Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือบ้านจันทร์

คู่มือบ้านจันทร์

Published by boom9102, 2021-12-21 08:12:17

Description: คู่มือบ้านจันทร์

Search

Read the Text Version

ก บทนำ ตำบลบ้ำนจันทร์ อำเภอ กัลยำณิวัฒนำ จังหวัดเชียงใหม่ มีลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่รำยสูง ประกอบด้วยเนินเขำท่ีสลับซับซ้อน มีควำมอุดมสมบูรณ์จำกทรัพยำกรทำงธรรมชำติที่สมบูรณ์ และอยู่สูงกว่ำ ระดับน้ำทะเล ท่ี 900-1400 เมตร จึงทำให้สภำพภูมิอำกำศโดยทั่วรวมของบ้ำนจันทร์ มีลักษณะร้อนช้ืน ในช่วง ปกติ อย่ำงไรก็ตำมในช่วงหน้ำหนำวจะมีอำกำศที่หนำวเย็นอย่ำงต่อเนื้อง จึงทำให้เหมำะกับกำรพักผ่อน และ ท่องเท่ียวเยี่ยมชมธรรมชำติท่ีสวยงำมที่ผสมผสำนเข้ำกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คนได้อย่ำงกลมกลืน จำก รูปแบบวิถีประชำของคนในชุมชนที่มีกำรรับประทำนอำหำรจำกผลผลิตภำยในท้องที่ และผลผลิตตำมฤดูกำล อีก ทั้งแง่ของศำสนำและควำมเช่ือทล่ี ้วนต่ำงยึดโยงกับธรรมชำติ ทำให้เกิดประเพณี และวัฒนธรรมท่ลี ้วนเกี่ยวโยงกัน กับทรัพยำกรธรรมชำติ ทั้งในเร่ืองของกำรบูชำ“ที เก่อ จำ่ ” เป็นเทพแหง่ น้ำ เปน็ เทวอำรักษ์ผ้เู ป็นเจ้ำแหง่ น้ำ และ จนไปถงึ กำรรักษำสุขภำพของชำวปะกำเกอญอที่เปน็ กำรแพทย์แบบดั่งเดมิ ด้วยลกั ษณะทำงเศรษฐกิจของชุมชนท่ี ปฏบิ ัติตำมครรลองของหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทโี่ ดยส่วนใหญ่ปลกู พชื และทำปศุสัตวเ์ พ่ือบริโภคภำยในครอบครัว และจดั จำหน่ำยเพยี งบำงส่วน ถึงสอดคล้องกับวลที ีว่ ำ่ “บอื เหม่ ต่ำ โอะ มู แปลควำมหมำยไดว้ ำ่ ข้ำวคือชีวติ ” ทำ ให้ผลผลิตจำกกำรเลี้ยงสัตว์ และจำกข้ำวทั้งในรูปแบบของข้ำวเอง และแอลกอฮอล์ล้วนต่ำงเป็นองค์ประกอบ สำคญั ในกำรประกอบพิธีกรรมทำงควำมเช่ือของชำวปะกำเกอญอท้ังสน้ิ ดังน้ันแล้วตำบลบ้ำนจันทร์ อำเภอกัลยำณิวัฒนำจึงเป็นสถำนที่ที่มำกด้วยเร่ืองรำวจำกประวัติศำสตร์นับ ร้อยปี ที่มำพร้อมกับควำมอุดมสมบูรณ์ของทรัพยำกรธรรมชำติ พร้อมกับกำรยกระดับชุมชนด่ังเดิม สู่กำรเป็น ชุมชนแหง่ ควำมย่ังยืน

สำรบญั ข เร่อื ง หนำ้ ก บทนำ ข สำรบญั ขอ้ มลู พน้ื ฐำน ตำบลบำ้ นจนั ทร์ อำเภอกลั ป์ยำณวิ ัฒนำ จงั หวดั เชยี งใหม่ 1-2 ดำ้ นสงั คม 3 ด้ำนประเพณแี ละวัฒนธรรม 4 5 พธิ ีกรรม ควำมเชื่อ 6 กำรแตง่ กำย 7-8 กำรเกดิ 9 - 10 กำรตำย 11 กำรแต่งงำน 12 - 13 สภุ ำษติ คำพงั เพย 14 - 17 กำรย้อมสีผำ้ กำรทอผ้ำกะเหร่ียง 18 วถิ ชี ีวติ ในชุมชน 19 - 21 ดำ้ นสขุ ภำพ 22 23 กำรดูแลรกั ษำสขุ ภำพแบบองค์รวม 24 – 25 มหศั จรรยผ์ กั ใบเขยี ว ดำ้ นอำหำร ครัวบ้ำนจนั ทร์ กำรถนอมอำหำร ดำ้ นแหลง่ ท่องเทย่ี ว

สำรบญั (ต่อ) 26 - 28 ด้ำนกำรเกษตร 29 29 กำรทำเกษตรหมนุ เวยี น 30 กำรเลย้ี งสัตว์ 31 – 32 33 กำรเลย้ี งควำย 34 - 35 กำรเลี้ยงววั กำรเลย้ี งปลำ ค กำรเลย้ี งหมดู อยรอ้ ยสำน กำรเลยี้ งกบบนดอย กำรเลีย้ งหนอนแมลงวนั ลำย บรรณำนกุ รม

1 ขอ้ มูลพื้นฐำน ตำบลบ้ำนจนั ทร์ อำเภอกลั ป์ยำณวิ ฒั นำ จังหวดั เชียงใหม่ ด้ำนสงั คม ตำบลบ้ำนจันทร์ตั้งอยู่ทำงทิศตะวันตกของอำเภอกัลยำณิวัฒนำ และอยู่ทำงทิศตะวันตกของจังหวัด เชียงใหม่แยกออกมำจำกตำบลแม่นำจร แบ่งกำรปกครองเป็น 7 หมู่บ้ำน ประกอบด้วย หมู่ 1 บำ้ นห้วยฮ่อม หมู่ 2 บำ้ นสันม่วง หมู่ 3 บำ้ นจันทร์ หมู่ 4 บำ้ นหนองเจ็ดหนว่ ย หมู่ 5 บ้ำนแจม่ น้อย หมู่ 6 บำ้ นหนองแดง หมู่ 7 บำ้ นเดน่ (องค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลบ้ำนจันทร์, มิถนุ ำยน 2556) กลุ่มประชำกรส่วนใหญ่เป็นชำวเขำเผ่ำกะเหร่ียง มีสภำพพื้นที่เป็นพื้นท่ีรำบสูง ลักษณะพืชพรรณส่วน ใหญ่เป็นป่ำสนเขำ ประชำกรมีอำชีพหลัก คือ ทำนำ ทำสวน ทำไร่ ควบคู่ไปกับกำรเพำะกล้ำไม้ ได้แก่ กำรเพำะ ต้นอะโวคำโด้ ,มะคำเดเมีย ,ต้นสัก(เสอเบอฮิ) ,มะขำมปอ้ ม(เสอแงส่ำ) ,ตน้ เนยี น(เสอเนส่ง) ,ตน้ ไม้ได้แดง(เสอเพรง) ,ต้นไม้พยุง ,ต้นก๋อเดือย(เสส่ำ) ,ต้นไผ่(วำน) ,ต้นเพกำ(เซดอกะ)และอำชีพเสริม คือ ทอผ้ำ หำของป่ำตำมฤดูกำล อำทิเช่น เห็ดป่ำสนที่มีมำกกว่ำ 50 สำยพันธ์ุ อันเป็นเหตุท่ีบ่งชี้ถึงควำมอุดมสมบูรณ์ และควำมหลำกหลำยทำง ชีวภำพของพนื้ ท่บี ำ้ นจนั ทร์ ด้วยรำกเหง้ำของชำวบ้ำนที่มีควำมผูกพันกับธรรมชำติ วิถีชีวิตของชำวบ้ำนจันทร์จึงเป็นวิถีที่ชีวิตท่ีเป็น กำรอยู่ร่วมกันกับธรรมชำติ ควำมเป็นธรรมชำติทั้งทำงทัศนียภำพอันตั้งอยู่บนเทือกเขำสูงรำยล้อมด้วยป่ำสน ธรรมชำติ ในบรรยำกำศแสนสงบ ทั้งมีภูมิอำกำศหนำวเย็นตลอดทั้งปี มีเมฆหมอกกระจำยในท้องที่ต่ำงๆ อย่ำงสวยงำม ด้ำนอำชีพของคนท่ีน่ีน้ันเขำทำนำ ส่วนใหญ่ยังคงมีวิถีชีวิตตำมภูมิปัญญำด้ังเดิม คือ กำรทำไร่ หมุนเวียน หำของป่ำ รวมถึงเล้ียงสัตว์ แต่หำกเป็นช่วงหน้ำแล้งไม่ได้ทำนำ แม่บ้ำนก็จะทอผ้ำขำย โดยลำยผ้ำ ของแต่ละบ้ำนน้ันก็จะแตกต่ำงกันไป ส่วนชำวบ้ำนบำงกลุ่มก็ออกแบบบ้ำนให้เป็นโฮมสเตย์ เพื่อเตรียมต้อนรับ นักท่องเที่ยวท่ีกำลังจะมำเยือน หลังจำกประกำศให้เป็นอำเภอกัลยำณิวัฒนำ เป็นอำเภอต้นแบบในกำรพัฒนำ ท่ียงั่ ยนื

2 สถำนที่ท่องเท่ียวหลักๆ ของอำเภอกัลยำณิวัฒนำ ได้แก่ โครงกำรหลวงป่ำสนวัดจันทร์ วัดจันทร์ จุดชมวิวพระธำตุ บ้ำนห้วยฮ่อม อ่ำงเก็บน้ำห้วยอ้อ ศูนย์ศิลปะชีพบ้ำนวัดจันทร์ อำเภอน้ีสำมำรถเดินทำงได้ 2 เส้นทำง แต่สำหรับเส้นทำงท่ีได้รับควำมนิยมคือ เส้นทำงเดียวกับเส้นทำงไปปำยนั่นหมำยควำมว่ำเรำต้องผ่ำน เส้นทำงภูเขำที่คดเคี้ยวกว่ำพันโค้ง หำกนึกถึงอำเภอกัลยำณิวัฒนำมักจะนึกถึงบรรยำกำศของป่ำสนผลัดใบในฤดู หนำวและไอหมอกลอยเหนืออ่ำงเก็บน้ำในยำมเช้ำ อำจจะคิดว่ำเหมำะสำหรับไปเท่ียวแค่ในช่วงหน้ำหนำวเพรำะ บรรยำกำศอำจจะดีกว่ำ แต่แท้จริงแล้วท่ีน่ีสำมำรถเที่ยวได้ทุกฤดู สำหรับฤดูอื่นจะไม่หนำวจัดเท่ำหน้ำหนำว แต่ มีอำกำศเย็นสบำยตลอดปี แหำกมำเที่ยวในฤดูฝนจะไดพ้ บกับอีกหน่ึงบรรยำกำศท่ีเขยี วขจีและสดชื่นในแบบฉบับ ของกำรท่องเทย่ี วชว่ งกรีนซซี น่ั (Green Season) ทซ่ี ง่ึ มีควำมสวยงำมไมแ่ พก้ นั ดำ้ นประเพณีและวฒั นธรรม พิธกี รรม ควำมเช่ือของชำวปะกำเกอะญอกับทรพั ยำกรธรรมชำติ ดว้ ยรำกเหง้ำของชำวปกำเกอะญอท่มี ีควำมผกู พันอย่ำงลึกซ้ึงกับธรรมชำติ ทำให้วิถีชวี ิตของชำว ปะกำเกอะญอล้วนแต่เป็นส่วนหน่ึงธรรมชำติท้ังส้ิน ด้วยศึกษำควำมหมำยของภำษำและศึกษำคุณค่ำตำม พธิ กี รรมตลอดจนควำมเชือ่ ของชำวปกำเกอะญอ อำทิ “ที เกอ่ จ่ำ” เป็นเทพแห่งน้ำ เป็นเทวอำรกั ษผ์ ู้เป็นเจำ้ แห่ง น้ำ และพิธกี ำรขอฝนที่ได้มีกำรสืบทอดมำอย่ำงชำ้ นำน เชน่ เดียวกันกับคำกล่ำวของผอู้ ำวโุ สในพ้นื ท่ไี ด้กลำ่ วไว้ว่ำ “ทรัพยากรธรรมชาติก็เหมือนชีวิตเราน่ีแหละ ถ้ามันเส่ือมโทรมหรือหมดไปเราก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้ จะเอาน้าท่ีไหนมา ท้านา เอาไม้ท่ีไหนมาสร้างบ้าน มาท้าฟืน ท้ามาหากินไม่ได้แล้ว ถ้าไม่มียังไงก็อยู่ไม่ได้ ต้องดูแลรักษาให้ได้ใช้ ต่อไป” ลำธำร (หมำยถึง ควำมเชือ่ มโยงของธรรมชำตกิ บั คน) ที เก่อ ฮะ กอ ออ หน่อ เออ กอ่ เกอ่ ฮะ กอ ออ หน่อ เออ ชอ แว เอำะ โอ เต่อ หมึ เลอ โธ่ แว เอำะ โอ เต่อ หมึ เลอ กวำ่ ลอ ต่อ เลอ ฮี่ คอ เตอ หนอ่ แล ต่ำ เดอ ห่อ เดอ เยอ คำแปล หำกวนั ใดลำธำรแหง้ เหอื ด หำกวันใดผืนป่ำมลำย นกไพรไมอ่ ยำกส่งเสียงร้อง ไก่ปำ่ ไม่อยำกจะขับขำน เม่อื มองไปยังท้ำยหม่บู ำ้ น แม่นำงไปทำงำนพรอ้ มกบั น้ำตำ

3 รปู ที่ 1 พิธีกรรมของชำวปกำเกอะญอ อำทิ “ที เก่อ จำ่ ” รปู ท่ี 2 พิธกี ำรขอฝน หมำยเหตุ. จำก หนงั สอื ประเพณขี ้อหำ้ มของชำวกะเหรยี่ ง https://anyflip.com/pesuc/udac กำรแตง่ กำย กำรแต่งของขำวกะกำเกอะญอจำแนกตำมลกั ษณะส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ ชำย หญงิ และสถำนะ ผ้หู ญิงท่ี แต่งกำยด้วยชุดเดรสสีขำวมคี วำมหมำยถึงกำรเป็นผถู้ ือครองควำมบรสิ ุทธิ์ หรือพรมห์จรรย์นนั้ เอง เรียกวำ่ “เซว้ ้ำ” ทีส่ วมใส่ตง้ั แตเ่ ดก็ จนกระทั่งแต่งงำน ในสว่ นของหญิงสำวทีท่ ำกำรสมรสแล้วจะสวมชดุ ทีม่ ีสีสัน และมกี ำรทอลำยที่ งดงำมลงบนเนอ้ื ผ้ำ เรียกว่ำ “ลำยก่ี” ท่ีซ่งึ ลำยกี่น้ีจะแสดงออกถึงควำมขยันหม่ันเพียรของสะใภ้ จนไปถึงกำรเป็น เครือ่ งมือในกำรป้องกนั ผี เรียกว่ำ “เซซ”ู

ลักษณะกำรแต่งกำยของเพศชำย 4 ลักษณะกำร แต่งกำยเพศหญิง รูปที่ 3 กำรแต่งกำยเพศชำย รูปที่ 4 “เซซ”ุ สำหรบั ผหู้ ญงิ ทแ่ี ต่งงำนแลว้ รูปที่ 5 กำรแต่งกำยเพศชำย รูปท่ี 6 “เซว้ ำ้ ” สำหรบั ผู้หญิงบรสิ ุทธ์ิ หมำยเหตุ. จำก หนงั สอื ประเพณีข้อหำ้ มของชำวกะเหรยี่ ง https://anyflip.com/pesuc/udac

5 กำรเกดิ หลังจำกทำรกได้ลืมตำดูโลกก็จะถูกตัดสำยสะดือ พร้อมกับบรรจุลงกระบอกไม้ไผ่ปิดฝำด้วยเศษผ้ำ แล้ว นำไปผูก ณ ต้นไม้บริเวณหมู่บ้ำน เรียกว่ำ “เดปอทู่” ท่ีแปลควำมหมำยได้ว่ำต้นสำยรก มีจุดประสงค์เพื่อ รักษำ ขวัญของทำรกที่เปรียบเสมือนอัตตำ และเพื่อรักษำทรัพยำกรธรรมชำติ ด้วยกำรท่ีต้นไม้ใดมี “เดปอทู่”ผูกติดไว้ ห้ำมตัดหรือโค่นเป็นอันขำด โดยวันที่ไปผูกสำยทำรกติดกับต้นไม้น้ันเพ่ือนบ้ำนทุกคนจะไม่ออกไปทำงำนที่ซ่ึงเป็น ข้อห้ามที่เรียกว่า “ดึต่าเบล” หลังน้ันก็จะทำพิธีผูกข้อมือเรียกขวัญทำรก ณ ใต้ต้นไม้ “เดปอทู่” เพื่อให้ขวัญของ เด็กกลับมำอยูท่ ีบ่ ้ำน โดยพธิ ีกรรมผูกข้อมือน้เี รียกว่ำ “ก่ีเบลจอื ” รูปที่ 7 เดปอทู่ หมำยเหตุ. จำก หนังสอื ประเพณขี อ้ หำ้ มของชำวกะเหรยี่ ง https://anyflip.com/pesuc/udac

6 กำรตำย เมื่อเกิดเหตุกำรณ์กำรเสียชีวิตของผู้คนในหมู่บ้ำน เพื่อนบ้ำนจะต้องรวมตัวกันหยุดงำนเพ่ือมีส่วนร่วม ในกำรจดั พิธีกรรมทำงศำสนำ ทเี่ รยี กว่ำ “ดปิ กำชะลอ” ขน้ั ตอนกำรประกอบพิธี มีรำยละเอียดดังน้ี ในขั้นตอนแรก มีกำรอำบน้ำศพพร้อมกับห่อผ้ำตีสีขำว และเตรียมสัมภำระให้แก่ศพ จำกน้ันยึดร่ำงด้วยไม้ไผ่ 4ท่อน ควบคู่กับ กำรนำข้ำวของเคร่ืองใช้ของผู้ล่วงลบั ไว้ท่ีปลำยไม้ เรียกว่ำ “ปวำ ซี่ อ่ะ กอื่ ” หมำยควำมว่ำ สัมภำระศพ ข้ันตอนท่ี สองกำรเคล่ือนศพโดยผู้ดำเนินพิธีเคล่ือนย้ำยศพจะทำโดยผู้ชำยเท่ำน้ัน ที่ซ่ึงมีข้อห้ำมกำหนดไว้ว่ำห้ำมผู้หญิงเป็น ผู้ขับลำ(ลำไม้ไผ่ และมีกำรเคลื่อนย้ำยคล้ำยกำรแบกสะเหรี่ยง) โดยลำท่ีใช้เคลื่อนย้ำยเรียกว่ำ “ทำโหร่ควำ” ขั้นตอนสุดท้ำย กำรปลงศพ หรือกำรเผำ จะต้องมีกำรเตรียมสัมภำระและข้ำวของให้ศพ ซึ่ง ประกอบด้วยปัจจัย จำเป็นในกำรดำเนินงำน ได้แก่ ย่ำม มีด หม้อ ชำม ถ้วย ไม้ขีดไฟ เช้ือมัน เช้ือข้ำว กล้ำกล้วย ยำสูบ หมำก พลู เป็นต้น ข้ำวของสัมภำระท้ังหมดจะบรรจุลงในกะฉุกใบหน เพื่อให้ผู้ล่วงลับมีเครื่องมือในกำรทำมำหำกินเช่นเดียว ครั้นเมื่อยงั มชี วี ติ อยู่น่ันเอง รูปท่ี 8 ขนั้ ตอนกำรยึดร่ำงศพ แล้วห่อด้วยผ้ำ หมำยเหตุ. จำก หนังสอื ประเพณขี อ้ หำ้ มของชำวกะเหรี่ยง https://anyflip.com/pesuc/udac

7 งำนแตง่ งำน โดยพ้ืนฐำนชำวกะเหรยี่ งสะกอมีควำมเคร่งครัด ในกำรเร่อื งควำมสัมพนั ธ์ ระหว่ำงชำยและหญิง มีข้อห้ำม กำรไปไหนต่อไหนด้วยกันตำม ลำพัง และกำรถูกเน้ือต้องตัวกัน กำรได้เสียกันก่อนแต่งงำนถือว่ำเป็นควำมผิด อยำ่ งร้ำยแรง ต้องมีกำรถกู ลงโทษปรบั สินไหมและ ตอ้ งทำพธิ ี ขอขมำหวั หน้ำหมู่บ้ำน รวมท้ังสิ่งศกั ดิส์ ทิ ธิ์ในหมู่บ้ำน มีกำรฆ่ำหมู ,ไก่,วัว,ควำย เป็นต้น (แล้วแต่หัวหน้ำแต่ละหมู่บ้ำนกำหนดโทษมำก น้อยเพียงใด) เป็นกำรป้องกัน หนุ่มสำวเลน่ ไม่ซื่อและเป็นกำรสอน หนุ่มสำวไปในตวั ว่ำทำไปต้องมีกำรทำโทษเหมือนคู่น้ีซ่ึงเป็นเร่ืองท่ี น่ำละอำย กำรมีชู้โทษถงึ โดนไลอ่ อกจำกหมู่บ้ำน กะเหร่ียงมกี ำรอยู่ อย่ำงผัวเดียวเมยี เดียวตรำบจนตำยไม่ประพฤติผดิ ลูกเมีย ใคร กะเหรยี่ งสะกอทเี่ ป็นแม่หมำ้ ยน้อยมำกที่จะแต่งงำนใหม่ และ“ตังครรภ์โดยท่ียังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานให้ถกู ต้อง ตามประเพณี ก็ถือ ว่ามีความผิดอย่างร้ายแรง” อีกทั้งประเพณีของกะเหรี่ยงถือว่ำข้ำวเป็นชีวิต จึงให้ควำมสำคัญ กับเหล้ำท่ีมำจำกข้ำวสำหรับประกอบพิธีกรรมทุกๆ อย่ำง เหล้ำสองแก้วแรกที่ริลนลงไปเรียกว่ำ “ซิโข” หมำยถึง หวั เหล้ำ สอง แกว้ สุดทำ้ ยเรียกว่ำ “ซคิ ี “หมำยถึง กน้ เหล้ำ และเรียกรวม พิธีกรรมน้วี ่ำ “แควะ ซิ” หมำยถึงพธิ ดี ่ืม หัวเหล้ำและกน้ เหล้ำนน่ั เอง รูปท่ี 9 กำรแต่งงำน หมำยเหตุ. จำก หนังสอื ประเพณีขอ้ หำ้ มของชำวกะเหรยี่ ง https://anyflip.com/pesuc/udac

8 กระบวนกำรงำนแต่งงำน จะเกิดข้ึน ณ ลำนหน้ำบ้ำนเจ้ำสำวก็จะมีพิธีด่ืมเหล้ำ โดยเจ้ำสำวเอำเหลำ้ ทเ่ี ป็น เหล้ำขวดแรกจำกำกรต้มกลั่นครั้งแรก ซ่ึง เรียกว่ำ”ซิโข” หมำยถึงหัวเหล้ำ แก้วสุดท้ำยเรียกว่ำ”ซิคี” หมำยถึงก้น เหล้ำ (เรียกพิธีกรรมนี้ว่ำแควะ ซิ หมำยถึงพิธีหัวเหล้ำ และกน้ เหล้ำ) จำกน้ันให้ปรำชญ์ชำวบ้ำนกจ็ ะเสกคถำอำคม แล้วเทเหล้ำลงพื้นดิน พร้อมกับกล่ำวคำอวยพรให้บ่ำวสำวอยู่ดีมีสุข และให้เจ้ำบ่ำว และญำติฝ่ำยชำยด่ืมเหล้ำจน หมดขวด จำกน้ันญำติของทั้งสองฝ่ำยก็จะปฏิบัติเดียวกัน แล้วจึงลงมือรับประทำนอำหำรร่วมกัน เมื่อรับประทำน อำหำรเสร็จแล้ว พรรคพวกของทั้งฝ่ำยจะด่ืมเหล้ำและ ร้องเพลงของเผ่ำ (ทำแต่งงำน) ตำมบ้ำนญำติพ่ีน้องของ เจ้ำสำว แล้วพำกันกลับมำบ้ำนเจ้ำสำว มำดื่มเหล้ำกันอีก โดยหัวหน้ำทั้งสอง ฝ่ำยต่ำงอวยพรให้เจ้ำบ่ำวเจ้ำสำว กที่ซงึ่ ชำวกะเหรยี่ ง นิยมจัดงำนแตง่ งำน 2 วัน วนั ที่สองจะทำพิธีท่ีบ้ำนเจ้ำบ่ำว วนั แรก เจำ้ สำวยังไม่เปล่ียนเครื่อง แต่งกำยชุดขำวทรงกระสอบที่แสดงควำม เป็นสำวพรหมจรรย์ แต่จะไปเปลี่ยนเป็นนุ่งผ้ำถุงและสวมเสื้อ สำหรับ หญิงมีเรือนในวันรุ่งข้ึน พิธีในวันท่ีสอง ดำเนินไปในลักษณะ เดียวกับวันแรก เช่น หญิงอำวุโสฝ่ำยหญิงจะเตรียม ของใสต่ ะกรำ้ รว่ มขบวนแห่ไปยงั บำ้ นเจ้ำบำ่ ว เป็นตน้

9 สุภำษิตของชำวปะกำเกอญอ สภุ ำษิต หมำยถึง ถอ้ ยคำหรอื ข้อควำมท่ีกลำ่ วสืบตอ่ กันมำชำ้ นำนแล้ว มีควำมหมำยเป็นคติสอนใจ ให้ผ้คู น มีครรลองกำรปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับบริบททำงสังคมของแต่ละพื้นที่ เช่นเดียวกันท่ี ตำบล บ้ำนจันทร์ อำเภอ กัลป์ยำณิวัฒนำ ที่เป็นพื้นท่ีท่ีมีควำมหลำกหลำยสูง และมีวิถีชีวิตท่ีแตกต่ำงกันออกไป อำทิเช่น ชำวปะกำเกอญอ ทมี่ กี ำรจัดหมวดหม่ขู องสภุ ำษิต ออกเปน็ สำมหมวดไดแ้ ก่ 1) ด้ำนวิถชี ีวติ 2) ควำมเช่ือ 3) สอนใจ 4) กำรอยรู่ ว่ มกัน สุภำษิตเชิงวิถีชีวิต เป็นกำรบอกเล่ำถึงกำรชีวิตประจำวันของชำวปะกำเกอญอ ตัวอย่ำงเช่น “ญ่ำโพ โดะ เอำะ ออก อะ ฉ่ำ เล่อ ที ดือ” คำแปล ปลำใหญ่กินเหย่ือ เมื่อน้ำขุ่น ที่ซ่ึงตีควำมหำยได้ว่ำ เมื่อที่คนกะเหร่ียงไป ตกปลำจะสังเกตเห็นได้ว่ำปลำที่มำกินเหยื่อตอนน้ำใสๆ มักจะเป็นปลำขนำดเล็ก ส่วนปลำขนำดใหญ่ จะกินเหย่ือ เมื่อน้ำขุ่น แต่เรำน้ันไม่เห็นตัวปลำเลย , “ชอมี โอะโอ บะชอเดอ ก่อเต่อบะอ่ำหล่อเหลอะ เปลอ ชอเดอ โอะ โอบะชอมี กอแกละ อ่ำข่อบะปลี” คำแปล ไก่ป่ำขันเรียกไก่บ้ำน แผ่นดินไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ไก่บ้ำนขันเรียก ไก่ปำ่ แผน่ ดินจะกลบั สขู้ อ้ เท้ำตดิ บว่ ง” ถอดควำมหมำยได้ว่ำ ไกป่ ำ่ เปรยี บเสมือนปจั จัยแวดลอ้ มภำยนอก ท่ี เปล่ียนไปตำมพลวัตรของสังคม อีกท้ังชำวปะกำเกอญอท่ีเปรียบเสมือนตนเป็นไก่บ้ำนท่ีล้วนต่ำงจะต้องปรับตัวให้ สอดรบั กับวัฒนำธรรมภำยนอก สภุ ำษิตด้ำนควำมเชื่อ ที่เป็นกำรบอกเล่ำถึงประเพณี วัฒนธรรม และควำมเช่ือของชำวปะกำเกอญอที่สืบ ทอดมำอย่ำงช้ำนำน อำทเิ ช่น “ต่ำ เกฺ เลอเหม่ ต่ำจอ๊ เลอ ที” คำแปล ดีงำมคือไฟ บริสทุ ธ์ิคือน้ำ ถอดควำมหมำย ได้ว่ำปกำเก่อญอเช่ือว่ำ ไฟเป็นสิ่งสวยงำม และน้ำเป็นสิ่งท่ีบริสุทธ์ ธำบทน้ีมีควำมหมำยว่ำ ส่ิงท่ีดีและบริสุทธ์ินั้น จะต้องช่วยกัน ดูแลรักษำรู้จักคุณประโยชน์ อย่ำลบหลู่และทำลำย , “ต่ำเป่อหล่อเกวฺ เหน่ ต่ำอู” คำธำนี้มีกำร สะท้อนควำมหมำยถึง กำรท่ีอยำ่ ใช้ชีวิตด้วยควำมประมำท กำรระมัดตนอยู่เสมอน้ันนับเป็นส่ิงดีงำม กำรจทำสง่ิ ใด ก็จำเป็นที่จะตอ้ งปอ้ งกนั ระมัดระวังเสยี ก่อน สุภำษิตสอนใจ ที่เป็นรูปแบบของกำรสอนสั่งในเรื่องของกำรใช้ชีวิตท่ีถูกต้อง และเหมำะสม ตัวอย่ำงเช่น “โดะเหน่โดะเลอะอ่ำเก ผกฺ่อเหน่ผก่อเลอะอ่ำเกฺ โดะเดำะซู่ เดำะดิ๊เต่อเกฺ ผก่อเดำะชู่ เดำะด๊ิเต่อเก” แปลว่ำ หำก จะรวยให้รวยอย่ำงซือ่ สัตยห์ ำกจะจนให้จนอยำ่ งซื่อสัตย์ และอยำกรวยด้วยขนดว้ ยปกี อยำ่ จนดว้ ยขนดว้ ยปีก ถอด ควำมได้ว่ำหำกจะร่ำรวยหรือมีอำนำจย่ิงใหญ่ก็ขอให้ร่ำรวยและย่ิงใหญ่ด้วยควำมซื่อสัตย์สุจริต มิใช่ว่ำดูภำยนอก เป็นคนท่ีร่ำรวยย่ิงใหญ่แต่แท้จริงแล้วร่ำรวยและย่ิงใหญ่ด้วยเจตนำทุจริตหรือเหยียบไหล่บ่ำผู้อ่ืนขึ้นมำ , “แลเลอ เหวป่ ูถ่ี ต่ำกอฺ เกเลอะยี่ซะโอะแหน่ออ” แปลว่ำ ไปในเมืองเหน็ ภำพ กลับมำบำ้ นใจยังคิดถงึ หมำยถึง เม่ือหำ่ งเหิน

10 จำกถิ่นเกิด จึงระลึกถึงดนิ แดนที่ตนนนั้ ถือกำเนนิ อยู่เสมอ ,“ฉ่อบิ๊ต่ำ เต่อเกฺ กะเบอ ต่ำ เต่อเก” แปลว่ำ อย่ำเอำรัด เขำ อยำ่ เอำเปรยี บผอู้ น่ื สุภำษิตท่ีสอนถึงกำรอยู่ร่วมกันของสมำชิกในสังคม ที่ทำให้สังคมของชำวปะกำเกอญอเป็นชุมชนท่ีมีกำร พ่ึงพำอำศัยกัน ที่สะท้อนได้จำกคำธำ หรือสุภำษิตต่ำงๆ อำทิเช่น “เกเส่ ชูเลออำข่อแม ปำเกอะญอ ชูเลออะโพ อำลี” แปลว่ำ ม้ำอำศัยกำลังแรงจำกเท้ำคนอำศัยกำรลงแรงจำกบุตรหลำน , “หลื่อเต่อโบฆอ เต่อแกะเช บือเต่อ เพล่อฆอ เต่อแกะเม” แปลว่ำ ด้ำยเส้นเดียวไม่นับเป็นเส้ือ ข้ำวเม็ดเดียวไม่เป็นข้ำว เช่นกัน ถอดควำมหมำยได้ว่ำ คนเรำนั้นไมส่ ำมำรถอยเู่ พียงลำพังได้จะต้องมีกำรพ่งึ พำอำศยั ผอู้ ื่นเท่ำทจ่ี ำเป็น

11 กำรย้อมสีธรรมชำติ กำรย้อมสีจำกธรรมชำตเิ ปน็ ควำมสร้ำงสรรค์ของมนุษย์ทผ่ี สมผสำนกับวัตถุดิบจำกธรรมชำติผนวกกับกำร ใช้ควำมคิดสร้ำงสรรค์ในกำรเนรมิตผลิตภัณฑ์ต่ำงๆจำกกระบวนกำรกย้อมด้วยสีธรรมชำติ อำทิ เครื่องนุ่งห่ม เคร่ืองประดับ เป็นต้น ที่โดยส่วนใหญ่เคร่ืองนุ่งห่มจะทำมำจำกเส้นใยสองชุด 1.เส้นไหม 2.เส้นด้ำยฝ้ำย ท่ีซึ่งเป็น คุณต่อประชำชนในพ้ืนที่กับกำรสร้ำงงำน รำยได้ และอำชีพของคน ,สำมำรถต่อยอดกระบวนกำรย้อมกับพืชชนิด อ่ืนๆ และเป็นกำรสำรย้อมสีท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม จำกกำรแปรรูปพืชท้องที่ให้กำรเป็นสีสัน และลวดลำยที่ สวยงำมบนผ้ำทอ อำทิ สีเทำ จำกใบฮ่อม ,สีชมพูบำนเย็น จำกเปลือกต้นซ่ำโกะเร(ต้นอ่อน) ,สีน้ำตำล จำกเปลือก ต้นซ่ำโกะเร(ต้นแก่) ,สีเขียวอมเหลือง จำกเปลือกต้นเพกำ ,สีน้ำเงินอ่อน จำกลูกมะขำมป้อมกับเก่อบอเอะ(พืชสี เขยี วอำศยั อยตู่ ำมแหลง่ นำ้ มลี ักษณะคลำ้ ยตะไครน่ ้ำ) เปน็ ตน้ ดังน้ันกำรย้อมคือกำรใช้เทคนิค และเคร่ืองมือในกำรสร้ำงผลผลิตท่ีเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่กับกำร ประยกุ ต์ใชส้ ่งิ ของรอบตวั เพอ่ื เป็นปัจจยั สนับสนนุ อีกดว้ ย รปู ท่ี 10 กำรตำกเส้นด้ำยหลงั จำกกำรย้อมสี รปู ท่ี 11 เสน้ ดำ้ ย หมำยเหตุ. จำก หนงั สือกำรย้อมสีธรรมชำติ https://anyflip.com/mulqj/gwud/

12 กำรทอผ้ำกระเหรยี่ ง เป็นกำรทอผ้ำพื้นเมืองแบบกระเหรี่ยงด้วยวิธีกำรท่ีเรียกว่ำ “กี่เอว” เป็นวิธีกำรทอผ้ำด้วยมือของชำว ปะกำเกอะญอ โดยมีกำรใช้เทคนิค และเคร่ืองมือผสมผสำนเข้ำกับควำมแข็งแรงของร่ำงกำยในกำรเนรมิตผ้ำทอ ชำวปะกำเกอะญอที่มลี วดลำย สีสันทส่ี วยงำม รูปที่ 12 ก่เี อว หมำยเหตุ. จำก หนังสือกำรทอผ้ำกะแหรีย่ ง https://anyflip.com/mulqj/fxfn/ เคร่อื งมือทีใ่ ชจ้ ะประกอบไปด้วย 1) แผ่นคำดหลัง หรือ “อย่ำกุงไผ่ย” มีหน้ำที่ในกำรพยุงหลังของผู้ทอ พร้อมกับเป็นเคร่ืองมือในกำรเพ่ิม ควำมตึงของเส้นใย 2) ไม้พันผ้ำ หรอื “เค่อไถย่ ” คือไม้ร้ังผ้ำ สำหรบั ร้ังและพนั ผ้ำทที่ อแลว้ 3) ไม้กระทบ หรอื “เนย่ บะ” 4) ไม้แยกดำ้ ย “กงค”ู๊

13 5) ไมไ้ บ่ หรอื “วำ้ บงั ” มีหน้ำทใี่ นกี่แบง่ เส้นด้ำย 6) “ทะค”ู่ ไมไ้ ผ่สำหรับยดึ เคร่อื งทอ 7) “ถำ่ โข่โบ” ไม้ใสด่ ำ้ ย 8) “ลุงทุย้ ” ไม้มว้ นดำ้ ยพุ่ง 9) “หนอ่ คอ่ ยอ่ ” ไมส้ ำหรบั ควบคุมควำมตึงของเสน้ ใยระหวำ่ งทอ 10) เครือ่ งปน่ั ดำย หรอื “โจ กอ เด”

14 วิถชี ีวติ ชุมชนบ้ำนหนองแดง ตำบลบำ้ นจนั ทร์ รปู ที่ 13 วิถชี วี ติ ชมุ ชนบ้ำนหนองแดง หมำยเหตุ. จำก หนงั สือวถิ ีชวี ติ ชุมชนบ้ำนหนองแดง https://anyflip.com/pesuc/cvjq ชุมชนบ้ำนหนองแดงเป็นชุมชนดั้งเดิมที่มีอำยุกว่ำ ร้อยปีมีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่รำบสูงดำรงชีวิตด้วย กำรพึ่งพำอำศัยกันโดยยึดหลักปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง ควบคู่กับโดยส่วนใหญก่ ำรเลี้ยงสัตว์เพื่อบริโภค อำทิ หมู ไก่ ควำย เป็นต้น ในด้ำนท่ีอยู่อำศัยเน้นกำรปลูกบ้ำนทรงสูงและยุ้งฉำงเพื่อเก็บผลผลิต ที่จะต้องมีกำรสร้ำงให้ต่ำ กว่ำตัวบ้ำนในพื้นท่ีบริเวณไหล่เขำ เน่อื งจำกควำมเช่ือท่ีว่ำหำกมีกำรสร้ำงยงุ้ ฉำงท่ีผิดรูปแบบยอ่ มก่อให้เกิดอำเพศ แกค่ รอบครวั ดงั กลำ่ วอกี ทัง้ พน้ื ฐำนทำงด้ำนควำมเชือ่ ของคนในชมุ ชนประกอบไปด้วย สำมปัจจยั ได้แก่ 1. ปัจจยั ดำ้ นศำสนำ ท่ปี ระชนในพืน้ ท่นี ับถอื ศำสนำพทุ ธ และคริสต์ 2. ควำมเชื่อเร่อื งผีทเ่ี กย่ี วเนื่องกับตัวตนเบอ้ื งลึกหรอื ขวัญ 3. ควำมเชื่อของผู้คนท่ียึดโยงกับธรรมชำติ และผู้คนประกอบอำชีพกำรเกษตร ทำไร่ ทำนำ ในรูปแบบ หมุนเวียน จนไปถึงกำรมีวัฒนธรรมและประเพณีที่เก้ือหนุนกับกำรทำมำหำกินของชำวบ้ำน และกำรมีประเพณี งำนรวมญำติ หรือประเพณีผูกข้อมือประจำปี เรียกว่ำ “กิจ๊ึ” ,ประเพณีขึ้นปีใหม่ ,กำรเลี้ยงผีนำผีไร เพื่อให้เหล่ำ สรรพสัตวเ์ ก้ือหนุนตอ่ กำรทำมำหำกินของตน

15 วิถชี ีวติ ชมุ ชนบ้ำนห้วยฮ่อม ชุมชนบ้ำนห้วยฮ่วมเป็นหมู่บ้ำนที่มีกลุ่มชำติพันธุ์ปะกำเกอญอ อำศัยอยู่นับร้อยปี มีลักษณะกำรอยู่อำศัย ที่จะจัดสสรปันส่วนให้ 1ใน4ของพื้นทบ่ี ้ำนเป็นพื้นที่สำหรับกำรประกอบอำหำรท่ีซ่ึงจะเปรียบเสมือนจุดศูนย์กลำง ของบ้ำน ในกำรให้สมำชิกมีกำรพดู คยุ แลกเปล่ียนเรื่องรำวของกันและกันระหว่ำงรับประทำนอำหำร อกี ทงั้ ด้วยวิถี ชีวิตของคนชุมชนมีแปรรูปวัสดุจำกธรรมชำติ สู่กำรเป็นเคร่ืองมือในกำรประกอบอำชีพ อำทิ กำรจักรสำนไม่ไผ่ ในกำรทำ “ดอเมอ”หรือ กระจำด ท่ีใช้สำหรับกำรเก็บสัมภำระต่ำงๆ , “ก๊ือ” หรือ กระบุง ใช้สำหรับแบกผลผลิต ทำงกำรเกษตร ,“ก่อ แหล่” หรือกระโด้ง ใช้สำรหับกำรเตรียมข้ำวก่อนนำไปหุงเพื่อเป็นกำรทำควำมสะอำดเมล็ด ขำ้ วกอ่ นนำไปหุง , “เส่อกอ๊ ” ใช้สำหรับกำรเก็บฟืน , “ซอ ซึ”หรอื คอกไก่ , “ล่อทู” หรือเส่ือสำหรับรองพ้ืนเวลำตี ข้ำว และตำกข้ำวเปลือก และ “กำลำว่ำ” มีลักษณะคล้ำยพัด ใช้สำหรับพัดเศษต่ำงๆเวลำตีข้ำวเสร็จ อีกท้ังยังมี กำรตำข้ำวสมยั โบรำณ ที่เรยี กว่ำ “เฉ่อโหม่” หรือครกกระเดอ่ื งตำข้ำว ที่มคี วำมสำคญั กบั กำรแปรรูปขำ้ วเปลือกให้ เป็นข้ำวสำรเพ่ือนำมำสู่ข้ำวที่ใช้บริโภค โดยครกกระเด่ืองตำข้ำว มีกำรจำแนกออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ครก กระเด่อื งแบบใชม้ อื และครกกระเดือ่ งแบบใชข้ ำ เป็นต้น ดังนั้นแล้วด้วยวิถีชีวิตด้ังเดิมของคนในพื้นที่ทำให้มีกำรทำรงไว้ซ่ึงภูมิปัญญำ และวัฒนธรรมเก่ำแก่ของ ท้องท่ีได้อย่ำงสง่ำงำม คู่ควรแก่กำรถ่ำยทอดสู่สำธำรณะชนได้รับรู้ถึงควำมสวยงำมท่ีเรียบง่ำยของวิถีชีวิตชน พืน้ เมือง รูปที่ 14 ท่ีอยู่อำศยั หมำยเหตุ. จำก หนงั สอื วถิ ีชีวิตชมุ ชนบ้ำนห้วยฮ่อม https://anyflip.com/pesuc/gvlp/

16 กำรจกั สำนดว้ ยไมไ้ ผ่ รูปที่ 15 ดอเมอ หรือกระจำด รปู ท่ี 16 กอ๊ื หรอื กระบงุ รูปที่ 17 ก่อ แหล่ หรอื กระโดง้ รูปท่ี 18 เส่อก๊อ หมำยเหตุ. จำก หนังสือวิถชี วี ิตชมุ ชนบำ้ นหว้ ยฮอ่ ม https://anyflip.com/pesuc/gvlp/

17 รปู ที่ 19 ครกกระเดื่องแบบใช้มือ หมำยเหตุ. จำก หนงั สอื วิถีชวี ติ ชุมชนบำ้ นห้วยฮ่อม https://anyflip.com/pesuc/gvlp/ รูปที่ 20 ครกกระเด่อื งแบบใช้ขำ หมำยเหตุ. จำก หนังสอื วิถีชีวติ ชมุ ชนบำ้ นหว้ ยฮ่อม https://anyflip.com/pesuc/gvlp/

18 ด้ำนสขุ ภำพ กำรดแู ลรักษำสขุ ภำพแบบองค์รวมของชำวปะกำเกอญอ กำรมีสุขภำพดีของชำวปะกำเกอะญอเกิดข้ึนจำกกำรมีขวัญท้ัง 37 ที่แข็งแรงอันเป็นสว่ นหน่ึงของร่ำงกำย โดยอำกำรเจ็บปวดนนั้ เกิดข้นึ จำก 2 ปจั จัยหลัก ไดแ้ ก่ 1) กำรเจบ็ ป่วยท่ีเกิดขึ้นจำกผี ตัวอย่ำงกำรเจบ็ ปว่ ย อำทิเช่น “เคลำะ แกว๊ ต่ำ” หมำยถึงกำรทีผ่ ีชำ้ ง ผีม้ำ จับขวัญของผู้ป่วยไปเพ่ือทำกำรแลกเปลี่ยนอำหำร ประกอบไปด้วยข้ำวเปลือก ข้ำวสำร ขม้ิน ส้มป่อยเศษหม้อดิน ขนไก่ และเปลือกไข่ และ“หว่ี ต่ำ” ท่ชี ำวปะกำเกอะญอเชื่อว่ำ ผกี ๊ะปำ่ (ดวงวิญญำณรำ้ ยเร่ร่อน) ออกหำเหย่ือและ จบั ขวัญของผู้ป่วยไว้จึงต้องนำอำหำรไปแลกเปลี่ยนเพ่ือให้ขวัญชองผู้ป่วยกลับมำอยู่ที่ตน ,“แบล ถ่อ ที” หมำยถึง กำรโรยข้ำวสำร ทิ้งไข่ลงในแม่น้ำ ท่ีเชื่อกันว่ำเป็นอำกำรป่วยจำกกำรทำให้ภูตผีแห่งน้ำ ไม่สบำยจึงทำให้ผู้นั้นเกิด อำกำรปว่ ย เช่นเดยี วกบั กำรมัดมอื “กี่ ฉู่ ฉอื ” ทีเ่ ชอื่ กันว่ำ ผปี ่ำได้จบั ขวัญไปโยผ้ปู ่วยอยสู่ ภำวะท่ีจติ ใจไม่ปกติจงึ ทำ กำรมัดมือเพ่ือเรยี กขวญั ใหอ้ ยูก่ บั ตัวผปู้ ่วย 2) กำรเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นจำกพฤติกรรมของคน อำทิ เจ็บท้อง แน่นท้อง ท่ีเกิดจำกกำรรับประทำนอำหำร ผิดเวลำ ท้องร่วง สำเหตะจำกกำรกินอำหำรท่ีมีเชื้อโรค “พกู” หรือกำรกินอำหำรที่ถูกกับธำตุลม และ “แจวะ” ท่ีเกิดขึ้นจำกกำรรับประทำนของแสลง และอำกำรป่วยท่ีเกิดขึ้นจำกกำรกระทำที่ผิดจำรีต อำทิ เกิดจำกกำร กระทำผดิ กบบรรพบรุ ุษ เช่อื ว่ำ “ซ-ิ โข่-หม่ือ-คำ” หรือผีบรรพบุรษุ ถูกกระตุ้นจำกผีไร้ญำติ (นำจิ๊ ชิ นำ จ๊ิ เทำะ) ให้ ไปทำให้ถูกลกู หลำนเจ็บปว่ ยขน้ึ จงึ ตอ้ งทำพธิ ี “เอำะ-บกะ๊ ” วธิ กี ำรรกั ษำจะจำแนกตำมควำมถนดั ของปรำชญช์ ำวบำ้ นแตล่ ะประเภท ประกอบด้วย 1) กล่มุ เซอะ-หระ-ก่ำ-ตำ่ เปน็ กลมุ่ คนที่มีควำมรคู้ วำมสำมำรถในกำรทำนำย หำสำเหตุกำรปว่ ยทเ่ี กิดขึน้ จำกผี 2) กลุ่มเซอะ-หระ-แง-เลำะ-ต่ำ ผู้มคี วำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรรักษำผู้ปว่ ยด้วยกำรใช้ สมนุ ไพรควบคู่กับ คำถำอำคม ประกอบไปด้วย หมอประเภทกำยภำพ ท่ใี ช้กำรบีบ นวด และจับชีพจร ได้แก่ หมอตำแย ที่เช่ียวชำญ เกี่ยวกับกำรทำคลอด หมอจับเส้น บีบนวดท่ีบรรเทำอำกำรเคล็ดขัดยอก และหมอจับชีพจร ท่ีมีควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรจับสัญญำณชีพ และผสมผสำนกำรใช้คถำอำคมในกำรวินิจฉัยโรค ดังนั้นวิธีกำรรักษำ จะแปรเปลี่ยนไปตำมลกั ษณะกำรปว่ ยและปรำชญผ์ ้ชู ำนำญในดำ้ นนน้ั ๆ

19 มหัศจรรยผ์ ักใบเขียว ผักเป็นประโยชน์ที่เรำได้ยินอยู่เสมอ นั้นเป็นเพรำะใครใครก็รู้ว่ำผักเป็นส่ิงท่ีมีประโยชน์เป็นอำหำรเพื่อ สขุ ภำพท่ีจะช่วยเสริมสร้ำงร่ำงกำยให้แข็งแรงเพรำะเป็นแหล่งของวิตำมิน แร่ธำตุ และสำรอำหำรอื่นๆที่จำเป็นต่อ ร่ำงกำยหนังสือผักใบเขียวเลม่ น้ีจึงมีเร่ืองรำวเก่ียวกับผักมำกมำยมำให้ผู้อ่ำนได้ศึกษำซ่ึงผักนอกจำกจะมีประโยชน์ ในด้ำนของโภชนำกำรชั้นยอดแล้วบำงชนิดยังสำมำรถใช้เป็นยำสมุนไพรเพ่ือบำบัดรักษำโรคได้ไม่เว้นแม้แต่ เรอ่ื งรำวควำมงำมสำหรับผทู้ ี่รกั สขุ ภำพ ผักกนิ ใบ รูปท่ี 21 ผกั กดู (ไบแปเดำะ) ผักกดู (ไบแปเดำะ) รูปท่ี 22 ผักหนำม (หอ่ ต)ู ผักตบชวำ (โนเดำะ) ผกั หนำม (ห่อตโู ป) บอน (ค่ือทีโบ) ชะอม (โพซยุ เดำะ) ผกั กำดขำว (เส่อบะเดำะ) ผักชฝี รงั่ (ฮือโปะ๊ กอลำ) พลคู ำว (ตำ่ เนอชวเี ดำะ) ผกั เฮอื ด (เคอชโิ บะ) ผักครำดหวั แหวน (ผะแวเดำะ) ชะพลู (ปูลีเดำะ) ผกั หวำน (ตำ่ เชอเดำะ) สะระแหน่ (พอซิหม่ือ) ผักอีหลืน (ห่อวอ)

ผักกินผล 20 ฟักเขียว (ลู่ซ่ำ) รูปที่ 23 ฟักเขียว (ลู่ซ่ำ) ฟักทอง (ลู่เคบอ) รปู ท่ี 24 มะระขี้น (เสอ่ กอคำ่ ) แตงกวำ (ด)ี มะระขน้ี (เสอ่ กอค่ำ) มะเขอื ขนื่ (เส่อกอ) ถั่วลันเตำ (เปอถะสำ่ ) บวบหอม (โตโถะสำ่ ) เพกำ (เดำะกะเปล) มะเขอื เปรำะ (เส่อกอจอ่ ) มะเขอื พวง (เสอ่ กอโย) ถวั่ พู (เบำะบำวี) รูปที่ 25 เพกำ (เดำะกะเปล) หมำยเหตุ. จำก หนังสอื มหัศจรรยผ์ ักใบเขยี ว https://anyflip.com/pesuc/worf/

21 ผักกนิ ดอก ไพล (แปลโค) กระเจยี วแดง (พอ่ พอ) แคหวั หมู (แขวพอ) ปลีกล้วย (โดะโคสำ่ ) รูปท่ี 26 ไพล (แปลโค) หมำยเหตุ. จำก หนังสอื มหัศจรรยผ์ กั ใบเขียว https://anyflip.com/pesuc/worf/ รูปที่ 27 แคหัวหมู (แขวพอ) หมายเหต.ุ จาก หนงั สอื มหศั จรรยผ์ กั ใบเขยี ว https://anyflip.com/pesuc/worf/

22 ด้ำนอำหำร ครัวบำ้ นจนั ทร์ ควำมสขุ ของชำวบำ้ นจนั ทร์จำกกำรบริโภควตั ถดุ บิ ในทอ้ งที่ ลกั ษณะท่ัวไปของห้องครัวพ่ีนำวชำวปะกำเกอะญอ ที่นยิ มวำงตำแหน่งของครวั ไฟไว้กลำงบำ้ น เนอื่ งด้วย หอ้ งครวั จะเป็นจุดรวมตัวของสมำชกิ ในครอบครัวที่ได้พูดคยุ แลกเปล่ยี นกันถงึ ชีวติ ประจำวันของแต่ละคนผนวกกับ กำรเป็นพื้นที่ส่วนกลำงในกำรให้ควำมอบอุ่นกับสมำชิก เพรำะด้วยที่ต้ังของบ้ำนจันทร์อยู่บนพ้ืนที่สูงทำให้จะมี อำกำศหนำวจัดในช่วงเช้ำและกลำงคืน ในฤดูหนำว อีกทั้งยังมีกำรแบ่งสัดส่วนของครัวตำมลักษณะกำรใช้งำน ได้แก่ ในช้ันแรก “จอ หนอ โค่” ใช้สำหรับจำกอำหำรเพื่อเป็นกำรถนอนอำหำร และชน้ั ที่สอง “สะ กี โค” สำหรับ กำรเกบ็ รักษำอำหำรแหง้ อำทิ พรกิ แหง้ หมูแหง้ หรอื หมแู ดดเดียว เป็นต้น เมนูยอดฮิตของพ่ีน้องชำวบ้ำนจันทร์ ได้แก่ น้ำพริกถ่ัวเน่ำเป็นเมนูท่ีกินกับอะไรก็ได้ทำจำกถ่ัว เหลืองทำกันกินเองเป็นอำหำรพื้นบ้ำนส่วนมำกพ่ีน้องบ้ำนจันทร์กินกันเป็นประจำถือว่ำเป็นเมนูที่ยอดนิยมกันมำก ที่สุด ,เมนขู ้ำวเบอะ ทำจำกขำ้ วเป็นอีกหนง่ึ เมนูยอดฮิตเลยก็ว่ำไดค้ ล้ำยๆข้ำวต้มแต่ของพี่น้องบ้ำนจนั ทรจ์ ะมกี ำรใส่ ผักพริกปรุงรสต่ำงๆให้มีรสชำติตำมควำมชอบบำงคร้ังอำจจะแทนผักด้วยของอย่ำงอื่นก็ได้ เช่น เห็ด หน่อไม้ เป็น ตน้ แล้วแตใ่ นแต่ละฤดกู ำลท่ีมผี ักต่ำงๆ และเมนตู ำมฤดกู ำล อำทเิ ชน่ ปลำ เหด็ กบ รวมไปถึงผักนำนำชนดิ เป็นตน้ รูปท่ี 28 น้ำพรกิ ถัว่ เนำ่ รูปท่ี 29 เมนขู ำ้ วเบอะ หมายเหต.ุ จาก หนงั สือครวั บา้ นจนั ทร์ https://anyflip.com/mulqj/kafr/

23 กำรถนอมอำหำร กำรดอง คือกระบวนกำรถนอมอำหำรจำกกำรใช้ปฏิกิริยำทำงธรรมชำติท่ียับย้ังกระบวนกำรเน่ำเสีย โดยผำ่ นกำรใช้จุลนิ ทรียท์ ่ีดีตอ่ ร่ำงกำยของมนุษย์ที่ทำให้เกดิ รูป รส กล่ิน ท่ีแตกตำ่ งไปจำกเดิม โดยรปู แบบกำรดอง จะประกอบไปดว้ ย 1)กำรดองเปรี้ยว ผักทนี่ ยิ มนำมำดอง เชน่ ผกั กำดเขยี ว กะหลำ่ ปลี ผกั เสยี้ น ถั่วงอก เปน็ ต้น วิธี ทำคือนำเอำผักมำเคล้ำกับเกลือ โดยผสมน้ำเกลือกบน้ำส้มต้มให้เดือด ท้ิงไว้ให้เย็น นำมำเทรำดลงบนผักท่ีเรียงไว้ ในภำชนะ เทให้ท่วมผักปิดฝำภำชนะไม่ให้ลมเข้ำ หมักท้ิงไว้ 4-7 วัน ก็นำมำรับประทำนได้ 2)กำรดอง 3 รส คือ กำรดองทีผ่ สมผสำน รสเปร้ียว เค็ม หวำน ผกั ทน่ี ิยมดองแบบนค้ี ือ ขงิ ดอง กระเทยี มสด ผกั กำดเขยี น กำรดองชนิด นี้คือ นำเอำผักมำเคล้ำกับเกลือแล้วผสมน้ำส้ม นำ้ ตำล เกลอื ต้มให้เดอื ด ทิ้งไวใ้ ห้เย็น แล้วนำมำเทรำดลงบนผักปิด ฝำทิ้งไว้ประมำณ 2-3 วนั 3)กำรดองหวำน ผักและผลไมท้ น่ี ยิ มนำมำดอง เช่น มะละกอ หัวผักกำด กะหลำ่ ปลี เป็น ต้น โดยต้มน้ำตำล น้ำส้มสำยชู เกลือ ให้ออกรสหวำนนำให้เดือดท้ิงไว้ให้เย็น เทรำดลงบนผักผลไม้ ทิ้งไว้ 2-3 วัน 4)กำรดองเค็ม อำหำรท่ีนิยมส่วนใหญ่จะเป็นพวกเน้ือสัตว์และผัก เช่น ปูเค็ม ปลำเค็ม กะปิ หัวผักกำดเค็ม ไข่เค็ม เป็นต้น ด้วยกำรนำไปต้มกับน้ำส้มสำยชูและเกลือให้ออกรสเค็มจัดเล็กน้อยให้เดือดท้ิงไว้ให้เย็น กรองใส่ภำชนะท่ี จะบรรจุอำหำรดอง แล้วหมักท้ิงไว้ 4-9 เดือนจึงนำมำรับประทำน และ5)กำรหมกั ดองที่ทำให้เกดิ แอลกอฮอล์ คือ กำรหมักอำหำรพวกแป้ง นำ้ ตำล โดยใชย้ สี ตเ์ ป็นตัวชว่ ยใหเ้ กดิ แอลกอฮอล์ เชน่ ข้ำวหมำก ไวน์ เป็นตน้ ด้วยกำรที่ชุมชนบ้ำนจันทร์ อำเภอกัลยำณวิ ัฒนำ เป็นพนื้ ที่ห่ำงไกลจึงจำเปน็ จะต้องมีกำรถนอมอำหำรเพ่ือ รบั ประทำนในชวี ิตประจำวนั จนไปผนวกกับกำรกกั ตนุ อำหำรในช่วงหน้ำแล้ง และหนำ้ หนำว อีกทงั้ กำรนำผลผลิต จำกกำรดองที่ทำให้เกิดแอลกอฮอลเ์ ป็นองคป์ ระกอบหลักในกำรประกอบพธิ กี รรมทำงศำสนำ และควำมเช่อื

24 ดำ้ นแหลง่ ท่องเที่ยว สถำนทท่ี ่องเทย่ี ว ณ บ้ำนจันทร์ อำเภอกัลยำณิวฒั นำ จงั หวดั เชียงใหม่ กัลยำณวิ ัฒนำเปรียบเสมอื นสถำนท่ลี ับแลของจังหวดั เชยี งใหม่ที่นอ้ ยคนที่จะได้เขำมำสัมผัสถึงวถิ ีชวี ิตของ คนในชุมชน โดยเฉพำะชำวปะกำเกอญอท่ีมีควำมเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันกับธรรมชำติจำกกำรมีวัฒนำธรรม ประเพณีท่ีล้วนแต่สอดคล้องกบั ธรรมชำติท้ังส้ิน อย่ำงไรกต็ ำมกำรเดินทำงเข้ำสู่พื้นที่นั้นมีหลำกหลำยช่องทำงท่ีซึ่ง ลำยล้อมไปด้วยธรรมชำติที่สวยงำม และเร่ืองรำวท่ีแตกต่ำงกันไป ดังคำกล่ำวที่ว่ำ “กัลยำณิวัฒนำ ป่ำสนพันปี วฒั นธรรมประเพณชี นเผ่ำ พระธำตเุ ก่ำล้ำค่ำ หกธำรำแหล่งต้นน้ำ งำมเลิศอำเภอในฝัน” อำเภอกัลยำณิวัฒนำเป็น พื้นท่ีท่ีมีควำมอุดมสมบูรณ์ของทรัพยำกรธรรมชำติ มีสถำนที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอย่ำง ป่ำสนวัดจันทร์ที่ให้ บรรยำกำศท่ีเงียบสงบ พร้อมกับวิวทิวทัศน์ทสี่ วยงำมรำวกับกำรอยู่ในภูมิประเทศฝัง่ ยุโรป ผนวกกับกำรมีพระธำตุ เก่ำแก่ท่ีเป็นศูนย์รวมจิตใจชำวพุทธในพ้ืนท่ี พร้อมกับกำรออกแบบรูปทรงของโบสถ์ท่ีแปลกตำจำกกำรมีลักษณะ คล้ำยคลงึ กบั แว่นตำกนั แดด จึงไดม้ ีกำรขนำนวำ่ “วหิ ำรเรย์แบนด์” นนั่ เอง ดังน้ันกำรได้มำเท่ียวชมอำเภอกัลยำณิวัฒนำ ชุมชนลับแลแห่งเมืองเชียงใหม่ทีจ่ ะเปน็ สถำนที่ให้ผู้มำเย่ียม เยียนได้รับกำรบำบัดจำกธรรมชำติ ด้วยกำรเติมเต็มพลังชีวิตด้วยพลังของธรรมชำติ ควบคู่ไปกับกำรใช้ชีวิตให้ เชื่องช้ำลงใหส้ อดคล้องกบั วับจักรสีเขยี ว รูปที่ 30 ป่ำสนวัดจนั ทร์ หมำยเหตุ. จำก หนังสอื สถำนทีท่ ่องเทยี่ วบำ้ นจันทร์ https://anyflip.com/pesuc/suxl/

25 รูปที่ 31 พระธำตุ รูปท่ี 32 พระธำตุ หมำยเหตุ. จำก หนังสือสถำนทท่ี ่องเที่ยวบำ้ นจนั ทร์ https://anyflip.com/pesuc/suxl/ รปู ท่ี 33 วหิ ำรแวน่ หมำยเหตุ. จำก หนังสือสถำนท่ีทอ่ งเท่ียวบำ้ นจันทร์ https://anyflip.com/pesuc/suxl/

26 ดำ้ นกำรเกษตร กำรทำเกษตรหมนุ เวียน พชื ผักเป็นพชื เศรษฐกจิ ที่มีควำมสำคัญต่อชำวบ้ำนเป็นอย่ำงมำกโดยเฉพำะกลุ่มพืชอำยุส้ันเนื่องจำกให้ผล ผลิตเร็วและเป็นท่ีนิยมสำหรับกำรบริโภคของชำวบ้ำน มีทั้งในรูปแบบของผักสดและเอำมำแปรรูปเป็นผักดอง อำเภอกัลยำณิวัฒนำปลูก ผักอินทรีย์เกือบทั้งอำเภอในเวลำปลูกก็จะปล่อยแบบธรรมชำติ ไม่เป็นอันตรำยต่อ สุขภำพและมีประโยชน์ รวมไปถึงกระแสกำรผลิตท่ีมุ่งสู่ควำมเป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อมและตระหนักถึงควำม ปลอดภัยของตัวเองและเพื่อนบ้ำน เป็นกำรหมุนเวียนในแต่ละปีของชำวบ้ำนอำเภอกัลยำณิวัฒนำ กำรปลูกนิยม ปลูกเป็นผกั อินทรยี ท์ ง้ั หมด เกษตรอินทรีย์เป็นระบบกำรเกษตรท่ีผลิตอำหำรและเส้นใยด้วยควำมยั่งยืนทำงส่ิงแวดล้อมสังคมและ เศรษฐกิจโดยเน้นหลักกำรปรับปรุงดินและเคำรพต่อศักยภำพทำงธรรมชำติของพืชศำสตร์และนิเวศกำรเกษตร กำรเกษตรอินทรีย์จึงลดกำรใช้ปัจจัยผลิตภำยนอกและหลีกเล่ียงกำรใช้สำรเคมีมีกำรใช้ปัจจัยกำรผลิต ยังเห็น คุณค่ำและมีควำมอนุรักษ์ให้อยู่อย่ำงย่ังยืน และกำรเลี้ยงสัตว์ เช่น โค กระบือ สุกร ปลำ ก็เป็นวิถีของของชำวสืบ ถอดกำรมำนำน พชื ทีใ่ ชใ้ นกระบวนกำรทำเกษตรหมุนเวยี น - กำรปลูกพริกขี้หนูดอย พริกขี้หนูดอยเป็นพืชท่ีเจริญได้ ในดินแทบทุกชนิด ชอบดินรว่ นปนทรำยจะเจริญ ไดด้ ี จงึ เหมำะกบั สภำพดินของบ้ำนจันทร์ รูปที่ 34 พรกิ ขห้ี นูดอย หมำยเหตุ. จำก หนังสือเกษตรหมนุ เวียน https://anyflip.com/wcdop/gxmb/

27 - กลว้ ยนำ้ ว้ำ กำรปลูกแบบบนดอยเรำนนิ มใส่ป๋ยุ แคร่ อบเดียวตอนที่ปลกู และปลอ่ ยแบบธรรมชำติเองแบบ อินทรียร์ อ้ ยเปอรเ์ ซน็ ท์ - แตงดอย แตงดอยเป็นพืชท่ีไม่ต้องกำรน้ำมำก แต่ขำดน้ำไม่ได้ โครงสร้ำงของดินที่ปลูกแตงดอยควรมี ลักษณะเปน็ ดนิ ดำหรอื เป็นดินที่มีกำรเผำเศษใบไม้จะเตบิ โตดแี ตงดอยเปน็ พชื ที่ปลูกในในไรจ่ ะเติบโตดี รปู ท่ี 35 แตงดอย - ตะไคร้ ตะไคร้มมี ำกมำยหลำกหลำยด้ำนเช่น ดำ้ นกำรเกษตร ดำ้ นกำรประกอบกำรปรงุ อำหำร ด้ำนยำรักษำโรค และด้ำนสมนุ ไพรป้องกนั สตั ว์ร้ำย จึงมคี วำมนิยมปลูกตะไครใ้ นบ้ำนจนั ทร์ - มนั ม่วง แม้วำ่ มนั มว่ งจะเป็นพชื ทีป่ ลูกง่ำยและทนแล้งไดด้ ี แต่ถ้ำมนั ม่วงขำดนำ้ จนเถำเหย่ี วเฉำแล้ว จะมี ผลทำให้หัวไม่สมบรู ณ์ ดงั นั้น ควรให้นำ้ ให้ช้นื อยเู่ สมอ - ถ่ัวลำยเสือ ส่วนใหญ่อำเภอกลั ยำณิวฒั นำจะปลกู ถว่ั ลสิ งลำยเสอื หมดเลยเพรำะเหมำะกบั สภำพแวดลอ้ ม รูปที่ 36 ถ่วั ลำยเสือ

28 - กำรทำนำ หมำยถึง กำรปลูกข้ำวและกำรดูแลรักษำต้นข้ำวในนำ ต้ังแต่ปลูกไปจนถึงเก็บเกี่ยว กำรปลูก ขำ้ ว ในแต่ละท้องถิ่นจะแตกต่ำงกันไปตำมสภำพของดินฟ้ำอำกำศ และสังคมของท้องถิ่นนั้นๆ ในแหล่งท่ี ตอ้ งอำศยั น้ำจำกฝนเพียงอย่ำงเดยี ว ฉะนั้นตอ้ งปลกู ในฤดฝู นเทำ่ นนั้ รปู ท่ี 37 กำรทำนำ หมำยเหตุ. จำก หนงั สอื เกษตรหมุนเวียน https://anyflip.com/wcdop/gxmb/ - มะเขือแจ้ ผักสวนครัวอีกหน่ึงชนิดที่มีสรรพคุณมำกมำย ไม่ว่ำจะเป็น ช่วยย่อยอำหำร ขับลม ลดกำร อกั เสบ - น้ำเต้ำพื้นบ้ำน ผลน้ำเต้ำสำมำรถนำมำรับประทำนกับน้ำพริก ผัดกับหมูและไข่ แกงส้มใบ แก้ตัวร้อน แก้ รอ้ นในกระหำยน้ำ แกเ้ รมิ - แฟง ช่วยขบั ควำมรอ้ นภำยในร่ำงกำยและถอนพิษไข้ตำ่ งๆ ช่วยแก้อำกำรธำตุพิกำร ช่วยขับปัสสำวะและ เป็นยำระบำย ชว่ ยรกั ษำโรคหวัด แกอ้ ำกำรไอ และขบั เสมหะออกจำกลำคอ - ฟักทองพ้ืนบ้ำน ผักสวนครัวพ้ืนบ้ำนท่ีเรำทุกคนต่ำงรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่ำงดี ปัจจุบันนี้เริ่มมีคน นิยมหนั มำปลูกฟักทองไวก้ นิ เองทบ่ี ้ำน - ฟักแม้ว ถือเป็นพืชผักต่ำงถ่ินที่นิยมปลูกมำในบ้ำนเรำ เนื่องจำก ยอดอ่อน ผลอ่อน สำมำรถใช้ประกอบ อำหำรได้ โดยเฉพำะผลอ่อน และยอดอ่อนที่มีควำมกรอบ หวำน และมีรสมันอร่อย สำมำรถปรุงเป็น อำหำรทัง้ เมนผู ัด และแกงตำ่ งๆไดเ้ ปน็ อย่ำงดีส่วนผลแกก่ ต็ ม้ ให้หมกู ิน

29 กำรเลย้ี งสตั ว์ กำรเลี้ยงควำย เป็นสัตว์ท่ีอยู่คู่กับวิถีชีวิตคนไทยมำช้ำนำน โดยในสมัยก่อนนั้นจะนิยมเล้ียงไว้ใช้แรงงำน เช่น ไถนำหรือ ลำกจูง เป็นต้น แต่ปัจจุบันได้นำเคร่ืองจักรมำใช้ในภำคเกษตรมำกข้ึน ทำให้กำรเลี้ยงควำยถูกปรับเปลี่ยนตำมยุค สมยั และมีจำนวนลดลง ดังนั้นกำรอนรุ ักษ์และเพำะขยำยพนั ธ์คุ วำยไทยจงึ เป็นแนวทำงในกำรเพม่ิ จำนวนประชำกร ควำยใหม้ ำกข้ึน กำรเลย้ี งววั ปัจจุบันเกษตรกรภำคใต้ให้ควำมสนใจและหันมำเลี้ยงวัวพ้ืนบ้ำนเป็นอำชีพกันเป็นจำนวนมำก เนื่องจำก ววั เปน็ สัตวเ์ ศรษฐกจิ สำคัญ เลยี้ งง่ำย และเปน็ กำรเล้ยี งแบบปลอ่ ยให้หำกนิ เองตำมธรรมชำติ รปู ที่ 38 กำรเลย้ี งวัว หมำยเหตุ. จำก หนังสือเกษตรหมนุ เวยี น https://anyflip.com/wcdop/gxmb/

30 กำรเล้ียงปลำ ในกำรทำกำรเกษตรหมุนเวียนน้ันก็มีกำรเลี้ยงปลำของชำวบ้ำนอีกด้วยเป็นกำรเล้ียงแบบกินเองและเลี้ย ง ขำยในพนื้ ทม่ี ีบอ่ ปลำอยถู่ งึ 80 บ่อ แต่ชำวบ้ำนกเ็ ลี้ยงแบบธรรมชำติใหอ้ ำหำรบ้ำง กำรเล้ียงหมู กำรเลี้ยงหมูของเกษตรกรบนพื้นท่ีสูงส่วนใหญ่นิยมเล้ียงเพื่อบริโภค และนำไปใช้ประกอบในพิธีกรรม ต่ำงๆ ตำมควำมเช่ือ ที่เหลือจึงจำหน่ำยเป็นรำยได้ ส่วนใหญ่จะเล้ียงโดยให้กินเศษอำหำร ตันกล้วย ต้นบอน และ วตั ถุดิบในท้องถิน่ ซ่ึงลกั ษณะหมูบ้ำนเรำจะมสี ีดำ มีเต้ำนมประมำณ 5 คู่ อำยุกำรเปน็ หนมุ่ สำว 5-8 เดือน ลูกหย่ำ นม ตั้งแต่อำยุได้ 1 เดือน มีเจริญเติบโตได้เร็วและพอหย่ำนมเรำก็สำมำรถขำยได้ เลย ในรำคำตัวละ 1200-1500 บำท ส่วนใหญจ่ ะเปน็ พนั ธ์พน้ื บ้ำน รูปที่ 39 กำรเล้ยี งหมู รปู ท่ี 40 กำรเลยี้ งหมู หมำยเหตุ. จำก หนังสอื เกษตรหมนุ เวียน https://anyflip.com/wcdop/gxmb/

31 หมูดอยรอ้ ยสำน วฒั นธรรมประเพณีเป็นของตวั เองผ้คู นในพ้ืนที่แตก่ ่อนจะนับถอื ศำสนำผี ต่อมำก็เร่ิมที่จะเปลีย่ นควำมเช่ือ หันมำนับถือศำสนำพุทธและคริสต์แทนคนในพ้ืนที่ส่วนใหญ่จะประกอบอำชีพเกษตรกรควบคู่กับกำรเล้ียงสัตว์ ในด้ำนกำรเกษตรได้แก่กำรทำนำ ทำไร่ ทำสวน ซึ่งจะนิยมปลูกข้ำวเป็นส่วนใหญ่แต่กำรปลูกข้ำวของชำวตำบล บ้ำนจันทร์จะเก็บไว้กินเองโดยไม่จำหน่ำย ตำมคำกล่ำวของผู้เฒ่ำผู้แก่ท่ีกล่ำวว่ำ (บือ เหม่ ต่ำ โอะ มู) ข้ำวคือชีวิต อีกท้ังในกำรเลี้ยงสัตว์ส่วนมำกจะนิยมเลี้ยง หมู ไก่ วัว ควำย เป็นส่วนใหญ่ แต่หมูกับไก่เป็นสัตว์ท่ีถูกเล้ียงไว้ทุ ก บ้ำนเพรำะวำ่ ไกก่ ับหมู จะเปน็ สัตว์ท่ีนำมำประกอบพิธที ำงศำสนำเปน็ หลัก หมูดอยร้อยสำน คือหมูท่ีทำกำรเลี้ยงในพ้ืนที่สูงท่ีมีลักษณะ ขนน้อย เนื้อเยอะ โตเร็ว และมีควำมยำว เพิ่มขึ้น ประกอบ ไปด้วย 1.หมูสำยพันธ์ุดูร๊อค ลักษณะมีสีแดงตลอดลำตัว ขำแข็งแรง สะโพกใหญ่ หัวไหล่หนำ กว้ำง หลังเป็นร่องเห็นมัดกล้ำมเน้ือชัดเจน โตเร็ว มีเน้ือแดงมำก และใช้อำหำรน้อย และปลอดจำกยีนเครียด ทำให้ลดควำมสูญเสียในสุกรขุน ใช้เป็นพ่อพันธุ์สุดท้ำยผลิตสุกรขุนซ่ึงชำวบ้ำนส่วนใหญ่นิยมมำใช้เป็นพ่อพันธุ์ เพรำะมีทรงที่ใหญ่ แข็งแรง มีควำมเหมำะสมกับกำรเลี้ยงดูภำยในพื้นที่ 2.หมูสำยพันธ์ุเหมยซำน (Meishan) มีลักษณะหลังแอ่น ท้องยำน ผิวออกสีดำ ไปทำงเทำผิวหนังเหี่ยวย่น ให้ลูกดก เล้ียงลูกเก่งเล้ียงง่ำย ข้อเสียโตช้ำ อัตรำแลกน้ำหนักสงู เนอื้ แดงน้อย มันมำก ซำกไมด่ ี แต่ชำวบ้ำนจะนยิ มเลย้ี งไวเ้ พื่อขยำยพนั ธุ์ เพรำะหมพู ันธเุ์ หมย ซำนจะออกลกู มำก เล้ยี งลกู เก่งชำวบำ้ นจะเลย้ี งไวเ้ ปน็ แม่พันธุ์เป็นสว่ นใหญ่ รปู ท่ี 41 หมูสำยพันธดุ์ รู อ็ ค หมำยเหตุ. จำก หนงั สือหมดู อยร้อยสำน https://anyflip.com/mulqj/vpbd/

32 รปู ที่ 42 หมสู ำยพันธ์ุเหมยซำน หมำยเหตุ. จำก หนงั สือหมดู อยรอ้ ยสำน https://anyflip.com/mulqj/vpbd/ ตัวอย่ำงของประเพณี และวัฒนธรรมที่มีกำรใช้หมูดำเป็นองค์ประกอบหลัก อำทิ ในศำสนำพุทธได้มี กำรนำหมูดำเป็นสว่ นประกอบในพิธีท้งั ใน ,พิธีมัดมือ ,พิธแี ต่งงำน ,พิธีขึน้ บ้ำนใหม่ ,พิธีกินข้ำวใหม่ เช่นเดียวกับใน ศำสนำคริสต์ท่ีจะใช้หมูดำใน พิธีนมสั กำรขอบคุณพระเจ้ำ พธิ ีเฉลิมฉลองครสิ ตม์ ำส เปน็ ต้น ดังนั้นหมูร้อยสำน คือควำมสัมพันธ์กันระหว่ำงวิถีชีวิตของคนกับวับจักรของสัตว์ท่ีสอดคล้องถึงประเพณี วฒั นธรรมควำมเป็นอยขู่ องพีน่ อ้ งชำวบำ้ นจันทร์

33 กำรเล้ียงกบบนดอย กำรเลี้ยงกบบนดอย คือรูปแบบกำรเลี้ยงกบด้วยพื้นท่ีจำกัดและอำศัยวัตถุดิบภำยในชุมชนจำกเศษของ ผลผลิตทำงกำรเกษตรและจำกกำรบริโภคในครัวเรือน โดยกำรเลี้ยงกบนั้นเป็นกำรทำปศุสัตว์ท่ีง่ำย ท้ังปัจจัยด้ำน เวลำ และเงินทุนตลอดจนไปถึงผลประกอบกำรที่ได้รับจำกกำรเลี้ยงกบ ท้ังนี้จุดแข็งของกำรเลี้ยงกบบนดอยเป็น กำรเล้ยี งที่ใช้ต้นทุนต่ำและสำมำรถปรับประยุกต์กำรเล้ียงได้ง่ำยจำกกำรปรับรูปแบบของบ่อ อำทิ กำรใช้บ่อดินใน กำรเพำะเลี้ยง ,กำรเล้ียงเป็นคอก และกำรเลี้ยงกบในกระชัง อย่ำงไรก็ตำมกำรเลือกพ้ืนท่ีในกำรเพำะเล้ียงจะต้อง คำนึงถึงปัจจัยต่ำงๆ ได้แก่ 1.ปัจจยั ด้ำนควำมปลอดภัยของทรัพย์สิน ที่ต้องมีกำรเลือกสถำนท่ีตั้งบ่อให้อยู่ใกล้บ้ำน เพ่ือเป็นกำรสะดวกต่อกำรดูแลรักษำผนวกกับกำรป้องกันศัตรูทำงธรรมชำติของกบ 2.เป็นท่ีสูง หรือดอนเพื่อเป็น กำรป้องกันน้ำท่วม 3.เป็นท่ีรำบเสมอกัน เพ่ือเป็นกำรไม่สร้ำงแอ่งน้ำขังภำยในคอก 4.ใกล้แหล่งน้ำเพ่ือให้สะดวก ต่อกำรถ่ำยเทน้ำเข้ำสู่บ่อ และ5.ต้องอยู่ในพ้ืนท่ีสงบเพ่ือให้กบได้เจริญเติบโตอย่ำงเต็มท่ีโดยปรำศจำกสิ่งเร้ำอ่ืนๆ ที่ยับย้ังกำรเจริญเตบิ โตของกบ แม้ว่ำกำรทำปศุสตั ว์รปู แบบน้ีเป็นรปู แบบทงี่ ่ำย และรวดเร็วย่อมมำพร้อมกับควำม เสี่ยงจำกปัจจัยทำงธรรมชำติ ทง้ั ในเร่ืองของโรค เช่น โรคติดเช้อื แบคทีเรียที่เกดิ จำกกำรเพำะเล้ยี งเกินขนำด ทำให้ คุณภำพของน้ำไม่เหมำะสมแก่กำรเล้ียง ,โรคท่ีเกิดจำกทำงเดินอำหำร และโรคท้องบวม โดยกำรเบำบำงถึงผลกร ทบจำกโรคน้นั จะต้องให้ควำมสำคญั กับคุณภำพของกำรเล้ยี งมำกกว่ำปริมำณเงนิ ท่ีไดร้ บั อย่ำงไรก็ตำมกำรเลี้ยงกบบนดอยน้ันเป็นปัจจัยเก้ือหนุนท่ีทำให้เกิดกำรสร้ำงควำมยั่งยืนทำงด้ำน กำรเกษตรแบบหมุนเวียนท่ีมีกำรอยู่อย่ำง “พอมี พอกิน และพอใช้ หำกเหลือก็ขำย” ตำมหลักเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนไปถึงกำรสรำ้ งโอกำสทำงเศรษฐกิจใหภ้ ำคครวั เรือนมีรำกฐำนที่มั่นคง รปู ท่ี 43 ไขก่ บ รปู ท่ี 44 กบ หมำยเหตุ. จำกหนังสือกำรเล้ียงกบบนดอย https://anyflip.com/pesuc/ivwu/

34 หนอนแมลงวันลำย รูปท่ี 45 ตัวหนอน หมำยเหตุ. จำกหนงั สอื หนอนแมลงวนั ลำย https://anyflip.com/pesuc/pnjs/ แมลงวันลำย (Hermetia illucens) นับเป็นหน่ึงในผู้ย่อยของห่วงโซ่อำหำรเป็นแมลงสองปีก ลำตัวสีดำ คล้ำยตัวต่อ มีสีขำวให้เห็นชัดเจนท่ีปลำยขำทุกคู่ โดยมีลักษณะเด่นคือกำรแมลงที่ไม่นำโรค ไม่เป็นศัตรูพืช และมี กำรเจริญเติบโตอย่ำงรวดเร็ว แม้วำ่ แมลงวนั ลำยจะเปน็ แมลงทม่ี ีวงจรชีวิตท่ีสัน้ แต่กม็ ีกำรขยำยพันธุ์ได้กว้ำงเช่นกัน โดยแมลงวนั ลำยมคี ณุ สมบตั ิดังน้ี 1)กำรเป็นผู้ย่อยสลำยเศษเหลือทิ้งจำกอุตสำหกรรมอำหำร อำทิเช่น กำกปำล์ม กำกเบียร์ กำกมัน สำปะหลัง เปลือกผลไม้ต่ำง ๆ และเศษผักต่ำงๆ จนไปถึงเศษอำหำรจำกร้ำนอำหำร จำกครวั เรือน และชุมชน ของ เสยี และเศษเนื้อตัดแต่ง จำกโรงเชือดเน้อื สตั ว์ รวมท้งั มลู สัตว์จำกปศุสัตว์ ในธรรมชำติ 2) ของเสียที่เกิดจำกกำรบริโภคของหนอนแมลงวันลำยสำมำรถนำเจ้ำสู่กระบวนกำรแปรรูปในกำรจัดทำ ปยุ๋ หมกั ชีวภำพ

35 3 )เป็นแมลงที่มีคุณค่ำทำงอำหำรสูงประกอบไปด้วยพลังงำน โปรตีน กรดไขมันท่ีมีประโยชน์ มีแร่ธำตุ และวิตำมิน เหมำะสำหรบั ใช้ทดแมนปลำป่นในกำรผลิตอำหำรสัตว์ มีตน้ ทุนกำรผลิตต่ำ ชว่ ยลดปญั หำสง่ิ แวดล้อม สำมำรถเป็นอำหำรให้ได้ท้ังไก่ ปลำ และในประเทศต่ำงๆ ของทวีปยุโรปได้ใช้ในกำรผลิตอำหำรสัตว์สำหรับสัตว์ เลย้ี งอีกด้วย อย่ำงไรกต็ ำมด้วยบริบทของพนื้ ท่ีชมุ ชนบ้ำนจนั ทร์ ส่วนใหญ่มีกำรประกอบทำงกำรเกษตร และกำรทำปศุ สตั ว์จึงทำให้เกิดเศษจำกกระบวนกำรผลิตที่อำจก่อให้เกิดมลภำวะในรูปแบบต่ำงๆ ดังนั้นแมลงวันลำยเป็นโปรตีน ทำงเลือกที่มีคุณภำพ และมีประสิทธิภำพสูงท่ีสร้ำงเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียวท่ีสำมำรถพัฒนำ นำมำใช้ประโยชน์เกิดกำรพงึ่ พำและสรำ้ งควำมมน่ั คงทำงอำหำรอยำ่ งพอเพียงและย่ังยนื รปู ท่ี 46 ตวั หนอน (Larva) หมำยเหตุ. จำกหนังสอื หนอนแมลงวันลำย https://anyflip.com/pesuc/pnjs/

ค บรรณำนกุ รม วลิ ำศ วเิ วกวนำรมณ์.(2564).กลำ้ ไม้นำนำพันธุ์. ตำบล บ้ำนจันทร์ อำเภอ กลั ยำณิวัฒนำ จังหวดั เชยี งใหม่ ทณียศ์ ักดิ์ ปน่ิ เพชรกลุ .(2564).เหด็ ปำ่ สนบำ้ นจันทร์ ตำบล บำ้ นจนั ทร์ อำเภอ กัลยำณวิ ฒั นำ จงั หวดั เชยี งใหม่ กัญธิญำ ดูเจ และไพรินทร์ พำนทอง.(2564).พิธีกรรม ควำมเช่ือ ทรัพยำกรดิน น้ำ ป่ำ ของปกำเกอะญอ ตำบล บ้ำนจนั ทร์ อำเภอ กัลยำณิวฒั นำ จงั หวดั เชยี งใหม่ มลนิ ี สริ ิพฒั นไพศำล.(2564).สภุ ำษิตปะกำเกอญอ ตำบล บำ้ นจันทร์ อำเภอ กัลยำณิวฒั นำ จังหวดั เชยี งใหม่ ดำวฤมล สิทธิ์คงชนะ.(2564).วิถีชีวิตชุมชนบ้ำนหนองแดง. ตำบล บ้ำนจันทร์ อำเภอ กัลยำณิวัฒนำ จังหวัด เชียงใหม่ ธิดำพร ม่วงคีรีคำม.(2564).วิถีชีวิต และภูมิปัญญำชุมชนบ้ำนห้วยฮ่อม. ตำบล บ้ำนจันทร์ อำเภอ กัลยำณิวัฒนำ จังหวัดเชียงใหม่ ภำสกร เจตจำนงกุล.(2564).กำรดูแลรักษำสุขภำพแบบองค์รวมของชำวปะกำเกอญอ. ตำบล บ้ำนจันทร์ อำเภอ กลั ยำณวิ ัฒนำ จังหวดั เชียงใหม่ สิริกำญจนำ เลิศดำเนิน.(2564).ประเพณีและข้อห้ำมของชำวกะเหร่ียง. ตำบลบ้ำนจันทร์ อำเภอ กัลยำณิวัฒนำ จังหวดั เชยี งใหม่ วำรี เกษมวจิ ิตรกลุ .(2564).มหศั จรรย์ผักใบเขียว.ตำบลบ้ำนจนั ทร์ อำเภอ กัลยำณิวัฒนำ จงั หวดั เชยี งใหม่ ฐติ ำพร มั่งคง่ั .(2564).Cookbook baanjan. ตำบลบำ้ นจันทร์ อำเภอ กลั ยำณิวฒั นำ จังหวัดเชยี งใหม่ เบญจพร ตะแก.(2564).กำรยอ้ มสีธรรมชำต.ิ ตำบลบำ้ นจันทร์ อำเภอ กัลยำณิวฒั นำ จงั หวัดเชยี งใหม่ นติ ยำ สิริพัฒนไพศำล.(2564).กำรทอผ้ำกะเหรยี่ ง. ตำบลบ้ำนจันทร์ อำเภอ กลั ยำณิวัฒนำ จงั หวัดเชยี งใหม่ เนตพิ งษ์ พิทกั ษ์ครี ีภมู ิ.(2564).สถำนที่ท่องเทย่ี ว ตำบลบ้ำนจันทร์ อำเภอ กัลยำณิวัฒนำ จงั หวดั เชียงใหม่ กัลยำ เขตเนำว์อนุรักษ์.(2564).กำรทำกำรเกษตรหมุนเวียน ตำบลบ้ำนจันทร์ อำเภอ กัลยำณิวัฒนำ จังหวดั เชียงใหม่

ณรงค์ชัย สันติชัยชำญ.(2564).หมดู อยรอ้ ยสำน ตำบลบำ้ นจันทร์ อำเภอ กลั ยำณิวฒั นำ จังหวัดเชียงใหม่ ธเนศ สอนแกว้ .(2564).กำรถนอมผักผลไม้ด้วยกำรดอง ตำบลบำ้ นจนั ทร์ อำเภอ กัลยำณิวฒั นำ จังหวดั เชยี งใหม่ หงสเ์ หม ทองนำค.(2564).หนอนแมลงวันลำย ตำบลบ้ำนจันทร์ อำเภอ กลั ยำณิวัฒนำ จังหวัดเชียงใหม่ ชัยภัทร วิทิตปริวรรต, จำนัญจำ อร่ำมคีรีพนำ, อทิตยำ ชมใจ. (2564). คู่มือบ้ำนจันทร์. อำเภอ กัลยำณิวัฒนำ จังหวดั เชยี งใหม่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook