Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เฉลยข้อสอบพระอภธิรรมชั้น มัชฌิมอาภิธรรมิกะโท

เฉลยข้อสอบพระอภธิรรมชั้น มัชฌิมอาภิธรรมิกะโท

Published by WATKAO, 2021-01-22 06:50:39

Description: เฉลยข้อสอบพระอภธิรรมปีการศึกษา ๒๕๔๓-๒๕๖๑
อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ชั้น มัชฌิมอาภิธรรมิกะโท

Keywords: เฉลยข้อสอบพระอภธิรรมชั้น มัชฌิมอาภิธรรมิกะโท

Search

Read the Text Version

มัชฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 50 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน สว นอนจิ จานปุ สสนา ทุกขานปุ สสนา อนตั ตานปุ สสนา เปน ผรู อู าการบญั ญัตดิ ังกลา วแลว } (51, 54, 55) อาการบัญญตั ขิ องรปู นามขันธ ๕ เปน อารมั มณธรรม จัดเปน อารมณของอนุปสสนาทงั้ ๓ ได สําหรบั อาการบัญญตั ขิ องนพิ พานและสัททบัญญตั ิ อตั ถบญั ญตั ิ เปน อารมั มณธรรม ไดเหมอื นกัน แตไ มจดั เปน อารมณข องอนปุ ส สนาทงั้ ๓ หรอื ของวปิ ส สนาญาณ ๙ แตป ระการใด ๖. จงแสดงความตา งกนั ระหวาง อนจิ จัง ทุกขัง อนตั ตา กับ อนิจจลกั ษณะ ทกุ ขลกั ษณะ อนัตตลกั ษณะ ? [P] 50 ตอบ อนิจจงั และทกุ ขงั ทัง้ ๒ นเี้ หมือนกัน ไดแ ก สงั ขตธรรม คอื รปู นามขนั ธ ๕ ทีเ่ ปน ปรมตั ถอ ยางเดียว สว นอนตั ตาน้ัน ตา งจากอนิจจังและ ทกุ ขงั ไดแ ก สังขตธรรมและอสงั ขตธรรม คอื รูปนามขนั ธ ๕ นิพพาน และบญั ญตั ิ ซงึ่ เปนไปในธรรมทง้ั หมด ดังนนั้ สมเด็จพระผูมพี ระภาคเจาจึงตรสั เทศนาวา สพฺเพ สงขฺ ารา อนจิ จฺ า สพเฺ พ สงขฺ ารา ทกุ ขฺ า สพเฺ พ ธมฺมา อนตฺตา ดงั นี้ สว นคาํ วา อนิจจลกั ษณะ ทกุ ขลกั ษณะ อนัตตลักษณะน้นั ไดแก อาการบัญญตั ิ คอื ความเปน ไปแหง รูปนามขนั ธ ๕ นพิ พาน บญั ญตั ิ หาใชเปน ตัวสภาวะปรมตั ถ และสัททบัญญตั ิ อัตถบัญญตั ิ แตป ระการใดไม ฉะน้ัน อาการบญั ญตั ขิ องรปู นามขันธ ๕ ก็ไดแ ก อาการทด่ี ับไปสน้ิ ไป นน้ั เอง อาการบัญญตั ขิ องนพิ พาน กไ็ ดแ ก อาการทไ่ี มม ีการเกดิ ดับ มแี ตความสงบจากกิเลสขันธ ๕ ทัง้ ปวง อาการบญั ญตั ขิ องสทั ทบัญญตั แิ ละอตั ถบัญญตั ิ กไ็ ดแก อาการทไี่ มม กี ารเกดิ ดบั ขอ ๗ ๗. มัคคญาณท้ัง ๔ มีโสดาปตตมิ รรคเปน ตน แตล ะมรรคประหาณสังโยชนไ ดเ ทา ไร คอื อะไรบา ง ? [P] 57 ตอบ โสดาปต ติมรรค ประหาณสงั โยชนไ ด ๕ อยางคอื ๑. สกั กายทิฏฐิ ๒. วิจกิ ิจฉา ๓. สีลัพพตปรามาส ๔. อปายคมนิยกามราคะ ๕. อปายคมนิยปฏิฆะ สกทาคามมิ รรค ประหาณสงั โยชนไ ด ๒ อยาง คอื กามราคะ และปฏฆิ ะทไ่ี มเปนอปายคมนยิ ะชนดิ ท่ี เปนโอฬาริกะ คอื อยางหยาบ อนาคามมิ รรคประหาณสงั โยชนไ ด ๒ อยา งคอื กามราคะและปฏฆิ ะที่ไมเปนอปายคมนยิ ะชนดิ ทเ่ี ปน สขุ ุ มะ คอื อยา งประณตี (รวมมรรคเบือ้ งตํ่า ๓ ประหาณสังโยชนทเี่ ปนโอรัมภาคิยะได ๕ ประการ คือ ๑. สกั กายทิฏฐิ ๒. วิจกิ ิจฉา ๓. สลี ัพพตปรามาส ๔. กามราคะ ๕. ปฏิฆะ อรหัตตมรรค ประหาณสงั โยชนท ่เี ปน อุทธัมภาคยิ ะได ๕ ประการ คือ ๑. รปู ราคะ ๒. อรปู ราคะ ๓. มานะ ๔. อุทธัจจะ ๕.อวิชชา ๗. วิปส สนาญาณ ๑๐ น้นั มีอะไรเปน อารมณ และอารมณเหลา นี้ เปน ปรมตั ถหรอื เปน บญั ญตั ิ นักศกึ ษาช้นั มัชฌมิ โท ท่ศี ึกษาวปิ ส สนากรรมฐานมาแลว จงวจิ ารณอ ารมณเหลานี้ ใหส มเหตสุ มผล ตามท่เี ขาใจ? (ใหต อบอยา งนอ ย ๕ บรรทัดข้ึนไป) ? [P] 44 ตอบ วิปส สนาญาณ ๑๐ นนั้ มีอนจิ จลักษณะ ทุกขลักษณะ อนตั ตลักษณะ อยางใดอยา งหนง่ึ เปนอารมณ ขอวิจารณด ว ยเหตผุ ลวา ลกั ษณะ ๓ หรือไตรลกั ษณเ หลา น้ี เปน ปรมตั ถหรอื เปน บญั ญตั ิ กไ็ ดทง้ั ๒ อยา ง ทีว่ า เปนปรมตั ถนนั้ เพราะวาสังขารธรรมรปู นามขนั ธ ๕ ท่ีเปน ปรมตั ถนนั้ แหละเปน เครอ่ื งหมายหรอื เปน อาการท่ี ปรากฏใหร ูไ ด ทา นจงึ เรียกวา เปนปรมตั ถ เหมอื นกันกับการเรียก อนปิ ผนั นรปู วา เปน รปู ถา นิปผนั นรูปไมมแี ลว อนิปผันนรปู กไ็ มม ี อนปิ ผันนนรปู เปน ลกั ษณะเครื่องหมายหรือเปน อาการของนิปผนั นรปู ฉะนั้น จงึ เรยี กอนิ ปผนั นรูปวาเปน รปู ปรมัตถได ท่วี า เปนบญั ญตั ิ หมายถงึ เปน วชิ ชมานบัญญตั ิ คอื เปน บญั ญตั ทิ มี่ สี ภาวปรมตั ถป รากฏอยู หรอื เปน อาการบัญญัติ เพราะเปน อาการทดี่ บั ไปส้ินไปของรปู นามขนั ธ ๕ นน้ั เอง หาใชเ ปน ตวั ปรมตั ถ คอื รปู นามขันธ ๕ ที่เปน อนิจจธรรม (ธรรมทไ่ี มเท่ียง)ทุกขธรรม (ธรรมที่เปน ทุกข) อนตั ตธรรม (ธรรมทเี่ ปนอนัตตา) แตป ระการใด ดาวนโหลดขอ มูลตางๆไดจาก ขอ ความเพม่ิ เติมที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑

มัชฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 51 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ไมเปน เพยี งเครือ่ งหมายหรือเปนอาการของปรมัตถเ ทานนั้ ๗. อนจิ จัง อนจิ จตา อนจิ จลักขณะ ทั้ง ๓ คาํ น้ี หมายถงึ อะไร และคาํ วาอนิจจตา กับอนิจจลักขณะท้ังสองนี้ เหมือนกันหรือตางกนั อยา งไร ? [P] 47, 53(5), 61 ตอบ อนจิ จงั หมายถึง รปู นามขันธ ๕ ท่ีไมเ ท่ยี งดังทวี่ สิ ทุ ธมิ รรคอรรถกถาแสดงวา รปู นามขันธ ๕ ชอื่ วา อนิจจงั เพราะวา มกี ารวปิ รติ ผดิ แปลกเปลยี่ นไป ดว ยความเกดิ ดับและเปน อยางอนื่ หรืออีกนัยหนงึ่ เกดิ ขนึ้ แลว กลบั เส่อื มสนิ้ ดบั ไปไมมีเหลอื อนจิ จตา หมายถึง ความเปน อยูคือสน้ิ ไปดับไปอยูเรื่อยๆ ตดิ ตอกันของสงั ขตธรรมท่ีไมเ ท่ยี ง หรือในวิ สุทธิมรรคอรรถกถาแสดงวา อนิจฺจตา กไ็ ดแกความเกดิ ข้ึนเสือ่ มไปและเปน อ่ืนไป หรอื เกดิ ขน้ึ แลว กด็ ับไปไมมี เหลอื อธิบายวา ความที่เบญจขันธท้งั หลายเกิดขึน้ แลว ไมต ั้งอยตู ามอาการนัน้ แตกสลายไปโดยการดบั ไปแหง ขณะคือดับไปทกุ ภังคกั ขณะ อนจิ จลักขณะ หมายถงึ เครือ่ งหมายของสังขตธรรมที่ไมเทยี่ ง หรอื ความเปน อยูค อื สนิ้ ไปดับไปอยู เร่ือยๆ ตดิ ตอ กนั ของสงั ขตธรรมทไ่ี มเทยี่ งนนั้ แหละเปน เครื่องหมายใหร ูไ ดจ ําได (53) อนิจจตา กับอนจิ จลักขณะทั้ง ๒ น้ี เมอื่ วาโดยเนอื้ ความแลว เหมือนกนั คอื ตา งกเ็ ปนอารมณข องอนิจจา นุปสสนาดว ยทงั้ สองคาํ แตเ มอ่ื วา โดยพยัญชนะแลว ตา งกนั (47) อนจิ จตา กับอนิจจลักขณะทั้งสองนี้ เม่ือวาโดยเนื้อความแลวเหมอื นกัน แตวา โดยพยัญชนะแลวตางกนั ท่วี าเหมอื นกัน นั้นคือ เปนคําที่ใชแ ทนกันได และเปน อารมณข องอนจิ จานุปสสนาดว ยกนั ดังมหี ลักฐานแสดงวา อนิจฺจานปสุ ฺสนาติ ตสฺสา อนิจจฺ ตาย วเสน รูปาทีสุ อนจิ จฺ นตฺ ิ อนปุ สสฺ นา แปลความวา การพิจารณาเหน็ ในรูปธรรมเปน ตนวา ไมเท่ียง ดวยอาํ นาจแหงอนิจจตา(หรือแปลวา แหงอนจิ จลักขณะ) นั้นช่อื วาอนิจจานปุ สสนา หรอื วจนตั ถะขอ ที่ ๒ ของอนิจจานปุ ส สนากแ็ สดงไวช ดั เจนวา อนจิ ฺจตาย อนุปสสฺ นา = อนจิ ฺจานปุ สฺสนา แปลวา การพิจารณารูเห็นความไมเ ทย่ี งอยูเนือง ๆ ช่อื วาอนจิ จานปุ สสนา ๗. ในวโิ มกขเภทเหลานนั้ จงแสดงอนัตตานปุ ส สนา และทุกขานปุ ส สนา ซงึ่ เกดิ ข้นึ เปนไปอยา งไร จึงเขา ถงึ ความเปน ไปวิโมกขมขุ เพราะเหตนุ น้ั ถาวฏุ ฐานคามนิ ีวปิ สสนาเห็นแจงอยางไร อรยิ มรรคจงึ มีช่ือวา อยา งนน้ั ดวยสามารถแหง การดาํ เนนิ มาของญาณอะไร ? [P] 59 ตอบ ในวิโมกขเภทเหลานั้น อนัตตานุปส สนา การพจิ ารณารเู ห็นอยเู นืองๆ โดยความเปน อนตั ตา ละการยดึ มั่นอตั ตาเสยี ได จดั เปน วโิ มกขมขุ ชื่อวา สุญญตานปุ ส สนา การหลดุ พนดวยการพจิ ารณาเห็นวาเปนของสญู เพราะเหตนุ ้นั ถา วุฏฐานคามินวี ปิ สสนา เห็นแจงโดยความเปนอนัตตา อริยมรรคชอื่ วา สญุ ญตวิโมกข ฉะน้นั อรยิ มรรคจงึ มีชอ่ื วา สุญญตวโิ มกข ดว ยสามารถแหงการดําเนินมาของอนตั ตานปุ สสนาญาณ ทกุ ขานุปส สนา การพิจารณารูเหน็ อยเู นือง ๆ โดยความเปน ทกุ ข ละตณั หาปณิธเิ สียได จดั เปนวิโมกข- มขุ ช่อื วา อัปปณหิ ติ านุปส สนา การหลุดพน ดว ยการพจิ ารณาเหน็ วา ไมเปนทต่ี ั้งแหงตัณหา เพราะเหตนุ ั้น ถา วุฏฐานคามนิ วี ปิ สสนาเหน็ แจง โดยความเปน ทุกข อรยิ มรรคช่อื วา อปั ปณหิ ติ วโิ มกข ฉะน้ัน อริยมรรคจงึ มชี ่อื วา อัปปณหิ ติ วิโมกข ดวยสามารถแหงการดําเนนิ มาของทุกขานปุ ส สนาญาณ ๗. ใหอ ธบิ ายเชิงวเิ คราะห เรอื่ งท่เี กี่ยวกบั วิปส สนา พอใหไดเ นื้อหาสาระ? (เขยี นไมน อ ยกวา ๕ บรรทัด) 45 ตอบ วิปส สนา แปลวา ปญ ญาทเี่ ห็นแจง เปนพิเศษ หมายความวา ผทู ี่สนใจในการปฏิบตั วิ ปิ สสนา ตอ งมี ความเขา ใจในเรื่องการปฏบิ ตั ิวปิ สสนาพอสมควร กลา วคอื ผูป ฏิบตั ติ อ งมสี ติระลกึ อยใู นอารมณข องวิปส สนา ซง่ึ ไดแ ก ขันธ ๕ อายตนะ ๑๒ เปน ตน ตอ งมสี มั ปชญั ญะคอยรตู ัวอยทู กุ ๆ อิรยิ าบถนอย และอิริยาบทใหญ และตอ งมคี วามขยนั หมั่นเพยี รในการปฏบิ ตั ิ เปนไปตดิ ตอ กัน ทงั้ กลางวนั และกลางคนื สวนอารมณค อื ขนั ธ ๕ อายตนะ ๑๒ เปน ตน นน้ั ตอ งพิจารณาใหเ หน็ อยางแจม แจงชดั เจน ในขณะทอ่ี ารมณเ หลาน้ี มาปรากฏทางตา หู จมกู ลิ้น กาย และทางใจ ก็กําหนดพิจารณาจนใหเ ห็นชดั วา เปนแตเ พียงนามธรรม รูปธรรมเทา น้นั ไมใช ดาวนโหลดขอมูลตางๆไดจาก ขอ ความเพิ่มเตมิ ท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑

มัชฌมิ อาภิธรรมิกะโท 52 ปฏิจจสมปุ บาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน เห็นเปนคน เปน สตั ว เปน วตั ถสุ ่ิงของเร่อื งราวตา ง ๆ อนั เปน บญั ญตั ิ แลวกพ็ จิ ารณาตอไปถึงความเกิดขน้ึ ต้งั อยู และดบั ไปของนามรปู เหลา น้ี จนเหน็ เปน อนจิ จลกั ษณะ ทุกขลักษณะ หรืออนัตตลักษณะ การพจิ ารณาเหน็ เชนนแ้ี หละเรียกวา ปญญาทเี่ ห็นแจง เปน พเิ ศษ จดั เปน วปิ สสนา ญาณตางๆ มนี ามรปู ปริจเฉทญาณเปน ตน ก็ จะเกดิ ขนึ้ ดาํ เนินไปตามวถิ ีของวิปส สนา ผลสุดทา ย กจ็ ะไดบ รรลมุ รรค ผล นิพพาน ๗. ข. ตเิ หตุกปถุ ุชน ทเี่ จริญวิปส สนามาโดยถูกตองแลว จะเกิดวิปส สนูปกเิ ลสทุกคนหรือไม เพราะเหตไุ ร จงอธบิ ายพอใหไดเนอ้ื ความ ? [P] 49, 56(5ข), 59(6ข) ตอบ ข. ตเิ หตุกปถุ ชุ น ทเี่ จรญิ วปิ ส สนามาโดยถูกตอ งแลว จะตอ งเกิดวปิ สสนูปกิเลสทกุ คน เพราะวาเมื่อได ปฏิบัติมาตามลาํ ดับ จนบรรลถุ ึงตรณุ อทุ ยพั พยญาณ ตรณุ อุทยพั พยญาณ ก็จะบรสิ ทุ ธย์ิ ่งิ ขึน้ กาํ ลังสมาธกิ ็ดีข้ึน มากดว ย ทาํ ใหจิตใจผอ งใส เปนเหตุใหเกดิ วปิ สสนปู กิเลส เมอื่ จติ ใจผองใสกาํ ลงั สมาธดิ ขี ้นึ พระโยคกี ็ไมมคี วาม ฟุงซา น กาํ หนดรวู า ธรรมทงั้ หลายมีโอภาสเปน ตน มิใชมรรค แตวปิ สสนาญาณทีพ่ น จากวปิ ส สนปู กิเลส ดําเนนิ ไปตามวถิ ีเปน มรรค ปญ ญาทีร่ ูว า มรรคและมิใชม รรคเกิดขึน้ เปน อนั วา พระโยคีนัน้ บรรลถุ งึ มคั คามคั คญาณทสั สนวิสทุ ธิ และวสิ ุทธขิ อนจ้ี ะเกดิ ไดน น้ั ก็ตองมวี ิปส สนปู กิเลสเกดิ ข้นึ กอ น ๗. การนอนเน่อื งของอนุสยั กิเลสนม้ี ีอยูกปี่ ระการ? คอื อะไรบาง? และอนุสัยกิเลสเหลานนั้ ประหาณไดด ว ยญาณอะไร? ใหแสดงโดยสงั เขป ? [P46] 43,44(6), 51, 55, 58 ตอบ การนอนเน่อื งของอนสุ ัยกเิ ลสน้ีมีอยู ๒ ประการ คอื ๑. กิเลสท่นี อนเนอ่ื งอยใู นการเกดิ ขึ้นสบื ตอ แหงรปู นาม ชื่อวา สนั ตานานสุ ยกิเลส ๒. กิเลสทน่ี อนเนอื่ งอยใู นอารมณท่ีเปน ปย รปู สาตรูป อปยรูป อสาตรปู ช่ือวา อารมั มณานุสยกเิ ลส ในอนสุ ยั กิเลส ๒ ประการเหลานี้ มรรคญาณทั้ง ๔ ทําการประหาณสนั ตานานสุ ัยกเิ ลส วิปสสนาญาณ ทมี่ รี ูปนามเปน อารมณ ทาํ การประหาณอารัมมณานุสัยกิเลส ฉะนน้ั อนุสยั กเิ ลสทอี่ นิจจานุปสสนาเปน ตน ได ประหาณไปนนั้ เปน อารมั มณานุสยั กเิ ลส สว นสนั ตานานุสยั กเิ ลสน้นั เมือ่ ยังเปนปถุ ชุ นอยตู ราบใด สันตานานุสยั กิเลส กย็ งั คงมอี ยูเ ตม็ ทีเ่ ปน ปกติ โดยอาการท่ียงั มิไดถกู ประหาณลงเลยแมแ ตเ ล็กนอ ย อยตู ราบนน้ั สาํ หรบั อารมั มณาสสุ ยั กิเลสน้ัน เมอ่ื วปิ ส สนา ญาณของพระโยคไี ดเ ขา ถงึ ขนั้ ภงั คญาณ อารัมมณานสุ ัยกิเลสกถ็ ูกประหาณลงทนั ทตี ั้งแตญ าณน้ีเรือ่ ยๆ ไป ๗. ก. วฏุ ฐานคามินีวปิ ส สนา หมายความวา อยางไร และวปิ ส สนาญาณอะไร ท่ีจัดเปนวุฏฐานคามินวี ิปส สนา ถาญาณน้ีเกดิ ข้นึ แลว จะไดสาํ เร็จมรรคผลหรอื ไม เพราะเหตไุ ร ? [P] 52, 56(6ก) ข. โสฬสญาณ แปลวาอยางไร คือญาณอะไรบาง ? [P246] 52, 56(6ก) ตอบ ก. วุฏฐานคามินีวปิ สสนา หมายความวา วิปส สนาทถี่ งึ การออกไป คอื มกี ารสืบตอ กันกับมรรค และ วิปสสนาญาณท่จี ัดเปน วฏุ ฐานคามินีวปิ ส สนา ไดแ ก สงั ขารุปเปกขาญาณตอนปลาย และ อนุโลมญาณ ถา ญาณนเี้ กดิ ขึน้ แลว จะไดสาํ เร็จมรรคผลแนนอน เพราะวฏุ ฐานคามนิ ีวิปส สนาน้ี สืบตอกนั กับมรรค และมรรค กช็ ื่อวา วฏุ ฐานะ ท่ีแปลวา เพราะออกจากวตั ถทุ ีย่ ดึ อนั เปน นมิ ิต ข. โสฬสญาณ แปลวา ญาณ ๑๖ คือ ๑. นามรูปปริจเฉทญาณ ๒. ปจจยปรคิ คหญาณ ๓. สมั มสนญาณ ๔. อุทยพั พยญาณ ๕. ภงั คญาณ ๖. ภยญาณ ๗. อาทนี วญาณ ๘. นพิ พิทาญาณ ๙. มญุ จติ ุกมั ยตาญาณ ๑๐. ปฏิสังขาญาณ ๑๑. สังขารเุ ปกขาญาณ ๑๒. อนโุ ลมญาณ ๑๓. โคตรภญู าณ ๑๔. มัคคญาณ ๑๕. ผลญาณ ๑๖. ปจ จเวกขณญาณ *************************** การสอบไมใ ชทส่ี ุดของชีวิต แตข อใหตงั้ จิตศกึ ษาและทรงจํา เพ่อื ธาํ รงและรักษาไวซ ึ่งพระศาสนา รอู รรถะและพยญั ชนะ ท้งั เขา ใจและเขาใหถงึ ธรรมะ แมยังมิบรรลคุ ณุ ธรรมอนั สูงถงึ ข้ันอริยะ กข็ อจงเปนผรู ธู รรมะ (ตามสมควร) และจงเปนผูม ีธรรมะ ดาวนโ หลดขอ มูลตา งๆไดจ าก ขอความเพ่มิ เติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑

มชั ฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 53 ปฏิจจสมุปบาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน วายเมเถว ปุรโิ ส ยาว อตถฺ สฺส นิปปฺ ทา เกดิ เปน คนควรจะพยายาม จนกวาจะประสบความสาํ เรจ็ สําเนาประกอบการเรยี นหรือแจกโดยไมตองขออนุญาต (สงวนสทิ ธใ์ิ นการจําหนา ย) ผดิ -ตกขออภยั และกรณุ าแจงดวยคะ ที่ 081-860-2466, Line ID: 081-860-2466, fb: Kanrasi Sengking, E-mail: [email protected], [email protected] ขออนโุ มทนาในการศึกษาธรรมะ และทุกๆกุศลทท่ี านกระทาํ ไวด แี ลว และท่จี ะกระทาํ ในอนาคต ใหเราน้นั มปี จ จัยถงึ พรอ มเพอ่ื การทํากศุ ลใหส าํ เร็จโดยสะดวก งา ยดาย และเรว็ ไว จนถึงมคั คกศุ ล โดยเรว็ พลันเทอญ ดาวนโ หลดขอ มลู ตางๆไดจ าก ขอ ความเพ่มิ เติมที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑

มชั ฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 54 ปฏจิ จสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน เฉลยขอ สอบสัมภาษณพ ระอภิธรรม ภาคเรียนท่ี ๒ ปก ารศกึ ษา ๒๕๔๓-๒๕๖๑ อภิธรรมโชตกิ ะวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ช้นั มัชฌมิ อาภธิ รรมิกะโท สอบวนั ที่สาม วนั อาทติ ยท.ี่ ....... ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕........ วชิ า : ปฏจิ จสมปุ บาท สมถะ วปิ สสนา ๖ ขอ ๓๐ คะแนน เวลา ๑๕ นาที ขอ ๑ ๑. ก. คาถาคาํ ปฏญิ ญาของพระอนรุ ทุ ธาจารยมี เยสํ สงขฺ ตธมมฺ าน”ํ เปน ตน นั้น แปลวาอยา งไร ? [P] 47ส, 49ส, 50ส, 54ส, 57ส, 59ส ตอบ ก. แปลวา ธรรมทง้ั หลายเหลา ใด คอื สงั ขตธรรม อสงั ขตธรรม และบัญญัตธิ รรม เปนปจ จยั ชว ย อปุ การะ แกป จจยุปบันธรรมเหลาใด คือสงั ขตธรรม โดยอาการตา งๆ มเี หตุสตั ติ อารมั มณ-สัตตเิ ปนตน บัดนี้ ในปจจยสงั คหะนี้ ขาพเจาจะแสดงซงึ่ ประเภทตางๆ กนั แหงอาํ นาจการอุปการะของปจจัย และ ปจ จยุปบนั เหลา นนั้ ตามสมควร ๓. โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัสสะ อุปายาสะ มีองคธ รรมวา อยางไร ? [P] 48ส ตอบ โสกะ ไดแ ก โทมนสั เวทนา ทใ่ี นโทสมลู จิต ๒ ปรเิ ทวะ ไดแ ก จติ ตชวปิ ปลาสสทั ทะ ท่ีเกดิ ขน้ึ โดยมกี ารรองไหราํ พันเพราะอาศยั พยสนะ ๕ อยา ง ทกุ ขะ ไดแ ก เวทนาเจตสกิ ท่ใี นทกุ ขสหคตกายวิญญาณจติ ๑ โทมนสั สะ ไดแ ก โทมนัสเวทนา ท่ใี นโทสมลู จติ ๒ อปุ ายาสะ ไดแ ก โทสเจตสกิ ทีใ่ นโทสมลู จติ ๒ ๑. ปฏิจจสมุปบาท หมายความวา อยา งไร วาโดยองค มีเทา ไร คอื อะไรบาง ? [P] 44ส ตอบ ปฏิจจสมปุ บาท หมายความวา ธรรมทเี่ ปนเหตุ ทที่ ําใหผ ลธรรมเกดิ ข้ึนสมํา่ เสมอพรอ มกัน โดยอาศัย ความพรอ มเพรียงแหงปจจยั ทีเ่ ก่ียวกบั เหตุนน้ั ๆ วา โดยองคธรรมมี ๑๒ คือ ๑. อวชิ ชา ๒. สังขาร ๓. วิญญาณ ๔. นามรปู ๕. สฬายตนะ ๖. ผัสสะ ๗. เวทนา ๘. ตัณหา ๙. อุปาทาน ๑๐. ภวะ ๑๑. ชาติ ๑๒. ชรามรณะ ๑. ข. (คําวา ) ปฏิจจสมุปบาทหมายความวา อยา งไร ? 50ส, 53ส วา โดยประเภทอยางยอ มเี ทาไร คอื อะไรบา ง ? [P] 47ส, 49ส, 59ส, 61(ก) ตอบ ข. ปฏจิ จสมปุ บาท หมายความวา ธรรมท่ีทําใหผ ลธรรมเกดิ ขึ้นสม่ําเสมอพรอ มกัน โดยอาศัยความ พรอมเพรยี งแหง ปจ จยั ที่เกี่ยวเนื่องกบั เหตุนนั้ ๆ วา โดยประเภทอยา งยอ มี ๑๘ คือ ๑. อวชิ ชา ๒. สังขาร ๓. วิญญาณ ๔. นามรปู ๕. สฬายตนะ ๖. ผัสสะ ๗. เวทนา ๘. ตัณหา ๙. อุปาทาน ๑๐. ภวะ ๑๑. ชาติ ๑๒. ชรา ๑๓. มรณะ ๑๔. โสกะ ๑๕. ปรเิ ทวะ ๑๖. ทุกขะ ๑๗. โทมนัสสะ ๑๘. อุปายาสะ ๑. ก. คาํ วา ปฏิจจสมุปบาท ปจ จยั ปจ จยุปบนั หมายความวา อยา งไร ? [P] 48ส ตอบ ก. ปฏิจจสมปุ บาท หมายความวา ธรรมทเี่ ปนเหตุ ท่ที าํ ใหผลธรรมเกิดขึน้ สมาํ่ เสมอพรอ มกัน โดยอาศัยความพรอ มเพรียง แหง ปจ จยั ทเี่ ก่ยี วเนอื่ งกบั เหตนุ น้ั ๆ ปจจัย หมายความวา เปน เหตขุ องผลทเี่ กย่ี วเนอื่ งดว ยเหตนุ ้ัน ๆ ปจจยุปบนั หมายความวา เปนผลทีเ่ กดิ ขนึ้ โดยอาศัยธรรมท่ีเปนเหตนุ น้ั ๆ ๑. ก. ปจจยั และปจ จยุปบนั หมายความวาอยางไร ? 43ส, 44ส(2ก),58ส(1ข),60ส(1ข) ๑๑ ธ.ค. ๖๑ ข. ธรรมทเ่ี ปนปจจัยและปจ จยุปบนั ไดท้งั ๒ ไดแกอะไร และธรรมทีเ่ ปนปจจยั ได ดาวนโหลดขอ มลู ตา งๆไดจ าก ขอ ความเพิม่ เตมิ ท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว)

มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 55 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญัติ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน แตเ ปนปจจยุปบนั ไมไ ดไดแกอ ะไร ? [P] 54ส, 57ส ตอบ ก. ปจ จยั หมายความวา เปนเหตุของผลทเ่ี กยี่ วเน่อื งดว ยเหตนุ ้ัน ๆ ปจจยุปบนั หมายความวา เปนผลทเ่ี กิดข้ึนโดยอาศยั ธรรมท่ีเปน เหตุน้นั ๆ สรุปความวา ปจจยั ไดแ ก ธรรมทเ่ี ปนเหตุ ปจจยุปบนั ไดแก ธรรมทเี่ ปนผล ข. ธรรมที่เปน ปจ จัยและปจจยปุ บันไดทง้ั ๒ ไดแก จิต ๘๙ เจตสกิ ๕๒ รปู ๒๘ และธรรมทเ่ี ปน ปจจยั ไดแ ตเ ปนปจจยปุ บันไมไ ด ไดแก นพิ พาน บัญญตั ิ ๑. ก. คําวา ปจฺจยา ทอ่ี ยใู นคาถาปฏญิ ญาแหงปจจยสงั คหะนนั้ แปลวาอะไร มีก่ีอยาง คืออะไรบา ง ? [P] 53ส, 55ส, 58ส, 60 ข. ธรรมทเี่ ปน ปจ จัยทแ่ี สดงในปฏิจจสมปุ บาทและปฏ ฐานนั้นตา งกนั อยา งไร ? [P7] 43ส ตอบ ก. คาํ วา ปจจฺ ยา แปลวา เปน ปจจยั ชว ยอปุ การะ (อุปการกา) การชว ยอปุ การะมี ๒ อยา งคือ ๑. ชว ยอปุ การะแกปจจยปุ บนั ธรรมทย่ี งั ไมเกดิ ใหเ กดิ ขึ้นอยา งหนึง่ ๒. ชว ยอปุ การะแกปจ จยปุ บันธรรมทเ่ี กดิ ขน้ึ แลว ใหต้ังมน่ั และเจริญขึน้ อยางหนง่ึ ข. ธรรมทเี่ ปนปจจยั ทแ่ี สดงในปฏจิ จสมปุ บาทนนั้ เปน ปรมัตถลว นๆ ไมม ีบญั ญตั ิเขา เจอื ปนดวยเลย สว นธรรมทเี่ ปนปจจยั ทแี่ สดงในปฏฐานน้ัน มีทั้งปรมตั ถแ ละบัญญตั ิ ดวยเหตนุ ี้ พระอนุรทุ ธาจารย จึงไดแ สดงบัญญัตติ างๆ ไวในสุดทา ยแหงปริจเฉทนี้ ๑. ก. ปฏจิ จสมุปปบาทธรรม หมายความวา อยางไร ? มีเทาไร ? คอื อะไรบาง ? [P] 45ส, 56ส ๖. ผสั สะ ตอบ ก. ปฏิจจสมปุ บาทธรรม หมายความวา ธรรมท่เี ปนเหตุ มี ๑๑ คอื ๑. อวิชชา ๒. สังขาร ๓. วญิ ญาณ ๔. นามรปู ๕. สฬายตนะ ๗. เวทนา ๘. ตณั หา ๙. อุปาทาน ๑๐. ภวะ ๑๑. ชาติ ๒. ก. ปฏจิ จสมปุ บาทธรรม หมายความวา อยา งไร มีจาํ นวนเทาไร? คืออะไรบา ง ? [P] 50ส, 53ส, 55ส ข. ปฏจิ จสมุปปนธรรม หมายความวา อยา งไร มีจํานวนเทา ไร? คืออะไรบา ง ? [P] 50ส, 53ส ค. เมื่อจําแนกปฏจิ จสมุปบาท ๑๒ โดยการสืบตอ กันแลว มีเทา ไร? คอื อะไรบา ง ? [P] 50ส, 53ส, 59ส(2ก), 61(1ข) ตอบ ก. ปฏิจจสมปุ บาทธรรม หมายความวา ธรรมท่ีเปน เหตุ ไดแ ก อวิชชาเปน ตน จนถงึ ชาติ รวม ๑๑ เหลา น้ี ช่ือวา ปฏิจจสมุปบาทธรรม ข. ปฏจิ จสมุปปน ธรรม หมายความวา ธรรมทเี่ ปน ผล ไดแ ก สงั ขารเปนตน จนถงึ ชรามรณะ รวม ๑๑ เหลา นี้ ชอ่ื วา ปฏจิ จสมปุ ปนธรรม ค. เมื่อจาํ แนกองคป ฏจิ จสมปุ บาท ๑๒ โดยการสบื ตอกนั แลว มี ๓ คอื ๑. ในระหวางสงั ขารกบั วิญญาณ ท่เี ปนอดีตเหตกุ บั ปจจุบนั ผลตอกัน สันธหิ นงึ่ ๒. ในระหวา งเวทนากับตณั หา ทเ่ี ปนปจ จุบันผลกับปจ จบุ ันเหตตุ อ กัน สันธหิ นึง่ ๓. ในระหวางกมั มภวะกบั ชาติ ทเี่ ปน ปจจุบันเหตกุ บั อนาคตผลตอ กนั สันธหิ นงึ่ ๒. อวิชชา ตามวจนตั ถะมีความหมายหลายอยาง เมื่อกลาวโดยสรุป หมายความวาอยางไร พรอ มทั้งแสดงลักขณาทิจตกุ กะของอวิชชา ? [P16, 35] 61 ตอบ อวิชชา ตามวจนตั ถะมคี วามหมายหลายอยา ง เมื่อกลาวโดยสรุป หมายความวา การไมร ตู ามความเปนจริงทคี่ วรรู รแู ตส ง่ิ ทไี่ มเ ปน ไปตามความเปน จรงิ ท่ีไมค วรรู นีแ้ หละช่อื วา อวิชชา แสดงลกั ขณาทจิ ตกุ ะ (แสดงลกั ษณะ รส ปจจปุ ฏ ฐาน ปทัฏฐาน) ของอวชิ ชา ดงั นี้ ๑. อาณลกขฺ ณา มคี วามไมรู เปน ลกั ษณะ หรอื เปนปฏปิ ก ษต อ ปญญา เปนลักษณะ ดาวนโหลดขอมูลตา งๆไดจาก ขอ ความเพ่มิ เติมที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑

มชั ฌิมอาภิธรรมิกะโท 56 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๒. สมโฺ มหนรสา ทาํ ใหธรรมทป่ี ระกอบกบั ตนและผทู โ่ี มหะกาํ ลังเกดิ อยนู น้ั มีความหลงหรอื มดื มน เปน กจิ ๓. ฉาทนปจฺจุปฏ านา เปน ธรรมชาตทิ ี่ปกปด สภาวะทม่ี ีอยใู นอารมณน นั้ ๆ เปน อาการปรากฏ ในปญ ญาของบณั ฑติ ท้งั หลาย ๔. อาสวปทฏ านา มอี าสวะ ๓ เปน เหตุใกล (เวนตัวเอง) ๑. ท่กี ลาวสรุปวา ปฏิจจสมุปบาทนี้ เปนสมนั ตภัททกธรรมนั้น หมายความวา เปน ไปอยางไร ? [P] 51ส ตอบ หมายความวา เปน ไปอยางน้ี คอื เปน ธรรมที่มคี วามดีอยา งสมบรู ณ เพราะไมวาจะแสดงโดยนัยอยางใด ก็ตาม ผูฟงแลว ยอมไดส ําเรจ็ ประโยชน คอื ไดก ําหนดรทู ุกขสัจ ประหาณสมุทยสจั เห็นแจงนิโรธสจั เจริญมรรค สัจ แลว เขาถงึ พระนิพพาน ประการหนึง่ และอีกประการหนงึ่ พระตถาคตเจา ผแู สดงก็เปนเทสนาวลิ าสปต ต บคุ คล คือ เปนผทู ่ีมคี วามสามารถปรับปรงุ การแสดงน้ันใหสวยงามเหมาะสมได ๑. ก. วญิ ญาณท่ีเปนผลของสงั ขารแบงออกเปน กีพ่ วก คอื อะไรบาง ? [P] 52ส ข. สงั ขารท่เี ปน เหตุใหเกิดวญิ ญาณ เม่อื สรุปแลว มีจาํ นวนเทาไร? คืออะไรบาง ? 45ส, 56ส ตอบ ก. วญิ ญาณท่เี ปนผลของสงั ขารแบงออกเปน ๒ พวก คอื วิญญาณทเ่ี กดิ ในปฏิสนธกิ าล ชื่อวา ปฏสิ นธิวญิ ญาณ ไดแ ก ปฏิสนธิจติ ๑๙ พวกหนงึ่ และ วญิ ญาณทเ่ี กิดข้ึนในปวตั ตกิ าล ชอื่ วา ปวตั ติวิญญาณ ไดแก โลกียวิปากจติ ๓๒ พวกหนง่ึ ข. สงั ขารทเี่ ปนเหตใุ หเกดิ วิญญาณ เมือ่ สรปุ แลว มจี าํ นวน ๓ อยา งคือ ๑. ปญุ ญาภสิ งั ขาร ๑๓ (เวนเจตนาท่ีในกศุ ลอภิญญา) ๒. อปญุ ญาภสิ งั ขาร ๑๒ (เวนอุทธัจจเจตนาทใ่ี หผลในปฏิสนธกิ าล) ๓. อาเนญชาภสิ งั ขาร ๔ รวมเปน เจตนา ๒๙ ๒. สังขาร ๓ มีปญุ ญาภสิ ังขารเปนตน ทเี่ ปนผลของอวชิ ชาเหลาน้นั สงั ขารอะไรบา ง ทสี่ ําเร็จไดด วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทาน ศลี ภาวนา และทจุ ริต ๑๐ ? [P] 57ส ตอบ สังขาร ๓ มีปุญญาภิสงั ขารเปน ตน ทีส่ าํ เร็จไดด ว ยกายกรรมเปนตน มดี ังนี้ ปุญญาภสิ ังขารท่ีเก่ยี วกับมหากุศล และ อปุญญาภสิ งั ขารเหลาน้ี สาํ เร็จไดด ว ย กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ปญุ ญาภสิ งั ขารทเี่ กยี่ วกบั รปู าวจรกศุ ล และ อาเนญชาภิสงั ขารเหลา นี้ สาํ เรจ็ ไดด ว ย มโนกรรมอยางเดยี ว ปุญญาภสิ ังขาร สาํ เร็จไดดว ยอาํ นาจ ทาน ศีล ภาวนา อปญุ ญาภสิ ังขาร สําเร็จไดด ว ยอาํ นาจ ทุจรติ ๑๐ อาเนญชาภสิ งั ขาร สาํ เร็จไดด ว ยอํานาจแหง ภาวนา ๑. ก. วิ ฺ าณปจจฺ ยา นามรปู  แปลวาอยา งไร ? [P53] 48ส ข. ผัสสะ ๖ เมอื่ จําแนกโดยภมู ิ ๓๐ (เวนอสัญญสัตตภมู ิ) น้นั ในภมู ไิ หน ผัสสะเกดิ ขน้ึ ไดเทาไร คอื อะไรบาง ? [P67] 52ส, 59ส(2ข) ตอบ ก. วิฺ าณปจฺจยา นามรูป แปลวา นามรปู คอื เจตสิกทปี่ ระกอบกับโลกียวิปากจิตและกัมมชรูป ปรากฏ เกิดข้ึนเพราะอาศยั วญิ ญาณคือกศุ ลอกศุ ล (กมั มวิญญาณ) ทใี่ นภพกอน ๆ และวิปากวญิ ญาณ ที่ในภพนเี้ ปน เหตุ ข. จําแนกไดด งั ตอ ไปน้ี ในกามภมู ิ ๑๑ ผัสสะ ๖ ยอ มเกิดได ในรูปภูมิ ๑๕ (เวน อสญั ญะ) ผัสสะยอ มเกดิ ได ๓ คือ จักขุสมั ผสั สะ โสตสัมผัสสะ และ มโนสมั ผัสสะ ในอรปู ภมู ิ ๔ ผสั สะยอมเกิดได ๑ คอื มโนสัมผัสสะ ขอ ๒ ๒. พระสัมมาสัมพทุ ธเจาทรงแสดงปฏจิ จสมปุ บาทไวใ นสงั ยตุ ตนกิ ายน้ัน มกี นี่ ยั คอื อะไรบาง ดาวนโ หลดขอมลู ตางๆไดจาก ขอ ความเพม่ิ เติมที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑

มัชฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 57 ปฏจิ จสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญัติ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ใหแ สดงความหมายดวย ? [P] 55ส ๒. ข. พระสมั มาสมั พุทธเจา ทรงเทศนา ปฏิจจสมปุ บาทไวก่นี ัยคอื อะไรบาง ใหบ อกความหมายดวยฯ ? 44ส ตอบ (55) พระสมั มาสัมพทุ ธเจาทรงแสดงปฏิจจสมปุ บาทไวในสังยตุ ตนกิ ายน้ัน มี ๔ นัย คอื (44) ข. ทรงเทศนาปฏจิ จสมุปบาทไว ๔ นัย คอื ๑. แสดงจากตนไปถงึ ปลาย คือตงั้ แตอวชิ ชาไปตามลําดับจนถงึ ชรามรณะเปน ที่สดุ เรยี กวา อาทิปรโิ ยสาน อนโุ ลมเทศนา ๒. แสดงจากกลางไปถงึ ปลายคอื ต้ังแตเ วทนาไปตามลาํ ดับจนถงึ ชรามรณะเปน ท่ีสดุ เรยี กวา มัชฌปริโยสาน อนโุ ลมเทศนา ๓. แสดงจากปลายไปถงึ ตนคอื ต้ังแตช รามรณะถอยหลงั ไปตามลําดบั จนถึงอวชิ ชาเปนท่ีสดุ เรียกวา ปริโยสานอาทิ ปฏิโลมเทศนา ๔. แสดงจากกลางไปถงึ ตน คือตง้ั แตต ณั หาถอยหลงั ไปตามลาํ ดบั จนถงึ อวิชชาเปนที่สดุ เรยี กวา มชั ฌอาทิ ปฏโิ ลมเทศนา ๒. ใหแ สดงลกั ษณะ รส ปจจปุ ฏฐาน ปทฏั ฐาน ของนามมาใหครบ ? [P] 48ส, 51ส, 54ส,60 วญิ .->นามรูป ตอบ แสดงลักษณะ รส ปจจปุ ฏ ฐาน ปทฏั ฐาน ของนาม ดงั นี้ โลก.ี ว.ิ ๓๒->เจ ๓๕ ก๒ํ ๐ ๑. นมนลกขฺ ณํ มีการนอ มไปสูอารมณ เปนลักษณะ ๒. สมปฺ โยครสํ มกี ารประกอบกบั วญิ ญาณและประกอบกันเองโดย อาการทเ่ี ปน เอกุปปาทตาจติ เปนตน เปนกิจ ๓. อวินิพโฺ ภคปจจฺ ุปฏ านํ มีการไมแ ยกกนั กบั จติ เปนอาการปรากฏในปญ ญาของบณั ฑติ ทัง้ หลาย ๔. วิฺ าณปทฏ านํ มีวิญญาณ เปน เหตุใกล ๒. ตณั หาวาโดยอารมณ มีเทาไร คอื อะไรบา ง ? [P] 45ส, 56ส, 58ส เวทนา ๖->ตณั หา ๖ ตอบ ตัณหาวา โดยอารมณม ี ๖ อยาง คือ ๑. รปู ตัณหา ความยินดีตดิ ใจในรปู ารมณ ๔. รสตัณหา ความยนิ ดตี ดิ ใจในรสารมณ ๒. สัททตัณหา ความยนิ ดีติดใจในสทั ทารมณ ๕. โผฏฐัพพตณั หา ความยนิ ดีตดิ ใจในโผฏฐัพพารมณ ๓. คนั ธตณั หา ความยนิ ดีตดิ ใจในคนั ธารมณ ๖. ธรรมตณั หา ความยินดตี ิดใจในธัมมารมณ ๒. ก. กามตัณหา ภวตัณหา วภิ วตณั หา ทง้ั สามนีอ้ งคธ รรมไดแ กอะไร ? [P] 47ส, 53(3ก)ส ข. กัมมภวะ เปน ปจ จัยชวยอุปการะแกชาตินั้น ไดอ าํ นาจปจ จัยเทาไร คืออะไรบาง ? [P] 47ส ตอบ ก. กามตัณหา องคธ รรมไดแก โลภเจตสิก ทไ่ี มป ระกอบดวยสัสสตทฏิ ฐิ และ อุจเฉททิฏฐิ ภวตัณหา องคธรรมไดแ ก โลภเจตสกิ ท่ปี ระกอบกับสัสสตทิฏฐิ วิภวตัณหา องคธ รรมไดแก โลภเจตสกิ ท่ีเกดิ ข้นึ พรอมกันกบั อจุ เฉททฏิ ฐิ ข. ไดอ ํานาจปจจัย ๒ คอื ๑. ปกตปู นสิ สยปจจัย ๒. นานกั ขณิกกัมมปจ จยั ๒. ก. อปุ ปต ตภิ วะ หมายความวาอยางไร องคธรรมไดแ กอ ะไร อุปปต ตภิ วะ นี้วาโดยภูมิ หรือวาโดยตัณหาแลวมีก่ีอยาง ไดแ กอะไรบาง ใหแ สดงองคธรรมดว ย ? [P] 52ส ข. จงจําแนกองคปฏิจจสมปุ บาท ๑๒ โดยวฏั ฏะ ๓ มาใหถูกตอ ง ? [P] 52ส ตอบ ก. อปุ ปตตภิ วะ หมายความวา ผลท่เี กิดข้นึ ในภพน้ันๆ โดยอาศัยกัมมภวะ องคธ รรมไดแก โลกียวิปากจติ ๓๒ เจตสิก ๓๕ กมั มชรปู ๒๐ อุปปต ตภิ วะนวี้ า โดยภมู ิหรือวา โดยตณั หาแลว มี ๓ อยา ง คือ ๑. กามภวะ ไดแ ก กามวปิ ากจิต ๒๓ เจตสิก ๓๓ กมั มชรปู ๒๐ ๒. รปู ภวะ ไดแ ก รปู วปิ ากจติ ๕ จกั ขวุ ญิ ญาณจติ ๒ โสตวิญญาณจติ ๒ สมั ปฏจิ ฉนจิต ๒ ดาวนโ หลดขอมลู ตา งๆไดจ าก ขอ ความเพิม่ เติมที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑

มัชฌิมอาภิธรรมิกะโท 58 ปฏิจจสมุปบาท ปฏฐาน บัญญัติ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน สนั ตรี นจติ ๓ เจตสิก ๓๕ กมั มชรูป ๑๕ (เวน ฆาน ชวิ หา กาย ภาวรูป ๒) ๓. อรูปภวะ ไดแ ก อรูปวปิ ากจิต ๔ เจตสกิ ๓๐ ข. วัฏฏะ ๓ อยา ง คอื ๑. กิเลสวัฏ ไดแ ก อวิชชา ตณั หา อุปาทาน ๒. กัมมวฏั ไดแ ก กัมมภวะ สงั ขาร ๓. วิปากวัฏ ไดแ ก อปุ ปตติภวะ วญิ ญาณ นามรูป สฬายตนะ ผสั สะ เวทนา ชาติ ชรามรณะ ๓. พระผมู พี ระภาคเจาไดทรงแสดงปฏจิ จสมุปบาทโดยปฏโิ ลมเทศนาไวอยา งไร ใหแสดงมา ๓ คู คือ คูท่ี ๑ คทู ่ี ๒ และคสู ุดทาย พรอ มดว ยบทสดุ ทา ย ทง้ั บาลีและคาํ แปล ? [P] 57ส ตอบ พระผมู พี ระภาคเจาไดทรงแสดงปฏิจจสมปุ บาทโดยปฏโิ ลมเทศนาวา “อวิชฺชาย เตวฺ ว อเสสวิราคนโิ รธา สงขฺ ารนโิ รโธ, สงฺขารนโิ รธา วิ ญฺ าณนิโรโธ, ฯลฯ ชาตินโิ รธา ชรามรณโสกปรเิ ทว ทกุ ขฺ โทมนสฺสปุ ายาสา นิรชุ ฌฺ นฺติ เอวเมตสฺส เกวลสสฺ ทุกขฺ กฺขนธฺ สสฺ นโิ รโธ โหติ. แปลวา เพราะการดับสูญสนิ้ แหง อวิชชาโดยไมม เี หลอื ดว ยอํานาจวชิ ชาทชี่ อ่ื วา วริ าคะน้นั เอง สังขารคือ กุศลกรรม อกศุ ลกรรมจงึ ดบั ลง เพราะการดบั สญู สน้ิ แหง สงั ขาร วญิ ญาณคอื วปิ ากวญิ ญาณท่ีในภพนีจ้ งึ ดบั ลง ฯลฯ เพราะการดบั สูญสน้ิ แหง ชาติ ชรา ความแก มรณะความตาย โสกะ ความเศรา โศก ปรเิ ทวะ การรอ งให รําพัน ทกุ ขะ ความทุกขกาย โทมนัสสะ ความทกุ ขใจ อปุ ายาสะ ความคบั แคน ใจ จึงดบั ลง ความดบั สญู สน้ิ แหง กองทุกขท ้งั ปวง ยอมเปนไปดงั ทกี่ ลา วมานี้ ๒. ผทู ีไ่ ดส ําเรจ็ เปนพระอริยะ ไมรูถงึ ความเปนไปของรปู นามตามนยั แหง ปฏจิ จสมปุ บาท โดยภาวนามัยนนั้ มหี รือไม ใหอ ธิบายพอสังเขป ? [P] 43ส ตอบ ยอ มไมมี อธบิ ายวา พระอรยิ ะบุคคลทง้ั หลายมพี ระโสดาบันเปน ตน ยอมรูความเปนไปของรูปนามโดย ภาวนามัยตามนัยแหงปฏิจจสมุปบาท หมายความวา ผูปฏิบัติเมื่อเขาถึงปจจยปริคคหญาณเปนตน จนถึง อนโุ ลมญาณนัน้ ยอ มรคู วามเปน ไปของรูปนาม ที่เปนเหตเุ ปนผลเนื่องกนั ตามปฏิจจสมปุ บาท ดว ยกนั ท้ังสนิ้ ๒. จงแปลปฏจิ จสมุปบาทโดยอภธิ รรมภาชนียนยั ในจติ ตุปบาททง้ั หมดดงั น?้ี 49ส วิ ฺ าณปจจฺ ยา นามํ นามปจจฺ ยา ฉฏ ายตนํ ฉฏายตนปจฺจยา ผสฺโส ผสสฺ ปจจฺ ยา เวทนา. ? [P] ตอบ แปลดังน้ี เพราะจิต ๘๙ เปน เหตุ เจตสกิ ขนั ธ ๓ ทปี่ ระกอบกบั จิต ๘๙ จึงเกิดขน้ึ เพราะเจตสกิ ขันธ ๓ ที่ประกอบกบั จิต ๘๙ เปน เหตุ มนายตนะ คอื จติ ๘๙ จึงเกดิ ขึน้ เพราะมนายตนะ คือ จิต ๘๙ เปนเหตุ ผัสสะ ที่ประกอบกับจติ ๘๙ จงึ เกดิ ขน้ึ เพราะผสั สะ ทีป่ ระกอบกับจิต ๘๙ เปน เหตุ เวทนา ท่ีประกอบกับจติ ๘๙ จงึ เกิดขน้ึ ๓. ก. วิญญาณ และ นามรปู วาโดยอภธิ รรมภาชนียนยั แลว องคธรรมไดแ กอ ะไร ? [P] 54ส,60 ตอบ ก. วิญญาณ และนามรปู วา โดยอภิธรรมภาชนียนยั แลว วิญญาณ องคธ รรม ไดแ ก จติ ๘๙ นาม องคธ รรม ไดแ ก เจตสกิ ๕๒ รูป องคธ รรมไดแก รูป ๒๘ ๓. ในวจิ ิกจิ ฉาสมั ปยตุ ตจติ มอี งคป ฏจิ จสมุปบาทเทา ไร คืออะไรบา ง ? [P] 47ส ตอบ มีองคปฏิจจสมปุ บาท ๑๑ คือ ๑. อวิชชา ๒. สังขาร ๓. วญิ ญาณ ๔. นาม ๕. ฉัฏฐายตนะ ๖. ผสั สะ ๗. เวทนา ๘.วจิ ิกิจฉา ๙.ภวะ ๑๐.ชาติ ๑๑.ชรามรณะ ๓. จงแสดงความเปน ไปของปฏจิ จสมุปบาทในโลกตุ ตรกุศลจติ มา ๓ คู คอื คูที่ ๑,๒ และคูส ดุ ทา ย พรอมดวยบทสุดทา ยท้ังบาลี และคาํ แปล ? [P] 52ส ตอบ แสดงความเปนไปดงั นี้ กุสลมลู ปจฺจยา สงฺขาโร สงขฺ ารปจจฺ ยา วิ ฺ าณํ ฯลฯ ชาติปจฺจยา ชรามรณํ เอวเมเตสํ ธมมฺ านํ สมุทโย โหติ ดาวนโ หลดขอ มูลตางๆไดจาก ขอความเพิม่ เตมิ ที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑

มชั ฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 59 ปฏิจจสมุปบาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน แปลวา เพราะกุศลมลู ๓ เปนเหตุ ปุญญาภิสงั ขาร คอื โลกตุ ตรกุศลเจตนา ทเี่ ปนไปพรอ มดว ยกุศลมูล ๓ จงึ เกดิ ขน้ึ เพราะปญุ ญาภิสงั ขาร คอื โลกตุ ตรกศุ ลเจตนาเปนเหตุ โลกตุ ตรกุศลจิตจงึ เกดิ ข้ึน ฯลฯ เพราะ นามชาติ คอื อาการทเ่ี กิดขน้ึ ของโลกุตตรกศุ ลจติ ตุปบาทเปน เหตุ นามชรา นามมรณะ คอื ขณะตัง้ และขณะดบั ของโลกุตตรกุศลจิตตปุ บาท จึงเกดิ ขนึ้ ความเกดิ ข้ึนแหง โลกตุ ตรกศุ ลธรรมยอมเปนไปดงั น้ี ๓. ก. เอกจติ ตักขณิกปฏจิ จสมุปบาท หมายความวาอยา งไร เปน การแสดงโดยนยั อะไร ? [P] 56ส ข. ในทวิปญ จวิญญาณจติ ตปุ บาท มีองคป ฏิจจสมุปบาทเทา ไร คอื อะไรบา ง ? [P] 56ส ค. ในโลกุตตรกุศลจติ ตุปบาทนนั้ ๒ คสู ดุ ทา ย และบทสุดทายคอื ภวปจจฺ ยา ชาติ ชาตปิ จฺจยา ชรามรณํ เอวเมเตสํ ธมฺมานํ สมุทโย โหติ แปลวาอยางไร ? [P] 56ส ตอบ ก. เอกจิตตกั ขณิกปฏจิ จสมปุ บาท หมายความวา ปฏิจจสมุปบาททเ่ี ปนไปในจติ ดวงหนงึ่ ๆ เปน การแสดงโดยอภิธรรมภาชนยี นยั ข. ในทวิปญจวญิ ญาณจติ ตุปบาท มีองคปฏิจจสมปุ บาท ๙ คอื ๑. สังขาร ๒. วิญญาณ ๓.นาม ๔. ฉัฏฐายตนะ ๕. ผสั สะ ๖.เวทนา ๗. ภวะ ๘.ชาติ ๙. ชรามรณะ ค. แปลวา เพราะภวะ คอื โลกุตตรกศุ ลจิตตปุ บาท (เวน อธโิ มกข) เปน เหตุ นามชาติ คือ อาการทเี่ กิดขนึ้ ของโลกุตตรกุศลจติ ตปุ บาทจึงเกิดขน้ึ เพราะนามชาติ คอื อาการทเ่ี กิดขน้ึ ของโลกตุ ตรกุศลจติ ตปุ บาท เปน เหตุ นามชรา นามมรณะ คือ ขณะตงั้ และขณะดับของโลกตุ ตรกุศลจิตตปุ บาทจงึ เกดิ ขึน้ การเกิดขนึ้ ของโลกุตตรกุศลธรรม ยอ มเปน ไปดังน้ี ๓. จงแสดงปจจัยท่ี ๑–๕ ในปจจัย ๒๔ ทั้งบาลแี ละคําแปล ? [P188] 49ส ตอบ ๑. เหตุปจ จโย ธรรมท่ีชวยอุปการะโดยความเปน เหตุ ๒. อารมั มณปจ จโย ธรรมที่ชวยอปุ การะโดยความเปน อารมณ ๓. อธปิ ตปิ จจโย ธรรมท่ชี วยอุปการะโดยความเปน อธิบดี ๔. อนันตรปจจโย ธรรมทชี่ ว ยอปุ การะโดยความติดตอ กันไมมีระหวา งคั่น ๕. สมนนั ตรปจ จโย ธรรมทีช่ วยอปุ การะโดยความติดตอ กันไมมรี ะหวางคัน่ ทเี ดยี ว ๕. ก. ใหแ สดงความหมายของปจ จยั ดงั ตอ ไปนี้ ? [P188] 52ส อปุ นสิ ฺสยปจฺจโย ปเุ รชาตปจจฺ โย ปจฉฺ าชาตปจฺจโย กมมฺ ปจฺจโย วปิ ากปจฺจโย ตอบ ก. แสดงความหมายของปจจัย ดงั นี้ อปุ นสิ สฺ ยปจฺจโย ธรรมท่ีชวยอุปการะโดยความเปนทีอ่ าศยั ทมี่ กี าํ ลังมาก ปุเรชาตปจฺจโย ธรรมทีช่ วยอุปการะโดยความเกิดกอน ปจฺฉาชาตปจฺจโย ธรรมทช่ี ว ยอปุ การะโดยความเกิดทหี ลัง กมฺมปจจฺ โย ธรรมที่ชวยอปุ การะโดยความปรุงแตงเพื่อใหกิจตา งๆ สาํ เร็จลง วปิ ากปจจฺ โย ธรรมท่ีชวยอปุ การะโดยความเปนวปิ าก คอื เขา ถงึ ความสุกงอมและหมดกําลังลง ๓. ปจจัยตอ ไปน้ี มีกีป่ จจัย คอื ปจ จัยอะไรบา ง นิสสยปจจยั อปุ นสิ สยปจจยั วิปปยตุ ตปจจยั ? [P188] 51, 59 ตอบ นิสสยปจจยั มี ๓ ปจจัย คอื ๑. สหชาตนสิ สยปจจัย ๒. วตั ถปุ ุเรชาตนิสสยปจจัย ๓. วตั ถารมั มณปเุ รชาตนิสสยปจ จัย อุปนิสสฺ ยปจจยั มี ๓ ปจจัย คอื ๑. อารัมมณูปนิสสยปจจัย ๒. อนันตรปู นิสสยปจจัย ๓.ปกตูปนสิ สยปจจยั วิปปยตุ ตปจจัย มี ๔ ปจ จัย คอื ๑ สหชาตวิปปยตุ ตปจจัย ๒. วตั ถปุ ุเรชาตวปิ ปยตุ ตปจ จัย ดาวนโ หลดขอ มูลตา งๆไดจาก ขอ ความเพิ่มเติมที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑

มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 60 ปฏิจจสมปุ บาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน ๓. วัตถารมั มณปเุ รชาตวปิ ปยุตตปจจยั ๔. ปจ ฉาชาตวิปปยุตตปจ จยั ๔. ก. ถาจะแสดงปจ จัยโดยยอแลวปจ จยั ทงั้ หมดเหลานย้ี อ มรวมลงไดก ีป่ จ จัย ? [P] 48ส ๓. ปจ จยั ๒๔ ถาจะแสดงโดยยอ มกี ป่ี จจยั คอื ปจ จัยอะไรบา ง ? [P] 45(3ก)ส, 52ส(5ข), 53ส(3ข), 58, 61 ข. สหชาตรูปในสหชาตนัน้ มกี อี่ ยาง อะไรบา ง ? [P] 45ส, 48ส(4ข), 52ส(5ค), 58ส ตอบ ก. ปจจัย ๒๔ ท้ังหมด ยอ รวมลงใน ๔ ปจจัย คอื ๑. อารมั มณปจ จยั ๒. อุปนิสฺสยปจจยั ๓. กัมมปจ จัย ๔. อัตถปิ จจยั ข. สหชาตรูปมี ๒ คอื ๑. จิตตชรปู ทเี่ กดิ ในปวัตติกาล ๒. กมั มชรูปท่เี กดิ ในปฏิสนธกิ าล ๓. ก. นามรปู เปน ปจ จยั นามรปู เปนปจ จยปุ บนั มีกป่ี จจัยคอื ปจ จัยอะไรบา ง ? [P] 43ส, 44ส(3ก) ตอบ ก. มี ๙ ปจ จัยคอื ๑. อธปิ ตปิ จ จัย ๒. สหชาตปจจัย ๓. อญั ญมญั ญปจ จยั ๔. นิสสยปจ จัย ๕. อาหารปจจัย ๖. อินทรยิ ปจจัย ๗. วปิ ปยุตตปจ จยั ๘. อัตถิปจจัย ๙. อวคิ ตปจ จัย ๔. ปกาเรน าปย ตตี ิ = ปฺ ตฺติ ปกาเรน าเปตีติ = ปฺ ตฺต?ิ 49ส วจนตั ถะท้ัง ๒ น้ีแปลวา อยา งไร ไดแกบญั ญตั อิ ะไร ? [P] 49ส ตอบ วจนตั ถะท่ี ๑ แปลวา วตั ถสุ ง่ิ ของเร่อื งราวตา งๆ ชื่อวาบัญญตั ิ เพราะพงึ ใหถกู รไู ดโ ดยประการตางๆ ไดแ ก อัตถบญั ญัติ วจนัตถะท่ี ๒ แปลวา เสียงคอื คําพดู ยอมทําใหรูเน้อื ความคอื วัตถุส่งิ ของเรอ่ื งราว และสภาพปรมัตถไดด ว ยประการตา งๆ ฉะนน้ั ชอ่ื วา บัญญตั ิ ไดแก สัททบัญญตั ิ ๖. ธรรมทีช่ อ่ื วา บญั ญตั ินน้ั แบง ออกเปน เทา ไร คอื อะไรบา ง ? 61 ตอบ ธรรมทช่ี ื่อวา บญั ญตั นิ น้ั แบงออกเปน ๒ อยาง คอื ............ อัตถฯ สัททฯ ๔. ข. อัตถบญั ญตั ิ สทั ทบัญญัติ หมายความวา อยางไร ? [P] 50ส ตอบ ข. อัตถบัญญตั ิ หมายความวา เพราะเปน บญั ญัตทิ พ่ี ึงใหถ ูกรไู ดโ ดยประการตา ง ๆ สัททบัญญัติ หมายความวา เพราะเปน บัญญตั ิทพี่ งึ ใหรูเน้ือความไดโ ดยประการตา ง ๆ ๓. ข. จงเตมิ ขอ ความที่ละ…………….. ไวใหส มบูรณ ? [P] 44ส ๑). คาํ วา บัญญตั ิ หมายความวา เนือ้ ความคือ…………………… เรียกวาอัตถบัญญตั ิ ๒). เสยี งคือคาํ พูด ยอมทํา…………………..ฉะนน้ั ชือ่ วาบัญญตั ิ ไดแกส ทั ทบัญญตั ิ ตอบ ข. เตมิ ขอความท่ลี ะ…………. ไวด ังน้ี คอื ๑. คาํ วา บญั ญัติ หมายความวา เนอื้ ความคอื วัตถสุ ง่ิ ของเร่อื งราวตา งๆ ท่พี งึ ใหถกู รไู ด ชนิดนี้ เรียกวา อตั ถบญั ญตั ิ ๒. เสยี ง คือ คําพดู ยอมทําใหร ูเ นื้อความคือวัตถุสงิ่ ของเรือ่ งราวและสภาพปรมัตถได ดวยประการตางๆ ฉะนั้น ช่อื วาบัญญัติ ไดแก สทั ทบัญญัติ ๖. สัททบญั ญัติอยางเดียวเรียกได ๖ อยา งคอื อะไร? จงบอกความหมายมาดว ย ? [P] 58 ตอบ สทั ทบญั ญตั ิอยางเดยี วเรียกได ๖ อยาง คือ ๑. นามะ ไดแ ก ชอ่ื ตา ง ๆ ทม่ี สี ภาพนอมเขา สเู นือ้ ความ คอื อัตถบญั ญตั แิ ละทําใหเนอ้ื ความน้ันนอ มเขา สูต น คอื ชอ่ื ตา งๆ นน้ั ดวั ย ๒. นามกัมมะ ไดแ ก นามบญั ญตั ิทน่ี ักปราชญทัง้ หลายในสมัยโบราณตงั้ ชอื่ ไวจ นถงึ ทุกวันนี้ เชน ต้ังชื่อไวว า แผน ดนิ ภูเขา เปน ตน ๓. นามเธยยะ ไดแ ก นามบญั ญัติทน่ี ักปราชญท ง้ั หลายในสมยั โบราณเรยี กขานเชน เรยี กวา แผน ดนิ ภเู ขา เปนตน ดาวนโ หลดขอมลู ตา งๆไดจ าก ขอ ความเพมิ่ เติมที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑

มัชฌมิ อาภิธรรมิกะโท 61 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญัติ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๔. นิรุตติ ไดแ ก นามบญั ญตั ิทนี่ ักปราชญทัง้ หลายคดิ นกึ พิจารณาเรยี กช่ือส่ิงตาง ๆ ใหป รากฏข้นึ ๕. พยัญชนะ ไดแ กนามบญั ญัตทิ ส่ี ามารถแสดงเน้ือความ คอื อัตถบญั ญัตใิ หป รากฏขึน้ ได ๖. อภิลาปะ ไดแกน ามบญั ญตั ิท่ผี กู ลา วเรยี ก ยอ มมงุ สตู รงเนือ้ ความแลวก็กลา วเรียกขน้ึ ๓. ข. สทั ทบัญญตั อิ ยางเดยี ว เรียกชอื่ ไดก ี่อยา งคืออะไรบา ง? (ตอบเฉพาะช่ือไมตอ งแสดงความหมาย) 43ส, 54ส(4ข) / ค. สทั ทบญั ญัตมิ ีกปี่ ระเภท คอื อะไรบา ง ? [P] 45ส, 53ส(3ข) ตอบ ข. เรียกชอื่ ได ๖ อยาง คือ นามะ นามกัมมะ นามเธยยะ นริ ตุ ติ พยัญชนะ และอภลิ าปะ ค. สัททบญั ญตั มิ ี ๖ ประเภท คือ ๑) วชิ ชมานบัญญัติ ๒) อวิชชมานบัญญัติ ๓) วชิ ชมาเนนอวิชชมาน- บัญญัติ ๔) อวชิ ชมาเนนวชิ ชมานบัญญัติ ๕) วิชชมาเนนวิชชมานบัญญัติ ๖) อวชิ ชมาเนนอวชิ ชมานบญั ญตั ิ ๓. ค. สัททบัญญัติมกี ่ปี ระเภท คอื อะไรบา ง ? [P] 58ส ตอบ ค. สัททบัญญตั ิมี ๖ ประเภท คอื ๑. วชิ ชมานบัญญตั ิ ๒. อวชิ ชมานบญั ญตั ิ ๓. วชิ ชมาเนนอวชิ ชมาน- บัญญัติ ๔. อวิชชมาเนนวิชชมานบญั ญัติ ๕. วชิ ชมาเนนวชิ ชมานบญั ญัติ ๖. อวิชชมาเนนอวิชชมานบญั ญัติ ๓. ข. อวิชชมาเนนวชิ ชมานบญั ญัต,ิ วิชชมาเนนอวชิ ชมานบญั ญตั ิ หมายความวา อยางไร ใหแสดงตวั อยา งประกอบ ? [P] 48ส(5), 54ส,60ส ตอบ ข. อวชิ ชมาเนนวิชชมานบญั ญัติ หมายความวา เปน สัททบัญญตั ทิ ่กี ลา วถงึ ธรรมทไี่ มม ีสภาวปรมตั ถ ปรากฏกับธรรมทมี่ ีสภาวปรมัตถป รากฏรวมกนั อยู ตัวอยางเชน อติ ถฺ สี ทโฺ ท, สวุ ณณฺ วณฺโณ ปุปฺผคนโฺ ธ เปน ตน วชิ ชมาเนนอวิชชมานบญั ญัติ หมายความวา เปน สัททบัญญตั ิ ทกี่ ลาวถงึ ธรรมทมี่ สี ภาวปรมัตถ ปรากฏกบั ธรรมทไี่ มม ีสภาวปรมตั ถปรากฏรวมกันอยู ตวั อยา งเชน ฉฬภิ ฺโ เตวิชโฺ ช ปฏสิ มฺภทิ ปฺปตโฺ ต เปน ตน ๓. ก. เตวชิ โฺ ช เปน ตวั อยางของสทั ทบญั ญตั ิอะไร เมอื่ แปลวา บุคคลทีไ่ ดวชิ ชา ๓ กลับเปน ตวั อยา งของสทั ทบัญญัติอะไร ? [P] 50ส ตอบ ก. เตวชิ โฺ ช เปน ตวั อยา งของ วิชชมาเนนอวชิ ชมานบญั ญตั ิ เมื่อแปลวา บคุ คลทไี่ ดว ชิ ชา ๓ กลบั เปน ตวั อยางของอวิชชมาเนนวชิ ชมานบัญญัติ ๔. ก. ในสมถกรรมฐาน 40 นัน้ แบงออกเปนกีห่ มวด คืออะไรบา ง ? [P1, 25] 61 ตอบ สมถกรรมฐาน ๔๐ แบง ออกเปน ๗ หมวด คือ ๑. กสิณ ๑๐ ๒. อสุภะ ๑๐ ๓. อนสุ สติ ๑๐ ๔. อัปปมญั ญา ๔ ๕. สญั ญา ๑ ๖. ววตั ถาน ๑ ๗. อารุปปะ ๔ ๓. ก. ภาวนาแปลวา อยางไร ? มีกี่อยาง ? คืออะไรบาง ? [P15] ข. การแสวงหาอมตธรรม มีอยกู ่ีอยา ง ? คืออะไรบา ง ? [P] ค. สมถกรรมฐานทมี่ นี ิมิต ๒ คือ บรกิ รรมนิมติ และอคุ คหนมิ ติ โดยปริยายมเี ทาไร ? คืออะไรบาง ? ทาํ ไมจึงเปนเชน นั้น ? [P] ตอบ ก. ภาวนา แปลวา ธรรมท่คี วรเจรญิ คอื ใหเกดิ ข้ึนบอย ๆ ในสนั ดานของตน ชอื่ วา ภาวนา ภาวนามี ๒ อยาง คือ ๑) สมถภาวนา ๒) วปิ ส สนาภาวนา ข. การแสวงหาอมตธรรม มอี ยู ๒ อยา ง คอื ๑) ทางตรง ไดแก การเจรญิ วิปสสนาตามแนวสติปฏฐานทั้ง ๔ ๒) ทางออ ม ไดแก การเจรญิ สมถภาวนากอ น ตอเม่ือไดสาํ เร็จเปน ฌานลาภบี คุ คลแลว จึงเจรญิ วิปสสนา ตอ ไป ค. สมถกรรมฐานทมี่ นี มิ ติ ๒ คอื บรกิ รรมนมิ ิตและอคุ คหนมิ ิต โดยปรยิ ายมี ๑๘ กรรมฐาน คอื อนสุ สติ ๘ (เวนกายคตาสติ อานาปานัสสติ) อาหาเรปฏิกลู สญั ญา ๑ จตธุ าตวุ วตั ถาน ๑ อัปปมัญญา ๔ อรปู กรรมฐาน ๔ ท่ีเปน เชนนเ้ี พราะวา การเจรญิ กรรมฐานเหลาน้ี ไมม ีการเพง การกระทบ ไมม ภี าพมาปรากฏทางใจ ดาวนโ หลดขอ มลู ตา งๆไดจาก ขอความเพิ่มเตมิ ที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑

มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 62 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญัติ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๕. เพราะเหตไุ ร ? กรรมฐาน ๑๘ มีอนุสสติ ๘ เปนตน จึงไดน มิ ิตท้งั ๒ (บริกรรมนมิ ิต, อุคคหนมิ ิต) โดย ปรยิ าย สวนกรรมฐาน ๒๒ มีกสิณ ๑๐ เปนตน ทไ่ี ดนมิ ิตทัง้ ๒ โดยตรง ? 60 ตอบ กรรมฐาน ๑๘ ทไี่ ดน ิมิตทง้ั ๒ โดยปรยิ าย เน่อื งดว ยการเจรญิ กรรมฐานประเภทนี้ ไมมกี ารเพง การกระทบ ไมมีภาพมาปรากฏทางใจ, สว นกรรมฐานทง้ั ๒๒ ทีไ่ ดน มิ ติ ท้ัง ๒ โดยตรงนั้นเพราะกรรมฐาน เหลานมี้ กี ารเพง การกระทบ มีภาพปรากฏตดิ ทางใจ ๔. ก. นมิ ิตในคาํ วาบริกรรมนิมติ นน้ั ไดแ กอะไร ? [P] 43ส ข. เม่ือเรียกวา บริกรรมนิมิตแลว หมายความวา อยางไร ? ไดแ กอ ะไร ? [P] 43ส, 57(5ก) ตอบ ก. นมิ ติ ในคาํ วา บรกิ รรมนมิ ติ นนั้ ไดแ ก อารมณก รรมฐานตางๆ มีปถวกี สิณเปน ตน ชือ่ วา นิมติ ข. เมอ่ื เรียกวา บรกิ รรมนมิ ติ แลว หมายความวา นมิ ิตของบริกรรม หรอื อารมณข องบรกิ รรมภาวนา ชื่อวา บรกิ รรมนมิ ิต ไดแก รปู ารมณห รอื โผฏฐพั พารมณห รอื ธรรมารมณ ซ่ึงเปน องคก มั มฏั ฐานทพ่ี ระโยคีบคุ คลใชเจรญิ ๔. กรรมฐานทีไ่ มไดปฏภิ าคนิมติ โดยตรง แตไ ดฌ านนน้ั ไดแ กก รรมฐานอะไร และฌานท่ไี ดนั้น ไดแกฌ านอะไร แสดงมาใหชดั เจน ? [P] 52ส, 58ส ตอบ ไดแก กรรมฐาน ๘ อยาง คอื อปั ปมญั ญา ๔ อรูปกรรมฐาน ๔ ฌานทไ่ี ดน ัน้ มดี งั ตอ ไปนี้ อัปปมญั ญา ๔ คือ เมตตา กรุณา มทุ ติ า ใหไดต ้ังแตปฐมฌาน ถึงจตตุ ถฌาน อเุ บกขาใหไดเ ฉพาะรปู ปญ จมฌาน อรูปกรรมฐาน ๔ นั้น กสิณคุ ฆาฏมิ ากาสบญั ญตั ใิ หไดอากาสานญั ญจายตนฌาน อากาสานญั จายตนฌานใหไ ด วิญญาณญั จายตนฌาน นัตถภิ าวบญั ญตั ิใหไดอากญิ จัญญายตนฌาน อากญิ จญั ญายตน ฌานใหไดเ นวสญั ญานาสญั ญายตนฌาน ๔. ก. สมถกรรมฐานท่ีไมไ ดป ฏภิ าคนมิ ติ โดยตรง แตใหเขา ถงึ อัปปนาฌานไดน ้นั มจี าํ นวนเทาไร คืออะไรบาง ? [P] 45ส, 47ส(5ข), 50ส(3ข), 54ส(5ข), 55ส(4ข), ข. ในกรรมฐาน ๓๐ ทเี่ ขาถงึ อปั ปนาฌานนนั้ ตองการทราบวากรรมฐานทใ่ี หเขาถงึ เฉพาะฌานใดฌานหนง่ึ เพียงฌานเดยี วเทานัน้ มจี ํานวนเทา ไร คอื อะไรบาง ? 45ส, 47ส(5ก), 54ส(5ก), 55ส(4ก), ตอบ ก. มจี าํ นวน ๘ กรรมฐาน คือ อัปปมญั ญา ๔ ไดแก เมตตา กรุณา มุทิตา และอเุ บกขา อรูปกรรมฐาน ๔ ไดแ ก กสณิ ุคฆาฏมิ าสะ อากาสานญั จายตนฌาน นตั ถิภาวบญั ญตั ิ และอากญิ จญั ญายตนฌาน ข. มีจํานวน ๑๖ คือ อสุภะ ๑๐ กายคตาสติ ๑ ยอมทาํ ใหปฐมฌานเกิดขน้ึ ได อเุ บกขาพรหมวหิ าร ๑ ยอมทาํ ใหรปู ปญจมฌานเกดิ ข้นึ ได และอรูปกรรมฐาน ๔ ยอ มทาํ ใหอ รูปฌานเกิดขน้ึ ได ๔. ในสมถกรรมฐาน ๔๐ นน้ั กรรมฐานอะไรใชเปน อารมณของสมถะและวปิ ส สนาไดท้งั สองอยาง โดยไมต อ งเปล่ียนอารมณกรรมฐานใหย กเหตุผลประกอบดว ย ? [P] 47ส ตอบ ในสมถกรรมฐาน ๔๐ น้นั กายคตาสติกรรมฐาน เปน ไดท ้งั สมถะและวปิ สสนาโดยไมตองเปล่ียนกรรม- ฐานออกไปจากกายคตาสตกิ รรมฐาน แตป ระการใด ท่เี ปนเชน นเ้ี พราะวา ผเู จริญทอ งบนอยเู ม่ือปฏกิ ูลนิมติ หรอื วรรณนมิ ติ ปรากฏขน้ึ แลว กเ็ พง นมิ ติ น้นั ตอ ไปกจ็ ะไดบ รรลรุ ูปฌานน้ี เปนสมถกรรมฐาน ผูเจริญทองบน อยเู มือ่ ธาตนุ ิมติ ปรากฏขึ้นแลวก็กาํ หนดพิจารณาธาตนุ มิ ิตนน้ั ตอไป ก็จะไดบรรลุมรรคผล นีเ้ ปนวิปสสนากรรมฐาน ๔. ก. สมถกรรมฐาน ๒๖ อยาง ที่เปนอารมณข องรูปฌานนัน้ ตอ งการทราบวา กรรมฐานอะไร เหมาะสมแกจ ริตอะไร ? [P] 56 ข. คนทมี่ ศี รทั ธาจรติ และพทุ ธจิ รติ เจริญกรรมฐานทเ่ี หมาะสมแกจ ริตไดคนละเทาไร คือ กรรมฐานอะไรบาง ? [P] 56 ตอบ ก. ปถวกี สิณ อาโปกสนิ เตโชกสิณ วาโยกสิณ อากาสกสณิ อาโลกกสณิ ยอ มเหมาะสมแกบ ุคคลทวั่ ไปไมวา จรติ ใด ดาวนโ หลดขอ มูลตา งๆไดจ าก ขอ ความเพม่ิ เติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑

มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 63 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน วรรณกสณิ ๔ คือ นีลกสิณ ปตกสิณ โลหิตกสิณ โอทาตกสณิ อัปปมญั ญา ๔ คือ เมตตา กรุณา มทุ ติ า อุเบกขา ยอ มเหมาะสมแกผทู ่มี ีโทสจริต อสภุ ะ ๑๐ มีอุทธมุ าตกอสภุ ะ เปนตน และกายคตาสติ ๑ ยอ มเหมาะสมแกผทู มี่ ีราคจรติ อานาปานสั สติ ๑ ยอ มเหมาะสมแกผทู มี่ ีโมหจรติ และวติ กจรติ ข. ผูท ่ีมีศรทั ธาจริต เจรญิ กรรมฐาน ท่เี หมาะสมได ๖ อยางคอื พุทธานุสสติ ธมั มานุสสติ สงั ฆานสุ สติ สลี านสุ สติ จาคานุสสติ และ เทวตานสุ สติ ผทู ่มี ีพุทธิจริต เจรญิ กรรมฐานที่เหมาะสมได ๔ อยา ง คอื มรณานุสสติ อุปสมานสุ สติ อาหาเรปฏกิ ูลสัญญา และ จตธุ าตวุ วตั ถาน ๔. วสี หมายความวาอะไร? มีเทา ไร? อะไรบาง ? [P] 50ส(5), 53ส ตอบ วสี หมายความวา ผูม คี วามสามารถ มี ๕ อยาง คือ ๑. อาวัชชนวสี สามารถในการพิจารณาองคฌ านของมโนทวาราวชั ชนะ ๒. สมาปช ชนวสี สามารถในการเขา ฌาน ๓. อธิษฐานวสี สามารถในการกาํ หนดเวลาเขา ๔. วุฏฐานวสี สามารถในการกาํ หนดเวลาออก ๕. ปจ จเวกขณวสี สามารถในการพิจารณาองคฌ านของชวนะ ฯ ๔. ก. กรรมฐานทเ่ี หมาะสมแกผ ทู ีม่ ีราคจรติ และศรทั ธาจริตนั้น มีเทา ไร คอื อะไรบาง ? [P] 44ส, 51ส, 59ส ข. การแผเ มตตาแกต นเองน้นั มีคาํ แผทเี่ ปนภาษาบาลแี ละแปลเปน ไทยวา อยางไร ? [P] 44ส, 51ส, 59ส ข. การแผเ มตตาแกต น มกี ี่ประการ คอื อะไรบา ง ? 61 ตอบ ก. กรรมฐานท่เี หมาะสมแกผ ทู ีม่ รี าคจรติ นนั้ มี ๑๑ คือ อสภุ ะ ๑๐ กายคตาสติ ๑ กรรมฐานท่เี หมาะสมแกผ มู ศี รทั ธาจรติ นน้ั มี ๖ คอื อนสุ สติ ๖ ไดแก พทุ ธานสุ สติ ธมั มานสุ สติ สงั ฆานสุ สติ สีลานุสสติ จาคานุสสติ และ เทวตานสุ สติ ข. การแผเมตตาแกต นเองมี ๔ ประการ คอื ๑. อหํ อเวโร โหมิ ขอขาพเจา จงเปน ผูไ มม ีศตั รูภายในและภายนอก ๒. อหํ อพฺยาปชโฺ ช โหมิ ขอขาพเจาจงเปน ผูไมม ีความวิตกกังวลเศรา โศกพยาบาท ๓. อหํ อนโี ฆ โหมิ ขอขา พเจา จงเปนผูไมม คี วามลําบากกาย ใจ พนจากอุปท วภยั ๔. อหํ สขุ ี อตฺตานํ ปริหรามิ ขอขาพเจา จงเปน ผูนําอตั ตภาพทเี่ ปนอยูด วยความสุขกาย สุขใจ ตลอดกาลนาน ขอ ๕ ๕. เพราะเหตุไร ? กรรมฐาน ๑๘ มีอนุสสติ ๘ เปน ตน จึงไดน มิ ติ ท้ัง ๒ (บรกิ รรมนมิ ติ , อคุ คหนมิ ติ ) โดยปริยาย สวนกรรมฐาน ๒๒ มกี สณิ ๑๐ เปนตนทไี่ ดน ิมิตทงั้ ๒ โดยตรง ? [P] 49ส ตอบ กรรมฐาน ๑๘ ที่ไดน ิมติ ท้ัง ๒ โดยปรยิ าย เน่ืองดว ยการเจริญกรรมฐานประเภทนี้ ไมม กี ารเพงการ กระทบ ไมม ีภาพมาปรากฏทางใจ สว นกรรมฐานทง้ั ๒๒ ที่ไดนมิ ติ ทง้ั ๒ โดยตรงนนั้ เพราะกรรมฐาน เหลา นมี้ ีการเพง การกระทบ มภี าพปรากฏตดิ ทางใจ ๕. ก. สมถกรรมฐาน ทมี่ ีนมิ ิต ๒ คอื บริกรรมนมิ ติ และอคุ คหนมิ ติ โดยปรยิ ายมีเทาไร คอื อะไรบา ง ? ทําไมจึงเปนเชน นั้น ? [P] 51ส, 59ส ข. สมถกรรมฐาน ทม่ี นี ิมติ ท้ัง ๓ โดยตรง มีเทา ไร คอื อะไรบา ง ทาํ ไมจึงเปน เชนนั้น? 51ส, 59ส ตอบ ก. สมถกรรมฐานท่ีมีนมิ ิต ๒ คือ บรกิ รรมนมิ ติ และอคุ คหนมิ ิต โดยปริยายมี ๑๘ กรรมฐาน คอื อนสุ สติ ๘ (เวน กายคตาสติ อานาปานสั สต)ิ อาหาเรปฏกิ ูลสัญญา ๑ จตุธาตวุ วตั ถาน ๑ อัปปมัญญา ๔ อรปู กรรมฐาน ๔ ทเ่ี ปนเชน นี้เพราะวา การเจริญกรรมฐานเหลา นี้ ไมม ีการเพง การกระทํา ไมม ีภาพมาปรากฏ ดาวนโ หลดขอ มลู ตางๆไดจ าก ขอความเพม่ิ เติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑

มัชฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 64 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน ทางใจ ข. สมถกรรมฐานท่มี นี ิมติ ท้ัง ๓ โดยตรงมี ๒๒ กรรมฐานคอื กสิณ ๑๐ อสุภะ ๑๐ กายคตาสติ ๑ อานาปานัสสติ ๑ ท่ีเปนเชน นเ้ี พราะวา การเจรญิ กรรมฐานเหลาน้ี มกี ารเพง การกระทบ มีภาพมาปรากฏติด ทางใจ ๔. สมถกรรมฐานทไี่ ดบ ริกรรมนมิ ติ และอคุ คหนมิ ิตโดยปรยิ าย และทไ่ี ดน มิ ติ ท้งั ๒ หรอื ทั้ง ๓ โดยตรงมีอยางละเทา ไร คอื อะไรบา ง ? [P] 57ส ตอบ สมถกรรมฐานทไ่ี ดบรกิ รรมนมิ ติ และอุคคหนมิ ติ โดยปรยิ าย มี ๑๘ คือ อนุสสติ ๘ (เวน กายคตาสติ อานาปานัสสติ) อัปปมัญญา ๔ สญั ญา ๑ ววตั ถาน ๑ อรปุ ป ๔ กรรมฐานนไี้ ดนิมิตทัง้ ๒ หรอื ท้งั ๓ โดยตรงมี ๒๒ คอื กสณิ ๑๐ อสุภะ ๑๐ โกฏฐาสะ ๑ อานาปานัสสติ ๑ ๕. ก. อภญิ ญา หมายความวา อยา งไร หมายเอาปญ ญาทป่ี ระกอบในจิตอะไร ? [P] 43ส ข. วปิ ส สนามี่กี่ประการ คอื อะไรบาง ? ใหแ สดงความหมายดว ย ? [P] 43ส, 48(6)ส ตอบ ก. อภิญญา หมายความวา ปญญาที่มีการรูในอารมณ ๖ เปนพิเศษ หมายเอาปญญาที่ประกอบใน รูปปญ จมฌานที่มคี วามรูค วามสามารถอยา งนาอศั จรรย เน่ืองมาจากสมาธิทม่ี กี ําลงั อยางเย่ียมนี้เอง เปนการเรียก โดยตรง สวนรปู ปญ จฌานจติ ทีเ่ รยี กวา อภญิ ญาน้ัน ก็เพราะเกิดพรอมกันกับอภิญญา เปน การเรียกโดยออม ข. วิปสสนามี ๓ ประการ คอื ๑. สงั ขารปรคิ คณั หนกวปิ สสนา คือวปิ ส สนาญาณทมี่ ีการกาํ หนดรูใ นสงั ขารธรรมรปู นาม ๒. ผลสมาปตตปิ สสนา คอื วปิ สสนาญาณท่เี ปน เหตุใหเขาผลสมาบตั ิได ๓. นโิ รธสมาปตติวปิ ส สนา คอื วปิ ส สนาญาณทีเ่ ปน เหตุใหเขา นโิ รธสมาบัตไิ ด ๕. คาํ วา จตุปาริสุทธิสลี นนั้ หมายความวาอยางไร? ไดแกอะไรบาง ? [P] 53ส ตอบ คาํ วา จตุปาริสทุ ธิสลี นั้นหมายความวา ความบริสทุ ธข์ิ องศีล มี ๔ อยา ง คอื ๑. ปาตโิ มกฺขสวํ รสีลํ ไดแ ก ศลี ท่ีสํารวมในพระปาตโิ มกข ๒. อนิ ฺทรฺ ยิ สวํ รสีลํ ไดแ ก ศลี ทส่ี าํ รวมในอินทรยี  ๖ ๓. อาชวี ปรสิ ทุ ธฺ สิ ีลํ ไดแ ก ศลี ท่มี อี าชพี บริสทุ ธิ์ ๔. ปจฺจยสนฺนสิ สฺ ติ สีลํ ไดแ ก ศลี ท่อี าศยั ปจจยั ๔ ๔. จงแสดงการแผเ มตตา แบบบรกิ รรมทองจําท่วั ไปอยางสามัญ ใหแ กบ คุ คล ๑๒ ท่ีอยูใ นทิศใหญ ๖ ทง้ั บาลีและคําแปล ? 60 บาลี:ทิศ คน แผ, แปล คน ทศิ แผ ตอบ แสดงการแผเ มตตาใหแกบคุ คล ๑๒ ท่ีอยูใ นทศิ ใหญ ๖ ดังนี้ ปุรตถฺ มิ าย ทสิ าย ปจฺฉมิ าย ทิสาย อตุ ฺตราย ทสิ าย ทกขฺ ิณาย ทิสาย เหฏฐ ฃิมาย ทิสาย อุปรมิ าย ทิสาย สพฺเพ สตฺตา สพเฺ พ ปาณา สพเฺ พ ภูตา สพฺเพ ปคุ คฺ ลา สพฺเพ อตฺตภาวปรยิ าปนนฺ า สพพฺ า อิตถฺ โิ ย สพฺเพ ปรุ ิสา สพเฺ พ อริยา สพฺเพ อนริยา สพเฺ พ เทวา สพฺเพ มนสุ สฺ า สพฺเพ วินิปาตกิ า อเวรา โหนตฺ ุ อพยฺ าปชฌฺ า โหนตฺ ุ อนฆี า โหนฺตุ สขุ ี อตฺตานํ ปรหิ รนฺตุ. แปลวา ขอสตั วท ้ังหลาย สตั วท ีม่ ชี ีวติ ท้ังหลาย สัตวที่ปรากฏชดั ท้ังหลาย บคุ คลทั้งหลาย สตั วท่มี อี ัตภาพทัง้ หลาย หญิง ท้ังหลาย ชายทั้งหลาย พระอริยบุคคลท้งั หลาย ปุถุชนทง้ั หลาย เทวดาท้ังหลาย มนุษยท้ังหลาย พวกวินิปาติก-อสุรา ท้ังหลาย ที่อยูทางทิศตะวันออก ที่อยูทางทิศตะวนั ตก ที่อยูทางทิศเหนือ ที่อยูทางทิศใต ที่อยูทางทิศเบื้องลาง ที่อยู ทางทิศเบื้องบน จงไมมีศัตรภู ายในและภายนอกท่ัวกัน จงไมมีความวิตกกังวลเศรา โศก พยาบาทท่ัวกัน จงไมมีความ ลําบากกายใจ พน จากอุปท วภัยทวั่ กนั จงนาํ อัตตภาพที่เปน อยดู ว ยความสุขกายสุขใจ ตลอดกาลนานทั่วกัน ๕. จงแสดงการแผ กรณุ า มุทติ า และอเุ บกขา ใหแ กห ญิงทั้งหลาย ชายท้งั หลาย ๑๑ ธ.ค. ๖๑ ดาวนโหลดขอมลู ตา งๆไดจาก ขอความเพิ่มเติมที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว)

มัชฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 65 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ที่อยูทางทศิ ตะวนั ออกเฉียงใต และทิศตะวันตกเฉียงใต ทั้งคําบาลีและคําไทย ? [P] 45ส ตอบ แสดงการแผด งั ตอ ไปนี้ ปรุ ตถฺ ิมาย อนทุ สิ าย ทกขฺ ิณาย อนุทิสาย สพพฺ า อติ ถฺ โิ ย สพฺเพ ปุรสิ า ทกุ ขฺ า มุจฺจนตฺ ,ุ ยถาลทธฺ สมฺปตฺตโิ ต มา วคิ จฉฺ นตฺ ุ กมมฺ สฺสกา แปลวา ขอหญิงทง้ั หลาย ชายทง้ั หลาย ท่อี ยทู างทิศ ตะวนั ออกเฉียงใต ทอ่ี ยูทางทศิ ตะวันตกเฉียงใต จงพนจากความทกุ ขกาย ทุกขใจ อยา ไดสญู สิ้นจากความสขุ ความเจรญิ ทีม่ ีอยู มกี รรมเปน ของของตน ขอ ๖ ๖. วิปส สนา แปลวาอยางไร มีวจนตั ถะวา อยา งไร วิปส สนามีกปี่ ระการ คอื อะไรบาง ? [P] 52ส ๖. วปิ สสนา แปลวาอยา งไร มีก่ปี ระการ คอื อะไรบา ง ใหแสดงพรอ มดวยความหมาย ? [P] 57ส ๕. ข. วปิ ส สนาแปลวาอยา งไร ? มีวจนตั ถะวาอยางไร ? [P] 56ส ๕. ค. วิปส สนามีก่ีประการ ? คืออะไรบา ง ? [P] 56ส ตอบ วปิ สสนา แปลวา ความเหน็ แจงเปน พิเศษ (52, 56) ดังมวี จนตั ถะวา วเิ สเสน ปสสฺ ตตี ิ = วิปสสฺ นา (52, 56) ธรรมชาตใิ ดยอ มเหน็ แจงเปนพิเศษ ฉะน้ัน ธรรมชาตนิ น้ั ช่ือวา วปิ ส สนา วิปสสนา มี ๓ ประการ คอื ๑. สงฺขารปรคิ คฺ ณฺหนกวิปสฺสนา คอื วปิ สสนาญาณ ท่มี กี ารกําหนดรใู นสงั ขารธรรม รปู นาม ๒. ผลสมาปตตฺ วิ ิปสสฺ นา คอื วปิ ส สนาญาณทเ่ี ปน เหตใุ หเขา ผลสมาบตั ิได ๓. นิโรธสมาปตตฺ วิ ิปสสฺ นา คอื วปิ สสนาญาณทเี่ ปน เหตใุ หเ ขานโิ รธสมาบตั ไิ ด ๖. ธรรม ๖ หมวดในวิปส สนากรรมฐานนนั้ (ยกเวน หมวดที่ ๔แลว) ทเ่ี หลอื ๕ หมวด จงแสดงชื่อหมวดและธรรมทีอ่ ยูในหมวดน้นั ๆ มาใหถกู ตอ ง? (ไมต องแสดงความหมาย) ? [P] 45ส ตอบ ธรรม ๖ หมวด (ยกเวน หมวดที่ ๔) ในวิปส สนากรรมฐานนน้ั คือ ๑. วสิ ุทธิมี ๗ คือ สลี วสิ ทุ ธิ จิตตวิสทุ ธิ ทฏิ ฐวิ สิ ุทธิ กงั ขาวติ รณวิสทุ ธิ มัคคามคั คญาณทสั สนวสิ ทุ ธิ ปฏิปทาญาณทัสสนวิสทุ ธิ ๒. ลักษณะมี ๓ คือ อนจิ จลกั ษณะ ทกุ ขลักษณะ อนตั ตลกั ษณะ ๓. อนปุ สสนามี ๓ คือ อนิจจานุปสสนา ทกุ ขานปุ สสนา อนัตตานุปส สนา ๔. วปิ สสนาญาณ มี ๑๐ คอื สมั มสนญาณ อทุ ยพั พยญาณ ภงั คญาณ ภยญาณ อาทนี วญาณ นิพพิทาญาณ เวน ไมต อ งแสดง มญุ จิตกุ มั ยตาญาณ ปฏสิ ังขาญาณ สงั ขารเุ ปกขาญาณ และอนุโลมญาณ ๕. วโิ มกขม ี ๓ คอื สุญญตวโิ มกข อนมิ ิตตวโิ มกข อัปปณิหิตวิโมกข ๖. วโิ มกขมขุ มี ๓ คอื สุญญตานุปสสนา อนมิ ติ ตานปุ สสนา อัปปณหิ ิตานุปส สนา ๕. ในญาณ ๑๖ นน้ั ญาณไหน มีอะไรเปน อารมณ ? [P] 44ส, 55ส(6) ๖. ใหตอบคาํ ถามทเี่ กย่ี วกับญาณ ๑๖ ดังตอไปนี้ ? [P] 43ส ก. ในญาณ ๑๖ นน้ั ญาณไหน มีอะไรเปน อารมณ ? [P] ข. วิปส สนูปกิเลส แปลวาอยางไร ? เกดิ ขึ้นแกผูปฏบิ ตั ิวิปส สนา ไดบ รรลุถึงญาณอะไร ? [P] 56(5ก), 57ส ค. ใหวจิ ารณเก่ยี วกบั วปิ ส สนูปกเิ ลสวาดีหรือไมด ีอยา งไร ? [P] ตอบ ก. ในญาณ ๑๖ นัน้ ญาณที่ ๑ คอื นามรปู รจิ เฉทญาณ มีนามหรือรปู เปนอารมณ ญาณท่ี ๒ คอื ปจจัยปริคคหญาณ มเี หตปุ จ จยั ของนามรูป เปนอารมณ ตง้ั แต ญาณท่ี ๓ คือ สมั มสนญาณเปนตน จนถึงญาณที่ ๑๒ คือ อนุโลมญาณ รวม ๑๐ ญาณนี้ มีไตรลักษณหรอื ลักษณะ ๓ อยางใดอยา งหน่ึง เปนอารมณ ญาณท่ี ๑๓, ๑๔, ๑๕ คือ โคตรภญู าณ มคั คญาณ ผลญาณ รวม ๓ ญาณนี้ มนี ิพพาน คอื ดาวนโ หลดขอ มูลตางๆไดจ าก ขอ ความเพมิ่ เตมิ ท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑

มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 66 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน สอปุ าทิเสสนพิ พาน เปน อารมณ ญาณที่ ๑๖ คือ ปจจเวกขณญาณมี มรรค ผล นพิ พาน กิเลสทปี่ ระหาณแลว และกิเลสทีย่ งั ไมไดป ระหาณ เปนอารมณ ข. วปิ ส สนปู กเิ ลส แปลวา สงิ่ ทที่ าํ ใหว ิปสสนาญาณหมนหมอง หรอื เศรา หมองเกิดขน้ึ แกผูปฏบิ ัติ วปิ ส สนาใหบ รรลุถึงตรณุ อทุ ยพั พยญาณคอื อทุ ยพั พยญาณอยางออ น ค. ขอวิจารณว า ดี หรอื ไมดี กไ็ ดท ง้ั ๒ อยาง ดงั น้ี ที่ดนี ้นั คอื ดตี รงทีว่ า ผูเ จริญวิปส สนาไดปฏบิ ตั ถิ กู ทาง พยายามกําหนดพจิ ารณารปู นาม ไมท อ ถอย จนถงึ อทุ ยัพพยญาณอยา งออ นแลว เทานนั้ วปิ ส สนปู กิเลสจงึ จะเกดิ ขน้ึ ทีว่ าไมด นี ัน้ คือ ไมด ตี รงทวี่ า ถา ผูเจรญิ วปิ สสนาทไี่ มฉ ลาด เมอ่ื วปิ สสนปู กิเลส เกดิ ขึ้นแลว ยอ มหลงตดิ อยใู น วิปส สนปู กเิ ลส เพราะเขาใจผดิ คดิ วา เปน มรรคเปน ผล วปิ ส สนาวิถกี จ็ ะไมดําเนนิ ตอไป หยดุ อยูเ พยี งแคน ้ี โอกาสทีจ่ ะบรรลุมรรคผลกห็ มดไป ๖. การเห็นแจง เปน พเิ ศษ ซง่ึ เปน ตวั วิปสสนาปญ ญานั้นมีอยูก่อี ยา ง คอื อะไรบาง? และอยางนน้ั ๆ สงเคราะหลงในญาณอะไรไดบาง ? [P] 44ส, 54ส ตอบ มอี ยู ๒ อยาง คอื ๑. การเหน็ แจงเปนพิเศษในอารมณต า ง ๆ ทม่ี าปรากฏทางตา หู จมกู ลิ้น กาย ใจ โดยความเปนรูปนามและ อยา งที่ ๑ น้ี สงเคราะหล งในนามรูปปริจเฉทญาณ และปจจยปรคิ คหญาณ ๒. การเหน็ แจงเปนพเิ ศษในอารมณต า งๆ ทมี่ าปรากฏทางตา หู จมูก ลนิ้ กาย ใจ โดยความเปน อนิจจงั ทกุ ขัง อนตั ตา อสุภะ และอยางที่ ๒ นส้ี งเคราะหลงในวปิ สสนาญาณ ๑๐ คอื สมั มสนญาณ เปน ตน จนถึงอนุโลมญาณ ๖. ก. การนอนเน่อื งของอนสุ ยั กิเลสนมี้ อี ยกู ีป่ ระการ คืออะไรบา ง ? [P46] 47ส ข. จงแสดงธรรมท่ีประหาณอนุสัยกิเลสทั้ง ๒ นี้ ? [P] 47ส ตอบ ก. การนอนเนอ่ื งของ อนสุ ัยกิเลสนีม้ ีอยู ๒ ประการ คอื ๑. กเิ ลสทนี่ อนเนื่องอยใู นการเกดิ ข้ึนสบื ตอ แหงรปู นาม ชอ่ื วา สนั ตานานสุ ยกเิ ลส ๒. กเิ ลสท่ีนอนเนื่องอยูใ นอารมณท ีเ่ ปน ปยรูป สาตรปู อปย รปู อสาตรูป ชื่อวา อารมั มณานสุ ยกเิ ลส ข. ธรรมทป่ี ระหาณอนุสยั กิเลสท้ัง ๒ คอื มรรคทง้ั ๔ ทาํ การประหาณสนั ตานานุสยกิเลส วปิ สสนาญาณทีม่ รี ูปนามเปน อารมณ ทาํ การประหาณอารัมมณานสุ ยกเิ ลส ๖. โคตรภูญาณ หมายความวา อยางไร จัดเปนโลกยี ะหรือโลกุตตระ หรอื เปน อะไร ใหอธิบายตามที่เขาใจ ? [P] 49ส, 56ส, 59ส ตอบ โคตรภูญาณ หมายความวา ปญ ญาท่ีทาํ ลายโคตรของปถุ ชุ น แลว เขาสโู คตรของพระอรยิ เจา เปน ยอด ของวปิ สสนา ไมจ ดั เปน ปฏปิ ทาญาณทัสสนวิสุทธิ ท่เี ปน โลกียะเพราะไมไ ดพ ิจารณารูปนาม เปน อนจิ จงั ทุกขัง อนัตตา ไมจ ดั เปน ญาณทสั สนวิสทุ ธทิ ี่เปน โลกตุ ตระ เพราะไมไ ดท าํ ลายกิเลสใหส ิ้นไป เปน อัพโพหาริก คอื อยใู น ระหวา งโลกียะกับโลกตุ ตระตอกนั แตจดั เปนวปิ สสนาได เพราะตกไปในกระแสแหง วปิ ส สนา ๖. การเจริญวิปส สนา เมือ่ ไดบ รรลสุ ังขารุเปกขาญาณแลว จะไดบรรลุมรรคผลหรือไมเพราะเหตุไร ? [P] 51ส, 58ส(5) ตอบ จะไดบ รรลมุ รรคผลไดก ม็ ี จะไมไ ดบ รรลมุ รรคผลกม็ เี พราะเหตวุ า ถา สงั ขารเุ ปกขาญาณทีไ่ ดบรรลนุ น้ั เขาถงึ ความเปน วฏุ ฐานคามนิ ีวิปสสนา หรอื สงั ขารุเปกขาญาณน้นั เขาถึงความเปน ยอดคือประกอบดว ยองคค ณุ ๖ ประการ ตอ งไดบรรลุมรรคผลแนน อน แตถ าสังขารุเปกขาญาณท่ีไดบรรลนุ น้ั ไมเขาถึงความเปน วุฏฐานคา ดาวนโหลดขอ มลู ตา งๆไดจาก ขอความเพ่มิ เติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑

มชั ฌิมอาภิธรรมิกะโท 67 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน มนิ ีวปิ ส สนา หรือไมป ระกอบดว ยองคค ณุ ๖ ประการ ก็จะไมไ ดบรรลมุ รรคผล ๖. ก. วฏุ ฐานคามินวี ปิ ส สนา หมายความวา อยางไร ? และวิปส สนาญาณอะไร ? ที่จัดเปนวุฏฐานคามนิ ีวิปส สนา ถา ญาณนเ้ี กิดขึน้ แลว จะไดส าํ เร็จมรรคผลหรือไม เพราะเหตไุ ร ? 60 ตอบ ก. วุฏฐานคามนิ ีวิปส สนา หมายความวา วิปส สนาที่ถงึ การออกไป คอื มกี ารสบื ตอ กนั กบั มรรค และ วิปสสนาญาณ ที่จดั เปน วุฏฐานคามินวี ปิ สสนา ไดแ ก สงั ขารุเปกขาญาณตอนปลาย และอนโุ ลมญาณ ถาญาณนี้เกดิ ขึน้ แลว จะไดส าํ เร็จมรรคผลแนนอน เพราะวุฏฐานคามินวี ปิ สสนานี้ สืบตอกันกบั มรรค และมรรค ก็ช่อื วา วุฏฐานะ ทแ่ี ปลวา เพราะออกจากวตั ถุทีย่ ดึ อนั เปน นิมติ ๖. ก. วิปส สนาญาณอะไรบา ง จดั เปนวฏุ ฐานคามินวี ิปส สนา และวุฏฐานคามินีวิปส สนานี้ มีอะไรเปน อารมณ ? [P] 50ส, 53ส, 55(5) ข. ในญาณ ๑๖ นน้ั ญาณอะไรบางท่ปี รากฏในโสดาปต ตมิ ัคควถิ ี และญาณเหลาน้ี ญาณไหนเปน โลกียะ และโลกตุ ตระ ? [P] 50ส, 53ส, 55(5) ตอบ ก. สงั ขารุเปกขาญาณเบอ้ื งปลาย และอนโุ ลมญาณ จดั เปนวฏุ ฐานคามนิ วี ปิ สสนา และวุฏฐานคามนิ วี ปิ สสนานี้ มไี ตรลกั ษณเ ปนอารมณ ข. อนโุ ลมญาณ โคตรภญู าณ มคั คญาณ และผลญาณ รวม ๔ ญาณน้ี ปรากฏอยใู นโสดาปต ตมคั ควถิ ี อนโุ ลมญาณ เปน โลกียะ โคตรภญู าณ เปน ญาณทอี่ ยรู ะหวา งโลกยี ะและโลกุตตระตอ กัน กลาวคอื ตัวญาณ เปนโลกยี ะ อารมณของญาณเปน โลกตุ ตระ คอื นิพพาน มคั คญาณและผลญาณเปน โลกุตตระ ๖. ข. โสฬสญาณแปลวา อะไร ? คอื ญาณอะไรบาง ? 60 ตอบ ข. โสฬสญาณ แปลวา ญาณ ๑๖ คือ ๑. นามรปู ปริจเฉทญาณ ๒. ปจจยปริคคหญาณ ๓. สมั มสนญาณ ๔. อุทยัพพยญาณ ๘. นิพพทิ าญาณ ๕. ภังคญาณ ๖. ภยญาณ ๗. อาทนี วญาณ ๑๒. อนโุ ลมญาณ ๑๖. ปจจเวกขณญาณ ๙. มุญจติ กุ ัมยตาญาณ ๑๐. ปฏสิ งั ขาญาณ ๑๑. สังขารุเปกขาญาณ ๑๓. โคตรภูญาณ ๑๔. มคั คญาณ ๑๕. ผลญาณ ๕. โลกียปริญญา คืออะไร มีก่ีอยาง อะไรบา ง ? 61 ตอบ โลกียปรญิ ญา คอื การกาํ หนดรูสภาพธรรมขนั้ โลกียะ มี ๓ อยา ง ๑. ญาตปรญิ ญา คือ การกาํ หนดรูดว ยการรู ๒. ตีรณปรญิ ญา คอื การกาํ หนดรดู วยการไตรต รองใครครวญ ๓. ปหานปรญิ ญา คอื การกําหนดรูด ว ยการละ *************************** สิ่งทส่ี าํ คญั คอื การเขา เรยี น-ศึกษากับอาจารยผูสอน เพอื่ ความรูความเขา ใจทถ่ี กู ตอ ง แจม แจง หากสงสยั จะไดสอบถามทันที การรวบรวมขอ สอบทีเ่ คยออกมาแลวน้ี เปน เพยี งแนวทางสาํ หรับ ผูศ กึ ษา นาํ มาเนน+ทรงจําไว (หากความสามารถมากกวา น้ี ก็ควรจะทรงจาํ ใหไดทั้งหมด จงึ จะช่อื วา สุตะดวยดี เพอ่ื การจินตาและภาวนาตอไป) การสอบไมใ ชทสี่ ดุ ของชวี ติ แตข อใหต งั้ จติ ศึกษาและทรงจาํ เพอ่ื ธํารงและรักษาไวซ ง่ึ พระ ศาสนา รอู รรถะและพยญั ชนะ ทง้ั เขา ใจและเขาใหถงึ ธรรมะ แมย ังมิบรรลุคุณธรรมอันสูงถงึ ขั้นอริยะ กข็ อจงเปนผูร ธู รรมะ (ตามสมควร) และจงเปน ผมู ธี รรมะ วายเมเถว ปุริโส ยาว อตถฺ สฺส นิปปฺ ทา เกิดเปนคนควรจะพยายาม จนกวาจะประสบความสาํ เร็จ สําเนาประกอบการเรยี นหรอื แจกโดยไมตองขออนญุ าต (สงวนสิทธ์ใิ นการจาํ หนา ย) ผดิ -ตกขออภยั และกรณุ าแจง ดวยคะ ที่ 081-860-2466, Line ID: 081-8602466, fb: Kanrasi Sengking, E-mail: [email protected], [email protected] ดาวนโ หลดขอมลู ตา งๆไดจาก ขอความเพ่ิมเติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook