Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระเพื่อรพระแพง

พระเพื่อรพระแพง

Published by Thaweesak Peangwong, 2019-09-17 05:16:33

Description: พระเพื่อรพระแพง

Search

Read the Text Version

52 วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม ; ปีที่ 6 ฉบับท่ี 1 : มกราคม - เมษายน 2559 Nakhon Phanom University Journal ; Vol.6 No.1 : January - April 2016 ลิลติ พระลอ : การเสรมิ สร้างการเรียนรแู้ ละจรยิ ธรรมทางสงั คม Lilit Phra Lor : Enhancing Learning and Social Ethics ฉวีวรรณ สวุ รรณาภา1 และ พัฒนน์ รี อฐั วงศ2์ Chaweewan Suwannapha1 and Patnaree Attawong2 บทคัดยอ่ การวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1) ศึกษาสภาพทั่วไปของอำ�เภอสอง จังหวัดแพร่ พ้ืนท่ีท่ีปรากฎในวรรณคดีลิลิตพระลอ 2) ศึกษาคณุ คา่ ลิลติ พระลอทม่ี ตี ่อวถิ ชี วี ิตชาวล้านนา 3) เสรมิ สรา้ งการเรียนรแู้ ละจรยิ ธรรมทางสงั คม เปน็ การวิจยั เชิงคุณภาพศึกษาจาก กลุ่มเป้าหมายโดยใช้การสังเกตแบบมสี ว่ นรว่ ม การประชมุ กลุม่ ย่อย และการสมั ภาษณ์ ผลการวิจัยพบวา่ 1) สภาพทางภูมศิ าสตรข์ องพน้ื ที่ที่ปรากฏในวรรณคดลี ลิ ิตพระลอ สถานทีเ่ มืองสองหรืออำ�เภอสองจงั หวดั แพร ก่ บั เมืองสรอง หรือพะเยาเก่ียวข้องกนั 2) คณุ ค่าลลิ ติ พระลอท่ีมีตอ่ วถิ ชี ีวิตต่อชมุ ชน ดา้ นคณุ ค่าจริยธรรมต่อสงั คม ผปู้ กครองยึดคุณธรรม ในทางพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด พร้อมประยุกต์ใช้ให้กลมกลืนกับจารีต ประเพณีและวัฒนธรรม ด้านความรัก เป็นความรัก ที่ย่ิงใหญ่สะท้อนให้เห็นถึงรักแท้จนกระทั่งกลายเป็นโศกนาฏกรรม ด้านความเสียสละอันแรงกล้าเพ่ือให้ผู้ที่ตนรักได้สมหวังในชีวิต ด้านส่ิงแวดล้อม สมัยน้ันมีความอุดมสมบูรณ์เป็นธรรมชาติ ด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นยุคสมัยท่ีมีวิถีชีวิตเรียบง่าย 3) การเสริมสร้าง การเรียนรู้และจริยธรรมทางสังคม ลิลิตพระลอบ่งบอกถึงการมีพิธีกรรม ประเพณีต่างๆ ท่ีน่าเรียนรู้สืบทอดจนถึงปัจจุบัน คือ “ลานวัฒนธรรมขอพรปู่เจ้าสมิงพราย” เป็นต้น สำ�หรับโรงเรียนสองพิทยาคมน้ันมีการเสริมสร้างองค์ความรู้และจริยธรรมผ่านทาง บทเรียนโดยได้รวบรวมศิลปะจัดตั้งพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมของนักเรียนโดยยึดคติธรรมท่ีว่า “ของเก่าเรา ไม่ทงิ้ ของใหมเ่ ราไมป่ ฏิเสธ” ค�ำ ส�ำ คัญ : ลิลิตพระลอ / การเสริมสร้างการเรียนรู้ / จรยิ ธรรมทางสงั คม ABSTRACT The purposes of this study were : 1) to investigate the general state of Song district, Phrae province – the area that appeared in Lilit Phra Lor, 2) to examine the value of Lilit Phra Lor to the Lanna people’s way of life, and 3) to enhance learning and social ethics. The study was qualitative research from the target group by participatory observation, focus group discussion and interview. The findings of study were as follows : 1) The geography of the area shown in the literature – Lilit Phra Lor such as the location of Mueang Sarong or Phayao was related to that of Mueang Song or Song district, Phrae province; 2) the literature lilit Phra Lor has been valuable to the community’s way of life with regard to moral values in society. The governors adhered to Buddhism morality strictly and they were ready to apply it to harmonize with tradition, custom and culture. The facet of love in this literature was the greatest one that reflected the true love until it became a tragedy. The facet of an intense sacrifice which they attempted to make was to fulfill a happy life of their lover. The facet of the environment in those days showed that it was rich and natural. In the economic and social facet, it was the period of a simple way of life. 3) The results of enhancing learning and social ethics showed 1 ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตแพร,่ Assistant Professor, Faculty of Education, Mahachulalongkornrajavidyalaya University Phrae Campus 2 นักวิชาการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตแพร,่ Educator, Mahachulalongkornrajavidyalaya University Phrae Campus

วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม ; ปีที่ 6 ฉบับท่ี 1 : มกราคม - เมษายน 2559 53 Nakhon Phanom University Journal ; Vol.6 No.1 : January - April 2016 that Lilit Phra Lor indicated the rituals and traditions to be learned have been inherited from the ancestors to the present generation, for example, ‘the culture ground for begging Poochaosamingprai to give blessing.’ As for Song- phitthayakhom School, this institution has strengthened the body of knowledge and morality through the lessons by collecting artworks for establishment of a local museum to be a source of learning culture. This school adhered to the motto that says: ‘we leave no old things; we don’t reject the new.’ Keywords : Lilit Phra Lor / Enhancement of Learning / Social Ethics บทน�ำ ที่เกิดขน้ึ (ขนิษฐา ตนั ติพมิ ล. 2538) วรรณกรรมมหี ลายประเภท ไดแ้ ก่ วรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนา วรรณกรรมประวตั ศิ าสตร์ ปัจจุบันโลกกำ�ลังอยู่ในยุคข้อมูลข่าวสาร เทคโนโลยีและ วรรณกรรมคำ�สอน วรรณกรรมนทิ านฯลฯ แตว่ รรณกรรมสว่ นใหญ่ ระบบอุตสาหกรรม ซ่งึ มสี ่วนทำ�ใหว้ ถิ ีชวี ติ ของมนุษย์มีการพฒั นา มกั มเี ค้ามาจากนทิ าน ซง่ึ อาจจะเปน็ นิทานปรมั ปรา นิทานชาดก เพอ่ื ใหก้ ้าวทันกับเทคโนโลยีสมยั ใหม่ ทำ�ใหส้ ังคมสงิ่ แวดล้อมและ นิทานพ้ืนบ้าน นิทานน้ียังมีอิทธิพลต่อวรรณกรรมและวรรณคดี จิตใจมนุษย์มีความเปลี่ยนแปลงไป จนมีคำ�ใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น ของทกุ ชาติ ทุกภาษา หลายๆ ชาติมนี ิทานเป็นของตนเอง นทิ าน คำ�ว่า โลกาภิวัตน์ เป็นต้น เดิมคนไทยเคยมีวิถีชีวิตท่ีเรียบง่าย บางเรือ่ งจงึ มีเนอ้ื เร่อื งคลา้ ยคลงึ กันในหลายชาติหลายภาษา อาศัยกันอยู่เป็นหมู่บ้านมีความสัมพันธ์กันอย่างเหนียวแน่น ลิลิตพระลอ เป็นนิยายท้องถ่ินของไทยภาคเหนือเข้าใจ “มีข้าวในนามีปลาในน้ํา” ไม่มีความเดือดร้อน อยู่ร่วมกันอย่าง กันว่าเป็นเร่ืองจริง ตามหลักฐานพงศาวดาร จึงสันนิษฐานว่า พึ่งพาอาศัย ดังสุภาษิตสำ�นวนไทยที่ว่า “นํ้าพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า” น่าจะเป็นเรื่องราวท่ีเกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ. 1616-1693 และ เป็นวถิ ีชวี ติ ทีเ่ ปน็ ไปตามขนบธรรมเนียมประเพณซี ง่ึ เคยประพฤติ เมืองสรองคงจะเป็นตอนเหนือของอำ�เภอร้องกวาง จังหวัด ปฏิบัติ สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เมื่อวัฒนธรรมตะวันตก แพร่ ส่วนเมืองสรวงคงจะเป็นเขตอำ�เภอแจ้ห่ม จังหวัดลำ�ปาง เข้ามามีอิทธิพลต่อสังคมไทยปัจจุบันอย่างมากจนกลายเป็น พระวรเวทย์พิสิฐ (2530) เป็นวรรณคดีสำ�คัญอีกเรื่องหนึ่ง การกลืนวัฒนธรรมกันเกิดข้ึน วัฒนธรรมที่รับเข้ามาน้ันไม่ได้ ของไทยวรรณคดสี โมสรยกยอ่ งใหเ้ ปน็ ยอดวรรณคดปี ระเภทลลิ ติ กลั่นกรองหรือไม่ได้ประยุกต์ให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นอยู่ ซงึ่ ไมท่ ราบวา่ ใครเปน็ ผแู้ ตง่ และแตง่ เมอื่ ใด มผี สู้ นใจศกึ ษาคน้ ควา้ ของสังคมไทย ทำ�ให้ค่านิยมของประชาชนในอดีตกับปัจจุบันมี หาหลักฐานเก่ียวกับผู้แต่งและระยะเวลาในการแต่งแต่ยังหาข้อ ความแตกต่างกันอย่างส้ินเชิง นอกจากน้ีประชาชนมีความสนใจ ยุติไม่ได้ว่าแต่งในสมัยใด ลิลิตพระลอ ฉบับถอดความอธิบาย ตอ่ หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา ประเพณี วฒั นธรรม ศลิ ปกรรม ศพั ท์ (2554) แตไ่ มป่ รากฏหลักฐานชัดเจน และเปน็ ทีถ่ กเถยี งกัน สถาปัตยกรรมและวรรณกรรม อันเป็นเคร่ืองแสดงถึงภูมิปัญญา มาจวบจนปัจจุบัน นักวิจารณ์วรรณคดีส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า หรือจิตวิทยาชาวบ้านได้ถูกลบเลือนออกไปจากวิถีชีวิตคนไทย ลิลติ พระลอ ได้แตง่ ขึน้ ในสมยั อยธุ ยา แต่ยงั มีบางทา่ นเสนอเวลา การสอดแทรกหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเชื่อมโยงวิถีชีวิต ท่ีใหม่กว่านั้น ว่าน่าจะแต่งข้ึนในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ แต่ยัง ของคนในยุคน้ันๆ ได้เปน็ อยา่ งดี สอดคลอ้ งกบั ความคดิ เห็นของ มีผู้คล้อยตามไม่มากนัก ซึ่งนักวรรณคดีมักจะยกโคลงท้ายบทมา ฐาปะนีย์ นาครทรรพ (2528) วรรณกรรมและวรรณคดเี ปน็ มรดก เป็นหลักฐานพิจารณาสมัยท่ีแต่งลิลิตพระลอ มีรสไพเราะท้ัง ตกทอดกนั มาแต่อดีต เป็นสง่ิ ท่ีบนั ทกึ เรือ่ งราวชีวิตและความเปน็ ภาษิต โวหาร พรรณนา สำ�นวนร้อยกรองใหซ้ าบซ้ึงในธรรมชาติ อยู่ของสังคม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณี และความเช่อื ความรกั ความโศกและความกลา้ หาญ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (2520) ของคนในสังคม เป็นกระจกสะท้อนภาพสังคมท่ีตามยุคสมัย จากท่ีได้กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าลิลิตพระลอ มีความสำ�คัญ ที่แต่งวรรณคดีกับประวัติศาสตร์จะมีลักษณะที่เหมือนกัน คือ ทัง้ ในเชิงประวตั ิศาสตร์ วิถชี วี ิต ภาษา ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี บนั ทกึ เหตกุ ารณแ์ ละเรอ่ื งราวตา่ งๆ ในอดตี แตล่ กั ษณะการจดบนั ทกึ และวัฒนธรรม ความเช่ือ และลิลิตพระลอยังเป็นโศกนาฏกรรม จะมลี ักษณะแตกต่างกันออกไป วรรณคดีเปน็ งานศลิ ปะที่มงุ่ เน้น ความรกั ท่แี ต่งขึน้ อยา่ งปราณีตงดงาม มคี วามไพเราะของถอ้ ยคำ� ทางด้านอารมณ์ จนิ ตนาการ การเรียบเรียงถอ้ ยคำ� สำ�นวนภาษา และเตม็ ไปดว้ ยสนุ ทรยี ศาสตร์ พรรณนาเรอื่ งดว้ ยอารมณท์ หี่ ลากหลาย แตป่ ระวตั ศิ าสตรจ์ ะมงุ่ เนน้ ในการสบื สวน คน้ ควา้ และหาขอ้ เทจ็ จรงิ ใชก้ วโี วหารอยา่ งยอดเยย่ี มในการบรรยายเนอ้ื เรอ่ื งมฉี ากมากมาย ไม่ใช้อารมณ์ความรู้สึกของผู้บันทึกแต่จะอธิบายเหตุการณ์ต่างๆ โดยมแี ก่นหลากหลายอารมณ์ และแฝงแงค่ ดิ ถึงสัจธรรมของชีวิต

54 วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม ; ปีท่ี 6 ฉบับท่ี 1 : มกราคม - เมษายน 2559 Nakhon Phanom University Journal ; Vol.6 No.1 : January - April 2016 จากทกี่ ลา่ วมาขา้ งตน้ จะเหน็ ไดว้ า่ วรรณคดลี ลิ ติ พระลอเปน็ วรรณคดี และพระสงฆว์ ัดพระธาตุพระลอ ผู้นำ�ท้องถิ่นแบบไม่เป็นทางการ ทที่ รงคณุ คา่ และมอี ทิ ธพิ ลตอ่ สงั คมชมุ ชน แสดงใหเ้ หน็ บรรทดั ฐาน จำ�นวน 9 รูป/คน ผู้วจิ ยั ไดท้ ำ�ความรูจ้ ักและสร้างความคนุ้ เคยกบั ทางสังคม วถิ ีชวี ติ ค่านยิ ม กวีมิไดป้ ระพนั ธ์งานเพอื่ ความบันเทิง กลุ่มเป้าหมายโดย ทำ�กิจกรรมทางวัฒนธรรม “ลานวัฒนธรรม เทา่ นน้ั ผลงานนนั้ ยงั เปน็ ประโยชนใ์ หแ้ กผ่ อู้ า่ นไมท่ างใดกท็ างหนง่ึ สืบสานตำ�นานลิลิตพระลอขอพร ปู่เจ้าสมิงพราย ประจำ�ปี” สืบเน่ืองมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งวรรณคดีไทยในแต่ละยุคแต่ละสมัย ร่วมกับชุมชน การสัมภาษณ์ สังเกตการเข้าร่วมกิจกรรมของครู มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตและสังคมไม่ว่าวรรณคดีนั้นจะมีเน้ือหา และนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนสองพิทยาคม ไปในทางใด เช่น วรรณคดีประวัติศาสตร์ วรรณคดีพุทธศาสนา จำ�นวน 1 ห้องเรยี น จำ�นวน 38 คน ในการเสริมสร้างการเรียนรู้ เนอ้ื หาของวรรณคดจี ะมคี วามเกยี่ วขอ้ งผกู พนั ธก์ บั ชวี ติ และสงั คม และจรยิ ธรรมทางสงั คม ในสมยั นน้ั ๆ อยา่ งแยกไม่ เครื่องมอื ทีใ่ ชใ้ นการวิจยั ดังน้ันผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาสภาพท่ัวไป อำ�เภอสอง เคร่อื งมือที่ใช้ในการวจิ ัยครั้งนี้ ประกอบด้วย จงั หวดั แพร่ อทิ ธพิ ลลลิ ติ พระลอทม่ี ตี อ่ วถิ ชี วี ติ ชาวลา้ นนา สง่ เสรมิ 1. แบบสมั ภาษณ์ การเรียนรู้และจริยธรรมทางสังคมตามแนวลิลิตพระลอ วิถีชีวิต 1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลเบ้ืองต้นของกลุ่มเป้าหมาย ความคิด ความเชื่อของคนไทยและสามารถนำ�ไปประยุกต์ใช้ให้ ประกอบด้วย เพศ อายุ ระดบั การศกึ ษา เกดิ ประโยชน์แกส่ งั คมในปจั จุบนั และอนาคตสบื ไป 1.2 สมั ภาษณแ์ บบเจาะลกึ เปน็ การซกั ถามพดู คยุ กนั วตั ถปุ ระสงค์การวจิ ยั ระหว่างผสู้ มั ภาษณแ์ ละผใู้ ห้สมั ภาษณ์ โดยมกี ารเตรียมคำ�ถามไว้ 1. เพอื่ ศกึ ษาสภาพท่วั ไป อำ�เภอสอง จงั หวดั แพร่ พ้นื ที่ ลว่ งหนา้ และควบคมุ คำ�ตอบไมใ่ หต้ อบนอกประเดน็ ประกอบดว้ ย ที่ปรากฏในวรรณคดีลลิ ิตพระลอ บรบิ ท ภมู ลิ กั ษณข์ องพนื้ ทที่ ปี่ รากฎในวรรณคดลี ลิ ติ พระลอ ประวตั ิ 2. เพอื่ ศกึ ษาคณุ คา่ ลลิ ติ พระลอทม่ี ตี อ่ วถิ ชี วี ติ ตอ่ ชาวลา้ นนา ความเป็นมาของลิลิตพระลอ ตัวละครท่ีปรากฏในลิลิตพระลอ 3. เพื่อเสริมสรา้ งการเรียนรู้และจรยิ ธรรมทางสงั คม คุณค่าลิลิตพระลอที่มีต่อวิถีชีวิตชาวล้านนา การมีส่วนร่วมของ กรอบแนวคดิ การวจิ ยั วัดชุมชนและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับอิทธิพลทางความเช่ือที่มี จากการศึกษาทบทวนวรรณกรรมผู้วิจัยได้กำ�หนดกรอบ ผลต่อชีวิตของคนในสังคมท่ีเกี่ยวเน่ืองกับวรรณคดีลิลิตพระลอ แนวคิดเก่ียวกับลิลิตพระลอ : การเสริมสร้างการเรียนรู้และ วิธีการเสริมสร้างการเรียนรู้และจริยธรรมทางสังคมตามแนว จริยธรรมทางสังคมจากแนวคิดทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม ลลิ ิตพระลอ (Social Learining Theory) ของ Albert Bandura (อ้างมาจาก การหาคณุ ภาพเครอื่ งมอื เสนอผเู้ ชย่ี วชาญในการตรวจสอบ กง่ิ แก้ว ทรัพย์พระวงศ์. 2550) การเรยี นรู้ความสมั พันธ์ระหว่าง เครอื่ งมอื และหาความเชอื่ มนั่ จำ�นวน 3 ทา่ น คอื รองศาสตราจารย์ วรรณกรรมกบั สงั คม ศกึ ษาวเิ คราะหว์ รรณคดลี ลิ ติ พระลอ การเรยี นรู้ ดร.วนั ชยั พลเมอื งดี อาจารยป์ ระจำ�มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณ ทางสังคมเน้นหลักการเรียนรู้โดยการสังเกต (Observational ราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตพะเยา ผู้ชว่ ยศาสตราจารยศ์ รี แนวณรงค์ Learning) ซึ่งเป็นการเรียนรู้ท่ีเกิดข้ึนในสภาพแวดล้อมทาง และผชู้ ่วยศาสตราจารย์รวโี รจน์ ศรีคำ�ภา อาจารย์ มหาวิทยาลยั สังคมบริบทพื้นที่อุทยานลิลิตพระลอ วัดพระธาตุพระลอ และ มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตแพร่ และตรวจสอบสาม การบรู ณาการการเรยี นรวู้ รรณคดลี ลิ ติ ของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษา เส้าเพื่อวิเคราะห์ว่าข้อมูลท่ีได้มาน้ันถูกต้องหรือไม่ด้วยวิธีการ ปที ี่ 5 โรงเรียนสองพทิ ยาคม อำ�เภอสอง จังหวดั แพร่ ซ่งึ เป็นพืน้ ท่ี รวบรวมขอ้ มูลตา่ งๆ ในเรอื่ งเดียวกนั คอื ใชว้ ิธกี ารสงั เกต ควบคู่ ทป่ี รากฏในภมู ศิ าสตรใ์ นวรรณคดลี ลิ ติ พระลอกบั กระบวนการเรยี น กบั การสัมภาษณ์พร้อมกับศึกษาข้อมลู จากเอกสารประกอบ การสอนสอดคลอ้ งกบั คณุ คา่ ลลิ ติ พระลอทมี่ ตี อ่ วถิ ชี วี ติ ชาวลา้ นนา การเก็บรวบรวมข้อมลู การส่งเสริมการเรียนรแู้ ละจรยิ ธรรมทางสังคม ได้ดำ�เนนิ การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ตามลำ�ดับขน้ั ตอน ดงั น้ี 1. ขัน้ รวบรวมข้อมูล วิธดี �ำ เนินการวิจัย 1.1 รวบรวมขอ้ มลู จากการศกึ ษาเอกสารทางวชิ าการ ผลงานทางวรรณคดี ท่เี กยี่ วขอ้ ง คดั กรองขอ้ มลู ทีน่ า่ เช่อื ถือ กลมุ่ เป้าหมาย 1.2 ข้อมูลจากการลงพน้ื ทภ่ี าคสนาม ในการวจิ ยั ครงั้ นี้ ผวู้ จิ ยั เกบ็ ขอ้ มลู ภาคสนามในอำ�เภอสอง จงั หวดั แพร่ กลมุ่ เปา้ หมายเปน็ แบบเจาะจง เลอื กจากกลมุ่ เจา้ อาวาส

วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม ; ปีที่ 6 ฉบับที่ 1 : มกราคม - เมษายน 2559 55 Nakhon Phanom University Journal ; Vol.6 No.1 : January - April 2016 1.2.1 การสงั เกตแบบมสี ว่ นรว่ ม (Participatory 3. เสริมสร้างการเรียนรู้และจริยธรรมทางสังคม โดย Observation) ซ่ึงเป็นการสังเกตพฤติกรรมและการแสดงออก การเกบ็ ขอ้ มลู ภาคสนาม และสถานทที่ ปี่ รากฏในเรอ่ื งลลิ ติ พระลอ ของผนู้ ำ�ทเี่ ปน็ ทางการและไมเ่ ปน็ ทางการ ควบคกู่ บั การสมั ภาษณ์ และเปน็ การประสานงานกบั เทศบาลบา้ นกลาง โรงเรยี นสองพทิ ยา พระสงฆ์ และเข้าร่วมกิจกรรมกับชุมชน สังเกตการเข้าร่วม วัดพระธาตุพระลอ โดยศึกษาการมีส่วนร่วมของวัด ชุมชนและ กิจกรรมของครแู ละนักเรียนระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 โรงเรียน หนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั อทิ ธพิ ลทางความเชอ่ื ทมี่ ผี ลตอ่ วถิ ชี วี ติ ของ สองพทิ ยาคม คนในสงั คมทเี่ กย่ี วเน่อื งกับวรรณคดลี ลิ ติ พระลอ ในด้าน 1.2.2 การสมั ภาษณ์ คณะผวู้ จิ ยั ใชก้ ารสมั ภาษณ์ 3.1 วถิ ีชีวิตชาวเมอื งสอง เชิงลึก (In–depth Interviews) สำ�หรับเจ้าอาวาส/พระสงฆ์ 3.2 ความเชอ่ื ผูน้ ำ�ชมุ ชนและผูเ้ กย่ี วขอ้ งกับคุณค่าทางความเชอ่ื ท่ีมีตอ่ วถิ ีชวี ิต 3.3 วัฒนธรรมประเพณี 1.2.3 การประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group 3.4 วิธีการเสรมิ สร้างจรยิ ธรรมในชมุ ชน Discussion) เพอื่ ศกึ ษาเกยี่ วกบั คณุ คา่ ทางความเชอื่ ทม่ี ตี อ่ วถิ ชี วี ติ ชาวล้านนา สรปุ ผลการวิจยั 2. ข้ันตคี วาม ศกึ ษารายละเอยี ดทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั วรรณคดลี ลิ ติ พระลอ 1. ผลการศกึ ษาสภาพทว่ั ไป อำ�เภอสอง จงั หวดั แพร่ พน้ื ท่ี ท้งั จากเอกสาร ตำ�รา ทางวิชาการ งานวิจยั ทเ่ี ก่ียวข้องและขอ้ มลู ทป่ี รากฏในวรรณคดลี ิลิตพระลอ พบว่า ในวรรณคดีลลิ ติ พระลอ ภาคสนามแลว้ นำ�มา เรยี บเรียงและบนั ทกึ เปน็ ลายลกั ษณอ์ ักษร ป ร า ก ฏ ค ว า ม สำ� คั ญ ข อ ง ก า ร ป ก ค ร อ ง บ้ า น เ มื อ ง ใ น ยุ ค ที่ สำ�หรบั ขน้ั ตอนในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู นน้ั คณะผวู้ จิ ยั ได้ พระมหากษัตริย์ทรงปกครองเมืองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ดำ�เนินการ ดงั น้ี โดยมีการปกครองกันเองในแต่ละหัวเมืองไม่ขึ้นอยู่กับเมืองใด ระยะทหี่ นงึ่ เปน็ การศกึ ษาขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ จากแหลง่ ขอ้ มลู เมืองหนึ่ง เน้ือเรื่องของลิลิตพระลอ จากข้อความในบางตอน จากเอกสาร หนงั สือ วารสารและส่ือส่งิ พิมพต์ า่ งๆ ท่เี ก่ียวข้องกบั พบวา่ พระลอเป็นวรรณคดีประวัตศิ าสตร์ทบี่ นั ทกึ เหตุการณห์ รอื ลิลติ พระลอ เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 – มีนาคม 2557 เร่ืองราวต่างๆ ในอดีตเป็นเรื่องท่ีมาจากหัวเมืองฝ่ายเหนือของ ระยะท่ีสองเป็นการเก็บข้อมูลภาคสนาม และสถานที่ ประเทศไทย เช่ือกันว่าเป็นเรื่องราวที่เกิดข้ึนในเขตอำ�เภอสอง ทปี่ รากฏในเรอ่ื งลลิ ติ พระลอ และเปน็ การประสานงานและศกึ ษา จังหวัดแพร่ เพราะมีหลักฐานหลายอย่างสอดคล้องกัน เช่น การมีส่วนร่วมกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ เมืองสรอง ซึ่งเป็นเมืองของพระเพ่ือนพระแพง สันนิษฐานว่า เดอื นเมษายน 2557 - กรกฎาคม 2557 เมืองสองหรืออำ�เภอสอง ของจังหวัดแพร่ในปัจจุบัน ซึ่งมี การวิเคราะห์ข้อมูล แม่น้ํากาหลงใหลผ่าน มีเด่นนางฟ้อน บ้านแดนชุมพล การรวบรวมและวเิ คราะหต์ ามวตั ถปุ ระสงค์ ดงั นี้ ถ้ําปู่เจ้าสมิงพราย ซ่ึงยังคงมีหลักฐานปรากฏให้เห็นอยู่ใน 1. ศึกษาสภาพทั่วไป อำ�เภอสอง จังหวัดแพร่ พ้ืนที่ ปัจจุบัน ความเชื่อมโยงของแหล่งโบราณคดี โบราณสถาน ที่ปรากฏในวรรณคดีลิลิตพระลอ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการศึกษา แห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เช่ือมโยงกับชุมชนโบราณ ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ จากแหลง่ ข้อมลู จากเอกสาร หนงั สอื วารสารและ ในเขตล้านนา เป็นนิยายประจำ�ท้องถ่ินภาคเหนือของไทย ส่ือสง่ิ พิมพต์ า่ งๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั วรรณคดลี ิลติ พระลอ เรอ่ื งเกิดข้ึนในแคว้นลา้ นนา ระหว่าง พทุ ธศกั ราช 1616 ถึง 1691 2. ศึกษาคณุ ค่าลลิ ติ พระลอทมี่ ตี อ่ วถิ ชี วี ติ ต่อชาวล้านนา สนั นษิ ฐานวา่ เกดิ ขึ้นในจังหวัดแพร่และลำ�ปาง พระวรเวทย์พสิ ิฐ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการศึกษาวรรณคดีลิลิตพระลอ จากเอกสาร (2530) ท่านสนั นษิ ฐานว่า เมอื งสรอง ซ่งึ เปน็ เมอื งของพระเพื่อน หนังสือและงานวจิ ัยทเ่ี ก่ียวข้อง ในด้าน พระแพงนั้น ปัจจุบันยังต้ังอยู่บริเวณลุ่มแม่นํ้ายม ตอนเหนือ 2.1 คณุ คา่ จริยธรรมตอ่ สงั คมต่อสงั คม ของเมืองร้องกวาง จังหวัดแพร่ ส่วนอีกกรณีคือ เมืองแดนสรวง 2.2 ความรกั เรียกส้ันๆ ว่า เมืองสรวง ซึ่งเป็นเมืองของพระลอ สันนิษฐานว่า 2.3 ความเสียสละ น่าจะเป็นเมืองกาหลง อยู่ในอำ�เภอแจ้หลบ จังหวัดลำ�ปาง แต่ 2.4 ส่ิงแวดลอ้ ม นักวิชาการบางท่านสันนิษฐานว่า น่าจะอยู่ที่ อำ�เภอแม่สรวย 2.5 เศรษฐกจิ และสังคม จังหวดั เชียงราย และน่าจะมีพ้นื ฐานมาจากเรอ่ื งจริง

56 วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม ; ปีที่ 6 ฉบับท่ี 1 : มกราคม - เมษายน 2559 Nakhon Phanom University Journal ; Vol.6 No.1 : January - April 2016 ประวัติลิลิตพระลอ  เป็นวรรณคดีท่ีได้รับยกย่องจาก คา่ นยิ มลว้ นผา่ นกระบวนการคดิ วเิ คราะห์ สงั เคราะหเ์ พอ่ื ใหค้ นใน วรรณคดีสโมสรให้เป็นยอดแห่งลิลิตเม่ือ พุทธศักราช 2549 ซึ่ง สังคมอย่รู ว่ มกนั อย่างมคี วามสุข มีผู้ประพันธ์ข้ึนอย่างประณีต งดงาม มีความไพเราะของถ้อยคำ� ดา้ นความรกั พบวา่ มคี วามรกั หลากหลายรปู แบบโดยเฉพาะ และเตม็ ไปด้วยสนุ ทรยี ศาสตร์ พรรณนาเร่ืองดว้ ยอารมณ์ที่หลาก พระลอ พระเพื่อน พระแพง ซึ่งถือว่าเป็นโศกนาฎกรรมแห่ง หลาย ใชก้ วโี วหารอย่างยอดเยย่ี มในการบรรยายเนือ้ เรอ่ื งท่ีมีฉาก ความรักที่เป็นตำ�นานจนถึงปัจจุบัน ความรักของแม่ท่ีมีต่อลูก มากมาย หลากหลายอารมณ์ โดยมีแก่นเรื่องแบบรักโศก หรือ ความรักของภรรยาที่มตี อ่ สามี ความรักระหว่างนายกบั บ่าว และ โศกนาฏกรรมและแฝงแง่คิดถึงสัจธรรมของชีวิต จะเห็นได้จาก ความรกั ของพระมหากษตั รยิ ์กบั ประชาชน ไพร่ฟา้ ทีต่ อ้ งการให้ ความขัดแย้งของท้ังสองเมืองประชาชนต่างได้รับผลกระทบจาก ทุกคนอยู่เย็นเป็นสุข จะเห็นได้ว่าลิลิตพระลอมีนั้นจะกล่าวถึง ความขัดแย้งน้ัน รวมถึงสงครามท่ีประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมใน สถาบนั ครอบครวั มองเหน็ ความห่วงใยและความ สมั พันธร์ ักใคร่ ชะตากรรมดงั กลา่ วอยา่ งหลกี เลยี่ งไมไ่ ด้ ประชาชนยงั ตอ้ งเกยี่ วพนั ทั้งในยามทกุ ข์และยามสขุ กบั การเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อมเสมอ ด้านความเสียสละ พบว่า ความเสียสละของกษัตริย์ที่ 2. ผลการศึกษาคุณค่าลิลิตพระลอที่มีต่อวิถีชีวิตต่อ เสยี ชวี ติ เพอื่ แผน่ ดนิ แมจ้ ะไดร้ บั ความพา่ ยแพก้ จ็ ะไดร้ บั การยกยอ่ ง ชาวลา้ นนา ดังน้ี ในความกล้าหาญทางการรบ และความเสียสละเพื่อแผ่นดิน ด้านคุณค่าจริยธรรมต่อสังคม ในวรรณคดีลิลิตพระลอ โดยเฉพาะของพระลอ ทไี่ ปจบชวี ติ ในเมอื งของพระเพอื่ นพระแพง นั้นได้กล่าวถึงคุณค่าและจริยธรรมท่ีมีต่อพระมหากษัตริย์ซึ่ง อันเป็นเมืองของศัตรู แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของพระลอ พระมหากษัตริย์ในสมัยน้ันจะต้องปฏิบัติตามหลักจริยธรรม ที่ไมก่ ลัวภยั อนั ตรายใดๆ ท้ังสน้ิ หรือแมแ้ ตจ่ ะรแู้ กใ่ จว่าตนจะตอ้ ง 7 ประการทเี่ รยี กวา่ จารตี 7 ได้แก่ 1) อย่างลืมตัว หา้ มคบคน ตายกต็ าม การเสยี สละของแมท่ ม่ี ตี อ่ ลกู เปน็ ความเสยี สละทยี่ ง่ิ ใหญ่ ไม่ดี คิดอะไรใหร้ อบคอบกอ่ นคอ่ ยทำ� 2) ส่งใจดูทุกกรม อยา่ ชม ความเสียสละของบ่าวท่ีมีต่อนายโดยไม่คำ�นึงถึงชีวิตของตนเอง ตามคำ�เทจ็ คือ ให้สอดสอ่ งการบริหารงานทุกหน่วยงาน อย่าเช่อื ดังเชน่ นายแก้ว นายขวญั นางรื่นและ นางโรย กลา่ วโดยสรปุ ก็ อะไรง่ายๆ และไม่ผิดทำ�นองคลองธรรม 3) เวลาที่จะใช้อำ�นาจ คอื รักแท้ คอื การเสยี สละและตายแทนกนั ได้ หรอื พระเดชในการบัญชา ตอ้ งใช้ใหเ้ หมาะสมไม่ใชอ้ ำ�นาจในทาง ด้านส่ิงแวดล้อม พบว่า ธรรมชาติของป่าในสมัยนั้น ที่ผิด 4) ดูคนรับใช้ท่ีมาทำ�งานกับเราให้เหมาะสม เลือกคนที่ ท่ีบรรยายในลิลิตพระลอ ยังคงความอุดมสมบูรณ์ เป็นที่อยู่ของ ซ่ือสัตย์ กล้าหาญ 5) อย่าชิงสุกก่อนห่าม จะทำ�อะไรก็อย่ารีบ สงิ สาราสตั ว์ต่างๆ มากมาย ปา่ ไม้ก็ยงั คงไว้ซง่ึ ความอุดมสมบูรณ์ ทำ�โดยไม่คิดเพราะจะทำ�ให้เกิดผลเสียหาย อย่าล่ามม้าสองฝั่ง ตามบทประพันธจ์ ะเห็นภาพของต้นไม้หลายชนดิ เช่น แฝก แขม อย่าใช้อำ�นาจที่ไม่เป็นธรรมแก่ราษฎร 6) ชักชวนคนสู่ฟ้า เป็น เลา ซึ่งเป็นไม้ในทุ่งโล่งและเมื่อเข้าในเขตป่าก็จะเห็นไม้ยืนต้น ตัวอย่างและนำ�คนให้ประพฤติแต่ส่ิงที่ดีที่เหมาะสมเพื่อให้มี เช่น สะเดา ประดู่ ไมย้ าง ไม้ยูง ตะเคียน ทำ�ใหม้ องเหน็ ธรรมชาติ ความเจริญก้าวหน้า และ 7) จงอย่าอายที่จะทำ�ความดีและให้ สงิ่ แวดล้อมของปา่ โดยการบรรยายมองเหน็ ภาพไดช้ ดั เจน รักษาความดี อย่าใหเ้ ส่อื มเสยี เกียรติ เป็นจรยิ ธรรมที่พระมารดา ดา้ นเศรษฐกิจและสังคม พบวา่ เปน็ วรรณคดที ่ใี หค้ ณุ คา่ ของพระลอสั่งสอนก่อนที่จะออกจากเมือง ซึ่งเป็นหลักคำ�สอน ความรู้ สติปัญญาแก่ผู้อ่านในมีการกล่าวถึงสภาพเศรษฐกิจ สำ�หรบั กษตั รยิ ใ์ หเ้ ปน็ คนมรี ะเบยี บวนิ ยั ปฏบิ ตั ติ ามแบบแผนจารตี สังคม ประชาชนมีการหาเล้ียงชีพท่ีสุจริตถูกต้องตามทำ�นอง ประเพณแี ละวฒั นธรรมอนั ดงี ามของบา้ นเมอื ง การดำ�เนนิ ชวี ติ ของ คลองธรรม ตามหลกั คำ�สอนทางพระพทุ ธศาสนา ทำ�ใหค้ นในสงั คม คนในสมัยโบราณ ซึง่ สะทอ้ นให้เห็นถงึ จารตี ประเพณี ความคดิ มคี วามขยันหมัน่ เพยี ร มีชวี ิตอยรู่ ่วมกนั อยา่ งสันติสขุ ผลทเี่ กดิ ข้ึน ความเชื่อและทัศนคติท่ีปลูกฝังค่านิยมต่อสังคม นอกจากนี้ยัง ทำ�ให้เศรษฐกิจมีความเพียงพอแก่การอุปโภค บริโภค ทำ�ให้เกิด สอดแทรก หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนาควบคู่กนั ไป และยังนำ� ความต้องการซ้ือสินค้ามีอัตราพอเหมาะกับความต้องการขาย ความเชอื่ เรอื่ งพระพทุ ธศาสนาเขา้ มาเปน็ ทพี่ ง่ึ ดว้ ยเหตนุ พ้ี ระพทุ ธ สินคา้ การดำ�เนินไปทางเศรษฐกิจจึงเป็นไปดว้ ยดี ศาสนากบั ไสยศาสตรจ์ งึ มคี วามสมั พนั ธก์ นั ประชาชนยงั คงนบั ถอื 3. ผลการศึกษาการเสริมสร้างการเรียนรู้และจริยธรรม พระพุทธศาสนา และเช่ือในไสยศาสตรไ์ ปพรอ้ มๆ กนั ซึง่ สะท้อน ทางสังคม ชมุ ชนและหนว่ ยงานท่เี ก่ียวขอ้ งไดเ้ ลง็ เหน็ ความสำ�คญั ใหเ้ หน็ สงั คมของการอยรู่ ว่ มกนั ในสมยั โบราณตราบจนถงึ ปจั จบุ นั จึงได้ร่วมกันในการจัดงาน “ลานวัฒนธรรม สืบสานตำ�นาน กาล เช่น การทำ�บญุ อทุ ิศสว่ นกศุ ลใหก้ ับคนตาย พรอ้ มเจ้ากรรม ลิลิตพระลอ ขอพรปู่เจ้าสมิงพราย”ทุกปีเพื่อเป็นการส่งเสริม นายเวร ดงั นนั้ วรรณคดแี ละสงั คมยอ่ มมอี ทิ ธพิ ลตอ่ กนั การปลกู ฝงั และเผยแพรก่ จิ กรรมทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั ลลิ ติ พระลอ เชน่ พธิ บี วงสรวง

วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม ; ปีที่ 6 ฉบับท่ี 1 : มกราคม - เมษายน 2559 57 Nakhon Phanom University Journal ; Vol.6 No.1 : January - April 2016 ส่ิงศักด์ิสิทธ์ิ การจัดแสดงซุ้มวัฒนธรรมสาธิตภูมิปัญญาพ้ืนบ้าน กจิ กรรมตา่ งๆ เหลา่ นล้ี ว้ นสะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ คณุ ธรรมและจรยิ ธรรม วถิ ชี วี ติ วฒั นธรรมการแสดงทางวฒั นธรรมการแสดงรำ�ยอยศพระลอ ทส่ี บื ทอดกนั มายาวนานตงั้ แตอ่ ดตี กาล ไดแ้ ก่ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม การแสดงชุดจินตลีลาพระลอ พระเพื่อนพระแพง การประกวด ของคนในชุมชนการแสดงความมีนำ้ �ใจ ความเช่ือทางศาสนา ไก่พระลอ การประกวดซอพระลอ การประกวดป้อจายงามตาม การทำ�ประโยชน์ส่วนรวมของคนในชุมชน วิธีการเสริมสร้าง รอยพระลอ หรือชายหนุม่ ที่มีรปู โฉมงามดั่งพระลอ เปน็ ต้น เพื่อ คุณธรรมโดยการเสริมสร้างแรงจูงใจและความตระหนักใน ให้คนในชุมชนได้นำ�ไปประยุกต์ใช้ในการดำ�รงชีวิตประจำ�วันได้ วฒั นธรรมของชุมชน โดยการปลูกฝงั โดยผ่านกระบวนการเรียนรู้ อย่างเหมาะสม ในโรงเรียนสองพิทยาคม ได้ดำ�เนินการจัดสร้างศูนย์แหล่งเรียนรู้ 3.1 ดา้ นวถิ ชี วี ติ ชาวเมอื งสอง เมอื่ กอ่ นมวี ถิ ชี วี ติ เรยี บ พพิ ธิ ภณั ฑศ์ ลิ ปะพน้ื บ้านเพือ่ การศกึ ษา กจิ กรรมท่ีดำ�เนนิ การ คอื งา่ ยกวา่ ทกุ วนั นแ้ี ละยงั อาศยั ธรรมชาตแิ ละแรงงานเปน็ หลกั ในการ ส่งเสริมกิจกรรมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเมืองสอง โดยรวบรวมมรดก ทำ�มาหากนิ ใช้สตปิ ัญญาท่บี รรพบุรษุ ถา่ ยทอดมาให้เพื่อจะไดอ้ ยู่ ทางศิลปวัฒนธรรม อุปกรณ์เครื่องมือ เคร่ืองใช้ที่เกี่ยวกับวิถี รอดปญั หาตา่ งๆ ในอดตี มนี อ้ ย ปจั จบุ นั ครอบครวั มสี มาชกิ มากขน้ึ ชีวิตของคนในพื้นท่ี เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ส่งเสริม จำ�เปน็ ตอ้ งขยายทที่ ำ�กนิ ตอ้ งหกั รา้ งถางพง บกุ เบกิ พน้ื ทที่ ำ�กนิ ใหม่ ให้นักเรียนร่วมกันสืบค้นความเป็นมาของวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ เพื่อทำ�นา ทำ�ไร่ ปลูกพืช เล้ียงสัตว์และดูแลรักษาให้เติบโตและ จากอดตี เพอ่ื การสบื สานและถา่ ยทอดและเปน็ สถานทเ่ี รยี นรขู้ อง ไดผ้ ลผลิตในการเลีย้ งชพี ความสมั พนั ธ์กับคนในครอบครัว ญาติ นักเรียนจากผลการบูรณาการการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้าง พ่ีน้อง เพื่อนบ้านในชุมชนเป็นความสัมพันธ์ท่ีดีตามท่ีบรรพบุรุษ การเรียนรู้ รายวิชาประวัติศาสตร์ไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ไดส้ ัง่ สอนมา เชน่ ลกู ควรปฏิบัตอิ ย่างไรกับพอ่ แม่ กับญาตพิ นี่ ้อง ในโรงเรียนสองพิทยาคม ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ของเก่าเราไม่ทิ้ง กับผู้สูงอายุ มคี วามเอื้ออาทรตอ่ กันและกัน ช่วยเหลือเก้ือกลู กัน ของใหม่เราก็ไม่ปฏิเสธ” โดยให้นักเรียนร่วมกันสืบค้นความเป็น ความสัมพันธ์กับธรรมชาติ พึ่งพาอาศัยธรรมชาติแทบทุกด้าน มาของวถิ ชี วี ติ ของคนในพน้ื ทจ่ี ากอดตี และนำ�มาเขยี นเปน็ เรอ่ื งราว ตั้งแต่อาหารการกิน ท่ีอยู่อาศัยและยารักษาโรค ชาวบ้านมีหลัก เพอ่ื การสบื สานและถา่ ยทอดการเรยี นรขู้ องนกั เรยี น นอกจากการ เกณฑ์ในการใช้ส่ิงของในธรรมชาติ ไม่ตัดไม้อ่อน ทำ�ให้ต้นไม้ใน จดั แหลง่ เรยี นรพู้ พิ ธิ ภณั ฑศ์ ลิ ปะพนื้ บา้ นแลว้ ผอู้ ำ�นวยการโรงเรยี น ปา่ ข้ึนแทนที่ถูกตัดไปได้ตลอดเวลา ยงั มนี โยบายใหค้ รทู กุ สาระการเรยี นรบู้ รู ณาการการเรยี นการสอน 3.2 ด้านความเชื่อ เรื่องปู่เจ้าสมิงพราย เป็นศาสตร์ ทุกรายวิชาเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ โบราณคดี ทางมหาเสน่ห์ เมตตา เหมาะสำ�หรับผู้ท่ีศรัทธาชื่นชอบทางด้าน ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น มหาเสน่ห์ เมตตา ใช้ในการประกอบอาชีพ การเจรจาต่อรอง มาแทรกในการเรยี นการสอน ผเู้ รยี นมที กั ษะในการแสวงหาความรู้ พบปะพูดคุย เข้าหาผู้ใหญ่ให้รักใครเอ็นดู ป้องกันภัย แก้ไขใน ดว้ ยตนเอง รักการเรียนรู้ พัฒนาตนเองอยา่ งต่อเนอื่ ง และผูเ้ รยี น สิ่งท่ีไม่ดีให้กลายเป็นดี นำ�ความเจริญรุ่งเรืองมาให้ ผู้ท่ีสักยันต์ ยังไดเ้ รยี นรเู้ ก่ียวกับคุณธรรม จรยิ ธรรม ในฐานะทเ่ี ปน็ เครอื่ งมือ ผู้ที่เลี้ยงกุมารทองหรือเล้ียงพราย แต่ท้ังหมดนี้พุทธานุภาพ ในการยึดเหนี่ยวคนในสังคมให้เป็นอันหน่ึงอันเดียวกัน มีความเอื้อเฟ้ือ ปาฏิหาริย์จะพึงบังเกิดได้นั้นต้องข้ึนอยู่กับความศรัทธาเชื่อม่ัน เผ่อื แผ่ ช่วยเหลอื ซึง่ กนั และกัน มคี วามรัก ความสามคั คีกนั และการประพฤติตวั ของผูบ้ ูชา 3.3 ด้านวฒั นธรรมประเพณี พิธบี วงสรวงอนสุ าวรีย์ อภปิ รายผลการวิจยั พระลอ การฟอ้ นแงน้ และงานประจำ�ปกี ารทำ�บญุ ขนึ้ ประธาตพุ ระลอ เทศกาลไหวพ้ ระธาตุ ประเพณกี ารตง้ั ธรรม หรอื การเทศนม์ หาชาติ 1. ผลการศึกษาสภาพท่ัวไป อำ�เภอสอง จังหวัดแพร่ เป็นการรวมญาติมิตรระหว่างพระสงฆ์ ศรัทธาญาติโยมที่อยู่ พนื้ ทท่ี ่ีปรากฏในวรรณคดีลิลติ พระลอ สถานทีป่ รากฎในลิลติ คอื ต่างบ้านต่างจังหวัดก็จะมาพบปะกัน ทำ�ให้ทุกคนเป็นเจ้าของ เมอื งสองหรือปจั จบุ ันเรียกว่า อำ�เภอสอง จังหวัดแพร่ ผ้ปู กครอง งานรว่ มกนั ซ่งึ เปน็ วัฒนธรรม ประเพณีทท่ี กุ คนจะตอ้ งตระหนกั เมืองในอดีต เป็นกลุ่มขุนนางนอกเวียง ซึ่งเมืองแพร่มีเมืองข้ึน และชว่ ยอนรุ กั ษ์ รกั ษา เพ่อื สบื ทอดวัฒนธรรม ประเพณีอนั ดงี าม เพยี งเมอื งเดยี วคอื เมอื งสอง ผทู้ เี่ ปน็ เจา้ เมอื งสองจะไดร้ บั ตำ�แหนง่ ให้คงอยคู่ กู่ ับลกู หลานพวกเราตลอดไป พระเมอื งสอง ซงึ่ เจา้ เมอื งสององคส์ ดุ ทา้ ย คอื พระพตุ ยิ รฐั บรุ นิ ทร์ 3.4 วิธีการเสริมสร้างจริยธรรมในชุมชน ในฐานะทุน (เจ้าน้อยมหาเทพ) สำ�หรับบริบทที่ปรากฏในวรรณคดีลิลิต ทางวฒั นธรรมและสงั คมทปี่ รากฏเปน็ พฤตกิ รรมทช่ี ดั เจนในชมุ ชน พระลอนั้น เมืองสองเป็นชื่อสถานที่ท่ีปรากฏในวรรณคดี มกี ารจดั งานประเพณปี ระจำ�ปี งานไหวพ้ ระธาตพุ ระลอเปน็ ประจำ� เชิงประวัติศาสตร์ ท่ีกวีได้ประพันธ์เรื่องราวของสังคม โดย

58 วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม ; ปีท่ี 6 ฉบับท่ี 1 : มกราคม - เมษายน 2559 Nakhon Phanom University Journal ; Vol.6 No.1 : January - April 2016 มุ่งสร้างสรรค์ศิลปะ ใช้กาพย์กลอนสื่อความคิด ความรู้สึกและ ปฏิบัติในวิถีชีวิตจริงก็คือเรื่องกรรมและไตรลักษณ์ นอกจากนี้ อุดมคติของตน โดยยึดเอาความคิดและภูมิปัญญาของคนในยุค ยังสอดแทรก หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาควบคู่กันไป สมัยนั้น สอดคล้องกับวนิดา ตรงยางกูร และมาตยา อิงคนารถ ด้านความรัก พบว่า เป็นความรักท่ียิ่งใหญ่สะท้อนให้เห็นถึง (2530) ได้กล่าวถึงวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์ ที่ปรากฏใน รักแท้จนกระท่ังกลายเป็นโศกนาฏกรรม สอดคล้องกับดวงมน วรรณคดีลิลิตพระลอ ได้รับยกย่องจากวรรณคดีสโมสร ให้เป็น จติ รจ์ ำ�นงค์ (2521) กลา่ วถงึ ความรกั ความตาย และมคี วามเสยี สละ ยอดแห่งลิลิต เมื่อ พ.ศ. 2549 ซ่ึงมีผู้ประพันธ์ขึ้นอย่างประณีต แบบแรงกลา้ เพอ่ื ใหผ้ ทู้ ต่ี นรกั ไดส้ มหวงั ในชวี ติ นอกจากน้ี ลลิ ติ พระลอ งดงาม มีความไพเราะของถ้อยคำ� และเตม็ ไปดว้ ยสนุ ทรยี ศาสตร์ ยงั คงตำ�นานความรกั ความเสยี สละทน่ี า่ ประทบั ใจซง่ึ สอดคลอ้ งกบั พรรณนาเรื่องด้วยอารมณ์ท่ีหลากหลาย ใช้กวีโวหารอย่างยอด เสถยี รพงศ์วรรณปก(2522)กลา่ วถงึ คำ�สง่ั สอนของพระพทุ ธศาสนา เยี่ยม ในการบรรยายเนอื้ เรื่อง ทีม่ ฉี ากอยา่ งมากมาย หลากหลาย สอนว่า “ท่ีใดมีรัก ท่ีน่ันมีทุกข์” น้ันต้องใช้ปัญญาพิจารณา อารมณ์ โดยมแี ก่นเรอื่ งแบบรักโศก หรอื โศกนาฏกรรม และแฝง มฉิ ะนนั้ อาจเขา้ ใจผดิ ไปไกลวา่ พระพทุ ธศาสนาสอนวา่ “อยา่ รกั ใคร” แงค่ ดิ ถงึ สจั ธรรมของชวี ติ สำ�หรบั พนื้ ทน่ี น้ั พระวรเวทยพ์ สิ ฐิ (2530) พ่อ แม่ กอ็ ยา่ รักลกู สามีกอ็ ยา่ รกั ภรรยา ครบู าอาจารย์ก็อย่ารัก ทา่ นสนั นษิ ฐานไวว้ า่ เปน็ เรอ่ื งราวทเี่ กดิ ขน้ึ ในแควน้ ลา้ นนา ระหวา่ ง ลูกศษิ ย์ คือ อยา่ รักใครเพราะสงิ่ ใดเพราะ “ทีใ่ ดมีรกั ที่น่ันมีทุกข์ พุทธศักราช 1616 ถึง 1691 สนั นษิ ฐานว่า เกดิ ขึ้นในจังหวดั แพร่ นอกจากน้ี ด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคมในสมัยนั้นมี และลำ�ปาง ด้วยเหตุที่ว่า เมืองสรอง ซ่ึงเป็นเมืองของพระเพ่ือน ความอุดมสมบูรณ์เป็นธรรมชาติ สังคมในสมัยน้ันยังคงมีวิถีชีวิต พระแพงน้ัน ปจั จุบนั ยงั ตง้ั อยู่บรเิ วณลมุ่ แม่น้ำ�ยม ตอนเหนอื ของ เรียบง่าย คา้ ขายคล่อง มีชวี ิตอยูร่ ว่ มกนั อยา่ งสนั ตสิ ขุ ชว่ ยเหลือ เมืองร้องกวาง จังหวัดแพร่ สว่ นอกี กรณคี ือ เมืองแดนสรวง เรยี ก ซ่งึ กันและกัน ในคราวทค่ี นหน่ึงประสบกบั ความทกุ ขย์ ากลำ�บาก สั้นๆ วา่ เมอื งสรวง ซง่ึ เป็นเมอื งของพระลอ สนั นิษฐานว่าน่าจะ ในเร่ืองต่างๆ ผลท่ีเกิดข้ึนทำ�ให้เศรษฐกิจมีความเพียงพอแก่ เปน็ เมอื งกาหลง อยใู่ นอำ�เภอแจห้ ลบ จงั หวดั ลำ�ปาง แตน่ กั วชิ าการ การอปุ โภค บรโิ ภค และอาศยั หลกั ธรรมในการดำ�รงชีวติ บางทา่ นสนั นษิ ฐานวา่ นา่ จะอยทู่ ี่ อำ�เภอแมส่ รวย จงั หวดั เชยี งราย 3. ผลการวิเคราะห์การเสริมสร้างการเรียนรู้และ และนา่ จะมีพน้ื ฐานมาจากเรื่องจริง จริยธรรมทางสังคม พบว่า ลิลิตพระลอยังคงโบราณสถาน 2. ผลการวิเคราะห์คุณค่าลิลิตพระลอที่มีต่อวิถีชีวิตต่อ และโบราณวัตถุให้ลูกหลานรุ่นหลังได้ศึกษาเล่าเรียน พิธีกรรม ชุมชน ด้านคุณค่าจริยธรรมต่อสังคม พบว่า ผู้ปกครองเมืองมี ทป่ี ฏบิ ตั สิ บื ทอดกนั มาแตโ่ บราณ ซง่ึ ทางจงั หวดั และชาวอำ�เภอสอง คุณธรรมในทางพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด พร้อมประยุกต์ จัดกิจกรรมว่า “ลานวัฒนธรรม สืบสานตำ�นานลิลิตพระลอ ใช้ให้กลมกลืนกับจารีต ประเพณีและวัฒนธรรม ซึ่งคุณค่าและ ขอพรปู่เจ้าสมิงพราย” ซ่ึงจัดขึ้นเพื่อบวงสรวงในทุกปี เป็น จรยิ ธรรมทมี่ ตี อ่ พระมหากษตั รยิ ซ์ งึ่ พระมหากษตั รยิ ใ์ นสมยั นน้ั จะ การเชอื่ มโยงวฒั นธรรมลา้ นนา อนรุ กั ษว์ รรณกรรมและวฒั นธรรม ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามหลกั จรยิ ธรรม 7 ประการทเ่ี รยี กวา่ จารตี 7 ซง่ึ เปน็ พ้ืนบ้าน สำ�หรับโรงเรียนสองพิทยาคมน้ันทางผู้บริหารและ หลกั คำ�สอนใหก้ บั ลกู ใหเ้ ปน็ คนมรี ะเบยี บวนิ ยั ปฏบิ ตั ติ ามแบบแผน ทางโรงเรียนได้มีการส่งเสริมและเสริมสร้างองค์ความรู้และ จารตี ประเพณแี ละวฒั นธรรมอนั ดงี ามของบา้ นเมอื ง สอดคลอ้ งกบั จริยธรรมผ่านทางบทเรียนโดยได้ จัดตั้งพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเพื่อ การศกึ ษาของพระมหาสนทิ อนุจารี (สมหุ ริ มั ย)์ (2546) ท่พี บว่า เป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมแก่นักเรียนโดยยึดคติธรรมท่ีว่า กษัตริย์ทรงเปน็ นกั ปกครองท่ีปกครองบ้านเมอื งโดยธรรม โดยใช้ “ของเก่าเราไม่ทิ้ง ของใหม่เราไม่ปฏิเสธ”ซ่ึงสอดคล้องกับทฤษฎี หลักทศพิธราชธรรม จักรวรรดิวัตรและราชสังคหวัตถุ ทรงออก การเรยี นรู้ทางสงั คม (Social Learining Theory) ของ Albert ราชการบ้านเมืองเป็นนิจ ทรงอุปถัมภ์บำ�รุงพระพุทธศาสนามี Bandura (อา้ งองิ มาจาก กง่ิ แกว้ ทรพั ยพ์ ระวงศ.์ 2550) การเรยี นรู้ การสร้างพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นต้น ทรงเป็น ความสัมพันธ์ระหว่างวรรณกรรมกับสังคมท่ีมีความสัมพันธ์ ครูอบรมสั่งสอนประชาชนให้มีความรู้คู่คุณธรรมและพัฒนาบ้าน เก่ียวโยงกันมาจนถงึ ปัจจุบนั สอดคล้องกบั วิทย์ ศวิ ะศริยานนท์ เมอื งใหเ้ จรญิ รงุ่ เรอื งสงบรม่ เยน็ ตามแนวทางของพระพทุ ธศาสนา (2518) ไดก้ ล่าวถงึ การเรียนรทู้ เ่ี กดิ จากการอทิ ธิพลระหวา่ งสงั คม ซึง่ สะทอ้ นให้เหน็ ถงึ จารตี ประเพณี ความคดิ อกี ทง้ั ยงั มอี ทิ ธิพล และกวี ซึ่งทางโรงเรียนสองพิทยาคมได้ดำ�เนินการจัดสร้างศูนย์ ความเชอ่ื และทัศนคติทปี่ ลูกฝังคา่ นิยมตอ่ สังคม ซ่ึงสอดคล้องกับ แหลง่ เรยี นรพู้ พิ ธิ ภณั ฑศ์ ลิ ปะพนื้ บา้ นเพอื่ การสบื สานและถา่ ยทอด การศกึ ษาของพระครูใบฎีกาบญุ เชิด สิริภทโฺ ท (ชรู ตั น์) (2546) ที่ เป็นแหล่งเรียนรู้ในรายวิชาสังคม วัฒนธรรม และศิลปะ รวม พบว่าหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาท่ีสอดแทรกอยู่ในวรรณคดี ถึงการบูรณาการกับรายวิชาอื่นๆ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดทักษะใน มีอยู่มากมาย แต่คำ�สอนสำ�คัญที่คนส่วนใหญ่ยอมรับและนำ�ไป การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และพัฒนาตนเองอย่างต่อเน่ือง

วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม ; ปีที่ 6 ฉบับท่ี 1 : มกราคม - เมษายน 2559 59 Nakhon Phanom University Journal ; Vol.6 No.1 : January - April 2016 จากประวัติโรงเรียน ประวัติเมืองสอง ประวัติความเป็นมาของ ในสังคมในระดับผู้อ่าน มีความผูกพันกับสังคมและมีบทบาท ลิลิตพระลอ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารและคุณครู ที่สำ�คัญในการชี้นำ�แนวทางให้กับคนในสังคมและสามารถนำ� ผู้สอน โดยการนำ�บริบทและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาบูรณาการใน หลักธรรมทางพุทธศาสนาไปประยุกต์ใช้ในการดำ�รงชีวิตประจำ� การจดั การเรยี นรใู้ นรายวชิ าประวตั ศิ าสตรไ์ ทย ของคณุ ครกู มลวรรณ วนั อยา่ งมีสติ ไมต่ กอย่ใู นอารมณ์ รกั โลภ โกธร หลง โดยคดิ ดี จันตา จัดการเรียนการสอนในรายวิชาดังกล่าวให้กับนักเรียน พูดดี ทำ�ดี สรา้ งความสามัคคใี หเ้ กิดขึ้นชว่ ยเหลอื กจิ กรรม ตา่ งๆ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 โรงเรียนสองพทิ ยาคม ตามแผนการเรียนรู้ ด้วยความจริงใจ การศึกษาเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ จากการศึกษาตำ�นาน ขอ้ เสนอแนะเพื่อการวิจยั ครัง้ ตอ่ ไป ลลิ ติ พระลอเป็นการส่งเสริมให้นักเรยี นเกิดการเรยี นร้จู ากวถิ ชี วี ติ 1. ควรวิจัยเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการท่องเท่ียวเชิง คนในอดีตและนำ�มาร้อยเป็นเร่ืองราว เพ่ือสืบสานและถ่ายทอด อนุรักษ์ ในพ้ืนท่ีประวัติศาสตร์ที่เก่ียวข้องและเชื่อมโยงกับ เป็นสถานท่ีเรียนรู้ของนักเรียนและนับว่าเป็นอัตลักษณ์ท่ีสำ�คัญ วรรณคดลี ลิ ติ พระลอ โดยการสนับสนนุ ของคณะกรรมการชุมชน ของโรงเรยี นสองพิทยาคม มีการประสานแผนงานจากภาครฐั และองค์กรปกครองในทอ้ งถ่ิน สนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรมที่อุทยานลิลิตพระลอ ข้อเสนอแนะเพอื่ การวจิ ัย โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการวางแผนและการสืบสาน วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น เพ่ือเช่ือมโยงในการดำ�เนินกิจกรรม ข้อเสนอแนะเพอ่ื นำ�ผลการวจิ ยั ไปใช้ ทางวัฒนธรรมของชมุ ชนสืบต่อไป ผวู้ จิ ยั มคี วามเหน็ วา่ ลลิ ติ พระลอนนั้ เปน็ วรรณคดที มี่ คี ณุ คา่ 2. ควรศึกษาวิจัยเพ่ือยกระดับเรียนรู้ให้เป็นแหล่งเรียน ท่ีสืบทอดกันมายาวนาน ดังนั้นจึงมีข้อเสนอแนะเพื่อการนำ�ผล รู้ในชุมชนโดยการส่งเสริมให้เด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไป การวิจยั ไปใช้ ดงั ต่อไปนี้ เขา้ ร่วมกจิ กรรมเพอ่ื อนรุ ักษ์ สง่ เสรมิ วฒั นธรรมในชุมชน 1. จากการศึกษา ลลิ ิตพระลอ : การเสรมิ สร้างการเรียน 3. ควรศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์อุทยาน รู้จริยธรรมทางสังคม ทำ�ให้เห็นว่าวรรณคดีก็สามารถนำ�ผลสรุป ลิลิตพระลอและกิจกรรมท่ีเกี่ยวกับวัฒนธรรมด้วยวิธีการที่ ของการวิจัยนี้ไปใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอนเชิงประวัติ หลากหลาย เช่น การจัดเวทีเสวนาชุมชน การทำ�แผนผงั ป้ายชื่อ วรรณคดี ประวัติศาสตร์ โดยการนำ�ความรู้ไปสอดแทรกใน การให้ความรู้แก่บุคลากรในท้องถิ่น การประชาสัมพันธ์ข้อมูล บทเรียน กจิ กรรม โครงงาน ของนกั เรียน นกั ศึกษา ข่าวสารผ่านส่ือต่างๆ เพ่ือสนับสนุนการการประชาสัมพันธ์ของ 2. ลิลติ พระลอ เป็นวรรณคดีท่ีมีอทิ ธิพลและผลกระทบ ชุมชนใหส้ ามารถรบั รไู้ ดท้ นั ทว่ งที ต่อสังคมอย่างมากมีแนวความคิดสร้างพลังให้ผู้อ่านได้รับความรู้ ความคดิ ความรสู้ กึ รกั โลภ โกรธ หลงและสง่ ผลตอ่ การเปลย่ี นแปลง เอกสารอ้างองิ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2520). แบบเรยี นของกระทรวงศึกษาธกิ าร หนังสืออา่ นกวนี ิพนธ์ “ลิลติ พระลอ”. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา . กิ่งแกว้ ทรัพยพ์ ระวงศ์. (2550). จิตวิทยาท่วั ไป. กรงุ เทพฯ : ฐานบณั ฑิตการพิมพ.์ ขนษิ ฐา ตนั ติพมิ ล. (2538). ศกึ ษาวรรณคดไี ทยสมัยกรุงศรีสโุ ขทยั -กรุงรัตนโกสนิ ทร์ตอนต้นตามลกั ษณะคำ�ประพนั ธ.์ กรงุ เทพฯ : โอ เอส พรนิ้ ตง้ิ เฮ้าส.์ ฐาปะนีย์ นาครทรรพ. (2528). วรรณคดีและวรรณกรรมไทยเบือ้ งต้น. กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตร์. ดวงมน จติ รจ์ ำ�นงค.์ (2521). บทวเิ คราะห์ลลิ ติ พระลอ. กรุงเทพฯ : กรุงสยามการพมิ พ.์ พระครใู บฎกี าบญุ เชดิ สริ ภิ ทโฺ ท (ชรู ตั น)์ . (2546). “การศกึ ษาเชงิ วเิ คราะหว์ ถิ พี ทุ ธในวรรณคดไี ทย : ศกึ ษาเฉพาะกรณี เรอ่ื งขนุ ชา้ งขนุ แผน”. กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลัยมหามกุฏราชวทิ ยาลัย. พระวรเวทย์พิสิฐ. (2530). คู่มอื ลิลิตพระลอ. กรงุ เทพฯ : จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. พระมหาสนิท อนจุ ารี (สมุหริ มั ย์). (2546) พระพุทธศาสนากบั วรรณคดไี ทยสมยั สโุ ขทัย : ศึกษาเฉพาะกรณศี ลิ าจารกึ พอ่ ขนุ รามคำ�แหง และสภุ าษติ พระร่วง. มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . ลลิ ิตพระลอฉบบั ถอดความอธบิ ายศัพท์. (2554). กรงุ เทพฯ : บนั ทึกสยาม. วนดิ า ตรงยางกูร และ มาตยา อิงคนารถ. (2530). ประวัติศาสตรน์ พิ นธ.์ พิมพค์ รงั้ ที่ 4. กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลยั รามคำ�แหง.

60 วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม ; ปีท่ี 6 ฉบับท่ี 1 : มกราคม - เมษายน 2559 Nakhon Phanom University Journal ; Vol.6 No.1 : January - April 2016 วทิ ย์ ศิวะศริยานนท.์ (2518). วรรณคดแี ละวรรณคดีวิจารณ์. กรงุ เทพฯ : แพรพ่ ทิ ยา. เสถยี รพงษ์ วรรณปก. (2522). พุทธวจั นในธรรมบท. กรงุ เทพฯ : มูลนธิ ิเสถยี รโกเศศนาคะประทปี . Translated Thai References Anujaree (Samuhirum), S. (2003). Buddhism and Thai literature in the Sukhothai Period : The case study of stone inscription of King Ramkhamhaeng and Phra Ruang Proverbs. Mahachulalongkorn-rajavidyalaya University. [in Thai] Jitjamnong, D. (1978). Review and analysis of Lilit Phra Lor. Bangkok : Krung Siam Printing. [in Thai] Lilit Phra Lor with the paraphrase and glossary. (2011). Bangkok : Siam Recorder. [in Thai] Ministry of Education. (1977). The textbook of MOE-reading book of poetry “Lilit Phra Lor”. Bangkok : Kurusapa Printing Ladphrao. [in Thai] Nakhontup, T. (1985). Introduction to Thai literature and literary works. Bangkok : Odeon Store. [in Thai] Phraworaweitphisit. (1987). A manual of Lilit Phra Lor. Bangkok : Chulalongkorn University Printing House. [in Thai] Siriphatto (Shurat), B. (2003). Analytical study of Buddhism in Thai literature : The case study of ‘Khun Chang Khun Phaen’. Bangkok : Mahamakut Buddhist University. [in Thai] Siwasariyanon, W. (1975). Literature and literary criticism. Bangkok : Phrae Pittaya Ltd., Part. [in Thai] Subphrawong, K. (2007). General Psychology. Bangkok : Thanbundit Printing. [in Thai] Tantiphimon, K. (1995). A study of Thai literature from Sukho Thai to early Rattanakosin periods according prosody. Bangkok : OS Printing House, Co., Ltd. [in Thai] Trongyangkoon, W. & Ingkhanart, M. (1987). Historiography (4th Ed.). Bangkok : Ramkhamhaeng University Press. [in Thai] Wannapok, S. (1979). The Buddha’s words in the Dhammapada. Bangkok : Sathien Koses Naga Prateep Foundation. [in Thai]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook