ภาพลขิ สิทธ์ิ ไดร ับอนุญาตโดย พระครปู ลดั ไพศาล กิตฺตภิ ทโฺ ท เจา อาวาสวัดแกว ฟา บางกรวย นนทบุรี ปรับปรงุ มิ.ย.56 เอกสารประกอบการศึกษา บรรยายโดย พระอาจารยพันธศกั ด์ิ โอภาโส มาติกาโชตกิ ะ ธัมมสังคณสี รูปต ถนสิ สยะ บันทึกการสอนโดย ศรชัย ชยาภวิ ัฒน หลกั สตู รช้นั จูฬอาภธิ รรมิกะเอก อภิธรรมโชตกิ ะวิทยาลยั มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั
คํานํา สารบาญ หนา ... 1 เอกสารประกอบการศกึ ษาชั้นจฬู อาภธิ รรมกิ ะเอกฉบับนี้ คุณศรชยั ชยาภวิ ัฒน 1 มาตกิ าโชตกิ ธมฺมสงคฺ ณสี รปู ตฺถนิสฺสย นักศกึ ษาชั้นจูฬ - เอก ภาคเรียนที่ 1 / 2550 ไดมีความวริ ิยะอตุ สาหะรวบรวมและ จัดทาํ ขึ้นตามแนวการสอนของอาตมาในระหวางทกี่ ําลงั ศกึ ษาอยใู นชัน้ น้ี และไดม อบ 2 ติกมาติกา ... 2 ตนฉบับใหอาตมาชว ยตรวจสอบขอบกพรองและแกไขใหถ ูกตองสมบูรณย ่งิ ขึ้น ทั้งน้ี ... 31 เพื่อประโยชนแ กนกั ศึกษาทกุ ทา นทส่ี นใจในรนุ ตอๆ ไป 1. กุสลตกิ ... 8 12. ปรติ ตฺ ติก ... 32 13. ปริตตฺ ารมมฺ ณตกิ ... 34 อาตมาภาพ จึงขออนุโมทนาในกศุ ลเจตนาของคุณศรชยั รวมทั้งทกุ ทา นท่มี ี 2. เวทนาติก ... 10 14. หนี ตกิ ... 36 สว นรว มและสนบั สนุนในการจดั พมิ พเอกสารประกอบการศกึ ษาช้นั จฬู - เอก ฉบบั นี้ 15. มิจฺฉตฺตติก ... 38 ขอใหทุกทา นเจริญรุงเรืองในพระพทุ ธศาสนาจนกวา จะบรรลุมรรค ผล นิพพาน เทอญ 3. วิปากตกิ ... 12 16. มคฺคารมฺมณตกิ ... 40 17. อปุ ปฺ นนฺ ติก ... 41 พระพันธศ ักดิ์ โอภาโส 4. อปุ าทินนฺ ตกิ ... 14 18. อตตี ติก ... 42 4 สิงหาคม 2550 19. อตตี ารมมฺ ณตกิ ... 44 5. สงกฺ ลิ ฏิ ตกิ ... 16 20. อชฌฺ ตฺตตกิ ... 46 21. อชฌฺ ตฺตารมฺมณติก ... 49 6. สวติ กฺกติก ... 18 22. สนทิ สสฺ นตกิ 7. ปต ิตกิ ... 20 8. ทสฺสนตกิ ... 22 9. ทสฺสนเหตุติก ... 26 10. อาจยคามิตกิ ... 28 11. เสกขฺ ติก ... 30 3 ทกุ มาติกา - สวนท่ี 1 อภธิ มฺมทุกมาติกา ... 51 - สวนท่ี 2 พุทธฺ มตฺุภาสติ ทกุ มาตกิ า ... 79 - สว นท่ี 3 สุตฺตนตฺ ิกทุกมาติกา ... 90
... 1 มาตกิ าโชติกะ ธัมมสังคณสี รูปตถนิสสยะ ความหมายของคําวา \" มาตกิ าโชตกิ ธมมฺ สงฺคณีสรปู ตฺถนสิ สฺ ย \" แยกบทเปน มาตกิ า + โชตกิ + ธมฺม + สงคฺ ณี + สรูป + อตถฺ + นสิ สฺ ย มาตกิ า = แมบท อุทเทส กระทู โชตกิ = ทําใหสวา ง ธมมฺ = สภาวธรรม สงคฺ ณี = รวบรวม การสวดหรอื รอยกรอง สรปู = สรปุ ยอ อตฺถ = เน้อื ความ ไดแก สภาวะ นสิ สฺ ย = เปน ที่อาศัยและบรรจุ เมอื่ รวมความแลว คําวา \" มาตกิ าโชติก ธมฺมสงฺคณีสรปู ตถฺ นสิ ฺสย \" จึงแปลวา คมั ภรี ท่ีทําแมบทใหส วาง และเปนท่ีอาศัยบรรจเุ นอื้ ความ คอื สภาวธรรมโดยยอ จากคมั ภรี ธมั มสงั คณี หมายเหตุ คัมภรี ธัมมสังคณี เปนคัมภรี ทร่ี วบรวมสภาวธรรมทัง้ หมด และเปนคัมภีรแ รกในบรรดาพระอภธิ รรม 7 คัมภรี
อารัมภกถา ... 2 แสดงเหตุแหง การปรากฎขน้ึ ของพระอภธิ รรม นับจากพระชาตทิ ี่เปนพระสเุ มธดาบส เปน ตน มาจนถงึ พระชาตทิ ่เี ปน พระเวสสันดรนั้น 1. ปารจิ ฉฺ ตตฺ กมลู มหฺ ิ ปณฑฺ ุกมฺพล นามเก พระพุทธองคทรงสรา งบารมี 30 ทศั มที านบารมี ทานอุปบารมี ทานปรมตั ถบารมี เปนตน สิลาสเน สนนฺ ิสนิ โฺ น อาทจิ ฺโจว ยคุ นฺธเร. ทรงมหาบริจาค 5 ประการ คอื ทสหาคมมฺ สพพฺ โส 2. จกกฺ วาฬสหสเฺ สหิ คเณน ปรวิ าริโต. 1. ธนบริจาค การสละทรพั ยสนิ เงนิ ทองและฐานะ ปเทสราชา เอกราชา จักรวรรดิราชา สนนฺ สิ นิ ฺเนน เทวานํ ตสฺสา ปฺาย เตชสา 2. ปตุ ตบริจาค การใหบุตรธดิ าเปนทาน เทวานํ สมปฺ วตฺตยิ. 3. ภรยิ บรจิ าค การใหภ รยิ าเปน ทาน 3. มาตรํ ปมุขํ กตฺวา 4. องั คบริจาค การใหอวยั วะเปน ทาน อภธิ มฺมกถามคคฺ ํ 5. ชวี ติ บริจาค การสละชวี ิตใหเ ปนทาน เพอื่ ใหไ ดมาซง่ึ จรยิ ะ 3 คือ 1. พระพุทธเจาประทับนง่ั บนศลิ าอาสน ซ่ึงสําเร็จดว ยแกวมณี 1. โลกัตถจริยะ การปฏบิ ัติเพื่อให สัตวท ัง้ หลายในโลกไดรับความสขุ ช่ือปณ ฑุกมั พล ท่ีประดิษฐานอยูใตรมไมทองหลาง 2. ญาตัตถจรยิ ะ การปฏบิ ตั ิเพือ่ ให ญาตทิ งั้ หลายไดรบั ความสขุ ทรงพระศิริโสภาคย ประดุจหนึ่งวา พระอาทิตยบ นยอดเขายคุ ันธร, 3. พุทธัตถจริยะ การปฏิบตั เิ พ่อื ให ไดมาซง่ึ สพั พัญุตญาณ 2. เทวดาท้งั หลายทม่ี าจากหม่นื จกั รวาฬ พระอภิธรรม ทีพ่ ระพทุ ธองคทรงแสดงตลอดพรรษากาล แบงออกเปน 3 ประเภท คอื ไดพากันมาประชุมเฝา หอ มลอมพระพทุ ธองคอ ยูโดยรอบ, 1. ทพี่ ระพทุ ธองคท รงแสดงแก หมเู ทพยดา อนิ ทร พรหมท้งั หลายนน้ั 3. พระพทุ ธองคทรงกระทาํ สันตุสิตเทวบตุ ร ซ่งึ เคยเปน พุทธมารดา ชือ่ วา วิตถารนยั เพราะการแสดงน้ันพิสดารมาก ใหเ ปน ประมุขในบรรดาเทวดาและพรหมท้ังหลายเหลา นน้ั แลว ทรงแสดงพระอภิธรรม 7 คมั ภรี แ กเ ทพยดาและพรหมเหลา น้นั 2. ทพ่ี ระพุทธองคท รงแสดงแก พระสารีบุตร ทปี่ า ไมจนั ทนน ั้น ติดตอ กนั ตลอดพรรษากาล ดว ยเดชะแหง พระสพั พัญตุ ญาณ ฯ ช่อื วา สงั เขปนัย เพราะการแสดงนนั้ ยอมาก 3. พระอภิธรรมที่พระสารบี ุตรแสดงแกศษิ ยานุศษิ ย 500 องคท ่เี คยเปนคา งคาวมาแตอดีตชาติน้นั ชอื่ วา นาติวติ ถารนาติสงั เขปนัย เพราะการแสดงน้ันเปน กลาง ไมพ ิสดารและไมยอ .
ปญจมหาวิโลกนะ 5 ประการ คือ ... 3 1. กาละ ทรงพิจารณาอายขุ องมนษุ ยท ัง้ หลายทรงเหน็ วา ในกาลท่ีพระสัพพญั ูจะอบุ ัติขึ้นในโลก เหตปุ รากฏขึ้นของพระอภิธรรม 2 อยา งน้ัน คือ อายุของมนษุ ยใ นสมยั นั้น ตงั้ อยรู อยปเปนกาํ หนด ประการหนึง่ 1. อธิคมนทิ าน ไดแ ก บารมี 30 ทัศ, มหาบรจิ าค 5, จรยิ ะ 3 2. ทีปะ ทรงพิจารณาทวปี ทัง้ 4 เห็นวา ทวีปทั้ง 3 มไิ ดเ ปน ทบี่ ังเกิดแหงพระพุทธเจา พระพทุ ธเจาทัง้ หลายยอ มอบุ ตขิ นึ้ แตในชมพทู วปี ทวีปเดียวเทานั้น เมอื่ วา โดยเวลานบั ตงั้ แตพ ระทปี ง กรสมั มาสมั พุทธเจา ประทานพทุ ธพยากรณ จนถงึ สําเรจ็ เปน พระสัมมาสัมพทุ ธเจา ขณะทีป่ ระทบั อยูทโี่ พธบิ ลั ลังก 2. เทศนานทิ าน ไดแ ก การแสดงพระธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู ร 3. เทสะ จากนน้ั ทรงพจิ ารณาประเทศสบื ไป เหน็ ในมชั ฌมิ ประเทศเปนทีบ่ ังเกดิ แหพ ระอริยเจา เหตุปรากฏขึน้ ของพระอภิธรรม 3 อยา งนัน้ คอื ทัง้ ปวง มพี ระสพั พญั เู จาเปนตน และกรงุ กบิลพสั ดุประดษิ ฐานอยูในภูมภิ าคแหง มัชฌมิ ประเทศ 1. ทเู รนิทาน ตนเหตุที่ไกล ไดแ ก 4. กลุ ะ แลว ทรงพิจารณาสกุลสืบไปวา ธรรมดาพระสัพพญั เู จา ยอมบังเกดิ แตใ นสกุลทัง้ 2 การที่ไดพ ุทธพยากรณ จากพระทปี ง กร สมั มาสมั พุทธเจา จนถงึ คือ ขตั ติยสกลุ 1 และพราหมณสกลุ 1 ซงึ่ โลกสมมตุ นิ ับวาประเสริฐ กาลบัดนโี้ ลกสมมตุ ิวา สกุลกษัตยิ ประเสรฐิ กวาสกลุ พราหมณ และพระเจาสทุ โธทนะ ชาตทิ เ่ี ปน เสตเกตเุ ทวบตุ รในดสุ ิตเทวโลก ซง่ึ ครอบครองกรงุ กบลิ พสั ดอุ ยูขณะน้นั เปน ศากยวงศข ตั ตยิ ะ สมควรเปน พุทธบิดาได 2. อวทิ เู รนทิ าน ตนเหตุไมใกลไมไกล ไดแ ก 5. มาตุอายุปริจเฉท แลวทรงพจิ ารณาดพู ระชนนีสืบไป เหน็ วา ธรรมดาผูท่จี ะเปน พทุ ธมารดานั้น จะตองเปน ชาตทิ ่เี ปน เสตเกตุเทวบุตร จนถงึ ผสู รางบารมมี านานและจาํ เดมิ แตเ กิดมาก็รักษาเบญจศีลบริสทุ ธ์ไิ มด า งพรอ ยเปนนยิ ตกาล ทอดพระเนตรเหน็ พระนางสิรมิ หามายาเทวี อัครมเหสีพระเจาสุทโธทนมหาราช มี สําเรจ็ เปน พระสัมมาสมั พุทธเจา ขณะทปี่ ระทบั อยทู ่โี พธิบลั ลังก พระบารมีสมบรู ณ แลวทรงพิจารณาวา พระชนมายขุ องพระนางสริ ิมหามายาเทวีน้ัน จะถงึ กาลปรจิ เฉทเมอ่ื ใดเมือ่ ทรงทราบแลว จงึ รบั อาราธนาของเทวดาและพรหมทง้ั หลาย 3. สนั ติเกนิทาน ตน เหตุทใ่ี กล ไดแก การแสดงพระอภิธรรมในเทวโลก
... 4 วจนัตถะ และความหมายของคาํ วา มาตกิ า, มาตกิ าโชติกะ วจนตั ถะ ของคาํ วา มาตกิ า มาตา วิยาติ = มาติกา มาติกา น้นั คือ อทุ เทส เปนการแสดงโดยยอ เหมอื นกบั สารบาญ บทเหลาใด เหมอื นแม หรอื เหมอื นคลองสงนา้ํ ฉะนน้ั บทเหลา นัน้ ช่อื วา มาตกิ า ไดแก กสุ ลา ธมฺมา เปนตน ไดแก ตกิ มาติกาบท 66 ทกุ มาตกิ าบท 284 รวมเปน 350 บท นั้นเอง มาติกา มี 2 อยา ง คอื มาตกิ าโชติกะ หมายความวา เปน ปกรณท ่ีแสดงจาํ แนกเน้อื ความพรอ มท้งั อธบิ าย 1. ติกมาติกา เปนมาติกาท่ีจาํ แนกปรมัตถธรรมท้งั 4 โดยแบง ออกเปน 3 บท ใน มาติกาบท มี กสุ ลา ธมฺมา เปนตน ใหสวางนั้นเอง มี 22 ติกะ คือ กสุ ลตกิ เปนตน จนถงึ สนิทสฺสนตกิ เปน ที่สดุ วจนตั ถะของคําวา มาตกิ าโชติกะ 2. ทุกมาตกิ า เปน มาตกิ าท่จี ําแนกปรมัตถธรรมท้งั 4 โดยแบงออกเปน 2 บท มาติกํ โชเตตีติ = มาติกาโชติโก มี 2 อยา งคือ คมั ภีรใ ด ยอ มทาํ มาตกิ าบท มีกุสลา ธมฺมา เปนตน ใหสวา ง ฉะน้นั คมั ภีรน ้นั ชอ่ื วา มาติกาโชติกะ - อภธิ ัมมทกุ มาติกา มี 100 ทุกะคอื เหตุทกุ เปน ตน จนถึงสรณทกุ เปนทส่ี ดุ - สุตตันติกทกุ มาติกา มี 42 ทกุ ะคอื วิชชาภาคีทกุ เปนตน จนถงึ ขเยาณทกุ หรอื มาติกายํ โชติโก = มาตกิ าโชตโิ ก คัมภรี ท ี่ทาํ ใหสวา งรุงเรืองใน มาติกาบท มี กุสลา ธมฺมา เปน ตน เปนทสี่ ดุ ช่ือวา มาตกิ าโชตกิ ะ ธัมมสงั คณีปกรณ น้ี เมือ่ วาโดยกณั ฑแลว มี 4 กณั ฑ คอื 1. จิตฺตุปฺปาทกณฺฑ เปน กัณฑท ี่ แสดงการจาํ แนกตกิ มาตกิ า และทุกมาติกา โดยปรมัตถธรรมทง้ั 4 ซ่ึงมีจติ และเจตสิกเปน ประธาน โดยพิสดาร 2. รูปกณฺฑ เปนกณั ฑท ่ี แสดงการจาํ แนกรูป โดยเอกกนัย จนถงึ เอกาทสกนยั โดยพิสดาร 3. นกิ เฺ ขปกณฺฑ เปนกัณฑท ่ี แสดงการจาํ แนกติกมาติกา และทกุ มาติกา โดยปรมตั ถธรรมท้ัง 4 อยา งกลางๆ 4. อฏกถากณฑฺ เปนกัณฑท ี่ นําเนื้อความของปฎกทัง้ 3 ซึง่ เปนพุทธวจนะ แลว จาํ แนกโดยตกิ มาติกา และทุกมาตกิ า อยางยอ * การแสดงสตุ ตฺ นตฺ กิ ทกุ มาติกา ในธมั มสังคณปี กรณน้นั คงแสดงไวแ ตน กิ ฺเขปกณฑฺ กณั ฑเ ดยี วเทา นนั้
ติกมาติกา 22 ติกะ ... 5 1. กสุ ลตกิ - อา.-นปิ ฺ. 12. ปริตฺตติก - อา.-นิป.ฺ ติกมาตกิ า และ ทกุ มาตกิ า เหลาน้ี 2. เวทนาตกิ - สพฺ.-สปฺ. 13. ปรติ ฺตารมฺมณตกิ - อา.-สป.ฺ วาโดย ประเภทแหง ชอ่ื มี 2 อยาง คือ 3. วิปากตกิ - อา.-นิปฺ. 14. หีนติก - อา.-นปิ ฺ. 4. อุปาทินฺนตกิ - อา.-นิป.ฺ 15. มจิ ฺฉตตฺ ติก - อา.-นิป.ฺ 1. อาทลิ ทฺธนามตกิ , อาทลิ ทฺธนามทุก 5. สงกฺ ิลิฏตกิ - อา.-นิป.ฺ 16. มคฺคารมมฺ ณติก - อา.-สปฺ. การท่ีมชี อ่ื วา อาทลิ ทฺธนามตกิ หรอื ทกุ นัน้ เพราะอาศยั ศพั ททตี่ ั้งอยูในบทแรก 6. สวติ กกฺ ติก - อา.-สปฺ. 17. อปุ ปฺ นนฺ ติก - อา.-สปฺ. ของตกิ ะ หรอื ทุกะ นน้ั เปน หลักตั้งชอ่ื เชน กสุ ลติก เปน ตน 7. ปตติ ิก - อา.-สป.ฺ 18. อตตี ติก - อา.-สป.ฺ 8. ทสสฺ นตกิ - อา.-นปิ ฺ. 19. อตตี ารมฺมณติก - อา.-สป.ฺ 2. สพพฺ ลทธฺ นามติก, สพพฺ ลทฺธนามทุก 9. ทสฺสนเหตตุ ิก - อา.-นิป.ฺ 20. อชฌฺ ตตฺ ติก - อา.-นิปฺ. การท่ีมีชือ่ วา สพฺพลทฺธนามติก หรอื ทกุ นัน้ เพราะอาศยั ศพั ททตี่ ้ังอยูในบทท้ัง 3 10. อาจยคามติ กิ - อา.-นปิ .ฺ 21. อชฌฺ ตตฺ ารมมฺ ณตกิ - อา.-สป.ฺ หรอื ทงั้ 2 น้นั เปนหลกั ตั้งช่อื เชน เวทนาติก เปนตน 11. เสกขฺ ติก - อา.-นปิ .ฺ 22. สนทิ สฺสนตกิ - อา.-นปิ ฺ. วา โดย ปรมัตถธรรม ทสี่ งเคราะหเขาได มี 2 อยา ง คอื อาทลิ ทธฺ นามตกิ = 21 สพพฺ ลทธฺ นามตกิ = 1 1. นิปฺปเทสตกิ , นปิ ปฺ เทสทกุ อา. - นิป.ฺ =13 อา. - สปฺ. = 8 สพฺ. - สปฺ. = 1 การทมี่ ชี ่อื วา นปิ ฺปเทสตกิ หรอื ทกุ นนั้ เพราะเปนติกะ หรือ ทุกะ ท่พี ระพุทธองคทรงแสดงปรมตั ถธรรมทง้ั 4 หมดไมมีเหลือ เชน กสุ ลติก เปน ตน 2. สปฺปเทสตกิ , สปปฺ เทสทกุ การท่มี ีชอ่ื วา สปฺปเทสตกิ หรือ ทกุ นั้น เพราะเปน ติกะ หรอื ทุกะ ที่พระพทุ ธองคท รงแสดงปรมัตถธรรมท้ัง 4 ไมหมดยงั มีเหลอื อยู เชน เวทนาตกิ เปน ตน นปิ ฺปเทสติก = 13 สปฺปเทสตกิ = 9
... 6 การจาํ แนกขันธ อายตนะ ธาตุ สจั จะ 2.3 การจําแนกโดย ธาตุ มขี ้นั ตอน ดังนี้ วิธกี ารกท็ ํานองเดยี วกบั การจําแนกอายตนะนั้นเอง แตมีขอ แตกตางกันทจี่ ติ 1. นกั ศึกษาตองทองจาํ การจําแนกปรมัตถธรรม 4 โดยขันธ อายตนะ ธาตุ สัจจะใหแมนยาํ เสยี กอ น เพราะจติ 89 จัดเปนมนายตนะไดอ ยา งเดยี ว แตเปนธาตุไดถึง 7 ธาตุ ( จากเอกสารทีแ่ จกใหกอ นเร่มิ เรียน หรือที่มอี ยูในเอกสารประกอบการศึกษาชดุ นี้ ) ฉะน้นั จาํ นวนอายตนะทมี่ ี 12 และธาตุทม่ี ี 18 ก็ตางกนั ตรงจิตนเ่ี อง 2. ในการจาํ แนกปรมัตถธรรมท่เี ปนองคธรรม ตองจําแนกไปตามลําดบั ขนั ธ อายตนะ ธาตุ สจั จะ 2.4 การจาํ แนกโดย สัจจะ 2.1 การจาํ แนกองคธ รรมโดย ขันธ สจั จะมที ง้ั หมด 4 สัจจะคือ ทุกขสจั จะ, สมุทัยสัจจะ, นิโรธสัจจะ, มรรคสัจจะ ใหจ ําแนกเรยี งตามลาํ ดับขันธ คือ รูปขนั ธ, เวทนาขันธ, สัญญาขันธ, สังขารขนั ธ, ตองดอู งคธรรมวา องคธรรมใดเปนสัจจะใดไดบ า ง พิจารณาดงั น้ี วิญญาณขนั ธแ ละขันธวมิ ตุ โดยพจิ ารณาจากองคธรรมวา ... ถา องคธรรมมที ั้งโลกยี ธรรมและโลกุตตรธรรมรวมกนั เวลาจําแนก - ถามรี ปู 28 อยูดว ยจะทงั้ หมดหรอื บางสว นกต็ ามรปู ทมี่ อี ยนู ้นั จัดเปน รูปขนั ธ Y ตองเอาเฉพาะโลกยี ธรรมเทาน้นั ( เวนโลภะ ) จัดเปน ทุกขสจั จะ - ในเจตสกิ 52 หรอื บางสว นกต็ าม Y ถามีโลภเจตสกิ อยูดว ย โลภเจตสกิ จดั เปน สมทุ ยั สจั จะ Y ถา มเี วทนาเจตสิกรวมอยูดว ย เวทนาเจตสิก จดั เปน เวทนาขนั ธ ในสว นที่เปนโลกตุ ตรธรรม Y ถา มีสญั ญาเจตสิกอยดู ว ย สัญญาเจตสกิ จดั เปน สญั ญาขันธ Y ถา มนี ิพพานอยูด วย จดั เปน นโิ รธสจั จะ Y สว นเจตสิกที่เหลือนอกนนั้ ( เวนเวทนาและสญั ญา ) จดั เปน สงั ขารขันธ Y ถา มมี รรคจิตและเจตสกิ ที่ประกอบอยูดวย - จติ ท้ังหมดหรอื บางสวนกต็ าม จดั เปน วญิ ญาณขันธ องคมรรค 8 มีสัมมาทฏิ ฐิ เปน ตน หรอื องคม รรค 7 - ถา องคธรรมมี นพิ พาน อยูดวย ตองระบุดวยวา นิพพานเปนขนั ธวิมุต (เวนสัมมาสงั กปั ปะ) ทอี่ ยใู นมรรคจติ 4 หรือ 20 นน้ั จดั เปน มรรคสจั จะ 2.2 การจําแนกโดย อายตนะ มรรคจติ และเจตสิกทเ่ี หลือรวมกัน เรยี กวา มรรคจิตตุปบาททเี่ หลอื 29 อายตนะมีทงั้ หมด 12 อายตนะ ใหดอู งคธรรมวา จดั เปน อายตนะใดไดบ า ง และผลจติ รวมเจตสกิ ทีป่ ระกอบ เรยี กวา ผลจิตตปุ บาท 37 โดยไลไปตามลําดับต้ังแต จกั ขายตนะ จนถึง ธมั มายตนะ ดังน้ี พนจากสจั จะทั้ง 4 เรียกวา สจั จวิมตุ - องคธ รรมท่มี ีรปู 28 อายตนะที่ 1 ถงึ 10 คอื จักขายตนะจนถึงโผฏฐัพพายตนะ - ถา องคธ รรมมีจิตอยูด ว ยจํานวนเทาใดก็ตาม จดั เปน มนายตนะ หมายเหตุ จํานวนขนั ธ, อายตนะ, ธาต,ุ สัจจะ จะครบหรอื ไมข้นึ อยกู บั องคธ รรมทแี่ สดงอยูในแตละบท มากบา งนอยบา งแตกตา งกนั ไป - สวนองคธรรมทีเ่ หลือนอกน้ัน เชน เจตสิกจาํ นวนเทา ใดกต็ าม, สุขุมรปู 16, นพิ พาน จดั เปน ธมั มายตนะ
... 7 จําแนกปรมตั ถธรรม 4 โดย ขนั ธ 5 จาํ แนกปรมตั ถธรรม 4 โดย อายตนะ 12 จําแนกปรมตั ถธรรม 4 โดย ธาตุ 18 จําแนกปรมตั ถธรรม 4 โดย สัจจะ 4 รูป 28 เปน รปู ขนั ธ จกั ขุปสาท เปน จกั ขายตนะ จักขปุ สาท เปน จกั ขุธาตุ โลกียจิต 81, เจตสิก 51 (-โลภะ), รปู 28 เวทนาเจตสิก เปน เวทนาขนั ธ โสตปสาท เปน โสตายตนะ โสตปสาท เปน โสตธาตุ เปน ทกุ ขสัจจ สญั ญาเจตสิก เปน สัญญาขันธ ฆานปสาท เปน ฆานายตนะ ฆานปสาท เปน ฆานธาตุ โลภเจตสกิ เปน สมุทยั สจั จ เจตสิกทีเ่ หลอื 50 เปน สงั ขารขันธ ชิวหาปสาท เปน ชิวหายตนะ ชิวหาปสาท เปน ชวิ หาธาตุ นิพพาน เปน นิโรธสจั จ โอฬาริการูป 12 กายปสาท เปน กายายตนะ เปน โอฬาริกายตนะ 10กายปสาทเปน กายธาตุ องคม รรค 8 ทใี่ น มัคคจติ 4 เปน มคั คสจั จ เปน โอฬาริกาธาตุ 10 รปู ารมณ เปน รูปายตนะ รูปารมณ เปน รูปธาตุ ** มคั คจติ ตุปบาททเ่ี หลอื 29 ่ีทประกอบใน มัคค ิจต 4 เ ทานั้น สัททารมณ เปน สทั ทายตนะ สทั ทารมณ เปน สัททธาตุ ( มคั คจติ 1 เจตสกิ ท่ีเหลือ 28 ) เปน สัจจวมิ ตุ คนั ธารมณ เปน คันธายตนะ คันธารมณ เปน คันธธาตุ ** ผลจติ ตุปบาท 37 รสารมณ เปน รสายตนะ รสารมณ เปน รสธาตุ ( ผลจิต 1 เจตสิก 36) ป.เต.วา.โผฏฐพั พารมณ เปน โผฏฐัพพายตนะ ป.เต.วา.โผฏฐพั พารมณ เปน โผฏฐัพพธาตุ องคมรรค 8 จักขุวญิ ญาณจิต 2 เปน จกั ขุวญิ ญาณธาตุ สมั มาทิฏฐิ ปญญา เจ. โสตวิญญาณจติ 2 เปน โสตวิญญาณธาตุ สมั มาสงั กัปปะ วิตก เจ. ฆานวญิ ญาณจติ 2 เปน ฆานวญิ ญาณธาตุ สัมมาวาจา จิต 89 เปน วิญญาณขันธ จิต 89 เปน มนายตนะ ชิวหาวญิ ญาณจิต 2 เปน ชวิ หาวิญญาณธาตุ สมั มากมั มันตะ วิรตี เจ. 3 กายวิญญาณจติ 2 เปน กายวญิ ญาณธาตุ สัมมาอาชวี ะ สัมปฏจิ ฉนจติ 2 เปน มโนธาตุ สมั มาวายามะ วีริยะ เจ. ปญจทวาราวชั ชนจติ 1 สมั มาสติ สติ เจ. จติ ทเ่ี หลอื 76 เปน มโนวิญญาณธาตุ สัมมาสมาธิ เอกัคคตา เจ. **นพิ พาน เปน ขันธวิมุต เจ.52 สุขมุ .16 นพิ พาน เปน ธมั มายตนะ เจ.52 สุขุม.16 นิพพาน เปน ธมั มธาตุ
... 8 1. กสุ ลติก องคธ รรม ธรรมเหลาน้เี มือ่ จําแนกโดย... *สจั จวิมตุ ขัน. อา. ธา. สจั . มคั ผล ป. กสุ ลา ธมมฺ า ก.ุ 21, เจ. 38 ...ซ่ึงมีลักษณะไมมโี ทษ 4 2 2 2* 29 - ใหผลเปนความสุข มีอยู ( สํวชิ ฺชนฺติ ) โลกยี . ก.ุ 17, เจ. 38 มัคคจติ ตปุ บาทที่เหลอื 1+(36-8) ท. อกุสลา ธมฺมา โลกตุ . มัค.4, ...ซ่ึงมีลักษณะเปน ไปพรอ มดวยโทษ เจ. 36 เจ.38 สัจจะ และใหผลเปน ความทุกข มอี ยู ( สํวิชฺชนฺติ ) 1 โลกีย ก.ุ 17, เจ.38 เปน ทุกขสจั จ 3 อ.ม. 8 หรือ 7 -> มคั คจิต 4 เปน มคั คสัจจ อกุ.12, เจ. 27 4222- - สัจจะ เปน ทุกขสจั จ 1 อกุ.12, เจ.26 (-โลภะ ) เปน สมทุ ัยสัจจ 2 โลภเจตสิก ต. อพฺยากตา ธมฺมา ว.ิ 36, ก.ิ 20, เจ.38, รปู .28, นิพ. 5* 12 18 2* - 37 ...ซึ่งพระพุทธองคไมไ ดท รงแสดงโดยความเปนกุศล อกุศล แตไ ดทรงแสดงโดยความเปน อยางอ่นื มีอยู ( สํวชิ ชฺ นฺติ ) นิพพาน เปน ขันธวิมุต โลกีย. ว.ิ 32, ก.ิ 20, เจ. 35 ( -วิรตี ) เจ.38 ผลจติ ตุปบาท = 1+36 โลกตุ . ผล.4, เจ. 36 ( - อปั ) สจั จะ 1 โลกียว.ิ 32, กิ.20, เจ.35, รูป28 เปน ทุกขสัจจ 2 นิพพาน เปน นิโรธสัจจ ธมฺมา - ธรรมทงั้ หลายท่ีไมใ ชสัตว ไมใชชวี ิต ติกวมิ ตุ : X อา. - นปิ ฺ. เปน แตส ภาวะ ( นสิ สฺ ตตฺ นชิ ชฺ วี สภาวา )...
... 9 วจนัตถะของคําวา กศุ ล, อกุศล และอพยากตะ เหตุผลทที่ รงแสดงกศุ ล อกศุ ล และอพยากตธรรม ตามลําดบั 1. กจุ ฺฉิเต ปาปธมฺเม สลยติ กมฺเปติ วทิ ฺธํเสตีติ = กุสลํ 1. เหตุผลทพี่ ระพทุ ธองคทรงแสดงกุศลธรรมกอนอกศุ ล และอพยากตธรรมนนั้ มี 3 ประการ คือ ธรรมชาติใดยอมทําใหห วน่ั ไหว หรอื ยอมทําลายซง่ึ บาปธรรม กศุ ลธรรมนี้ เปนธรรมทม่ี ลี ักษณะใหผลเปน ความสขุ ฉะน้ัน อนั บณั ฑิตทง้ั หลายพงึ เกลยี ด ฉะน้นั ธรรมชาตนิ น้ั ชอ่ื วา กุศล - จึงเปนธรรมอนั ประเสรฐิ ประการหนงึ่ - เปน ธรรมอนั นาสรรเสรญิ ประการหนึ่ง 2. น กสุ ลํ = อกุสลํ ธรรมชาติทไ่ี มใ ชกศุ ล ช่อื วา อกุศล - เปนธรรมอันนาํ ประโยชนม าสสู ัตวท้งั หลาย ท้ังในภพนแี้ ละภพหนา อกี ประการหนึ่ง 3. น พยฺ ากโต = อพฺยากโต ธรรมที่ไมไดท รงแสดงโดยความเปน กุศล อกุศล 2. เหตุผลทีท่ รงแสดง อกุศลธรรมตอ จากกุศลธรรมน้ัน คอื ตามธรรมดาอกศุ ลธรรมน้ี ยอมเปนปฏิปก ษตอ กุศลธรรมอยูแลว ฉะนั้น ทรงแสดงเปนอยางอ่ืน ชื่อวา อพยากตะ พระพทุ ธองค จงึ ทรงแสดงอกศุ ลธรรมตอ จากกศุ ลธรรม เพอื่ ใหเ หน็ สภาพทตี่ รงกันขาม เหตุผลท่ีพระพทุ ธองคท รงแสดง กสุ ลติก กอนติกะอ่ืนๆ 3. เหตผุ ลท่พี ระพุทธองคท รงแสดง อพยากตธรรมไวส ุดทายตอ จาก มี 3 ประการ คอื กศุ ลธรรมและอกุศลธรรมน้นั เพราะอพยากตธรรมเหลา น้ี เปนสภาพท่แี ปรไปจากกศุ ลธรรมและอกุศลธรรมทั้ง 2 อยา งนนั้ 1. ปรมัตถธรรมทั้ง 4 เหลาน้ี รวมเขาใน กุสลตกิ ไดท ัง้ หมดโดยไมมเี หลอื 2. กุศล อกศุ ล อพยากตธรรม ทงั้ 3 ปรากฎเปน สวนๆ ไมป ะปนกัน หรืออีกนยั หนึ่ง ทีท่ รงแสดงเชน นนั้ เพราะทรงแสดงตามลําดับแหง ความเปน ไปของ 3. ใน กุสลติก นี้ กุศลธรรม คือ ธรรมที่ดแี ละไมม ีโทษ ต้ังอยใู นเบ้อื งแรก อสสฺ าท คือ กุศลธรรม มีสภาพเปน ไปท่สี ัตวท ง้ั หลายนา ยินดี อาทีนว คอื อกศุ ลธรรม มสี ภาพเปน ไปท่เี ปน โทษไมน า ยินดีพอใจ อาศัยเหตุ 3 ประการนี้ พระองคจงึ ทรงแสดง กสุ ลตกิ กอ นตกิ ะอ่ืนๆ นิสฺสรณ เฉพาะนพิ พานมีสภาพพนจากวัฏฏทกุ ข หรืออีกนยั หนึ่ง ทรงแสดงตามลําดบั แหง การปฏิบัติ คือ ผูท่ีมีปญญายอ มตั้งอยใู นกุศลธรรม และประหาณอกศุ ลธรรม แลว กระทาํ อรหตั ตผลนิพพาน ใหปรากฎ
... 10 2. เวทนาติก องคธ รรม ธรรมเหลา นี้เม่ือจาํ แนกโดย... *สัจจวิมุต สขุ สหคตจติ 63, เจ. 46 ( -เว., โท.4, วจิ .ิ ) ป. สขุ าย เวทนาย สมปฺ ยตุ ฺตา ธมมฺ า ขัน. อา. ธา. สจั . มคั ผล ส.ธ.ท. ท่ีประกอบดว ยสขุ เวทนา ..... 3 2 3 3 28 36 ท. ทกุ ขฺ าย เวทนาย สมฺปยุตตฺ า ธมมฺ า ส.ธ.ท. ทป่ี ระกอบดว ยทกุ ขเวทนา ..... มคั คจติ ตปุ บาทท่ีเหลือ 1+(35-8) ต. อทกุ ฺขมสขุ าย เวทนาย สมปฺ ยตุ ฺตา ธมมฺ า โลกยี สุขสหคตจติ 31, เจ.46 สจั จะ ผลจิตตปุ บาท = 1+35 ส.ธ.ท. ทปี่ ระกอบดว ยอเุ บกขาเวทนา มัคค สุขสหคตจติ 16, เจ.35 ( -เว. ) ซ่งึ ไมใชทกุ ข ไมใชสุข ..... ผล สขุ สหคตจติ 16, เจ.35 ( -เว. ) 1 โลกยี สขุ สหคตจิต 31, เจ.45 (-โลภะ) เปน ทกุ ขสจั จ .... โดยลกั ษณะทง้ั 4 มี เอกปุ ปฺ าทตา เปน ตน มอี ยู 2 โลภเจตสกิ เปน สมุทัยสจั จ ทกุ ขสหคตจิต 3, เจ. 21 ( -เว. ) 3 อ.ม.8 หรือ 7 -> มัคคสขุ สหคตจิต 16 เปน มคั คสจั จ 3231- - สัจจะ เปน ทุกขสจั จ 1 ทุกขสหคตจติ 3, เจ.21 อุเบกขาสหคตจิต 55, เจ.46 ( -เว., ปต.ิ , โท.4 ) 3 2 7 3* 26 33 มคั คจิตตปุ บาทท่เี หลือ 1+(32-7) ผลจิตตปุ บาท = 1+32 โลกยี อุเบกขาสหคตจิต 47, เจ.46 สัจจะ มัคค อเุ บกขาสหคตจิต 4, เจ.32 ( -เว. ) ผล อุเบกขาสหคตจิต 4, เจ.32 ( -เว. ) 1 โลกียอุ.สหคตจิต 47, เจ.45 (-โลภะ) เปน ทุกขสัจจ 2 โลภเจตสิก เปน สมุทัยสจั จ ตกิ วมิ ตุ : สขุ เวทนาเจ. 63, ทกุ ขเวทนาเจ. 3, อเุ บกขาเวทนาเจ. 55, รปู 28, นพิ พาน 3 อ.ม.7 (-ส.สงั กปั ปะ) -> มัคคอ.ุ สหคตจติ 4 เปน มคั คสัจจ สพ. - สปฺ.
ในเวทนาติก คาํ วา ตกิ วิมตุ แปลวา พนจากตกิ ะ หมายความวา องคธ รรมเหลานนั้ ไมไดอ ยู ... 11 ในปฐมบท ทุตยิ บทหรอื ตติยบท ฉะนัน้ สุขเวทนาเจตสกิ 63 ซง่ึ ประกอบกับสขุ สหคตจิต 63 ทุกขเวทนาเจตสิก 3 ซึง่ ประกอบกับทุกขสหคตจิต 3 และอุเบกขาเวทนา ซง่ึ ประกอบกับ ขันธวมิ ตุ หมายความวา เปน ธรรมท่ีพน จากขันธทัง้ 5 อุเบกขาสหคตจิต 55 จึงตอ งเปนติกวิมตุ สวนรปู 28 และนพิ พานน้นั ในบททัง้ 3 ก็ไมไ ด สัจจวมิ ุต หมายความวา เปน ธรรมที่พน จากสัจจะทง้ั 4 แสดงไว ฉะนั้น จึงเปน ตกิ วมิ ตุ โดยชดั เจนอยแู ลว ติกวมิ ุต หมายความวา เปน ธรรมท่พี นจากบททง้ั 3 [ ทุกวมิ ตุ หมายความวา เปนธรรมทพี่ น จากบททั้ง 2 ] ในเวทนาตกิ น้นั เวทนาเจตสิกทั้งหมด เปนตกิ วิมตุ เพราะ พระพทุ ธองค ไมไ ดท รงแสดงวา สขุ เวทนา ธมมฺ า ทกุ ฺขเวทนา ธมฺมา อุเปกขฺ าเวทนา ธมมฺ า ***** ขนั ธวมิ ุต และสจั จวิมุต มีองคธ รรม โดยแนน อน คือ ส.ธ.ท. ทีเ่ ปน สุขเวทนา ทกุ ขเวทนา อุเบกขาเวทนา ตกิ วิมุต หรอื ทุกวิมุต มอี งคธ รรม โดยไมแ นนอน แตทรงแสดงวา สขุ าย เวทนาย สมฺปยตุ ตฺ า ธมมฺ า ทุกขฺ าย เวทนาย สมฺปยุตฺตา ธมมฺ า อทกุ ขฺ มสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา ธมมฺ า คือ ส.ธ.ท. ทปี่ ระกอบดวยสุขเวทนา ทกุ ขเวทนา อุเบกขาเวทนา เทา นั้น และสุขเวทนาก็ประกอบกับสุขเวทนาไมไ ด ทกุ ขเวทนากป็ ระกอบกับทุกขเวทนาไมได อุเบกขาเวทนาก็ประกอบกบั อุเบกขาเวทนาไมได ดวยเหตุน้ี เวทนาเจตสิกท้งั หมด จงึ เปน ติกวมิ ุต
3. วิปากติก องคธรรม ... 12 ป. วปิ ากา ธมมฺ า ว.ิ 36, เจ.38 ธรรมเหลา นเ้ี ม่อื จาํ แนกโดย... *สจั จวิมตุ ส.ธ.ท. ทเ่ี ปนผลของกุศลและอกุศล ขนั . อา. ธา. สัจ. มคั ผล ซึ่งพิเศษกวากนั และกัน มอี ยู 4 2 8 1* - 37 ท. วิปากธมมฺ ธมฺมา ส.ธ.ท. ท่ีมสี ภาพใหผลเกิดขน้ึ มอี ยู โลกยี . วิ.32, เจ. 35 ( -วิรตี ) เจ.38 ผลจิตตปุ บาท = 1+36 โลกตุ . ผล.4, เจ. 36 ( - อปั ) เปน ทุกขสจั จ ต. เนววิปากนวปิ ากธมมฺ ธมมฺ า ส.ธ.ท. ทไี่ มเ ปนผลของกศุ ลและอกศุ ล สัจจะ ซ่ึงพเิ ศษกวา กนั และกนั 1 โลกยี วิ.32, เจ.35 และ ไมม ีสภาพใหผ ลเกิดขน้ึ มอี ยู อกุ.12, ก.ุ 21, เจ.52 4 2 2 3* 29 - มคั คจติ ตปุ บาทท่เี หลอื 1+(36-8) โลกยี . อก.ุ 12, โลกียก.ุ 17, เจ. 52 สจั จะ โลกตุ . มัค.4, เจ. 36 1 อกุ.12, โลกยี กุ.17, เจ.51 ( -โลภะ ) เปน ทกุ ขสัจจ 2 โลภเจตสิก เปน สมุทัยสัจจ 3 อ.ม. 8 หรอื 7 -> มคั คจติ 4 เปน มคั คสจั จ กิ.20, เจ.35, รูป28, นิพ. 5* 12 13 2 - - โลกยี . ก.ิ 20, เจ.35, รูป28 นิพพาน เปน ขนั ธวิมุต โลกุต. นิพพาน สัจจะ 1 ก.ิ 20, เจ.35, รูป28 เปน ทุกขสจั จ 2 นพิ พาน เปน นิโรธสจั จ ตกิ วมิ ตุ : X อา.-นปิ .ฺ
... 13 การที่กมั มชรปู เปนองคธรรมของ วิปากา ธมมฺ า ไมไดนน้ั เพราะวบิ ากคอื ผล มี 2 อยา ง คือ วจนตั ถะของคาํ วา วิบาก 1. มขุ ยผล เปนผลโดยตรง ไดแ ก วิปากจิต 36, เจตสกิ 38 2. สามัญญผล เปน ผลโดยสามัญ ไดแก กมั มชรปู อฺ มฺวสิ ิฏานํ กสุ ลากุสลานํ ปากาติ = วิปากา แตบ ทวา วปิ ากา ธมมฺ า มงุ หมายเอา มุขยผล จงึ ไดแก วิปากจิต 36 เจตสิก 38 ธรรมท้งั หลาย ที่เปน ผลของกุศลและอกศุ ล สําหรบั กมั มชรปู อันเปนสามัญผลนน้ั แมว า เปน ผลที่เกิดจาก กศุ ลและอกุศล กจ็ ริง แตไมเรียกวา วบิ าก ทพ่ี ิเศษกวากนั และกนั ชอ่ื วา วิบาก เรียกแตเ ปนผลเฉยๆ กมั มชรปู ที่เปนผลของกศุ ลและอกศุ ลเหลา น้ี ที่ไมเรยี กวา วิบาก กเ็ พราะ - ธรรมที่เปน เหตุ คือ กศุ ลและอกศุ ล เปน นามธรรมและสารมั มณธรรม คําวา พิเศษกวา กนั และกัน หมายความวา ใหผลไมเหมือนกนั น่นั เอง - สว นธรรมท่เี ปนผล คือ กมั มชรูป น้นั เปน รูปธรรมและเปนอนารัมมณธรรม ไมเ หมอื นกนั จึงไมเ รียกวา วบิ าก - กุศล ใหผลเปนอิฏฐะ เปนของดนี า ปรารถนา - สําหรบั วปิ ากจติ และเจตสกิ ทป่ี ระกอบ ซึง่ เปน ผลของกศุ ลและอกศุ ลนนั้ เปน นามธรรมและสารมั มณธรรม ดว ยกนั - อกุศล ใหผ ลเปน อนฏิ ฐะ เปนของไมด ไี มน า ปรารถนา จงึ เรยี กวา วบิ าก ได อุปมา เหมือนการหวา นเมลด็ ขา วลงในนา ขณะทีเ่ มล็ดขา วงอกเปน ลําตน และใบ ลําตนและใบนน้ั ก็เปนผล ของเมลด็ ขา วทหี่ วา นลงไป แตย งั ไมเรยี กวาไดผล เพราะสภาพไมเ หมอื นกัน ตอเม่อื ตน ขาวนน้ั ตกรวงมเี มลด็ ขา วแลว จึงเรียกวา ไดผ ลแลว เพราะมีสภาพเหมือนกนั ฉะนนั้ องคธรรมของ วิปากา ธมมฺ า จึงไดแ ก วิปากจิต 36 เจตสิก 38 เทา น้ัน สาํ หรบั กมั มชรูป เปนองคธ รรมของ วปิ ากา ธมมฺ า ไมได ดังที่ทา นอัฏฐสาลนิ อี รรถกถาจารยแสดงวา วิปกกฺ ภาวมาปนฺนานํ อรปู ธมมฺ านเมตํ อธิวจนํ แปลวา คาํ วา วปิ ากนี้ เปนช่ือของนามธรรม ซึ่งถึงความเปน ผลอนั สุกแลว
4. อปุ าทินฺนติก องคธ รรม ธรรมเหลานเี้ มื่อจําแนกโดย... ... 14 โลกยี วิ.32, เจ.35, กัม.ช.20 ป. อปุ าทนิ นฺ ุปาทานิยา ธมฺมา ขนั . อา. ธา. สจั . *สัจจวมิ ตุ ..... ยดึ ไวโดยความเปน ผล และเปน อารมณของอุปาทานได มีอยู 5 11 17 1 มคั ผล -- ท. อนปุ าทินนฺ ุปาทานยิ า ธมฺมา อก.ุ 12, โลกียก.ุ 17, กิ.20, เจ.52, 5782 - - ..... ไมไดย ึดไวโดยความเปนผล ต.ิ ช. ( จติ .ช.17, อตุ .ุ ช.15, อา.ช.14 ) แตเ ปนอารมณของอปุ าทานได มอี ยู ต. อนปุ าทนิ นฺ อนปุ าทานยิ า ธมฺมา โลกตุ .8, เจ.36, นพิ พาน 4* 2 2 2* 29 37 ..... ไมไ ดย ดึ ไวโดยความเปน ผล และไมเ ปนประโยชน คอื นิพพาน เปน ขันธวิมุต 1+(36-8) ไมเ ปน อารมณของอปุ าทาน มอี ยู 1+36 สัจจะ เปน นิโรธสัจจ 1 นพิ พาน 2 อ.ม. 8 หรือ 7 -> มคั คจิต 4 เปน มัคคสจั จ ส.ธ.ท. ท่ีกรรม ( อันตณั หาและทฏิ ฐเิ ขา ไปติด ตกิ วมิ ตุ : X อา.-นปิ ฺ. โดยอาการกระทาํ ใหเ ปน อารมณน น้ั ) ....
... 15 4444 4444 แยก อุปาทนิ ฺนตกิ ท้ัง 3 บท ดังน้ี กกกกก กกกกก ป. อปุ าทินฺน + อุปาทานยิ + ธมมฺ า 4 4 4จอิุ เตปวา 4 4 4จอิุ เตปวา อุปาทินนฺ = *... ยึด ... โลกีย.วิ.32, เจ.35, กมั .ช.20 กก กก ก ก ตชิ รูป 17 ( -ก ) อุปาทานิย = **… เปน อารมณ... โลกยี .81, เจ.52, รปู 28 ก กมั มชรปู 20 ก ( จิต อตุ ุ อาหาร ) ธมฺมา = ส.ธ.ท. ปรมตั ถ. 4 - โอฬารกิ รปู 11 - โอฬาริกรูป 7 ท. อนุปาทินนฺ + อปุ าทานยิ + ธมมฺ า 4 - สขุ มุ รปู 9 / 11 4 - สขุ ุมรูป 10 / 12 44 อนุปาทินฺน = ... ไมยึด.... อก.ุ 12, กุ.21, ก.ิ 20, ผล.4, เจ.52 จิ จิ จิ จิ อุจอิ า อุจอิ า อุจอิ า อุจอิ า อุจอิ า อุจอิ า จิต.ช.17, อุต.ุ ช.15, อา.ช.14, นิพ. 4444 4444 อปุ าทานิย = ... เปน อารมณ. .. โลกยี .81, เจ.52, รูป 28 หรือและ หรือและ ธมฺมา = ส.ธ.ท. ปรมตั ถ. 4 4444 4444 4444 ต. อนปุ าทนิ ฺน + อนุปาทานิย + ธมมฺ า กกกกก กกกกก กกกกก อนปุ าทินนฺ = ...ไมย ดึ .... อก.ุ 12, กุ.21, ก.ิ 20, ผล.4, เจ.52 4 4 4จอิุ เตปวา 4 4 4จอิุ เตปวา 4 4 4จอุิ เตปวา กก กก กก จติ .ช.17, อตุ .ุ ช.15, อา.ช.14, นพิ . ก จิตตชรปู 17 ก อตุ ชุ รูป 15 ก อาหารชรูป 14 อนุปาทานยิ = ...ไมเปน อารมณ... โลกุต.8, เจ.36, นิพ. ก ก ก - โอฬารกิ รปู 7 - โอฬาริกรปู 7 - โอฬาริกรปู 6 ธมมฺ า = ส.ธ.ท. ปรมัตถ. 4 4 - สุขมุ รปู 10 / 12 4 - สขุ ุมรปู 8 / 10 4 - สุขุมรปู 8 / 10 * ธรรมทีก่ รรม ( อนั ตณั หาและทฏิ ฐิเขาไปตดิ โดยอาการกระทําใหเปน อารมณน ั้น) ยดึ ไวโดยความเปนผล 4 44 จิ จิ จิ จิ จิ จิ ** ธรรมที่เปน ประโยชนข องอปุ าทาน คอื เปน อารมณของอปุ าทาน อุจอิ า อุจอิ า อุจอิ า อจุ อิ า อจุ อิ า อจุ อิ า อุจอิ า อุจอิ า อุจอิ า 4444 4444 4444 หรอื และ หรือและ หรอื และ
5. สงกฺ ิลิฏฐติก องคธ รรม ... 16 อกุ.12, เจ.27 ป. สงกฺ ลิ ิฏ สงฺกิเลสกิ า ธมมฺ า ( 2+3 ) ธรรมเหลา นีเ้ ม่อื จาํ แนกโดย... *สัจจวมิ ตุ ส.ธ.ท. ที่ถูกกเิ ลสทําใหเศรา หมองเรารอ น ( เหมอื น อกสุ ลา ธมฺมา ) ขนั . อา. ธา. สัจ. มคั ผล และเปน ทอ่ี าศยั เกิดของกิเลส หรือ เปน อารมณของกิเลสได มีอยู 4 2 2 2 -- ท. อสงกฺ ลิ ิฏ สงฺกเิ ลสกิ า ธมฺมา ( 5+3 ) โลกียกุ.17, โลกียวิ.32, ก.ิ 20, เจ.38, รูป28 5 12 18 1 - - ส.ธ.ท. ท่ไี มถ กู กิเลสทําใหเศราหมองเรา รอ น แตเ ปน ท่ีอาศยั เกดิ ของกเิ ลส หรือ เปน อารมณของกิเลสได มีอยู ต. อสงฺกิลิฏอสงกฺ เิ ลสิกา ธมมฺ า ( 5+6 ) โลกุต.8, เจ.36, นิพพาน 4* 2 2 2* 29 37 ส.ธ.ท. ที่ไมถูกกเิ ลสทาํ ใหเ ศรา หมองเรา รอน นพิ พาน เปน ขันธวิมตุ 1+(36-8) 1+36 และไมเปน ทอี่ าศยั เกดิ ของกิเลส หรอื เปน นิโรธสจั จ ไมเปนอารมณข องกเิ ลส มีอยู สจั จะ เปน มคั คสจั จ 1 นิพพาน 2 อ.ม. 8 หรือ 7 -> มคั คจติ 4 อา.-นปิ .ฺ ติกวมิ ตุ : X
สงฺกลิ ฏิ ตกิ ... 17 1. สงฺกิเลส ธ. ท่ีทําใหเศรา หมองเรา รอน 4. อสงกฺ ิเลส ธ. ท่ไี มทําใหเ ศราหมองเรารอน 2. สงฺกิลฏิ ไดแ ก กิเลส อ.ธ.10 คือ โลภะ, โทสะ, โมหะ, มานะ, ไดแก จิต 89, เจ.42 ( -กิเลส อ.ธ.10 ), รปู 28, นพิ พาน ทิฏฐ,ิ วิจิกจิ ฉา, ถนี ะ, อทุ ธัจจะ, อหริ กิ ะ, อโนตตัปปะ 5. อสงฺกิลิฏ ธ. ทไี่ มถูกกิเลสทาํ ใหเศรา หมองเรารอน ธ. ทีถ่ กู กเิ ลสทาํ ใหเศราหมองเรารอ น ไดแ ก กุ.21, ว.ิ 36, ก.ิ 20, เจ.38, รปู 28, นิพพาน ไดแ ก อก.ุ 12, เจ.27 3. สงฺกเิ ลสิก ธ. ที่เปนอารมณข องกิเลส 6. อสงกฺ เิ ลสกิ ธ. ทีไ่ มเ ปนอารมณของกเิ ลส ไดแ ก โลกียจติ 81, เจ.52, รูป28 หรอื ไมเปน ที่อาศัยเกดิ ของความเศรา หมองเรา รอน ไดแก โลกุต.8, เจ.36, นพิ พาน วจนัตถะ : - กิเลส 10 เปน สงฺกิเลส สงกฺ ลิ ฏิ สงกฺ เิ ลสิก ไดทั้ง 3 หมายความวาเปน ธรรมทท่ี ําใหเ ศรา หมองเรารอนดว ย สงฺกิเลเสตตี ิ = สงฺกเิ ลโส เปนธรรมทีถ่ ูกทาํ ใหเศราหมองเรารอ นดว ยและเปน ธรรมทเี่ ปน อารมณของความเศราหมองเรา รอ นดว ย ธ.ใดมีสภาพทําใหเ ศรา หมองเรา รอ น ฉะนัน้ ธรรมนั้นชื่อวา สงกฺ ิเลส สงกฺ ิเลเสน สมนนฺ าคตาติ = สงฺกิลิฏา อุปมาเหมอื นกบั ไฟ ธรรมดาไฟนน้ั ตวั ของตวั เองกม็ ีสภาพเปน ความรอน ธ.เหลาใดยอ มบรบิ รู ณด ว ยกเิ ลส ฉะน้ันธรรมเหลานัน้ ช่ือวา สงกฺ ิลฏิ และสามารถทําใหส่ิงอ่นื เกิดความรอ นขึน้ ได อตตฺ านํ อารมฺมณํ กตวฺ า ปวตฺตเนน สงฺกเิ ลสํ อรหนตฺ ีติ = สงฺกิเลสิกา และไฟซงึ่ กันและกนั กส็ ามารถทําใหความรอ นมากขึน้ ได ธ.เหลาใดยอ มควรแกการไดซ ง่ึ กิเลส เพราะกเิ ลสเหลานัน้ เกดิ ขึน้ โดยอาศยั การกระทาํ ตนใหเ ปน อารมณ ฉะนน้ั ธรรมเหลา นนั้ ชอื่ วา สงกฺ ิเลสกิ และสามารถทําใหเ กดิ ขึ้นไดอกี โดยอาศัยตนกไ็ ด - อกุ.12, เจ.17 ( -กิเลส 10 ) นัน้ เปนไดแต สงกฺ ฏิ และ สงกฺ ิเลสกิ เหมอื นกบั ไสต ะเกยี ง - โลกยี กุ.17, โลกยี ว.ิ 32, ก.ิ 20, เจ.38, รปู 28 เปน ไดเ ฉพาะ สงกฺ เิ ลสกิ เทา นนั้ เหมอื นกบั ตวั ตะเกยี ง
6. สวติ กฺกติก องคธ รรม ... 18 สวติ กั กสวิจารจิต 55 ( กาม.44 (-ทว1ิ 0), ป.11 ) ป. สวิตกฺกสวจิ ารา ธมฺมา เจ.50 ( -วติ ก, วิจาร ) ธรรมเหลา น้ีเมื่อจาํ แนกโดย... *สจั จวิมุต ส.ธ.ท. ท่ีเกดิ พรอมดว ยวิตกและวิจาร มีอยู ขัน. อา. ธา. สจั . มคั ผล ท. อวิตกฺกวิจารมตฺตา ธมมฺ า ส.ธ.ท. ทีไ่ มมีวติ ก มีแตว ิจารเทาน้นั มอี ยู 4 2 3 3* 28 35 ต. อวติ กกฺ อวิจารา ธมมฺ า โลกยี สว.ิ สว.ิ 47, เจ.50 สัจจะ 1+(36-2-7) ส.ธ.ท. ท่ไี มมวี ิตกและวิจาร มีอยู มคั ค สว.ิ สวิ. 4, เจ.36 1 โลกยี สวิ.สว.ิ 47, เจ.49(-โลภะ) 1+(36-2) ผล สว.ิ สวิ. 4, เจ.36 เปน ทกุ ขสจั จ ทตุ ิยฌานจติ 11, 2 โลภเจ. เปน สมุทัยสจั จ เจ.36 (-วิจาร ), วติ กเจ.55 -> สวติ กั กสวิจารจิต 55 3 อ.ม. 7 (-ส.สังกปั ปะ) -> มคั ค สว.ิ สวิ. 4 เปน มัคคสจั จ 4 2 2 2* 28 35* 1+(35-1-7) 1+(35-1), วติ กเจ.4 -> ป.ผล 4 โลกียทตุ ยิ ฌานจติ 3, เจ.33, โลกียวิตกเจ.47 -> โลกียสว.ิ สว.ิ 47 สัจจะ เปน ทุกขสัจจ ทุตยิ ฌานมคั คจติ 4, เจ.34 (-วิจาร), วิตกเจ.4 -> ปฐมฌานมัคคจิต 4 ทุติยฌานผลจติ 4, เจ.34 (-วิจาร), วติ กเจ.4 -> ปฐมฌานผลจติ 4 1 โลกียท.ุ 3, เจ.33, โลกียวิตกเจ.47 เปน มัคคสจั จ อวติ กั กอวจิ ารจิต 55 (ทวิ.10, ตติ.11, จตุ.11, ปญจ.23) 2 อ.ม. 7 (-ส.สงั กปั ปะ) -> ทุ.มคั ค 4, 28 35* เจ.36 และวจิ ารเจ.11 -> ทุติยฌานจติ 11 รูป 28, นิพพาน ส.สังกปั ปมรรค คอื วติ กเจ.4 -> ป.มัคค 4 5* 12 17 3* นิพพาน เปน ขันธวิมุต 1+(34-7) 1+34, วจิ ารเจ.8 -> โลกตุ .ทุ. 8 โลกีย อวิ.อวิ. 31, เจ.33, โลกยี วิจารเจ.3 -> โลกียทตุ ยิ ฌานจิต 3 สจั จะ เปน ทุกขสจั จ มคั ค อว.ิ อวิ. 12, เจ.34 1 โลกียอว.ิ อว.ิ 31, เจ.33, โลกยี วิจารเจ.3, รปู 28 เปน นิโรธสจั จ ผล อวิ.อว.ิ 12, เจ.34 วิจารเจ.8 -> โลกตุ ตรทตุ ยิ ฌานจติ 8 2 นิพพาน ติกวมิ ตุ : วิจารเจ.55 -> สวติ กั กสวจิ ารจติ 55 3 อ.ม. 7 (-ส.สงั กปั ปะ) -> มัคค อว.ิ อว.ิ 12 เปน มัคคสัจจ อา. - สปฺ.
... 19 สวิตกฺกติก 1. สวิตักกธรรม ธ. ที่เกดิ พรอมดว ยวติ ก 3. อวติ ักกธรรม ธ. ท่ไี มเกิดพรอ มดวยวติ ก 2. สวิจารธรรม ไดแก อวติ ักกจิต 66 ( ทว1ิ 0, ทุ.11, ต.11, จ.11, ปญ .23 ) ไดแก สวติ กั กจิต 55 ( กาม.44 (-ทวิ10), ป.11 ) + เจ.37 และ วิตกเจ.55, รูป28, นพิ . + เจ.51 ( -วิตก ) ธ. ที่ไมเ กดิ พรอมดวยวิจาร ธ. ที่เกิดพรอ มดว ยวิจาร 4. อวิจารธรรม ไดแ ก อวจิ ารจติ 55 ( ทวิ10, ต.11, จ.11, ปญ .23 ) เจ.36 และ วิจารเจ.66, รูป28, นิพ. ไดแ ก สวจิ ารจติ 66 ( กาม.44 (-ทว1ิ 0), ป.11, ทุ.11 ) เจ.51 ( -วจิ าร ) 5. สวิตักกสวิจารธรรม ธ. ที่เกิดพรอ มดว ยวิตกและวิจาร 6. สวติ กั กอวิจารธรรม ธ. ที่มีวิตก ไมมวี ิจาร ปฐม. (1+2 ) ติกวมิ ตุ (1+4 ) ไดแก สวิ.สวิ.จิต 55 ( กาม.44 (-ทวิ10), ป.11 ) ไดแก วิจารเจ.55 -> สว.ิ สว.ิ จติ 55 เจ.50 ( -วติ ก, วิจาร ) 7. สวจิ ารอวติ ักกธรรม ธ. ที่มีวจิ ารไมม ีวติ ก 8. อวติ กั กอวิจารธรรม ธ. ทไี่ มม วี ิตก ไมม ีวจิ าร ทตุ ิย. (2+3 ) ไดแก ทตุ ิยฌานจติ 11 ตติย. (3+4 ) ไดแก อว.ิ อวิ.จติ 55 ( ทว.ิ 10, ต.11, จ.11, ปญ.23 ) เจ.36 ( -วิจาร ) และ วติ กเจ.55 ท่ีใน สวิ.สว.ิ 55 เจ.36 และวิจารเจ.11 -> ทุตยิ ฌานจติ 11, รูป28, นิพ. 55 66 11 55 121
7. ปติตกิ องคธรรม ... 20 ปต ิสหคตจิต 51 ( กาม.โส.18, ป.11, ท.ุ 11, ต.11) ป. ปตสิ หคตา ธมมฺ า เจ.46 ( - ปต ิ ) ธรรมเหลา นเ้ี ม่อื จําแนกโดย... *สัจจวิมตุ ส.ธ.ท. ทีเ่ กิดพรอ มดวยปติ มอี ยู ขัน. อา. ธา. สัจ. มคั ผล ท. สุขสหคตา ธมมฺ า ส.ธ.ท. ทีเ่ กิดพรอ มดว ยสุขเวทนา มีอยู 4 2 2 3* 28 36 ต. อเุ ปกขฺ าสหคตา ธมมฺ า 1+(36-1-8) ส.ธ.ท. ทีเ่ กิดพรอมดว ยอเุ บกขาเวทนา มอี ยู โลกยี ปต สิ หคตจติ 27, เจ.46 สจั จะ 1+(36-1) มัคค ปตสิ หคตจิต 12, เจ.35 (-ปต )ิ ผล ปติสหคตจิต 12, เจ.35 (-ปต ิ) 1 โลกยี ปตสิ หคตจติ 27, เจ.45 (-โลภะ) เปน ทุกขสจั จ 2 โลภเจ. เปน สมทุ ัยสจั จ 3 อ.ม. 8 หรือ 7 -> มคั ค ปต ิสหคตจิต 12 เปน มคั คสัจจ สขุ สหคตจิต 63, เจ. 46 ( -เว ) 3 2 3 3* 28 36 ( = ปฐมบทในเวทนาติก ) 1+(36-1-8) สัจจะ 1+(36-1) โลกยี สุขสหคตจิต 31, เจ.46 1 โลกียสุขสหคตจิต 31, เจ.45 (-โลภะ) เปน ทกุ ขสจั จ มัคค สขุ สหคตจติ 16, เจ.35 (-เวทนา) ผล สขุ สหคตจติ 16, เจ.35 (-เวทนา) 2 โลภเจ. เปน สมทุ ัยสจั จ 3 อ.ม. 8 หรือ 7 -> มัคค สุขสหคตจิต 16 เปน มคั คสจั จ อุเบกขาสหคตจติ 55, เจ.46 ( -เว ) 3 2 7 3* 26 33 ( = ตติยบทในเวทนาติก ) 1+(33-1-7) 1+(33-1) โลกยี อุเบกขาสหคตจติ 47, เจ.46 สจั จะ มัคค อเุ บกขาสหคตจติ 4, เจ.32 (-เวทนา) 1 โลกียอุเบกขาสหคตจิต 47, เจ.45 (-โลภะ) เปน ทกุ ขสจั จ ผล อเุ บกขาสหคตจิต 4, เจ.32 (-เวทนา) 2 โลภเจ. เปน สมุทัยสจั จ 3 อ.ม. 7 (-ส.สงั กปั ปะ) -> มคั ค อุ.สหคตจติ 4 เปน มคั คสัจจ ตกิ วมิ ตุ : โทส.2, ทกุ .กาย.1, เจ.22, สขุ เวทนาเจ.12 -> สขุ .กาย.1, จตตุ ถฌาน 11, อุ.เวทนาเจ.55 -> อุ.สหคตจติ 55, รปู 28, นพิ พาน อา. - สปฺ.
... 21 ปต ิตกิ 1. สปั ปต กิ ธรรม ธรรมท่ีมปี ติ 2. นปิ ปต ิกธรรม ธรรมท่ไี มมปี ติ ไดแก โสมนัส. 51 ( -จตุ.11 ) + + + + ไดแก นิปปต กิ จติ 70 ( อเุ บกขา.55, โท.2, กายวญิ .2, จต.ุ 11 ) เจ.46 ( -ปต ิ ) เจ.51 ( -ปต ิ ) และ ปต ิเจ.51, รปู 28, นพิ . 3. สปั ปต ิกสุข ความสขุ ทป่ี ระกอบดว ยปติ 4. นิปปติกสุข ความสุขทีไ่ มป ระกอบดวยปติ + ไดแ ก สุขเวทนาเจ. 51 -> กาม.โส.18, ป.11, ทุ.11,ต.11 ไดแ ก สขุ เวทนาเจ.12 -> สขุ .กายวญิ .1, จตุ.11 ปต ิ+สขุ 51 สขุ 11 อ.ุ 55 โท. 2 กายวิญ. 2
8. ทสฺสนตกิ องคธ รรม ... 22 ทิ.สํ.4, วจิ ิ.ส.ํ 1, เจ.22 ป. ทสฺสเนน ปหาตพฺพา ธมฺมา ธรรมเหลานี้เมอื่ จําแนกโดย... *สัจจวิมุต ส.ธ.ท. ที่พึงประหาณโดย โสดาปต ติมรรค มอี ยู อันโสดาปต ติมรรค พึงละไดเ ด็ดขาด (สมุจ.) ขัน. อา. ธา. สัจ. มคั ผล ท. ภาวนาย ปหาตพฺพา ธมฺมา ทิ.วิป.4 , โท.2, เจ.25 (อปายคมนิยะ) ส.ธ.ท. ที่พงึ ประหาณโดย อริยมรรคเบื้องบน 3 มีอยู 4 2 2 2 -- อันโสดาปตตมิ รรค พงึ ละไดโ ดยสามารถทาํ ใหเ บาบาง (ตน.ุ ) ต. เนว ทสสฺ เนน น ภาวนาย ปหาตพฺพา ธมฺมา สจั จะ เปน ทกุ ขสัจจ ส.ธ.ท. ท่ไี มพงึ ประหาณโดย โสดาปตตมิ รรค รวม = อก.ุ 11, เจ.27 1 อก.ุ 11, เจ.26 ( -โลภะ ) เปน สมุทัยสัจจ และอริยมรรคเบื้องบน 3 มีอยู 2 โลภเจตสกิ ทิ.วปิ .4, โท.2 ( โอฬาริก ) เจ.25 2 -- 422 อัน สกทาคา. พงึ ละไดโดยสามารถทาํ ใหเบาบาง (ตนุ.) สจั จะ เปน ทุกขสจั จ ทิ.วปิ .4 ( ทเี่ กย่ี วดว ยกามราคะ),โท.2,เจ.25 1 อก.ุ 7, เจ.24 ( -โลภะ ) เปน สมุทัยสัจจ 2 โลภเจตสกิ อัน อนาคา. พงึ ละไดเ ด็ดขาด (สมจุ .) 5* 12 18 3* 29 37 ท.ิ วปิ .4 ( ท่ีเกี่ยวดวยรูปราคะ, อรูปราคะ ), อุท.สํ.1, เจ.21 อนั อรหตั ต. พึงละไดเ ดด็ ขาด (สมุจ.) รวม = อก.ุ 7, เจ.25 ก.ุ 21, ว.ิ 36, ก.ิ 20, เจ.38, รปู 28, นิพ. นิพพาน เปน ขนั ธวิมุต 1+(36-8) สจั จะ 1+36 โลกยี กุ.17, โลกียว.ิ 32, กิ.20 เจ.38 1 โลกียกุ.17, โลกียว.ิ 32, ก.ิ 20, เจ.38, รปู 28 เปน ทุกขสัจจ มัคค 4, เจ.36 ผล 4, เจ.36 2 นิพพาน เปน นิโรธสัจจ 3 อ.ม. 8 หรือ 7 -> มคั คจิต 4 เปน มัคคสจั จ ตกิ วมิ ตุ : X อา.-นปิ ฺ.
... 23 โอฬาริกะ โอฬารกิ ะ สกทา.กามอรนาาค.ะ สกทา.กามอรนาาค.ะ คาํ วา ทสสฺ น นนั้ ไดแ ก โสดาปต ติมรรค เพราะโสดาปต ติมรรคเห็นพระนิพพานกอ นมรรคอ่ืนๆ โสดา. โสดา. อปาย. อปาย. คาํ วา ภาวนา น้ัน ไดแ ก อรยิ มรรคเบอื้ งบน 3 ท่เี ปน เชน นี้ก็เพราะอรยิ มรรคเบ้อื งบน 3 นัน้ ไมไ ดเห็นอารมณ โสดา. โสดา. ท่เี ปน พิเศษออกไปจากอารมณของโสดาปต ตมิ รรค คงเหน็ แตอารมณกลาวคอื นิพพาน ทโ่ี สดาปต ตมิ รรค โสดา. เห็นมาแลว อริยมรรคเบื้องบน 3 ยอมเกดิ ขน้ึ โดยเกย่ี วเนื่องกบั การเจรญิ มัคคสัจจในอารมณพระนิพพาน อรปู ราคะ รูปราคะ อรูปราคะ รปู ราคะ ที่โสดาปตตมิ รรคเห็นแลว อปายคมนยิ ะ อร. อร. อร. อร. โสดา. การประหาณอกุศลธรรม โดย มรรคทั้ง 4 โอฬาริกะ โอฬาริกะ สุขมุ ะ โอฬาริก สกทา.กามราคะ สกทา.กามราคะ การประหาณอกศุ ลธรรมของ โสดาปตตมิ รรค มอี ยู 2 อยาง คือ อนา. สกทา. โสดา. อปาย. อนา. อปาย. อนา. 1. สมุจเฺ ฉทปหาน ละไดเ ดด็ ขาด โสดา. โสดา. 2. ตนุกรปหาน ละไดโ ดยทําใหเ บาบางลง อรปู ราคะ รูปราคะ อรูปราคะ รูปราคะ อกศุ ลธรรมท่ี โสดาปตตมิ รรค ประหาณไดเดด็ ขาดนน้ั อร. อร. อร. อร. ไดแก ทฏิ ฐิคตสมั ปยุตตจติ 4, วจิ กิ ิจฉาสมั ปยตุ ตจติ 1, เจตสกิ 22 อปายคมนิยะ อกุศลธรรมที่ โสดาปตตมิ รรค ประหาณไดโดยทําใหเบาบางลง โสดา. ไดแก ทฏิ ฐิคตวปิ ปยตุ ตจิต 4, โทสมูลจติ 2, เจตสกิ 25 ทน่ี ําไปสอู บาย ( อปายคมนิยะ) สขุ มุ ะ โอฬาริก การประหาณอกุศลธรรมของ สกทาคามิมรรค มีแตทําใหเ บาบางลง ( ตนุกรปหาน ) อนา. สกทา. ไดแก ทฏิ ฐคิ ตวปิ ปยตุ ตจิต 4, โทสมลู จิต 2, เจตสกิ 25 ทเ่ี ปน อยา งหยาบ โสดา. อรหตั ต การประหาณอกุศลธรรมของ อนาคามิมรรค มแี ต สมุจฺเฉทปหาน อยา งเดียว ไดแก ทิฏฐคิ ตวิปปยตุ ตจิต 4 ที่เก่ียวกับกามราคะ, โทสมลู จติ 2, เจตสกิ 25 โสดาปตติมรรค ประหาณ อกศุ ลจิต ได 11 ดวง ( -อุท.สัม.1 ) [ สมจุ . - ตนุ. ] สกทาคามมิ รรค ประหาณ อกุศลจิต ได 6 ดวง ( ทิฏ.วิป.4 โท.2 ) [ ตน.ุ ] การประหาณอกุศลธรรมของ อรหตั ตมรรค มีแต สมจุ เฺ ฉทปหาน อยางเดียว อนาคามิมรรค ประหาณ อกุศลจิต ได 6 ดวง ( ทฏิ .วปิ .4 โท.2 ) [ สมุจ. ] ไดแก ทิฏฐคิ ตวิปปยตุ ตจิต 4 ท่เี กยี่ วกับรปู ราคะ อรปู ราคะ, อุทธัจจสมั ปยตุ ตจิต 1, เจตสกิ 21 อรหัตตมรรค ประหาณ อกศุ ลจิต ได 5 ดวง ( ทิฏ.วปิ .4 อุท.1 ) [ สมจุ . ]
... 24 ทฏิ ฐิคตวปิ ปยตุ ตจติ และเจตสิก ทป่ี ระกอบ มจิ ฉัตตธรรม ธรรมทีม่ สี ภาพเปนความช่วั แบง ออกดว ยอํานาจแหง การประหาณของมรรค มี 5 ประเภท คอื มี 10 อยาง คอื ประเภทท่ี 1 ท่เี ปน อปายคมนยิ ะ นําไปสูอบายได พงึ ประหาณโดย โสดาปต ตมิ รรค 1. มจิ ฉาทิฏฐิ ความเหน็ ผดิ พึงประหาณโดย สกทาคามิมรรค ประเภทที่ 2 ทเ่ี ปน โอฬารกิ ะ คืออยา งหยาบแต 2. มจิ ฉาสังกปั ปะ ความดาํ รผิ ดิ พงึ ประหาณโดย อนาคามิมรรค นําไปสูอบายไมไ ด พึงประหาณโดย อรหัตตมรรค 3. มจิ ฉาวาจา การกลา ววาจาผิด ประเภทที่ 3 ที่เปน สุขุมะ ซ่ึงเก่ียวกับ กามราคะ 4. มจิ ฉากมั มนั ตะ การประกอบการงานผดิ ประเภทที่ 4 ทเ่ี ปน สขุ ุมะ ซงึ่ เกีย่ วกับ รปู ราคะ 5. มจิ ฉาอาชีวะ การประกอบอาชพี ผดิ ประเภทท่ี 5 ที่เปน สุขมุ ะ ซ่ึงเก่ยี วกับ อรูปราคะ 6. มจิ ฉาวายามะ ความเพยี รผิด 7. มจิ ฉาสติ ความระลกึ ผดิ โทสมูลจิต 2 และเจตสิก ทปี่ ระกอบ 8. มจิ ฉาสมาธิ การตง้ั ใจมน่ั ผดิ แบง ออกดวยอาํ นาจแหงการประหาณของมรรค มี 3 ประเภท คือ 9. มิจฉาวมิ ุตติ มคี วามเหน็ ผดิ อยวู า ความเปนไปของอสญั ญสัตตพรหม ประเภทท่ี 1 ทเี่ ปน อปายคมนิยะ พงึ ประหาณโดย โสดาปตติมรรค และเนวสัญญานาสญั ญายตนพรหมนี้ พน จากสังขารธรรม ประเภทท่ี 2 ท่ีเปน โอฬารกิ ะ พึงประหาณโดย สกทาคามมิ รรค ประเภทท่ี 3 ทเ่ี ปน สุขมุ ะ พงึ ประหาณโดย อนาคามมิ รรค 10. มิจฉาญาณะ ความรูทเี่ ปน ไปโดยไมถูกตอง การประหาณ สังโยชน 10 ( สตุ ตนั . ) โดย มรรคทง้ั 4 1. อาวาส มัจฉรยิ ะ 5 พรอมทั้งการประหาณ 2. กุล สกั กายทิฏฐ,ิ วิจกิ ิจฉา, สลี พั พตปรามาส, ท่นี าํ ไปสูอ บาย พงึ ประหาณโดย โสดาปต ติมรรค 3. ลาภ วัดวาอาราม ท่อี ยู ที่อาศัย กามราคะ, ปฏิฆะ 4. วรรณ ญาตมิ ิตร ศษิ ยานุศิษย ทายกทายกิ า 5. ธรรม มจั ฉรยิ ะ การหวงแหน ในลาภสกั การะ กามราคะ, ปฏิฆะ ที่เปน อยา งหยาบ พงึ ประหาณโดย สกทาคามิมรรค ความสวยงาม เกยี รตยิ ศ ช่อื เสียง กามราคะ, ปฏิฆะ ทเี่ ปน สขุ ุมะ พงึ ประหาณโดย อนาคามิมรรค ในวชิ าความรูของตน รปู ราคะ, อรปู ราคะ, มานะ, อทุ ธจั จะ, อวชิ ชา พึงประหาณโดย อรหตั ตมรรค เหลา นพ้ี งึ ประหาณโดย โสดาปต ตมิ รรค
... 25 การประหาณ อกศุ ลธรรม โดย มรรค พึงประหาณโดย... ...โสดาปตติมรรค ...อนาคามมิ รรค ...อรหตั ตมรรค กิเลส 10 ทฏิ ฐิ, วิจิกจิ ฉา โทสะ โลภะ, โมหะ, มานะ, ถีนะ, อทุ ธัจจะ, อหิรกิ ะ, อโนตตัปปะ สงั โยชน 10 ทฏิ ฐ.ิ , วจิ ิกจิ ฉา., สีลัพพตปรามาส., อิสสา., มัจฉรยิ สงั โยชน กามราค, ปฏิฆสงั โยชน ภวราค., มาน., อวชิ ชาสังโยชน นวิ รณ 6 กกุ กจุ จ., วิจกิ จิ ฉานิวรณ กามฉันท, พยาบาทนวิ รณ ถีนมิทธ., อทุ ธจั จ., อวิชชานวิ รณ มิจฉัตตธรรม 10 มิจฉาทิฏฐ,ิ มุสาวาทา, มิจฉากมั มันตะ, มจิ ฉาอาชวี ะ มจิ ฉาสังกัปปะ, ปสุณวาจา, ผรสุ วาจา สัมผปั ปลาปะ, ม.ิ วายามะ, มิ.สติ, ม.ิ สมาธิ, มิ.วมิ ุตติ, ม.ิ ญาณะ อกุศลกรรมบถ 10 ปาณาตบิ าต, อทนิ นาทาน, กาเมสมุ จิ ฉาจาร, มสุ าวาท, มจิ ฉาทฏิ ฐิ ปส ุณวาจา, ผรุสวาจา, พยาบาท สัมผัปปลาปะ., อภิชฌา วปิ ลลาสธรรม 12** ใน อนจิ จธรรม มี 3 ไดแก นิจจสญั ญา.., นิจจจิตต.., นิจจทิฏฐิ.. ใน อนัตตธรรม มี 3 ไดแ ก อตั ตสญั ญา.., อตั ตจติ ต.., อัตตทฏิ ฐิ.. ใน อสุภธรรม มี 1 ไดแ ก สุภทิฏฐ.ิ . ในอสุภธรรมมี 2 ไดแกสุภสัญญาวิปล ลาส, สภุ จติ ตวิปล ลาส ใน ทกุ ขธรรม มี 1 ไดแก สขุ ทฏิ ฐิ.. ใน ทกุ ขธรรม มี 2 ไดแก สขุ สญั ญาวปิ ลลาส, สขุ จิตตวปิ ลลาส มจั ฉริยะ 5 อาวาส., กุล., ลาภ., วรรณ., ธรรมมจั ฉรยิ ะ --- --- อคติ 4 ฉนั ทา., โทสา., โมหา., ภยาคติ --- --- ** แสดงการประหาณวิปล ลาสธรรม 12 โดยมรรค ทง้ั 4 คอื สัญญา จิตต ทิฏฐิ พงึ ประหาณโดย อนจิ จธรรม นิจจสญั ญาวปิ ลลาส นจิ จจิตตวปิ ลลาส นจิ จทฏิ ฐวิ ปิ ล ลาส รวม 8 นี้ อนัตตธรรม พงึ ประหาณโดย อสุภธรรม อตั ตสญั ญาวปิ ล ลาส อัตตจติ ตวิปลลาส อัตตทฏิ ฐิวปิ ลลาส โสดาปต ติมรรค ทุกขธรรม สุภสัญญาวิปลลาส สภุ จติ ตวิปลลาส สภุ ทิฏฐิวิปล ลาส อนาคามิมรรค อรหตั ตมรรค สขุ สัญญาวปิ ล ลาส สขุ จิตตวปิ ล ลาส สุขทิฏฐิวปิ ลลาส
9. ทสสฺ นเหตุติก องคธ รรม ... 26 ทิ.สํ.4, วิจ.ิ สํ.1, เจ.22 ( -โม.เจ. -> วิจ.ิ สํ.1 ) ป. ทสฺสเนน ปหาตพพฺ เหตุกา ธมฺมา ธรรมเหลานี้เมือ่ จําแนกโดย... *สัจจวมิ ุต ส.ธ.ท. ทม่ี เี หตุอนั พึงประหาณโดย โสดาปต ตมิ รรค มอี ยู อนั โสดาปตตมิ รรค พึงละไดเ ดด็ ขาด (สมุจ.) ขนั . อา. ธา. สจั . มคั ผล โสดาปต ตมิ รรควิถี ท.ิ วิป.4, โท.2, เจ.25 (อปายคมนยิ ะ) มีไตรลกั ษณเปนอารมณ มนี ิพพานเปนอารมณ 4 2 2 2 -- อนั โสดาปต ตมิ รรค พงึ ละไดโดยทําใหเบาบาง (ตน.ุ ) ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค ม ผ ผ ภ ภ ภ สัจจะ อกุ.11, เจ.27 ( -โม.เจ. -> วิจ.ิ สํ.1 ) 1 อกุ.11, เจ.26 ( -โลภะ ) เปน ทกุ ขสจั จ กุ.สํ.4 ของ ปถุ ุชน เหน็ นิพพานกอ น จากนั้น ม. จึงทําการประหาณกิเลสตอ 2 โลภเจตสกิ เปน สมทุ ยั สจั จ ท.ิ วิป.4, โท.2, เจ.25 (โอฬารกิ ) ท. ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกา ธมมฺ า 422 2 -- ส.ธ.ท. ที่มีเหตุอันพึงประหาณโดย อรยิ มรรคเบือ้ งบน3 มีอยู อนั สกทาคา. พงึ ละไดโ ดยทาํ ใหเบาบาง (ตนุ.) สจั จะ เปน ทุกขสัจจ มรรควถิ เี บ้ืองบน 3 ทิ.วิป.4 ( ท่เี กี่ยวกบั กามราคะ ), โท.2, เจ.25 1 อก.ุ 7, เจ.24 ( -โลภะ ) เปน สมทุ ัยสจั จ มไี ตรลักษณเ ปนอารมณ มีนิพพานเปน อารมณ 2 โลภเจตสกิ อัน อนาคา. พงึ ละไดเ ดด็ ขาด (สมจุ .) ภ น ท ม ปริ อุ นุ โว ม ผ ผ ภ ภ ภ 5* 12 18 3* 29 37 ท.ิ วปิ .4 ( รปู .., อรูปราคะ ), อุท.ส.ํ 1, เจ.21 ( -โม.เจ. -> อทุ .ส.ํ 1 ) โวทานจติ ญาณสัม 4 อรยิ .เบอื้ งบน 3 ภาวนา ตอ จากโสดา. นิพพาน เปน ขนั ธวิมุต 1+(36-8) อนั อรหตั ต. พึงละไดเ ด็ดขาด (สมุจ.) สัจจะ 1+36 ต. เนว ทสสฺ เนน น ภาวนาย ปหาตพพฺ เหตุกา ธมฺมา 1 โลกียกุ.17, โลกยี วิ.32, ก.ิ 20, เจ.38, ส.ธ.ท. ท่ไี มมเี หตอุ นั พงึ ประหาณโดย อกุ.7, เจ.25 ( -โม.เจ. -> อุท.สํ.1 ) โม.เจ. ทใ่ี น โม.2, รปู 28 เปน ทกุ ขสจั จ โดยโสดาปต ตมิ รรคและอรยิ มรรคเบ้ืองบน 3 มีอยู ก.ุ 21, ว.ิ 36, กิ.20, เจ.38 และโม.เจ ท่ีใน โม.2, 2 นพิ พาน เปน นโิ รธสัจจ รูป28, นิพ. 3 อ.ม. 8 หรอื 7 -> มคั คจติ 4 เปน มคั คสัจจ โลกยี ก.ุ 17, โลกยี วิ.32, กิ.20, เจ.38 และโม.เจ. ที่ใน โม.2 อา.-นปิ ฺ. มคั ค 4, เจ.36 ผล 4, เจ.36 ติกวมิ ตุ : X
การประหาณอกุศลธรรม โดย มรรคทัง้ 4 ... 27 มรรค อกศุ ลธรรม กิเลส สงั โยชน นวิ รณ มิจฉัตตธรรม โลกธรรม มัจฉริยะ วิปล ลาสธรรม อคติ อกุศลกรรมบถ 10 10 6 10 85 12 4 10 โสดาปต ตมิ รรค - สมุจเฉทปหาน ( ละเด็ดขาด ) อภธิ รรมนัย สตุ ตันตนัย สัญญา จติ ต ทฏิ ฐิ ท.ิ สํ.4, ทฏิ ฐิ ทิฏฐิ สกั กายทิฏฐิ กุกกจุ จ มิจฉาทฏิ ฐิ อาวาส อนจิ จธรรม นิจจสัญญา นจิ จจติ ต นิจจทิฏฐิ ฉนั ทา ปาณาติบาต วจิ .ิ สํ.1, วจิ ิกจิ ฉา วจิ ิกิจฉา วิจกิ จิ ฉา วิจกิ จิ ฉา มิจฉาวาจา กลุ ทุกขธรรม สุขสญั ญา สขุ จิตต สุขทฏิ ฐิ โทสา อทนิ นาทาน เจ.22 สลี พั พตปรามาส สีลพั พตปรามาส (มสุ าวาทา) ลาภ อนัตตธรรม อัตตสัญญา อัตตจิตต อัตตทฏิ ฐิ โมหา กาเมสมุ ิจฉาจาร - ตนุกรปหาน ( ทาํ ใหเบาบาง ) อสิ สา มิจฉากมั มนั ตะ วรรณ อสุภธรรม สภุ สัญญา สุภจติ ต สุภทฏิ ฐิ ภยา มสุ าวาท ท.ิ วิป.4, อปายคมนยิ ะ มจั ฉรยิ ะ มจิ ฉาอาชวี ะ ธรรม มิจฉาทฏิ ฐิ โทส.2, (นําสอู บายได) กามราคะ เจ.25 ปฏิฆะ ( นาํ สอู บายได ) สกทาคามมิ รรค - ตนกุ รปหาน ( ทาํ ใหเบาบาง ) กามราคะ ทิ.วปิ .4, โอฬาริกะ ปฏิฆะ โทส.2, (ทเี่ ปนอยางหยาบ ( โอฬารกิ ะ เจ.25 ไมน าํ ไปอบาย ) ไมน าํ ไปสอู บาย ) อนาคามมิ รรค - สมจุ เฉทปหาน ( ละเดด็ ขาด ) โทสะ กามราคะ กามราคะ กามฉนั ทะ มจิ ฉาสงั กัปปะ ปฏิฆะ อนจิ จธรรม นิจจสญั ญา นจิ จจิตต นิจจทิฏฐิ ท.ิ วิป.4, (สุขุมะ - กามราคะ) ปฏิฆะ ปฏิฆะ พยายาท (ปสุณวาจา) ทเ่ี กดิ ขน้ึ โดย ทกุ ขธรรม สขุ สญั ญา สขุ จิตต สขุ ทิฏฐิ ปสณุ วาจา โทส.2, ( สขุ ุมะ ) (ผรสุ วาจา) อาศยั ความ อนัตตธรรม อตั ตสัญญา อัตตจิตต อตั ตทิฏฐิ ผรสุ วาจา เจ.25 เส่อื มลาภ ยศ อสภุ ธรรม สุภสัญญา สภุ จิตต สภุ ทิฏฐิ พยาบาท นินทา ทกุ ข (ตัณหาโลภะ ลาภ สขุ ) อรหัตตมรรค - สมจุ เฉทปหาน ( ละเดด็ ขาด ) โลภะ มานะ มานะ ถีนมิทธ (สมั ผัปปลาปะ) ตณั หาโลภะ อนจิ จธรรม นิจจสัญญา นจิ จจิตต นจิ จทิฏฐิ สมั ผัปปลาปะ ท.ิ วปิ .4, (สขุ ุมะ - รปู ,อรูป) โมหะ ภวราคะ รูปราคะ อทุ ธัจจะ มจิ ฉาวายามะ ท่เี กดิ ขน้ึ โดย อภิชฌา ทุกขธรรม สุขสัญญา สขุ จิตต สุขทิฏฐิ อุทธจั .สํ.1, มานะ อรูปราคะ อวิชชา มจิ ฉาสติ อาศัยการได อนตั ตธรรม อัตตสญั ญา อตั ตจิตต อตั ตทฏิ ฐิ เจ.21 ถีนะ อุทธัจจะ มจิ ฉาสมาธิ ลาภ ยศ อสภุ ธรรม สภุ สญั ญา สภุ จติ ต สภุ ทิฏฐิ อทุ ธจั จะ อวิชชา อวิชชา มจิ ฉาวิมุตติ สรรเสรญิ สขุ อหริ ิกะ มจิ ฉาญาณะ อโนตตัปปะ
10. อาจยคามิตกิ องคธรรม ... 28 อก.ุ 12, โลกยี ก.ุ 17, เจ.52 ป. อาจยคามโิ น ธมมฺ า ธรรมเหลา น้ีเมื่อจาํ แนกโดย... *สจั จวมิ ุต ส.ธ.ท. ที่เปนเหตุใหถ งึ จุติและปฏิสนธิ มีอยู ขัน. อา. ธา. สจั . มัค ผล 4 2 2 2 -- สจั จะ เปน ทกุ ขสจั จ 1 อกุ.12, โลกียกุ.17, เจ.51 ( -โลภะ ) เปน สมุทยั สัจจ 2 โลภเจตสกิ ท. อปจยคามโิ น ธมมฺ า มัคค.4, เจ.36 4 2 2 1* 29 - ส.ธ.ท. ทเี่ ปนเหตใุ หถงึ พระนิพพาน มอี ยู ( วิวัฎฎคามนิ ีกุศล ) 1+(36-8) ต. เนวาจยคามนิ าปจยคามโิ น ธมฺมา ว.ิ 36, กิ.20, เจ.38, รูป28, นิพพาน สัจจะ เปน มัคคสจั จ ส.ธ.ท. ท่ไี มเปน เหตใุ หถึงจุตปิ ฏิสนธแิ ละพระนพิ พาน มีอยู 1 อ.ม. 8 หรือ 7 -> มคั คจิต 4 2* - 37 โลกยี . วิ.32, กิ.20, เจ. 35 เจ.38 5* 12 18 โลกุต. ผล.4, เจ. 36 1+36 นิพพาน เปน ขนั ธวมิ ตุ เปน ทกุ ขสจั จ สจั จะ เปน นโิ รธสจั จ 1 โลกยี วิ.32, กิ.20, เจ.35, รปู 28 2 นพิ พาน อา.-นปิ .ฺ ตกิ วมิ ตุ : X
... 29 อาจย ธรรมท่ีมสี ภาพวนเวียนอยใู นวัฏฏทกุ ข ดวยอํานาจของการเกิดการตาย อาจยคามี ธรรมที่เปน เหตุใหเกิดใหตาย ไดแ ก อกุ.12, โลก.ี กุ.17, เจ.52 ไดแ ก ปฏสิ นธแิ ละกัมมชรปู อปจย ธรรมที่พนจากการเกดิ การตาย ไดแก นพิ พาน อปจยคามี ธรรมท่ีเปนเหตใุ หไมเ กิดไมตาย ไดแ ก มคั คจติ 4, เจ.36,
11. เสกขฺ ตกิ องคธรรม ... 30 โลกุต.7 ( -อรผ.1 ), เจ.36 ป. เสกขฺ า ธมมฺ า ธรรมเหลาน้ีเม่ือจาํ แนกโดย... *สัจจวิมุต ส.ธ.ท. ที่เปนของเสกขบคุ คล 7 อรผ.1, เจ.36 หรอื ท่ีช่อื วา เสกขธรรม มอี ยู ขัน. อา. ธา. สัจ. มัค ผล เสกขบคุ คล 7 = โลกตุ .7 ( - อร.ผล ) 4 2 2 1* 29 37 ท. อเสกฺขา ธมมฺ า 1+(36-8) ส.ธ.ท. ท่ีเปน ของอเสกขบุคคล หรือทชี่ อื่ วา อเสกขธรรม มอี ยู ผลจิตตปุ บาทเบอ้ื งตา่ํ 3 (1+36 ) สจั จะ เปน มัคคสจั จ 1 อ.ม. 8 หรือ 7 -> มัคคจติ 4 4 2 2 - - 37 อรหตั ตผลจิตตปุ บาท (1+36 ) ต. เนวเสกขฺ า นาเสกขฺ า ธมฺมา โลกีย.81 ( อก.ุ 12, โลกยี ก.ุ 17, โลกยี ว.ิ 32, กิ.20 ), 5* 12 18 3 - - ส.ธ.ท. ทไ่ี มใ ชเปน ของเสกขบคุ คล 7 และอเสกขบคุ คล เจ.52, รปู 28, นิพพาน หรือทไี่ มช ื่อวา เสกขธรรมและอเสกขธรรม มีอยู นิพพาน เปน ขนั ธวิมุต สัจจะ เปน ทกุ ขสัจจ 1 โลกียจติ 81, เจ.51 ( -โลภะ ), รูป 28 เปน สมทุ ยั สจั จ 2 โลภเจตสิก 3 นิพพาน เปน นิโรธสจั จ ติกวมิ ตุ : X อา. - นปิ ฺ.
12. ปริตฺตตกิ องคธ รรม ... 31 กามจิต 54, เจ.52, รูป 28 ป. ปริตฺตา ธมมฺ า ธรรมเหลา นเี้ มอื่ จาํ แนกโดย... *สัจจวิมุต ส.ธ.ท. ท่มี อี านุภาพนอ ย มอี ยู ( เปนเหตุให เวยี นเกดิ อยูใ นกามภมู ิ ) ขนั . อา. ธา. สจั . มคั ผล 5 12 18 2 - - ท. มหคฺคตา ธมมฺ า มหคั คตจติ 27, เจ.35 สจั จะ เปน ทุกขสจั จ ส.ธ.ท. ท่ีเขาถึงความประเสรฐิ หรือ 1. กามจติ 54, เจ.51 ( -โลภะ ) รูป28 เปน สมุทัยสัจจ ท่ฌี านลาภบี ุคคลผูป ระเสรฐิ ทงั้ หลายเขา ถึงได มอี ยู 2. โลภเจตสิก 1 -- 422 สัจจะ เปน ทกุ ขสัจจ 1. มหคั คตจติ 27, เจ.35 2* 29 37 ต. อปปฺ มาณา ธมฺมา โลกตุ ตรจติ 8, เจ.36, นพิ พาน 4* 2 2 ส.ธ.ท. ท่เี ปนปฏปิ ก ษตอกเิ ลส มีราคะ เปน ตน 1+(36-8) ซึง่ ยอมกระทาํ ใหม ีประมาณ มอี ยู นพิ พาน เปน ขันธวิมุต 1+36 สัจจะ เปน นโิ รธสจั จ 1 นิพพาน เปน มัคคสัจจ 2 อ.ม. 8 หรือ 7 -> มคั คจติ 4 อา.-นปิ ฺ. ติกวมิ ตุ : X
13. ปรติ ตฺ ารมฺมณติก องคธ รรม ... 32 ทว.ิ 10, มโน.3, สันตี.3, หสิ.1, ม.วิ.8, เจ.33 ป ปริตตฺ ารมมฺ ณา ธมฺมา ธรรมเหลา นีเ้ ม่อื จําแนกโดย... *สจั จวมิ ตุ ส.ธ.ท. ที่มอี ารมณเ ปนปริตตธรรมอยางเดียว (เอกนฺต ) ที่กระทําปรติ ตธรรมใหเปน อารมณโ ดยแนน อน (25) ขนั . อา. ธา. สัจ. มคั ผล หรอื ส.ธ.ท. ทกี่ ระทาํ ปรติ ตธรรมใหเ ปน อารมณ (อเนกนฺต) มอี ยู และอก.ุ 12, มโน.1, ก.ุ 8, ก.ิ 8, อภญิ .2, เจ.50 (-อัป) 4 2 8 2 -- ในขณะทก่ี ระทําปริตตธรรมใหเปน อารมณ ( 20,5,6 ) สัจจะ เปน ทุกขสจั จ [ ปริตตารมั มณจติ 56, เจ.50 ] 1 ปรติ ตารัมมณจติ 56, เจ.49 ( -โลภะ ) เปน สมทุ ยั สจั จ 2 โลภเจตสกิ ท. มหคคฺ ตารมมฺ ณา ธมฺมา วญิ .3, เนว.3, เจ.30 4 2 2 2 -- ส.ธ.ท. ทีม่ ีอารมณเปนมหัคคตธรรมอยางเดยี ว (เอกนตฺ ) ทกี่ ระทาํ มหัคคตธรรมใหเปน อารมณโ ดยแนนอน (6) หรือ ส.ธ.ท. ที่กระทาํ มหัคคตธรรมใหเ ปนอารมณ (อเนกนตฺ ) มอี ยู และอกุ.12, มโน.1, ก.ุ 8, กิ.8, อภญิ .2, เจ.47 (-วิรต,ี อัป) สัจจะ เปน ทุกขสจั จ ในขณะท่ีกระทาํ มหัคคตธรรมใหเ ปน อารมณ ( 20,5,6 ) 1 มหคั คตารมั มณจติ 37, เจ.46 ( -โลภะ ) เปน สมุทยั สจั จ 2 โลภเจตสิก [ มหคั คตารัมมณจติ 37, เจ.47 ] ต. อปปฺ มาณารมมฺ ณา ธมฺมา โลกุต.8, เจ.36 4 2 2 2* 29 37 ส.ธ.ท. ทม่ี ีอารมณเ ปน อปั ปมาณธรรมอยางเดยี ว (เอกนตฺ ) ท่ีกระทาํ อปั ปมาณธรรมใหเปนอารมณโ ดยแนน อน (8) 1+(36-8) หรอื ส.ธ.ท. ที่กระทาํ อปั ปมาณธรรม ใหเ ปนอารมณ (อเนกนตฺ ) มอี ยู และมโน.1, กุ.สํ.4, กิ.สํ.4, อภิญ.2, เจ.33 (-วิรตี, อัป) สัจจะ 1+36 ในขณะท่ีกระทําอัปปมาณธรรมใหเ ปนอารมณ ( 5,6 ) 1 โลกียอปั ปมาณารัมมณจิต 11, เจ.33 เปน ทกุ ขสจั จ 2 อ.ม. 8 หรอื 7 -> มคั คจิต 4 เปน มัคคสจั จ [ อปั ปมาณารัมมณจติ 19, เจ.36 ] รปู า.15 (-อภญิ .2), อา.3, กญิ .3, เจ.35 ทก่ี ระทําบัญญัติธรรมใหเปน อารมณโดยแนน อน ( 21 ) ติกวมิ ตุ : และอก.ุ 12, มโน.1, ม.กุ.8, ม.ก.ิ 8, อภญิ .2, ( 20,5,6 ) เจ.49 (-วริ ตี ) ในขณะทก่ี ระทาํ บญั ญตั ธิ รรมใหเปน อารมณ, รปู 28, นพิ . อา.-สป.ฺ
... 33 อารมณ แนน อน 4 (60) 25 10, 3 อ. ปจ จุบัน เทา นั้น -6 - - กามธรรม - 54, 52, 28 ปจฺ วสี ปริตตฺ มฺหิ 3, 8, 1 อ. 3 กาล -ธ- อ. อดีต เทา น้ัน - มหคั คตธรรม - 27, 35, ( 4, 30 ) ฉ จติ ตฺ านิ มหคฺค 6 วิญ.3, เนว.3 - บญั ญัติ - อตั ถบัญญัต,ิ สทั ทบญั ญัติ เอกวีสติ โวหาเร อ. กาลวิมุต - นิพพาน - นิพพาน อฏ นิพฺพานโคจเร 21 รปู า.15 ( -อภญิ .2 ), อากา.3, อากญิ .3 8 โลกุต.8 อารมณ ไมแนน อน 3 (31) วีสานุตฺตรมุตฺตมหฺ ิ 20 อกุ.12, ก.ุ วิป.4, ก.ิ วปิ .4 - กาม, มหคั คตะ, บญั ญัติ - 81, 52, 28, บญั ญัติ อ. 3 กาล ( -โลกตุ ตรธรรม 9 ) และ อ. กาลวิมุต อคคฺ มคคฺ ผลชุ ฺฌเิ ต ปจฺ 5 กุ.ส.ํ 4, กุ.อภญิ .1 -6 - - กาม, มหคั คตะ, โลกุตตร, บัญญัติ - 87 (-อร.ม., อร.ผ. ) 52, 28, ( -อร.ม.1, อร.ผ.1 ) - นิพพาน, บญั ญตั ิ สพพฺ ตถฺ ฉ จ 6 มโน.1, ก.ิ ส.ํ 4, กิ.อภิญ.1 - กาม, มหคั คตะ, โลกุตตร, บญั ญัติ - 89, 52, 28, นพิ พาน, บญั ญตั ิ
14. หนี ติก องคธรรม ... 34 อก.ุ 12, เจ.27 ป. หีนา ธมฺมา ธรรมเหลา นีเ้ มือ่ จาํ แนกโดย... *สจั จวิมุต ส.ธ.ท. ทีเ่ ลวหรอื ที่ลามก มอี ยู ขัน. อา. ธา. สจั . มัค ผล 4 2 2 2 -- ท. มชฌฺ ิมา ธมมฺ า โลกียก.ุ 17, โลกยี วิ.32, กิ.20, สจั จะ เปน ทกุ ขสัจจ ส.ธ.ท. ทเ่ี ปนอยางกลาง หรอื เจ.38, รูป28 1 อกุ.12, เจ.26 (-โลภะ ) เปน สมทุ ัยสัจจ ส.ธ.ท. ทีเ่ ปนไปในระหวางธรรมทลี่ ามกและทปี่ ระณตี มอี ยู 2.โลภเจตสกิ 1 -- 5 12 18 สจั จะ เปน ทกุ ขสัจจ 1 โลกียก.ุ 17, โลกยี ว.ิ 32, ก.ิ 20, เจ.38, รปู 28 ต. ปณตี า ธมมฺ า โลกุต.8, เจ.36, นิพพาน 4* 2 2 2* 29 37 ส.ธ.ท. ทีป่ ระเสริฐหรือประณีต มอี ยู นพิ พาน เปน ขันธวมิ ุต 1+(36-8) 1+36 สจั จะ 1 นพิ พาน เปน นโิ รธสัจจ 2 อ.ม. 8 หรอื 7 -> มัคคจติ 4 เปน มัคคสัจจ ติกวมิ ตุ : X อา.-นปิ .ฺ
... 35 ก. ธรรมทเี่ ปน ปรติ ฺตา ธมมฺ า ไดแ ตเ ปน หีนา ธมฺมา ไมไ ด ข. ธรรมท่เี ปน หีนา ธมมฺ า ไดแตเปน ปริตฺตา ธมฺมา ไมได ค. ธรรมทเี่ ปน ปรติ ฺตา ธมฺมา และ หีนา ธมฺมา ไดทง้ั 2 ง. ธรรมที่เปน ปริตตฺ า ธมมฺ า และ หีนา ธมฺมา ไมไ ดท ้ัง 2 ( พิจารณาจาก อธ. ปรติ ตฺ า ธมมฺ า = 54, 52, 28 และ หนี า ธมฺมา = อกุ 12, 27 ) ก. ธรรมท่เี ปน ปรติ ฺตา ธมฺมา ไดแตเ ปน หนี า ธมมฺ า ไมไ ด ปรติ ฺตา หีนา ข. ธรรมท่เี ปน หนี า ธมมฺ า ไดแตเปน ปรติ ตฺ า ธมฺมา ไมไ ด ค. ธรรมทเ่ี ปน ปริตตฺ า ธมฺมา และ หนี า ธมมฺ า ไดทง้ั 2 = อเหต.ุ 18, กามา. 24, เจ.38, รปู 28 ง. ธรรมท่ีเปน ปริตฺตา ธมมฺ า และ หีนา ธมมฺ า ไมไ ดทงั้ 2 = ไมมี = อกุ. 12, เจ.27 = มหัค. 27, โลกตุ ต. 8, เจ.38, นิพพาน
15. มิจฺฉตตฺ ติก องคธ รรม ... 36 ช.ดวงท่ี 7 ของ ท.ิ สํ.4 ทเี่ กดิ ขน้ึ ... เจ.21 ป. มจิ ฉฺ ตฺตนิยตา ธมฺมา ช.ดวงท่ี 7 ของ โทส.2 ท่เี กดิ ขึ้น... เจ.22 ธรรมเหลา นเี้ มอ่ื จําแนกโดย... *สัจจวิมตุ ส.ธ.ท. ท่ีมีสภาพเปน ความช่วั และใหผลแนนอน ในลําดับแหงจตุ ิ ติดตอกนั ไมมีระหวางคั่น มอี ยู ขัน. อา. ธา. สจั . มคั ผล ท. สมฺมตตฺ นยิ ตา ธมมฺ า 4 2 2 2 -- ส.ธ.ท. ท่มี ีสภาพเปน ความดี และใหผ ลแนน อน ในลําดับแหง ตน ติดตอ กนั ไมมรี ะหวา งค่ัน มีอยู [ อกุ.6 เจ.25 ] มผ สัจจะ เปน ทุกขสจั จ ... ดว ยอาํ นาจแหง นิยตมจิ ฉาทฏิ ฐิกรรม (นัตถิกทิ., อเหตุกทิ., อกิริยทิ. ) 1 อก.ุ 6, เจ.24 (-โลภะ ) เปน สมุทัยสจั จ ... ดว ยอํานาจแหง ปญ จานันตรยิ กรรม มาตฆุ าต, ปตุฆาต, อรหนั ตฆาต 2.โลภเจตสกิ โลหิตุปบาท, สังฆเภท 4 2 2 1* 29 - มัคค.4, เจ.36 1+(36-8) สัจจะ เปน มคั คสัจจ 1 อ.ม. 8 หรอื 7 -> มคั คจติ 4 ต. อนยิ ตา ธมมฺ า อกุ.12 ( เวน ช.ดวงที่ 7 ของ ทิ.สํ.4 ที่เกดิ ข้นึ ... 5* 12 18 3* - 37 ส.ธ.ท. ท่ีมีสภาพไมแนน อน โดยอาการทั้ง 2 อยา งน้ัน มีอยู และ ช.ดวงที่ 7 ของ โทส.2 ทีเ่ กิดข้นึ ... ) นิพพาน เปน ขันธวมิ ตุ โลกยี ก.ุ 17, วิ.36, กิ.20, สจั จะ 1+36 เจ.52, รปู 28, นพิ . 1 อก.ุ 12, โลกยี ก.ุ 17, โลกียวิ.32, กิ.20 เปน ทกุ ขสจั จ เจ.51 (-โลภะ ), รปู 28 เปน สมุทัยสจั จ 2 โลภเจตสกิ 3 นพิ พาน เปน นิโรธสัจจ ตกิ วมิ ตุ : X อา.- นปิ ฺ.
มจิ ฉัตตนิยตธรรม คอื ธรรมท่เี ปนความชั่วและใหผลแนนอน ในลําดับแหง การส้นิ ชีวติ ... 37 โดยไมม รี ะหวางค่นั มี 2 อยา ง คือ ทฏิ ฐธมั มเวทนยี กรรม ( ใหผ ลชาตนิ ้ี ) 1. นยิ ตมิจฉาทิฏฐกิ รรม คือ อกศุ ลธรรมทม่ี คี วามเหน็ ผิด ซง่ึ สามารถนาํ ไปสูนิรยภมู ิโดยแนน อน ชวน :- 1 2 3 4 5 6 7 อุปปช ชเวทนยี กรรม ในลําดับแหง จตุ ิ มี 3 อยาง คือ 1.1 นตั ถิกทิฏฐิ มีความเหน็ วา สัตวท งั้ หลายที่จะไดร ับความดีความช่ัว ความสุขความทุกขเปน ตน ( ใหผลชาตทิ ี่ 2 คอื ชาตหิ นา ) ในภพขา งหนา ไมไดเปน ผลเนอ่ื งไปจากการกระทําอันเปนบญุ เปนบาปในปจ จุบันภพนี้ อปราปริยเวทนียกรรม 1.2 อเหตุกทฏิ ฐิ มีความเห็นวา ความดีความชวั่ ความสขุ ความทกุ ขเปนตน อนั สัตวทงั้ หลายไดร บั ( ใหผลชาตทิ ่ี 3 เปน ตน ไป จนถึงปรนิ ิพพาน ) อยูใ นปจจบุ ันภพน้ี ไมไ ดเ ปน ผลสบื เน่ืองมาจากการกระทําอันเปน บญุ และบาปในภพกอ น 1.3 อกิริยทิฏฐิ มีความเหน็ วาการกระทําของสัตวท ั้งหลาย แมก ระทาํ ดีกไ็ มช่อื วา เปนบุญ การใหผลตามลําดบั ของนิยตมจิ ฉาทิฏฐิกรรม และปญจานนั ตรยิ กรรม คอื แมก ระทําช่วั ก็ไมช่อื วาเปนบาป การกระทาํ เหลา น้ันยอมเปน ไปตามธรรมดา 1.การใหผ ลของ นิยตมจิ ฉาทิฏฐกิ รรม ท้งั 3 อยางน้ี ภพ 1.2 ภพ 1.1 ภพ ผใู ดผหู นึง่ จะกาวลวงอยางใดอยางหน่งึ หรือทัง้ 3 อยา งก็ดี กอน นี้ หนา การใหผ ลของกรรมเหลา นั้นยอ มเสมอกัน ไมจ ํากดั วา กรรมอยางใดอยางหนง่ึ จะใหผลกอนกันแตป ระการใด 2. ปญจานันตริยกรรม มี 5 อยา ง คอื 2.สาํ หรับ ปญจานนั ตรยิ กรรม นัน้ 2.1 มาตฆุ าต ฆามารดา - สงั ฆเภทกรรมเปนกรรมที่ใหผลกอ น 2.2 ปตุฆาต ฆา บดิ า - ถาไมมสี งั ฆเภทกรรมเหลือแตกรรมทงั้ 4 โลหติ ปุ บาทกรรมจะใหผ ลกอน 2.3 อรหันตฆาต ฆา พระอรหันต - ถาไมมีโลหติ ปุ บาทกรรมเหลือแตก รรมทงั้ 3 อรหันตฆาตกรรมจะใหผ ลกอ น 2.4 โลหติ ปุ บาท ทาํ รายพระพุทธเจา จนถึงหอพระโลหิต - ถา ไมมกี รรมดงั กลาวแลวทั้ง 3 มีแตม าตุฆาตกรรมและปต ุฆาตกรรมแลว 2.5 สังฆเภท ยใุ หพระสงฆแ ตกหมูแตกคณะกนั การใหผลยอมแลว แตม ารดาหรือบดิ า คอื > ถา มารดาหรอื บดิ ามีศลี ธรรมหรือไมม ศี ีลธรรมเสมอกัน มาตฆุ าตกรรมใหผลกอน > ถาบิดามศี ลี ธรรมสูงกวามารดา ปตุฆาตกรรมใหผลกอน ถา ผทู ีก่ า วลว งทง้ั นยิ ตมิจฉาทิฏฐิกรรม และปญ จานันตรยิ กรรม ทัง้ 2 อยางแลว - นิยตมิจฉาทิฏฐกิ รรมเปนฝายมโี อกาสใหผ ลกอนในลาํ ดับแหงจตุ ิ
... 38 16. มคคฺ ารมฺมณตกิ องคธ รรม ธรรมเหลานีเ้ ม่อื จาํ แนกโดย... *สัจจวมิ ุต ป. มคคฺ ารมมฺ ณา ธมฺมา [ มัคคารมั มณจติ 11, เจ.33 ] ขนั . อา. ธา. สจั . มคั ผล 4221 -- ไมมี อธ. ... ของพระโสดาบันบคุ . โสดาปตติมรรค ใหเ ปน อารมณ โสดา. สกทาคามมิ รรค ใหเปนอารมณ ส.ธ.ท. ท่ีมีอารมณ เปน มรรค อยางเดียว หรอื มโน.1, ก.ุ ส.ํ 4, กุ.อภญิ .1, เจ.33 (-วริ ตี,อปั ) ... ของพระสกทาคามบิ ุค. ทก่ี ระทาํ โสดา. สก. อนาคามิมรรค มรรคท้ัง 4 ส.ธ.ท. ท่ี กระทาํ มรรค ใหเปนอารมณ มอี ยู ... ของพระอนาคามิบคุ . มโน.1, ก.ิ ส.ํ 4, ก.ิ อภญิ .1, เจ.33 (-อปั ) ของพระอรหนั ตบุคคล ทกี่ ระทํา มี อธ. 4 2 2 1* 29 - ท. มคฺคเหตุกา ธมฺมา [ มัคคจิต 4, เจ.36 ] 1+(36-8) ส.ธ.ท. ทม่ี ีเหตุ คือองคมรรค 8 หรอื มคั .4, เจ.28 ( -อม.8 ) ตามนัยที่ 1 ส.ธ.ท. ที่มเี หตุ ซง่ึ ประกอบดว ยมรรค หรือ มัค.4, เจ.34 ( -อโลภะ, อโทสะ ) ตามนยั ท่ี 2 ส.ธ.ท. ที่มีเหตุ ซึง่ ตั้งอยูแลว ในมรรค มอี ยู มัค.4, เจ.35 ( -ปญญา ) ตามนัยท่ี 3 เกิดรว ม สัจจะ เปน มคั คสัจจ 1 อ.ม. 8 หรือ 7 -> มัคคจติ 4 ต. มคคฺ าธปิ ติโน ธมมฺ า [ มคั คาธิปติจติ 12, เจ.36 ] - โลกีย.8, เจ.33, มัค.4, เจ.36 4 2 2 2* 29 - ส.ธ.ท. ที่มปี จจัย เปน อารัมมณาธบิ ดี คอื มรรค หรือ ... ของพระโสดาบันบุค. โสดาปตติมรรค 1+(36-8) ส.ธ.ท. ที่มปี จจัย เปนสหชาตาธบิ ดี คือ มรรค หรอื ใหเปน อารมณ ส.ธ.ท. ที่เปน สหชาตาธิปติปจ จัย คือ มรรคน้นั เอง มอี ยู กุ.สํ.4, เจ.33 (-วริ ตี, อัป ) ... ของพระสกทาคามิบุค. ทก่ี ระทาํ สกทาคามมิ รรค โดยความเปนอธบิ ดี ตามนยั ท่ี 1 เกดิ พรอมกนั ... ของพระอนาคามิบคุ . อนาคามมิ รรค ก.ิ สํ.4, เจ.33 ( -อัป ) ... ของพระอรหนั ตบคุ คล ทก่ี ระทาํ อรหตั ตมรรค หรือ มัค.4, เจ.35 (-วีริยะ หรือ -ปญ ญา ในขณะท่ี วรี ยิ ะหรอื ปญ ญา เปน อธิบดี ) ตามนัยที่ 2 สัจจะ 1.โลกีย.มัคคาธปิ ตจิ ติ 8 เจ.33 เปน ทกุ ขสัจจ 2 อ.ม.8/7 -> มคั คจติ 4 เปน มคั คสจั จ หรือ วรี ยิ ะเจ. และปญ ญาเจ. ในขณะที่เปนอธบิ ดี ตามนัยท่ี 3 อา.- สป.ฺ ติกวิมุต : อก.ุ 12, อเหตกุ .17 (-มโน ), ก.ุ วิป.4, ม.ว.ิ 8, กิ.วิป.4, รูปา.15(-อภญิ .2), อรปู .12, ผล.4, เจ.52 ทไี่ มม อี ารมณเ ปน มรรค โดยแนน อน และมโน.1, กุ.ส.ํ 4, กิ.ส.ํ 4, อภญิ .2, เจ.38 ขณะทีไ่ มไ ดก ระทาํ มรรคใหเปนอารมณ, รปู 28, นิพพาน
อารมณ แนน อน 4 (60) 25 10, 3 อ. ปจจุบัน เทา น้ัน -6 - - กามธรรม ... 39 ปจฺ วีส ปริตฺตมหฺ ิ 3, 8, 1 อ. 3 กาล -ธ- อ. อดีต เทาน้ัน - มหคั คตธรรม - 54, 52, 28 ฉ จิตฺตานิ มหคคฺ 6 วญิ .3, เนว.3 - บัญญัติ - 27, 35, ( 4, 30 ) เอกวีสติ โวหาเร 21 รูปา.15 ( -อภญิ .2 ), อากา.3, อากญิ .3 อ. กาลวิมุต - นพิ พาน - อตั ถบัญญัติ, สทั ทบัญญัติ อฏ นพิ พฺ านโคจเร 8 โลกตุ .8 - นพิ พาน อารมณ ไมแ นนอน 3 (31) วีสานตุ ตฺ รมุตตฺ มหฺ ิ 20 อก.ุ 12, กุ.วปิ .4, กิ.วิป.4 - กาม, มหคั คตะ, บญั ญัติ - 81, 52, 28, บญั ญัติ อ. 3 กาล ( -โลกุตตรธรรม 9 ) และ อ. กาลวมิ ุต อคคฺ มคคฺ ผลชุ ฌฺ เิ ต ปจฺ 5 ก.ุ ส.ํ 4, ก.ุ อภญิ .1 -6 - - กาม, มหคั คตะ, โลกตุ ตร, บญั ญัติ - 87 (-อรม., อรผ. ) 52, 28, ( -อร.ม.1, อร.ผ.1 ) - นิพพาน, บัญญตั ิ สพฺพตถฺ ฉ จ 6 มโน.1, กิ.ส.ํ 4, กิ.อภิญ.1 - กาม, มหัคคตะ, โลกุตตร, บัญญัติ - 89, 52, 28, นพิ พาน, บัญญัติ ธรรมท่ไี มก ระทํามรรค ใหเ ปนอารมณ น้นั มี 2 พวก คือ โดยแนน อนพวกหนึ่ง โดยไมแนน อนพวกหนึ่ง - โดยแนน อน องคธรรม ไดแ ก อก.ุ 12, อเหตกุ .17 ( เวนมโนทวาราวัชชนจติ 1 ), ม.กุ.วปิ .4, ม.ว.ิ 8, ม.กิ.วปิ .4, รปู า.15 (-อภิญ.2), อรปู .12, โลกุต.8, เจ.52, รูป28, นิพพาน - โดยไมแ นนอน องคธรรม ไดแก มโนทวาราวัชชนจติ 1, ม.ก.ุ ส.ํ 4, ม.กิ.สํ.4, อภิญ.2, เจ.38 ขณะไมไ ดกระทาํ มรรคใหเ ปน อารมณ
17. อปุ ปฺ นนฺ ตกิ องคธ รรม ... 40 จติ 89, เจ.52, รูป28 ป. อุปฺปนนฺ า ธมมฺ า ธรรมเหลา นเ้ี มือ่ จาํ แนกโดย... *สจั จวมิ ตุ ส.ธ.ท. ทกี่ ําลังถึงซ่ึงขณะท้งั 3 มีอยู ทีก่ าํ ลังเกิดขึน้ ปรากฏอยู ขัน. อา. ธา. สัจ. มัค ผล 5 12 18 3* 29 37 1+(36-8) สจั จะ 1+36 อปุ ปาทักขณะ ภังคกั ขณะ 1 โลกยี จติ 81, เจ.51 ( -โลภะ ), รูป28 เปน ทกุ ขสจั จ ฐตี ิขณะ ( มุงเอาธรรม กาํ ลงั ปรากฏอยูในปจ จุบัน ) 2 โลภเจตสิก เปน สมุทยั สจั จ ท. อนุปฺปนนฺ า ธมมฺ า อกุ.12, ก.ุ 21, กิ.20, เจ.52 3 อ.ม. 8 หรือ 7 -> มัคคจิต 4 เปน มคั คสัจจ ส.ธ.ท. ท่ีไมใ ชถ ึงแลว และกาํ ลังถงึ ซ่งึ ขณะทง้ั 3 มีอยู จติ .ช.17, อุตุ.ช.15, อา.ช.14 ที่จะเกิด 578 3* 29 - = ติชรปู ในทุตยิ บท ของ อุปาทนิ นฺ ตกิ ( รูปา.- ธมั มายตนะ) 1+(36-8) ไมใชอดตี ไมใ ช สัจจะ 1 อก.ุ 12, โลกยี กุ.17, กิ.20, เจ.51 ( -โลภะ ), ตชิ รูป เปน ทกุ ขสัจจ ( มุงเอาธรรมทเ่ี ปน ตัวเหตุ ที่จะเกดิ ในอนาคต ) โอ.7 2 โลภเจตสกิ เปน สมุทัยสัจจ ส.ุ 10/12 3 อ.ม. 8 หรอื 7 -> มคั คจิต 4 เปน มัคคสัจจ ต. อุปฺปาทโิ น ธมมฺ า วิ.36, เจ.38, กมั .ช.20 ทจ่ี ะเกดิ 5 11 17 1* - 37 ส.ธ.ท. ทีจ่ ะเกิดโดยแนนอน เพราะมีเหตทุ ส่ี าํ เรจ็ แลว มอี ยู = ปฐมบท ของ อุปาทนิ นฺ ติก สัจจะ 1+36 เหตทุ ที่ าํ แลว ในทุตยิ บท เปน ทุกขสจั จ ( มงุ เอาธรรมที่เปนตวั ผล 1 โลกียว.ิ 32, เจ.35, กัม.ช.20 ทีจ่ ะเกิดเมอ่ื เหตใุ นทุตยิ บทไดท าํ ข้ึนแลว ) โอ.11 อา.- สปฺ. ส.ุ 9/11 ตกิ วมิ ตุ : นิพพาน
18. อตตี ตกิ องคธรรม ... 41 จิต 89, เจ.52, รูป 28 ที่เปนอดีตกาล ป. อตีตา ธมมฺ า ธรรมเหลา นเี้ มอ่ื จําแนกโดย... *สัจจวมิ ุต ( เชน ตัวเรา จิต เจ. ทีเ่ กดิ ผา นไปแลว แมว ินาทเี ดียว ) ส.ธ.ท. ที่เปน อดีต มีอยู ตวั ถกู รู (ปรมตั ถ 4) ขนั . อา. ธา. สัจ. มัค ผล เปน อารมณ 5 12 18 3* 29 37 1+(36-8) สัจจะ 1+36 1 โลกยี จติ 81, เจ.51 ( -โลภะ ), รปู 28 เปน ทุกขสจั จ 2 โลภเจตสกิ เปน สมุทยั สจั จ ท. อนาคตา ธมมฺ า จิต 89, เจ.52, รปู 28 ที่เปน อนาคตกาล 3 อ.ม. 8 หรือ 7 -> มคั คจติ 4 เปน มัคคสัจจ ส.ธ.ท. ทเ่ี ปน อนาคต มอี ยู ( เชน ตัวเรา จติ เจ. ท่จี ะเกดิ ข้นึ ในอนาคต แมว ินาทีเดยี ว ) 5 12 18 3* 29 37 1+(36-8) 1+36 สัจจะ 1 โลกยี จติ 81, เจ.51 ( -โลภะ ), รปู 28 เปน ทกุ ขสัจจ 2 โลภเจตสิก เปน สมุทยั สัจจ ต. ปจฺจปุ ปฺ นนฺ า ธมฺมา จิต 89, เจ.52, รูป 28 ท่เี ปน ปจจบุ ันกาล 3 อ.ม. 8 หรอื 7 -> มัคคจิต 4 เปน มคั คสัจจ ส.ธ.ท. ท่เี ปนปจ จบุ นั มีอยู ( เชน ตัวเรา จิต เจ. ทก่ี ําลังเกิดอยใู นปจจบุ นั ) 5 12 18 3* 29 37 1+(36-8) 1+36 สจั จะ 1 โลกยี จิต 81, เจ.51 ( -โลภะ ), รูป 28 เปน ทกุ ขสจั จ 2 โลภเจตสิก เปน สมุทยั สจั จ 3 อ.ม. 8 หรอื 7 -> มัคคจิต 4 เปน มคั คสัจจ ตกิ วมิ ตุ : นพิ พาน อา.-สป.ฺ
สภาพธรรม ทเี่ ปนผรู ู (จติ เจ ) ที่ไปรู อดีต, อนาคต, ปจ จบุ นั องคธ รรม ... 42 19. อตตี ารมมฺ ณติก ธรรมเหลา นเ้ี มือ่ จาํ แนกโดย... *สจั จวิมุต ป. อตีตารมมฺ ณา ธมฺมา วญิ .3, เนว.3, เจ.30 ขนั . อา. ธา. สจั . มคั ผล ส.ธ.ท. ที่มีอารมณเปน อดตี ธรรม อยา งเดยี ว หรอื ที่กระทํา อดีตธรรม ใหเปนอารมณโดยแนน อน (6) 4 2 2 2 -- ส.ธ.ท. ทก่ี ระทาํ อดีตธรรม ใหเปน อารมณ มอี ยู และ มโน.1, กาม.ช.29, ตทา.11, อภญิ .2, เจ.47 (-วิรต,ี อัป) ในขณะทกี่ ระทาํ อดตี ธรรม ใหเ ปนอารมณ สัจจะ 1 อตีตารมั มณจิต 49, เจ.46 ( -โลภะ ) ** วริ ตี เกิดไดเฉพาะ ปจ จุบนั +อนาคต ไมเกดิ ในอดีต ( 3,8,1 - 20,5,6 ) 2 โลภเจตสกิ เปน ทุกขสัจจ ** อัป. เปน สัตวบญั ญัติ ไมเ กิดกบั กาลทง้ั 3 ( กาลวมิ ตุ ติ ) เปน สมทุ ัยสัจจ [ อตตี ารัมมณจิต 49, เจ.47 ] ท. อนาคตารมมฺ ณา ธมมฺ า ไมมี อธ. 4 2 2 2 -- ส.ธ.ท. ที่มีอารมณเปน อนาคตธรรม อยางเดยี ว หรอื ส.ธ.ท. ท่ีกระทํา อนาคตธรรม ใหเปนอารมณ มีอยู มโน.1, กาม.ช.29, ตทา.11, อภิญ.2, เจ.50 ( -อปั ) มี อธ. ในขณะทกี่ ระทาํ อนาคตธรรม ใหเ ปน อารมณ สัจจะ 1 อนาคตารัมมณจิต 43, เจ.49 ( -โลภะ ) [ อนาคตารัมมณจติ 43, เจ.50 ] 2 โลภเจตสกิ เปน ทุกขสัจจ เปน สมทุ ัยสัจจ ต. ปจจฺ ุปปฺ นฺนารมมฺ ณา ธมมฺ า ทวิ.10, มโน.3, อัญ.เจ.10 (-วีริยะ, ปต ิ, ฉันทะ) 4282 -- ส.ธ.ท. ทมี่ ีอารมณเ ปน ปจจุบนั ธรรม อยางเดยี ว หรอื ส.ธ.ท. ทกี่ ระทาํ ปจจบุ นั ธรรม ใหเ ปนอารมณ มอี ยู ท่กี ระทํา ปจ จุบนั ธรรม ใหเปนอารมณโ ดยแนนอน เปน ทกุ ขสัจจ เปน สมทุ ัยสจั จ และ มโน.1, กาม.ช.29, ตทา.11, อภญิ .2, เจ.50 (-อัป ) สจั จะ อา.- สปฺ. ในขณะทก่ี ระทํา ปจจุบนั ธรรม ใหเ ปนอารมณ 1 ปจจุปนนารัมมณจติ 56, เจ.49 ( -โลภะ ) 2 โลภเจตสกิ [ ปจจุปนนารัมมณจติ 56, เจ.50 ] บัญญัตตารัมมณจิต เอกนั ตะ 21, เจ.35, บัญญัตตารมั มณจิต อเนกันตะ 31, เจ.49 (-วริ ตี) ตกิ วมิ ตุ : อปั ปมาณารมั มณจติ เอกนั ตะ 8, เจ.36, อปั ปมาณารมั มณจติ อเนกนั ตะ 11, เจ.33 (-วริ ต,ี อปั ), รปู 28, นพิ พาน
อารมณ แนน อน 4 (60) 25 10, 3 อ. ปจจบุ ัน เทานั้น -6 - - กามธรรม ... 43 ปฺจวีส ปรติ ฺตมฺหิ 3, 8, 1 อ. 3 กาล -ธ- อ. อดีต เทา นั้น - มหัคคตธรรม - 54, 52, 28 ฉ จิตตฺ านิ มหคคฺ 6 วิญ.3, เนว.3 - บญั ญัติ - 27, 35, ( 4, 30 ) เอกวีสติ โวหาเร 21 รปู า.15 ( -อภญิ .2 ), อากา.3, อากญิ .3 อ. กาลวมิ ตุ - นิพพาน - อัตถบัญญัต,ิ สทั ทบัญญัติ อฏ นิพพฺ านโคจเร 8 โลกตุ .8 - นพิ พาน อารมณ ไมแนน อน 3 (31) วสี านุตตฺ รมตุ ฺตมหฺ ิ 20 อก.ุ 12, ก.ุ วิป.4, กิ.วิป.4 - กาม, มหคั คตะ, บัญญตั ิ - 81, 52, 28, บญั ญัติ อ. 3 กาล ( -โลกตุ ตรธรรม 9 ) และ อ. กาลวิมุต อคคฺ มคคฺ ผลชุ ฌฺ เิ ต ปจฺ 5 ก.ุ ส.ํ 4, ก.ุ อภญิ .1 -6 - - กาม, มหคั คตะ, โลกุตตร, บญั ญัติ - 87 (-อร.ม., อร.ผ. ) 52, 28, ( -อร.ม.1, อร.ผ.1 ) - นิพพาน, บัญญตั ิ สพพฺ ตถฺ ฉ จ 6 มโน.1, ก.ิ ส.ํ 4, ก.ิ อภิญ.1 - กาม, มหัคคตะ, โลกุตตร, บัญญัติ - 89, 52, 28, นิพพาน, บัญญตั ิ
20. อชฺฌตฺตติก องคธ รรม ... 44 จติ 89, เจ.52, รปู 28 ป. อชฌฺ ตตฺ า ธมฺมา ธรรมเหลา น้เี ม่อื จําแนกโดย... *สัจจวิมตุ ส.ธ.ท. ที่เปน ภายในสนั ดานแหง ตน มอี ยู ที่เปนภายในสนั ดานแหง ตน ขนั . อา. ธา. สัจ. มัค ผล ** จติ , เจ., อนิ ทริยพัทธรปู จติ 89, เจ.52, รปู 28, นิพพาน - เมื่อเกิดภายในของเรา เรียกวา อชั ฌตั ตธรรม 5 12 18 3* 29 37 - ถาเกดิ ภายในผูอนื่ เรียกวา พหิทธธรรม ท่ีเปนภายนอกสันดานแหงตน 1+(36-8) ท. พหทิ ธฺ า ธมมฺ า จติ 89, เจ.52, รูป28 ส.ธ.ท. ท่เี ปน ภายนอกสนั ดานแหงตน มอี ยู สจั จะ 1+36 ที่เปนภายในและภายนอกสันดานแหงตน ** รูปไมมชี วี ติ - เปนภายนอก อยางเดียว 1 โลกียจิต 81, เจ.51 ( -โลภะ ), รปู 28 เปน ทกุ ขสจั จ รูปทม่ี ชี ีวิต - เปนไดทั้งภายใน หรือภายนอก นิพพาน - เปนภายนอกอยางเดียว 2 โลภเจตสกิ เปน สมทุ ัยสจั จ ต. อชฺฌตตฺ พหิทฺธา ธมฺมา 3 อ.ม. 8 หรือ 7 -> มคั คจติ 4 เปน มัคคสัจจ ส.ธ.ท. ท่เี ปนภายในและภายนอกสนั ดานแหงตน มีอยู 5* 12 18 4* 29 37 นิพพาน เปน ขนั ธวิมุต 1+(36-8) สจั จะ 1+36 1 โลกยี จิต 81, เจ.51 ( -โลภะ ), รูป28 เปน ทกุ ขสัจจ 2 โลภเจตสิก เปน สมทุ ัยสจั จ 3 นพิ พาน เปน นิโรธสัจจ 4 อ.ม. 8 หรอื 7 -> มคั คจติ 4 เปน มคั คสจั จ 5 12 18 3* 29 37 1+(36-8) 1+36 สจั จะ ** อนิ ทรยิ พัทธรูป - รูปทีเ่ กย่ี วกบั อินทรยี ( สิง่ ที่มีชวี ติ ) 1 โลกียจติ 81, เจ.51 ( -โลภะ ), รูป28 เปน ทุกขสัจจ อนินทริยพัทธรปู - รปู ท่ีไมเกีย่ วกับอนิ ทรยี ( ส่ิงท่ไี มม ชี ีวติ ) 2 โลภเจตสกิ เปน สมุทัยสจั จ ติกวมิ ตุ : 3 อ.ม. 8 หรือ 7 -> มคั คจติ 4 เปน มคั คสัจจ X อา.- นปิ ฺ.
... 45 - นตั ถภิ าวบญั ญัติ หมายความวา สภาพทส่ี มมตุ ใิ นเร่ืองความเปนไป โดยความไมม อี ะไร จติ เจตสกิ ที่มีนตั ถิภาวบญั ญัตเิ ปน อารมณได คือ - อากิญจัญญายตนฌานจิต 3 เจตสิก 30 ทม่ี ีอารมณเ ปนนตั ถภิ าวบัญญัตโิ ดยแนนอน - อกศุ ลจิต 12 มโนทวาราวชั ชนจติ 1 มหากุศลจิต 8 มหากิรยิ าจติ 8 อภญิ ญาจติ 2 เจตสกิ 45 ( เวนวริ ตี อัปปมญั ญา อสิ สา มัจฉรยิ ะ ) ทมี่ อี ารมณเปน นัตถภิ าวบัญญตั ิ โดยไมแนน อน - อภญิ ญาจติ 2 ทม่ี ีนตั ถภิ าวบัญญตั ิเปนอารมณไ ดน ้ัน ตองเปนอภิญญาท่เี กดิ ข้ึนโดยกระทําบพุ เพนิวาสานุสสติอภญิ ญา และอนาคตงั สอภิญญา ขณะทกี่ ระทํานัตถิภาวบญั ญตั ิ ใหเ ปนอารมณ หมายความวา อภญิ ญาท่ีมีการรถู งึ ผูท ีป่ รนิ ิพพานไปแลว และผทู ่ีจะปรินพิ พานในกาลขางหนา
21. อชฺฌตตฺ ารมมฺ ณตกิ องคธรรม ... 46 วญิ .3, เนว.3, เจ.30 ป. อชฺฌตตฺ ารมฺมณา ธมฺมา ธรรมเหลา น้ีเมื่อจาํ แนกโดย... *สัจจวิมตุ ส.ธ.ท. ทีม่ ีอารมณเปน อัชฌตั ตธรรม อยา งเดียว หรอื ท่ีกระทาํ อชั ฌัตตธรรมใหเปนอารมณโดยแนน อน ส.ธ.ท. ทก่ี ระทํา อัชฌัตตธรรม ใหเปนอารมณ มีอยู ขัน. อา. ธา. สจั . มัค ผล และ กาม.54, อภิญ.2, เจ.49 (-อสิ , อปั ) 4 2 8 2 -- ในขณะทีก่ ระทําอชั ฌัตตธรรมใหเปน อารมณ สัจจะ เปน ทกุ ขสัจจ [ อชั ฌตั ตารมั มณจติ 62, เจ.49 ] 1 อชั ฌัตตารัมมณจติ 62, เจ.48 ( -โลภะ ) เปน สมทุ ยั สจั จ 2 โลภเจตสิก ท. พหิทธฺ ารมฺมณา ธมมฺ า รูปา.15 (-อภญิ .2), อากา.3, โลกุต.8, เจ.38 4 2 8 3* 29 37 ส.ธ.ท. ทีม่ อี ารมณเปน พหิทธธรรม อยา งเดียว หรอื ส.ธ.ท. ทกี่ ระทาํ พหทิ ธธรรม ใหเ ปน อารมณ มีอยู ทกี่ ระทาํ พหิทธธรรมใหเ ปนอารมณโ ดยแนนอน 1+(36-8) และ กาม.54, อภิญ.2, เจ.52 สัจจะ 1+36 ในขณะทีก่ ระทําพหทิ ธธรรมใหเปน อารมณ 1 โลกียพหิทธารมั มณจิต 72 / 74, เจ.51 ( -โลภะ ) เปน ทุกขสัจจ 2 โลภเจตสกิ เปน สมุทยั สัจจ ไมม ี อธ. เพราะจิตรบั อารมณแนน อน [ พหทิ ธารัมมณจติ 80 / 82, เจ.52 ] 3 อ.ม. 8 หรือ 7 -> มัคคจิต 4 เปน มัคคสจั จ พรอ มกนั ทง้ั ภายในภายนอกไมได กาม.54, อภญิ .2, เจ.49 (-อสิ , อปั ) 4 2 8 2 -- ต. อชฌฺ ตฺตพหิทฺธารมฺมณา ธมมฺ า ส.ธ.ท. ทมี่ ีอารมณเปน อัชฌตั ตพหทิ ธธรรม อยา งเดียว หรอื ในขณะทกี่ ระทาํ อัชฌัตตพหิทธธรรมใหเ ปน อารมณ สัจจะ เปน ทกุ ขสจั จ ส.ธ.ท. ท่กี ระทํา อัชฌตั ตพหทิ ธธรรม ใหเปน อารมณ มอี ยู 1 อัชฌัตตพหิทธารมั มณจิต 56, เจ.48 ( -โลภะ ) เปน สมทุ ยั สัจจ 2 โลภเจตสกิ มี อธ. วิรตี - รับ อ.ปรมัตถอยา งเดยี ว, อัป.- รบั อ. บญั ญตั ิ [ อชั ฌตั ตพหิทธารมั มณจติ 56, เจ.49 ] อา.- สปฺ. อสิ . - รบั อ. ภายนอก อยา งเดยี ว มจั . - รบั อ. ใน + นอก ได นตั ถภิ าวบัญญตั ตารัมมณจิต โดยแนนอน 3 คอื อากญิ .3, เจ.30, ตกิ วมิ ตุ : และนตั ถภิ าวบญั ญตั ตารมั มณจติ โดยไมแนน อน 31 ( 20, 5, 6 ) คอื อก.ุ 12, มโน.1, กุ.8, กิ.8, อภญิ .2, เจ.45 (-วิรตี, อัป, อิส, มจั ), รปู 28, นิพ.
รบั อ. ท้งั ภายใน ภายนอก 25 10, 3 อ. ปจจุบัน เทา น้ัน -6 - - กามธรรม ... 47 3, 8, 1 อ. 3 กาล -ธ- รบั อ. ภายใน อยางเดียว อ. อดีต เทาน้ัน - มหัคคตธรรม - 54, 52, 28 รบั อ.ภายนอก(บญั .) อยางเดียว 6 วญิ .3, เนว.3 - บญั ญัติ - 27, 35, ( 4, 30 ) 21 รปู า.15 ( -อภญิ .2 ), อากา.3, อากญิ .3 อ. กาลวิมตุ - อตั ถบัญญัต,ิ สัททบญั ญัติ เวน อากิญ. รบั นัตถภาวบัญญัติ - นพิ พาน - นิพพาน 8 โลกตุ .8 รบั อ. ภายนอก แนน อน 20 อกุ.12, กุ.วิป.4, กิ.วปิ .4 - กาม, มหคั คตะ, บัญญตั ิ - 81, 52, 28, บญั ญัติ รบั อ. ทง้ั ภายใน ภายนอก 5 กุ.ส.ํ 4, กุ.อภญิ .1 อ. 3 กาล ( -โลกุตตรธรรม 9 ) 6 มโน.1, กิ.ส.ํ 4, กิ.อภิญ.1 และ อ. กาลวมิ ตุ -6 - - กาม, มหคั คตะ, โลกตุ ตร, บญั ญัติ - 87 (-อร.ม., อร.ผ. ) 52, 28, ** 25+31( 20, 5, 6 ) = กามจติ 54 ( -อร.ม.1, อร.ผ.1 ) - นพิ พาน, บัญญตั ิ - กาม, มหคั คตะ, โลกุตตร, บัญญัติ - 89, 52, 28, นพิ พาน, บัญญตั ิ ก. ในติกมาติกาน้ัน อารมฺมณตกิ ( ติกทีแ่ สดงเก่ยี วกบั อารมณ ) มี 4 ติกคอื ง. บทท่มี อี งคธรรมเปน รูปปรมัตถฝ า ยเดยี ว มี 2 บท คือ 1.ปริตตฺ ารมฺมณตกิ 2. มคฺคารมฺมณตกิ 3. อตีตารมฺมณตกิ 4. อชฌฺ ตตฺ ารมมฺ ณติก 1.สนิทสสฺ นสปปฺ ฏิฆา ธมมฺ า 2.อนทิ สสฺ นสปฺปฏฆิ า ธมฺมา ข. บททมี่ อี งคธ รรมเปน อเุ บกขาสหคตจิตเหมอื นกัน มี 2 บท คือ จ. บทในตกิ มาตกิ าทีม่ ีองคธ รรมเปน จติ 89 เจตสกิ 52 รปู 28 1.อทกุ ขฺ มสุขาย เวทนาย สมฺปยตุ ตฺ า ธมฺมา 2. อเุ ปกฺขาสหคตา ธมฺมา เหมอื นกนั คอื 1.อุปปฺ นนฺ า ธมมฺ า 2.อตีตา ธมมฺ า 3.อนาคตา ธมฺมา 4.ปจจฺ ุปปฺ นฺนา ธมฺมา ค. ในติกมาตกิ านนั้ บทที่มอี งคธรรมเปนอกศุ ลธรรมฝายเดยี ว มี 8 บท คือ 5.อชฌฺ ตตฺ า ธมมฺ า 6.อชฌฺ ตฺตพหิทฺธา ธมมฺ า 1.อกุสลา ธมมฺ า 2.สงกฺ ิลฏิ สงฺกิเลสกิ า ธมมฺ า 3.ทสสฺ เนน ปหาตพพฺ า ธมฺมา 4.ภาวนาย ปหาตพพฺ า ธมฺมา 5.ทสฺเนน ปหาตพฺพเหตุกา ธมมฺ า 6.ภาวนาย ปหาตพพฺ เหตุกา ธมมฺ า 7.หนี า ธมมฺ า 8.มจิ ฉฺ ตฺตนยิ ตา ธมมฺ า ฉ. ตกิ ะท่มี ีองคธรรมเหมอื นกันท้ัง 3 บท นนั้ ไดแก อตตี ติก
... 48 ตกิ ะ อารมณ ( ตัวถกู รู - ปรมัตถ 4 ) ตกิ ะ รูอารมณ ( ตัวรู - จิต เจ ) 12. ปริตฺตติก 13. ปรติ ตฺ ารมมฺ ณตกิ ป ปรติ ตฺ า ธมฺมา = 54, 52, 28 ป ปรติ ตฺ ารมฺมณา ธมมฺ า = 10, 3, 3, 1, 8, 33 และ 12, 1, 8, 8, 2 50 ( -อปั ) [ ปรติ ตารมั มณจิต 56, 50 ] ท มหคฺคตา ธมฺมา = 27, 35 และ 1, ก.ุ สํ.4, กิ.ส.ํ 4, 2 47 ( -วิรต,ี อัป ) [ มหัคคตารมั มณจิต 37, 47 ] ต อปฺปมาณา ธมฺมา = 8, 36, นิพพาน ท มหคฺคตารมมฺ ณา ธมฺมา 3 = วญิ .3, เน.3, 30 33 ( -วริ ต,ี อปั ) [ อัปปมาณารัมมณจติ 19, 36 ] ต อปฺปมาณารมมฺ ณา ธมมฺ า = 8, 36 18. อตตี ตกิ = 89, 52, 28 19. อตตี ารมมฺ ณตกิ 47 ( -วริ ต,ี อปั ) [ อตตี ารมั มณจิต 49, 47 ] และ 1, กาม.ช.29, ตทา.11, 2 50 ( - อปั ) [ อนาคตารัมมณจิต 43, 50 ] ป อตตี า ธมฺมา ป อตีตารมมฺ ณา ธมมฺ า 3 = วญิ .3, เน.3, 30 [ ปจจปุ นนารมั มณจติ 56, 50 ] ท อนาคตา ธมฺมา ท อนาคตารมฺมณา ธมมฺ า = --- 50 ( - อปั ) ต ปจฺจุปปฺ นฺนา ธมมฺ า ต ปจฺจุปปฺ นนฺ ารมมฺ ณา ธมมฺ า = 10, 3, 10 (-3) 20. อชฌฺ ตตฺ ตกิ = 89, 52, 28 21. อชฌฺ ตฺตารมมฺ ณติก 49 ( -อสิ , อปั ) [ อชั ฌตั ตารมั มณจิต 62, 49 ] = 89, 52, 28, นิพพาน 52 [ พหิทธารัมมณจติ 82, 52 ] ป อชฌฺ ตตฺ า ธมมฺ า = 89, 52, 28 ป อชฺฌตตฺ ารมมฺ ณา ธมมฺ า 3 = วิญ.3, เน.3, 30 49 ( -อิส, อัป ) [ อชั ฌัตตพหิทธารัมมณจติ 56, 49 ] ท พหิทธฺ า ธมมฺ า ท พหทิ ธฺ ารมฺมณา ธมฺมา = รปู .15 (-2 ), อากา.3, โลกุ.8, 38 และ กาม.54, 2 ต อชฌฺ ตตฺ พหทิ ธฺ า ธมฺมา ต อชฌฺ ตฺตพหทิ ฺธารมมฺ ณา ธมฺมา = ---
Search