Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เฉลยข้อสอบข้อเขียนพระอภิธรรม

เฉลยข้อสอบข้อเขียนพระอภิธรรม

Published by WATKAO, 2021-01-13 02:48:59

Description: เฉลยข้อสอบข้อเขียนพระอภิธรรม ภาคเรียนที่ ๑-๒ ปีการศึกษา ๒๕๔๓-๒๕๖๐
อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ชั้น จูฬอาภิธรรมิกะตรี (วิชา : จิต เจตสิก รูป นิพพาน)

Keywords: เฉลยข้อสอบข้อเขียนพระอภิธรรม

Search

Read the Text Version

สรปุ เนื้อหา เฉลยข้อสอบขอ้ เขียนพระอภธิ รรม ภาคเรียนท่ี ๑-๒ ปีการศึกษา ๒๕๔๓-๒๕๖๐ อภธิ รรมโชตกิ ะวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ช้ัน จูฬอาภธิ รรมกิ ะตรี (วชิ า : จิต เจตสิก รปู นิพพาน) ข้อความเบื้องตน้ (ขอ้ ๑) คาํ ปณามและปฏญิ ญาทงั้ บาลีและคาํ แปล สมฺมาสมพฺ ทุ ฺธมตลุ ํ สสทธฺ มมฺ คณุตฺตมํ อภวิ าทิย ภาสิสฺสํ อภธิ มมฺ ตฺถสงคฺ หํ ขา้ พระพทุ ธเจ้า (พระอนุรทุ ธาจารย)์ ขอนอบนอ้ มถวายอภิวันทนาการ แด่พระพุทธองค์ ผู้ตรัสรเู้ ญยยธรรม ทัง้ หลายเอง ไมม่ ผี ู้เปรยี บปาน พรอ้ มด้วยพระสทั ธรรม และคณะพระอรยิ สงฆเ์ จ้าทง้ั หลาย ซ่ึงเปน็ ผูอ้ ดุ มแล้ว จกั แต่งคมั ภีร์ท่มี ีนามวา่ “อภิธมฺมตถฺ สงคฺ ห” ตอ่ ไป สําหรับในคาถาน้ี พระอนุรทุ ธาจารยก์ ล่าวคําปฏญิ ญาจะแตง่ ปกรณน์ ดี้ ว้ ยบาลวี า่ “ภาสิสสฺ ํ อภิธมมฺ ตฺถ สงฺคห”ํ และกลา่ วคํานอบนอ้ มนมัสการแดพ่ ระรัตนตรยั ดว้ ยบาลีวา่ “สมมฺ าสมพฺ ทุ ธฺ มตลุ ํ สสทฺธมมฺ คณุตตฺ มํ อภิวาทยิ ” ฯ คาํ ประณามและปฏิญญานน้ั เมอื่ จําแนกบทโดยสามัญแล้ว มี ๖ บท ด้วยกัน คือ ๑. สมมฺ าสมฺพทุ ธฺ ํ หมายความวา่ ผ้ตู รัสรูเ้ ญยยธรรมทงั้ ปวงตามลําพงั พระองค์เองอยา่ งถกู ถ้วน ไดแ้ กพ่ ระสมั มา- สัมพทุ ธะจาํ พวกเดยี ว เป็นการปฏเิ สธปัจเจกพุทธะ สาวกพทุ ธะ ท้งั สอง ๒. อตลุ ํ หมายความวา่ หาผูเ้ ปรยี บปานมไิ ด้ ๓. สสทธฺ มมฺ คณตุ ตฺ มํ หมายความวา่ พรอ้ มด้วยพระสัทธรรมและคณะพระอริยสงฆ์เจา้ ทั้งหลายซงึ่ เป็นผูอ้ ดุ ม ๔. อภิวาทยิ หมายความวา่ เปน็ คํานอบนอ้ มแดพ่ ระรัตนตรัย ๕. ภาสสิ ฺสํ หมายความว่า เป็นคํารบั รองวา่ จะแตง่ ๖. อภิธมฺมตถฺ สงฺคหํ หมายความว่า ตามท่ไี ดก้ ล่าวคํารับรองไวว้ ่าจะแตง่ น้นั ก็ได้แกค่ ัมภรี ์อภิธัมมัตถสงั คหปกรณน์ ้ีเอง คาํ วา่ “ปรมตั ถ”์ หมายความว่า สภาพของรูปนามท่เี ปน็ องค์ธรรมอนั ประเสริฐไม่มีการผดิ แปรผันแต่อย่างใด และเป็นธรรมท่ีเป็นประธานในอัตถบัญญตั ิและนามบญั ญตั ิ ช่อื ว่า ปรมัตถ์ มี ๔ อยา่ ง คอื จติ เจตสกิ รปู นพิ พาน ดงั มีบาลแี สดงว่า ตตฺถ วุตฺตาภธิ มมฺ ตฺถา จตธุ า ปรมตฺถโต จิตตฺ ํ เจตสกิ ํ รปู ํ นพิ พฺ านมติ ิ สพพฺ ถา ปรมตั ถสจั จะมี ๒ อย่าง คอื ๑. สภาวสัจจะ ธรรมทเ่ี ปน็ จริงตามสภาวลกั ษณะ ได้แก่ กุศลธรรมอกุศลธรรมเปน็ ต้น ท่ีแสดงไว้ในอภธิ รรมปฎิ ก ๒. อรยิ สัจจะ ธรรมท่เี ปน็ ความจริงโดยเฉพาะอริยบุคคลทง้ั หลาย ไดแ้ ก่ อรยิ สัจจะ ๔ มีทกุ ขสจั จะ เปน็ ตน้ สัทธรรมมี ๓ อย่าง คอื ๑. ปรยิ ตั สิ ทั ธรรม ได้แก่ พระบาลี และอรรถกถา ๒. ปฏิบตั สิ ัทธรรม ได้แก่ การรักษาศีล การถือธดุ งค์ การเจริญสมถกรรมฐาน และวิปสั สนากรรมฐาน ๓. ปฏเิ วธสัทธรรม ได้แก่ มรรค ผล นพิ พาน ฌาน อภญิ ญา แสดงธรรมชาติของ จติ เจตสกิ รูป นิพพาน โดยสังเขปตอ่ ไปนี้ จติ เป็นธรรมชาติทีร่ ูอ้ ารมณ์ (อารมฺมณวชิ านนลกฺขณ)ํ เจตสิก เป็นธรรมชาตอิ าศัยจิตเกดิ (จติ ตฺ นสิ ฺสติ ลกฺขณ)ํ รปู เป็นธรรมชาตทิ ี่มีการผนั แปลเปลยี่ นแปลงสลายไป (รปุ ฺปนลกฺขณ)ํ นิพพาน เปน็ ธรรมชาติท่ีสงบจากรปู นามขนั ธ์ ๕ (สนฺตลิ กขฺ ณ)ํ คําวา่ จติ หมายความว่า ธรรมชาตทิ ่ีรูอ้ ารมณ์ (อารมฺมณวิชานนลกฺขณ)ํ มวี จนตั ถะแสดงวา่ อารมมฺ ณํ จนิ ฺเตตตี ิ จติ ตฺ ํ ธรรมชาติใด ย่อมร้อู ารมณ์ คอื ได้รับอารมณ์อยเู่ สมอ ฉะนน้ั ธรรมชาตนิ ัน้ ชอื่ ว่า จติ และเม่ือสรปุ ธรรมชาตขิ องจติ แลว้ มี ๓ อยา่ ง คอื / จิตเมอ่ื วา่ โดยสรุปแลว้ มี ๓ อย่าง คือ















~9~ กริยาชาติ ๖ จําแนกฉานจติ ทีม่ อี งคฌ์ าน ๒ โดยโลกเภทนยั คือ โลกียจติ ๑๘ รวม ๓๔ โลกตุ ตรจิต ๑๖ จําแนกฌานจติ ที่มอี งคฌ์ าน ๒ โดยเวทนาเภทนยั คอื โสมนสั สหคตจติ ๑๑ รวม ๓๔ อุเบกขาสหคตจิต จําแนกโลกียจติ โดยโสภณเภทนัย อโสภณจติ มี ๓๐ ดวง คือ อกศุ ลจติ ๑๒ อเหตุกจติ ๑๘ โสภณจติ มี ๕๑ ดวง คือ กามาวจรโสภณจติ ๒๔ รูปาวจรจติ ๑๕ อรปู าวจรจติ ๑๒ จาํ แนกโลกยี จติ โดยฌานเภทนัย อฌานจติ มี ๕๔ ดวง คอื อกศุ ลจิต ๑๒ อเหตกุ จิต ๑๘ กามาวจรโสภณจติ ๒๔ ฌานจิต มี ๒๗ ดวง คอื รูปาวจรจติ ๑๕ อรปู าวจรจติ ๑๒ ในกามาวจรจิต รูปาวจรจิต อรปู าวจรจติ มที ้ังกุศล วบิ าก กรยิ า แต่ในโลกุตตรจติ มีแตก่ ศุ ล วบิ าก ไมม่ ี กริยานน้ั เพราะเกีย่ วเน่ืองดว้ ยกุศล คือ กามาวจรกศุ ล รปู าวจรกศุ ล อรปู าวจรกุศล ทง้ั ๓ น้ี ย่อมเกดิ ข้ึนไดห้ ลาย ครั้งในบุคคลเดยี วกัน ส่วนในโลกุตตรกศุ ลนัน้ ในบคุ คลหน่งึ ๆ ย่อมเกิดข้นึ ไดเ้ พยี งครง้ั เดียวเทา่ นนั้ แลว้ กไ็ ม่มกี าร เกดิ อกี ต่อไป ดว้ ยเหตนุ ี้ กามาวจรกศุ ลและรปู าวจรกศุ ล อรปู าวจรกุศล ทงั้ ๓ น้ี เม่ือเกดิ ขนึ้ ในสันดานของปุถชุ น และผลเสกขบคุ คล ๓ นนั้ เรยี กว่ากุศล แตถ่ า้ เกดิ ในสนั ดานของพระอรหนั ต์ ... ฉะนน้ั ในโลกตุ ตรจิตจงึ ไม่มีกริยา. ลกั ษณะ ๔ ประการของเจตสิก คอื เจตสกิ สงั คหะ (ข้อ ๕-๗) ๑. เอกุปปาทะ เจตสกิ นี้เกดิ พร้อมกันกบั จิตเสมอ หมายความวา่ เมื่อจิตเกิดเจตสกิ กเ็ กดิ ข้นึ ด้วยกนั จะวา่ จติ เกิดก่อน เจตสิกเกดิ ทหี ลงั หรือเจตสิกเกดิ กอ่ นจติ เกดิ ทีหลงั นนั้ ไมไ่ ด้ ๒. เอกนโิ รธะ ในทํานองเดยี วกนั เม่อื จิตดบั เจตสิกกด็ บั ดว้ ยกนั ไมม่ ีใครดับกอ่ นหรอื ดับทีหลงั ๓. เอกาลมั พนะ อารมณท์ ่เี จตสกิ เข้าไปรับอยู่เปน็ อารมณเ์ ดยี วกันกบั ท่จี ติ เขา้ ไปรบั เชน่ จิตรับอารมณส์ ขี าว เจตสกิ กร็ ับสีขาวด้วย ๔ เอกวัตถุกะ ท่อี าศยั เกดิ ของเจตสิกเปน็ เชน่ เดียวกันกบั ที่อาศยั เกิดของจติ เช่น จิตอาศยั ตาเกิด เจตสกิ ก็อาศัยตาเกิดด้วย จติ อาศัยหัวใจเกดิ เจตสิกกอ็ าศยั หวั ใจเกิดดว้ ย ดงั น้ี ดงั มบี าลีแสดงว่า เอกปุ ปฺ าทนิโรธา จ เอกาลมพฺ นวตถฺ กุ า เจโตยตุ ตฺ า ทวฺ ปิ ญญฺ าส ธมมฺ า เจตสกิ า มตา นกั ศกึ ษาท้งั หลายพงึ ทราบ ธรรมชาติของเจตสกิ ซง่ึ มจี าํ นวน ๕๒ ดวง ที่ประกอบกับจติ มีลกั ษณะดงั นี้ คือ ๑. เกิดพรอ้ มกับจติ ๒. ดบั พรอ้ มกบั จิต ๓. มอี ารมณเ์ ดยี วกนั กับจติ ๔. มที อ่ี าศัยเกดิ อย่างเดียวกนั กบั จติ ในลกั ษณะ ๔ ประการน้นั เอกปุ ปาทะ เอกนโิ รธะ เอกาลมั พนะ ท้งั ๓ ประการนม้ี อี ยูใ่ นเจตสกิ โดยแนน่ อน สว่ นลักษณะท่ี ๔ คอื เอกวัตถุกะ นน้ั ไมม่ อี ยใู่ นเจตสกิ โดยแนน่ อน แปลคาถา เตรสญญฺ สมานา จ ฯลฯ ทวปิ ญญฺ าส ปวุจจฺ เร ดงั ตอ่ ไปนี้ แปลว่า ท่านกลา่ วจาํ นวนเจตสิกว่า มี ๕๒ คือ อัญญสมานเจตสกิ ๑๓ อกศุ ลเจตสิก ๑๔ โสภณเจตสกิ ๒๕ คาํ วา่ ราสี แปลวา่ กอง และในเจตสกิ ๕๒ ดวงนนั้ เมือ่ วา่ โดยราสีมี ๓ ราสี คอื ๑.) อญั ญสมานราสีเจตสิก ๒.) อกศุ ลราสเี จตสกิ ๓.) โสภณราสีเจตสิก ๑. อัญญสมานราสเี จตสิก มี ๑๓ ดวง คอื - สพั พจิตตสาธารณเจตสิก ๗ รวมเป็น อญั ญสมานเจตสกิ ๑๓ - ปกิณณกเจตสิก ๖ ๒. อกุศลราสเี จตสิก มี ๑๔ ดวง คอื - โมจตกุ เจตสิก ๔ - โลตกิ เจตสิก ๓ E-mail: [email protected], [email protected] ดาวน์โหลด์ ขอ้ ความเพ่ิมเติมที่ youtube หรอื fb: Kanrasi Sengking (link ทแ่ี ปะไว)้ ๒๖ ม.ค. ๖๑















~ 17 ~ ๒. ชอ่ื ว่า สปจั จยะ หมายความวา่ มปี ัจจัย ๔ ๓. ชอ่ื ว่า สาสวะ หมายความว่า เปน็ อารมณข์ องอาสวะ ๔. ชอ่ื ว่า สังขตะ หมายความวา่ ถูกปรุงแตง่ ดว้ ยปจั จยั ๔ ๕. ชื่อวา่ โลกยี ะ หมายความว่า เปน็ ธรรมทีส่ งเคราะหเ์ ขา้ ในสงั ขารโลก ๖. ชื่อวา่ กามาวจระ หมายความว่า เป็นอารมณ์ของกามตณั หา ๗. ช่ือวา่ อนารมั มณะ หมายความว่า ไมส่ ามารถรอู้ ารมณไ์ ด้ ๘. ชอ่ื วา่ อัปปหาตพั พะ หมายความวา่ ไม่ใช่ธรรมท่ีควรประหาณ แสดงรูปวภิ าคนัย คทู่ ี่ ๑ คทู่ ่ี ๕ คทู่ ่ี ๑๑ (ที่เคยออกสอบ) คูท่ ี่ ๑ อัชฌตั ตกิ รูป คือ รปู ภายใน มี ๕ ไดแ้ ก่ ปสาทรปู ๕ พาหริ รปู คือ รปู ภายนอก มี ๒๓ ไดแ้ ก่ รูปทเ่ี หลือ ๒๓ คู่ท่ี ๕ โอฬาริกรูป คอื รูปหยาบ หมายถงึ รูปทปี่ รากฏชดั มี ๑๒ ไดแ้ ก่ ปสาทรูป ๕ วสิ ยรูป ๗ สุขมุ รูป คือ รปู ละเอยี ด หมายถงึ รปู ท่ไี มป่ รากฏชดั มี ๑๖ ได้แก่ รปู ทีเ่ หลือ ๑๖ คู่ท่ี ๑๑ อวนิ พิ โภครปู คือ รูปทีแ่ ยกกันไม่ได้ มี ๘ ได้แก่ มหาภตู รูป ๔ รูปารมณ์ คันธารมณ์ รสารมณ์ อาหารรปู วนิ พิ โภครูป คือ รปู ท่ีแยกกันได้ มี ๒๐ ไดแ้ ก่ รปู ทเ่ี หลอื ๒๐ บอกความหมาย พรอ้ มองคธ์ รรมของรปู ดังตอ่ ไปน้ี ๑. อชั ฌัตติกรปู คือ รปู ภายใน มี ๕ ไดแ้ ก่ ปสาทรูป ๕ ๒. ทวารรปู คอื รูปท่ีเปน็ เหตุแหง่ การเกดิ ข้นึ ของปัญจทวารวถิ จี ิต และกายกรรมวจีกรรม มี ๗ ได้แก่ ปสาทรูป ๕ วญิ ญตั ิรปู ๒ ๓. อินทริยรปู คือ รูปท่ีเปน็ ใหญเ่ ปน็ ผ้ปู กครองในการเห็นเปน็ ตน้ มี ๘ ไดแ้ ก่ ปสาทรปู ๕ ภาวรปู ๒ ชวี ติ รปู ๑ ๔. โอฬาริกรูป คอื รูปหยาบ หมายถึง รูปทปี่ รากฏชัด มี ๑๒ ได้แก่ ปสาทรูป ๕ วสิ ยรปู ๗ ๕. อปุ าทนิ นรูป คอื รูปทเ่ี กดิ จากอกศุ ลกรรมและโลกยี กุศลกรรม มี ๑๘ ได้แก่ กัมมชรปู ๑๘ สนทิ สั สนรูป แปลวา่ รูปที่เหน็ ด้วยตาได้มี ๑ ได้แก่ รูปารมณ์ ๖. อวนิ พิ โภครปู คอื รูปทแ่ี ยกกนั ไมไ่ ด้ มี ๘ ได้แก่ มหาภตู รูป ๔ รปู ารมณ์ คันธารมณ์ รสารมณ์ อาหาระ ๗. กัมมชรปู คือ รปู ทเ่ี กิดจากกรรม มี ๑๘ ได้แก่ ปสาทรปู ๕ ภาวรปู ๒ หทยรปู ๑ ชีวติ รูป ๑ อวินพิ โภครปู ๘ ปรจิ เฉทรูป ๑ ๘. จิตตชรูป คอื รปู ท่เี กิดจากจติ มี ๑๕ ได้แก่ วญิ ญตั ิรูป ๒ สทั ทารมณ์ ๑ วิการรูป ๓ อวนิ พิ โภครปู ๘ ปรจิ เฉทรปู ๑ ๙. จักขทุ สกกลาป หมายถงึ กลาปทม่ี จี าํ นวนรูป ๑๐ มจี กั ขปุ สาทเปน็ ประธาน ได้แก่ อวินพิ โภครปู ๘ ชวี ติ รูป ๑ จักขปุ สาท ๑ ๑๐. สทั ทนวกกลาป หมายถงึ กลาปท่มี จี าํ นวนรปู ๙ ไดแ้ ก่ อวนิ พิ โภครูป ๘ สทั ทะ ๑ แสดงอชั ฌตั ตกิ รปู วัตถุรปู ทวารรปู อินทริยรปู โอฬาริกรูป ที่เกิดในศีรษะของทา่ น ..... อัชฌัตติกรปู ทีเ่ กิดในศรี ษะของขา้ พเจา้ มี ๕ คอื ปสาทรปู ๕ วตั ถุรปู ทเ่ี กิดในศีรษะของขา้ พเจ้า มี ๕ คือ ปสาทรูป ๕ ทวารรูป ท่ีเกดิ ในศรี ษะของข้าพเจ้า มี ๗ คือ ปสาทรปู ๕ วญิ ญตั ิรูป ๒ อินทริยรปู ท่เี กิดในศีรษะของข้าพเจ้า มี ๗ คอื ปสาทรูป ๕ อิตถีภาวรูป หรือปุริสภาวรูป ๑ ชวี ิตรูป ๑ โอฬารกิ รูป ท่ีเกิดในศีรษะของข้าพเจ้า มี ๑๒ คือ ปสาทรูป ๕ วสิ ยรปู ๗ แสดงจํานวนของ กรรม จิต อตุ ุ อาหาร ทีส่ ามารถทําให้รูปเกดิ ข้นึ ได้โดยเฉพาะ ... กรรม ไดแ้ ก่ กรรม ๒๕ คอื เจตนาที่อยใู่ นอกุศลจิต ๑๒ มหากศุ ลจติ ๘ รปู าวจรกศุ ลจติ ๕ รวมเปน็ กรรม ๒๕ E-mail: [email protected], [email protected] ดาวนโ์ หลด์ ข้อความเพ่ิมเติมท่ี youtube หรือ fb: Kanrasi Sengking (link ทแ่ี ปะไว)้ ๒๖ ม.ค. ๖๑










Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook