอบ จงึ เปน็ สงิ่ สาคัญเพื่อ ประโยชนข์ องการพัฒนาคณุ ภาพของผ้เู รียนและบรรลุตาม จดุ ประสงคท์ ่ีกาหนด ขน้ั ที่ ๔ ขนั้ การปรับปรงุ (Act) เป็นกิจกรรมท่มี ีขึ้นเพ่ือแก้ไขปัญหาท่เี กิดขนึ้ หลงั จากได้ดาเนนิ กิจกรรม การ ปรับปรุงอาจเป็นการแก้ไขแบบเร่งดว่ นเฉพาะหนา้ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาซา้ เม่ือพบ ปญั หาดงั กลา่ ว ผูส้ อน ทาความเข้าใจกบั ผู้เรียนทันที และคอยกระตุ้นใหผ้ ้เู รียนปฏิบตั ิกิจกรรมได้ ๒.๔ การนาไปใช้ ผสู้ อนได้นานวัตกรรมเพื่อยกระดับผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนวิชาคณิตศาสตรโ์ ดยใชร้ ปู แบบการ จัดกจิ กรรมการเรียนรแู้ บบ ORGAN Model สาหรบั นักเรียนช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ มาใชใ้ นระหว่าง เดอื นมิถุนายน-กรกฎาคม โดยครูจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนตามที่ได้ออกแบบไว้ ในแต่ละคาบ เรียนจะแบ่งออกเปน็ ๕ ขนั้ ไดแ้ ก่ ๑. ข้ันสังเกต รวบรวมข้อมลู (Gathering) ๒. ข้นั คิดวิเคราะหแ์ ละสรปุ ความรู้ (Processing)
๗ ๓. ข้ันปฏบิ ตั ิและสรุปความรู้หลังการปฏบิ ัติ (Applying and Constructing the Knowledge) ๔. ขนั้ ส่อื สารและนาเสนอ (Applying the Communication Skill) ๕. ขน้ั ประเมนิ เพ่ือเพิม่ คุณคา่ บริการสังคมและจติ สาธารณะ (Self-Regulating) ในการนานวัตกรรมการการสอนไปใช้ ครูจะมสี ่ือการสอนท่ีหลากหลายเพือ่ ให้นกั เรยี นทกุ คน มสี ว่ นรว่ มในการใชแ้ ละประดิษฐ์ส่ือเพ่ือให้บรรลผุ ลตามที่ได้จดั กจิ กรรมการสอนไว้ และมีการร่วมกัน สรุปความรทู้ ไ่ี ด้จากการนานวตั กรรมมาใชใ้ นการเรยี นการสอน ๒.๕ การประเมินและการปรับปรุง จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนพบว่านักเรียนมีความสนใจและให้ความร่วมมือในการ เรียนรู้ตามกิจกรรมต่างๆ ท่ีครูได้ออกแบบไว้เป็นอย่างดี และนักเรียนมีความเข้าใจในบทเรียนมาก ย่งิ ขนึ้ เหน็ ไดจ้ ากเมอ่ื นักเรียนเรียนตามบทเรยี นปกติ จะไม่สนใจในบทเรยี นมากนัก แต่เมื่อไดล้ งมือทา กิจกรรมนักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนและให้ความร่วมมือ รวมถึงนักเรียนมีผลลัพธ์ในการ ตอบคาถามตา่ งๆและทาช้ินงานประดิษฐไ์ ดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ๓. ผลที่เกิดขึ้นจำกกำรดำเนินงำนตำมนวัตกรรม ๓.๑ ผลที่เกดิ ขึน้ กับสถานศึกษาและผบู้ รหิ าร ๓.๑.๑ ขอ้ มลู สารสนเทศของสถานศกึ ษา โรงเรียนเซนต์ปอลหนองคายเป็นสถานศึกษาขนาดกลาง มีการบริหารและการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนในทุกด้าน ผู้บริหารโรงเรียนได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรครูเข้ารับการ อบรมและพัฒนาตนเองและจัดส่ืออุปกรณก์ ารเรียนที่ทันสมยั เพ่ือให้สอดคล้องกับการจดั กิจกรรมการ เรียนการสอนอย่างสม่าเสมอ โดยเฉพาะอย่างย่ิงผู้บริหารโรงเรียนได้ส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรครู นารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการมีส่วนร่วมตามแนว ORGAN Model รวมถึงการจัด อาคารสถานท่ีหรือภูมิทัศน์แหล่งการเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน มาเป็นพลังในการ ขับเคล่ือนการดาเนินการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนเพื่อให้บรรลุผลสาเร็จตามวิสัยทัศน์ที่วาง เอาไว้ นอกจากนี้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนรู้ ครูผู้สอนจะคานึงถึงเนื้อหาในบทเรียน เนื่องจากเนื้อหาการเรียนในบทเรียนจะเป็นปัจจัยท่ีใช้กาหนดวิธีการจัดการเรียนรู้ ตัวอย่างเช่น การ เขียนแผนการเรียนคณิตศาสตร์ จะคานึงถึงเน้อื หาในคู่มือหรือบทเรียน หรอื การเรยี นเรือ่ งการเขียนก็ จะพิจารณาท่ีความแปลกใหม่และการคิดของนักเรียน ดังนั้นการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ที่ดี ครผู ู้สอนจะตอ้ งไดร้ ับการปรับปรุงพฒั นาใหม้ ีศกั ยภาพในการเขียนแผน โดยไดร้ บั การฝึกปฏิบตั ิในการ
๘ เขยี นแผน ควรได้รบั การพัฒนาแนวคดิ เกีย่ วกบั วธิ กี ารเขียนแผน ครูควรวางแผนทัง้ ในด้านเนอื้ หาที่จะ นา มาใช้จัดกิจกรรมและคุณลักษณะท่ีต้องการ สนับสนุนให้เกิดกับผู้เรียน และควรหลีกเล่ียงการใช้ ตารางเวลาจัดกิจกรรมเป็นช่วงๆ คงที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ รวมทั้งจะไม่ใช้คาถามว่ากิจกรรมทุก รายการดา เนนิ ไปได้ อย่างไร เพราะครูทม่ี ีประสบการณม์ ักจะพร้อมและสามารถปรับเปล่ยี นกจิ กรรม การเรียนให้มีความยืดหยุ่น และดา เนินไปได้พร้อมกับตอบสนองผู้เรียนอย่างเหมาะสมตามแนว ทางการดาเนนิ งาน ๓.๑.๒ การดาเนนิ งาน (เลือกเขยี นเฉพาะด้านที่ส่ง ไดแ้ ก่ ด้านการบริหารจดั การของ สถานศกึ ษา/ ดา้ นการจดั การเรียนรู้/ดา้ นการนเิ ทศตดิ ตามและประเมินผล) อย่างเป็นระบบ การจดั กระบวนการพฒั นานวัตกรรมเพื่อยกระดบั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นวชิ าคณติ ศาสตร์ โดยใชร้ ูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรแู้ บบ ORGAN Model สาหรบั นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ โดยมีวตั ถปุ ระสงค์ดังนี้ ๑. เพ่อื สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นมีเจตคติท่ดี ตี ่อวชิ าคณิตศาสตร์ ผู้เรยี นไดเ้ รยี นรู้วิชาคณติ ศาสตร์ ดว้ ยความสนุกสนาน คิดเช่ือมโยงกับกิจกรรมตา่ งๆ ๒. เพอ่ื พฒั นาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนกั เรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ ให้ นักเรยี นมีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นสงู ขึน้ โดยใชร้ ปู แบบการจัดกจิ กรรมการเรียนร้แู บบ ORGAN Model รปู แบบกำรสอน ORGAN Model A N Apply New way R G Regenerate Gathering O Observe
๙ O • Observe = กำรสงั เกตปุ ญั หำในกำรเรยี น R • Regenarate = กำรคดิ หำควำมรู้ใหมๆ่ G • Gathering = กำรร่วมมือ A • Apply = กำรประยุกต์ บรู ณำกำรควำมรู้ N • New way = กำรค้นพบวธิ ีกำรใหมๆ่ ๓. เพื่อนาผลท่ไี ด้ไปพัฒนาการเรยี นการสอนในวชิ าคณิตศาสตร์ ๓.๑.๓ การมเี ครอื ข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ผู้บริหารให้การส่งเสริมและสนับสนุนในการจัดกิจกรรม มีการร่วมมือกับทางสานักงาน ศึกษาธิการจังหวัดเพ่ือพัฒนาครูผู้สอนให้สามารถจัดทากิจกรรมการเรียนการ สอนเพ่ือยกระดับ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนในวิชาคณติ ศาสตร์ ระดับชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑ และผปู้ กครองนกั เรยี นมสี ่วน ร่วมสะท้อนการทากิจกรรมของทางโรงเรียนอย่างสม่าเสมอ มีการเผยแพร่นวัตกรรมการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ผ่านชอ่ งทางดังน้ี ➢ ขยายผลใหก้ บั ครูในโรงเรยี น และนาสู่การปรับใชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรียนการ สอนในห้องเรยี นทุกรายวิชา ➢ จัดทาเป็นเอกสารเผยแพร่ขอ้ มลู ➢ เผยแพร่ข้อมลู ผา่ นเวบ็ ไซด์โรงเรียนและFace bookโรงเรยี น http://www.spnk.ac.th ➢ เผยแพรข่ ้อมูลผ่าน Face book สว่ นตวั ๓.๑.๔ การยอมรับท่มี ตี ่อสถานศึกษา ผู้บริหารให้การยอมรับและสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมการพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ ORGAN Model สาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ โดยมีครูผู้ร่วมงานได้ให้คาปรึกษาในการออกแบบ กิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ และนักเรียนในระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ ให้ความร่วมมือในการจัดทา กิจกรรมต่างๆเป็นอยา่ งดี
๑๐ ๓.๒ ผลท่ีเกดิ ขึ้นกับครูผสู้ อน ๓.๒.๑ การออกแบบการจดั การเรียนรู้ การพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นวิชาคณิตศาสตรโ์ ดยใช้รปู แบบการ จดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบ ORGAN Model สาหรบั นักเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ เปน็ การออกแบบ การจัดกิจกรรมให้ความสาคัญกับกระบวนการสอนที่เน้นให้นักเรียนได้เรียนแบบ Active Learning และบูรณาการกับกิจกรรมต่างๆท่ีมีความสนุกสนานเหมาะสมกับวัยเพื่อให้นักเรียนได้พบความรู้ด้วย วิการใหม่ๆ ไม่เพียงแค่ท่องจา ครูผู้สอนจะทาหน้าท่ีเป็น coach เพื่อให้นักเรียนได้ร่วมกิจกรรมและ ไดร้ ับความรูต้ ามกระบวนการที่ออกแบบ ๓.๒.๒ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ ORGAN Model เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเน้นให้ ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการทากิจกรรมเพ่ือให้เกิดความรู้ข้ึนด้วยตัวนักเรียนเองผ่านกิจกรรมที่ สนุกสนาน เหมาะสมกับวัย และบูรณาการกับวิชาต่างๆได้ เพื่อให้นักเรียนมีเจตคติท่ีดีต่อวิชา คณิตศาสตร์ ทาให้เป็นประโยชน์ต่อนักเรียนในการเรียนในระดับท่ีสูงข้ึนไป และมีการพัฒนาการ ออกแบบการจดั กิจกรรมใหเ้ หมาะสมในอีกหลากหลายบทเรยี นได้ ๓.๒.๓ การพฒั นาสอ่ื การเรยี นรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ ORGAN Model เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเน้นให้ ผเู้ รยี นไดม้ ีสว่ นร่วมในการทากิจกรรมต่างๆโดยใชส้ ่ือการสอนท่ชี ดั เจน มอี ยูร่ อบตวั หาไดง้ ่าย ราคาไม่ แพง และมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ส่ือ และสามารถนาไปประยุกต์ได้ในหลากหลายบทเรียน อีกทั้งยัง นาไปใช้ร่วมกับส่ือเทคโนโลยีท่ีทันสมัยได้ และครูผู้สอนมีการตรวจสอบคุณภาพและพัฒนาสื่ อการ เรียนรู้ให้เหมาะสมกบั บทเรียนต่างๆได้ ๓.๒.๔ การวัดและการประเมินผล ผลจากการดาเนินงาน การพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดบั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนวิชา คณติ ศาสตร์โดยใช้รูปแบบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบ ORGAN Model สาหรับนกั เรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ทาใหป้ ระสบความสาเรจ็ ดงั นี้ ๑. นักเรียนมเี จตคตทิ ด่ี ตี ่อวชิ าคณติ ศาสตรม์ ากขน้ึ เหน็ ได้จากใหค้ วามรว่ มมือในการทา กิจกรรมในการเรียนการสอนด้วยความสนุกสนานและมกี ารคดิ วเิ คราะห์มากข้ึน มีการถามตอบและ ร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ มากข้ึน ๒. ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนวชิ าคณติ ศาสตร์ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ เพิ่มสูงขน้ึ จากการประเมนิ ก่อนท่ีจะมีการนานวัตกรรมเพื่อยกระดับผลสัมฤทธ์ิมาใช้
๑๑ ๓.๓ ผลที่เกดิ ขึน้ กบั ผเู้ รยี น ผเู้ รียนมีคะแนนผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติขนั้ พน้ื ฐาน (NT) /ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรยี นแต่ละวิชาผ่านเกณฑ์เพม่ิ ขน้ึ ๓.๓.๑ ผ้เู รียนมคี วามพงึ พอใจและมที ัศนคติที่ดีในการเรยี น และใหค้ วามรว่ มมอื ในการลง มอื ปฏบิ ัติกจิ กรรมที่ครไู ดจ้ ัดข้ึน ๓.๓.๒ ผเู้ รยี นเกิดทักษะการแกป้ ญั หาได้ดีขึน้ ตามศักยภาพของแตล่ ะบคุ คล สง่ ผลให้ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นสูงขึ้น ๓.๓.๓ ผูส้ อนมีส่อื การเรยี นรู้ในการพฒั นาทกั ษะการแก้ปัญหา รวมถึงบูรณาการรายวิชา อน่ื ๆเข้ามาร่วมดว้ ย และยังใชเ้ ป็นขอ้ มลู หรือความรู้พน้ื ฐานในการปรบั ปรุงพฒั นา เพื่อใช้ในการจัด กจิ กรรมการเรียนการสอนทีเ่ ปน็ ประโยชน์ต่อไป
๑๒ ใบสมคั รเข้ำรับกำรคัดเลือกนวัตกรรม/วิธีกำรปฏบิ ัตทิ ่เี ป็นเลิศ (Best Practices) ภายใตก้ ารดาเนนิ งานตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวตั กรรม การศกึ ษาเพ่ือพฒั นาการศึกษา สานกั งานศึกษาธกิ ารจงั หวัดหนองคาย ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ประเภทของผู้สมัคร การบรหิ ารจดั การของสถานศึกษา การจดั การเรียนรู้ ระดับ ปฐมวยั ✓ ประถมศึกษำ มธั ยมศกึ ษำ การนิเทศ ตดิ ตามและประเมินผล ชื่อผลงาน (Best Practice) การยกระดบั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวชิ าคณติ ศาสตร์โดยใชร้ ูปแบบการ จดั กิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบ ORGAN Model สาหรบั นักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ ชอ่ื – สกลุ นางสาวอลิษา พรศรี ตาแหนง่ ครูผู้สอน โรงเรียนเซนต์ปอลหนองคาย รหัส ๑๑๔๓๑๐๐๐๐๔ ตัง้ อยเู่ ลขท่ี ๘๔ หมู่ ๕ ถนนหนองคาย– โพนพิสัย ตาบลหาดคา อาเภอเมอื ง จังหวดั หนองคาย รหัสไปรษณยี ์ ๔๓๐๐๐ สังกดั สานกั งาน คณะกรรมการส่งเสรมิ การศึกษาเอกชน โทรศัพท์ ๐-๔๒๔๑-๒๕๐๘ โทรสาร ๐-๔๒๔๖-๒๒๘๐ มือถือ ๐๙-๓๐๙๓-๘๘๙๕ e-mail [email protected] website www.spnk.ac.th สังกัด สานักงานศึกษาธกิ ารจังหวดั หนองคาย เบอรโ์ ทร ๐๘๕-๔๕๕๒๒๗๖ ลงช่ือ อลิษา พรศรี ผูส้ มัคร (นางสาวอลา พรศรี) ตาแหน่ง ครูผู้สอน ๒๕/กรฎราคม/๒๕๖๕
ภำคผนวก
กจิ กรรมกำรเรยี นกำรสอน นกั เรยี นรว่ มกิจกรรมการเรียนการ สอนเป็นอยา่ งดี มกี ารแสดงความ คิดเหน็ ถาม-ตอบ ร้จกั คิดวเิ คราะห์
มีการแบง่ กลมุ่ ทางานเป็นกลุม่ แบ่งหนา้ ท่ีกันชดั เจน ทาให้นักเรียนเกิดความสามัคคีและร้จักฟังความคิดเห็นของผู้อ่นื
นักเรียนร่วมกันทา Brain Gym เพ่อื สร้างความพรอ้ ม ในการเรยี น นกั เรยี นตอบคาถามโดย ใช้เพลงบัตรภาพประกอบ นกั เรียนนาเสนอผลงานของ ตวั เองหน้าชั้นเรียน
รำงวัล NT เต็ม 100 ปกี ำรศึกษำ 2564
การแข่งขนั ทักษะวชิ าการและประกวดส่งิ ประดษิ ฐ์นกั เรียนระดับ โรงเรียนเอกชน ครงั้ ที่ 6 ประจาปีการศึกษา 2564 ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ระดับจังหวดั เดก็ ชายสวุ รรณภมู ิ จริ ชวาลา แข่งขันอัจฉริยภาพทางคณติ ศาสตร์ ระดบั ชน้ั ป.1 - ป.3 รางวัลชนะเลศิ เหรียญทอง และเด็กชายวงศกร นชุ รังค์ แข่งขนั คดิ เลขเรว็ ระดับชัน้ ป.1 - ป.3 รางวลั ชนะเลิศ เหรยี ญทอง
นกั เรียนนาชิ้นงานไปใชใ้ นชีวิตประจาวัน จรงิ
แบบวัดควำมพงึ พอใจของนกั เรียนและผ้ปู กครอง
กำรประเมนิ ผล กำรสังเกตชั้นเรยี น และกำรสะท้อนผล
เกยี รติบตั รกำรอบรมพฒั นำตนเอง
ผลสมั ฤทธิ์ทำงกำรเรยี นจำนวนและร้อยละของนกั เรียนท่ีมีผลกำรเรยี นระดบั ๓ ข้ึนไป ระดบั ประถมศกึ ษำ ระดบั ผลกำรเรียน กลุ่มสาระ ป.๑ ป.๒ ป.๓ การเรียนรู้/รายวิชา จานวนนกั เรียนท่มี ผี ล จานวนนักเรียนทมี่ ผี ล จานวนนักเรยี นทม่ี ผี ล ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ จานวน ระดับ ๓ ขนึ้ ไป รอ้ ยละ จานวน ระดบั ๓ ขึน้ ไป ร้อยละ จานวน ระดบั ๓ ขึ้นไป รอ้ ยละ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี นักเรยี น สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม นักเรยี น นกั เรียน ประวตั ิศาสตร์ ๑๓๖ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๑๑๙ ๗๘ ๖๕.๕๕ ๑๓๖ ๑๒๓ ๙๐.๔๔ ๑๒๒ ๘๙.๗๑ ศลิ ปะ ๑๑๙ ๑๑๖ ๙๗.๔๘ ๑๓๖ ๑๒๕ ๙๑.๙๑ ๑๓๖ ๑๓๖ ๑๐๐.๐๐ การงานอาชพี ภาษาตา่ งประเทศ ๑๑๙ ๑๑๓ ๙๔.๙๖ ๑๓๖ ๑๒๕ ๙๑.๙๑ ๑๓๖ ๑๒๒ ๘๙.๗๑ เฉลี่ย ๑๑๙ ๑๑๔ ๙๕.๘๐ ๑๓๖ ๑๒๘ ๙๔.๑๒ ๑๓๖ ๑๓๑ ๙๖.๓๒ ๑๑๙ ๑๑๗ ๙๘.๓๒ ๑๓๖ ๑๓๒ ๙๗.๐๖ ๑๓๖ ๑๒๘ ๙๔.๑๒ ๑๑๙ ๑๑๘ ๙๙.๑๖ ๑๓๖ ๑๓๖ ๑๐๐.๐๐ ๑๓๖ ๑๓๖ ๑๐๐.๐๐ ๑๑๙ ๑๑๘ ๙๙.๑๖ ๑๓๖ ๑๓๓ ๙๗.๗๙ ๑๓๖ ๑๓๖ ๑๐๐.๐๐ ๑๑๙ ๑๑๗ ๙๘.๓๒ ๑๓๖ ๑๓๓ ๙๗.๗๙ ๑๓๖ ๑๒๘ ๙๔.๑๒ ๑๑๙ ๑๐๕ ๘๘.๒๔ ๑๓๖ ๑๓๑ ๙๖.๓๒ ๑๓๖ ๑๑๓ ๘๓.๐๙ ๙๓.๐๐ ๙๕.๒๖ ๙๔.๑๒ ผลกำรประเมนิ กำรทดสอบควำมสำมำรถพ้ืนฐำนของผเู้ รียนระดบั ชำติ(National Test : NT) เปรยี บเทยี บผลการทดสอบสมรรถนะของนักเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ สมรรถนะ จานวน จานวน คะแนนเฉลยี่ คะแนนเฉลย่ี ผลการทดสอบ นกั เรียน นกั เรยี น ระดับ สมรรถนะ ทงั้ หมด ทเ่ี ขา้ สอบ ประเทศ ปี ๒๕๖๔ ๒๕๖๔ ด้านคณติ ศาสตร์ ๑๓๖ ๘๕ ๔๙.๔๔ ๔๗.๓๒ (Mathematics) ๑๓๖ ๘๕ ๕๖.๑๔ ๖๑.๒๓ ด้านภาษาไทย (Thai Language) ***(๔) = (๓) – (๒) กรณีทม่ี ผี ลต่างคะแนนเฉลี่ย (๔) ตดิ ลบใหใ้ ส่เครอื่ งหมายลบ * (๕) = (๔) x ๑๐๐ ร้อยละของคะแนนเฉลย่ี (๕) ใหใ้ ส่เครอื่ งหมายลบ (๒) *** (๖) การแปลผลพฒั นาการ มคี ่ารอ้ ยละของคะแนนเฉลยี่ (๕) ตงั้ แต่ ๓.๐๐ ขึน้ ไป แปลผลวา่ “มพี ัฒนาการ” มคี ่าร้อยละของคะแนนเฉลยี่ (๕) ๐.๑ – ๒.๙๙ แปลผลว่า “มพี ฒั นาการแตไ่ มถ่ ึงร้อยละ ๓” มีคา่ ร้อยละของคะแนนเฉลย่ี (๕) ติดลบ แปลผลวา่ “ไมม่ ีพัฒนาการ”
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ กล่มุ สำระกำรเรียนรคู้ ณติ ศำสตร์ วชิ ำคณิตศำสตร์ รหัสวชิ ำ ค ๑๑๑๐๑ ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ี่ ๑ หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี ๓ เรื่อง กำรลบจำนวนนับสองจำนวนทม่ี ตี วั ต้ังไม่เกนิ ๙ จำนวน ๒๑ ชัว่ โมง แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี ๕ เร่ือง กำรลบจำนวนทีม่ ตี ัวตงั้ ไม่เกิน ๙ เวลำ ๑ ชัว่ โมง เทคนคิ กำรสอน แบบ ACTIVE LEARNING และวธิ ีสอนโดยเน้นกระบวนปฏิบัติ ๑. มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตวั ชว้ี ดั มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มาตรฐาน ค ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวนระบบจานวนการดาเนนิ การของจานวนผลทีเ่ กดิ ข้ึนจากการดาเนนิ การสมบัติของการดาเนิน การและนาไปใช้ ตัวชว้ี ัด ค ๑.๑ ป.๑/๔ หาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการบวก และ ประโยคสัญลักษณ์แสดงการลบของจานวนนบั ไมเ่ กนิ ๑๐๐ และ ๐ ๒. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้สตู่ ัวชี้วัด ๑. อธิบายเก่ยี วกับการลบจานวนท่ีมีตัวต้งั ไม่เกิน ๙ (K) ๒. หาคาตอบจากแถบโจทย์การลบจานวนทีม่ ีตวั ตงั้ ไม่เกิน ๙ (P) ๓. มคี วามกระตือรือร้นในการร่วมกจิ กรรม (A) ๓. สำระสำคัญ การหาผลลบมหี ลายวิธี เราควรเลอื กใชเ้ พื่อใหห้ าคาตอบได้อยา่ งถูกต้องและรวดเร็ว ๔. สำระกำรเรยี นรู้ การลบจานวนทม่ี ตี ัวตง้ั ไม่เกิน ๙ ๕. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ ตวั ช้ีวดั ท่ี ๔.๑ ต้ังใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้าร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๖.สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการส่ือสาร ๒. ความสามารถในการคดิ - การคดิ วิเคราะห์ ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา
๗. คำถำมท้ำทำย นกั เรยี นคดิ วา่ ในการเรยี นคณติ ศาสตร์ต่อไป นักเรยี นจะไดใ้ ช้การหาผลลบในแนวนอน หรอื แนวตงั้ มากกว่ากนั เพราะอะไร ๘. กำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ โดยใชร้ ูปแบบการสอนแบบ ORGAN Model ประกอบดว้ ย ขั้นตอนการดาเนนิ งานดังนี้ ข้ันตอนท่ี ๑ ขน้ั Observe (O) การสังเกตุปัญหาในการเรียน ขั้นตอนที่ ๒ ข้ัน Regenarate (R) การคิดหาความรใู้ หมๆ่ ขนั้ ตอนท่ี ๓ ขน้ั Gathering (G) การรว่ มมอื ขั้นตอนท่ี ๔ ขัน้ Apply (A) การประยกุ ต์ บูรณาการความรู้ ขน้ั ตอนท่ี ๕ ข้ัน New way (N) การค้นพบวธิ กี ารใหม่ๆ ขัน้ สังเกต รวบรวมข้อมลู (Gathering) 1. กล่าวทกั ทายสวสั ดนี ักเรยี นทุกคน (O) 2. พูดคยุ สอบถามเก่ียวกบั ความเป็นอยูส่ ารทุกขส์ ุกดบิ เพื่อลดความกงั วล (O) 3. ครูนกั เรียนรว่ มกันทา Brain Gym เพื่อสรา้ งความพรอ้ มในการเรยี นเปน็ รอ้ งเพลง ไข่ แตก จาก แล้วทาท่าประกอบเพลงตามจินตนาการ (G) 4. จากนนั้ ครูสนทนาเกยี่ วกบั เนื้อเพลง ไขแ่ ตก วา่ ไข่ ๒ ฟอง แตกไป ๑ ฟอง เหลือไข่ ๑ ฟอง จานวนไข่ ลดลง เพราะไขแ่ ตก ในทางคณติ ศาสตร์ หมายถงึ “การลบ” (A) 5. แจ้งจดุ ประสงค์การเรยี นร้ใู นครงั้ น้ี เรอ่ื งอะไร และช้นิ งานทนี่ ักเรยี นต้องทา (N) ขั้นคดิ วเิ ครำะห์และสรุปควำมรู้ (Processing) 6. ใหผ้ แู้ ทนนกั เรียนออกมาหน้าชนั้ เรยี น ๘ คนจากน้ันกลับไปน่งั ท่ี ๓ คน นักเรยี นร่วมกัน บอกวา่ เหลือ นักเรียนทีอ่ ยู่หน้าช้ันเรยี นกค่ี น (๕ คน) แสดงภาพการลบจากโจทยด์ งั กลา่ ว แลว้ เลอื กผู้แทน นักเรียน ๑ คน เขียนข้อความจากภาพการลบ (G)
ดังตวั อย่าง (มี ๘ ออกไป ๓ เหลือ ๕) 7. นกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายเกี่ยวกับข้อความที่เขียนคาวา่ “ออกไป” กับคาวา่ “เหลือ” วา่ สามารถเขียนแทนดว้ ยเคร่ืองหมายใดไดบ้ ้าง จากน้ันรว่ มกันสรุปวา่ เราสามารถใชเ้ ครื่องหมายลบ และ เครื่องหมายเทา่ กับแสดงในประโยคสัญลักษณ์การลบได้ และใหน้ ักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นวา่ ตาแหน่งของเครื่องหมายดังกล่าวอยู่ที่ใด (เคร่ืองหมายลบจะวางค่ันระหวา่ งตัวต้ังและตัวลบ) (A) 8. ผู้แทนนักเรยี น ๑ คน ออกมาเปลีย่ นคาดังกล่าวจากกิจกรรมเป็นเคร่ืองหมาย ดังตัวอยา่ ง (A) ๘–๓ = ๕ นักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายวา่ ประโยคที่ได้เรยี กว่า ประโยคแสดงการลบ 9. นักเรียนแบง่ กลุ่มเป็น ๓ กลมุ่ (G) จากน้ันผู้แทนกลุ่มครง้ั ละ ๑ คน ออกมาหยิบแถบโจทย์ แลว้ เขียนประโยคแสดงการลบบนกระดาน ไดแ้ ก่ 1. ๖ – ๔ = 2. ๘ – ๕ = 3. ๙ – ๒ = นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้องของการเขยี นประโยคแสดงการลบบน กระดาน 10. นกั เรียนศึกษา รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับการลบจานวนที่มตี ัวตง้ั ไม่เกิน ๙ จากแหล่งการเรียนรู้ ทห่ี ลากหลาย เชน่ การสนทนากบั เพื่อนในช้นั เรียน การสงั เกต (R) ข้ันปฏิบัตแิ ละสรุปควำมรู้หลังกำรปฏิบัติ (Applying and Constructing the Knowledge) 11. นกั เรียนแต่ละคนสารวจอุปกรณ์การเรยี น (O) แลว้ ระบายสใี บงาน Popup รูปสตั ว์ส่วน ท่ี ๑ และตัดตามรูปรา่ ง เพอื่ ประกอบกบั ส่วนท่ี ๒ 12. นกั เรยี นสร้างประโยคสญั ลกั ษณ์ ที่ได้ผลลัพธต์ รงกบั จานวนทอ่ี ยตู่ รงกลาง (A) 13. นกั เรียนตัดเป็นรปู วงกลม พับครึง่ ตามแนวต้ังได้ ๒ สว่ น (A) 14. นักเรียนทากาวด้านหลัง ๑ ส่วน ติดกับวงกลมแผ่นต่อไปจนครบ ๔ แผ่นแล้วนาไป ประกอบ
กบั รปู สตั ว์ ส่วนท่ี ๑ (N) ข้ันสือ่ สำรและนำเสนอ (Applying the Communication Skill) 15. นกั เรียนนาเสนอผลงานการทาใบงาน Popup ประโยคแสดงการลบ และสรปุ คาตอบ หนา้ ชนั้ เรียน นกั เรยี นและครรู ่วมกันตรวจสอบความถกู ต้อง (G) 16. นกั เรียนรว่ มกันอภิปรายสรุปเกยี่ วกับวิธีการทางานใหเ้ ห็นการคดิ เชิงระบบและวธิ กี าร ทางานทีม่ ี แบบแผน (G) (N) ข้ันประเมินเพ่อื เพิ่มคณุ ค่ำบริกำรสงั คมและจติ สำธำรณะ (Self-Regulating) 17. นกั เรยี นนาความร้ไู ปใช้ให้เป็นประโยชนต์ ่อผอู้ ่ืน เชน่ ใช้ในการคิดเงินทอนเวลาไปซือ้ ของ ให้ ผปู้ กครอง และประเมินการเรียนรู้ของตนเองและการร่วมมือในกระบวนการทางานกลุ่ม (A) ๙. สือ่ กำรเรียนรู้ ๑. บัตรสัญลกั ษณ์ ๒. บัตรภาพ ๓. บัตรตัวเลข ๔. แถบโจทย์ ๕. กระดาษเปล่า ๖. ใบงาน Popup ๑๐.กำรวดั และประเมินผลกำรเรยี นรู้ ๑. วิธกี ำรวดั และประเมินผล ๑.๑ ประเมนิ ความรู้ เรือ่ ง การลบจานวนนับสองจานวนทีม่ ตี วั ตั้งไม่เกนิ ๙ (K) ดว้ ยแบบทดสอบ ๑.๒ ประเมินกระบวนการทางานกลุ่ม (P) ดว้ ยแบบประเมนิ ๑.๓ ประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ดา้ นใฝ่เรียนรู้ (A) ด้วยแบบประเมิน ๒. เคร่ืองมอื ๒.๑ แบบบันทึกคะแนนใบงาน ๒.๒ แบบบันทกึ การทางานกล่มุ ๒.๓ แบบประเมินคุณลักษณะอนั พ่ึงประสงค์ ด้านใฝเ่ รียนรู้
๓. เกณฑก์ ำรประเมิน ๓.๑ การประเมนิ ดว้ ยใบงาน รายการการ ระดบั คุณภาพ ประเมิน ๔ ๓ ๒ ๑ การลบจานวนทม่ี ี แสดงวิธีการหา แสดงวิธกี ารหา แสดงวธิ ีการหาผลลบ แสดงวธิ กี ารหา ตวั ตงั้ ไม่เกนิ ๙ ผลลบจานวนนับที่มี ผลลบจานวนนับท่ีมี จานวนนับทม่ี ี ผลลบจานวนนบั ที่มี ตวั ตั้งไมเ่ กนิ ๙ ตัวต้ังไมเ่ กิน ๙ ตัวต้ังไม่เกิน ๙ ตัวต้ังไมเ่ กิน ๙ ไดถ้ กต้องทุกข้อ ได้ถกตอ้ ง มบี างข้อ ได้ถกต้องดว้ ยตนเอง แตต่ อ้ งมีผ้ ด้วยตนเอง ผดิ แตส่ ามารถแก้ไข มบี างข้อผดิ เม่ือมผี ้ แนะนาทุกข้อ ได้ด้วยตนเอง แนะนาก็สามารถแก้ไขได้ ๓.๒ การประเมนิ กระบวนการทางานกลุ่ม รำยกำรกำร ระดบั คณุ ภำพ ประเมิน ๔๓๒๑ กระบวนการ ทางานกลุ่ม มีการกาหนดบทบาท มกี ารกาหนดบทบาท มกี ารกาหนดบทบาท ไม่มีการกาหนด สมาชิกชัดเจน และ สมาชิกชดั เจน เฉพาะหวั หน้า บทบาทสมาชิก มีการชแ้ี จงเป้าหมาย มกี ารชีแ้ จงเป้าหมาย ไม่มีการชี้แจง และไม่มีการชแ้ี จง การทางาน มกี าร อยา่ งชัดเจนและ เป้าหมาย เป้าหมาย สมาชกิ ปฏิบัตงิ านร่วมกัน ปฏบิ ตั งิ านร่วมกัน อย่างชดั เจน ตา่ งคนตา่ งทางาน อย่างร่วมมือรว่ มใจ แตไ่ ม่มกี ารประเมนิ ปฏบิ ัติงานร่วมกัน พรอ้ มกับการประเมนิ เป็นระยะ ๆ ไมค่ รบทกุ คน เปน็ ระยะ ๆ
๓.๓ การประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ดา้ นใฝเ่ รียนร้ ตวั ชี้วัดท่ี ๔.๑ ตงั้ ใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้าร่วมกจิ กรรมการเรยี นร้ พฤติกรรมบ่งชี้ ดีเยย่ี ม (๓) ดี (๒) ผา่ น (๑) ไม่ผา่ น (๐) ไม่ตั้งใจเรียน ๔.๑.๑ ตงั้ ใจเรียน ตง้ั ใจเรยี น เอาใจใส่ ตงั้ ใจเรียน เอาใจ ตง้ั ใจ เอาใจใส่ ๔.๑.๒ เอาใจใส่และมีความ และมีความเพียร ใส่และมคี วาม ในการเรยี น เพียรพยายามในการเรียนร้ พยายามในการเรยี น เพียรพยายามใน ๔.๑.๓ รเ้ ข้าร่วมกิจกรรม การ เรียน สนใจเขา้ รว่ มกจิ กรรม การเรียนรต้ า่ ง ๆ การ เรียนรต้ า่ ง ๆ แบบบนั ทึกคะแนนใบงำน เลขท่ี ชอ่ื -สกลุ ระดับคุณภาพ ๔ ๓๒๑
แบบประเมินกระบวนกำรทำงำน กาหนด ช้ีแจง ปฏิบตั งิ าน ประเมิน ระดับ เลขที่ ชือ่ -สกลุ บทบาท เป้าหมาย ร่วมกัน เปน็ ระยะ ๆ คณุ ภาพ ชดั เจน การทางาน
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ด้ำนใฝ่เรยี นรู้ ๔.๑.๑ ตง้ั ใจเรียน ๔.๑.๒ เอาใจใส่ ๔.๑.๓ สนใจ ระดับ เลขท่ี ช่อื -สกลุ และมคี วาม เข้าร่วม คณุ ภาพ เพยี รพยายาม กิจกรรมการ ในการเรยี นร้ เรียนร้ตา่ ง ๆ
บนั ทึกหลังกำรสอน กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้คณติ ศำสตร์ วชิ ำคณติ ศำสตร์ รหสั วชิ ำ ค ๑๑๑๐๑ ชนั้ ประถมศกึ ษำปที ่ี ๑ หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี ๓ เร่ือง กำรลบจำนวนนับสองจำนวนท่ีมตี ัวตงั้ ไม่เกนิ ๙ จำนวน ๒๑ ช่วั โมง แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๕ เรอ่ื ง กำรลบจำนวนที่มีตัวตงั้ ไม่เกิน ๙ เวลำ ๑ ชั่วโมง เทคนคิ กำรสอน แบบบรรยำย และวธิ ีสอนโดยเน้นกระบวนปฏบิ ตั ิ ด้ำนควำมรู้ ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ดำ้ นทักษะกระบวนกำร ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ด้ำนคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ............................................................................................................................... ................................. .................................................................................................. .............................................................. ด้ำนสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ ปัญหำ / อุปสรรค ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................ .................... แนวทำงแกไ้ ข .................................................................................................. .............................................................. ............................................................................................................................. ................................... ลงช่ือ______________________(ผ้บู ันทึก) ลงชื่อ_____________________(ผตู้ รวจ) ( นำงสำวอลิษำ พรศรี ) (นำงสำวนำรี อินทะชุม) ครูผู้สอน ตำแหน่งหัวหนำ้ กลมุ่ สำระคณติ ศำสตร์
บรรณำนกุ รม กรมวชิ าการ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. การจดั สาระการเรยี นร้กู ลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพอ์ งคก์ ารรับส่งสนิ ค้าและพัสดภุ ณั ฑ์ (ร.ส.พ), 2546 คณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน, สานกั งาน. แนวปฏบิ ัตทิ ่ียอดเยยี่ มระดับประเทศ Best of the Best Practice. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผา่ นศึก. 2554. ดร. นรินทร์ เจริญพันธ์.//(2565).// การสอนแบบ active learning.//สบื ค้นเมื่อ 18 กรกฎาคม 2565,// จาก/https://km.buu.ac.th/article/frontend/article_detail/141 ศึกษาธิการ, กระทรวง. หลกั สูตรการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานพทุ ธศักราช2544. กรุงเทพฯ : คุรสุ ภาลาดพร้าว, 2545 สถาบันพฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.). หนงั สือเรยี นคณติ ศาสตร์ ป.1 . กรุงเทพ : สานักพิมพ์ บริษัท พฒั นา คณุ ภาพวิชาการ (พว.) จากัด, 2559 สรรเสรญิ วีระพจนานนั ท.์ //(2565).//การจัดทาBest Practice.//สืบคน้ เม่อื 18 กรกฎาคม 2565,// จาก/ https://www.gotoknow.org/posts/548650
Search
Read the Text Version
- 1 - 42
Pages: