ช่อื ผลงาน “KURABURI MODEL” การจัดการการแพร่ระบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ดว้ ยมาตรการ Bubble and Seal แพปลาคุระบรุ ี ช่อื เจา้ ของผลงาน นายวัชระ เกตทุ อง และ นางมาริสา เกตทุ อง ส้านักงานสาธารณสขุ อ้าเภอคุระบรุ ี บทน้า/หลกั การและเหตุผล/ท่ีมาและความส้าคญั เน่ืองด้วยในปัจจบุ ัน สถานการณ์โรคติดเชือไวรัสโคโรนา2019 (Covid-19) เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินระดับประเทศได้ ทวีความรุนแรงมากขึนเรื่อยๆ จังหวัดพังงาพบจานวนผู้ติดเชือเพิ่มมากขึน ควบคุมสถานการณ์ไดย้ าก ทังการสัมผสั ใกลช้ ิดผู้ตดิ เชือ การเดินทางมาจากพืนท่ีเสี่ยง การติดต่อภายในครอบครัว ทาให้เชือแพร่กระจายในชุมชนได้อย่างรวดเร็ว เม่ือช่วงเดือนมิถุนายน ทผี่ ่านมา ไดเ้ กดิ คลัสเตอร์แพปลาคุระบุรี เปน็ การติดตอ่ ของกล่มุ ลกู เรอื กลุ่มประชาชนในพนื ที่ใกล้เคยี งพบผตู้ ิดเชอื มากถงึ ๒๖๗ ราย สานักงานสาธารณสุขอาเภอคุระบุรี ได้ดาเนินการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกโดยการสุ่มตรวจลูกเรือของแต่ละแพปลา หากเป็นผ้ปู ่วยยืนยันติดเชือส่งรักษา รพ.สนาม ในอาเภอคุระบุรี และดาเนินการปิดแพปลาคุระบุรี หมู่ ๓ บ้านหินลาด ตังแต่ วนั ท่ี ๒๘ มิถนุ ายน ๒๕๖๔ เพ่อื ควบคุมการเข้าออกเพอื่ ไม่ให้เชือกระจายออกมายงั นอกพืนท่ี ซง่ึ ภายในแพปลาคุระบุรนี ันกจ็ ะมี ทังกลุ่มคนท่ัวไปที่ติดเชือและไม่ติดเชือทังที่ตรวจแล้วและยังไม่ตรวจ เรียกมาตรการนีว่า Bubble & Seal เน้นดาเนินการใน สถานท่ีขนาดใหญ่ที่มีการรวมกลุ่มของคนมากกว่า ๕๐๐ คนขึนไป ปิดหมู่บ้าน ๒๘ วัน หลังจากนันจะดาเนินการสุ่มตรวจหา ภมู ิคมุ้ กนั ตอ่ โรค ด้วยวธิ ี Rapid antibody test เนือ่ งจากผทู้ ีถ่ ูกกกั กันสว่ นใหญเ่ ป็นกลมุ่ แรงงานตา่ งดา้ วทีไ่ ม่ไดร้ ับวัคซนี หากมี ภูมิคุ้มกันจะสามารถเปิดหมู่บ้านได้ประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่หากไม่มีภูมิคุ้มกันก็ยังคงต้องสุ่มตรวจหาเชือ Covid-19 ต่อไป จึงได้มีการนาเอารูปแบบการจัดการการแพร่ระบาดของโรคติดเชือไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ด้วยมาตรการ Bubble and Seal มาใช้ในพนื ท่ีชุมชนแพปลา บา้ นหินลาด วัตถุประสงค์ เพอื่ ศึกษาผลของจัดการการแพร่ระบาดของโรคตดิ เชอื ไวรสั โคโรนา 2019 (Covid-19) ดว้ ยมาตรการ Bubble and Seal แพปลาครุ ะบุรี “KURABURI MODEL” วธิ ีการด้าเนนิ งาน ระเบียบวิธีการศึกษา : รูปแบบการศึกษาครังนี คือ การศึกษาเชิงพัฒนา ( Study and Development) ใช้กระบวนการศึกษาแบบมีส่วนร่วมในระดับพืนที่ (Contextual Participatory) โดยอาศัยแนวทางการควบคุมโรค โดย หลักการ Bubble and Seal ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ณ ๑๑ มถิ ุนายน ๒๕๖๔ พืนท่ีศึกษา : พืนที่เป้าหมายในการศึกษาวิจัยเป็นการเลือกแบบจาเพาะเจาะจง (Purposive sampling) คือ พืนที่ ชมุ ชนแพปลา บา้ นหินลาด ประชากรและกลุ่มตัวอย่างประชากร ได้แก่ ประชาชนในชุมชนแพปลา บ้านหินลาดและผู้ป่วยโรคติดเชือไวรัส โคโรนา 2019 (Covid-19) อาเภอคุระบุรี กระบวนการศึกษา ประกอบดว้ ย ๓ ขันตอน ๑. ปดิ พืนทีช่ มุ ชนแพปลา บา้ นหินลาด และดาเนินการตามมาตรการ Bubble and Seal ๒. ดาเนนิ การตามมาตรการการฉีดวัคซนี ปอ้ งกนั โควดิ 19 ๓. การจาหน่ายผู้ท่กี กั กันในชมุ ชนบา้ นหินลาด (Exit Plan ตามมาตรการ Bubble and Seal) ผลการดา้ เนินงาน ตารางท่ี ๑ ผลการดาเนนิ งานตรวจภูมิค้มุ กันโควดิ (Covid-19 Antibody) ในแพปลา ๒๓ ก.ค. ๒๕๖๔ ตรวจคดั กรองทังหมด ๒๘๙ ราย มีภูมิคุ้มกนั ๑๐ ราย คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๓.๔๖ กลมุ่ ตรวจ (ราย) มีภูมิ (ราย) ไมม่ ีภูมิ (ราย) หมายเหตุ นักเรยี นไทย ๒๕ - ๒๕ นักเรียนพมา่ ๒๕ ๒ ๒๓ ซ.ซาบินา่ พมา่ เรือ (ลามผี ตู้ ดิ เชอื ) ๒๕ ๓ ๒๒ ป.จติ ๑๑ = ๒, ก.กระแสสนิ ธ์ุ ๘ = ๑ พมา่ เรอื (ลาไม่มผี ้ตู ดิ เชอื ) ๒๕ - ๒๕ Best Practice เขตสขุ ภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๔๖
พมา่ ทว่ั ไป (ซ.ซาบนิ า, ๑๘๙ ๕ ๑๘๔ ซ.ซาบนิ า่ ซ.โตะ๊ อหิ ม่าม, ซ.มมั คอฟฟ,่ี โคง้ แพปลา) รวม ๒๘๙ ๑๐ ๒๗๙ ตารางท่ี ๒ ผลการดาเนนิ งานตรวจคดั กรองโควิด (Rapid Test) ในแพปลา ๒๗ ก.ค. ๒๕๖๔ ในแพปลา มีการตรวจคดั กรองทงั หมด ๒๐๔ ราย พบเชือ ๖ ราย คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๒.๙๔ โดยรายที่ พบเชอื หญงิ พม่า ๕ ราย (ซอยแหล่งโรค) และชายพม่า ๑ ราย (เรอื ลาทีไ่ มเ่ คยมผี ู้ตดิ เชือ) กลุ่ม ตรวจ (ราย) พบเชอื้ (ราย) ไม่พบเชื้อ (ราย) หมายเหตุ นกั เรียนไทย ๒๕ - ๒๕ นักเรยี นพม่า ๒๓ - ๒๓ พมา่ เรอื (ลามผี ู้ตดิ เชอื ) ๒๒ - ๒๒ พม่าเรือ (ลาไมม่ ผี ตู้ ดิ เชอื ) ๒๕ ๑ ๒๔ เรือชาญอดุ มสมบตั ิ ๒ พมา่ ท่ัวไป (ซ.ซาบินา, ๑๐๙ ๕ ๑๐๔ ซ.โตะ๊ อิหมา่ ม, ซ.มัมคอฟฟ,่ี โคง้ แพปลา) รวม ๒๐๔ ๖ ๑๙๘ หลังจาก ๒๘ มิ.ย. ๒๕๖๔ ในช่วงเวลาท่ีชุมชนแพปลา บ้านหินลาด มีการดาเนินการตามมาตรการ Bubble and Seal พบผู้ปว่ ยจากชมุ ชนแพปลา มารกั ษาดว้ ยอาการ PUI จานวน ๔๙ ราย แต่ไมพ่ บผตู้ ิดเชือ ตามแผนจะดาเนินการเปิดแพปลาในวันท่ี ๒๘ ก.ค. ๒๕๖๔ แตเ่ นือ่ งจากมีการตรวจพบผ้ตู ิดเชือในแพอีกจานวน ๓ ราย ทาให้ต้องเล่ือนการเปิดแพออกไปอีก เป็นเวลา ๑๔ วันหลงั จากพบผู้ปว่ ย และยงั คงมาตรการ Bubble and Seal ต่อไป อภิปรายผล ในการปิดพืนที่ชุมชนแพปลา บ้านหินลาด มีข้อจากัดในหลายประเด็นทังในส่วนพืนท่ีท่ีมีขนาดใหญ่ ประกอบด้วย ชุมชนคนไทยและแรงงานต่างด้าว การดาเนินการตามมาตรการต่าง ๆ อาจไม่เป็นไปตามหลักการทังในเรื่องการเข้า -ออก อาจทาให้ไม่สามารถดาเนินการตามมาตรการ Bubble and Seal อย่างเข้มข้น จึงยังคงต้องดาเนินการตามมาตรการต่อไป กรณที ี่มีการดาเนนิ การตามมาตรการที่เข้มข้น อาจส่งผลใหเ้ กดิ ผลลพั ธ์ที่ชัดเจนมากยง่ิ ขึน สรปุ และข้อเสนอแนะ ๑. เน่ืองจากมีข้อจากัดการเข้า-ออกอาจทาใหไ้ ม่สามารถดาเนินการตามมาตรการ Bubble and Seal อย่างเข้มข้น ควรปรับปรุงให้ดาเนินการตามมาตรการท่ีเขม้ ขน้ เพ่ือใหเ้ กิดผลท่ีชดั เจน ๒. ควรเพมิ่ มาตรการเพ่ือให้เกดิ ผลลัพธข์ องการควบคุมการเกดิ โรคสงู สุด Best Practice เขตสขุ ภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๔๗
ชือ่ เรอ่ื ง การศกึ ษาลักษณะทางคลินกิ ของภาวะการได้กลนิ่ ลดลงในผปู้ ่วยโรค COVID-19 ในโรงพยาบาลปา่ ตอง ชือ่ เจา้ ของผลงาน พญ.สนุ ันทา ขจรรงุ่ เรือง โรงพยาบาลป่าตอง บทน้า/หลกั การและเหตผุ ล/ทม่ี าและความส้าคญั โรคติดเชือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นโรคอุบัติใหม่ท่ีมีการติดเชือเป็นวงกว้างและอย่างรวดเร็ว โดยเร่ิมมี การระบาดมาจากประเทศจีน ในชว่ งปลายปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ไปยังประเทศตา่ ง ๆ ท่ัวโลก ผู้ปว่ ยจะมีทังไมแ่ สดงอาการหรอื แสดง อาการ มีอาการไขร้ ่วมกับอาการทางระบบทางเดนิ หายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มนี ามูก หายใจเหนือ่ ย และมีภาวะการได้กล่นิ ลดลง (Loss of smell) ซงึ่ เปน็ อาการนาทสี่ าคัญในการคัดกรองเพื่อวินิจฉยั โรค COVID-19 โรงพยาบาลป่าตอง จังหวัดภูเก็ต เป็นโรงพยาบาลท่ีตังอยู่ในพืนท่ีท่องเท่ียวสาคัญของประเทศไทย ซึ่งนักท่องเท่ียว เดินทางเข้าออกจากตา่ งประเทศเปน็ จานวนมาก พบผู้ป่วยโรค COVID-19 ทีเ่ ข้ารบั การรักษาในโรงพยาบาลปา่ ตอง ตังแต่วนั ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึง วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นจานวน ๘๓ ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยท่ีไม่มีอาการแสดง อาการ ไม่รุนแรงและมีอาการปอดอักเสบ ซึง่ พบภาวะการได้กล่ินลดลงท่ีมีลักษณะอาการแสดงแตกตา่ งกันไป จึงมีแนวคิดท่ีจะศึกษา ลักษณะทางคลินิกของภาวะการได้กล่ินลดลงในผู้ป่วยโรค COVID-19 ในโรงพยาบาลป่าตอง เพื่อต่อยอดในการศึกษาวิธีการ คัดกรอง ปรับปรุงแนวทางการวินิจฉัยและการปอ้ งกันการเกิดโรค COVID-19 ไดต้ ่อไปในอนาคต จากการทบทวนวรรณกรรม ยงั ไมพ่ บข้อมลู การทารายงานวจิ ัยในประเทศไทยทศ่ี ึกษาเรือ่ งนมี าก่อน จึงนามาสกู่ ารทาวจิ ยั ครังนี วตั ถุประสงค์ เพื่อศกึ ษาลักษณะทางคลินิกของภาวะไดก้ ล่นิ ลดลง อาการแสดง การรกั ษาและภาวะแทรกซ้อน ในผู้ป่วยโรคติดเชือ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ในโรงพยาบาลปา่ ตอง จงั หวดั ภูเก็ต วิธการด้าเนินงาน/วธิ ีการศึกษา รูปแบบและขอบเขตการศึกษาวิจัย: การศึกษาวิจัยย้อนหลังเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง (Cross-sectional retrospective descriptive study) รวบรวมข้อมูลจากฐานข้อมูลเวชระเบียนในผู้ป่วยท่ีได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคติดเชือไวรัส โคโรนาสายพันธ์ุใหม่ 2019 (COVID-19) ที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๓ ถึง ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยเก็บข้อมูลพืนฐาน ได้แก่ เพศ อายุ เชือชาติ โรคประจาตัว อาชีพ และข้อมูลเฉพาะ ได้แก่ ลกั ษณะทางคลินิกของภาวะการไดก้ ลน่ิ ลดลง อาการนา อาการแสดง ระยะเวลานอนโรงพยาบาล ระยะเวลาในการเกดิ โรค การรักษาและภาวะแทรกซอ้ นของโรค กลุ่มตัวอย่าง : ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคติดเชือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ท่ีเข้ารับการ รกั ษาทโี่ รงพยาบาลปา่ ตอง จังหวดั ภเู ก็ต เกณฑก์ ารคัดเขา้ จากการวิจยั (Inclusion Criteria) ๑. ผปู้ ว่ ยท่ีมอี ายุตังแต่ ๒ ปขี ึนไป ท่ีได้รับการวนิ ิจฉยั ว่าเป็นโรคตดิ เชือไวรสั โคโรนาสายพันธใ์ุ หม่ 2019 (COVID - 19) ๒. มกี ารบนั ทึกเวชระเบยี นอย่างครบถ้วน เกณฑ์การคัดออกจากการวิจัย (Exclusion Criteria): ผู้ป่วยที่มีการบันทึกเวชระเบียนไม่ครบถ้วน ไม่สามารถค้นหา ข้อมลู ได้ การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ: ข้อมูลได้รับการวิเคราะห์ทางสถิติของข้อมูลทั่วไปและข้อมูลทางคลินิกโดยใช้สถิติเชิง พรรณนา นาเสนอด้วยตารางแสดงความถ่ี (frequency) และรอ้ ยละ ตวั แปรท่ีเป็นข้อมูลต่อเนอ่ื งนาเสนอโดยใช้คา่ เฉลีย่ และสว่ น เบีย่ งเบนมาตรฐาน คา่ สูงสดุ และค่าตา่ สุด ข้อพจิ ารณาด้านจรยิ ธรรม: การศกึ ษานีผ่านการรบั รองจากคณะกรรมการพิจารณาจรยิ ธรรมการวิจยั ในมนษุ ย์ สานักงาน สาธารณสุขจังหวัดภเู กต็ เมื่อ ๒๙ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ รหัสโครงการ PKPH ๐๑๖/๖๓ Best Practice เขตสุขภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๔๘
ผลการด้าเนินงาน/ผลการศึกษา ผปู้ ่วยโรค COVID-19 ในโรงพยาบาลปา่ ตอง มีอายุเฉลีย่ ๓๔.๙๑±๙.๘ ปี เป็นเพศหญงิ จานวน ๖๒ ราย ร้อยละ ๗๙.๕ มีอาการแสดงทางหู คอ จมูก ได้แก่ เจ็บคอ (๔๖.๒%) มีเสมหะ (๔๑.๐%) นามูก (๓๘.๕%) คัดจมูก (๒๓.๑%) และพบผู้ป่วยท่ีมี ภาวะการได้กล่ินลดลง จานวนทังสิน ๑๕ ราย (๑๙.๒%) โดยผู้ป่วย ๓ ราย (๒๐%) ท่ีมีอาการนามาด้วยจมูกไม่ได้กลิ่น แต่ไม่มี อาการอื่นๆร่วมดว้ ย พบภาวะการไดก้ ล่นิ ลดลงรว่ มกับการรับรสชาติลดลง อยู่ทร่ี ้อยละ ๘๐ ผปู้ ่วยทมี่ ภี าวะการไดก้ ลนิ่ ลดลงร้อยละ ๙๓.๓ มีอาการความรุนแรงของโรค COVID-19 แบบน้อยและปานกลาง ระยะเวลาท่ีเริ่มได้กล่ินลดลงเฉลี่ย ๒ วันหลังจากแสดง อาการ ซึ่งร้อยละ ๖๐ ท่ีระดับการได้กลิน่ ลดลงไปถึง ๑๐๐% ระยะเวลาการหายของภาวะการไดก้ ลิ่นลดลง เฉล่ียอยู่ที่ ๗ วนั และ ผู้ปว่ ยร้อยละ ๘๐ ภาวะไดก้ ลน่ิ ลดลงอาการดขี ึนเป็นปกติภายใน ๑๔ วัน สรุปและข้อเสนอแนะ ในภาวะวิกฤตการแพร่กระจายของโรค COVID-19 ผู้ป่วยที่มีภาวะการได้กลิ่นลดลง ควรได้รับคัดกรองการตรวจ วนิ จิ ฉัยโรค COVID-19 และผู้ปว่ ยแยกจากผูอ้ ืน่ ได้ตงั แตเ่ รม่ิ แรกหรือเรว็ ท่ีสุด เพ่ือป้องกันการแพร่กระจายของเชือไวรสั COVID-19 Best Practice เขตสุขภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๔๙
ผลงานนวัตกรรม Best Practice เขตสขุ ภาพท่ี ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๕๐
ชอื่ เรอื่ ง นวตั กรรม “โหรา ชะตา เบาหวาน” ชอื่ เจ้าของผลงาน พว.ปิยะดา ย่ยุ ฉมิ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎรธ์ านี บทน้า/หลักการและเหตุผล/ที่มาและความส้าคัญ ปัจจุบันท่ัวโลกให้ความสาคัญกับปัญหาโรคไม่ติดต่อเรือรังมากขึน เนื่องจากสภาวะความเป็นอยู่และ วิถีชีวิตที่เปล่ียนไปทาให้มีอัตราป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรือรังเพ่ิมมากขึน องค์การอนามัยโลกได้คาดคะเนความชุกของผู้ป่วย เบาหวานโดยคาดคะเนว่าจะมีจานวนเพิ่มสงู ขึนจาก ๓๗๑ ลา้ นคนใน พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็น ๕๐๐ ลา้ นคนใน พ.ศ. ๒๕๗๓ สาหรับ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๗ ถึง พ.ศ. ๒๕๖๑ พบผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวานทังหมด ๖๗,๑๒๓ ราย และมีแนวโน้มท่ีจะเพิ่มขึน เรื่อย ๆ (กระทรวงสาธารณสุข กองควบคุมโรคสานักโรคไม่ติดต่อ, ๒๕๖๒) ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานที่พบบ่อย เช่น เกิดแผลบรเิ วณเท้าและลุกลามถึงขนั ต้องตัดขา จอประสาทตาเสอ่ื ม ต้อกระจก ไตเสือ่ มหรือไตวาย โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เป็นต้น ซง่ึ ผู้ปว่ ยเบาหวานส่วนใหญ่ไม่ทราบถึงภาวะสุขภาพในขณะนนั ขาดความตระหนกั ถึง การดูแลสุขภาพตนเองเท่าที่ควร ส่งผลทาใหเ้ กิดภาวะแทรกซอ้ นจากโรคเบาหวานเพิ่มมากขึน ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนทรี่ ุนแรง และอาจทาใหเ้ สียชีวิตไดใ้ นอนาคต โรงพยาบาลส่งเสรมิ สุขภาพตาบลบางกุ้ง มีจานวนผู้ปว่ ยเบาหวานที่ได้รับการรักษาทงั หมด ๕๔๑ ราย แบ่งเป็นกลุ่ม ผู้ป่วยเบาหวานที่สามารถควบคุมระดับนาตาลได้ดี จานวน ๑๙๑ ราย และมีภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน ๓๔ ราย ซึ่งภาวะแทรกซ้อนที่พบส่วนใหญ่ ได้แก่ จอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก ไตเส่ือมหรือ ไตวาย โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน โรคความดนั โลหิตสงู โรคหวั ใจ จากปัญหาดังกล่าว ทางคณะผูจ้ ัดทาจงึ เหน็ ถึงความสาคญั ของการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ ในการป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ในผู้ป่วยเบาหวานเพ่ิมมากขึน และค้นหารูปแบบการสื่อสารปัญหาสุขภาพ ของผู้ป่วยเบาหวานให้เกิดความสนใจและตระหนักในการปรับเปล่ียนพฤติกรรมของตนเองให้สามารถควบคุมอาการเจ็บป่วย ให้ใกล้เคียงภาวะปกติเพิ่มมากขึน จึงได้จัดทานวัตกรรม “โหรา ชะตา เบาหวาน” ขึน โดยประยุกต์รูปแบบของนวัตกรรม มาจากวัฒนธรรมความเช่ือของประชาชน เก่ียวกับการดูดวงในลักษณะกราฟชีวิต ท่ีเห็นแนวโน้มดวงของตนเอง รวมทัง มีคาแนะนาในการแก้ดวง เพ่ือกระตุ้นให้เกิดความสนใจและตระหนักในการปรับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของตนเอง ให้ห่างไกลภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เพิ่มขึน โดยให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้าหมาย การปฏิบัติตัวให้ถูกต้องตามปัจจัย ต่างๆ ซึ่งจะส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของตนเองได้ และส่งผลให้ผู้ป่วยควบคุมระดับนาตาล ในเลอื ดให้อย่ใู นระดบั ปกติได้ต่อไป วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพ่ือให้ผู้ป่วยเบาหวานมีความรู้ความเข้าใจในการดูแลตนเองในการป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจาก โรคเบาหวานได้ ๒. เพ่อื ให้ผู้ปว่ ยเบาหวานมคี วามพงึ พอใจต่อการใช้นวตั กรรม “โหรา ชะตา เบาหวาน” ได้ วิธกี ารด้าเนินงาน/วิธีการศกึ ษา ประชากรและกล่มุ ตวั อยา่ ง ประชากร ได้แก่ ผู้ป่วยเบาหวานท่ีเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบางกุ้ง อาเภอเมือง จังหวัด สุราษฎรธ์ านี ทังหมด ๕๔๑ ราย คัดเลอื กกล่มุ ตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบางกุ้ง อาเภอเมือง จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี จานวน ๒๕ คน เครื่องมอื ท่ใี ชใ้ นการดาเนนิ การศึกษา เป็นนวตั กรรมท่ีชว่ ยในการวิเคราะห์ผลระดบั นาตาลในเลือด โดยการแบ่งระดับความเสี่ยงของโรค ออกเป็น ๓ สี คือ สแี ดง สเี หลอื ง และสีเขียว พรอ้ มการระบุคาทานายดวงชะตา Best Practice เขตสุขภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๕๑
แบบประเมินความรู้กอ่ น-หลังทดลองใช้นวัตกรรม “โหรา ชะตา เบาหวาน” ประกอบด้วยข้อคาถาม ๑๐ ข้อ เกี่ยวกับโรคเบาหวาน ให้พิจารณาคาตอบด้วยตัวเลือกแบบ ใช่ หรือ ไม่ใช่แบบ ประเมนิ ความพงึ พอใจต่อการใชน้ วัตกรรม “โหรา ชะตา เบาหวาน” ประกอบด้วยรายการประเมิน ๑๐ ข้อ มีระดับความพึงพอใจ ๓ ระดับ ได้แก่ มาก เท่ากับ ๓ คะแนน ปานกลาง เท่ากับ ๒ คะแนน นอ้ ย เท่ากบั ๑ คะแนน วธิ กี ารดาเนินงาน ๑. ชแี จงวตั ถุประสงค์ของการศึกษาให้กลมุ่ ตัวอย่างทราบ และยนิ ยอมเข้าร่วมการทดลองใช้นวตั กรรม “โหรา ชะตา เบาหวาน” ๒. ใหก้ ลมุ่ ตวั อยา่ งทาแบบประเมินความรกู้ อ่ นทดลองใช้นวัตกรรม ๓. ทดลองใช้นวตั กรรม “โหรา ชะตา เบาหวาน” กับกลุ่มทดลอง โดยใชค้ า่ ระดับนาตาลในเลือดของผู้ป่วยในปจั จุบัน มาวเิ คราะห์ผลระดับนาตาลในเลือด แลว้ ทานายดวงชะตาเบาหวานของผู้ป่วย ดว้ ยการแบ่งระดับความเส่ียงของโรค ออกเป็น ๓ สี คือ สีแดง สีเหลือง และสีเขียว พร้อมทังบอกวิธีการแก้ดวงชะตาตามระดับค่านาตาลในเลือดปัจจุบันให้ผู้ป่วยทราบ แนวทางในการปรบั พฤตกิ รรมการดแู ลสขุ ภาพตนเองให้หา่ งไกลจากภาวะแทรกซอ้ นของโรคเบาหวาน ๔. ให้กลุ่มตัวอย่างทาแบบประเมินความรู้หลังทดลองใช้นวัตกรรม แบบประเมินความพึงพอใจต่อการใช้นวัตกรรม “โหรา ชะตา เบาหวาน” การวเิ คราะหข์ อ้ มูล ๑. ข้อมลู ส่วนบคุ คล นามาวิเคราะห์โดยใชส้ ถติ เิ ชงิ พรรณนา ได้แก่ รอ้ ยละ ๒. เปรยี บเทียบระดบั ความรูก้ ่อน-หลัง ทดลองใช้นวัตกรรม “โหรา ชะตา เบาหวาน”ของกลมุ่ ตัวอยา่ ง นามาวิเคราะห์ โดยใช้สถติ ิเชงิ พรรณนา ไดแ้ ก่ รอ้ ยละ ๓. ระดับความพึงพอใจต่อการใช้นวัตกรรม “โหรา ชะตา เบาหวาน” นามาวิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ผลการด้าเนนิ งาน/ผลการศกึ ษา สภาพขอ้ มูลทั่วไปของกลุ่มตวั อย่าง ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จานวน ๑๔ คน คิดเป็นร้อยละ ๕๖ และ มอี ายมุ ากกว่า ๓๕ ปี จานวน ๒๔ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ๙๖ โดยส่วนใหญม่ ีระดับนาตาลในเลอื ดอยใู่ นระดับมากกวา่ ๑๒๖ mg% จานวน ๙ คน คดิ เปน็ ร้อยละ ๓๖ และมดี ชั นมี วลกายอยทู่ ี่ ๒๓.๕– ๒๘.๔ จานวน ๙ คน คิดเปน็ ร้อยละ ๓๖ Best Practice เขตสุขภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๕๒
ผลการเปรยี บเทยี บระดับความร้กู อ่ น-หลงั ทดลองใช้นวตั กรรม “โหรา ชะตา เบาหวาน” : ผลการเปรียบเทียบความรู้กอ่ น-หลังทดลองใช้นวตั กรรม “โหรา ชะตา เบาหวาน”ของกลุ่มตัวอย่าง จานวน ๒๕ คน พบว่า ก่อนทดลองใช้นวัตกรรมฯ กลุ่มตัวอย่างมีระดับความรู้ในการดูแลตนเองเพ่ือป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจาก โรคเบาหวาน คิดเป็นร้อยละ ๗๖.๘ และหลังทดลองใช้นวัตกรรมฯ กลุ่มตัวอย่างมีระดับความรู้ในการดูแลตนเองเพ่ือป้องกัน การเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานเพม่ิ ขึน คิดเปน็ ร้อยละ ๙๐.๘ ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจตอ่ การใช้นวตั กรรม “โหรา ชะตา เบาหวาน” : ความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างต่อการใช้นวัตกรรม พบว่า ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ร้อยละ ๗๕.๖ รองลงมาคอื พงึ พอใจระดับปานกลาง ร้อยละ ๒๔.๔ อภิปรายผล ความรู้ด้านโรคเบาหวาน และความรู้ในการปฏิบัติตนท่ีถูกต้องของกลุ่มผู้ป่วยหลังเสร็จสินกิจกรรมอยู่ในระดับ สงู ขึน (ร้อยละ ๙๐.๘) เน่อื งจากการให้ความรู้แก่ผู้ป่วยในด้านการบริโภคอาหารท่ีถูกต้องและกิจกรรมกลมุ่ ในการแลกเปลี่ยน เรียนรู้สาเหตุของการควบคุมระดับนาตาลในเลือดไม่ได้ การปฏิบัติตนของผู้ป่วยที่สามารถควบคุมระดับนาตาลในเลือด ได้สอดคล้องกับงานวิจัยของ ดารณี ทองสัมฤทธิ์ และคณะ (๒๕๖๐) ผลของการใช้โปรแกรมปรับเปล่ียนสุขภาพต่อ ความสามารถในการดูแลตนเองของกลุ่มเส่ียงโรคเบาหวานในตาบลวัดเพลง อาเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี โดยโปรแกรม ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ประกอบไปด้วย กิจกรรมการสร้างการรับรู้ความสามารถตนเอง กิจกรรมการออกกาลังกาย กจิ กรรมการรับประทานอาหาร กิจกรรมการจดั การกบั ความเครยี ด และกิจกรรมการเสนอตัวแบบ ซง่ึ ผลการวิจยั หลังจากไดใ้ ช้ โปรแกรมปรับเปล่ียนพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มทดลอง พบว่าระดับนาตาลในเลือดลดลงอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ( t = ๑๒.๓๐๐, p<.๐๑) จะเห็นได้ว่าผลจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมส่งผลให้ระดับดับนาตาลในเลือดดีขึน และวิจัยของ ธารนิ สุขอนันต์ และคณะ (๒๕๕๘) ปัจจยั ท่มี ผี ลต่อพฤติกรรมการควบคมุ ระดบั นาตาลในเลอื ดของผู้ป่วยเบาหวาน โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตาบลบ้านสวน อาเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ผลการวิจัยพบว่าความรู้เกี่ยวกับการควบคุมระดับ นาตาลในเลือด ความเชื่อเก่ียวกับการควบคุมระดับนาตาล ในเลือด ค่านิยมเก่ียวกับการควบคุมระดับนาตาลในเลือด และการได้รับ การสนบั สนุนจากบุคคลในครอบครวั และ ชุมชน สามารถรว่ มกนั ทานายพฤติกรรมการควบคุม ระดับนาตาลในเลือดของผปู้ ่วย เบาหวานได้ร้อยละ ๔๗.๔๐ อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติทังนีสามารถอธิบายได้ว่าผู้ท่ีเป็น เบาหวานซึ่งเป็นโรคเรือรัง เม่ือไปรบั บริการท่ีโรงพยาบาล อย่างต่อเนื่อง จะมโี อกาสได้รับความรู้เกี่ยวกบั การควบคุม ระดบั นาตาลในเลือด ตามโปรแกรม การให้สุขศึกษา และคาแนะนาในการปฏบิ ัตติ วั จากบุคลากรสาธารณสขุ ซ่ึงโรงพยาบาลได้ดาเนินงานตามแผนงานที่กาหนดไว้ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง จงึ น่าจะทาใหผ้ ปู้ ่วยเบาหวานเกิดความเช่อื และค่านยิ มเกย่ี วกบั การควบคุมระดับนาตาลในเลือดใน ทางท่ดี ีสง่ ผล ใหม้ กี ารปรับพฤติกรรมการควบคมุ ระดับ นาตาลในเลือด สรุปและขอ้ เสนอแนะ นวตั กรรม “โหรา ชะตา เบาหวาน” ที่ได้พัฒนามาจากความเชือ่ ของประชาชนในการดดู วงกราฟชีวิต เป็นการกระตนุ้ ให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานเกิดความสนใจ ตระหนักในการดูแลสุขภาพตนเองเพ่ิมขึน และควรนาไปใชเ้ ป็นเคร่ืองมือในการกาหนด เป้าหมายเพื่อปรับเปล่ียนพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยร่วมกับทีมสุขภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถควบคุม ระดบั นาตาลในเลือดให้อยูใ่ นระดบั ปกตไิ ด้ Best Practice เขตสุขภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๕๓
ชื่อเรื่อง พฒั นาระบบการชว่ ยเหลือเยียวยาจติ ใจทง้ั ประชาชนชาวไทยและชาวตา่ งชาติในรูปแบบสากล จากสถานการณ์ COVID-19 ช่อื เจา้ ของผลงาน พว.จิราภรณ์ ลิ่มนจิ สรกุล โรงพยาบาลเกาะสมยุ บทน้า/หลักการและเหตุผล/ทีม่ าและความส้าคญั การแพร่ระบาดของเชือไวรัสโควิด-19 ได้ทวีความรุนแรงและรวดเร็วขึน โดยทั่วโลกติดเชือไวรัสโควิด-19 จานวน ๑๐ ล้านรายภายในเวลา ๓ เดือน และสู่ระดับ ๒๐ ล้านรายภายใน ๔๔ วัน, ๓๐ ล้านรายภายใน ๓๘ วัน, ๔๐ ลา้ นรายภายใน ๓๒ วัน ๕๐ ล้านรายภายในเวลา ๒๒ วัน และ ๖๐ ล้านรายภายในเวลาเพียง ๑๖ วัน สถานการณเ์ หล่านี ส่งผลกระทบตอ่ สภาพจิตใจ เกิดวิกฤตสุขภาพจิต ที่ทาให้ทั่วโลกสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละกว่า ๑ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ ๓๑ ล้านล้านบาท) เพราะผ้เู จบ็ ป่วยอาจสญู เสียประสทิ ธภิ าพในการทางาน แตก่ ารรักษาบาบดั อาการ ยงั เผชญิ กบั การตีตรา และเลือกปฏิบัติเพราะ ความไม่เข้าใจของสังคม (อันตอนิอู กูร์แตร์รีช เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ UN ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓) ภาวะวิกฤต โควิด-19 ทาให้คนจานวนมากรู้สึกโดดเดี่ยว เพราะนอกจากจะต้องกักตัวเองแล้ว ก็ยังต้องเผชิญความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ทาให้เกิดความหวาดกลัวด้านต่างๆ ล้วนส่งผลต่อสภาวะจิตใจของคนจานวนมากเกิดภาวะซึมเศร้าและอาการวิตกกังวล นาไปส่กู ารฆา่ ตวั ตาย นอกจากนี ในช่วงสถานการณ์เหล่านี อาเภอเกาะสมุย ซ่ึงเป็นสถานท่ีท่องเที่ยวท่ีมีช่ือเสียง ได้รับผลกระทบ ทางเศรษฐกิจอย่างมาก ได้มนี โยบาย Samui Bubble Model เปิดรับนกั ท่องเทยี่ ว เพื่อแกป้ ัญหาดังกล่าว ทางกลุ่มงานจิตเวช โรงพยาบาลเกาะสมุย จึงได้พัฒนาระบบการช่วยเหลือเยียวยาจิตใจ เพ่ือเตรียมพร้อมรับทัง นักท่องเท่ียวไทย นักท่องเท่ียวต่างชาติ และประชาชนในอาเภอเกาะสมุย จากภาวะทางจิตใจ อารมณ์ โดยใช้เคร่ืองมือ ที่เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน คือ QR CODE ที่พัฒนาให้มีความเป็นสากลขึนมา ในการประเมินสภาพจิตใจต่อสถานการณ์ COVID 19 และ QR CODE วิธกี ารผ่อนคลายความเครียด หลากหลายวิธี แล้วแตค่ วามเหมาะสม ซึ่งสามารถปฏิบัตติ ามได้ทนั ที วัตถุประสงค์ ๑. เพอ่ื พัฒนาวธิ ีการประเมินและทักษะการผ่อนคลายความเครยี ด ระดับสากล ท่ีสามารถปฏบิ ตั ิได้จรงิ ๒. เพื่อค้นหาบคุ คลและชว่ ยเหลือบคุ คลทีม่ ีภาวะเครยี ดน้อย ปานกลาง มาก ไดอ้ ยา่ งครอบคลุมมากขึน ๓. เพ่ือประเมินภาวะเครียดในกลุ่มผู้ท่ีถูกกักตัวใน Local Quarantine ผู้ป่วยที่ติดเชือ COVID-19 ทังในโรงพยาบาล Cohort ward และโรงพยาบาลสนาม วธิ กี ารด้าเนนิ งาน/วธิ กี ารศกึ ษา ๑. ศกึ ษาขอ้ มูล สภาพสังคม สภาพปญั หา และนโยบายกระตนุ้ เศรษฐกจิ ในพนื ท่ีอาเภอเกาะสมยุ ๒. ประชุมปรึกษาทมี งานฝ่ายจติ เวช และเครอื ข่ายสขุ ภาพจิตอาเภอเกาะสมุย เพื่อหาแนวทางในการประเมิน การแกป้ ญั หาตา่ งๆ ทางดา้ นอารมณ์ ของบคุ คล ๓. การรวบรวมวิธีการคลายเครียด หลากหลายวิธี ที่สามารถแก้ปัญหาได้ และบุคคลต่างๆ รูปแบบสากล ท่ีเหมาะ กับสภาพการณใ์ นปจั จุบนั สามารถเลอื กวธิ กี ารท่เี หมาะสมกับตนเอง ๔. การจัดทาแบบประเมนิ และวิธีการคลายเครียด โดยใชเ้ คร่ืองมอื ท่ีทนั สมัย โดยจัดทาเป็น QR CODE รูปแบบสากล ๕. ประชาสัมพันธ์ผ่านทาง social media : Line ทีม MCATT โรงพยาบาลเกาะสมุย, Website โรงพยาบาล เกาะสมุย, เครือข่ายโรงแรมต่างๆ ทีต่ ้องเปิดเปน็ Alternative State Quarantine (ASQ) ๖. ติดตังเอกสารแบบประเมิน ณ ห้องกักกันเชือของโรงพยาบาลเกาะสมุยทุกห้อง, ส่วนต่างๆ ของโรงพยาบาล เกาะสมุย และ ทกุ ห้องพกั ของโรงแรมท่ีรบั นกั ท่องเที่ยวชาวต่างชาตแิ ละชาวไทยทเี่ ดินทางมาจากต่างประเทศ ๗. จัดทาแนวทางการดูแลร่วมกันระหว่างการดูแลทางกาย และดูแลทางจิต โดยการประเมินสุขภาพจิตผ่านทาง QR CODE ในวันที่ ๗ และ ๑๓ ของการรักษา และ ตดิ ตามต่อในการกักตวั ทบี่ ้าน ในวันท่ี ๗ เนอื่ งจาก ผู้ป่วยจะมีภาวะเครยี ด ซึมเศร้า หลังจากท่ีเข้ามารักษาอาการทางกายทุเลาลง และขณะกลับไปอยู่ในชุมชน จะพบสภาวะตึงเครียด จากการท่ีชุมชน ทไ่ี มไ่ วว้ างใจ การขาดรายได้จากหยดุ งานเพ่ือรักษานาน Best Practice เขตสขุ ภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๕๔
๘. กลุ่มงานจิตเวช โดย จติ แพทย์ นกั จิตวิทยาคลินิก พยาบาลวิชาชีพ จะ Monitor ได้ทนั ทีที่ผู้ปว่ ยประเมนิ ผ่านทาง QR CODE และให้คาปรกึ ษาผา่ นทางโทรศัพท์ สื่อสารกบั สหวิชาชีพในการรกั ษาไดอ้ ยา่ งทนั ท่วงที ๙. ให้ผู้ป่วยท่ีมีภาวะเครียด ซึมเศร้า สามารถทากิจกรรมคลายเครียด โดยใช้ QR CODE เป็นเครื่องมือ ๑๐. จดั ทา Facebook กล่มุ งานจิตเวช โรงพยาบาลเกาะสมยุ , และ Line คลนิ ิกจติ เวช เพือ่ ใหค้ าปรึกษาผูท้ ม่ี ปี ัญหา สุขภาพจิต ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสัมผสั เชือโรค หรอื ผู้ทไ่ี มก่ ลา้ เดนิ ทางมาตรวจรกั ษาทโ่ี รงพยาบาล ๑๑. ใหท้ มี MCATT อาเภอเกาะสมุย ในระดับตาบล หมู่บ้าน ลงพืนท่ใี นการประเมนิ ความเครยี ด และประชาสัมพันธ์ การใช้ QR CODE ๑๒. จัดส่งยาจิตเวช หรือยาท่ีจาเป็นอ่ืนๆ ในหลายช่องทาง เช่น ส่งให้ ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล อาสาสมคั รสาธารณสุขนาสง่ ให้ตามบา้ น สง่ ทางไปรษณีย์ ตามที่อยจู่ รงิ กรณี สทิ ธิ ๓๐ บาท ผลการดา้ เนนิ งาน/ผลการศกึ ษา ๑. สามารถคัดกรองผู้ทีม่ ีภาวะเครยี ดจากสถานการณ์ Covid 19 ไดอ้ ย่างรวดเรว็ ๒. สามารถตดิ ตามอาการ และประเมินสภาพจติ ใจ ผู้ป่วย ได้ทงั ขณะอยโู่ รงพยาบาลและในชุมชน ๓. สามารถนามาปรบั ใชก้ ับกรณศี ึกษา หรอื สถานการณอ์ น่ื ๆ ท่เี กิดขนึ ได้ ๔. เป็นแนวทางการทางานรว่ มกบั สหวิชาชีพ ได้อย่างภาคภมู ิใจ อภิปรายผล สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชอื COVID 19 ก่อใหเ้ กดิ ภาวะวิกฤตสุขภาพจิตทั่วโลก เกดิ ภาวะวิตกกงั วล ซมึ เศร้า อาการทางจิตเวช จนเกิดการฆ่าตัวตาย ถ้าไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม นอกจากนี อาเภอเกาะสมุย มีนักท่องเท่ียว ชาวต่างชาติที่เข้ามาในพืนที่ เพื่อให้การดูแล ครอบคลุมทังชาวไทย ชาวต่างชาติ กลุ่มงานจิตเวช โรงพยาบาลเกาะสมุย จึงได้ขยายผล จัดทาแบบคัดกรองความเครียดต่อสถานการณ์ COVID 19 คัดกรองภาวะซึมเศร้า และวิธีการคลายเครียด รูปแบบสากล ที่สามารถปฏิบัติได้ทันที ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล และให้คาปรึกษาผ่านทาง Facebook กลุ่มงาน จิตเวช โรงพยาบาลเกาะสมุย การให้คาปรึกษาทาง Line Official คลินิกจิตเวช โรงพยาบาลเกาะสมุย พบว่า สามารถ ช่วยเหลือทังคนไทย ชาวต่างชาติทังท่ีถูกกักกันตัว และติดเชือ COVID-19 ทังในโรงพยาบาลเกาะสมุย โรงพยาบาลสนาม กลบั ไปอย่ใู นชมุ ชน รวมถงึ บคุ คลต่างๆ ทไ่ี ดร้ ับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID 19 ใหผ้ า่ นชว่ งเวลาดังกลา่ วไดอ้ ยา่ งดี สรุปผลและข้อเสนอแนะ การคัดกรองความเครียดในสถานการณ์ COVID 19 ทังกลุ่มประชาชนทังชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยใช้แบบ ประเมิน QR CODE และการบาบดั ความเครยี ด โดยใช้ QR CODE ตอบสนองตอ่ วิถี New Normal และนโยบาย Samui Plus Model เปิดรับนักท่องเท่ยี ว เพ่ือแก้ไขปญั หาเศรษฐกจิ ในอาเภอเกาะสมยุ ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ การทาแบบประเมินโดยใช้ QR CODE จาเป็นต้องใช้ Mobile Phone และ Internet อาจมีข้อจากัด สาหรับผู้ที่ ไม่สามารถเขา้ ถึงการใช้งานได้ เชน่ ผู้สูงอายุ ผูท้ มี่ ีรายไดน้ ้อย เปน็ ต้น ซึ่งกลมุ่ เหล่านีอาจจาเปน็ ตอ้ งมีบคุ คลอ่ืนชว่ ยประเมนิ ให้ แบบคัดกรอง ทสี่ ร้างขนึ มา เป็นเทคโนโลยีใหม่ ทีส่ ามารถคัดกรองความเครียดและภาวะซึมเศร้า ในกลุ่มประชาชน ทังชาวไทยและชาวต่างชาติ เบืองต้นได้จริง และเทคนิคการบาบัดความเครียด สามารถเลือกแต่ละเทคนิคท่ีนามาปรับใช้ ให้เหมาะสมกบั แตล่ ะบุคคลได้ดี มีประโยชนต์ ่อทังบุคคลทัว่ ไปและบคุ คลท่ีอยใู่ นช่วงการกักกันตวั ไดอ้ ยา่ งต่อเน่ือง Best Practice เขตสุขภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๕๕
ชือ่ เร่อื ง PVC ๔ in ๑ ฝึกมือแขนแสน ง๊าย งา่ ย ช่ือเจา้ ของผลงาน พว.ปทั มา กลอยสวาท และ พว.อุมาพร แซก่ อ โรงพยาบาลชมุ พรเขตรอดุ มศกั ด์ิ บทน้า/หลกั การและเหตผุ ล/ทีม่ าและความส้าคัญ โรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคทางระบบประสาทท่ีพบบอ่ ย สง่ ผลให้เกดิ ความพิการ เกิดภาวะพ่ึงพิง จากการทบทวน เวชระเบียน โรงพยาบาลชมุ พรเขตรอุดมศักดิ์ ปี ๒๕๖๒ มีผู้เข้ารบั การรักษาโรคหลอดเลือดสมอง หอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง จานวน ๘๓๗ ราย พบคะแนน Barthel index น้อยกว่า ๗๕ คะแนน ซ่ึงต้องการฟื้นฟู จานวน ๕๓๒ รายคิดเป็นร้อยละ ๖๓.๕๖ และจากการตดิ ตามหลงั จาหนา่ ย ๓ เดอื น พบมผี ปู้ ่วยจานวนรอ้ ยละ ๒๐.๘๐ มีข้อติดแขง็ กล้ามเนอื มัดเลก็ ยงั ออ่ นแรง เน่ืองจากบางรายมีข้อจากัดในการทากายภาพบาบัด ส่งผลต่อการดาเนินชีวิตทังผู้ป่วยและครอบครัว การฝึกทักษะให้ผู้ป่วย ในการใช้แขนและมือตังแต่ช่วงแรก ทาสม่าเสมอทุกวัน จะช่วยทาให้การเคล่ือนไหวของแขนและมือพัฒนาดีขึน กิจกรรม ท่ีส่งเสริม/กระตุ้นการทางานของแขนและมืออาศัยหลักการ การฟ้ืนฟูตามหลักReach – Grasp – Hold – Release การฝึก การทางานของมอื แขน ไหล่ ต้องใช้อุปกรณ์หลายอย่างสาหรับการฝึก เปน็ การยงุ่ ยากต่อผปู้ ่วยและผดู้ ูแล จากปัญหาดงั กล่าว จึงพัฒนาอุปกรณ์ช่วยการฝึกฟื้นฟูสภาพการทางานแขน มือ และข้อไหล่ อยู่ในชินเดียวกัน ซ่ึงเป็นการประหยัดต้นทุน และ สามารถทาได้ตลอดเวลาแม้อยู่บนเตียง ใช้งานได้จริงและปลอดภัยต่อผู้ป่วยและญาติ มีลักษณะการฟ้ืนฟูแบบ ๔ in ๑ ประกอบด้วย Double curved shoulder arc ,Hand bike ใชส้ าหรับฟ้ืนฟูสมรรถภาพของไหล่, Pegboard , Pinch Finger เหมาะสาหรับการฟ้ืนฟกู ล้ามเนอื แขน ข้อมือและนวิ มอื อุปกรณ์นีสามารถฝกึ ฟ้นื ฟู ได้ทุกเวลาที่ผู้ป่วยพร้อม เพ่ือเพ่ิมศักยภาพ ในการช่วยเหลอื ตนเอง หลงเหลอื ความพิการนอ้ ยทสี่ ุด วตั ถุประสงค์ ๑. สง่ เสรมิ การฟ้นื ฟกู ล้ามเนอื มอื แขน ไหล่ ผ้ปู ่วยโรคหลอดเลือดสมอง ๒. พฒั นาอปุ กรณส์ าหรับช่วยฟืน้ ฟสู ภาพผปู้ ่วยโรคหลอดเลือดท่ีมีความบกพร่องในการเคล่ือนไหวแขนและมอื และ สามารถนามาใชภ้ ายในหอผูป้ ว่ ยและใช้ท่บี ้านผปู้ ่วยได้ วิธกี ารดา้ เนินงาน/วิธีการศึกษา การพฒั นาระยะท่ี ๑ ( ต.ค. ๒๕๖๒-ก.ย. ๒๕๖๓) : Plan : รวบรวมปัญหา สาเหตุ วิเคราะห์ปัญหา ศึกษาค้นคว้าเก่ียวกับโรคหลอดเลือดสมองจากหนังสือ บทความ วชิ าการและผลงานวิจัยเก่ียวกบั พยาธิสภาพของโรค อาการที่แสดงออก การดาเนินโรค การรักษา และการฟ้ืนฟูสภาพผู้ป่วย ในระยะเฉยี บพลันและระยะฟื้นฟู ทงั ในด้ายกายภาพบาบัดและกิจกรรมบาบดั Do : ๑. พัฒนาอุปกรณ์สาหรับช่วยฟื้นฟูสภาพผู้ปว่ ยโรคหลอดเลือดที่มีความบกพร่องในการเคล่ือนไหวแขนและมือ และสามารถนามาใชภ้ ายในหอผปู้ ว่ ยและใช้ที่บ้านผ้ปู ว่ ยได้ ๒. ทาอปุ กรณจ์ ากท่อ PVC ดัดโคง้ เป็นตวั M ออกแบบการใชง้ าน โดยปรึกษาผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นกจิ กรรมบาบัด ๓. นาอุปกรณ์มาใช้กับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในหอผู้ป่วย จานวน ๓๐ ราย โดยใช้ในกลุ่มที่มีอาการอ่อนแรงกล้ามเนือ เกรด ๓ และ ๔ ไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ สามารถส่ือสารเข้าใจกระบวนการได้ดี ให้ความร่วมมือ โดยให้ฝึกทาหลังพ้นภาวะ วิกฤต ๒๔ ช่ัวโมงแรก และให้ฝกึ วนั ละ ๓ เวลา Check : หลังจากการนาอุปกรณ์ไปใช้กับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองพบว่าผู้ป่วยสามารถเข้าใจการใช้อุปกรณ์ได้ ทกุ ขันตอน ไม่เกดิ ภาวะแทรกซ้อนหรืออันตรายจากการใชอ้ ุปกรณ์ Act : หลังนาไปใช้กับผู้ป่วย ๓๐ ราย วัดผลท่ีสองสัปดาห์ ผู้ป่วยนานวัตกรรมกลับไปใช้ต่อหลังจาหน่าย ๒ สัปดาห์ และคอยติดตาม พบว่าผปู้ ่วยท่ีมีกาลังกลา้ มเนอื อ่อนแรงเกรด ๔ จานวน ๑๕ ราย ดีขึนในสัปดาหท์ ่ี ๑ จานวน ๑๒ รายคิดเป็น ร้อยละ ๘๐ และกลุ่มผู้ป่วยที่กาลังกล้ามเนืออ่อนแรงเกรด ๓ จานวน ๑๕ ราย ดีขึนในสัปดาห์ที่ ๒ จานวน ๑๑ รายคิดเป็น รอ้ ยละ ๗๓.๓๓ เมอื่ เทยี บกบั กลุ่มที่ไมไ่ ดฝ้ ึกดว้ ยเคร่อื งมือดังกล่าวพบว่าเม่ืออ่อนแรงเกรด ๔ มักจะดขี ึนในสปั ดาหท์ ี่ ๒-๔ ส่วน Best Practice เขตสขุ ภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๕๖
อ่อนแรงเกรด ๓ มักดีขึนที่อย่างน้อย ๖ สัปดาห์ขึนไปผู้รับบริการพึงพอใจต่อนวัตกรรม ร้อยละ ๙๗.๖๐ ผู้ให้บริการพึงพอใจ ร้อยละ ๙๘.๙๐ การพัฒนาระยะที่ ๒ (ต.ค.๒๕๖๓- มี.ค. ๒๕๖๔) : Plan : จากการพัฒนางานระยะที่ ๑ ได้รับการตอบรับดีจากผู้ใช้บริการและให้บริการ จึงมีการทบทวนการพัฒนา อุปกรณใ์ ห้มีความหลากหลายของฟงั ก์ชันการใชง้ านใหเ้ พ่มิ ขึนโดยยงั คงใช้โครงสร้างเดมิ Do : เจาะรูท่ี ท่อ PVC รูปตัว M ให้รูทะลุถึงกันสามารถใส่ท่อ PVC ขนาด ๒ หุนได้ และนาท่อ PVC ๒ หุน มาตัด ตามขนาดทีต่ อ้ งการ ประกอบเข้ากับขอ้ งอขนาด ๒ หุน ใหเ้ ป็นรูปทรงของ Hand จักรยาน เพ่มิ ฟงั ก์ชนั การฝึกบรหิ ารกลา้ มเนือ แขนและมือ เปน็ รปู แบบ ๔ in ๑ และนาอปุ กรณไ์ ปใชก้ ับผปู้ ว่ ยโรคหลอดเลือดสมอง Check : หลังจากการนาอุปกรณ์ไปใช้กับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองพบว่าผู้ป่วยสามารถเข้าใจการใช้อุปกรณ์ได้ ทุกขนั ตอน รวมถงึ ฟงั กช์ นั ที่ทาขนึ มาใหม่ และไมเ่ กดิ ภาวะแทรกซ้อนหรอื อันตรายจากการใช้อปุ กรณด์ งั กล่าว Act : หลังนานวัตกรรมไปใช้ในผู้ป่วย ๑๒ ราย วัดผลท่ีสองสัปดาห์ ผู้ป่วยนานวัตกรรมกลับไปใช้ต่อหลังจาหน่าย ๒ สปั ดาห์ และตดิ ตามตอ่ เนื่อง พบว่าผปู้ ่วยท่มี กี าลังกล้ามเนือออ่ นแรงเกรด ๔ จานวน ๖ ราย ดีขึนในสปั ดาห์ที่ ๑ จานวน ๕ ราย คิดเป็นร้อยละ ๘๓.๓๓ และกลุ่มผู้ป่วยท่ีกาลังกล้ามเนืออ่อนแรงเกรด ๓ จานวน ๖ ราย ดีขึนในสัปดาห์ท่ี ๒ จานวน ๕ ราย คิดเป็นร้อยละ ๘๓.๓๓ เมื่อเทียบกับกลุ่มท่ีไม่ได้ฝึกด้วยเคร่ืองมือดังกล่าวพบว่าเมื่ออ่อนแรงเกรด ๔ มักจะดีขึนในสัปดาห์ ท่ี ๒-๔ ส่วนอ่อนแรงเกรด ๓ มักดีขึนท่ีอย่างน้อย ๖ สัปดาห์ขึนไป ผู้รับบริการพึงพอใจต่อนวัตกรรม ร้อยละ ๙๘.๕๐ ผู้ให้บริการพึงพอใจ ร้อยละ ๙๙.๒๕ ไม่พบภาวะแทรกซ้อน สามารถใช้ฟ้ืนฟูที่บ้าน ช่วยเพ่ิมศักยภาพในการช่วยเหลือตนเอง ลดภาวะพึง่ พา ผลการดา้ เนนิ งาน นานวัตกรรมไปใช้ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่อ่อนแรงกล้ามเนือ แขนและมือ จานวน ๔๒ ราย ในช่วงเวลา ตุลาคม ๒๕๖๒ – มีนาคม ๒๕๖๔ จากการพัฒนางานทัง ๒ ระยะ โดยใช้ในกลุ่มท่ีมีอาการอ่อนแรงกล้ามเนือเกรด ๓ และ ๔ ไม่มีภาวะแทรกซ้อนอ่ืนๆ สามารถส่ือสารเข้าใจกระบวนการได้ดี ให้ความร่วมมือ โดยให้ฝึกทาหลังพ้นภาวะวิกฤต ๒๔ ช่ัวโมงแรก และใหฝ้ ึกวันละ ๓ เวลา วัดผลทส่ี องสัปดาห์ ผู้ป่วยนานวัตกรรมกลับไปใช้ต่อหลังจาหน่าย ๒ สัปดาห์ และคอยตดิ ตาม พบว่า ผู้ป่วยท่ีมีกาลังกล้ามเนืออ่อนแรงเกรด ๔ จานวน ๒๑ ราย ดีขึนในสัปดาห์ที่ ๑ จานวน ๑๗ รายคิดเป็นร้อยละ ๘๐.๙๕ และ กลุ่มผู้ป่วยท่ีมีกาลังกล้ามเนืออ่อนแรงเกรด ๓ จานวน ๒๑ ราย ดีขึนในสัปดาห์ท่ี ๒ จานวน ๑๖ รายคิดเป็นร้อยละ ๗๖.๑๙ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ฝึกด้วยเครื่องมือดังกล่าวพบว่าเมื่อกล้ามเนืออ่อนแรงเกรด ๔ มักจะดีขึนในสัปดาห์ท่ี ๒-๔ ส่วน กลา้ มเนืออ่อนแรงเกรด ๓ มักดีขึนที่อยา่ งนอ้ ย ๖ สปั ดาห์ขึนไป ผ้รู ับบริการพึงพอใจต่อนวตั กรรม ร้อยละ ๙๘.๕๐ ผใู้ หบ้ ริการ พงึ พอใจ ร้อยละ ๙๙.๒๕ และไม่พบภาวะแทรกซอ้ นทีเ่ กิดขนึ หลงั การใชน้ วัตกรรม อภิปรายผล นวัตกรรม PVC ๔ in ๑ ฝกึ มือแขนแสน งา๊ ย ง่าย สามารถชว่ ยฟนื้ ฟูสภาพผู้ป่วยท่มี ีความบกพร่องในการเคล่ือนไหว แขนและมอื ไดด้ ีเมื่อเทยี บกับกลุ่มผูป้ ว่ ยทีไ่ มไ่ ดใ้ ช้นวัตกรรมชินนี ผู้รับบรกิ ารพึงพอใจต่อนวตั กรรม รอ้ ยละ ๙๘.๕๐ ผใู้ ห้บรกิ าร พึงพอใจ ร้อยละ ๙๙.๒๕ และไมพ่ บภาวะแทรกซอ้ นทเี่ กดิ ขนึ หลังการใชน้ วตั กรรมนผี ู้ป่วยสามารถฝกึ ฟ้นื ฟูได้ สรปุ และขอ้ เสนอแนะ การพัฒนางานชินนีเป็นการประดิษฐ์อุปกรณ์ทางการพยาบาลที่ใช้ในการฟ้ืนฟูสภาพผู้ป่วยมีความบกพร่อง ในการเคล่ือนไหวแขนและมือ ซ่ึงทาจากวัสดุที่ใช้ในงานเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลักของท้องถ่ิน หาได้ง่าย ต้นทุนต่า จากการศึกษาเครื่องมือนีทาใหเ้ กิดความรู้และประสบการณ์รวมไปถึงการเข้าถงึ จติ ใจของผู้ปว่ ยทม่ี ีอาการอัมพาตหรืออ่อนแรง ก่อให้เกิดนวัตกรรมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการช่วยเหลือตนเอง และหลงเหลือความพิการน้อยที่สุด และเมื่อมีโอกาสจะพัฒนา ปรับปรุงนวัตกรรมให้สามารถใช้กับผู้ป่วยได้หลายกลุ่มเป้าหมายและพัฒนานวัตกรรมที่สามารถใช้ฟื้นฟูสมรรถภาพ ของกล้ามเนอื ส่วนอื่นๆได้ Best Practice เขตสขุ ภาพท่ี ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๕๗
ชอ่ื เรอ่ื ง นวตั กรรม “แอปพลิเคชันการปอ้ งกนั โรคไวรสั COVID-19 ส้าหรบั นักเรียนมธั ยมศึกษา” ชอื่ เจา้ ของผลงาน พว.ชลุ ีพร หตี อกั ษร วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี บทน้า/หลกั การและเหตุผล/ท่มี าและความสา้ คญั นกั เรียนระดบั ชันมัธยมศึกษาเปน็ กลุ่มเสี่ยงทีอ่ าจจะนาเชือมาสสู่ มาชิกในครอบครวั ด้วยการขาดความตระหนักและ มักจะรู้เทา่ ไมถ่ ึงการณ์จึงอาจจะเป็นกล่มุ เส่ยี งทีจ่ ะนาพาหะของโรค โควิด–19 ไปสู่ผู้สูงอายุ เดก็ และคนรอบข้างในครอบครัว ได้ (ฮดู า แวหะยี, ๒๕๖๓) สอ่ื การเรียนรู้รูปแบบแอปพลิเคชันเปน็ โปรแกรมทีท่ างานบนมอื ถือ โดยผ้ใู ช้สามารถดาวนโ์ หลดและ ตดิ ตังลง ในโทรศพั ทซ์ ่ึงการใช้งานในครังต่อไปผใู้ ช้สามารถเข้าสเู่ นือหาไดเ้ ลยโดยไมต่ ้องทาการ เชื่อมตอ่ อนิ เทอร์เนต็ ทาใหก้ าร เรียนรู้เป็นไปอยา่ งรวดเร็ว เนื่องจากง่ายต่อการพกพา และสะดวกต่อการใช้งาน เขา้ ถึงคนทกุ เพศทุกวัยไม่ว่าจะอยู่ ในสถานท่ี ไหนก็ตาม (ปาจรีย์ ตรีนนท์ และคณะ, ๒๕๖๓) คณะผู้วิจัยจึงได้พัฒนาแอปพลิเคชันการป้องกันโรคไวรัส COVID-19 สาหรับ นักเรียนชันมัธยมศึกษา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจการป้องกัน และควบคุมการแพร่กระจายเชือของ โรคไวรัส COVID-19 รวมทังเชอื ไวรสั ชนดิ อืน่ ๆ เพื่อป้องกนั ตนเองและป้องกนั การแพร่เชอื ไปยงั สมาชกิ ในครอบครัว วัตถุประสงค์ ๑. สร้างและพฒั นาแอปพลเิ คชันการป้องกนั โรคไวรัส COVID-19 สาหรับนกั เรยี นชนั มัธยมศึกษา ๒. เพ่ือวดั ทักษะด้านความรกู้ ารปอ้ งกันโรคไวรสั COVID-19 ของนักเรยี นชนั มธั ยมศกึ ษา ๓. ศึกษาความพงึ พอใจต่อการใช้แอปพลเิ คชนั การปอ้ งกนั โรคไวรสั COVID-19 วิธกี ารดา้ เนินงาน/วธิ ีการศกึ ษา กลุ่มตวั อยา่ ง : คอื การกาหนดกลุ่มตวั อยา่ งแบบเฉพาะเจาะจง จานวน ๖๐ คน แบ่งเปน็ โรงเรียนละ 10 คน โดยเลอื ก จากผูท้ ม่ี ีอายุ ๑๖ ปขี ึนไป มีโทรศัพท์ที่สามารถลงแอปพลิเคชนั ได้ มคี วามสมัครใจ และยนิ ดีให้ความร่วมมอื ในการเขา้ ร่วมวิจัย นวัตกรรมแอปพลิเคชันในการป้องกันโรค COVID -19: เป็นโปรแกรมท่ีทางานบนมือถือโดยผู้ใช้สามารถดาวนโ์ หลด และตดิ ตงั ลงในโทรศพั ท์ เครื่องมือเก็บรวบรวมขอ้ มลู : ๑) แบบสอบถามความรู้ เรอ่ื งการป้องกนั โรคไวรัส COVID-19 ๒) แบบสอบถามความ พึงพอใจตอ่ สือ่ การเรียนรู้สอื่ การเรยี นรู้แอปพลิเคชันในการปอ้ งกันโรคไวรสั COVID -19 ผลการดา้ เนินงาน/ผลการศกึ ษา นักเรียนมีความรู้เพ่ิมขึน หลังจากใช้แอปพลิเคชัน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ี ระดับ .๐๕ (p<๐.๐๕) และมีความ พงึ พอใจตอ่ นวตั กรรมแอปพลเิ คชนั การปอ้ งกันโรคไวรสั COVID-19 ในระดบั มากที่สุด คา่ เฉลี่ย ๔.๕๕ SD.๐.๗๑ อภปิ รายผล จากการศึกษาการพัฒนาสื่อแอปพลิเคชันการป้องกันโรคไวรัส COVID-19 พบว่าความรู้ของ นักเรียนระดับ มัธยมปลาย หลังการใช้แอปพลิเคชันเพิ่มขึนโดยมีนัยสาคัญทางสถิติท่ี ระดับ .๐๕ (p<๐.๐๕) ซ่ึงแสดงให้เห็นว่าสื่อการเรียนรู้ แบบแอปพลิเคชันเป็นส่ือการเรียนรู้ท่ีสามารถทบทวนเนือหาได้ทุกเวลา การสร้างความรู้ความเข้าใจให้นักเรียนระดับ ชันมธั ยมศึกษาจึงเป็นส่ิงสาคัญ เพอ่ื ป้องกันตนเองและปอ้ งกันการแพร่เชือในครอบครัว (ปาจรีย์ ตรนี นท์, ๒๕๖๒) สรุปและขอ้ เสนอแนะ นวัตกรรมแอปพลิเคชันการป้องกันโรคไวรัส COVID-19 สาหรับนักเรียนมัธยมศึกษาที่พัฒนาขึน เพื่อให้นักเรียนรู้จัก โรคไวรัส อาการและการป้องกันโรค สามารถเรียนรดู้ ้วยตนเองไดต้ ลอดเวลา เข้าถึงแหล่งขอ้ มูลไดง้ ่าย มคี วามทนั สมยั และง่าย ต่อการทาความเขา้ ใจ Best Practice เขตสขุ ภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๕๘
ชอ่ื ผลงาน การพัฒนาระบบบรกิ ารสง่ เสริมป้องกนั สขุ ภาพช่องปากในเดก็ ปฐมวัย เขตสุขภาพท่ี ๑๑ ช่ือเจา้ ของผลงาน ทพ.ศศิธร บณั ฑิตมหากลุ ศูนย์อนามัยที่ ๑๑ บทนา้ /หลกั การและเหตผุ ล/ทีม่ าและความส้าคัญ จากการสารวจสภาวะทันตสุขภาพแห่งชาติ ครังที่ ๘ พ.ศ. ๒๕๖๐ พบว่าร้อยละเด็กอายุ ๓ ปี ในเขตสุขภาพที่ ๑๑ มีอัตราฟันผุสูงถงึ ร้อยละ ๖๔.๓ และมีค่าเฉลยี่ ฟันผุ ถอน อุด ๓.๔ ซี่ต่อคน ซ่ึงเกือบสงู ที่สุดเม่ือเทียบกับเขตสขุ ภาพอื่นๆ มีผล การจัดบริการทันตกรรมส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในเด็ก ๐-๒ ปี ต่ากว่าค่าเฉลี่ยระดับประเทศ การประเมินผลการ จัดบริการทันตกรรมเด็กอายุ ๓ ปี เขตสุขภาพที่ ๑๑ ในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ พบว่าอาเภอที่มีฟันผุระดับต่า มีการตรวจฝึก ทักษะการแปรงฟัน การทาฟลูออไรด์วาร์นิช สูงกว่าและแตกต่างจากอาเภอที่มีอัตราฟันผุสูงอย่างมีนัยสาคัญ จึงได้ปรับ กระบวนการทางาน โดยใช้กลไกการจัดสรรงบประมาณ กระตุ้นให้เกิดการเพิ่มการจัดบริการ ในกลุ่มเด็ก ๐-๓ ปี โดยกาหนด “เดก็ อายุ ๙,๑๘,๒๔,๒๖ เดือน คนไทยทกุ สิทธิ์ ไดร้ บั การตรวจสุขภาพชอ่ งปากและเคลือบหรือทาฟลอู อไรด์วานชิ และฝกึ ทักษะ การแปรงฟันร้อยละ ๕๕” เป็นตัวชีวัดงบบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคท่ีเป็นปัญหาระดับเขต/จังหวัด ( PPA) ของเขตสุขภาพท่ี ๑๑ มาตังแต่ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔ ร่วมกับกากับติดตามการดาเนินงานด้วยข้อมูล พบว่าผลการดาเนินงานตาม ตัวชีวดั PPA ในปี ๒๕๖๓ เปน็ รอ้ ยละ ๕๓.๔๗ ในปีงบประมาณ ๒๕๖๓-๒๕๖๔ กลุ่มเด็ก ๐-๒ ปี ของเขตสุขภาพท่ี ๑๑ เข้าถงึ บริการส่งเสริมป้องกันโรคในช่องปากเพ่ิมขึน จึงมีแนวทางการขยายผลโดยจัดทาข้อเสนอเชิงนโยบายเพ่ือพัฒนารายงาน ชุดดังกล่าวในระบบรายงาน HDC และ เสนอให้นาชุดข้อมูลที่ได้มาพัฒนาระบบการแจ้งเตือนผู้ดูแลเด็ก เพื่อนาเด็กมา รบั บรกิ ารทันตกรรมตามชว่ งเวลาทกี่ าหนดผา่ น Application ต่างๆทมี่ ีในระบบ ต่อไป วัตถปุ ระสงค์ ในเด็กปฐมวัยยังคงเป็นปัญหาสาคัญของประเทศไทยตังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แม้อัตราร้อยละเด็กอายุ ๓ ปี ปราศจากฟันผุโรคฟันผุจะมีแนวโน้มที่ดีขึน แต่ทั่วประเทศมีความชุกของการเกิดโรคนีสูงมากกว่าร้อยละ ๕๐ และจาก การสารวจสภาวะทนั ตสขุ ภาพแห่งชาติ ครงั ท่ี ๘ พ.ศ. ๒๕๖๐ ของสานักทันตสาธารณสขุ กรมอนามยั พบว่า เขตสุขภาพที่ ๑๑ มีอัตราฟันนานมผุในเด็กกลุ่มอายุ ๓ ปี สูงถึงร้อยละ ๖๔.๓ และมีค่าเฉลี่ยฟันผุ ถอน อุด ๓.๔ ซี่ต่อคน ซึ่งมีอัตราฟันผุ และ ความรุนแรงเกือบสูงที่สุดเม่ือเทียบกับเขตสุขภาพอ่ืนๆ การเกิดโรคฟันผุในเด็กปฐมวัยมีปัจจัยท่ีเก่ียวข้องต่างๆหลายด้าน ทังปัจจัยเฉพาะบุคคล ปัจจัยด้านพฤติกรรมการเลียงดูเด็กของผู้ปกครอง รวมทังความถ่ีในการบริโภค ปัจจัย ด้านเศรษฐกิจ และสังคม ผลกระทบที่เกิดจากโรคฟันผุในเด็กที่มีฟันผุลุกลามถึงโพรงประสาทฟัน ทาให้เด็กมีความรู้สึกเจ็บปวด ส่งผลต่อ การบดเคียวอาหารและการนอนหลับ ทาให้เด็กมีการเจริญเติบโตได้น้อยกว่ากลุ่มเด็กท่ีไม่มีฟันผุ และจากการศึกษาของ กรมอนามัย เรื่องพัฒนาการของเด็กปฐมวัยไทย ปี ๒๕๖๐ พบว่า เด็กปฐมวัยที่ไม่มีปัญหาสุขภาพช่องปากมีโอกาสท่ีมี พัฒนาการสมวัยสูงกว่าเด็กท่ีมีปัญหาสุขภาพช่องปาก ๑.๕๓ เท่า นอกจากนี ผู้ปกครองท่ีดูแลเด็กฟันผุต้องเสียเวลาและ ค่าใช้จ่ายเพ่ิมมากขึน ซ่ึงส่งผลให้ประเทศชาติเสียค่าใช้จ่าย จึงจาเป็นต้องมีแนวทางการส่งเสริมป้องกันการเกิดโรคโรคฟันผุ ในเด็กปฐมวัย ซึ่งได้แก่ การประเมินความเส่ียงการเกิดฟันผุ การฝึกทักษะการทาความสะอาดช่องปากให้ผู้ปกครอง การใช้ ฟลูออไรด์เฉพาะท่ี รวมทังการได้รับทันตสุขศึกษา การจัดบริการส่งเสริมป้องกันสุขภาพช่องปากในเด็กปฐมวัย มี ๒ ลักษณะ คือ การบริการตามความต้องการเมื่อผู้ปกครองพาเด็กมารับบริการที่หน่วยบริการหรือสถานบริการ และ บริการด้านการ สง่ เสริมสุขภาพทจ่ี ัดให้เป็นโครงการเฉพาะ จากการวิเคราะห์สถานการณ์การจัดบริการส่งเสริมสุขภาพชอ่ งปากในเด็กปฐมวัย ของเขตสุขภาพที่ ๑๑ พบว่ารายงานผลการจัดบรกิ ารส่งเสริมปอ้ งกันสขุ ภาพช่องปากในเด็กปฐมวยั โดยเฉพาะในกลุ่มเดก็ ๐-๒ ปี ทังการตรวจคัดกรองช่องปาก การเคลือบ/ทา ฟลูออไรด์ เฉพาะที่ และผู้ปกครองเด็ก ๐-๒ ปี ที่ได้รับการฝึกแปรงฟันแบบ ลงมือปฏิบัติ ต่ากว่าค่าเฉลี่ยของระดับประเทศมาอย่างต่อเน่ือง ตังแต่ปีงบประมาณ ๒๕๕๘-๒๕๖๒ และจากการประเมินผล การจัดบริการส่งเสริมป้องกันสขุ ภาพช่องปากในกลุ่มเด็กปฐมวัย โดยใชข้ ้อมูลจาก Health Data Center (HDC) ในเขตสุขภาพท่ี ๑๑ ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ พบว่า ในอาเภอที่มีอัตราฟันนานมผุระดับต่า มีการจัดบริการทังการตรวจสุขภาพช่องปาก Best Practice เขตสุขภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๕๙
ฝึกแปรงฟัน การทาฟลูออไรด์วาร์นิช สูงกว่าและแตกต่างจากอาเภอที่มีฟันผุสูงอย่างมีนัยสาคัญ และมีการจัดบริการส่งเสริม ป้องกันอย่างสม่าเสมอต่อเน่ืองตังแต่ขวบปีแรกจนอายุ ๓ ปี จึงได้กาหนดประเด็นการขับเคล่ือนการจัดบริการเพื่อแก้ปัญหาฟันผุ ในเด็กปฐมวยั ทงั เขตสุขภาพที่ ๑๑ วธิ กี ารดา้ เนนิ งาน/วธิ ีการศกึ ษา ๑.ประเมินผลการจัดบริการส่งเสริมป้องกันในกลุ่มเด็กปฐมวัย ของเขตสุขภาพที่ ๑๑ ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ และวเิ คราะหส์ ถานการณก์ ารจดั บรกิ าร วเิ คราะห์ภาคเี ครอื ข่าย (Stakeholder analysis) ทมี่ ผี ลตอ่ การเกดิ ฟนั ผใุ นเดก็ ปฐมวัย โดยมุ่งเน้นปัจจัยท่ีส่งผลกระทบต่อการจัดบริการ รวมทังวิเคราะห์สถานการณ์การจัดบริการส่งเสริมสุขภาพช่องปาก ในเด็กปฐมวยั ของเขตสขุ ภาพที่ ๑๑ ๒.ใช้กลไกการจัดสรรงบประมาณผลักดันมาตรการในเขตสุขภาพท่ี ๑๑ โดยนาผลการศึกษาการประเมินผล การจดั บรกิ ารส่งเสริมป้องกันสขุ ภาพชอ่ งปากในกลมุ่ เด็กปฐมวัย รวมทังการวิเคราะหส์ ถานการณก์ ารจัดบรกิ ารส่งเสรมิ สขุ ภาพ ช่องปากในเด็กปฐมวยั นาไปสู่การจัดทาขอ้ เสนอประเด็นปัจจัยเส่ียงของการจัดบริการ แนวทางการแก้ไขปัญหา ความจาเป็น ของการจัดบริการส่งเสริมป้องกันสุขภาพช่องปากทัง ๓ หัตถการ ครบชุด ต่อเน่ือง ตังแต่เด็กเริ่มมีฟันขึน จนอายุครบ ๓ ปี จนกาหนดเป็นตัวชีวัดงบบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคท่ีเป็นปัญหาระดับเขต/จังหวัด ( PPA) “เด็กอายุ ๙,๑๘,๒๔,๓๖ เดือน คนไทยทุกสิทธิ์ ได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากและเคลือบหรือทาฟลูออไรด์วานิชและฝึกทักษะการ แปรงฟันร้อยละ ๕๕” ตังแต่ปีงบประมาณ ๒๕๖๓-๒๕๖๔ โดยจัดสรรงบประมาณเพ่ิมเติมแก่เครือข่ายหน่วยบริการ ที่ให้บริการตามขอ้ กาหนดตวั ชีวัด รายละ ๑๐๐ บาท ซ่งึ จะสง่ ผลจงู ใจใหห้ น่วยบรกิ าร จัดบริการเพมิ่ ขนึ ๓.ชีแจงแนวทางการดาเนินงานแก่ทุกจังหวัด ในเขตสุขภาพที่ ๑๑ และแนวทางการระบุ ค้นหาเปา้ หมายด้วยตนเอง ในเบอื งต้น ๔.กาหนด Template และร่วมพัฒนาระบบรายงานข้อมูลร่วมกับ สปสช เขต ๑๑ และผู้รับผิดชอบงานเทคโนโลยี สารสนเทศของ ๗ จังหวัดในเขตสุขภาพท่ี ๑๑ เพื่อการวางแผนการออกแบบรายงาน และ Data Exchange ทัง ๗ จังหวัด ในระบบ Web online ให้สถานบริการและผู้เก่ียวข้องใช้ประโยชน์ในการทางาน และกากับติดตาม โดยไม่เพิ่มภาระงาน ในการบันทกึ ข้อมลู เพิ่มเตมิ (ระบบรายงาน http://๖๑.๑๙.๘๐.๑๔๒/qof/web/site/index) ๕. หน่วยบริการ (หน่วยปฏิบัติการ) ใช้ประโยชน์จากรายงานข้อมูล ผ่าน Web online และ Data Exchange ช่วยสนับสนุน และปรับปรุงกระบวนการการทางาน ในพืนท่ี ทังการวางแผนทางานเชิงรุก ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล และอาสาสมคั รประจาหมู่บา้ น สามารถระบุรายช่อื กลุ่มเปา้ หมาย และหัตถการ ที่จะตอ้ ง ทาในแต่ละช่วงเวลา และการติดตามกลุ่มเป้าหมายท่ียังไม่ได้รับบริการ หรือได้รับบริการหัตถการท่ีไม่ครบตามกาหนด มาตรฐาน ในช่วงอายุนันๆ ให้มารับบริการทันตกรรมจนครบถ้วน ทันกาหนด นอกจากนีทังหน่วยบริการ และ หน่วยอานวยการ เช่น เขตสุขภาพ จังหวัด อาเภอ รวมถึงผู้บริหารทุกระดับ สามารถตรวจสอบการทางานของตนเอง กากับ ติดตามงาน เทียบเคียง (Benchmark) ผลการดาเนินงานในระหว่างพืนท่ี และผลงานเฉล่ียในระดับต่างๆโดยใช้ประโยชน์ จากรายงานขอ้ มูล ผ่าน Web online ได้สะดวก รวดเร็ว และเป็นปัจจุบนั ๖. พัฒนาระบบการตรวจสอบคุณภาพข้อมูล โดยความร่วมมือของ สปสช.เขต ๑๑ และ ผู้รับผดิ ชอบงานเทคโนโลยี สารสนเทศของ ๗ จังหวัดในเขตสุขภาพที่ ๑๑ เพ่ือให้ข้อมูลมีคุณภาพและ การบันทึกข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน ทันเวลา รวมทัง เปน็ การตรวจสอบความซาซอ้ นของขอ้ มูล ผลการดา้ เนนิ งาน/ผลการศึกษา จากกระบวนการจัดการโดยการใช้กลไกงบประมาณเพ่ิมแรงจูงใจให้หน่วยบริการ และการใช้ประโยชน์จากระบบ รายงานข้อมูล จึงสนับสนุนการเพิ่มการเข้าถึงบริการส่งเสริมป้องกันสุขภาพช่องปากในกลุ่มเด็กปฐมวัยมากขึน ผลการดาเนินงาน ในปี ๒๕๖๓ ร้อยละ ๕๓.๔๗ เด็กไทยทุกสิทธิ์ ที่มีอายุ ๙,๑๘,๒๔,๓๖ เดือน ได้รับบริการตรวจสุขภาพช่อง ปาก และเคลือบหรือ ทาฟลูออไรด์วาร์นิช และฝึกทักษะการแปรงฟันครบ ทัง ๓ หัตถการ และ ค่าเฉลี่ยผลการจัดบริการ ส่งเสริมป้องกันโรคในช่องปาก ในกลุ่มเด็ก ๐-๒ ปี ของระดับเขตสุขภาพท่ี ๑๑ ในปีงบประมาณ ๒๕๖๓-๒๕๖๔ ในแต่ละ หตั ถการ สูงขึนอยา่ งเห็นไดช้ ัด และสูงมากกวา่ ค่าเฉลีย่ ประเทศ ตังแต่ ๖ เดือนแรก ของปีงบประมาณ ๒๕๖๓ และ ต่อเน่อื งมา Best Practice เขตสุขภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๖๐
จนถึงปีงบ ๒๕๖๔ โดยเขตสุขภาพท่ี ๑๑ มีผลการดาเนินงาน ในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ เด็ก ๐-๒ปี ได้รับการตรวจสุขภาพ ช่องปาก ร้อยละ ๕๘.๒๕ (ประเทศ ร้อยละ ๔๙.๐๗) เด็ก ๐-๒ ปี เคลือบ/ทา ฟลูออไรด์เฉพาะท่ี ร้อยละ ๕๒.๒๕ (ประเทศ ร้อยละ ๔๑.๐๑) ผ้ปู กครองของเด็ก ๐-๒ ปี ได้รับการฝึกแปรงฟันแบบลงมือปฏบิ ัติ รอ้ ยละ ๖๐.๑๓ (ประเทศ ร้อยละ ๕๒.๙๑) (ท่ีมา รายงาน HDC ประมวลผล ณ ๑๒ กนั ยาน ๒๕๖๔) สรุปและข้อเสนอแนะ ปัจจัยความสาเร็จที่สาคัญอย่างหน่ึงของการทางานในครังนี คือ การมีและใช้ประโยชน์จากระบบรายงาน จึงจัดทา ขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย แกศ่ ูนย์เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร สานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสขุ เมอ่ื วนั ท่ี ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ให้มีชุดรายงานนี และ Data Exchange ในระบบรายงาน HDC เพื่อขยายให้ทุกหน่วยบริการท่ัวประเทศได้ใช้ประโยชน์ และ สนับสนุนการทางานของพืนท่ี และได้ดาเนินการจนพัฒนาปรับระบบรายงานใน HDC เม่ือวันท่ี ๑๕ กันยายน ๒๕๖๔ นอกจากนี ฐานขอ้ มูลที่ได้จากรายงานดังกลา่ ว สามารถนามาใช้ประโยชน์เพ่ือพฒั นาระบบการแจ้งเตอื นผู้ปกครอง เพื่อนาเด็ก มารับบรกิ ารทันตกรรมตามช่วงเวลาท่กี าหนดผ่าน Application ตา่ งๆทมี่ อี ยแู่ ล้วในระบบ เชน่ Pink book , หมอร้จู ักคุณ และ สปสช. ตอ่ ไป Best Practice เขตสุขภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๖๑
ช่ือเร่ือง นวัตกรรมหมอนรองให้นมท่านอน น่ัง เพม่ิ พลงั สามดดู ช่ือเจา้ ของผลงาน พว.สุวิดา โชตสิ วุ รรณ โรงพยาบาลชุมพรเขตรอดุ มศกั ด์ิ บทนา้ /หลักการและเหตผุ ล/ทม่ี าและความส้าคญั มารดาหลังผ่าตัดคลอดบุตรในระยะแรก ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เน่ืองจากมีความเจ็บปวดจากแผลผ่าตัด ไม่สามารถลกุ นัง่ หรือตะแคงตัวให้นมบตุ รได้ ทาให้ทารกเรม่ิ ดดู นมมารดาไดช้ ้า ต้องรอจนกว่ามารดาจะทุเลาจากความเจ็บปวด จงึ สามารถให้นมบุตรได้ เมื่อเร่ิมต้นดูดนมช้าส่งผลให้กระบวนการสร้างและหล่ังของนานมลา่ ช้าตามไปด้วย นานมจึงไหลน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของบุตร นอกจากนียังส่งผลเสียต่อการเรียนรู้ของทารกในการดูดนมมารดาในระยะต่อไปได้ด้วย ทาให้การเลยี งลูกด้วยนมแม่ไม่ประสบความสาเรจ็ จากสถิติของโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศกั ด์ิ ปี ๒๕๖๓ พบว่ามารดาหลัง ผ่าตัดคลอดไม่สามารถให้นมบุตรได้ภายใน ๔ ชั่วโมงแรกหลังคลอดโดยเฉล่ียมากถึงร้อยละ ๘๐ เน่ืองจากมารดามีอาการปวด แผล และยังไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือ ผู้จัดทาจึงได้พัฒนาอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการช่วยเหลือมารดาหลังผ่าตัดคลอด สามารถ ใหน้ มบุตรโดยเร็วท่สี ุดสามารถใหน้ มไดท้ ังทมี่ อี าการปวดแผล โดยจดั ทา นวตั กรรมหมอนรองให้นมท่านอน นั่ง เพิม่ พลงั สามดดู ขนึ วัตถุประสงค์ ๑ .เพื่อสง่ เสรมิ ให้ทารกได้ดดู นมแม่โดยเร็วในระยะ ๒๔ ชวั่ โมงแรกในมารดาหลังผ่าตัดคลอด ๒. เพ่อื สง่ เสรมิ การจัดทา่ ให้นมลกู ในท่านงั่ และท่านอนอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ๓. เพ่อื เพ่ิมความพงึ พอใจในการเลียงลกู ด้วยนมแม่ในมารดาหลงั ผา่ ตดั คลอด วิธกี ารด้าเนนิ งาน/วธิ กี ารศกึ ษา พัฒนานวตั กรรม ตามกระบวนการ PDCA PDCA ๑ PDCA ๒ PDCA ๓ Plan : ศึกษาปัญหาของมารดาหลัง Plan : ศึ ก ษ า ปั ญ ห า ท่ี เ กิ ด ขึ น ทั ง Plan : นาปัญหาท่ีเกิดขึนมาวางแผน คลอดที่เกิดขึนจริงในการให้นมบุตร หมดแล้วนามาวางแผนแก้ไขปัญหา แก้ไขปัญหาคือออกแบบแผ่นหมอน พบว่า ๑)มารดาท่ีผ่าท้องคลอดใน ๒๔ ดังนี ๑) จัดหาผ้าที่กันนาและสามารถ ปรับระดบั ช่ัวโมงแรกไม่สามารถให้นมบุตรได้ ทาความสะอาดได้ง่าย ๒) หาอุปกรณ์ เนื่องจากเจ็บแผลไม่สามารถพลิก ช่วยยึดด้านหลังของหมอนให้ติดกับ ตะแคงตัวได้ ๒)มารดาที่ให้นมบุตรใน หลังมารดาเพื่อป้องกันการเลื่อนหลุด ท่าน่ังมีความยากลาบากในการหา ๓) ใชใ้ ยสังเคราะห์แทนนนุ่ หมอนมารองตวั บตุ รขณะให้นม Do : ออกแบบหมอนและจดั หา Do : จดั ทาและปรับเปล่ยี นอุปกรณ์ Do : จัดทาและปรับเปลย่ี นอุปกรณ์ อุปกรณ์ทเ่ี หมาะสมในการทาหมอน ตามแบบทวี่ างไว้ ตามแบบที่วางไว้ โดยการใชผ้ ้าฝ้าย มาเย็บในรูปแบบท่ี วางไว้แล้วใช้เศษผ้าหรือนุน่ มาใสด่ า้ น ในของหมอนใหต้ ึง Best Practice เขตสขุ ภาพท่ี ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๖๒
Check : นาไปทดลองใช้กบั มารดาที่ Check : นาไปทดลองใชก้ บั มารดา ๑๐ Check : นาไปทดลองใชก้ บั มารดา๑๐ ให้นมในท่านอนและทา่ นัง่ จานวน ๑๐ รายที่หอผู้ป่วยหลังคลอด รายท่หี อผปู้ ่วยหลงั คลอด รายที่หอผปู้ ่วยหลงั คลอด Act : ๑) นาไปใช้ให้นมลูกได้จริงทังใน Act : พบวา่ ๑) สามารถไปใช้ได้จริงทัง Act : พบว่า ๑) สามารถใช้ได้จริงทังใน ท่านอนแต่การใช้งานในท่าน่ังเล่ือน ในท่านอนและท่านั่งไม่เล่ือนหลุด ๒) ท่านอนและท่าน่ัง ขนาดของหมอนมี หลุดได้ง่าย ๒) ผ้าฝ้ายไม่กันนาเวลา ผ้ากันนาได้ดีเชด็ ทาความสะอาดได้ง่าย ความเหมาะสมและสามารถปรับระดับ เปื้อนเลือดหรือสิ่งคัดหล่ังไม่สามารถ ๓) มีนาหนักเบาสะดวกต่อการใช้งาน ความสูงตามขนาดสรีระของมารดาได้ เช็ดออกได้ ๓)มีนาหนักมากไม่สะดวก ๔) ความสูงของหมอนไม่สามารถปรับ สะดวกต่อการใช้งาน ๒) มารดาและ ใชง้ าน ได้ตามความสูงของลาตัวของมารดาไม่ ครอบครัวมีความพึงพอใจระดับมาก สะดวกตอ่ การใช้งาน ที่สุดท่รี ้อยละ ๙๐ วธิ ีการทดสอบประสิทธภิ าพส่ิงประดิษฐ์ดงั นี ทดสอบกับมารดาหลังผา่ ตัดคลอดที่ไม่มีภาวะแทรกซอ้ น ๑๐ รายโดยใช้ ๑) แบบบันทึกระยะเวลาในการเร่ิมให้ลกู ดดู นมแม่ของมารดาหลังผา่ ตัดคลอด ๒) แบบบันทึกจานวนมารดาหลงั ผา่ ตัดคลอดท่ี สามารถเลียงลกู ด้วยนมแมอ่ ยา่ งเดียวก่อนจาหน่าย ๓) แบบประเมนิ ความพึงพอใจของมารดาและครอบครวั ผลการดา้ เนินงาน ๑.บนั ทึกระยะเวลาในการเร่มิ ใหล้ กู ดดู นมแมข่ องมารดาหลังผา่ ตดั คลอดทใ่ี ช้หมอนรองให้นมท่านอน น่งั เพิม่ พลงั สามดดู ระยะเวลาในการเรมิ่ ให้ลกู ดดู นมแม่ของมารดาหลงั ผ่าตัดคลอด (๑๐ ราย) ระยะเวลา จานวน (ราย) ร้อยละ ภายใน ๓ ชั่วโมงหลงั คลอด ๔ ๔๐ ภายใน ๔ ชว่ั โมงหลังคลอด ๖ ๖๐ ๒.บนั ทกึ จานวนมารดาหลงั ผา่ ตดั คลอดที่ใช้หมอนรองให้นมท่านอน น่งั เพิม่ พลงั สามดดู เลยี งลกู ดว้ ยนมแม่อย่าง เดียวก่อนจาหน่าย จานวนมารดาหลงั ผา่ ตดั คลอดท่ีใช้หมอนรองใหน้ มท่านอนสามดดู สามารถเลยี งลกู ด้วยนมแมอ่ ยา่ งเดียวก่อนจาหน่าย ชนิดของอาหารท่ีไดร้ ับก่อนจา้ หน่าย จ้านวน (ราย) รอ้ ยละ นมแมอ่ ย่างเดยี ว ๑๐ ๑๐๐ ๓.ประเมนิ ความพงึ พอใจของมารดาและครอบครัวในการใช้หมอนรองใหน้ มท่านอน น่ัง เพ่มิ พลงั สามดูด รายการประเมิน ความพงึ พอใจ(N=๑๐) นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่สี ดุ การนาไปใชใ้ หน้ มลูกไดจ้ รงิ ทังในทา่ นัง่ และทา่ นอน ๐ ๐ ๑๙ ทาความสะอาดงา่ ย ๐ ๐ ๐ ๑๐ มคี วามสวยงาม ๐ ๐ ๒๘ มีความคงทนแขง็ แรง ๐ ๐ ๑๙ มีราคาประหยดั เมอ่ื เทียบกบั ประโยชนก์ ารใช้งาน ๐ ๐ ๑๙ ความพึงพอใจโดยรวม ๐ ๐ ๑๙ อภปิ รายผล จากการทดสอบนวตั กรรม พบว่า นามาใช้ได้จริง มารดาหลังผ่าตัดคลอดสามารถให้ลูกดูดนมแม่โดยเร็วใน ๔ ชว่ั โมง แรกคิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ สามารถจัดท่าให้นมลูกในท่าน่ังและท่านอนอย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้มารดาหลังผ่าตัดคลอด Best Practice เขตสุขภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๖๓
สามารถเลียงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวก่อนจาหน่าย ร้อยละ ๑๐๐ ความพึงพอใจในการใช้หมอนในด้านความสวยงาม คงทน แขง็ แรง มีราคาประหยัดเมอื่ เทียบกบั ประโยชนก์ ารใช้งานและความพงึ พอใจโดยรวมอยใู่ นระดบั มากถึงมากทส่ี ุด คิดเป็น ๙๐ % สรุปและขอ้ เสนอแนะ นวัตกรรมหมอนรองให้นมท่านอน นั่ง เพ่ิมพลังสามดูด เริ่มต้นจากการค้นพบปัญหา แล้วศึกษาข้อมูล ทบทวน วรรณกรรม นามาออกแบบหมอน เลอื กใชว้ สั ดทุ ที่ ามาจากหนงั เนือนิ่มไมเ่ ปน็ คราบ ทาความสะอาดไดง้ ่าย กนั นา ลดการสะสม ของเชอื โรค นามาใชท้ ดลองกบั มารดาหลงั ผ่าตดั คลอดพบว่า มารดาที่มีความเจ็บปวดจากแผลผ่าตัดสามารถให้ลูกดูดนมแมไ่ ด้ ทันทีหลังผ่าคลอด อย่างถูกวิธี โดยไม่ต้องพลิกตะแคงตัว ลดความเจ็บปวด ปรับขนาดได้ตามระดับความสูงของลาตัวมารดา สามารถให้ลกู ดูดนมแม่บ่อยตามความต้องการ ส่งผลให้นานมมารดาไหลเรว็ ขึนเน่ืองจากมี การดดู เร็ว ดูดบ่อย ดูดถูกวธิ ี และ เมื่อมารดาคลายความเจ็บปวดลง ลุกน่ังให้นมลูกได้ สามารถนาหมอนมาจัดท่าให้นมลูกในท่าน่งั ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพไมเ่ สีย ค่าใช้จ่ายเพ่ิม คุ้มค่าคุ้มทุน ส่งผลให้มารดาหลังผ่าตัดคลอดสามารถเลียงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวก่อนจาหน่าย ร้อยละ ๑๐๐ และมีข้อเสนอแนะว่า หมอนรองให้นมท่านอน น่ัง เพิ่มพลังสามดูดนี สามารถเพ่ิมความสาเร็จในการเลียงลูกด้วยนมแม่ก่อน จาหน่ายได้ จงึ ควรสนับสนนุ ให้หน่วยงานทีด่ แู ลมารดาหลงั คลอดนาไปใช้ เพราะนอกจากจะใช้สาหรบั มารดาที่ผา่ ตดั คลอดแล้ว ยังสามารถนาไปใช้กับมารดาป่วยที่ไม่สามารถลุกน่ังให้นมบุตรได้อีกด้วย เป็นการส่งเสริมการเลียงลูกด้วยนมแม่อย่าง มีประสทิ ธิภาพ Best Practice เขตสขุ ภาพท่ี ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๖๔
ช่ือเรอื่ ง อปุ กรณช์ ว่ ยเคลื่อนย้ายผู้สงู อายุ (Standing transfer aids for elderly) ชือ่ เจ้าของผลงาน พว.ยพุ าวดี ขนั ทบัลลัง และคณะ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรุ าษฎรธ์ านี บทนา้ /หลกั การและเหตผุ ล/ทมี่ าและความส้าคัญ ในปจั จบุ ันสังคมเปลยี่ นแปลงไปเรม่ิ เข้าสู่สังคมผู้สงู อายุและมีแนวโนม้ จานวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึน เน่ืองจากอตั ราเกิด และอัตราตายท่ีลดลงและมีอายุขัยเฉลี่ยท่ียืนยาวขึน จากการคาดการณ์ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ประเทศไทยจะมีประชากรสูงวัย จานวน ๑๒.๖ ล้านคนจากจานวนประชากรรวม ๖๖ ล้านคน โดยคิดเป็นร้อยละ ๑๙.๑ ของประชากรรวม และคาดว่าใน ปี ๒๕๖๔ ประเทศไทยจะเขา้ สสู่ งั คมสูงวยั อย่างสมบูรณ์ (Complete Aged Society) คือ มปี ระชากรอายุ ๖๐ ปีขนึ ไป ร้อยละ ๒๐ ของประชากรทังหมด ซ่ึงปัญหาสุขภาพเป็นผลกระทบสาคัญที่เกิดขึนในวัยผู้สูงอายุทาให้สุขภาพร่างกายเสื่อมโทรม มีโรคประจาตัว การเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรือรัง ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ป่วยท่ีมีปัญหาการเคล่ือนไหวส่งผลให้ทากิจวัต ร ประจาวันได้น้อยลงจึงจาเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เม่ือมีผู้สูงอายุมีภาวะเจ็บป่วยส่งผลให้ความสามารถในการ ชว่ ยเหลือตนเองลดลง ญาติจึงจาเป็นตอ้ งมีภาระในการดูแล ทงั นกี ารดแู ลผู้สูงอายุท่ีมีปัญหาการเคลื่อนไหวของร่างกาย ผู้ดแู ล มีความจาเปน็ ทีจ่ ะต้องให้การชว่ ยเหลือในการเคลอื่ นไหวจากทหี่ นง่ึ ไปยังที่หน่ึง ทังนีทาไปเพื่อช่วยลดการบาดเจ็บ การป้องกัน การหกล้ม การส่งเสริมให้มีการดาเนินชีวิตที่ดีขึน อย่างไรก็ตาม สังคมไทยส่วนใหญ่ผู้ดูแลมีการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีปัญหา การเคล่ือนไหวด้วยวิธีการใช้แรงของตนเองในการช่วยพยุง รวมทังในบางรายผู้ดูแลส่งเส ริมให้ผู้สูงอายุใช้อุปกรณ์ในการ ช่วยเหลือตัวเอง เช่น ไม้เท้า อุปกรณ์ช่วยเดิน ๔ ขา ซึ่งผู้ดูแลก็ยังคงออกแรงในการพยุงผู้ป่วยร่วมด้วย และเนื่องจากการ เคลอ่ื นย้ายผู้สงู อายอุ าจมีข้อจากัดในกรณที ่ีผู้สูงอายทุ ่มี ีนาหนกั ตวั ค่อนข้างเยอะ และมผี ดู้ แู ลหลกั เพียงคนเดียว อันส่งผลให้การ เคลอื่ นยา้ ยเปน็ ไปด้วยความยากลาบาก ดังนัน ผู้วิจัยจึงมีแนวคิดพัฒนานวัตกรรม อุปกรณ์ช่วยเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุ สาหรับผู้สูงอายุท่ีมีปัญหาเร่ืองการเดิน หรือการเคลื่อนไหว ซ่ึงเป็นอุปกรณ์ที่สามารถช่วยในการเคล่ือนย้ายผู้สูงอายุท่ีสามารถช่วยเหลือตนเองโ ดยการลุกยืนบน อุปกรณ์โดยไม่ต้องออกแรงมาก ใช้อุปกรณ์ช่วยในการพยุงตัวผู้สูงอายุให้ทรงตัวได้ดีและอุปกรณ์สามารถเคล่ือนท่ีโดยผู้ดูแล ไปในบรเิ วณบ้านได้ ชว่ ยผ่อนแรงลดภาระให้แกญ่ าติผู้ดแู ล ส่งผลใหผ้ สู้ ูงอายแุ ละผูด้ แู ลมคี ณุ ภาพชีวิตทด่ี ีขนึ วตั ถุประสงค์ ๑. เพอ่ื ศกึ ษาและพัฒนาอุปกรณช์ ว่ ยเคลือ่ นย้ายสาหรบั ผสู้ ูงอายุ ๒. เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของผู้ใชแ้ ละผดู้ ูแลต่อการใช้อปุ กรณช์ ว่ ยเคล่อื นย้ายสาหรับผสู้ งู อายุ วิธกี ารดา้ เนนิ งาน/วธิ ีการศกึ ษา โดยใช้กระบวนการวจิ ัยและพฒั นา (Research and Development) การพฒั นาตน้ แบบ : ๑. ศึกษาอปุ กรณช์ ่วยเคลื่อนยา้ ยที่สามารถตอบโจทยก์ ารใช้งานตามต้องการและทาการทบทวนวรรณกรรมท่ีเกีย่ วข้อง ๒. ดาเนนิ การออกแบบนวตั กรรม อปุ กรณช์ ่วยเคลือ่ นย้ายผู้สงู อายุ ๓. ส่งแบบให้ผู้ทรงคุณวุฒิจานวน ๓ ท่าน ทาการตรวจสอบการออกแบบและให้ข้อคิดเห็นและประเมินความเป็น ไปได้ของนวัตกรรม ซึ่งในขันตอนนีผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย วิศวกรผู้มีความชานาญในการออกแบบอุปกรณ์ทางการแพทย์ ๑ ท่าน อาจารย์พยาบาลผูม้ คี วามเช่ียวชาญทางด้านการดูแลผู้สูงอายุ ๑ ท่าน และผู้ดูแลผ้สู ูงอายจุ านวน ๑ ทา่ น ๔. สร้างต้นแบบนวัตกรรมครงั ท่ี ๑ โดยใช้อุปกรณช์ ่วยเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุโดยใช้วัสดุอุปกรณ์ดังนี ๑) ท่อสแตนเลส ๒) ลอ้ ขนาดเลก็ แบหมนุ อสิ ระพรอ้ มตัวลอ็ ก ๓) ฟองนา ๔) ผ้าใบ ๕) ผา้ รม่ ๖) ตีนต๊กุ แก ๗) เชอื กผา้ ๕. ทดลองใช้ในผู้สงู อายจุ านวน ๑๐ ราย พรอ้ มสอบถามความคดิ เหน็ ของผู้สูงอายแุ ละผ้ดู แู ลท่ีมีต่ออุปกรณ์ช่วย เคลือ่ นยา้ ยผสู้ ูงอายุในเชิงคณุ ภาพ โดยใชก้ ารสมั ภาษณ์ ๖. สรปุ ผลพรอ้ มนาขอ้ เสนอแนะมาปรับปรงุ นวัตกรรม ๗. พฒั นาปรบั ปรงุ นวตั กรรมตามข้อเสนอแนะเป็นตน้ แบบครงั ที่ ๒ Best Practice เขตสุขภาพท่ี ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๖๕
การทดสอบประสิทธิภาพการทางานของนวัตกรรม : (ต้นแบบครังท่ี ๒) ดงั นี ๑. ดาเนินการขอจริยธรรมการทาวิจัยในมนุษย์ เพ่ือทาการทดลองใช้นวัตกรรมกับกลุ่มผู้สูงอายุ โดยได้รับ การพิจารณาเหน็ ชอบจากคณะกรรมการการทาวิจัยในมนุษย์จากวิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรุ าษฎร์ธานี เลขท่ี ๒๐๒๐/๓๒ ๒. ประชาสัมพันธ์และคัดเลือก ผู้สูงอายุและผู้ดูแลท่ีมีความสนใจ จานวน ๑๕ ราย ตามคุณสมบัติที่กาหนด ดังนี ๑) ผ้สู ูงอายุที่มีปัญหาการเคลื่อนไหวมีกาลงั แขนอยู่ในระดับปกติ motor power grade ๕ ๒) ยนิ ยอมเข้าร่วมโครงการ ๓. นาแบบสอบถาม จานวน ๒ ชุด มาใช้ในการเก็บข้อมูลการทดสอบนวัตกรรม ประกอบด้วย คือ แบบสอบถาม ความพึงพอใจของผู้ใช้ และแบบบนั ทึกเปรียบเทยี บระยะเวลาในการเคล่อื นยา้ ยผ้สู งู อายุกอ่ นหลงั ใชน้ วัตกรรม โดยเคร่อื งมอื ทัง ๒ ชุด ได้ผ่านการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน ๓ ท่าน คือ อาจารย์พยาบาลผู้เช่ียวชาญในการดูแลผู้สูงอายุ วิศวกรผู้มี ความชานาญ ในการออกแบบอุปกรณ์ทางการแพทย์และอาจารยผ์ ู้เช่ียวชาญดา้ นนวัตกรรมและประเมินผล ๔. ดาเนินการทดสอบประสิทธิภาพการทางานของนวัตกรรม โดยขออนุญาตในการทาการทดลองการใช้เครื่อง อุปกรณ์ช่วยเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุ โดยให้ผู้สูงอายุและผู้ดูแลเซ็นใบยินยอม โดยก่อนที่จะให้ผู้สูงอายุและผู้ดูแลเซ็นใบยินยอม จะต้องอธิบายวิธีการใช้เคร่ือง อุปกรณ์ช่วยเคล่ือนย้ายผู้สูงอายุ โดยสาธิตกับผู้สูงอายุและญาติดูก่อนตัดสินใจยินยอมในการ เข้าร่วมในการทดลองใชอ้ ปุ กรณ์ ดังนี ๑) ผ้ดู ูแลนาเคร่ือง อุปกรณ์ช่วยเคลอ่ื นย้ายผสู้ ูงอายเุ ข้าไปยังผ้สู งู อายใุ นขณะท่นี ั่งบนเก้าอี ๒) นาขาและเทา้ ทังสองขา้ งมาวางที่วางเทา้ ของอปุ กรณ์ ๓) ให้ผู้สงู อายจุ บั ราวเหลก็ ของเคร่ือง อุปกรณ์ช่วยเคลื่อนย้ายผูส้ งู อายุ โดยผู้ดูแลช่วยสวมเข็มขัดและรัดให้พอดีกับตัวผู้สูงอายุ ๔) คล้องเชือกด้านใดด้านนึงไว้ท่ีเครื่อง อุปกรณ์ ช่วยเคลือ่ นยา้ ยผู้สงู อายุ จากนันผู้ดแู ลออกแรงดงึ เชือกอีกดา้ นนงึ ใหต้ วั ผูส้ ูงอายุยืนขึน และคล้องเชือกไว้กบั เครอ่ื ง อุปกรณ์การ เคลือ่ นยา้ ยผู้สูงอายุ ๕) สามารถเคลือ่ นยา้ ยผสู้ งู อายไุ ปที่ตา่ งๆได้ เช่น ย้ายจากเตยี งนอนไปยังรถเข็น หรือเขา้ ห้องนา เปน็ ตน้ ๕. ดาเนินการเก็บรวบรวมโดยการทดลองใช้นวัตกรรมกับผู้สูงอายุและผู้ดูแล เก็บข้อมูลระยะเวลาก่อน-หลังการ ใช้อุปกรณ์ และประเมินแบบสอบถามความพึงพอใจ และเข้าร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้ร่วมการทดลองใช้เครื่อง อุปกรณ์ ช่วยเคล่ือนยา้ ยผสู้ งู อายุ รว่ มกบั ผูส้ งู อายแุ ละผดู้ ูแล ๖. นาแบบสอบถามท่ีได้มาตรวจสอบความสมบรู ณถ์ กู ตอ้ งกอ่ นที่จะนาไปวิเคราะหข์ ้อมูลทางสถติ ิ ผลการดา้ เนนิ งาน/ผลการศกึ ษา พบว่า ๑) หลังนาอุปกรณ์ช่วยเคล่ือนย้ายมาใช้ พบว่า ระยะเวลาในเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุภายในบ้าน ขึน-ลง รถยนต์ ลดลง ๒) ระดับความพึงพอใจของผูส้ ูงอายุและผู้ดูแลต่อการใช้นวัตกรรม อปุ กรณ์ช่วยเคล่ือนย้ายผ้สู ูงอายุ ค่าเฉล่ียโดยรวมอยู่ ในระดับมาก ( x̅ = ๔.๐๓, S.D. = ๐.๗๓) โดยวิเคราะห์รายข้อพบว่า ข้อที่มีระดับคะแนนสูงสุด คือ เป็นนวัตกรรมท่ีมีความ เหมาะสมกับผู้สูงอายุและมีความสุขสบายไม่เจ็บปวดขณะใช้อุปกรณ์เคลื่อนย้าย ( x̅ = ๔.๒๗4, S.D. = ๐.๖๘) รองลงมาคือ รู้สึกวา่ เป็นนวัตกรรมที่สามารถนาไปใช้ไดจ้ รงิ สะดวกแก่ผู้สูงอายุในขณะเคล่ือนย้าย ( x̅ = ๔.๒๐, S.D. = ๐.๖๕) สรปุ และขอ้ เสนอแนะ อุปกรณ์ช่วยเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุสามารถช่วยผู้สูงอายุให้สามารถเคลื่อนที่ไปในบริเวณท่ีต้องการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และลดภาระผู้ดูแล ช่วยผ่อนแรงผู้ดูแลในการเคล่ือนย้ายสาหรับผู้สูงอายุภายในบ้าน ไปห้องนา และขึน-ลงรถยนต์ ได้อย่างสะดวก ชว่ ยลดความเส่ียงตอ่ การเกิดอุบตั ิเหตุ การบาดเจบ็ จากการหกลม้ โดยอุปกรณ์มเี ขม็ ขัดชว่ ยพยงุ และปรบั ระดับ ได้ใช้ต้นทุนในการผลิตต่า ใช้งานได้จริง มคี วามแข็งแรง ปลอดภัย สง่ ผลให้ผสู้ ูงอายุสามารถดาเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ิมคุณภาพชีวิตให้ทังผู้สูงอายุและผู้ดแู ล อย่างไรก็ตาม ในบริบทของบ้านเรือนผสู้ ูงอายุท่ตี ่างระดบั ยงั คงมีความจาเปน็ ในการ พฒั นาต่อยอดในการปรับขนาดของลอ้ ให้ใหญข่ นึ และสามารถใชใ้ นพืนทท่ี ่ีความต่างระดบั ได้ Best Practice เขตสุขภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๖๖
ชอ่ื เร่อื ง การพฒั นาสื่อวิดีโอใหค้ วามร้แู กผ่ ดู้ ูแลผู้สูงอายุและผู้สูงอายดุ ว้ ยหลัก ๕ อ. ให้สูงวัยหา่ งไกลโควดิ -19 ชอ่ื เจ้าของผลงาน พว.ศภุ ลกั ษณ์ ธนาโรจน์ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี บทน้า/หลกั การและเหตผุ ล/ทม่ี าและความส้าคัญ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชือไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน ได้ทวีความรุนแรงขึนอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีจานวน ผู้ติดเชือและมีจานวนผู้เสียชีวิตในชุมชนเป็นจานวนท่ีมากขึน อันเนื่องมาจากความสามารถในการแพร่ระบาดท่ีสามารถ ตดิ ต่อกันได้อย่างง่ายดาย ประกอบกับสามารถติดตอ่ จากผู้ที่ได้รับเชอื ที่ยังไม่แสดงอาการไปยังบุคคลอืน่ และหากมีการตดิ เชือ ไปยังผู้ท่ีมีร่างกายไม่แข็งแรงจะมีโอกาสเกิดความรุนแรงจนเสียชีวิตได้สูงกว่าคนทั่วไป ซ่ึงรวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุท่ีมีความเสื่อม ตามวัย ภูมิคุ้มกันลดลงตามวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูงอายุท่ีมีโรคประจาตัว และแม้จะมีการกาหนดมาตรการเพ่ือป้องกัน การแพร่กระจายเชือในที่สาธารณะอย่างเข้มงวด แต่ยังมีผู้ติดเชือจานวนไม่น้อยที่ได้รับเชือมาจากสมาชิกในครอบครัว จาก ความจาเป็นท่ีต้องออกไปนอกบ้านเพ่ือทางานหรือไปหาซือของกินของใช้เข้ามาในบ้าน ซ่ึงมีโอกาสนาเชือจากภายนอกมาสู่ ผู้สูงอายุ อีกทังการจากัดบริเวณให้ผู้สูงอายุอยู่แต่ในบ้านเป็นเวลานานติดต่อกันหลายเดือน อาจส่งผลให้สภาพร่างกายและสมอง ของผู้สูงอายถุ ดถอยลงจนเกิดภาวะพึ่งพิงในระยะยาว รวมทังเกิดความเครียด ทังหมดนีจะส่งผลกระทบกับทังครอบครัวทังใน ระยะสันและระยะยาว จงึ มีความจาเป็นต้องมีส่ือให้ความรู้ท่ีเหมาะสมกับวิถีชีวิตของประชาชนชาวใต้เกี่ยวกับแนวทางในการ ดแู ลผูส้ งู อายใุ นสถานการณ์ระบาดของโรคโควดิ -19 ไม่ให้เกดิ ภาวะไมพ่ งึ ประสงค์และมีคุณภาพชวี ิตทีด่ ีในรูปแบบวิถใี หม่ตอ่ ไป วัตถปุ ระสงค์ ๑. พัฒนาส่ือวิดีโอใหค้ วามรู้แกผ่ ดู้ แู ลผสู้ ูงอายุด้วยหลกั ๕ อ. ใหส้ งู วยั ห่างไกลโควิด-19 ๒. ประเมินความรผู้ ดู้ แู ลผสู้ งู อายุที่บ้านและผสู้ ูงอายเุ รื่อง การดูแลผ้สู งู อายุโดยใชห้ ลกั ๕ อ. ๓. เพ่ือศึกษาความพึงพอใจตอ่ ส่ือใหค้ วามรู้แก่ผดู้ ูแลผู้สูงอายุและผ้สู งู อายุด้วยหลกั ๕ อ. ให้สงู วยั ห่างไกลโควดิ -19 วิธกี ารดา้ เนินงาน/วธิ กี ารศกึ ษา การดาเนนิ การวจิ ัย : ส่ือวิดีโอให้ความรู้แก่ผู้ดูแลผู้สูงอายุและผู้สูงอายุ ตามหลัก ๕ อ. ของกรมควบคุมโรค มีเนือหาเก่ียวกับสถานการณ์ ความรุนแรงของการแพร่ระบาดของเชือไวรัสโควิด-19 และแนวทางการในการดูแลผู้สูงอายุตามหลัก ๕ อ. ได้แก่ ๑) อาหาร ๒) ออกกาลังกาย ๓) เอนกายพกั ผ่อน ๔) อารมณ์ และ๕) ออกห่างจากสงั คมนอกบ้าน กลมุ่ ตัวอย่าง : ผดู้ ูแลผสู้ งู อายแุ ละผูส้ งู อายุ ในจังหวดั สุราษฎร์ธานแี ละชุมพร จานวน ๕๐ คน การวิเคราะห์ขอ้ มูล : ขอ้ มูลทว่ั ไป ความพึงพอใจ หาค่าเฉลยี่ และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะหค์ วามรู้: ก่อนและหลังการใช้ส่ือให้ความรู้แก่ผู้ดูแลผู้สูงอายุและผู้สูงอายุ ตามหลัก ๕ อ. ให้สูงวัยห่างไกลโควิด-19 ใช้สถิติ Dependent-t-test ผลการดา้ เนนิ งาน/ผลการศกึ ษา ส่ือให้ความรู้แก่ผู้ดูแลผู้สูงอายุและผู้สูงอายุ ตามหลัก ๕ อ. ให้สูงวัยห่างไกลโควิด-19 สามารถเข้าใจถึงการดูแล ผสู้ ูงอายุในสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ง่ายด้วยการใช้ภาษาถิ่น เนือหาที่ทันสมัย กระชับ และเล่าเร่ืองราวได้อย่าง นา่ สนใจ Best Practice เขตสขุ ภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๖๗
ชือ่ เรื่อง ตตู้ อ่ ชีวิต ชอ่ื เจ้าของผลงาน สายญั ทนิ แกว้ , วชั รินทร์ เดชน้อย และ บุญสม ชนะสนิ ธ์ โรงพยาบาลชุมพรเขตรอดุ มศักดิ์ บทน้า/หลกั การและเหตุผล/ทมี่ าและความส้าคญั สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคไวรสั โคโรนา 2019 (โควิด-19) ในปี ๒๕๖๔ มีจานวนผปู้ ว่ ยโควดิ -19 เพ่มิ ขึนอย่าง รวดเร็ว สง่ ผลกระทบตอ่ บริการด้านการแพทย์และสาธารณสขุ ทกุ ระดับทว่ั โลกและสถานการณใ์ นประเทศไทยก็มีความรนุ แรง และขยายวงกว้างเชน่ กัน จังหวัดชมุ พร มีจานวนผปู้ ่วยโควดิ –19 เพิ่มขนึ อย่างรวดเรว็ มีผเู้ ข้ารบั บรกิ ารตรวจรักษาในโรงพยาบาลชมุ พรเขตรอุดมศักด์ิ จังหวัดชุมพรเพิ่มมากขึน ส่งผลกระทบต่อบริการรับ-ส่งผปู้ ่วย (ศูนยเ์ ปล) ภายในโรงพยาบาลซึง่ เป็นบริการหนงึ่ ท่ีสาคัญ เพราะ จาเป็นต้องมีการรับ-ส่งต่อ เคล่ือนย้าย ให้การพยาบาลขณะส่งต่อผู้ป่วย ท่ีมีโอกาสเกิดการแพร่กระจายเชือในโรงพยาบาล สง่ ผลกระทบต่อความปลอดภยั ทังผู้ปว่ ย บุคลากร และผ้มู าใชบ้ ริการทัว่ ไป ทางศูนยร์ บั -ส่งผปู้ ว่ ย กลมุ่ การพยาบาล โรงพยาบาลชมุ พรเขตรอุดมศกั ด์ิ จงึ ได้จัดทานวัตกรรม ตู้ตอ่ ชีวิต ขนึ เพ่ือใช้ ในการรบั - ส่งผู้ปว่ ย ชนดิ ตคู้ รอบรถนอน ให้บรกิ ารรับ-ส่ง เคลอื่ นย้ายผู้ป่วยโควิด - 19 สะดวก นาหนักเบา พยาบาลสามารถ สอดมอื เข้าทาหตั ถการไดง้ า่ ย มีชอ่ งหนา้ ตา่ งขนาดเล็กท่สี ามารถเปิด ปิดได้โดยสะดวก มรี ะบบปอ้ งกันการแพร่กระจายเชือโดย ใชแ้ ผน่ กรองอากาศ ๒ ชนั เสรมิ ด้วยคาร์บอน เพอื่ ความปลอดภยั วัตถปุ ระสงค์ ๑.เพอ่ื ใหม้ ตี คู้ รอบใช้ในการเคลอื่ นยา้ ยผ้ปู ว่ ยติดเชอื เพยี งพอ ๒.เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชอื ตอ่ บคุ ลากรและ ผรู้ ับบรกิ ารทัว่ ไป ๓. เพ่อื ให้ผู้ใชง้ านมีความพึงพอใจ ๔. เพอ่ื ลดต้นทนุ ในการจดั ซือต้คู รอบ PDCA วงรอบที่ ๑ Act รับฟงั เสยี งผใู้ ช้ ปรบั ปรุงงาน Check ตรวจสอบและทดลองใชง้ าน ปรบั ปรุง ตดิ มุมกันคมทุกด้าน ทกุ มมุ เพ่อื ให้ เสรมิ ความแขง็ แรง ตรวจสอบและทดลองใชง้ าน โดยพนักงานทดลองใชก้ ับเปล ลดความคมบรเิ วณเหลยี่ มมมุ ทาความสะอาดงา่ ย นอนทีป่ ฏบิ ัติงานจริง นาส่งผปู้ ว่ ยและสอบถามผลการใช้ จากเพือ่ นรว่ มงาน ผลลัพธ์ : ขนาดตู้ครอบพอดี ไมใ่ หญ่ มมุ กนั คม เกนิ ไป ยก ทาความสะอาดงา่ ย มุมตู้ยงั มรี อยตอ่ คม Plan การวางแผนรา่ งแบบต้คู รอบ Do การจดั ทานวตั กรรมตามแผน วางแผนการจดั ทาตู้ครอบ โดย ๑.จัดทาตู้ครอบโดยใช้กาวยาแนว แทนการยึดนอตเพ่ือลด ประเมินตคู้ รอบรปู แบบเดิมที่ใช้ ขอ้ เสีย ข้อจากดั ความแหลมคม ทาความสะอาดง่าย ไมม่ ปี มุ่ แหลมคม ฟงั เสียง ผู้ใช้ตคู้ รอบจากเพ่อื นพนกั งานเปล พยาบาลผสู้ ่งผ้ปู ่วย ชอ่ งหน้าต่างเล็กใชก้ ารเลื่อนปดิ เปดิ แทนการเจาะชอ่ งเพือ่ ประเดน็ ปัญหา : ตคู้ รอบใชน้ อต คมทาความสะอาดยาก ขนาดใหญ่ ใหป้ ดิ ชอ่ งได้สนิทเวลาไม่ใช้งาน ใชแ้ ผ่นกรองอากาศ ๒ ชนั เกินไปชอ่ งหน้าต่างปิดไม่สนทิ เสยี่ งแพร่เชือ ไม่มัน่ ใจการทาลายเชือ เสรมิ ดว้ ยคาร์บอน กรองอากาศกอ่ นดดู อากาศออกดา้ นบน Best Practice เขตสขุ ภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๖๘
PDCA วงรอบท่ี ๒ Plan พัฒนารอบท่ี ๒ : รับฟังปัญหาจากเพ่ือนร่วมงาน การใช้นวัตกรรม ตู้ต่อชีวิตในการเคล่ือนย้ายผู้ป่วย พบปัญหาการ เคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 ในกลุ่มที่ไม่จาเป็นต้องใช้เปลนอน สามารถน่ังได้ แต่เนื่องจากต้คู รอบมีแบบชนิดตู้ครอบแบบนอน ตอ้ งใชพ้ นักงานเปล ๒ คน สินเปลืองคา่ ใช้จา่ ยจากการใชช้ ุด PPE เพิ่ม เสยี บุคลากรเท่ยี วละ ๒ คน ทีมจงึ พัฒนาตอ่ ยอด เปน็ รถ ตตู้ อ่ ชีวติ แบบรถนั่ง วางแผนรา่ งแบบ Do จัดทานวัตกรรมตามแผน : ตู้ครอบบนรถเข็นน่ัง รับนาหนักได้ไม่เกิน ๘๐ กิโลกรัม ด้านข้างมีพืนที่วางแขนได้ ฝาตู้เปิด ครอบออกค้างไว้ได้โดยมีตะขอสับให้ผู้ป่วยเข้าน่ังได้สะดวก และทาความสะอาดด้านในได้สะดวกท่ัวถึง มีท่ีวางเท้า มีระบบ ดดู อากาศผา่ นแผน่ กรองอากาศ ๒ ชันเสรมิ ด้วยคารบ์ อน ดูดออกดา้ นบน ใช้ Safety Belt รดั กนั ตู้เลอ่ื น ตวั ดดู อากาศ ทวี่ างแขน Check ตรวจสอบและทดลองใช้ : โดยทดลองใชก้ ับพนักงานเปล ทดลองเขา้ ไปนง่ั เขน็ ลงทางลาดเอียง สามารถเขน็ ไดส้ ะดวก โดยพนักงานคนเดยี ว Act ปรับปรุงผลงาน : มีแผนศึกษาปรับปรุงระบบดูดอากาศออก ทางด้านข้าง เน่ืองจากตัวดูดอากาศออกด้านบน ความสูง ใกล้เคยี งกับความสูงของผูเ้ ข็นเปล และวางแผนเปล่ยี นชดุ กรองอากาศทกุ ๓ เดือน โดยปลดทิงทังชุด หมายเหตุ : ตัวดูดกรองอากาศใช้แบตเตอร่ีขนาด ๑๒ โวลต์ มีเครื่องตรวจวัดค่าแบตเตอร่ีเพ่ือให้มั่นใจว่ามีแบตเตอร่ีเพียงพอ ทสี่ ามารถทางานดูดอากาศได้ตลอดเวลารบั -สง่ ผูป้ ว่ ย ผู้ปว่ ยนาหนกั ๑๐๐ กก. เขา้ นง่ั ได้แต่ต้องใชผ้ ้เู ข็นทม่ี ีรูปร่างค่อนขา้ งใหญ่ ผลการดา้ เนินงาน ๑. มีนวตั กรรมตคู้ รอบรถนอนสาหรบั เคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 จานวน ๓ ตู้ และมีนวตั กรรมตคู้ รอบรถนัง่ สาหรับ เคลื่อนย้ายผู้ปว่ ยโควดิ -19 จานวน ๑ ตู้ ๒. ไมพ่ บอุบตั ิการณก์ ารแพร่กระจายเชือระหว่างการเคลอ่ื นยา้ ยผู้ปว่ ย ๓. พนกั งานเปลมคี วามพงึ พอใจ ต่อรปู แบบท่ีสะดวกและทาความสะอาดง่ายในระดบั ดมี าก ๘๑.๘๑ % ๔. ลดคา่ ใชจ้ ่ายการซือตคู้ รอบ จากจดั ซอื ราคาขายประมาณ 15000 บาท/ตู้ จดั ทาเองเสยี ค่าใชจ้ ่าย ๓๑๑๒.๕๐บาท/ตู้ (ไมร่ วมค่าแรง )จดั ทาเองเสยี ค่าใชจ้ า่ ย ๔๑๑๒.๕๐ บาท/ตู้ (รวมคา่ แรง ใช้เวลาทาประมาณ ๓ วนั /ตู้) สรปุ และข้อเสนอแนะ ศกึ ษาและกาหนดอายุการใชง้ านของแผ่นกรองอากาศ เพือ่ กาหนดวนั เวลาเปลีย่ นใหช้ ัดเจน มีความคมุ้ ค่าค้มุ ทุน Best Practice เขตสุขภาพที่ ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๖๙
ชอื่ เรื่อง ระบบการรับ – สง่ เวรของพยาบาลวชิ าชพี ด้วยระบบ Electronic (E-Kardex SSR) ช่ือเจ้าของผลงาน พว.บุญพา ณ.นคร และคณะ โรงพยาบาลสวนสราญรมยส์ รุ าษฎรธ์ านี บทนา้ /หลักการและเหตผุ ล/ที่มาและความสา้ คัญ Kardex เป็นเครื่องมือท่ีใช้ในการสื่อสาร ส่งต่อข้อมูลการดูแลผู้ป่วยสาหรับทีมพยาบาล ซึ่งเดิมมีการใช้รูปแบบ กระดาษและมีหลายรูปแบบมาก แต่ละหน่วยมีการใช้ที่แตกต่างกัน ซ่ึงทาให้ข้อมูลไม่เป็นปัจจุบันและยังไม่สามารถเรียกดู ประวัตกิ ารรบั ส่งเวรยอ้ นหลังได้ ปัจจุบนั เทคโนโลยมี ีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนือ่ ง ในสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรค COVID-19 มีความจาเป็นต่อการปรับตัวสู่ชีวิตวิถีใหม่ (New normal) เว้นระยะห่างในการรับส่งเวร กลุ่มภารกิจ ทางการพยาบาล โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ มองเห็นความจาเป็นและมีแนวคิดในการนาเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาระบบ การรับ-ส่งเวรของพยาบาลวิชาชีพขึน E-Kardex SSR เป็นโปรแกรมออนไลน์รูปแบบใหม่ท่ีได้พัฒนาเป็นอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ สาหรับการรับ-ส่งเวรของทีมการพยาบาล มุ่งเน้นการนาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน ในรูปแบบ Kardex Electronic หรือ E-Kardex SSR พัฒนาในรูปแบบเว็บแอปพลิเคชันโดยข้อมูลถูกจัดเก็บอยู่ในรูปแบบของฐานข้อมูล (Database) สามารถบันทึกข้อมลู ลงในระบบเพือ่ รบั -สง่ เวรได้ทุกทีท่ ุกเวลา และทาให้การรบั สง่ ข้อมูลเปน็ ระบบมากขนึ รวดเรว็ ในการเข้าถึงและส่งต่อข้อมูลของผู้ปฏิบัติงานมีความถูกต้องสมบูรณ์ ลดเวลาในการรับส่งเวรของพยาบาล ทีมสหวิชาชีพ สามารถทราบประวัตกิ ารรักษาของผู้ป่วย วางแผนการดูแลผู้ปว่ ยก่อนขึนปฏบิ ัติงานได้ โดยจะพัฒนาระบบในรูปแบบของเว็บ แอปพลิเคชัน (Web Application) โดยใช้ภาษาพเี อชพี (PHP) ในการเขียนโปรแกรมควบคมุ การทางานและใช้มายเอสคิวแอล (MySQL) เป็นระบบจัดการฐานข้อมูล ซึง่ จะทาให้ผูใ้ ชง้ านสามารถใชข้ อ้ มลู ร่วมกนั ได้ เพ่อื แก้ปัญหาดังกล่าว ซ่งึ จะอานวยความ สะดวก รวดเรว็ ถกู ตอ้ งในการแกไ้ ขขอ้ มูล และช่วยลดทรพั ยากรกระดาษจากระบบงานเดิม อกี ทงั มีความปลอดภยั ของการเกบ็ ข้อมูลสูง เนื่องจากระบบจะถูกติดตังท่ีเคร่ืองเซิร์ฟเวอร์และสามารถนาไปปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างเสรี เพราะ ภาษาที่ใช้พัฒนาจัดอยู่ในรูปแบบของโอเพนซอร์ส (Open Source) การพัฒนาระบบการรับ-ส่งเวรของพยาบาลวิชาชีพ (E-Kardex SSR) เพ่ือตอบสนองตอ่ การบริหารจดั การและปรับตัวเข้าสู่ชวี ติ วถิ ีใหม่ (New Normal) โดยมีเป้าหมายเพื่ออานวย ความสะดวกให้แก่หัวหน้าตึก หัวหนา้ งาน และผู้ปฏิบัติงานท่ตี ้องการรบั ส่งเวร รวมไปถึงทีมสหวิชาชีพท่ีต้องการทราบประวัติ การรักษาของผู้ป่วยเพื่อใช้สาหรับวางแผนการดูแลผู้ป่วยก่อนขึนปฏิบัติงานได้ ซึ่งระบบท่ีพัฒนาขึนมีการวิเคราะห์โครงสร้าง ระบบฐานข้อมลู เพื่อให้การจัดเก็บและการคน้ หาข้อมลู สามารถทาไดอ้ ยา่ งสะดวกและรวดเร็ว วัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื พฒั นาระบบการรับ-ส่งเวรของพยาบาลวชิ าชีพผา่ นรูปแบบระบบสารสนเทศ เพ่มิ ความรวดเรว็ ในการเขา้ ถงึ และ ส่งต่อขอ้ มูลของผู้ปฏิบัตงิ านมีความถกู ตอ้ งสมบรู ณ์ ผปู้ ่วยได้รับการดูแลถกู ต้อง รวดเรว็ ปลอดภยั เพื่อจัดเกบ็ ขอ้ มูลในรูปแบบ สารสนเทศ สามารถนาไปวิเคราะห์ข้อมูลให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดระยะเวลาการรับส่งเวร และ ลดปรมิ าณการใชก้ ระดาษ วธิ กี ารด้าเนนิ งาน/วิธกี ารศกึ ษา การดาเนินการพัฒนาระบบการรับ-ส่งเวรของพยาบาลวิชาชีพ ผู้พัฒนาได้ดาเนินงานตามขันตอน เริ่มต้นด้วย การศึกษาความต้องการของระบบ เม่ือทราบความต้องการแล้วจะดาเนินการวิเคราะห์และออกแบบระบบการรับ-ส่งเวรของ พยาบาลวิชาชีพ เม่ือวิเคราะห์และออกแบบระบบเรียบร้อยแล้ว จากนันดาเนินการพัฒนาระบบและนาเสนอระบบที่ได้ พัฒนาขึน ซึ่งผู้พัฒนาได้กลุ่มตัวอย่าง คือ บุคลากรกลุ่มภารกิจการพยาบาล จานวน ๓๐ คน โดยการสุ่มอย่างง่าย ทดลองใช้ ระบบพร้อมทงั เกบ็ ข้อมลู เพ่อื ทาการวเิ คราะหข์ อ้ มลู และสรปุ ผล ซึง่ มรี ายละเอียดในขันตอนต่าง ๆ ดงั นี การศกึ ษาความต้องการ ของระบบ ทาโดยศึกษาปัญหาของการรับ-ส่งเวร จากนันทาการเก็บ Requirement กับผู้ปฏิบตั ิงานท่ีเก่ียวข้องกับการรับ-ส่ง เวรของพยาบาลวชิ าชีพ เพอื่ ใชเ้ ป็นแนวทางในการกาหนดกรอบขอบเขตในการพัฒนาระบบ ดาเนินการพฒั นาระบบ โดยระบบ การรับ-สง่ เวรของพยาบาลวชิ าชีพ ผู้พัฒนาได้พัฒนาระบบด้วยภาษา PHP ร่วมกบั ระบบการจัดการฐานข้อมูล MySQL และมี การใช้ CSS Framework, JQuery เพอื่ ช่วยเพิม่ ประสทิ ธิภาพในการสร้างส่วนติดต่อกบั ผใู้ ช้งานให้สวยงามและมีความน่าสนใจ Best Practice เขตสุขภาพท่ี ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๗๐
มากยงิ่ ขึน โดยแบ่งระบบตามลักษณะการใช้งานออกเป็น ๔ กลมุ่ ได้แก่ ผู้ดแู ลระบบ หัวหน้างาน หัวหนา้ ตกึ และผู้ปฏิบตั ิงาน และสามารถเข้าถึงระบบการรับ-ส่งเวรของพยาบาลวิชาชีพ ได้ที่ http://๑.๑๗๙.๑๓๙.๒๒๙/kardex/index.php ซึ่งผใู้ ชง้ าน ระบบทงั ๔ กลุ่ม จะมีเมนูการใช้งานแตกต่างกนั หลังจากท่ีได้พฒั นาระบบเรียบร้อยแล้ว ได้จัดสร้างเครื่องมือวิจัยซ่ึงเป็นแบบ ประเมินความพึงพอใจของผใู้ ชง้ านระบบ ชนดิ มาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ๓ ระดับ เพ่ือใชเ้ กบ็ รวบรวมขอ้ มลู จาก กลมุ่ ตวั อยา่ ง การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ดว้ ยโปรแกรมสาเร็จรปู SPSS for windows ผลการด้าเนินงาน/ผลการศึกษา ระบบการรบั -ส่งเวรของพยาบาลวชิ าชพี ได้ระบบตามลักษณะการใช้งานออกเปน็ ๔ กลมุ่ ไดแ้ ก่ ผดู้ ูแลระบบ หัวหนา้ งาน หวั หน้าตกึ และผู้ปฏบิ ัตงิ าน โดยในส่วนของผู้ดแู ลระบบสามารถจดั การข้อมลู ผ้ใู ช้งาน จดั การขอ้ มลู ผปู้ ว่ ย จดั การการให้บริการ ผู้ป่วยใน (ดูข้อมูลได้ทุกหอผู้ป่วย) เรยี กดูกลุ่มท่ีมีอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาHAD เรียกดูประวัติการรับส่งเวรย้อนหลัง และออกรายงานต่าง ๆ ในส่วนของหัวหน้างาน/หัวหน้าตึกสามารถจัดการข้อมูลผู้ป่วยได้ทุกหอผู้ป่วย เรียกดูกลุ่มท่ีมีอาการ ไมพ่ ึงประสงคจ์ ากการใช้ยา HAD เรียกดปู ระวตั กิ ารรบั ส่งเวรย้อนหลงั และออกรายงานต่าง ๆ ในสว่ นของผูป้ ฏบิ ตั งิ านสามารถ จัดการข้อมูลผู้ป่วย จัดการการให้บริการผู้ป่วยใน (ดูข้อมูลได้เฉพาะหอผู้ป่วยตนเอง) เรียกดูกลุ่มท่ีมีอาการไม่พึงประสงค์ จากการใช้ยาHAD เรียกดูประวัติการรับส่งเวรย้อนหลัง และออกรายงานต่าง ๆ ซ่ึงจุดเด่นของตัวระบบสามารถรองรับ การทางานทังคอมพิวเตอร์ โน้ตบ๊กุ และ Smart Phone (IOS, Android) อภปิ รายผล จากการวิเคราะห์ความคิดเห็นของการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้งานระบบการรับ-ส่งเวรของพยาบาลวิชาชีพ ได้ผลดังนี ผลประเมินความพึงพอใจ โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จากผลสรุปการประเมินพบว่า ระดบั ความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่มีต่อระบบการรับ-ส่งเวรของพยาบาลวิชาชพี นนั มีคา่ เฉลีย่ โดยภาพรวมเท่ากบั ๒.๙๖ อยู่ใน ระดับดีมาก สรุปและขอ้ เสนอแนะ การพัฒนาระบบการรบั -ส่งเวรของพยาบาลวชิ าชพี (E-Kardex SSR) เพ่ือตอบสนองตอ่ การบรหิ ารจัดการและปรับตวั เข้าสู่ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) เพื่ออานวยความสะดวกให้แก่หัวหน้าตึก หัวหน้างาน และผู้ปฏิบัติงานท่ีต้องการรับส่งเวร รวมไปถึงทีมสหวิชาชีพท่ีต้องการทราบประวัติการรักษาของผู้ป่วยเพื่อใช้สาหรับวางแผนการดูแลผู้ป่วยก่อนขึนปฏิบัติงานได้ ซ่งึ ระบบทพี่ ัฒนาขึนมีการวิเคราะหโ์ ครงสร้างระบบฐานข้อมูลเพือ่ ให้การจดั เกบ็ และการค้นหาข้อมูลสามารถทาได้อยา่ งสะดวก และรวดเร็ว โดยประเมินผลการพัฒนาระบบการรับ-ส่งเวรของพยาบาลวิชาชีพ ได้ดังนี การลดระยะเวลาในการรับ-ส่งเวร ซง่ึ ระบบงานเดิมการรบั -สง่ เวรใช้เวลาเฉล่ียการรับ-สง่ เวร ประมาณ ๒.๒๕ นาที/ราย ส่วนระบบงานใหม่ใชเ้ วลาเฉล่ียประมาณ ๑ นาที/ราย และในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของเชอื ไวรัสโคโรนา (Covid-19) รนุ แรง หน่วยงานจงึ มนี โยบายลดการใกล้ชิด เว้นระยะห่าง ปรับเปล่ียนการใช้ระบบการรับส่งข้อมูลในการดูแลผู้ป่วยผ่านระบบ E-Kardex SSR ๑๐๐% การลดปริมาณการใช้ กระดาษ ซง่ึ ระบบงานเดิมมีการใชก้ ระดาษในการรับส่งเวร ใน ๑ ปีมีการใช้ปริมาณกระดาษอยู่ที่ ๑๔,๔๑๐ แผ่นโดยประมาณ คดิ เปน็ เงนิ โดยประมาณ ๘,๖๔๖ บาทต่อปี และยงั มกี ารใช้กระดาษในสว่ นของแบบบันทึกอาการไม่พงึ ประสงค์จากการใช้ยาที่ มคี วามเสี่ยงสงู (HAD) การจาแนกประเภทผ้ปู ่วยรายวัน โดยเฉลยี่ อยู่ที่ ๑๑,๕๒๘ แผ่นต่อปี คิดเป็นเงินโดยประมาณ ๖,๙๑๗ บาทต่อปี ระบบงานใหม่ มีการใช้กระดาษเท่ากับ ๐ ผลต่อระบบการดูแลผู้ป่วย การส่งต่ออาการสาคัญให้แก่ทีมการดูแล สามารถนามาวางแผนการดูแลได้ทันทว่ งทีผู้ป่วยได้รับการดูแลทมี่ ีคุณภาพ ความเส่ียงทีเ่ กดิ ในระดับรุนแรงจากระบบการดูแล เท่ากับ ๐ การจาแนกประเภทผู้ป่วยนามากาหนดเป็นแนวทางในการจัดกลุ่มผู้ป่วย วางแผนในการจัดอัตรากาลัง และทีม ประเมนิ ความตอ้ งการการดแู ลไดเ้ หมาะสม ผปู้ ว่ ยปลอดภัยได้รบั บริการตามมาตรฐานการดแู ล และเป็นชอ่ งทางการสื่อสารกับ ทีมสหวิชาชีพได้ สามารถเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาได้ทันเวลา รวดเร็ว ลดความรุนแรงของการเกิดอาการ ไม่พึงประสงค์อุบัติการณ์ท่ีเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือน เมษายน ๒๕๖๔ จานวน ๑๒ ครัง หลังนาระบบการเฝ้าระวัง อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาไปใช้ในการปฏิบัติงานในช่วงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔ ถึงเดือน สิงหาคม ๒๕๖๔ Best Practice เขตสุขภาพท่ี ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๗๑
พบอุบัติการณ์จานวน ๗ ครัง ผลประเมินความพึงพอใจที่มีต่อระบบการรับ-ส่งเวรของพยาบาลวิชาชีพนัน มีค่าเฉลี่ยโดย ภาพรวมเทา่ กับ ๒.๙๖ อยู่ในระดับดีมาก ดังนนั จึงสรุปไดว้ ่าระบบการรับ-ส่งเวรของพยาบาลวิชาชีพ พัฒนาขึนตรงตามความ ตอ้ งการและสามารถนามาใช้งานได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ จะมีการพฒั นาเพิ่มเตมิ ในสว่ นการออก รายงานประเภทตา่ ง ๆ พฒั นา ระบบให้สามารถเชื่อมต่อกับ ระบบหลักของหน่วยงานเพ่ือลดการทางานที่ซาซ้อน พัฒนาระบบค้นหาข้อมูล ในระบบ การรบั -สง่ เวรของพยาบาลวิชาชพี ให้ใช้งานได้ สะดวกและรวดเรว็ มากย่ิงขนึ Best Practice เขตสุขภาพท่ี ๑๑ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๗๒
Search