Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมเฉลยข้อสอบข้อเขียน/สัมภาษณ์ พระอภธิรรม ชั้นมหาอาภธิรรมมิกะตรี

รวมเฉลยข้อสอบข้อเขียน/สัมภาษณ์ พระอภธิรรม ชั้นมหาอาภธิรรมมิกะตรี

Published by WATKAO, 2021-01-09 07:14:33

Description: ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศีกษา ๒๕๔๓-๖๓
อภิธรรมโชตกิะวทิยาลัย มหาวิทยาลยัมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ชั้น มหาอาภิธรรมมิกะตรี

Search

Read the Text Version

รวมเฉลยขอ สอบขอ เขยี น/สัมภาษณ พระอภธิ รรม ภาคเรยี นที่ ๒ ปการศกึ ษา ๒๕๔๓-๖๓ อภธิ รรมโชตกิ ะวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ชน้ั มหาอาภธิ รรมมกิ ะตรี  สอบขอ เขียน วนั แรก วันศุกรท.ี่ ......ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕.... วชิ า : มูลยมกะ ปณ ณตั ติวาระในขันธยมกะ ๗ ขอ ๗๐ คะแนน เวลา ๔ ชม.  สอบขอ เขียน วนั ทสี่ อง วนั เสารที่.......ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕.... วิชา : ปวัตตวิ าระ ปรญิ ญาวาระ ๗ ขอ ๗๐ คะแนน เวลา ๔ ชม.  สอบสัมภาษณ วันทส่ี าม วนั อาทิตยท่ี.......ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕.... วชิ า : มลู ยมกะ ปณณตั ตวิ าระในขันธยมกะ ปวัตติวาระ ปริญญาวาระ ๖ ขอ ๓๐ คะแนน เวลา ๑๕ นาที สาํ เนาหรือแจกได โดยไมต อ งขออนญุ าต (สงวนสทิ ธห์ิ ากนาํ ไปจาํ หนาย) ผิดตกขออภัยและกรณุ าแจง (จกั ขอบพระคณุ ) ท่ี 081-860-2466 (Line ID), E-mail: [email protected], [email protected] ดาวนโ หลดขอมูลไดจ ากขอความเพิ่มเติมท่ี youtube หรอื ที่ fb : Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) การสอบไมใ ชทสี่ ดุ ของชีวิต แตข อใหตัง้ จติ ศกึ ษาและทรงจาํ เพอื่ ธํารงและรักษาไวซ ึง่ พระศาสนา รูอรรถะและพยญั ชนะ ท้ังเขาใจและ เขา ใหถ งึ ธรรมะ แมย ังมบิ รรลุคณุ ธรรมอันสงู ถงึ ขัน้ อรยิ ะ ก็ขอจงเปนผูร ธู รรมะ (ตามสมควร) และจงเปนผูมีธรรมะ ขออนโุ มทนาในการศกึ ษาธรรมะ และทุกๆกศุ ลทที่ านกระทําไวดีแลว และทจ่ี ะกระทาํ ในอนาคต ใหเราน้นั มีปจ จยั ถงึ พรอมเพื่อการทาํ กศุ ลใหสาํ เรจ็ โดยสะดวก งา ยดาย และเรว็ ไว จนถงึ มัคคกศุ ล โดยเร็วพลนั เทอญ

มลู ยมก ปณ ณตั ิวาระในขนั ธยมกะ (วันแรก) 1 รวมเฉลยขอ สอบขอ เขยี นพระอภธิ รรม ภาคเรยี นที่ ๒ ปก ารศกึ ษา ๒๕๔๓-๖๓ อภธิ รรมโชตกิ ะวทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั ชนั้ มหาอาภธิ รรมมกิ ะตรี สอบวนั ศกุ รท ี่ .......... ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕....... วชิ า : มลู ยมกะ ปณณตั ตวิ าระในขนั ธยมกะ ๗ ขอ ๗๐ คะแนน เวลา ๔ ช.ม. (วนั แรก) มลู ยมกะ ขอ ๑ (บทนํา) ๑. ก. ใหแ ปลบาลดี งั ตอ ไปน้ี เกนฏเน ยมกนตฺ ิ ยคุ ฬฏเน ยคุ ฬหฺ ิ ยมกนตฺ ิ วจุ จฺ ต.ิ และจงแสดงวจนตั ถะของ ยมกํ นยั ที่ ๑ ? [P.1] 43, 46, 56, 60 ตอบ ก. แปล ท่ีเรยี กวา ยมกะ เพราะอรรถวา กระไร ? แกว า ดวยอรรรถวาเปนคูก ัน, จรงิ ดังนนั้ สง่ิ ทีเ่ ปน คูกนั ทา นจงึ เรยี กวา “ยมกะ” แสดงวจนัตถะของ “ยมก”ํ นัยที่ ๑ ยมสสฺ ราชสสฺ วสิ ยํ กมติ อตกิ กฺ มติ เอเตนาติ = ยมกํ ปกรณช ่ือวา “ยมกะ” เพราะอรรถวา เปนเครื่องกา วลว งวสิ ัย ของพระยายมเสยี ได ๑. ก. ใหแ ปลบาลี ? [P.1] 48, 52, 53, 63 ๑. เกนฏเน ยมกนตฺ ิ ยคุ พฏเน ยคุ ฬหฺ ิ ยมกนตฺ ิ วจุ จฺ ต.ิ ๒. ยมสสฺ ราชสสฺ วสิ ยํ กมติ อตกิ กฺ มติ เอเตนาติ = ยมกํ ๓. ยจฺ ตํ มฺจ กจฺ าติ = ยมกํ ๑. ก. จงแสดงวจนตั ถะของคาํ วา “ยมกะ” ทงั้ บาลแี ละคาํ แปล ? 45, 52, 55, 57, 59, 62 ๑. ก. จงแสดงวจนตั ถะดงั ตอ ไปนี้ ยมก,ํ ย,ํ ม,ํ กํ ? 51 ๑. ก. ยมสสฺ ราชสสฺ วสิ ยํ กมติ อติกฺกมติ เอเตนาติ = “ยมกํ”พระบาลนี ้ี แปลวา อะไร ? 61 ๑. ก. ยจฺ ตํ มฺจ กจฺ าติ = ยมกํ จงแปลวจนตั ถะน้ี มาใหถ กู ตอ ง ? 47 ตอบ (48, 52, 53) ก. แปล ทเี่ รยี กวา ยมกะ เพราะอรรถวากระไร แกวา ดวยอรรถวาเปน คูก นั , จรงิ ดงั นนั้ สงิ่ ท่เี ปนคกู ัน ทา นจึงเรยี กวา “ยมกะ” ตอบ (45, 52, 55, 57, 62) ก. วจนตั ถะของคาํ วา ยมกะ มีดังนี้ คือ ยมสสฺ ราชสสฺ วสิ ยํ กมติ อตกิ ฺกมติ เอเตนาติ = ยมกํ ปกรณช อ่ื วา ยมกะ เพราะอรรถวา เปนเครื่องกาวลว งวสิ ยั ของพระยายมเสยี ได หรือ ๑. นพิ พฺ านํ ยนตฺ ิ คจฉฺ นฺติ เอเตนาติ = ยํ ปกรณช ื่อวา ยํ เพราะเปนเคร่ืองบรรลุพระนิพพาน ๒. มนนฺติ ชานนฺติ ปรมตฺถธมฺมํ เอเตนาติ = มํ ปกรณช ือ่ วา มํ เพราะอรรถวา เปน เคร่อื งรปู รมตั ถธรรมของเวไนยสตั ว ๓. กมติ อติกกฺ มติ วิจกิ จิ ฉฺ ํ เอเตนาติ = กํ ปกรณช ่อื วา กํ เพราะอรรถวา เปนเครอ่ื งกา วลวงวิจกิ ิจฉาของเวไนยสัตว ๔. ยจฺ ตํ มฺจ กฺจาติ = ยมกํ  ดาวนโ หลดขอมูลจากขอ ความเพ่ิมเตมิ ที่ youtube หรอื ท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณตั ิวาระในขนั ธยมกะ (วันแรก) 2 ปกรณช ือ่ วา ยมกะ เพราะอรรถวา เปน เครือ่ งบรรลุพระนิพพาน เปนเครื่องรปู รมตั ถธรรม และเปน เครอ่ื งกาวลวงวิจกิ ิจฉาของเวไนยสัตว ๑. ข.ในอธบิ ายทา ยเลม ยมกปกรณ คาํ วา ปกรณทชี่ ่อื วา ยมกะเพราะอรรถวา เปน เครอ่ื งกา วลวงวสิ ัยของพระยา ยมเสยี ไดน ้ัน คาํ วา พระยายมนน้ั ไดแ กอ ะไร ? พระองคท รงแสดงแกใ คร? คาํ วา โลกๆ นน้ั พระองคท รงมงุ หมายถงึ อะไร จงอธบิ าย ? [P.397] 61 ตอบ ข. คาํ วา พระยายม ไดแ กค วามตายน้เี อง พระองคท รงแสดงแกทานโมฆราช คําวา โลก ๆ นั้น พระองคทรงมงุ หมายเอาขันธโลก คอื อุปาทานขันธ อันไดแ กรา งกายที่มีใจครอง มีเวทนา สัญญา ของเรา ทานทม่ี คี วามยาวหนงึ่ วา หนาหนง่ึ คบื กวางหนงึ่ ศอกนี้แหละ เปน “โลก” มิไดท รงหมายถึง ดิน ฟา อากาศ ภเู ขา ตน ไม ทะเล มหาสมทุ รท่เี ปน โอกาสโลกแตประการใด ๑. ก. อยากทราบวา ทา นเรยี นยมกะเพอื่ ประโยชนอ ะไร ? (ใหต อบตามคาํ แปลของวจนัตถะคาํ วา ยมกํ) ? 50 ตอบ ก. เพอื่ ประโยชน ๔ อยา ง คือ ๑. เพอ่ื เปนเครื่องกาวลวงวสิ ัยของพระยายมเสียได ๓. เพื่อเปน เครือ่ งรูปรมัตถธรรมของเวไนยสัตว ๒. เพือ่ เปนเครอ่ื งบรรลุพระนิพพาน ๔. เพอ่ื เปนเครอื่ งกา วลวงวจิ ิกิจฉาของเวไนยสตั ว ๑. ข. ในยมกปกรณน มี้ ปี ญ หาอยกู อ่ี ยา ง คอื อะไรบา ง ใหแสดงพรอ มทง้ั ความหมาย ? 44(1ก), 4(1ข), 58, 61, 63 และปญ หาชนดิ ไหนคกู บั วสิ ัชนาอะไร ? 43, 46, 50, 52, 53, 56, 59, 62 ตอบ ข. ในยมกปกรณน ้ีมีปญ หาอยู ๔ อยา ง คอื ๑. ปุเรปญหา หมายถึง เปน คาํ ถามท่มี อี งคธ รรมตา งกัน คอื องคธรรมของสนั นฏิ ฐานบทนัน้ ตางกันกบั องคธรรมของสังสยบท ๒. ปจ ฉาปญ หา หมายถึง เปนคําถามท่ีมอี งคธรรมเหมอื นกัน คอื องคธ รรมของสันนิฏฐานบทกบั องคธรรมของสังสยบทนน้ั เหมอื นกนั ๓. ปรปิ ุณณปญหา หมายถงึ เปน คาํ ถามทม่ี อี งคธรรมตางกันก็มี องคธ รรมทเ่ี หมือนกนั กม็ ี คือ องคธ รรมของสันนฏิ ฐานบทบางอยา งก็ตา งกนั กบั องคธ รรมของสังสยบท และ บางอยา งก็เหมือนกันกบั องคธรรมของสังสยบท หมายความวา มที ้ังปุเรปญ หา และปจ ฉาปญ หา พรอ มอยูใ นปญ หาน้ี ๔. โมฆปญ หา โมฆปญหานี้ มีอยูสองประการ คอื ๔.๑. เปนคําถามที่ถามถึงองคธรรมของสันนฏิ ฐานบท ซงึ่ องคธ รรมของสันนิฏฐานบทนน้ั ไมม ี ฉะนน้ั คําถามประเภทนี้จงึ เปน โมฆะไป ๔.๒. เปนคาํ ถามทถ่ี ามถึงองคธรรมของสันนิฏฐานบท แตส งั สยบทท่เี ปนบทถามนน้ั ไมมอี งคธรรม ฉะน้ัน คําถามนีก้ เ็ ปน โมฆะเชน เดยี วกนั [(43, 46, 50, 52, 53, 56) และ ปุเรปญญาคูกับปาฬิคติวิสัชนา ปจฉาปญหาคูกับปฏิวจนวิสัชนา ปริปณุ ณปญ หาคูกับสรปู ทสั สนวสิ ัชนา โมฆปญ หาคูกับปฏิกเขปวิสชั นา หรือ ปฏเิ สธวสิ ชั นา]  ดาวนโ หลดขอ มูลจากขอความเพิ่มเติมท่ี youtube หรือที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณตั วิ าระในขนั ธยมกะ (วนั แรก) 3 ๑. ข. ในยมกะปกรณน ม้ี ปี ญ หาและวิสชั นา ฝา ยละกอ่ี ยา ง คอื อะไรบา ง ? (ไมต อ งแสดงความหมาย) และปญ หาไหนคกู บั วสิ ชั นาอะไร ? 45, 48, 55 ตอบ ข. ในยมกะปกรณน ้ีมปี ญหาอยู ๔ อยางคือ ๑. ปเุ รปญ หา ๒. ปจฉาปญ หา ๓. ปรปิ ุณณปญ หา ๔. โมฆปญหา ธรรมที่เปน ฝายวสิ ชั นามี ๕ อยาง คือ ๑. สรปู ทัสสนวิสัชนา ๒. ปฏิวจนวสิ ชั นา ๓. ปาฬคิ ตวิ สิ ัชนา ๔. ปฏกิ เขปวสิ ัชนา ๕. ปฏิเสธวสิ ัชนา และ ปุเรปญญาคูกับปาฬิคติวิสัชนา ปจฉาปญหาคูกับปฏิวจนวิสัชนา ปริปณุ ณปญหาคูกับสรปู ทัสสนวิสัชนา โมฆปญ หาคกู บั ปฏิกเขปวสิ ัชนา หรือ ปฏิเสธวสิ ชั นา ๒. สรปู ทสั สนวสิ ชั นา ทม่ี วี ภิ งั คโ ดยตรง และทมี่ วี ภิ งั คโ ดยออม ตา งกนั อยา งไร จงแสดงไมต อ งยกตวั อยา ง และ ทม่ี วี ภิ งั คโ ดยตรง ทานแสดงวา องคธรรมของสงั สยบทไดแ กอ งคธ รรมหมวดหลังเทา นนั้ ไมสงสยั สว นทม่ี ี วภิ งั คโ ดยออ มจะแสดงวา องคธรรมของสงั สยบทไดแ กอ งคธ รรมหมวดหลงั เทา นนั้ เชน น้ี ไดหรอื ไม เพราะ เหตไุ ร ? 52 ตอบ การแสดงวสิ ัชนา โดยยกธรรมท่ีเปนองคธ รรมของสันนฏิ ฐานบทไดบ ทเดียวขน้ึ ตงั้ เปนธรรมหมวด แรก แลวยกธรรมที่เปน องคธรรมของสันนิฏฐานบทและสงั สยบทไดท ้งั สอง ขึน้ ต้ังเปนธรรมหมวด หลัง เรียกวา สรปู ทสั สนวิสชั นาท่ีมวี ภิ ังคโ ดยตรง ดังน้ี การแสดงวสิ ชั นา โดยยกธรรมที่เปนองคธ รรมของสันนิฏฐานบทและสังสยบทไดท ้ังสอง ขึน้ ต้งั เปนธรรมหมวดแรก แลว ยกธรรมที่เปนองคธ รรมของสันนฏิ ฐานบทไดบ ทเดียว ขึ้นตั้งเปน ธรรม หมวดหลัง เรยี กวา สรปู ทสั สนวสิ ชั นาทม่ี ีวภิ งั คโ ดยออ ม ดงั น้ี เปนตน สวนสรูปทสั สนวสิ ชั นาท่มี ีวภิ ังคโ ดยออมนน้ั จะแสดงวา องคธรรมของสังสยบท ไดแก องคธ รรม หมวดหลงั เทานนั้ เชนนี้ไมไ ด เพราะการจําแนกโกฏฐาสะ แสดงไวช ดั เจนวา พระองคท รงยกเอา ธรรมท่ีเปน องคธรรมของสันนิฏฐานบทไดบ ทเดียว ขึ้นไวใ นปจ ฉิมโกฏฐาสะ มกี ารปฏิเสธสังสยบท หมายความวา องคธรรมของธรรมหมวดหลงั เปน องคธรรมของสนั นฏิ ฐานบทไดบ ทเดยี วเทานน้ั ดงั น้ันธรรมที่เปนองคธ รรมของธรรมหมวดหลัง จึงเปนองคธ รรมของสังสยบทไมได ๑. ก. ยมกปกรณ เปน คมั ภรี ท เี่ ทา ไร ในบรรดาอภิธรรม ๗ คมั ภรี  และในยมกปกรณ มยี มกะอยกู อ่ี ยา ง คอื อะไรบา ง ? 49, 54, 58 ๑. ข. ยมกปกรณม ยี มกะกอ่ี ยา ง ? คอื อะไรบา ง ? และในกศุ ลบทมนี ัยกนี่ ยั ? คอื อะไรบา ง ? 44 ๑. ค.ในยมกะปกรณม ียมกะอยกู อ่ี ยา ง คืออะไรบา ง ? 61 ตอบ ก./ข. ยมกปกรณ เปน คมั ภรี ท่ี ๖ ในยมกปกรณม ียมกะอยู ๑๐ อยา ง คอื ตอบ ค. มียมกะอยู ๑๐ อยาง คอื ๑. มูลยมกะ ๒. ขันธยมกะ ๓. อายตนยมกะ ๔. ธาตุยมกะ ๕. สัจจยมกะ ๖. สังขารยมกะ ๗. อนสุ สยยมกะ ๘. จิตตยมกะ ๙. ธัมมยมกะ ๑๐. อินทริยยมกะ (44) และในกุศลบทมนี ัย ๔ คือ มลู นัย มูลมลู นยั มลู กนัย มูลมูลกนัย  ดาวนโ หลดขอมูลจากขอความเพ่ิมเตมิ ท่ี youtube หรือท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณตั วิ าระในขนั ธยมกะ (วันแรก) 4 ๑. ข. กสุ ลตกิ ะนิทเทส มวี าระกอ่ี ยา ง คืออะไรบา ง มหี ลกั ฐานบาลรี บั รองวา อยา งไร ? 49, 51, 54, 57, 60 ตอบ ข. กุสลติกะนทิ เทส มีวาระ ๑๐ อยาง คือ ๑. มูลวาระ ๒. เหตวุ าระ ๓. นิทานวาระ ๔. สัมภววาระ ๕. ปภววาระ ๖. สมฏุ ฐานวาระ ๗. อาหารวาระ ๘. อารัมมณวาระ ๙. ปจจยวาระ ๑๐. สมทุ ยวาระ มีหลักฐานบาลรี บั รองวา มลู ํ เหตุ นทิ านจฺ สมฺภโว ปภเวน จ สมฏุ านาหารารมมฺ ณํ ปจจฺ โย สมทุ เยน จาต.ิ สรุปวิสชั นา (คาํ ยอ) ขอ ๒ (กสุ ลบท)  ออ ม   ตรง   ออม  มลู ยมกะ1 2 มลู ยมกะ3 4 เอกมลู ยมกะ อัญญมญั ญ มลู นยั มลู เอกมลู อญั ญมญั ญ 3 กสุ ล ตเี ณว :อวเสสา อามนฺตา มลู านิ :อวเสสา 3กกุ.สุ ธกลม2ุ ม1ฺ +ลู๒3า๑5=+(-๓3)๘ ก2ุ 1+38  21+35(-3) จ1ิ 7  อามนฺตา ก-ุ รปู  : กสุ ลํ อามนตฺ า กุ.เอก ๒๑+๓๘ กุ.จ.ิ ร.ุ ๑๗ กุ. อฺ  กจุ ริ 1ุ 7 21+38  อกสุ ล ตเี ณว :อวเสสา อเหตกุ ํ : สเหตกุ ํ มลู านิ :อวเสสา อกุ. ธมฺ ๑๒+๒๗ โม๒ 12+27(-๒)  3 (-โม๒) อามนตฺ า อก-ุ รูป : อกสุ ลํ อามนตฺ า 3อกอุสกล1ุ ม2+ลู 2า4(=-3) 12+27(-๒) จ1ิ 7  ๑๒+๒๗(-โม๒) อกุจิรุ.๑๗ (-โม->๒) อกจุ ริ 1ุ 7 12+27(-๒)  อพฺ ตเี ณว :อวเสสา อเหตกุ ํ : สเหตุกํ มลู านิ :อวเสสา ๓๖+๒๐+๓๘ 28 นิพ สว1๒ิ 0๑ขอ้,สก๑ิ 4๗ขอ+้ ๓๘, สวิ 3 ยากต อามนตฺ า อามนตฺ า อามนตฺ า 4อขพอ้ ฺ (อ-3)ฺ อพฺยกตมลู า3 36,20+35(-3) นพิ  สกจิ ิร4๑ุขอ๗้ ,สปกํ-ที่..ปญ  =  นาม นเวว :อวเสสา อเหตกุ ํ : สเหตุกํ มลู านิ :อวเสสา ๘๙+๕๒ นิพ สจิร๑ุ ๗ท่ี..ปญ, ปญ -สปกํ  9(-โม๒) อามนตฺ า นาม-รปู  : นามํ อามนตฺ า 9นา8ม9+ม4ลู 6า(-9=) นพิ  71+46(-9) 17-ปัญ (ป-ัญโม-ก-ํ>๒)  สเสสห7จ๗1ริ 1ุ+๑75+-2ป๕(ัญ-๒โมป(-๒ัญโ)ม-ก-ํ>๒)  กสุ ลา ธมมฺ า (ท่เี ปนกุศล/เปน กุศล) = กุ.๒๑+เจ.๓๘ อ18+12(-ฉัน) โม๒ นพิ  ส71+52(-โม๒)  อัญญ ัมญญฯ เอกมูลยมกะ ูมลยมกะ (มูลนยั ) กสุ ลมลู า (ชื่อวา กุศลมูล) = อโลภะ อโทสะ อโมหะ/  กุศลมูล ๓ (มลู มูลนยั ) กสุ ลมูลมูลา (ช่ือวามลู ทเี่ ปนกุศลมูล) (มลู กนัย) กสุ ลมูลกา (มมี ูลทีเ่ ปนกศุ ล) = กุ.๒๑+เจ.๓๘ (มลู มูลกนยั ) กสุ ลมูลมูลกา (มมี ูลทเี่ ปนกุศลมูล) (และ) กุ.จ.ิ ร.ุ ๑๗ (มลู นยั ) กสุ ลมเู ลน เอกมูลา (มมี ูลเปนอันเดียวกันกับกุศลมลู ) (มลู มูลนยั ) กสุ ลมเู ลน เอกมูลมูลา (มมี ูลทเี่ รียกวาเปนมูลอันเดยี วกนั กับกุศลมูล) (มูลกนยั ) กุสลมเู ลน เอกมลู กา (มมี ูลเปน อันเดียวกันกับกุศลมูล) (มูลมลู กนยั ) กสุ ลมเู ลน เอกมลู มลู กา (มมี ูลท่ีเรยี กวาเปนมูลอันเดียวกันกับกุศลมลู ) (มูลนัย) กสุ ลมเู ลน อฺ มฺ มลู า (ชือ่ วา เปนมูลซ่งึ กนั และกนั กับกุศลมูล) (มลู มลู นัย) กสุ ลมเู ลน อฺ มฺ มลู มูลา (ชอ่ื วา มลู ทีเ่ รียกวา เปน มูลซึ่งกนั และกันกับกศุ ลมูล) (มลู กนยั ) กสุ ลมเู ลน อฺ มฺ มลู กา (มมี ลู ซงึ่ กนั และกนั กับกุศลมลู ) = กุศลมลู ๓ (มูลมูลกนยั ) กสุ ลมเู ลน อฺ มฺ มลู มลู กา (มมี ูลท่ีเรยี กวาเปนมลู ซง่ึ กนั และกนั กบั กศุ ลมูล) ๒. ในบาลดี งั ตอ ไปน้ี คาํ แปลและองคธ รรม ไดแกอ ะไรบา ง ? 48 ค. ตเี ณว กุสลมลู มลู านิ ก. เยเกจิ กุสลา ธมมฺ า ข. สพเฺ พ เต กุสลมลู มลู า ง. อวเสสา กุสลา ธมมฺ า น กุสลมลู มลู า จ. เยเกจิ กุสลมเู ลน เอกมลู มูลกา ธมมฺ า ตอบ ก. เยเกจิ กุสลา ธมมฺ า ธรรมเหลา ใดเหลาหนง่ึ ทีเ่ ปนกศุ ลมีอยู องคธ รรมไดแก กศุ ลจติ ๒๑ เจตสกิ ๓๘  ดาวนโ หลดขอมูลจากขอ ความเพ่ิมเติมท่ี youtube หรอื ที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณตั วิ าระในขนั ธยมกะ (วันแรก) 5 ข. สพฺเพ เต กุสลมลู มลู า ธรรมเหลานนั้ ทงั้ หมด ชือ่ วามลู ท่เี ปน กศุ ลมูล องคธ รรมไดแก กศุ ลมูล ๓ เทา น้ัน ค. ตเี ณว กสุ ลมลู มูลานิ อโลภะ, อโทสะ, อโมหะ เพียง ๓ เทานั้น ชื่อวา มูลท่ีเปนกุศลมูล องคธรรมไดแก กุศลมลู ๓ ง. อวเสสา กุสลา ธมมฺ า น กุสลมลู มลู า กุศลธรรมทเี่ หลือนอกนน้ั ไมช ื่อวา มูลท่เี ปนกศุ ลมูล องคธรรมไดแก กศุ ลจิต ๒๑ เจตสกิ ๓๕ (เวนกุศลมูล ๓) จ. เยเกจิ กสุ ลมเู ลน เอกมลู มูลกา ธมมฺ า ธรรมเหลาใดเหลาหน่ึงมีมูลที่เรียกวา เปนมลู อันเดยี วกันกบั กุศลมูลมอี ยู องคธรรมไดแ ก กศุ ลจติ ๒๑ เจตสกิ ๓๘ และกุศลจติ ตชรปู ๑๗ มลู วาระ : กุสลบท + มลู นยั / มลู มลู นัย + มลู ยมกะ (น.๖-๗, ๙-๑๐) อนโุ ลมปจุ ฉสาันนิฏฐเายกนุ.เ๒บกท๑จ+(ทิ๓อี่ ๕กา(ศ-สุ 3ัย)ล/บาทตธ้ัง>/มสงมฺ สอายั โ),ลภสะพสอังฺเโสพทยสบะทเตอ(ผโมอู าห.ศ.ะ.ัย..).........ติ ? (มูลนัย)*61, 63 (ที่เปนกศุ ล) มูลยมกะ กุสลมลู า (ช่อื วากุศลมลู ) (มูลมลู นัย)**51, 56, 61 กุสลมลู มลู า (ชื่อวา มลู ทเี่ ปนกุศลมลู ) ธรรมเหลา ใดเหลา หนงึ่ ท่ีเปนกศุ ล มีอย,ู ธรรมเหลา นน้ั ทง้ั หมด .......... ใชไ หม ? สนั .=กุ.๒๑+เจ.๓๘ อธ.สัน.>(มากกวา )สงั .จึงมีทัง้ อธ.บทเดียว และ๒บท สงั .=  ปุรมิ โกฏฐาส (อธ.๒บทแสดงกอน)/ปจ ฉมิ โกฏฐาส กุ.๒๑+๓๕ (-) ปริปุณณปญหา / สรปู ทัสสนวิสชั นา (ทม่ี ีวภิ งั คโ ดย) ออ ม ว.ิ อโลภะ อโทสะ อโมหะ ตปรุ เี มิ ณโกวฏฐาสกสุ กลุ. ๒ม๑ูลา+น๓ิ, ๕(-3) อวเสสาปกจฉุสิมลโกาฎฐธาสมมฺ า นX กุสลมูลา. ตเี ณว กุสลมูลมลู านิ, อวเสสา กสุ ลา ธมมฺ า นX กุสลมูลมูลา.** อโลภะ อโทสะ กุ.๒๑+๓๕ อโมหะ (-3)  อโลภะ อโทสะ อโมหะ เพยี ง ๓ เทา นนั้ ..........., กุศลธรรมท่ีเหลือนอกนน้ั ไม. ............. ๒. จงแปลปจุ ฉาและวสิ ชั นาในบทดงั ตอ ไปน้ี พรอมทง้ั แสดงองคธ รรม และจาํ แนกโกฏฐาส ๒. จงวสิ ัชนาในคาํ ปจุ ฉาดงั ตอไปนเ้ี ปนบาลี พรอ มทงั้ คาํ แปล แสดงองคธ รรม และจําแนกโกฏฐาส เยเกจิ กสุ ลา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต กสุ ลมลู าติ ? 63 ๒. จงวสิ ัชนาในคาํ ปจุ ฉาดงั ตอ ไปนเี้ ปน บาลี พรอมทงั้ คาํ แปล แสดงองคธ รรม และจําแนกโกฏฐาสดว ย ธรรมเหลาใดเหลา หนง่ึ ทเี่ ปน กุศลมอี ยู , ธรรมเหลา นนั้ ทงั้ หมดชอื่ วา กศุ ลมลู ใชไ หม ? 61 ตอบ (63) แปล ธรรมเหลาใดเหลาหนึ่งท่ีเปน กศุ ลมอี ยู, ธรรมเหลา น้ันท้งั หมดชอ่ื วา กุศลมลู ใชไหม ? ตอบ วสิ ัชนา ตีเณว กสุ ลมลู าน,ิ อวเสสา กุสลา ธมฺมา น กุสลมลู า. อโลภะ อโทสะ อโมหะ เพยี ง ๓ เทานัน้ ชือ่ วากุศลมลู , กุศลธรรมท่เี หลือนอกน้นั ไมช อ่ื วา กุศลมูล. แสดงองคธรรมและการจาํ แนกโกฏฐาส ในอนุโลมปุจฉา เยเกจิ กุสลา ธมมฺ า เปน สนั นิฏฐานบท // สพเฺ พ เต กสุ ลมลู า เปน สังสยบท องคธรรมของสันนิฏฐานบท ไดแ ก กุศลจติ ๒๑ เจตสกิ ๓๘ องคธ รรมของสงั สยบท ไดแก กุศลมลู ๓ เทานั้น  ดาวนโ หลดขอ มูลจากขอ ความเพิ่มเติมท่ี youtube หรอื ที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณตั วิ าระในขนั ธยมกะ (วันแรก) 6 ฉะนนั้ คาํ ถามบทนีเ้ ปนปรปิ ุณณปญ หาถามวา ธรรมเหลา ใดเหลา หน่ึงที่เปน กุศลมอี ย,ู ธรรม เหลานน้ั ทงั้ หมดชอื่ วา กศุ ลมลู ใชไ หม ? พระองคจ ึงทรงแกด ว ยการยกเอา กุศลมลู ๓ ซ่งึ เปน องคธรรมของ สนั นิฏฐานบทและสังสยบทไดทัง้ สองข้นึ ไวใ นปรุ ิมโกฏฐาส ไมมกี ารปฏเิ สธสังสยบท ดงั แสดงวา ตเี ณว กุสลมลู านิ แลว ทรงยกเอา กศุ ลจติ ๒๑ เจตสิก ๓๕ (เวน กุศลมูล ๓) ซงึ่ เปน องคธรรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดบทเดียวข้นึ ไวในปจฉิมโกฏฐาส มกี ารปฏเิ สธสงั สยบท ดงั แสดงวา อวเสสา กุสลา ธมมฺ า น กุสลมลู า คาํ วิสัชนาในอนุโลมปจุ ฉาน้ี เปนสรูปทสั สนวสิ ชั นาท่ีมวี ภิ งั คโ ดยออม ๒. เยเกจิ กสุ ลา ธมมฺ า, สพฺเพ เต กุสลมลู มลู าติ ? คาํ ปจุ ฉาน้ี วสิ ัชนาเปน บาลี แปลเปน ไทยวา อยา งไร ใหแ สดงองคธ รรมจาํ แนกโกฏฐาสดว ย ? (องคธ รรมของสงั สยบทใหต อบวา ไดแกอ งคธรรมหมวดแรกเทา น้ัน หรอื องคธ รรมหมวดหลงั เทา น้ัน) ? 51 ๒. จงวสิ ชั นาในปุจฉา ดงั ตอ ไปน้ี เปน ภาษาบาลี ไทย แสดงองคธ รรมและการจําแนกโกฏฐาส ? 56 เยเกจิ กสุ ลา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต กสุ ลมลู มลู าต.ิ ? 56 ตอบ วสิ ชั นา ตเี ณว กุสลมลู มลู าน,ิ อวเสสา กสุ ลา ธมมฺ า น กุสลมลู มูลา. อโลภะ, อโทสะ, อโมหะ, เพียง ๓ เทา น้ัน ช่อื วามูลทเี่ ปน กุศลมูล, กุศลธรรมที่เหลือนอกน้นั ไมช ่ือวามูลท่เี ปนกศุ ลมลู แสดงองคธรรมและการจําแนกโกฏฐาส ในอนุโลมปจุ ฉา เยเกจิ กุสลา ธมมฺ า เปน สนั นฏิ ฐานบท // สพเฺ พ เต กสุ ลมลู มลู า เปน สังสยบท องคธ รรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแ ก กศุ ลจติ ๒๑ เจตสกิ ๓๘ องคธ รรมของสงั สยบท ไดแ ก กศุ ลมูล ๓ เทา นน้ั (ป 51) แสดงเหมอื นกัน ยกเวน “องคธรรม” สนั . สัง. ตองแสดงดังน้ี องคธรรมของสันนฏิ ฐานบท ไดแก กุศลมูล ๓ และ กศุ ลจติ ๒๑ เจตสกิ ๓๕ (เวน กศุ ลมลู ๓) หรือ กศุ ลจติ ๒๑ เจตสกิ ๓๘ องคธรรมของสังสยบท ไดแ ก องคธ รรมหมวดแรก เทาน้ัน หมายเหตุ ในสงั สยบทนัน้ ท่แี สดงเชนน้ี เพราะเปน คาํ วิสชั นาท่ีมวี ิภงั คโ ดยออม ฉะนัน้ คําถามบทนเ้ี ปนปรปิ ุณณปญ หา ถามวา ธรรมเหลาใดเหลาหนงึ่ ทเี่ ปน กศุ ลมอี ย,ู ธรรม เหลา นน้ั ท้งั หมดชอื่ วามลู ทเี่ ปน กุศลมลู ใชไหม ? พระองคจ ึงทรงแกดวยการยกเอา กศุ ลมลู ๓ ซ่ึงเปนองค ธรรมของสันนฏิ ฐานบท และสงั สยบทไดท ้งั สองข้ึนไวใ นปรุ มิ โกฏฐาส ไมม กี ารปฏเิ สธสงั สยบท ดงั แสดงวา ตเี ณว กุสลมลู มลู านิ แลวทรงยกเอา กศุ ลจติ ๒๑ เจตสกิ ๓๕ (เวน กศุ ลมูล ๓) ซ่ึงเปนองคธรรมของสนั นิฏฐานบทไดบ ทเดียวข้ึนไวใน ปจฉิมโกฏฐาส มกี ารปฏเิ สธสังสยบท ดังแสดงวา อวเสสา กสุ ลา ธมมฺ า น กุสลมลู มลู า คําวิสชั นาในอนโุ ลมปุจฉานเ้ี ปน สรปู ทสั สนวสิ ัชนา ท่ีมีวภิ ังคโดยออ ม สัน สัง ปฏโิ ลมปจุ ฉา เย วา ปน .............., สพฺเพ เต ธมฺมา กสุ ลาติ ? กุศลมลู ๓ (มูลนยั ) เปนกุศล  มูลยมกะ กสุ ลมลู า (ช่ือวากุศลมลู ) (มูลมลู นยั ) กุสลมลู มลู า (ช่ือวามูลทเ่ี ปนกศุ ลมลู )  ดาวนโหลดขอ มูลจากขอความเพ่ิมเตมิ ที่ youtube หรอื ท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณัติวาระในขนั ธยมกะ (วนั แรก) 7 หรอื วา ธรรมเหลาใด .................มีอยู, ธรรมเหลา นนั้ ทง้ั หมด เปน กศุ ล ใชไ หม ? กุศลมลู ๓   เหมอื นกนั  ปจฉาปญ หา ปฏจิ วนวสิ ชั นา (รบั รอง อ.ธ. สนั นฏิ ฐานบท) ว.ิ อามนตฺ า ใช มลู วาระ : กสุ ลบท + มูลกนยั / มลู มูลกนัย + มลู ยมกะ (น.๑๒-๑๓, ๑๕-๑๖) อนุ.ปุ เยกเกสุ.๒นัจ๑ิ +ก๓สุ ๘ลสงัามธลูมวมฺ าาร,(ะน.:๗ก-เ๘สุ ห,ลมส๑บือพท๐นเฺ ก-พ+๑ัน๑มกเ,ตลูุ.๒๑น.๑.๓ัย..+-..๑/๓..๔.๘ม..,ลู...๑มตลู๖[ิแน-?ล๑ยั ะ๗/ก)ุ.มจูลิ.รกุ ๑น๗ยั ไ/มไมดูลถามมูลถกึงน] ยั + เอกมลู ยมกะ (มลู กนัย) (ท่ีเปน กุศล) เอกมูลยมกะ มูลยมกะ กุสลมลู กา (มมี ลู ทเี่ ปน กุศล) (มูลมลู กนยั ) กสุ ลมลู มูลกา (มมี ลู ที่เปน กศุ ลมลู ) (มูลนยั ) กุ.๒๑+๓๘ กสุ ลมเู ลน เอกมูลา (มมี ูลเปนอันเดยี วกนั กับกศุ ลมลู ) (มูลมลู นยั ) กุสลมเู ลน เอกมูลมูลา (มมี ลู ทเ่ี รียกวา เปน มลู อนั เดียวกันกับกศุ ลมลู ) (มูลกนัย) กสุ ลมเู ลน เอกมลู กา (มมี ูลเปนอันเดียวกนั กบั กุศลมลู ) (มูลมลู กนัย)***53, 55 กสุ ลมเู ลน เอกมลู มลู กา (มมี ูลที่เรยี กวาเปนมูลอนั เดียวกนั กับกุศลมลู ) ธรรมเหลา ใดเหลา หนง่ึ ทเี่ ปน กุศล มอี ยู, ธรรมเหลา นนั้ ทงั้ หมด มมี ลู ที............... ใชไ หม ? กุ.๒๑+เจ. ๓๘ เหมอื นกัน  = ปจฉาปญหา / ปฏิจวนวิสัชนา (รับรอง อ. สนั .) ว.ิ อามนตฺ า ใช กุ.๒๑+๓๘ ๒. จงต้ังปจุ ฉาวสิ ัชนาเปน บาลีไทยพรอ มแสดงองคธ รรมและการจําแนกโกฏฐาส ในกศุ ลบท มลู กนยั เอกมูลยมกะเฉพาะอนโุ ลมปจุ ฉา ? 59 ๒. จงตง้ั ปจุ ฉาวิสัชนาเปน บาลีไทย พรอ มทง้ั แสดงองคธ รรม และการจาํ แนกโกฏฐาส ในกศุ ลบท มลู มลู กนยั เอกมลู ยมกะ เฉพาะอนโุ ลมปจุ ฉา ? 53, 55 ตอบ (59) อนโุ ลมปุจฉา เยเกจิ กสุ ลา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต กุสลมเู ลน เอกมลู กาติ ? ธรรมเหลา ใดเหลาหนึ่ง ที่เปนกศุ ลมีอยู, ธรรมเหลา นั้นท้งั หมด มีมลู เปนมลู อันเดียวกนั กับกุศลมูล ใชไหม ? ตอบ (53, 55) อนโุ ลมปุจฉา เยเกจิ กสุ ลา ธมมฺ า, สพฺเพ เต กสุ ลมเู ลน เอกมลู มลู กาติ ? ธรรมเหลาใดเหลาหนงึ่ ท่ีเปน กศุ ลมอี ยู, ธรรมเหลานนั้ ทั้งหมด มีมลู ท่เี รียกวาเปน มูลอนั เดียวกันกบั กุศลมลู ใชไ หม ? วิสชั นา อามนฺตา ใช. แสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาส ในอนโุ ลมปจุ ฉา เยเกจิ กสุ ลา ธมมฺ า เปนสันนฏิ ฐานบท (59) สพฺเพ เต กสุ ลมเู ลน เอกมลู กา เปน สังสยบท (53, 55) สพฺเพ เต กุสลมูเลน เอกมลู มลู กา เปนสงั สยบท องคธรรมของสันนิฏฐานบท ไดแ ก = กศุ ลจติ ๒๑ เจตสิก ๓๘ // องคธรรมของสงั สยบท เหมือนกัน ฉะนนั้ คําถามบทนี้เปน ปจ ฉาปญ หา ถามวา ธรรมเหลาใดเหลาหนึ่งทีเ่ ปนกศุ ลมอี ย,ู (59) ธรรมเหลา นั้นทงั้ หมดมมี ลู เปน มลู อันเดียวกนั กบั กุศลมลู ใชไ หม ? / (53, 55) ธรรมเหลา นัน้ ทั้งหมดมีมูลทเี่ รยี กวา เปนมูลอนั เดยี วกนั กบั กศุ ลมลู ใชไหม ? พระองคจงึ ทรงแกโ ดยปฏวิ จนวสิ ชั นาวา อามนฺตา ซงึ่ เปนคาํ วิสชั นารับรององคธ รรมของสนั นฏิ ฐานบท เพราะวา กศุ ลจติ ๒๑ เจตสิก ๓๘ ซ่งึ เปนองคธรรมของสนั นฏิ ฐานบทเหลา น้ัน  ดาวนโหลดขอ มูลจากขอ ความเพิ่มเติมท่ี youtube หรือที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณตั วิ าระในขนั ธยมกะ (วันแรก) 8 (59) กม็ มี ลู เปน มลู อันเดยี วกันกบั กุศลมลู ดว ย / (53, 55) กม็ มี ูลทเ่ี รียกวา เปน มลู อันเดยี วกนั กบั กศุ ลมลู ดวย มลู วาระ: กสุ ลบท+มลู กนยั /มลู มลู กนยั +มลู ยมกะ มลู วาระ: กสุ ลบท+มูลนยั /มลู มูลนัย/มูลกนัย/มลู มูลกนัย+เอกมลู ยมกะ ปกุ.ฏ๒.ิ ป๑.ุ +เ๓ย๘วาปแสนลนั ะ..ก..ุ..จ..ิ..ร..ุ .๑...๗......, สพ>เฺ พ เตกุ.สธงั๒ม๑ฺม+า ๓ก๘สุ ลาติ ? เปนกุศล เอกมูลยมกะ มูลยมกะ (มลู กนัย) กสุ ลมลู กา (มมี ลู ทเ่ี ปน กศุ ล) (มลู มลู กนยั ) กุสลมลู มูลกา (มมี ูลท่เี ปน กศุ ลมูล) (มูลนยั )*** กุสลมเู ลน เอกมลู า (มมี ลู เปน อันเดยี วกันกบั กศุ ลมลู ) (มูลมลู นัย)*** กสุ ลมเู ลน เอกมูลมูลา (มมี ลู ทเี่ รยี กวา เปนมูลอันเดียวกนั กบั กศุ ลมลู ) (มูลกนยั ) กุสลมเู ลน เอกมูลกา (มมี ูลเปน อันเดยี วกันกบั กุศลมลู ) (มูลมลู กนัย) กุสลมเู ลน เอกมูลมลู กา (มมี ูลทเ่ี รียกวา เปน มูลอันเดยี วกนั กับกศุ ลมูล) หรอื วา ธรรมเหลาใด ................ มีอยู, ธรรมเหลา นน้ั ทงั้ หมด เปนกุศล. ใชไ หม ? สัน.=กุ.๒๑+เจ.๓๘ และ กุ.จิ.ร.ุ ๑๗ อธ.สัน.>(มากกวา)สัง.จึงมที ั้งอธ.บทเดียว และ๒บท สัง.=กุ.๒๑+เจ. ๓๘  ปรุ มิ โกฏฐาส(บทเดยี วแสดงกอ น)/ปจฉิมโกฏฐาส ว.ิ กุ.จิ.ร.ุ ๑๗ ...ก..ุ..จ..ิ..ร..ปุ .๑.ร.ปิ๗..ุณ...ณ...ป..ญ. หนาX-สกรสุูปทลัส,ํ สนกวสุ ิสลัชํน.า.ก.,.ุ..ต.๒.ร.ง.๑...+..๓...๘.................. กสุ ลจฺ . กสุ ลสมุฏ านํ รปู  กุ.จิ.รุ ๑๗ กสุ ลมลู กํ กุสลมลู กฺเจว กุ.๒๑+๓๘ กสุ ลมูลมลู กํ กุสลมลู มลู กเฺ จว 46(๒) กสุ ลมูเลน เอกมูลํ กุสลมูเลน เอกมลู ฺเจว 43, 44, 45, 50, 54(๒) กุสลมูเลน เอกมลู มลู ํ กุสลมูเลน เอกมูลมลู เฺ จว กสุ ลมูเลน เอกมูลกํ กุสลมูเลน เอกมลู กเฺ จว กุสลมูเลน เอกมลู มลู กํ กสุ ลมูเลน เอกมูลมลู กเฺ จว รปู ซง่ึ มีกศุ ลเปน สมฏุ ฐาน ........... แตไ มใ ชเ ปน กศุ ล, กศุ ลธรรม .......... ก็ใช เปน กศุ ลก็ใช ๒. จงวิสชั นาในคําถามดงั ตอ ไปนี้ เปน บาลี และพรอมท้งั แสดงองคธ รรมและจาํ แนกโกฏฐาสดว ย ? 46 เย วา ปน กสุ ลมเู ลน เอกมลู า, สพเฺ พ เต ธมมฺ า กุสลาติ ? ตอบ เปน บาลี กสุ ลสมฏุ  านํ รูป กุสลมเู ลน เอกมลู ํ น กุสล,ํ กสุ ลํ กุสลมเู ลน เอกมลู ฺเจว กุสลจฺ . แสดงองคธ รรม องคธรรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแ ก กุศลจิต ๒๑ เจตสิก ๓๘ และ กุศลจติ ตชรูป ๑๗ องคธ รรมของสงั สยบท ไดแก กุศลจติ ๒๑ เจตสิก ๓๘ เทานน้ั จาํ แนกโกฏฐาส ฉะนั้นคําถามบทนเ้ี ปน ปริปุณณปญหา ถามวา ธรรมเหลา ใด มมี ลู เปนอนั เดยี วกนั กบั กศุ ลมลู มอี ยู ธรรมเหลา นน้ั ทงั้ หมด เปน กุศลใชไ หม ? พระองคจึงทรงแกดว ยการยกเอา กุศลจติ ตชรปู ๑๗ ซึง่ เปน องค ธรรมของสนั นิฏฐานบทไดบทเดยี วข้นึ ไวใ นปุรมิ โกฏฐาส มกี ารปฏิเสธสงั สยบทดงั แสดงวา กุสลสมฏุ  านํ รูป กุสลมเู ลน เอกมลู ํ น กุสลํ แลว ทรงยกเอา กศุ ลจติ ๒๑ เจตสกิ ๓๘ ซงึ่ เปนองคธ รรมของสันนิฏฐาน บท และสังสยบทไดทั้งสอง ขึ้นไวใ นปจ ฉมิ โกฏฐาส ไมมกี ารปฏิเสธสังสยบทดังแสดงวา กสุ ลํ กสุ ลมูเลน เอกมลู ฺเจว กสุ ลจฺ คําวสิ ชั นาในปฏโิ ลมปุจฉานี้ เปนสรูปทัสสนวสิ ชั นาท่ีมวี ภิ งั คโดยตรง ๒. จงวสิ ชั นาบาลี คาํ แปล พรอ มทงั้ แสดงองคธรรมและจําแนกโกฏฐาส ในคาํ ปจุ ฉาตอ ไปน้ี  ดาวนโหลดขอ มูลจากขอ ความเพิ่มเติมที่ youtube หรือท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณัตวิ าระในขันธยมกะ (วันแรก) 9 หรอื วา ธรรมเหลา ใดมีมูลเปน อนั เดียวกันกบั กศุ ลมอี ย,ู ธรรมเหลา นน้ั ทงั้ หมดเปน กุศลใชไ หม ? 44 นา จะถามวา หรือวา ธรรมเหลาใดมมี ลู เปนอนั เดียวกนั กบั กุศลมลู มอี ยู ธรรมเหลา นัน้ ทง้ั หมดเปนกุศลใชไ หม ? ตอบ วิสชั นา กสุ ลสมุฏฐ านํ รูป กุสลมเู ลน เอกมูลํ น กสุ ลํ, กสุ ลํ กุสลมเู ลน เอกมลู เฺ จว กสุ ลฺจ. รูปซงึ่ มกี ศุ ลเปน สมฏุ ฐาน มมี ลู เปนอันเดยี วกันกับกุศลมลู แตไมใ ชเปนกุศล, 47, 49, 52, กุศลธรรมมีมลู เปนอนั เดยี วกนั กบั กศุ ลมลู ก็ใช เปน กศุ ลก็ใช แสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาส ในปฏิโลมปุจฉา เยวา ปน กสุ ลมูเลน เอกมูลา เปนสนั นฏิ ฐานบท สพเพ เต ธมมา กสุ ลา เปน สงั สยบท องคธ รรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแ ก กุศลจิต ๒๑ เจตสกิ ๓๘ และ กศุ ลจติ ตชรปู ๑๗ องคธ รรมของสงั สยบท ไดแ ก กุศลจิต ๒๑ เจตสิก ๓๘ เทา นัน้ ฉะน้ันคําถามบทน้ีเปนปริปณุ ณปญ หา ถามวา หรือวา ธรรมเหลา ใดมมี ลู เปน อนั เดียวกันกบั กุศล มลู มีอยู ธรรมเหลา นน้ั ทั้งหมดเปน กศุ ลใชไ หม ? พระองคจ ึงทรงแกด ว ยการยกเอา กุศลจติ ตชรปู ๑๗ ซง่ึ เปน องคธ รรมของสนั นิฏฐานบทไดบ ทเดยี วข้นึ ไวในปรุ ิมโกฏฐาส มกี ารปฏเิ สธสงั สยบท ดงั แสดงวา กุสล สมฏุ านํ รปู  กสุ ลมูเลน เอกมลู ํ น กุสลํ แลว ทรงยกเอา กุศลจติ ๒๑ เจตสกิ ๓๘ ซ่ึงเปนองคธรรมของ สันนิฏฐานบท และสงั สยบทไดท้งั สองข้นึ ไวในปจ ฉิมโกฏฐาส ไมมกี ารปฏเิ สธสังสยบท ดงั แสดงวา กสุ ลํ กุสลมเู ลน เอกมลู เฺ จว กุสลจฺ คําวิสัชนาในปฏิโลมปุจฉาน้เี ปน สรปู ทสั สนวสิ ชั นาทมี่ วี ิภังคโดยตรง ๒. จงปจุ ฉาและวสิ ชั นา (ทง้ั บาลแี ละไทย) พรอ มทั้งแสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาส ในกศุ ลบท มลู มลู นัย เอกมลู ยมกะ เฉพาะปฏโิ ลมปจุ ฉา ฯ ? 43, 45, 50, 54 ตอบ ปฏิโลมปุจฉา เย วา ปน กสุ ลมเู ลน เอกมลู มลู า, สพเพ เต ธมมา กสุ ลาติ ? หรอื วา ธรรมเหลาใดมีมลู ทเี่ รียกวา เปนมลู อนั เดียวกนั กับกุศลมูล มอี ยู ธรรมเหลา น้นั ท้งั หมด เปน กุศล ใชไ หม ? วสิ ัชนา กสุ ลสมฏุ ฐ านํ รูป กุสลมเู ลน เอกมูลมูลํ น กสุ ลํ, กสุ ลํ กุสลมูเลน เอกมูลมูลฺเ จว กสุ ลฺจ. รูปซ่งึ มีกุศลเปนสมุฏฐาน มีมลู ท่เี รยี กวา เปน มูลอนั เดียวกันกบั กุศลมูล แตไ มใชเปนกศุ ล กศุ ลธรรมมีมลู ทีเ่ รยี กวาเปน มูลอนั เดียวกนั กบั กศุ ลมูลกใ็ ช เปน กศุ ลก็ใช. แสดงองคธ รรมและการจําแนกโกฏฐาส ในปฏิโลมปุจฉา เยวา ปน กุสลมเู ลน เอกมูลมูลา เปนสนั นิฏฐานบท สพเพ เต ธมมา กุสลา เปน สังสยบท องคธ รรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแก กุศลจิต ๒๑ เจตสิก ๓๘ และ กุศลจติ ตชรปู ๑๗ องคธรรมของสังสยบท ไดแก กศุ ลจติ ๒๑ เจตสิก ๓๘ เทา น้นั ฉะนั้นคําถามบทน้เี ปน ปรปิ ณุ ณปญ หา ถามวา หรอื วาธรรมเหลาใดมมี ูลทเี่ รยี กวา เปนมลู อัน  ดาวนโหลดขอมูลจากขอ ความเพิ่มเติมท่ี youtube หรอื ที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณตั วิ าระในขนั ธยมกะ (วันแรก) 10 เดียวกนั กบั กศุ ลมูลมอี ยู ธรรมเหลานน้ั ทง้ั หมดเปน กุศลใชไ หม ? พระองคจ ึงทรงแกดว ยการยกเอา กุศล จติ ตชรูป ๑๗ ซงึ่ เปนองคธรรมของสนั นฏิ ฐานบทไดบ ทเดียวขึ้นไวในปุรมิ โกฏฐาส มกี ารปฏิเสธสังสยบท ดังแสดงวา กสุ ลสมฏุ านํ รูป กสุ ลมูเลน เอกมลู มลู ํ น กสุ ลํ แลว ทรงยกเอา กุศลจติ ๒๑ เจตสิก ๓๘ ซึ่ง เปน องคธรรมของสันนฏิ ฐานบท และสังสยบทไดท ง้ั สองขนึ้ ไวใ นปจฉิมโกฏฐาส ไมมกี ารปฏิเสธสังสยบท ดังแสดงวา กุสลํ กสุ ลมเู ลน เอกมลู มลู ฺเจว กสุ ลจฺ คําวิสชั นาในปฏิโลมปุจฉานี้เปน สรูปทสั สนวสิ ชั นา ที่มวี ภิ ังคโ ดยตรง อน.ุ ป.ุ กุ. เส๒ยัน๑เก+จ๓ิ๕...แ.สม.ลัง.ล.ู ะ..ว.ก.า.ุ..รจ..ะิ..ร..ุ:.๑.ก.๗.(ุส.น.ล.๘บธม-ท๙มฺ +,+า๑,ม๑ูล-น๑ยั๒ส/,พ>ม๑เฺูล๔พม-ูล๑เตน๕เทัย,..า/.๑.นม.๗.นั้.ลู .-.ก๑..น.๘..ัย).../..ม...ูล..ม..ูล...ก.นตยั ิ ?+ อญั ญมญั ญมลู ยมกะ (มลู นัย)*** กุสลมเู ลน เอกมูลา กสุ ลมเู ลน อฺ มฺ มูลา (มีมลู เปน อนั เดยี วกัน/กบั กุศลมูล) (ช่ือวาเปนมูลซ่ึงกันและกัน/กับกุศลมูล) (มลู มลู นยั ) กุสลมเู ลน เอกมูลมลู า กุสลมเู ลน อฺ มฺ มูลมลู า (มีมูลท่เี รยี กวา เปนมูลอันเดยี วกัน/กับกศุ ลมลู ) (ชอื่ วา มูลทีเ่ รียกวา เปนมูลซง่ึ กนั และกัน/กบั กศุ ลมลู ) (มูลกนัย)*** กุสลมูเลน เอกมลู กา กุสลมเู ลน อฺ มฺ มูลกา* (มีมลู เปนอนั เดยี วกัน/กับกุศลมลู ) (มีมูลซงึ่ กันและกนั /กับกศุ ลมลู ) (มูลมลู กนยั ) กุสลมเู ลน เอกมลู มลู กา กสุ ลมเู ลน อฺ มฺ มูลมลู กา (มีมลู ทเี่ รยี กวาเปน มลู อันเดยี วกนั /กับกุศลมลู ) (มีมลู ท่ีเรยี กวา เปนมลู ซง่ึ กันและกนั /กบั กุศลมลู ) ธรรมเหลา ใดเหลา หนงึ่ มีมลู ........... มอี ย,ู ธรรมเหลา นนั้ ทงั้ หมด ............... ใชไ หม ? สัน.=กุ.๒๑+เจ.๓๘ กุ.จิ.ร.ุ ๑๗ อธ.สัน.>(มากกวา)สัง.จงึ มีทง้ั อธ.บทเดยี ว และ๒บท สัง.=   ปุริมโกฏฐาส (อธ.๒บทแสดงกอน)/ปจ ฉิมโกฏฐาส กุ.๒๑+เจ ๓๕ (-) กุ.จ.ิ ร.ุ ๑๗ ปรปิ ณุ ณปญหา - สรูปทสั สนวสิ ัชนา (วิภงั ค ออม) ว.ิ มลู านิ ยานิ เอกโต อปุ ฺปชชฺ นตฺ ิ กสุ ลมูลานิ (เอกมูลาน)ิ เจว (อฺ มฺ มูลาน)ิ จ, อฺ มฺ มลู มลู านิ จ, กุศลมลู ๓ เอกมูลมูลานิ อฺ มฺ มูลกานิ จ, เอกมูลกานิ อฺ มฺ มูลมูลกานิ จ,  เอกมลู มลู กานิ อวเสสา กสุ ลมูลสหชาตา ธมมฺ า กุสลมเู ลน (เอกมลู า) นX จ (อฺ มฺ มูลา). กุ. ๒๑+๓๕(-3), เอกมูลมูลา อฺ มฺ มลู มูลา. กุ.จิ.รุ. ๑๗ เอกมลู กา อฺ มฺ มูลกา. 4กศุ3ล, ม44ลู ,เห4ล7า ,ใ5ด1เก,5ิด3ขึน้ คราวเดียวกัน เอกมลู มูลกา อฺ มฺ มูลมลู กา. ก็ใช (ชื่อวา /ม)ี ..มูล........ซง่ึ กนั และกนั ก็ใช, กศุ ลมลู เหลานัน้ มีมูล.......เปน มูลอนั เดยี วกัน ธรรมท่ีเกิดพรอมกันกับกศุ ลมูลทเ่ี หลอื นอกนน้ั (มมี ลู .......อนั เดียวกนั กบั กศุ ลมูล แตไ ม/ ไมใ ช๓(ช่ือวา/มี)...มลู ........ซ่งึ กันและกัน. ๔. จงแปลในคาํ วสิ ชั นาดงั ตอ ไปน้ี ? 47(1/3), 51(1/3) ก. มลู านิ ยานิ เอกโต อปุ ปฺ ชชฺ นฺติ กุสลมลู านิ เอกมลู านิ เจว อฺ มฺ มลู านิ จ, อวเสสา กุสลมลู สหชาตา ธมมฺ า กุสลมเู ลน เอกมลู า น จ อฺ มฺ มลู า. ? 47(1/3), 51(1/3) ตอบ ก. มีคาํ แปลดังนี้ กุศลมูลเหลา ใดเกิดขึ้นคราวเดยี วกัน กุศลมลู เหลา นัน้ มมี ลู เปนอนั เดียวกนั กใ็ ช ชอื่ วา เปนมูลซึ่งกันและกันก็ใช, ธรรมทเ่ี กิดพรอมกนั กบั กศุ ลมูลท่ีเหลือนอกนั้น มีมลู เปนอันเดยี วกนั กับ กศุ ลมูล แตไ มช่อื วาเปน มูลซ่ึงกันและกัน  ดาวนโ หลดขอมูลจากขอ ความเพิ่มเติมท่ี youtube หรือท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณตั วิ าระในขนั ธยมกะ (วนั แรก) 11 ๔. จงแปลและแสดงองคธ รรมในคาํ บาลีตอ ไปน้ี ? 43, 44, 47, 53 ก. อวเสสา กุสลมลู สหชาตา ธมมฺ า กสุ ลมเู ลน เอกมลู า น จ อฺ มฺ มูลา ? 43(4ก/ค), 44(4ก/ค), 47(1/3), 53(5ก/ง) ตอบ ก. ธรรมทเ่ี กิดพรอมกนั กบั กศุ ลมูลท่เี หลอื นอกนน้ั มีมลู เปน อันเดียวกนั กบั กศุ ลมลู แตไ มชือ่ วา เปนมูลซึ่ง กันและกนั องคธรรมไดแก กศุ ลจิต ๒๑ เจตสิก ๓๕ (เวนกุศลมลู ๓) กุศลจิตตชรปู ๑๗ ๒. จงวิสัชนาในคาํ ปจุ ฉาดงั ตอ ไปนเ้ี ปน บาลี (และ) พรอ มท้ังคาํ แปล แสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาส (ดวย) เยเกจิ กสุ ลมเู ลน เอกมลู กา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต กสุ ลมูเลน อฺ มฺ มลู กาติ ? 49, 52, 57, 62 ๒. จงวสิ ัชนา แปล พรอ มทงั้ แสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาส ในคาํ ถามตอไปนี้ ? 47, 58, 60 ธรรมเหลา ใดเหลา หนง่ึ มมี ลู เปนอันเดยี วกนั กบั กศุ ลมลู มอี ย,ู ธรรมเหลา นนั้ ทัง้ หมด มมี ลู ซงึ่ กันและกนั กบั กศุ ลมูลใชไหม ? 47, 58, 60 ตอบ วสิ ชั นา มลู านิ ยานิ เอกโต อปุ ปฺ ชฺชนตฺ ิ กสุ ลมูลานิ เอกมูลกานิ เจว อฺ มฺ มลู กานิ จ, อวเสสา กุสลมลู สหชาตา ธมฺมา กุสลมเู ลน เอกมูลกา น จ อฺ มฺ มลู กา กศุ ลมลู เหลา ใดเกิดขึน้ คราวเดยี วกัน กุศลมูลเหลา นั้นมมี ูลเปนอันเดยี วกันก็ใช มีมลู ซึง่ กนั และกันกใ็ ช, ธรรมที่เกดิ พรอมกนั กบั กุศลมูลท่เี หลือนอกนั้น มีมูลเปน อนั เดยี วกนั กับกศุ ลมูล แตไมใ ชม ีมลู ซงึ่ กันและกนั (49, 52, 57, 62) แสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาส / (47, 58, 60) แสดงองคธ รรม ในอนโุ ลมปุจฉา เยเกจิ กสุ ลมเู ลน เอกมูลกา ธมมฺ า เปนสนั นิฏฐานบท สพเฺ พ เต กุสลมเู ลน อฺ มฺ มูลกา เปน สังสยบท องคธรรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแก กุศลจิต ๒๑ เจตสิก ๓๘ และ กุศลจติ ตชรปู ๑๗ องคธ รรมของสังสยบท ไดแก กุศลมูล ๓ เทานัน้ (49, 52, 57, 62) ฉะนน้ั คําถามบทนีเ้ ปน ปริปณุ ณปญหา ถามวา ธรรมเหลา ใดเหลา หนง่ึ มมี ลู เปน อนั เดยี วกนั กับกุศลมูลมอี ย,ู ธรรมเหลา นนั้ ท้งั หมด มมี ลู ซง่ึ กนั และกนั กบั กุศลมลู ใชไ หม ? พระองคจ ึงทรงแก ดว ยการยกเอา กุศลมูล ๓ ซงึ่ เปนองคธรรมของสนั นิฏฐานบทและสงั สยบทไดทง้ั สองขึ้นไวใ นปุรโิ กฏฐาส ไมมกี ารปฏเิ สธสงั สยบท ดังแสดงวา มูลานิ ยานิ เอกโต อปุ ปฺ ชชฺ นฺติ กสุ ลมลู านิ เอกมูลกานิ เจว อฺ มฺ มลู กานิ จ แลว ทรงยกเอา กศุ ลจติ ๒๑ เจตสิก ๓๕ (เวน กศุ ลมูล ๓) กุศลจติ ตชรูป ๑๗ ซึ่งเปน องค ธรรมของสันนฏิ ฐานบทไดบ ทเดยี วขน้ึ ไปในปจ ฉิมโกฏฐาส มกี ารปฏเิ สธสงั สยบท ดังแสดงวา อวเสสา กุสลมลู สหชาตา ธมมฺ า กสุ ลมเู ลน เอกมลู กา น จ อฺ มฺ มลู กา คาํ วิสัชนาในอนโุ ลมปุจฉาน้ี เปน สรปู ทสั สนวสิ ชั นาท่ีมวี ิภังคโดยออม ปฏ.ิ ป.ุ เย วา ปนก.ุศ..ล...ม..สูล..นั .๓.........,  < สสกงั พุ. ๒เฺ พ๑ เ+ต๓ธ๕มมฺไมา่ไกดสถุ้ าลมาถตึงิ ?+ (มูลนยั ) กสุ ลมเู ลน อฺมฺ มูลา (ช่ือวา เปน มูลซึ่งกันและกันกับกุศลมูล) เปนกุศล (มูลมลู นยั ) กุสลมเู ลน อฺมฺ มูลมลู า (ชือ่ วามลู ทเ่ี รยี กวา เปนมลู ซ่ึงกันและกันกับกุศลมูล) (มูลกนัย) กุสลมเู ลน อฺมฺ มูลกา (มมี ลู ซึง่ กันและกนั กบั กุศลมูล) (มลู มูลกนยั ) กสุ ลมเู ลน อฺมฺ มูลมลู กา (มมี ูลที่เรยี กวา เปน มูลซึ่งกันและกนั กบั กุศลมลู )  ดาวนโ หลดขอมูลจากขอความเพิ่มเติมที่ youtube หรอื ที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณตั วิ าระในขนั ธยมกะ (วันแรก) 12 หรอื วา ธรรมเหลาใด ............................ มอี ย,ู ธรรมเหลา นน้ั ทงั้ หมด เปน กศุ ล ใชไ หม ?  เหมือนกนั  = ปจ ฉาปญหา/ปฏจิ วนวิสชั นา (รบั รอง อ. สัน.) วิ. อามนตฺ า ใช ขอ ๓ (อกสุ ลบท) อกสุ ลา ธมมฺ า (ทเ่ี ปนอกุศล/เปนอกุศล) = อก.ุ ๑๒+เจ.๒๗ ัอญญ ัมญญฯ เอกมูลยมกะ มูลยมกะ (มลู นยั ) อกสุ ลมูลา (ชื่อวาอกุศลมูล) = โลภะ โทสะ โมหะ/  อกุศลมลู ๓ (มลู มลู นยั ) อกสุ ลมูลมูลา (ช่อื วามูลที่เปนอกุศลมลู ) (มูลกนยั ) อกสุ ลมูลกา (มมี ูลที่เปนอกศุ ล) (มูลมูลกนยั ) อกสุ ลมลู มูลกา (มมี ูลทเี่ ปนอกศุ ลมูล) (มูลนัย) อกสุ ลมเู ลน เอกมลู า (มมี ูลเปนอันเดียวกนั กับอกศุ ลมลู ) = อกุ.๑๒+เจ.๒๗ (มูลมูลนัย) อกสุ ลมเู ลน เอกมลู มูลา (มมี ลู ทเี่ รียกวาเปน มูลอันเดียวกันกับอกศุ ลมูล) (-โม->โม๒) (มูลกนัย) อกสุ ลมเู ลน เอกมลู กา (มมี ูลเปนอันเดียวกนั กับอกุศลมลู ) (และ) อกุ.จิ.ร.ุ ๑๗ (มูลมลู กนัย) อกสุ ลมเู ลน เอกมลู มูลกา (มมี ลู ทีเ่ รียกวา เปนมูลอนั เดยี วกันกบั อกศุ ลมูล) (มูลนยั ) อกสุ ลมเู ลน อฺ มฺ มลู า (ช่ือวาเปน มูลซ่ึงกันและกันกับอกุศลมลู ) (มูลมลู นยั ) อกสุ ลมเู ลน อฺ มฺ มลู มลู า(ชอ่ื วา มลู ท่ีเรียกวา เปนมูลซึ่งกันและกนั กับอกศุ ลมูล) =อกุศลมลู ๓ (มูลกนยั ) อกสุ ลมเู ลน อฺ มฺ มลู กา (มมี ูลซง่ึ กันและกันกับอกุศลมูล) (มลู มลู กนัย) อกสุ ลมเู ลน อฺ มฺ มลู มลู กา(มมี ลู ทเ่ี รียกวา เปนมูลซ่ึงกันและกันกับอกุศลมูล) (-โม>๒) มลู วาระ : อกสุ ลบท + มลู นยั / มูลมลู นยั + มลู ยมกะ (น.๑๘-๑๙, ๒๒-๒๓) อน.ุ ปุ อเยกเุ.๑ก๒จิ+ส๒อัน๔ก(สุ-3ล)+าธมมฺ า,  ส>พฺเพโลเภตะ โ..ท..ส..ะ...โ.ม...ห.ะสตงั ?ิ เทานั้น (มลู นัย) (ที่เปนอกศุ ล) อกุสลมลู า (ชื่อวา อกศุ ลมูล) มูลยมกะ อกุสลมลู มลู า (ช่ือวามลู ทเ่ี ปนอกศุ ลมลู ) (มูลมลู นัย)*** 54 ธรรมเหลาใดเหลา หนง่ึ ท่ีเปน อกศุ ล มีอยู, ธรรมเหลา นนั้ ทงั้ หมด ......... ใชไ หม ? สนั .=อกุ.๑๒+เจ.๒๗ อธ.สัน.>(มากกวา )สงั .จึงมีทั้งอธ.บทเดยี ว และ๒บท สัน.=  ปุริมโกฏฐาส (อธ.๒บทแสดงกอน) /ปจ ฉิมโกฏฐาส อกุ.๑๒+๒๔(-3) ปริปณุ ณปญ หา / สรปู ทัสสนวิสัชนา (ที่มีวิภงั คโ ดย) ออม วิ. ตเี ณว อกสุ ลมลู าน,ิ อวเสสา อกุสลา ธมมฺ า นX อกสุ ลมลู า. อกุ.๑๒+๒๔(-3) โลภะ โทสะ โมหะ  ตเี ณว อกสุ ลมลู มลู าน,ิ อวเสสา อกสุ ลา ธมมฺ า นX อกสุ ลมลู มลู า. โลภะ โทสะ โมหะ เพยี ง ๓ เทา นน้ั ช่อื วา ..... อกศุ ลธรรมทเ่ี หลือนอกนน้ั ไมช อ่ื วา ....... ๓. จงแสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาส ในคาํ ปุจฉาดงั ตอไปน้ี ? 54 เยเกจิ อกสุ ลา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต อกสุ ลมลู มลู าติ ? 54 ตอบ แสดงองคธ รรมและการจําแนกโกฏฐาส ใน อนุโลมปจุ ฉา เยเกจิ อกุสลา ธมมฺ า เปน สันนิฏฐานบท สพเฺ พ เต อกสุ ลมลู มูลา เปน สังสยบท องคธรรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแก อกศุ ลจิต ๑๒ เจตสิก ๒๗ องคธ รรมของสังสยบท ไดแก อกุศลมลู ๓ เทาน้ัน ฉะนั้นคาํ ถามบทน้ีเปน ปริปุณณปญ หา ถามวา ธรรมเหลา ใดเหลาหน่งึ ทีเ่ ปน อกศุ ลมีอย,ู ธรรม เหลา นัน้ ทัง้ หมดชอื่ วา มลู ทเี่ ปนอกศุ ลมลู ใชไหม? พระองคจ งึ ทรงแกด ว ยการยกเอา อกศุ ลมลู ๓ ซึ่งเปน  ดาวนโ หลดขอมูลจากขอความเพิ่มเตมิ ท่ี youtube หรอื ท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณัตวิ าระในขันธยมกะ (วนั แรก) 13 องคธ รรมของสันนฏิ ฐานบทและสงั สยบทไดท ้ังสองข้ึนไวใ นปรุ ิมโกฏฐาส ไมมกี ารปฏิเสธสงั สยบท ดงั แสดงวา ตเี ณว อกสุ ลมลู มลู านิ แลว ทรงยกเอา อกศุ ลจติ ๑๒ เจตสกิ ๒๔ (เวน อกุศลมลู ๓) ซง่ึ เปน องค ธรรมของสนั นฏิ ฐานบทไดบ ทเดยี วข้ึนไวในปจฉิมโกฏฐาส มกี ารปฏิเสธสงั สยบท ดังแสดงวา อวเสสา อกุ สลา ธมมฺ า น อกุสลมูลมลู า คาํ วิสชั นาในอนุโลมปุจฉาน้ี เปนสรปู ทัสสนวสิ ชั นาท่มี ีวภิ งั คโ ดยออม สัน สงั ปฏ.ิ ป.ุ เย วา ปน .............., สพเฺ พ เต ธมฺมา อกสุ ลาติ ? (มลู นัย) อกสุ ลมลู า (ชื่อวา อกุศลมูล) อกุศลมูล ๓ เปนอกุศล (มูลมลู นยั ) อกสุ ลมลู มลู า (ชอ่ื วา มูลท่เี ปน อกศุ ลมูล)  หรอื วา ธรรมเหลาใด ชอื่ วา..........มอี ยู, ธรรมเหลา นนั้ ทงั้ หมด เปนอกศุ ล ใชไหม ?   เหมือนกัน  ปจ ฉาปญหา / ปฏจิ วนวิสัชนา (รับรอง อ.ธ. สัน.) วิ. อามนตฺ า ใช มลู วาระ : อกสุ ลบท + มูลกนยั / มูลมลู กนัย + มลู ยมกะ (น.๒๕-๒๖, ๒๘-๒๙) อน.ุ ป.ุ อกุ.ส๑ัน ๒เ+ย๒เก๗จ-โสมิัง->อ๒กสุมลลู โ(าวมนา-.ร๑>ธะ๒๙ม:-มฺ๒อา๐ก,,สุ ๒ล>สบ๒พทอ-เฺ๒กพ+๓ุ.๑ม,๒เ๒ูลต+น๖๒.ัย-.๒๗../.๗-.โมม.,.-ล.ู>๒.๒.ม๙..ลู .-.น๓..ยั๐.แ.)ล/ตะม?ิ อลู กกุ.จนิ.รยั ุ / มลู มลู กนัย + เอกมลู ยมกะ ๑๗ ไมไดพูดถงึ ถงึ เอกมูลยมกะ มูลยมกะ (มูลกนยั )*** (ท่ีเปน อกุศล) อกสุ ลมูลกา (มมี ูลท่เี ปนอกุศล) (มลู มูลกนยั ) อกุสลมลู มูลกา (มมี ูลทเ่ี ปนอกศุ ลมูล) 49,(5ม0ูล,น5ัย1)*,*5* 3, อกสุ ลมเู ลน เอกมลู า (มมี ูลเปน อันเดยี วกันกับอกุศลมลู ) (มลู มลู นัย) อกุสลมเู ลน เอกมลู มูลา (มมี ลู ท่ีเรียกวาเปนมูลอันเดียวกันกับอกุศลมลู ) (มูลกนยั ) อกุสลมเู ลน เอกมลู กา (มมี ูลเปนอันเดียวกันกับอกุศลมูล) (มูลมลู กนัย) อกสุ ลมเู ลน เอกมูลมูลกา (มมี ลู ท่เี รยี กวาเปน มลู อนั เดยี วกนั กบั อกุศลมูล) ธรรมเหลา ใดเหลา หนงึ่ ท่ีเปนอกศุ ล มีอยู, ธรรมเหลา นนั้ ทงั้ หมด .............. ใชไ หม ? สนั .=อกุ.๑๒+เจ.๒๗ อธ.สนั .เทยี บ อธ.สงั . มีทัง้ อธ.บทเดยี ว และ๒บท สงั .=อกุ.๑๒+เจ.๒๗ (-โม->๒) ปรุ มิ โกฏฐาส (บทเดยี วกอ น)/ ปจ ฉิมโกฏฐาส โม.เจ -> โม ๒ ปริปุณณปญ หา / สรูปทสั สนวิสัชนา (ตรง) ว.ิ อเหตกุ ํ อกสุ ลํ นX (อกุสลมลู ก)ํ , สเหตกุ ํ อกสุ ลํ (อกุสลมลู ก)ํ . 49, 51, 52อ,ก5ุส3ล,มูล5ม5ลู ,ก5,ํ 6,57 อกุสลมูลมลู ก.ํ ว.ิ อเหตกุ ํ อกสุ ลํ อกสุ ลมเู ลน นX (เอกมลู )ํ , สเหตกุ ํ อกสุ ลํ อกสุ ลมเู ลน (เอกมลู )ํ . โม.เจ->โม ๒ เอกมูลมลู ,ํ อกุ.๑๒+เจ.๒๗ เอกมลู มูล.ํ เอกมลู ก,ํ (-โม.->โม ๒)  เอกมูลก.ํ เอกมูลมลู ก,ํ เอกมูลมูลก.ํ อกศุ ลที่เปน อเหตกุ ะไมม มี ลู .....อกุศล(มลู ), อกศุ ลท่เี ปน สเหตกุ ะมมี ลู .....อกศุ ล(มลู ) ๓. จงวสิ ัชนาเปน บาลพี รอ มคําแปลแสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาสในปจุ ฉาดังตอ ไปน้ี เยเกจิ อกุสลา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต อกสุ ลมลู กาติ ? 52(4), 55, 56, 62 ตอบ วสิ ชั นา อเหตกุ ํ อกุสลํ น อกสุ ลมูลก,ํ สเหตุกํ อกุสลํ อกุสลมลู กํ. อกศุ ลทเ่ี ปนอเหตกุ ะ ไมมมี ูลท่ีเปน อกศุ ล, อกุศลที่เปน สเหตกุ ะ มมี ลู ท่ีเปนอกุศล แสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาส ในอนุโลมปุจฉา เยเกจิ อกสุ ลา ธมมฺ า เปนสันนิฏฐานบท  ดาวนโ หลดขอ มูลจากขอความเพิ่มเติมท่ี youtube หรอื ท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณตั วิ าระในขันธยมกะ (วันแรก) 14 สพเฺ พ เต อกสุ ลมลู กา เปน สังสยบท องคธ รรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแ ก อกศุ ลจิต ๑๒ เจตสกิ ๒๗ ทัง้ หมด องคธ รรมของสงั สยบท ไดแก อกุศลจิต ๑๒ เจตสิก ๒๗ (เวน โมหเจตสิกทใี่ นโมหมูลจติ ๒) เทาน้ัน ฉะนนั้ คําถามบทนี้เปนปรปิ ณุ ณปญ หา ถามวา ธรรมเหลาใดเหลา หนงึ่ ทเ่ี ปน อกศุ ลมีอย,ู ธรรมเหลานนั้ ท้ังหมดมีมลู ทีเ่ ปน อกศุ ลใชไ หม? พระองคจงึ ทรงแกดว ยการยกเอา โมหเจตสกิ ทใี่ นโมหมลู จติ ๒ ซึ่งเปน องคธรรมของสนั นิฏฐานบทไดบทเดยี วข้นึ ไวในปุรมิ โกฏฐาส มีการปฏเิ สธสงั สยบท ดังแสดงวา อเหตกุ ํ อกุสลํ น อกสุ ลมลู กํ แลวทรงยกเอา อกศุ ลจิต ๑๒ เจตสกิ ๒๗ (เวน โมหเจตสิกท่ใี นโมหมลู จติ ๒) ซงึ่ เปน องคธ รรมของสันนฏิ ฐานบทและสงั สยบทไดทั้งสองขึ้นไวใ นปจฉิมโกฏฐาส ไมม ีการปฏเิ สธสังสยบท ดัง แสดงวา สเหตกุ ํ อกุสลํ อกสุ ลมลู กํ คาํ วิสัชนาในอนโุ ลมปุจฉานเ้ี ปน สรปู ทสั สนวสิ ชั นาท่ีมีวภิ งั คโดยตรง ๓. จงแสดง อนโุ ลมปจุ ฉา และ วสิ ัชนา ทงั้ บาลแี ละไทย พรอ มแสดงองคธรรม ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส ในอกศุ ลบท มลู นยั เอกมลู ยมกะ ? 63 ๓. จงวสิ ชั นาบาลี คาํ แปล พรอ มทง้ั แสดงองคธ รรมในคาํ ปจุ ฉาตอ ไปน้ี ? 49, 51 ๓. จงวสิ ชั นาพรอ มทง้ั คาํ แปล แสดงองคธ รรม และ จาํ แนกโกฏฐาส ในคําปจุ ฉาดงั ตอ ไปน้ี ? 53, 57, 59 ๓. จงวสิ ชั นาเปน บาลแี ละแสดงองคธ รรมในคาํ ปจุ ฉาดงั ตอ ไปนี้ ? (ไมต อ งแปล) ? 50 (ก.) เยเกจิ อกสุ ลา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต อกสุ ลมเู ลน เอกมลู าติ ? 49, 50, 51, 53, 57, 59 ตอบ (63) อนโุ ลมปุจฉา เยเกจิ อกสุ ลา ธมมฺ า, สพฺเพ เต อกุสลมูเลน เอกมลู าติ ?. ธรรมเหลาใดเหลา หนงึ่ ท่เี ปน อกศุ ลมีอย,ู ธรรมเหลานนั้ ท้งั หมดมมี ูลเปน อนั เดยี วกันกับอกุศลมูล ตอบ (ก.) วิสชั นา อเหตกุ ํ อกสุ ลํ อกสุ ลมเู ลน น เอกมูล,ํ สเหตุกํ อกสุ ลํ อกสุ ลมเู ลน เอกมลู .ํ (49, 51, 53, 57, 59) อกุศลทีเ่ ปน อเหตุกะไมม มี ลู เปนอันเดยี วกนั กับอกุศลมลู , อกศุ ลที่เปน สเหตุกะ มมี ูลเปนอนั เดยี วกันกับอกุศลมูล. (53, 57, 59) แสดงองคธ รรมและการจําแนกโกฏฐาส / (49, 50, 51) แสดงองคธ รรม ในอนโุ ลมปจุ ฉา (53, 57, 59) เยเกจิ อกุสลา ธมมฺ า เปนสันนฏิ ฐานบท (53, 57, 59) สพเฺ พ เต อกสุ ลมเู ลน เอกมูลา เปน สงั สยบท องคธ รรมของสันนิฏฐานบท ไดแก อกศุ ลจิต ๑๒ เจตสิก ๒๗ ทง้ั หมด องคธ รรมของสงั สยบท ไดแ ก อกุศลจติ ๑๒ เจตสกิ ๒๗ (เวน โมหเจตสกิ ทใ่ี นโมหมลู จติ ๒) เทาน้ัน (53, 57, 59) ฉะน้นั คาํ ถามบทนเ้ี ปนปริปณุ ณปญ หาถามวา ธรรมเหลาใดเหลา หนง่ึ ที่เปน อกุศลมีอย,ู ธรรม เหลานน้ั ทัง้ หมดมมี ูลเปน อันเดยี วกนั กบั อกศุ ลมลู ใชไ หม ? พระองคจึงทรงแกดว ยการยกเอา โมหเจตสกิ ทีใ่ นโมหมูลจติ ๒ ซง่ึ เปน องคธรรมของสันนฏิ ฐานบทไดบทเดยี วขึน้ ไวใ นปุริมโกฏฐาส มีการปฏิเสธสงั สย- บท ดังแสดงวา อเหตกุ ํ อกสุ ลํ อกุสลมูเลน น เอกมลู ํ แลวทรงยกเอา อกศุ ลจติ ๑๒ เจตสกิ ๒๗ (เวน โมหเจตสกิ ทใ่ี นโมหมลู จติ ๒) ซึง่ เปนองคธ รรมของสนั นฏิ ฐานบทและสงั สยบทไดทงั้ สองขนึ้ ไวใ นปจฉิม โกฏฐาส ไมมกี ารปฏเิ สธสังสยบท ดังแสดงวา สเหตกุ ํ อกสุ ลํ อกุสลมูเลน เอกมลู ํ คาํ วสิ ัชนาในอนโุ ลม ปุจฉานี้ เปนสรปู ทสั สนวสิ ชั นาทม่ี ีวิภังคโดยตรง  ดาวนโ หลดขอมูลจากขอ ความเพ่ิมเติมท่ี youtube หรือท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณัตวิ าระในขนั ธยมกะ (วันแรก) 15 ๓. จงแสดงอนุโลมปุจฉา วสิ ชั นา ทง้ั บาลแี ละไทย พรอมแสดงองคธ รรม ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส ใน อกศุ ลบท มลู นยั คาํ ปุจฉาดงั ตอไปน้ี เยเกจิ อกุสลา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต อกสุ ลมเู ลน เอกมลู กาต.ิ ? 60 ๓. จงวสิ ัชนาพรอ มคาํ แปล แสดงองคธ รรมและการจําแนกโกฏฐาส ในคาํ ปจุ ฉาดงั ตอ ไปน้ี เยเกจิ อกสุ ลา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต อกสุ ลมเู ลน เอกมลู กาต.ิ ? 60 ตอบ (63) อนโุ ลมปุจฉา เยเกจิ อกสุ ลา ธมมฺ า, สพเฺ พเต อกสุ ลมเู ลน เอกมลู กาติ ? ธรรมเหลา ใตเหลาหนง่ึ ทีเ่ ปนอกุศลมีอย,ู ธรรมเหลานนั้ ทง้ั หมดมีมลู เปน อนั เดยี วกนั กับอกุศลมลู ใชไ หม ? ตอบ (60) วิสชั นา อเหตกุ ํ อกสุ ลํ อกสุ ลมเู ลน น เอกมลู ก,ํ สเหตกุ ํ อกสุ ลํ อกุสลมเู ลน เอกมลู กํ. อกุศลทเ่ี ปนอเหตุกะไมมีมลู เปนอนั เดยี วกนั กับอกุศลมูล, อกุศลทเ่ี ปน สเหตกุ ะมมี ูลเปนอันเดยี วกนั กบั อกุศลมูล. (60) แสดงองคธรรมและการจําแนกโกฏฐาส (63) แสดงองคธรรม ใน อนุโลมปุจฉา เยเกจิ อกุสลา ธมมฺ า เปนสันนิฏฐานบท สพเฺ พ เต อกสุ ลมูเลน เอกมลู กา เปน สังสยบท องคธ รรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแ ก อกุศลจิต ๑๒ เจตสิก ๒๗ ทง้ั หมด องคธรรมของสงั สยบท ไดแ ก อกุศลจติ ๑๒ เจตสกิ ๒๗ (เวนโมหเจตสกิ ที่ในโมหมลู จิต ๒) เทาน้นั (60) ฉะนัน้ คาํ ถามบทนี้เปนปริปณุ ณปญหา ถามวาธรรมเหลาใดเหลาหนึ่งท่ีเปนอกุศลมีอย,ู ธรรม เหลา นน้ั ทงั้ หมดมีมูลเปนอันเดยี วกนั กับอกุศลมลู ใชไ หม ? พระองคจงึ ทรงแกดวยการยกเอา โมหเจตสิก ทีใ่ นโมหมูลจิต ๒ ซึ่งเปน องคธรรมของสนั นฏิ ฐานบทไดบ ทเดยี วข้นึ ไวใ นปรุ มิ โกฏฐาส มกี ารปฏเิ สธสัง สยบทดงั แสดงวา อเหตกุ ํ อกสุ ลํ อกุสลมเู ลน น เอกมลู ก,ํ แลวทรงยกเอา อกศุ ลจติ ๑๒ เจตสิก ๒๗ (เวน โมหเจตสกิ ท่ีในโมหมูลจติ ๒) ซงึ่ เปน องคธ รรมของสนั นฏิ ฐานบทและสังสยบท ไดท ง้ั สองขึ้นไวใ น ปจ ฉิมโกฏฐาสไมม ีการปฏเิ สธ สังสยบท ดงั แสดงวา สเหตกุ ํ อกุสลํ อกสุ ลมเู ลน เอกมลู ก.ํ คําวิสชั นาใน อนโุ ลมปจุ ฉาน้ี เปน สรูปทัสสนวิสชั นาที่มีวภิ ังคโดยตรง ปฏอ.ิกปุ.๑.ุ ๒+เ๒ย๗(ว-โาสมัน->ป๒น) ......แ..ล..ะ...อ..ก..ุ..จ..ิ..ร.ุ..๑..๗..,  >สพอกฺเพุ.๑๒เ+ต๒๗ธ(ม-โมมฺ ส-า>งั ๒อ) กุสลาติ ? (มูลกนยั ) อกุสลมลู กา (มีมลู ทีเ่ ปนอกุศล) เปนอกุศล เอกมูลยมกะ มูลยมกะ (มลู มลู กนัย)*** อกสุ ลมลู มลู กา (มีมูลที่เปน อกศุ ลมลู ) 47, 51 (มูลนยั )*** อกุสลมเู ลน เอกมลู า (มีมลู เปนอนั เดยี วกันกบั อกุศลมูล) 43, 44, 47, 53 (มูลมลู นัย) อกสุ ลมเู ลน เอกมลู มลู า (มีมลู ทเี่ รียกวา เปน มูลอันเดยี วกันกบั อกุศลมูล) (มลู กนัย) อกุสลมเู ลน เอกมลู กา (มีมลู เปน อันเดยี วกนั กับอกศุ ลมลู ) (มูลมลู กนยั ) อกุสลมเู ลน เอกมลู มลู กา (มีมลู ที่เรยี กวาเปน มลู อันเดยี วกนั กับอกศุ ลมูล) หรือวา ธรรมเหลาใด .............. มีอยู, ธรรมเหลา นน้ั ทงั้ หมด เปนอกศุ ล ใชไหม ? สัน.=อกุ.๑๒+เจ.๒๗(-โม->๒) อกุ.จ.ิ ร.ุ ๑๗ สัน.เทียบ สัง. มีทัง้ อธ.บทเดียว และ๒บท สัง.=อกุ.๑๒+เจ. ๒๗(-โม->๒) ปรุ ิมโกฏฐาส (บทเดียวกอ น)/ ปจ ฉิมโกฏฐาส อกุ.จิ.รุ.๑๗ ปริปณุ ณปญหา / สรูปทัสสนวิสชั นา (ตรง)  ดาวนโ หลดขอมูลจากขอความเพิ่มเตมิ ท่ี youtube หรอื ท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณัติวาระในขนั ธยมกะ (วันแรก) 16 วิ. อกสุ ลสมฏุ  านํ รปู อ .ก...ุ..จ..ิ..ร.ุ..๑..๗.......นX อกสุ ล,ํ อกอุ.๑ก๒ุสล+ํเ.จ.....๒..๗...(.-..โ.ม....เ.จอ->กโมสุ ล๒) จฺ . อกสุ ลมลู กํ อกุ. ๑๒ + เจ. ๒๗ อกุสลมลู กฺเจว อกุ.จิ.รุ ๑๗ อกสุ ลมลู มลู กํ (-โม.เจ->โม ๒)  อกสุ ลมูลมลู กเฺ จว อกุสลมูเลน เอกมูลํ อกุสลมูเลน เอกมลู ฺเจว. อกุสลมูเลน เอกมูลมลู ํ 43, 44, 47, 53 อกสุ ลมูเลน เอกมลู มลู เฺ จว. อกสุ ลมูเลน เอกมูลกํ อกุสลมูเลน เอกมูลกฺเจว. อกสุ ลมูเลน เอกมลู มลู กํ อกสุ ลมูเลน เอกมลู มลู กเฺ จว. รปู ซง่ึ มอี กศุ ลเปน สมฏุ ฐาน ......... แตไ มใ ชเ ปน อกศุ ล, อกศุ ลธรรม ........ กใ็ ช เปน อกศุ ลกใ็ ช. ๓. จงแสดงปฏโิ ลมปจุ ฉาและวิสชั นา ทงั้ บาลแี ละไทย พรอ มทง้ั แสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาส ใน อกศุ ลบท มลู มลู นัย เอกมลู ยมกะ ? 58 ตอบ ปฏโิ ลมปจุ ฉา เย วา ปน อกสุ ลมเู ลน เอกมลู มลู า, สพเฺ พ เต ธมมฺ า อกสุ ลาติ ? หรอื วา ธรรมเหลาใดมมี ลู ที่เรียกวา เปนมลู อนั เดยี วกันกับอกศุ ลมูลมีอยู, ธรรมเหลา นั้นทง้ั หมด เปนอกุศลใชไ หม ? วสิ ชั นา อกสุ ลสมฏุ ฐ ฃานํ รปู  อกสุ ลมูเลน เอกมลู มลู ํ น อกสุ ล,ํ อกสุ ลํ อกุสลมเู ลน เอกมลู มลู เฺ จว อกสุ ลจฺ . รูปซ่งึ มอี กุศลเปน สมฏุ ฐาน มีมูลที่เรยี กวาเปนมลู อันเดยี วกันกบั อกุศลมูล แตไ มใ ชเ ปนอกศุ ล, อกศุ ลธรรมมมี ูลที่เรียกวา เปน มูลอนั เดียวกันกบั อกศุ ลมูลกใ็ ช เปนอกุศลก็ใช แสดงองคธรรมและการจาํ แนกโกฏฐาส ในปฏโิ ลมปุจฉา เย วา ปน อกุสลมเู ลน เอกมลู มูลา เปนสันนิฏฐานบท สพเฺ พ เต ธมมฺ า อกสุ ลา เปน สงั สยบท องคธรรมของสันนฏิ ฐานบท ไดแ ก อกศุ ลจิต ๑๒ เจตสกิ ๒๗ (เวน โมหเจตสิกที่ในโมหมูลจิต ๒) และ อกุศลจติ ตชรปู ๑๗ องคธรรมของสังสยบท ไดแก อกศุ ลจติ ๑๒ เจตสิก ๒๗ (เวน โมหเจตสิกทใี่ นโมหมลู จิต ๒) เทานน้ั ฉะนน้ั คาํ ถามบทน้ีเปนปรปิ ณุ ณปญหา ถามวา หรือวา ธรรมเหลาใดมีมลู ท่เี รียกวาเปน มลู อนั เดียวกนั กับอกุศลมูลมอี ยู, ธรรมเหลา นนั้ ทง้ั หมด เปน อกศุ ลใชไ หม ? พระองคจ งึ ทรงแกดว ยการยกเอา อกศุ ลจติ ตชรปู ๑๗ ซ่งึ เปนองคธรรมของสนั นฏิ ฐานบทไดบทเดียวขึน้ ไวในปุริมโกฏฐาส มกี ารปฏเิ สธสงั สยบท ดงั แสดงวา อกสุ ลสมุฏฐ านํ รูป อกสุ ลมูเลน เอกมลู มลู ํ น อกุสลํ แลว ทรงยกเอา อกศุ ลจติ ๑๒ เจตสิก ๒๗ (เวน โมหเจตสกิ ทใ่ี นโมหมลู จติ ๒) ซงึ่ เปน องคธ รรมของสันนฏิ ฐานบทและสังสยบทไดท ้งั สอง ขน้ึ ไวในปจ ฉิมโกฏฐาส ไมมกี ารปฏิเสธสงั สยบท ดังแสดงวา อกุสลํ อกสุ ลมเู ลน เอกมูลมูลเฺ จว อกสุ ลจฺ คําวิสัชนาในปฏิโลมปจุ ฉาน้ี เปน สรปู ทสั สนวสิ ัชนาทีม่ วี ภิ ังคโดยตรง ๓. จงตง้ั ปจุ ฉาวิสัชนาเปน บาลีไทยพรอ มทั้งแสดงองคธ รรมและการจําแนกโกฏฐาส ในอกุศลบท มลู กนยั เอกมลู ยมกะ เฉพาะปฏโิ ลมปจุ ฉา ? 61 ตอบ ปฏโิ ลมปจุ ฉา เย วา ปน อกสุ ลมเู ลน เอกมลู กา, สพเฺ พ เต ธมฺมา อกสุ ลาติ ? แปล หรือวา ธรรมเหลาใดมีมูลเปน อันเดียวกนั กับอกุศลมูลมอี ยู, ธรรมเหลา นนั้ ทั้งหมดเปน อกุศลใชไ หม ?  ดาวนโหลดขอมูลจากขอ ความเพิ่มเติมที่ youtube หรือท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณตั วิ าระในขันธยมกะ (วันแรก) 17 วสิ ชั นา อกุสลสมฏุ ฐฃานํ รูป อกุสลมูเลน เอกมูลกํ น อกุสล,ํ อกุสลํ อกุสลมูเลน เอกมลู กฺเจว อกุสลฺจ. แปล รปู ซึ่งมอี กศุ ลเปน สมุฏฐาน มีมูลเปน อนั เดียวกันกับอกุศลมูล แตไมใชเ ปน อกศุ ล, อกุศลธรรม มมี ลู เปนอันเดียวกันกับอกศุ ลมูลกใ็ ช เปนอกุศลก็ใช. แสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาส ในปฏิโลมปุจฉา เย วา ปน อกุสลมูเลน เอกมลู กา เปนสนั นฏิ ฐานบท สพฺเพ เต ธมฺมา อกุสลา เปนสงั สยบท องคธ รรมของสันนฏิ ฐานบท ไดแก อกุศลจติ ๑๒ เจตสกิ ๒๗ (เวนโมหเจตสกิ ทใ่ี นโมหมลู จติ ๒) และ อกุศลจติ ตชรปู ๑๗ องคธรรมของสงั สยบท ไดแ ก อกุศลจิต ๑๒ เจตสิก ๒๗ (เวน โมหเจตสกิ ท่ใี นโมหมลู จิต ๒) เทานั้น ฉะน้ันคําถามบทน้ีเปนปริปณุ ณปญหา ถามวา หรือวา ธรรมเหลาใดมมี ลู เปนอนั เดียวกันกบั อกุศล มลู มีอยู , ธรรมเหลา นั้นท้งั หมดเปน อกุศลใชไหม ? พระองคจงึ ทรงแกด วยการยกเอา อกศุ ลจิตตชรูป ๑๗ ซ่ึงเปนองคธรรมของสนั นิฏฐานบทไดบทเดียวขน้ึ ไวใ นปุรมิ โกฏฐาส มกี ารปฏเิ สธสงั สยบท ดังแสดงวา อกสุ ลสมุฏฐ ฃานํ รูป อกุสลมเู ลน เอกมลู กํ น อกุสล,ํ แลวทรงยกเอา อกุศลจิต ๑๒ เจตสกิ ๒๗ (เวน โมหเจตสิกทีใ่ นโมหมลู จติ ๒) ซง่ึ เปน องคธรรมของสันนฏิ ฐานบทและสงั สยบทไดท้งั สอง ขึ้นไวในปจฉิม โกฏฐาส ไมม ีการปฏิเสธสังสยบท ดังแสดงวา อกสุ ลํ อกุสลมูเลน เอกมูลกเฺ จว อกสุ ลฺจ. คําวสิ ชั นาใน ปฏโิ ลมปุจฉานี้ เปนสรปู ทสั สนวสิ ัชนาที่มีวภิ งั คโ ดยตรง ๓. ก. อกสุ ลสมฏุ  านํ รปู  อกสุ ลมเู ลน เอกมลู ํ น อกสุ ล,ํ อกุสลํ อกสุ ลมเู ลน เอกมลู เฺ จว อกสุ ลจฺ . อยากทราบวา มีคาํ แปลวา อยา งไร ? 47 (1/3) ๔. จงแปลในคาํ วสิ ัชนาดงั ตอ ไปนี้ ? 47(5-2/3), 51(4-2/3) ข. อกสุ ลสมุฏ านํ รปู  อกสุ ลมเู ลน เอกมลู กํ น อกสุ ล,ํ อกุสลํ อกสุ ลมเู ลน เอกมลู กเฺ จว อกสุ ลจฺ .? ตอบ ก/ข. มคี าํ แปลดังนี้ รูปซ่งึ มอี กศุ ลเปนสมฏุ ฐานมมี ลู เปน อันเดยี วกนั กับอกศุ ลมูล แตไมใ ชเ ปนอกุศล, อกุศลธรรมมมี ลู เปนอันเดียวกนั กับอกุศลมลู ก็ใช เปน อกศุ ลกใ็ ช. ๔. จงแปลและแสดงองคธ รรมในคาํ บาลตี อ ไปนี้ ? 43, 44, 47, 53 ข. อกสุ ลํ อกสุ ลมเู ลน เอกมลู มลู กเฺ จว อกสุ ลจฺ ? 43(4ข/ค), 44(4ข/ค), 47(1/3), 53(5ข/ง) ตอบ ข. อกศุ ลธรรมมีมลู ท่ีเรียกวา เปนมลู อนั เดยี วกันกบั อกศุ ลมูลก็ใช เปนอกศุ ลกใ็ ช องคธรรมไดแก อกศุ ลจติ ๑๒ เจตสกิ ๒๗ (เวน โมหเจตสิกทใี่ นโมหมลู จิต ๒) อนุ.ปอุกุ.เ๑ย๒ เ+ก๒จิ๔...แ.สม.ลัน.ลู.ะ.ว..อ.า.ก.ร.ุ.ะ.จ..ิ.(.ร:น.ุ.อ..๑๒..ก๗.๑.สุ.,ล๒บธ๔ทม-มฺ๒+า๕(-,มโ,มลู๒น-๗>ยั -๒ส๒)พ/๘เฺม,พลู๓มเ๐ตลู->๓น..๑.ัย..)./..อ.ม.ก..ลู ุศ..ก.สล.งัน.ม..ลูัย...๓./.(.-.มโ..มลู..ม.-.>.ูล.๒.ก..)นตยั ?ิ + อญั ญมญั ญมลู ยมกะ (มูลนัย) 44 อกสุ ลมเู ลน เอกมลู า อกสุ ลมเู ลน อฺมฺมูลา *** (มีมูลเปน อันเดียวกัน/กบั อกุศลมลู ) (ชื่อวาเปน มูลซงึ่ กนั และกนั /กบั อกุศลมูล) (มูลมูลนัย) อกุสลมเู ลน เอกมูลมูลา อกสุ ลมเู ลน อฺมฺมูลมลู า (มมี ลู ทีเ่ รยี กวาเปน มลู อนั เดยี วกัน/กบั อกุศลมูล) (ชอ่ื วามูลท่ีเรยี กวา เปน มูลซึ่งกันและกัน/กับอกุศลมูล) (มลู กนัย) อกุสลมเู ลน เอกมลู กา อกสุ ลมเู ลน อฺมฺมูลกา* (มมี ูลเปนอันเดียวกัน/กบั อกุศลมูล) (มมี ลู ซ่งึ กนั และกัน/กบั อกศุ ลมูล)  ดาวนโ หลดขอมูลจากขอความเพ่ิมเติมท่ี youtube หรือท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณัตวิ าระในขันธยมกะ (วนั แรก) 18 (มูลมูลกนัย) 47 อกสุ ลมเู ลน เอกมูลมูลกา อกุสลมเู ลน อฺมฺมูลมูลกา *** (มมี ูลทีเ่ รยี กวาเปนมลู อนั เดียวกัน/กับอกุศลมลู ) (มมี ูลทีเ่ รยี กวาเปน มลู ซ่งึ กันและกัน/กบั อกศุ ลมลู ) ธรรมเหลา ใดเหลา หนงึ่ ................ มีอย,ู ธรรมเหลา นนั้ ทง้ั หมด ................. ใชไ หม ? สัน.=อกุ.๑๒+เจ.๒๗(-โม->โม๒) อกุ.จิ.ร.ุ ๑๗ สนั .>(มาก)สัง. มีทั้งอธ.บทเดียว และ๒บท สัง.= (-โม->โม๒) ปุรมิ โกฏฐาส (๒บท-กอน)/ปจ ฉมิ โกฏฐาส อกุ.๑๒+เจ ๒๔(-) อกุ.จิ.ร.ุ ๑๗  ปริปณุ ณปญ หา - สรูปทัสสนวสิ ชั นา (ออม) ว.ิ มูลานิ ยานิ เอกโต อปุ ปฺ ชฺชนตฺ ิ อกสุ ลมลู านิ (เอกมลู าน)ิ เจว (อฺ มฺ มลู าน)ิ จ, อกุศลมลู ๓ (-โม.เจ->โม ๒)  เอกมลู มลู านิ อฺ มฺ มลู มลู านิ เอกมลู กานิ อฺ มฺ มลู กานิ 47 เอกมลู มลู กานิ อฺ มฺ มลู มลู านิ อวเสสา อกสุ ลมลู สหชาตา ธมฺมา อกสุ ลมเู ลน (เอกมลู า) นX จ (อฺ มฺ มลู า). อกุ.๑๒+๒๔(-๓) เอกมลู มลู า อฺ มฺ มลู มลู า. อกุ.จิ.ร.ุ ๑๗ เอกมลู กา อฺ มฺ มลู กา. 47 เอกมลู มลู กา อฺ มฺ มลู มูลกา.44 (๓) อกุศลมูลเหลา ใดเกิดขน้ึ คราวเดียวกนั อกศุ ลมลู เหลาน้นั (มีมลู ..เปนอันเดยี วกัน) กใ็ ช (ชอ่ื วา /มี..มูล...ซ่งึ กันและกัน) กใ็ ช, ธรรมที่ เกดิ พรอมกนั กบั อกุศลมูลท่เี หลอื นอกนั้น (มมี ลู เปน อนั เดยี วกนั กับอกุศลมลู ) แตไม/ไมใ ช๓(ชือ่ วา/มี)..มูล...ซ่ึงกนั และกัน. ๓. จงวสิ ัชนาคาํ ถามดงั ตอ ไปนี้ เปน บาลี พรอ มทง้ั แสดงองคธ รรม (ไมตองจําแนกโกฏฐาส) ธรรมเหลา ใดเหลา หนง่ึ มมี ลู เปนอนั เดยี วกนั กบั อกุศลมลู มีอย,ู ธรรมเหลา นน้ั ทงั้ หมด มมี ลู ซงึ่ กันและกนั กบั อกุศล ใชไ หม ? 44 ตอบ มลู านิ ยานิ เอกโต อุปปฺ ชชฺ นตฺ ิ อกุสลมลู านิ เอกมลู กานิ เจว อฺมฺ มูลกานิ จ, อวเสสา อกุสลมูลสหชาตา ธมมฺ า อกสุ ลมเู ลน เอกมลู กา น จ อฺ มฺมูลกา. (วิสัชนาเปนบาลี) แสดงองคธรรม ในอนโุ ลมปจุ ฉา เยเกจิ อกสุ ลมเู ลน เอกมลู กา ธมมฺ า เปน สันนิฏฐานบท สพเฺ พ เต อกสุ ลมูเลน อฺ มฺ มลู กา เปนสังสยบท องคธ รรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแ ก อกศุ ลจติ ๑๒ เจตสิก ๒๗ (เวน โมหเจตสกิ ทีใ่ นโมหมูลจติ ๒) อกุศลจติ ตชรูป ๑๗, องคธรรมของสงั สยบท ไดแ ก อกศุ ลมูล ๓ (เวน โมหเจตสกิ ที่ในโมหมูลจติ ๒) เทา น้ัน ๓. ข. เยเกจิ อกสุ ลมเู ลน เอกมลู มลู กา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต อกสุ ลมเู ลน อฺมฺ มูลมูลกาต.ิ จงแสดงองคธ รรมมาใหถ กู ตอ ง ? 47 (2/3) ตอบ ข. เยเกจิ อกุสลมูเลน เอกมลู มูลกา ธมมฺ า, สพฺเพ เต อกุสลมเู ลน อฺ มฺ มูลมูลกาติ ? องคธ รรมของสันนฏิ ฐานบท ไดแก อกศุ ลจติ ๑๒ เจตสิก ๒๗ (เวนโมหเจตสกิ ท่ีในโมหมลู จติ ๒) อกศุ ลจติ ตรปู ๑๗ องคธรรมของสงั สยบท ไดแ ก อกุศลมลู ๓ (เวน โมหเจตสิกทใ่ี นโมหมูลจิต ๒) เทาน้ัน ปฏ.ิ ป.ุ เย วา ปนอก.ุศ..ล..ม.ส.ลู .นั..๓.......(.-.โ..ม..-.>.โ..ม..๒..)........<...., (-โม->โม๒)+สอพสกงัุ.เฺ พ๑๒เต+ ๒ธ๔ม+มฺ โมา->อโมก๒สุ (ลไมาไตดิถ?ามถงึ ) *** อกุสลมเู ลน อฺญมฺญมลู า (ช่ือวาเปน มลู ซึ่งกนั และกนั กบั อกุศลมลู )50 เปน อกศุ ล อกุสลมเู ลน อญฺ มญฺ มูลมูลา (ชอื่ วามลู ท่เี รยี กวาเปน มลู ซ่ึงกนั และกันกับอกุศลมลู )  ดาวนโหลดขอมูลจากขอความเพิ่มเติมที่ youtube หรอื ที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณัตวิ าระในขนั ธยมกะ (วนั แรก) 19 *** อกสุ ลมเู ลน อญฺ มฺญมูลกา (มีมูลซ่ึงกันและกนั กบั อกศุ ลมลู ) 47 อกุสลมเู ลน อฺญมญฺ มลู มลู กา (มีมลู ที่เรยี กวา เปน มูลซึง่ กนั และกันกับอกุศลมูล) หรอื วา ธรรมเหลา ใด ...........มูลซง่ึ กนั และกนั กบั อกศุ ลมลู มอี ยู, ธรรมเหลานน้ั ทั้งหมด เปนอกศุ ล ใชไ หม ? ว.ิ อามนตฺ า ใช 47, 50 อกศุ ลมลู ๓ (-โม.เจ->โม ๒)   (-โม->โม๒)  เหมอื นกัน  ปจฉาปญหา -> ปฏวิ จนวิสัชนา รบั รอง อธ. ๓. จงวสิ ัชนาเปน บาลี และแสดงองคธ รรมในคาํ ปจุ ฉาดงั ตอ ไปนี้ (แตข อ ข. ตองจาํ แนกโกฏฐาส) ? 50 ข. เย วา ปน อกสุ ลมเู ลน อฺ มฺ มูลา, สพเฺ พ เต ธมมฺ า อกสุ ลาติ ? 50 ๓. ค. เย วา ปน อกสุ ลมเู ลน อฺ มฺ มูลมูลกา, สพเฺ พ เต ธมมฺ า อกุสลาติ. จงแสดงการจาํ แนกโกฏฐาส มาใหถ กู ตอ ง ? 47 (3/3) ตอบ ข./ค. อามนตฺ า ใช แสดงองคธ รรมในปฏโิ ลมปจุ ฉา องคธ รรมของสนั นิฏฐานบท ไดแ ก อกุศลมูล ๓ (เวน โมหเจตสกิ ท่ใี นโมหมลู จิต ๒) องคธรรมสังสยบท เหมือนกัน [47 (3/3) แสดงการจําแนกโกฏฐาส ในปฏิโลมปจุ ฉา] / (50) จาํ แนกโกฏฐาส ฉะนนั้ คําถามบทนี้เปนปจ ฉาปญ หา ถามวา หรอื วาธรรมเหลา ใด [(50)ช่ือวาเปนมลู ซง่ึ กันและกัน /(47) มมี ลู ท่ี เรียกวา เปนมูลซง่ึ กันและกัน] กบั อกุศลมูลมีอยู, ธรรมเหลานัน้ ทงั้ หมดเปน อกุศลใชไหม ? พระองคจ ึงทรงแก โดยปฏวิ จนวสิ ัชนาวา อามนตฺ า ซึ่งเปน คําวิสัชนารับรององคธ รรมของสนั นิฏฐานบท เพราะวา อกุศลมูล ๓ (เวน โมหเจตสิกที่ในโมหมูลจิต ๒) ซึ่งเปน องคธรรมของสนั นิฏฐานบทเหลานัน้ กเ็ ปนอกศุ ลดวย ขอ ๔ (อพยากตบท) อพยฺ ากตา ธมมฺ า (ทีเ่ ปน/เปนอพยากตะ) = วิ.๓๖, ก.ิ ๒๐+เจ.๓๘ รปู ๒๘ นิพพาน หรือ (๑๐ ขอ) = อเหตุ๑๘+อญั ๑๒(-ฉนั ), อเหจริ ,ุ อเหตุปฏิก,ํ กุ.อกุ.จิ.ร.ุ (ที่..ปญ ), พา, อุ, อา, สญั , ติ, นพิ * และ (๔ ขอ) และ สวิ๒๑, สกิ๑๗+๓๘, สวิ.สกจิ ิร๑ุ ๗, สปกํท่ี..ปญ** ูมลยมกะ (มลู นัย) อพยฺ ากตมูลา (ชอื่ วา อพยากตมูล) = อโลภะ อโทสะ อโมหะ/ (มูลมลู นัย) อพยฺ ากตมูลมูลา (ชอ่ื วามูลทเ่ี ปน อพยากตมูล) =  อพยากตมลู ๓ (มลู กนยั ) อพยฺ ากตมลู กา (มมี ลู ที่เปนอพยากตะ) (มูลมูลกนัย) อพยฺ ากตมูลมลู กา (มมี ูลที่เปนอพยากตมูล) = สว.ิ ๒๑, อัญญ ัมญญฯ เอก ูมลยมกะ (มูลนัย) อพยฺ ากตมเู ลน เอกมลู า (มมี ลู เปน อันเดียวกนั กับอพยากตมูล) สกิ.๑๗+๓๘, (มูลมลู นยั ) อพยฺ ากตมเู ลน เอกมูลมูลา (มมี ูลทเ่ี รยี กวา เปน มลู อันเดยี วกนั กับอพยากตมลู ) สว.ิ สกิจิร๑ุ ๗, (มูลกนยั ) อพยฺ ากตมเู ลน เอกมูลกา (มมี ูลเปน อันเดียวกนั กับอพยากตมูล) ส.ปกํ-ท.ี่ .ปญ (มลู มลู กนยั ) อพยฺ ากตมเู ลน เอกมลู มลู กา (มมี ูลทีเ่ รยี กวาเปนมลู อนั เดยี วกันกับอพยากตมูล) (มูลนัย) อพยฺ ากตมเู ลน อฺ มฺ มูลา (ช่ือวา เปนมูลซง่ึ กันและกนั กับอพยากตมลู ) =อพยา- (มูลมูลนัย) อพยฺ ากตมเู ลน อฺ มฺ มูลมูลา (ชอื่ วามลู ทีเ่ รียกวา เปนมูลซ่ึงกันและกนั กับอพ.มลู ) กตมูล ๓ (มลู กนัย) อพยฺ ากตมเู ลน อฺ มฺ มูลกา (มมี ลู ซึง่ กนั และกันกับอพยากตมูล) (มูลมลู กนยั ) อพยฺ ากตมเู ลน อฺ มฺ มลู มลู กา (มมี ลู ท่ีเรียกวา เปนมลู ซ่ึงกันและกันกบั อพ.มูล) *อเหตุกจติ ๑๘ อัญญสมานเจตสิก ๑๒ (เวน ฉนั ทะ), อเหตุกจติ ตชรูป, อเหตุปฏิสนธกิ ัมมชรปู , กุศลอกศุ ลจิตตชรปู ทเ่ี กดิ ข้นึ เฉพาะแต ในปญจโวการภูม,ิ พาหริ รูป, อุตชุ รูป, อาหารชรูป, อสญั ญสตั ตปฏิสนธิกัมมชรปู , ปวัตติกัมชรุป, นิพพาน (กลุม ๑๐) **สเหตุกวิปากจิต ๒๑, สเหตุกกิรยิ าจติ ๑๗ เจตสิก ๓๘, สเหตกุ วิปากและสเหตุกกิรยิ าจิตตชรปู ๑๗, สเหตุกปฏิสนธกิ ัมมชรปู ที่ เกดิ ข้ึนเฉพาะแตใ นปญ จโวการภูมิ (กลมุ ๔)  ดาวนโ หลดขอมูลจากขอ ความเพ่ิมเตมิ ท่ี youtube หรอื ที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณัติวาระในขนั ธยมกะ (วนั แรก) 20 มลู วาระ : อพยากตบท + มลู นัย / มลู มลู นัย + มลู ยมกะ (น.๓๑-๓๒, ๓๕-๓๖) ออนพ.ุ ยปาุ กตเบยวท.ิ ๓เก๖จกิ ิ.๒อ๐พ+ยฺ ๓าส๕กัน(ต-า )ธรมปู มฺ ๒า๘, นิพ >สองั สโลพภเฺ พะ อเโตทสะ...อ..โ.ม...ห..ะ...ติ ? (มูลนยั )***** (ที่เปน อพยากตะ) อพ4ยฺ 6า,ก4ตม8ูล, า49, 5(ช1ื่อ,ว5า 3อพ, ย5า5ก,ตมูล) 54 มูลยมกะ อพยฺ ากตมลู มูลา (ชือ่ วามลู ทเ่ี ปนอพยากตมูล) (มูลมลู นยั ) ธรรมเหลา ใดเหลา หนงึ่ (ทเี่ ปน อพยากตะ) มอี ย,ู ธรรมเหลา นนั้ ทัง้ หมด ....... ใชไ หม ? วิ.๓๖, ก.ิ ๒๐ เจ.๓๘ รูป๒๘ นิพพาน สนั .>สงั . จึงมีทงั อธ.บทเดียว และ๒บท   ปุริมโกฏฐาส (๒บทก่อน)/ปัจฉิมโกฏฐาส วิ.๓๖, ก.ิ ๒๐+๓๕(-3) รูป๒๘ นิพ  ปริปณุ ณปัญหา / สรูปทสั สนวสิ ชั นา (ออ้ ม) ว.ิ ตเีอณโลวภอะ พอโยฺ ทาสกะตอมโมลู หาะน,ิอวเสสวาิ.๓อ๖พ+ยฺกา.ิ ๒ก๐ต+า ๓ธ๕ม(ฺม-าน)X+อรพปู ๒ฺย๘าก+ตน4มิพ6ลู,า. 54(๔ข) อพยากต ว.ิ ๓๖, ก.ิ ๒๐+ ๓๕ มูล ๓ อพยฺ ากตมลู มลู าน,ิ (-3)+รปู ๒๘+นพิ  54 นX อพยฺ ากตมลู มลู า อโลภะ อโทสะ อโมหะ เพยี ง ๓ เทา น้นั ชอื่ วา ..., อพยากตธรรมทเ่ี หลอื นอกนน้ั ไมช ่อื วา .... ๔. จงแปลวภิ งั คบาลี และแสดงองคธ รรม ดังตอไปนี้ ? 54 ข. อวเสสา อพฺยากตา ธมมฺ า น อพฺยากตมลู า.? 54 ตอบ ข. อพยากตธรรมทเ่ี หลอื นอกน้นั ไมชือ่ วา อพยากตมูล. องคธ รรม ไดแ ก วิปากจิต ๓๖ กริ ิยาจิต ๒๐ เจตสิก ๓๕ (เวน อพยากตมลู ๓) รปู ๒๘ นพิ พาน ปฏ.ิ ปุ. อพเยยากวตามลู ป๓นส..นั .......<.....,+ว.ิ ๓๖+กสิ.๒พ๐เฺ +พ๓๕เต(-ธ)+มรมฺ ูปา๒๘+อนพิพสยฺ งั(ไามกไ ดตถาามตถิ ึง?) เปน อพยากตะ มูลยมกะ (มูลนยั ) อพยฺ ากตมูลา (ช่อื วา อพยากตมลู ) (มูลมลู นัย) อพยฺ ากตมลู มลู า (ชอ่ื วา มูลท่เี ปนอพยากตมูล) หรอื วา ธรรมเหลา ใด .........มอี ย,ู ธรรมเหลานนั้ ทง้ั หมด เปนอพยากตะ ใชไ หม ? อพยากตมลู ๓   เหมือนกนั  ปัจฉาปัญหา ปฏิจวนวสิ ชั นา (รบั รอง อ.ธ. สนั นิฏฐานบท) อพยากตมลู ๓ ว.ิ อามนฺตา ใช มลู วาระ : อพยากตบท + มลู กนัย / มูลมูลกนยั + มลู ยมกะ (น.๓๘-๓๙, ๔๒-๔๓) อน.ุ ปุ มลูเยวาร1เ0ะกจข:อิอพอพยฺ ายฺแกาลสตะกนั บต4ท(านข+อ.๓ธม๒มลู -มฺ ๓น>า๔ยั ,,/๓ม๖ลู -๓ม๗ลู น, ส๓ัยพ๙/ฺเ-๔พม๐ูล,กเต๔น๓ยั ..4-./๔..ข๔.มอ..)ลูส.เ.ังมท..ลู.า.นก..้ัน.น..ยั.. +ต?ิ เอกมลู ยมกะ เอกมูลยมกะ มูลยมกะ (มลู กนัย)*** (ทีเ่ ปน อพยากตะ) อพฺยากตมูลกา (มมี ลู ทเี่ ปนอพยากตะ) (มลู มลู กนยั ) อพยฺ ากตมูลมูลกา (มมี ูลทเ่ี ปน อพยากตมูล) (มูลนัย)*** อพยฺ ากตมเู ลน เอกมูลา (มมี ลู เปนอันเดยี วกนั กบั อพยากตมลู ) 43, 53, 54 (มลู มลู นยั ) อพฺยากตมเู ลน เอกมลู มลู า (มมี ูลท่ีเรยี กวาเปนมลู อันเดียวกันกับอพยากตมลู ) (มลู กนัย) *** อพยฺ ากตมเู ลน เอกมูลกา (มมี ูลเปนอันเดยี วกันกบั อพยากตมลู ) 57 (มลู มูลกนัย)*** อพยฺ ากตมเู ลน เอกมลู มลู กา (มมี ูลที่เรยี กวา เปนมูลอันเดยี วกนั กบั อพยากตมลู ) 50 ธรรมเหลา ใดเหลา หนง่ึ ทเ่ี ปนอพยากตะ มีอย,ู ธรรมเหลา นนั้ ทง้ั หมด ......... ใชไ หม ? วิ ๓๖ + กิ ๒๐ + เจ. ๓๘ + รปู ๒๘ นพิ พาน ไมม เี หตุ (อเหตกุ ํ อพยากตํ = ๑๐ ขอ) มเี หตุ (สเหตุกํ อพยากต=ํ ๔ ขอ ) สว๒ิ ๑ สกิ๑๗+๓๘, สว.ิ สกิจิร๑ุ ๗, สปกทํ ่ี..ปญ เทา นั้น อเหตุ ๑๘+๑๒(-ฉัน), อเหจิร,ุ อเหตปุ ฏกิ ํ., กุ.อกุจิร(ุ ท.ี่ .ปญ ), พา, อ,ุ อา, สัญ ,ต,ิ นพิ และ  ปุริมโกฏฐาส /ปจ ฉิมโกฏฐาส  ดาวนโหลดขอมูลจากขอ ความเพิ่มเติมที่ youtube หรอื ท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณัตวิ าระในขันธยมกะ (วนั แรก) 21 วสว.ิ ๒ิ ๑อ,เสห4กต6ิ๑กุ ,๗ํ 44+อ๓38พ๘,,ยฺ,44สา8กว9.ิต,ส,กํ55ิ.จ01ิร,๑ุ, 5๗5,33ส,,ปก5ํท5.่ี .,ปนนญXX  ปริปณุ ณปญ หา / สรูปทสั สนวสิ ชั นา, ตรง อพยฺ ากตมลู ก,ํ สเหตกุ ํ อพยฺ ากตํ อพยฺ ากตมลู ก.ํ อพยฺ ากตมลู มูลก,ํ อพฺยากตมลู มลู ก.ํ ว.ิ อเหตกุ ํ อพยฺ ากตํ อพยฺ ากตมเู ลน นX เอกมลู ,ํ สเหตกุ ํ อพยฺ ากตํ อพยฺ ากตมเู ลน เอกมลู .ํ อเหต.๑๘+๑๒(-ฉัน)+อเหจิร,ุ อเห เอกมลู มล,ํ สว๒ิ ๑, สกิ๑๗+๓๘, สว.ิ สกจิ ิ เอกมูลมล.ํ เอกมลู ก,ํ ร๑ุ ๗, สปกทํ ่ี..ปญ  เอกมูลก.ํ 57 ตุปฏกิ ํ. กุ.อกจุ ิรุ (ท.่ี .ปญ), พา, อุ, เอกมลู มูลก,ํ เอกมลู มลู ก.ํ 50 อา, สัญ, ต,ิ นิพ  อพยากตะทเ่ี ปน อเหตกุ ะ ไมม มี ลู ..............., อพยากตะทเี่ ปน สเหตกุ ะ มมี ลู ท.ี่ .............. ๔. อพยากตบท มลู กนยั มลู ยมกะ มคี าํ ปจุ ฉาวสิ ชั นา เฉพาะอนโุ ลมปจุ ฉา พรอมคาํ แปลองคธ รรมวาอยางไร ? (ไมตองจําแนกโกฏฐาส) ? 48 ๓. ใหแ ปลและวสิ ัชนาในบทดังตอไปน้ี พรอ มแสดงองคธ รรม (ไมต องจําแนกโกฏฐาส) ? 53(4), 46, 61, 63 ๔. จงวสิ ัชนา แปลในปจุ ฉาดงั ตอ ไปนี้ พรอมทง้ั แสดงองคธ รรม ? 55(4ก), 56(4ก) ๔. จงวสิ ัชนา ในปจุ ฉาดงั ตอ ไปนี้ เปน ภาษาบาลี ไทย องคธ รรม (ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส)? 58(4ก), 58 ๓. จงวสิ ัชนา(เปน บาลี) คาํ แปล พรอ มแสดงองคธ รรมในคาํ ปุจฉาดงั ตอ ไปนี้ ? 49, 51 ก./ข. เยเกจิ อพยฺ ากตา ธม4มฺ 3า,,4ส8พ,เฺ 5พ0เ,ต53อ,พยฺ ากตมลู กาติ ? 46(3ก), 49, 51, 53(4), 55(4), 58(4ก), 58, 63 ๔. จงแปลปจุ ฉา และจงวสิ ชั นา ในปุจฉาตอ ไปน้ี พรอ มทง้ั แสดงองคธ รรม (ไมตอ งจาํ แนกโกฏฐาส) เยเกจิ อพยฺ ากตา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต อพยฺ ากตมูลกาติ ? 60 ตอบ ก. (46, 48) แปลวา ธรรมเหลาใดเหลาหน่ึงท่ีเปนอพยากตะมีอย,ู 46, 48, 49, 50, 51, ธรรมเหลา นั้นทัง้ หมดมมี ูลที่เปนอพยากตะใชไ หม ? วิสชั นา อเหตกุ ํ อพฺยากตํ น อพยฺ ากตมูลก,ํ สเหตุกํ อพยฺ ากตํ อพฺยากตมลู กํ. อพยากตะทเ่ี ปนอเหตกุ ะ ไมมีมลู ทเี่ ปน อพยากตะ, อพยากตะทเี่ ปนสเหตกุ ะ มมี ูลทเ่ี ปน อพยากตะ. (46, 48) แสดงองคธ รรมในอนโุ ลมปุจฉา เยเกจิ อพยฺ ากตา ธมฺมา เปนสันนฏิ ฐานบท สพเฺ พ เต อพฺยากตมลู กา เปนสังสยบท องคธรรมของสันนิฏฐานบท ไดแก อเหตุกจติ ๑๘ อัญญสมานเจตสิก ๑๒ (เวนฉนั ทะ) อเหตุกจิตตชรปู อเหตกุ ปฏิสนธกิ ัมมชรูป กุศลอกุศลจิตตชรปู (ท่ีเกดิ ข้ึนเฉพาะแตในปญจโวการภมู )ิ พาหริ รูป อุตชุ รูป อาหารชรปู อสัญญสตั ตปฏิสนธกิ มั มชรปู ปวัตตกิ มั มชรูป นพิ พาน และ สเหตุกวปิ ากจติ ๒๑ สเหตกุ กริ ิยาจติ ๑๗ เจตสกิ ๓๘ สเหตุกวปิ ากและสเหตกุ กิริยาจิตตช รูป ๑๗ สเหตกุ ปฏิสนธกิ ัมมชรปู ท่ีเกิดขน้ึ เฉพาะแตใ นปญจโวการภูมิ องคธรรมของสังสยบท ไดแก สเหตกุ วปิ ากจติ ๒๑ สเหตกุ กริ ยิ าจติ ๑๗ เจตสกิ ๓๘ สเหตกุ วปิ ากและ สเหตุกกิรยิ าจติ ตชรูป ๑๗ สเหตกุ ปฏสิ นธกิ มั มชรูป ที่เกิดขนึ้ เฉพาะแตใ นปญจโวการภมู ิ เทานนั้ (53, 58, 61) องคธรรมของสังสยบท ไดแ ก องคธรรมหมวดหลัง เทา นน้ั ๕. จงวสิ ัชนา พรอ มทง้ั คาํ แปล และแสดงองคธ รรมในขอ ปจุ ฉา ดงั ตอ ไปนี้ ? 43 เยเกจิ อพยากตา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต อพยฺ ากตมเู ลน เอกมูลาติ ? 43 ๓. ก. อเหตกุ ํ อพยฺ ากตํ อพยากตมเู ลน น เอกมลู ,ํ  ดาวนโ หลดขอ มูลจากขอ ความเพิ่มเตมิ ที่ youtube หรอื ที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณัติวาระในขนั ธยมกะ (วันแรก) 22 สเหตกุ ํ อพยากตํ อพยฺ ากตมเู ลน เอกมลู ํ (จงแปลเปน ไทย) ? 43, 48 ๔. จงแปล (วภิ งั คบาลี) และแสดงองคธ รรม (ในคาํ บาล)ี ดังตอ ไปนี้ ? 53(๔ง/ง), 54 ก. สเหตุกํ อพยฺ ากตํ อพยฺ ากตมเู ลน เอกมูลก.ํ ? 54 ตอบ [43(5)] วสิ ัชนา อเหตกุ ํ อพยากตํ อพยากตมเู ลน น เอกมลู ,ํ สเหตุกํ อพยากตํ อพยากตมเู ลน เอกมลู ํ [43(3ก), 48, 54] อพยากตะท่เี ปน อเหตุกะ ไมมมี ูลเปนอนั เดียวกันกับอพยากตมลู , (54) อพยากตะทเี่ ปน สเหตกุ ะ มีมลู เปนอนั เดยี วกันกบั อพยากตมลู แสดงองคธรรม ในอนโุ ลมปุจฉา เยเกจิ อพยฺ ากตา ธมฺมา เปนสนั นฏิ ฐานบท สพเฺ พ เต อพยฺ ากตมูเลน เอกมลู า เปน สงั สยบท องคธรรมของสันนิฏฐานบท ไดแก อเหตุกจิต ๑๘ อัญญสมานาเจตสกิ ๑๒ (เวน ฉนั ทะ) อเหตกุ จติ ตชรปู อเหตุกปฏสิ นธกิ ัมมชรปู กุศลอกุศลจติ ตชรปู (ที่เกิดขึ้นเฉพาะแตในปญจโวการภูม)ิ พาหริ รูป อตุ ุชรูป อาหารชรปู อสญั ญสัตตปฏิสนธกิ ัมมชรปู ปวตั ติกมั มชรปู นพิ พาน และ สเหตุกวิปากจติ ๒๑ สเหตกุ กริ ิยาจิต ๑๗ เจตสกิ ๓๘ สเหตุกวบิ ากและสเหตกุ กิรยิ าจติ ตชรูป ๑๗ สเหตกุ ปฏิสนธิกัมมชรปู ท่เี กดิ ขึ้นเฉพาะแตใ นปญจโวการภูมิ องคธรรมของสงั สยบท ไดแ ก สเหตุกวิปากจิต ๒๑ สเหตกุ กิริยาจติ ๑๗ เจตสกิ ๓๘ สเหตกุ วิบากและ สเหตกุ กริ ิยาจติ ตชรูป ๑๗ สเหตุกปฏสิ นธกิ ัมมชรูปที่เกดิ ขึน้ เฉพาะแตในปญ จโวการภมู ิ เทานั้น (หรอื ) องคธรรมของสังสยบท ไดแก องคธรรมหมวดหลงั เทานั้น ๔. จงวสิ ัชนาในปุจฉาดงั ตอ ไปนี้ เปน ภาษาบาลี ไทย องคธ รรม (ไมต อ งจําแนกโกฏฐาส) ? 59 เยเกจิ อพยฺ ากตา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต อพยฺ ากตมเู ลน เอกมูลมลู าต.ิ ? ๔. เยเกจิ อพยฺ ากตา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต อพยฺ ากตมูเลน เอกมลู มลู าติ จงวสิ ชั นาบาลี ไทย องคธ รรม มาใหถ กู ตอง ? 57 ตอบ (57) วิสชั นา อเหตกุ ํ อพยากตํ อพยากตมูเลน น เอกมลู มลู ,ํ สเหตกุ ํ อพยากตํ อพยากตมูเลน เอกมลู มลู .ํ อพยากตะทเี่ ปนอเหตกุ ะ ไมมีมูลทเ่ี รียกวาเปนมูลอนั เดียวกันกบั อพยากตมูล, อพยากตะทเี่ ปนสเหตกุ ะ มมี ูลทีเ่ รียกวา เปน มลู อันเดียวกนั กบั อพยากตมูล. แสดงองคธรรม ในอนโุ ลมปจุ ฉา เยเกจิ อพยฺ ากตา ธมมฺ า เปนสนั นฏิ ฐานบท (57) สพเฺ พ เต อพยฺ ากตมูเลน เอกมลู มลู า เปนสังสยบท องคธ รรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแ ก // องคธรรมของสังสยบท ไดแก .......... ๔. จงวสิ ัชนาเปน บาลแี ละไทย พรอ มทงั้ องคธ รรมในคาํ ปุจฉาดงั ตอ ไปน้ี ? 50, 62 เยเกจิ อพยฺ ากตา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต อพยฺ ากตมเู ลน เอกมลู มลู กาติ ? 50, 62 ตอบ วิสัชนา เปน บาลีและไทย พรอมท้งั แสดงองคธรรมดังนี้ วิสัชนา อเหตกุ ํ อพยฺ ากตํ อพยฺ ากตมูเลน น เอกมลู มลู ก,ํ สเหตกุ ํ อพฺยากตํ อพฺยากตมูเลน เอกมลู มูลก.ํ  ดาวนโหลดขอ มูลจากขอความเพ่ิมเติมท่ี youtube หรอื ที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณตั วิ าระในขนั ธยมกะ (วนั แรก) 23 อพยากตะทเ่ี ปน อเหตุกะไมม ีมลู ทีเ่ รยี กวาเปนมลู อันเดียวกันกบั อพยากตมูล, อพยากตะทเ่ี ปน สเหตุกะมีมูลทีเ่ รียกวา เปน มูลอันเดยี วกันกับอพยากตมูล. แสดงองคธรรม ในอนุโลมปจุ ฉา เยเกจิ อพยฺ ากตา ธมมฺ า เปน สันนิฏฐานบท สพเฺ พ เต อพยฺ ากตมเู ลน เอกมลู มลู กา เปนสงั สยบท องคธ รรมของสนั นิฏฐานบท ไดแ ก อเหตกุ จติ ๑๘ อัญญสมานเจตสกิ ๑๒ (เวนฉนั ทะ) อเหตกุ จติ ตชรูป อเหตกุ ปฏิสนธกิ ัมมชรปู กุศลอกุศลจติ ตชรปู (ท่ีเกดิ ขน้ึ เฉพาะแตใ นปญจโวการภมู )ิ พาหริ รูป อุตุชรปู อาหารชรปู อสญั ญสัตตปฏสิ นธกิ มั มชรูป ปวตั ตกิ มั มชรูป นิพพาน และ สเหตกุ วปิ ากจิต ๒๑ สเหตุกกิริยาจิต ๑๗ เจตสิก ๓๘ สเหตุกวิบากและสเหตุกกิริยาจติ ตชรูป ๑๗ สเหตกุ ปฏสิ นธกิ ัมมชรปู ท่เี กดิ ขึ้นเฉพาะแตในปญจโวการภูมิ องคธรรมของสงั สยบท ไดแก สเหตกุ วปิ ากจิต ๒๑ สเหตุกกริ ิยาจิต ๑๗ เจตสกิ ๓๘ สเหตุกวิบากและ สเหตุกกริ ยิ าจติ ตชรูป ๑๗ สเหตุกปฏิสนธกิ มั มชรปู ที่เกิดขึ้นเฉพาะแตในปญจโวการภมู ิ เทานนั้ ปฏ.ิ ป.ุ เย วา4สปันขนอ้ ......=.............., สัง สพเเฺหพมอื เนตกนัธมมฺ า ? อพยฺ ากตาติ (มลู กนยั +มลู ยมกะ) อพฺยากตมลู กา (มมี ูลทีเ่ ปนอพยากตะ) เปนอพยากตะ (มูลมลู กนัย+มลู ยมกะ)*****อพฺยากตมูลมูลกา (มมี ูลท่เี ปนอพยากตมลู ) (มูลนยั +เอกมลู ยมกะ)***** อพฺยากตมูเลน เอกมลู า (มมี ูลเปนอนั เดยี วกนั กบั อพยากตมลู ) (มูลมลู นัย+เอกมลู ยมกะ) อพฺยากตมเู ลน เอกมลู มลู า (มีมลู ทเี่ รียกวาเปนมูลอนั เดียวกนั กบั อพยากตมูล) (มลู กนยั +เอกมลู ยมกะ) อพยฺ ากตมูเลน เอกมลู กา (มมี ลู เปนอันเดยี วกันกับอพยากตมลู ) (มลู มลู กนัย+เอกมลู ฯ)***** อพฺยากตมูเลน เอกมลู มลู กา (มีมูลทเี่ รยี กวา เปนมูลอนั เดียวกันกบั อพยากตมูล) หรอื วา ธรรมเหลา ใด ............................ มอี ยู, ธรรมเหลา นน้ั ทงั้ หมด เปน อพยากตะ ใชไ หม ? สว๒ิ ๑, สก๑ิ ๗+๓๘, สว.ิ สกจิ ริ ๑ุ ๗, สปกํท่ี..ปญ  เหมือนกัน  สว๒ิ ๑, สก๑ิ ๗+๓๘, สว.ิ สกิ.จริ ุ ปจ ฉาปญ หา (คกู บั ) ปฏวิ จนวิสชั นา (รับรอง อ.ธ. สัน.) ๑๗, สปกํท.ี่ .ปญ  วิ. อามนตฺ า ใช ๓. ใหแ ปลและวสิ ชั นาในบทดงั ตอไปนี้ พรอ มแสดงองคธ รรม (ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส) ? 46, 58 ๔. ข. จงแปลคาํ ปุจฉาและวสิ ชั นาเปน บาลี ไทย แสดงองคธรรม ดงั ตอ ไปน้ี ? 56 เย วา ปน อพยฺ ากตมลู มลู กา, สพเฺ พ เต ธมฺมา อพยฺ ากตาติ ? 46, 56, 58 ตอบ ข. (56) หรอื วา ธรรมเหลา ใดมีมลู ท่ีเปนอพยากตมูลมีอย,ู ธรรมเหลานัน้ ทงั้ หมดเปน อพยากตะใชไหม ? วสิ ัชนา อามนตฺ า ใช แสดงองคธรรมในปฏิโลมปุจฉา เย วา ปน อพยฺ ากตมลู มลู กา เปน สนั นิฏฐานบท สพเฺ พ เต ธมฺมา อพยฺ ากตา เปนสังสยบท องคธ รรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแก สเหตกุ วิปากจติ ๒๑ สเหตุกกริ ิยาจิต ๑๗ เจตสิก ๓๘ สเหตุกวิบาก และ สเหตกุ กริ ยิ าจิตตชรปู ๑๗ สเหตกุ ปฏสิ นธกิ มั มชรูป ทีเ่ กดิ ข้นึ เฉพาะแตใ นปญจโวการภมู ิ องคธ รรมของสงั สยบท เหมอื นกนั  ดาวนโ หลดขอ มูลจากขอ ความเพ่ิมเติมที่ youtube หรือท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณตั วิ าระในขนั ธยมกะ (วนั แรก) 24 ๓. ข. เย วา ปน อพยฺ ากตมเู ลน เอกมลู า, สพเฺ พ เต ธมมฺ า อพยฺ ากตาติ ? (จงวิสชั นาเปน บาลีและแสดงองคธ รรมจาํ แนกโกฏฐาสดว ย) ? 43, 48 ๔. จงวสิ ัชนา แปลในปจุ ฉาดงั ตอ ไปนี้ พรอมทัง้ แสดงองคธ รรม (จําแนกโกฏฐาสเฉพาะขอ ข.) ? 55 ข. เย วา ปน อพยฺ ากตมเู ลน เอกมลู า, สพเฺ พ เต ธมมฺ า อพยฺ ากตาติ ? 55 ตอบ (55) ข. วิสชั นา อามนตฺ า ใช แสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาส ในปฏิโลมปุจฉา เย วา ปน อพฺยากตมเู ลน เอกมูลา เปน สันนิฏฐานบท สพเฺ พ เต ธมมฺ า อพยฺ ากตา เปน สังสยบท องคธ รรมของสันนิฏฐานบท ไดแก สเหตกุ วิปากจติ ๒๑ สเหตุกกิริยาจติ ๑๗ เจตสกิ ๓๘ สเหตกุ วบิ าก และสเหตกุ กริ ิยาจิตตชรปู ๑๗ สเหตุกปฏิสนธกิ ัมมชรูป ทเ่ี กดิ ขนึ้ เฉพาะแตในปญ จโวการภูมิ องคธรรมของสงั สยบท เหมอื นกนั ฉะนน้ั คําถามบทนีเ้ ปนปจ ฉาปญ หา ถามวา หรอื วาธรรมเหลา ใด มมี ูลเปนอันเดียวกนั กับ อพยากต มลู มีอย,ู ธรรมเหลานั้นทัง้ หมดเปนอพยากตะใชไหม ? พระองคจงึ ทรงแกโดยปฏิวจนวิสชั นาวา อามนตฺ า ซึ่งเปนคําวิสชั นารับรององคธรรมของสนั นิฏฐานบท เพราะวา สเหตุกวปิ ากจติ ๒๑ สเหตกุ กริ ยิ าจติ ๑๗ เจตสกิ ๓๘ สเหตุกวิบาก และสเหตุกกริ ิยาจิตตชรปู ๑๗ สเหตุกปฏิสนธิกมั มชรูป ที่เกิดข้นึ เฉพาะแต ในปญจโวการภมู ิ ซึง่ เปน องคธรรมของสนั นฏิ ฐานบทเหลา นนั้ ก็เปน อพยากตะดว ย มลู วาระ : อพยากตบท+มลู นยั /มลู มูลนัย/มลู กนยั /มลู มูลกนัย+อญั ญมญั ญมลู ยมกะ อนุ.ปุ เยสวเ๒ิก๑จ,ิ ส..สก.ัน.ิ๑...๗..+..๓...๕..(..-......), สธวม.ิ สมฺ กาิจ,ริ ุ๑๗,สปกทํ ี..ปัญ  +  > สพเฺ พ เต ...........ส..งั ................. ต?ิ (มลู นัย) อพฺยากตมูเลน เอกมูลา อพฺยากตมเู ลน อฺมฺ มลู า (มมี ลู เปนอนั เดียวกันกับอพยากตมลู ) (ชอ่ื วา เปน มลู ซึง่ กันและกนั กบั อพยากตมลู ) (มูลมลู นัย) ***** อพยฺ ากตมเู ลน เอกมูลมลู า อพยฺ ากตมูเลน อฺมฺ มลู มลู า (มมี ูลท่ีเรยี กวา เปน มลู อนั เดยี วกนั กับอพยากตมลู ) (ชอ่ื วามูลทีเ่ รยี กวา เปน มลู ซึง่ กันและกนั กับอพยากตมูล) (มลู กนยั ) อพยฺ ากตมูเลน เอกมลู กา อพยฺ ากตมูเลน อฺมฺ มลู กา (มีมลู เปน อนั เดียวกันกับอพยากตมูล) (มมี ลู ซง่ึ กันและกันกับอพยากตมลู ) (มูลมลู กนัย) อพฺยากตมเู ลน เอกมลู มูลกา อพฺยากตมูเลน อฺมฺ มลู มลู กา (มีมลู ท่เี รียกวา เปน มลู อนั เดียวกันกับอพยากตมลู ) (มีมลู ทเี่ รยี กวา เปน มลู ซงึ่ กนั และกนั กับอพยากตมูล) ธรรมเหลา ใดเหลา หนง่ึ ................. มอี ย,ู ธรรมเหลานน้ั ทงั้ หมด ................. ใชไ หม ? สว๒ิ ๑, สก๑ิ ๗+๓๘, สว.ิ สกจิ ริ ๑ุ ๗, สปกํท.่ี .ปญ อโลภะ อโทสะ อโมหะ   เทา นน้ั   ปรุ ิมโกฏฐาส (๒บทกอ น) / ปจฉมิ โกฏฐาส สว๒ิ ๑, สก๑ิ ๗+๓๕(-3), สว.ิ สกจิ ริ ๑ุ ๗, สปกํท.่ี .ปญ  ปรปิ ณุ ณปญ หา - สรปู ทสั สนวสิ ชั นา ออม ว.ิ (มลู นยั ) มลู านิ ยานิ เอกโต อปุ ปฺ ชชฺ นตฺ ิ อพฺยากตมูลานิ เอกมูลานิ เจว อฺ มฺ มลู านิ จ, (มูลมลู นัย)*** อพยากตมูล ๓ อพฺยากตมูลานิ เอกมลู มลู านิ เจว อฺ มฺ มลู มูลานิ จ, (มูลกนยั ) อพฺยากตมลู านิ เอกมูลกานิ เจว อฺ มฺ มลู กานิ จ,  (มูลมลู กนยั ) อพฺยากตมูลานิ เอกมูลมลู กานิ เจว อฺ มฺ มลู มลู กานิ จ, (มูลนยั ) อวเสสา อพยากตมลู สหชาตา ธมมฺ า อพฺยากตมเู ลน เอกมูลา น จ อฺ มฺ มลู า (มูลมลู นัย) **** สว๒ิ ๑, สกิ๑๗+๓๕(-), สว.ิ อพยฺ ากตมูเลน เอกมูลมลู า น จ อฺ มฺ มูลมลู า สกิจริ ๑ุ ๗, สปกํท่ี..ปญ   ดาวนโหลดขอ มูลจากขอความเพ่ิมเติมที่ youtube หรอื ท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณตั วิ าระในขนั ธยมกะ (วนั แรก) 25 (มูลกนัย) อพฺยากตมเู ลน เอกมูลกา น จ อฺ มฺ มลู กา (มูลมลู กนัย) อพยฺ ากตมูเลน เอกมลู มลู กา น จ อฺ มฺ มลู มูลกา อพยากตมลู เหลาใดเกิดขน้ึ คราวเดยี วกนั อพยากตมลู เหลานน้ั ................กนั ก็ใช .................ซง่ึ กันและกัน กใ็ ช, ธรรมทเ่ี กดิ พรอ มกนั กบั อพยากตมลู ทเี่ หลอื นอกนน้ั ................อพยากตมูล แตไม( ใช๓ )........................ซึง่ กนั และกัน. ๔. จงแปลและแสดงองคธ รรมในคาํ วสิ ัชนาดงั ตอ ไปน้ี ? 46 ก. มลู านิ ยานิ เอกโต อปุ ปฺ ชชฺ นฺติ อพยฺ ากตมูลานิ เอกมูลมลู านิ เจว อฺมฺ มลู มลู านิ จ อวเสสา อพยากตมลู สหชาตา ธมมฺ า อพยฺ ากตมเู ลน เอกมลู มลู า น จ อฺ มฺ มลู มลู า ? 46 ตอบ ก. อพั ยากตมูลเหลาใดเกดิ ขึ้นคราวเดียวกนั อัพยากตมูลเหลา น้ันมีมูลท่เี รียกวา เปนมูลอนั เดยี วกันกใ็ ช ชอื่ วามูลที่เรียกวาเปนมูลซึ่งกนั และกนั ก็ใช, ธรรมท่เี กิดพรอ มกนั กบั อพั ยากตมลู ที่เหลอื นอกนัน้ มีมูลทีเ่ รยี กวา เปนมูลอนั เดยี วกันกบั อพั ยากตมูล แตไมช อ่ื วามลู ท่เี รยี กวา เปนมลู ซ่งึ กันและกัน องคธรรมของปุริมโกฏฐาส ไดแก สเหตุกวิปากจิต ๒๑ สเหตุกกิริยาจิต ๑๗ เจตสิก ๓๘ สเหตุกวิบาก และสเหตุกกริ ยิ าจิตตชรปู ๑๗ สเหตกุ ปฏิสนธกิ ัมมชรปู ที่เกิดขึ้นเฉพาะแตในปญจโวการภูมิ องคธรรมของปจฉิมโกฏฐาส ไดแก อพั ยากตมลู ๓ เทาน้นั ปฏ.ิ ป.ุ เย วา ปอนพ.ย..า..ก..ต..สม..นั.ูล...๓.....,  <เหมอื นกนั วิ.๓๖ ก.ิ ๒๐ + ๓๕(-3ส)พรฺเูปพ๒เ๘ตนธิพมมฺ ไมาสงั่ไอดพถ้ ยฺามากถตึง+าติ ? (มลู นยั ) อพฺยากตมูเลน อฺมฺ มลู า (ชื่อวาเปนมูลซึ่งกนั และกันกบั อพยากตมลู ) เปน อพยากต (มลู มลู นัย) อพฺยากตมูเลน อฺมฺ มูลมูลา (ช่ือวามูลที่เรยี กวา เปนมูลซ่ึงกันและกนั กบั อพยากตมลู ) (มลู กนัย)***** อพยฺ ากตมเู ลน อฺมฺ มลู กา (มมี ลู ซึง่ กนั และกนั กับอพยากตมลู ) (มลู มลู กนยั ) อพยฺ ากตมเู ลน อฺมฺ มลู มูลกา (มมี ูลทเ่ี รียกวาเปน มลู ซึ่งกันและกันกับอพยากตมูล) อพยากตมูล ๓  หรอื วา ธรรมเหลา ใด ................... มอี ย,ู ธรรมเหลา นนั้ ทงั้ หมด เปน กศุ ล ใชไ หม   เหมือนกนั  (ปจ ฉาปญหา – ปฏวิ จนวสิ ัชนา) วิ. อามนตฺ า ใช ๓. เยวา ปน อพยฺ ากตมเู ลน อฺ มฺ มลู มลู กา, สพฺเพ เต ธมมฺ า อพยฺ ากตาติ ? (จงวสิ ชั นา เปน บาลแี ละแสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาสดว ย) ? 45 ตอบ อามนฺตา (วสิ ัชนาเปนบาล)ี องคธรรมของสันนิฏฐานบท ไดแ ก อพั ยากตมลู ๓ องคธรรมของสงั สยบท เหมอื นกัน ฉะน้ันคําถามบทน้ีเปนปจฉาปญหา ถามวาหรือวาธรรมเหลาใด ช่ือวามูลท่ีเรียกวา เปนมูลซ่ึงกันและกัน กับอพั ยกตามูลมีอยู ธรรมเหลานน้ั ทงั้ หมดเปน อัพยากตะใชไหม ? พระองคจ ึงทรงแกโดยปฏิวจนวิสัชนา วา อามนฺตา ซ่ึงเปนคําวิสัชนารับรององคธ รรมของสันนิฏฐานบท เพราะวา อัพยากตมูล ๓ ซึ่งเปนองค ธรรมของสนั นิฏฐานบทเหลาน้นั ก็เปน อพยากตดวย ขอ ๕ (นามบท) นามา ธมมฺ า (ทเี่ ปนนาม/เปนนาม) = จติ ๘๙+เจ.๕๒, นพิ พาน หรอื = อเหตุ.๑๘+๑๒(-ฉัน), โม->โม๒, นิพพาน และ สเหตุกจติ ๗๑+๕๒ (-โม->โม๒) ูมลยมกะ (มูลนยั ) นามมลู า = ก(ชุ.มอื่ ลู วา๓นาอมกมุ.ลูม)ูล ๓ อพ.มูล ๓  ดาวนโหลดขอมูลจากขอ ความเพ่ิมเติมท่ี youtube หรือที่ Lหiรnือe/=fbIDน: Kามaมnลูras๙i Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณัติวาระในขนั ธยมกะ (วนั แรก) 26 (มลู มูลนยั ) นามมลู มูลา (ชอื่ วามูลท่เี ปนนามมูล) ๑๙ มี.ค. ๖๓ (มูลกนัย) นามมลู กา (มีมลู ทเ่ี ปนนาม มนี ามมูล) = ส.๗๑+๕๒(-โม->โม๒), ส.จิ.รุ.๑๗ (มูลมูลกนัย) นามมลู มูลกา (มมี ลู ท่ีเปนนามมูล) ท.ี่ .ปญ , ปญ -ส.ปกํ.***หรอื (มูลนัย) นามมเู ลน เอกมลู า (มมี ูลเปนอันเดยี วกนั กับนามมูล) = ส.๗๑+๔๖ (-๙), อัญญ ัมญญฯ เอกมูลยมกะ (มูลมูลนยั ) นามมเู ลน เอกมลู มลู า (มมี ลู ท่เี รยี กวา เปนมูลอนั เดียวกันกับนามมูล) ส.จิ.ร.ุ ๑๗ ท.่ี ..ปญ, (มูลกนยั ) นามมเู ลน เอกมลู กา (มมี ลู เปนอันเดียวกันกับนามมูล) ปญ-ส.ป.กํ. และ (มูลมูลกนัย) นามมเู ลน เอกมลู มลู กา (มมี ลู ทีเ่ รียกวา เปน มูลอนั เดยี วกนั กับนามมูล) นามมูล ๙(-โม->โม๒) (มลู นยั ) นามมเู ลน อฺ มฺ มลู า (ชื่อวา เปนมลู ซงึ่ กันและกันกับนามมูล) (มลู มูลนัย) นามมเู ลน อฺ มฺ มลู มูลา(ชอ่ื วา มลู ทเี่ รียกวาเปนมูลซึ่งกันและกนั กับนามมูล) =นามมูล ๙ 45((มม,ูลลู 4กม7นลู ก,ยั น)5ยั 1) ,นนาามมมมเูเู ลลนน อฺ มฺ มลู กา (มมี ลู ซ่งึ กันและกันกับนามม(-โลูม-)>โม๒) อฺ มฺ มลู มลู กา(มมี ลู ที่เรยี กวา เปน มูลซ่งึ กนั และกันกับนามมลู ) ***สเหตุกจิต ๗๑ +๕๒(-โม->๒), สเหตกุ จิตตชรปู ๑๗ ทเ่ี กดิ ข้นึ เฉพาะแตใ นปญจโวการภูมิ ปญ จโวการสเหตุกปฏิสนธกิ ัมมชรปู มลู วาระ : นามบท + มูลนัย / มูลมลู นยั + มลู ยมกะ (น.๔๕-๔๖, ๔๘-๔๙) อนุ.ปุ. เย เกจจิติ ๘น๙าม+า๔๖ธส(ม-ันมฺ า),,นพิ พสาพนเฺ พเต .....>....ก..ุ.๓.. อตก?ิ ุ ๓ อพ. ๓ สัง มูลยมกะ (มลู นัย)***55 (ทเี่ ปน นาม) นามมลู า (ชือ่ วานามมูล) (มลู มลู นยั )***47,51 นามมูลมูลา (ชอ่ื วามลู ที่เปนนามมลู ) ธรรมเหลาใดเหลา หนึ่ง ทเ่ี ปนนาม มีอย,ู ธรรมเหลา น้นั ทั้งหมด ...... ใชไ หม ? สัน=จิต ๘๙+เจ.๕๒ นพิ พาน อธ.สนั .>สงั . จึงมีทงั อธ.บทเดียว และ๒บท สงั =  ปุรมิ โกฏฐาส (๒บทกอน) / ปจฉิมโกฏฐาส จิต ๘๙+เจ. ๔๖(-9) นพิ  ปรปิ ณุ ณปญ หา / สรูปทสั สนวิสัชนา (ออ ม) ว.ิ นเวว นามมลู าน,ิ อวเสสา นามา ธมฺมา น นามมลู า 45, 47, 51,55 นามมลู มลู าน,ิ น นามมลู มลู า กุ.มลู ๓ อก.ุ มลู ๓ อพ.มลู ๓ รวม ๙ เทานนั้ ชื่อวา ...., นามธรรมทเี่ หลอื นอกนนั้ ไมช อื่ วา .... (มูลนัย) กุ.๓ อกุ.๓ (ชอ่ื วานามมูล) (มลู มลู นัย) อพ.๓  (ช่ือวา มลู ท่เี ปนนามมลู ) จติ ๘๙+๔๖(-), นพิ พาน  ๕. จงวสิ ัชนาในปจุ ฉาดงั ตอ ไปนี้ เปน บาลไี ทย และแสดงองคธรรมพรอ มการจาํ แนกโกฏฐาส เฉพาะขอ ก. มาดใู หส มภูมิรขู องนกั ศกึ ษามหาอาภธิ รรมกิ ะตรี ? 55 ก. เยเกจิ นามา ธมฺมา, สพเฺ พ เต นามมูลาติ ? 55, 60 ๕. ก. เยเกจิ นามา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต นามมลู าติ ? 59 จงวสิ ัชนาพรอ มทง้ั คาํ แปล แสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาส ตอบ ก. วสิ ชั นา นเวว นามมลู าน,ิ อวเสสา นามา ธมมฺ า น นามมูลา. กศุ ลมูล ๓ อกุศลมลู ๓ อพยากตมูล ๓ รวม ๙ เทา นัน้ ช่อื วา นามมลู , นามธรรมทีเ่ หลือนอกนน้ั ไมชื่อวานามมูล แสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาส ในอนุโลมปจุ ฉา เยเกจิ นามา ธมมฺ า เปนสนั นิฏฐานบท สพเฺ พ เต นามมลู า เปนสงั สยบท องคธรรมของสนั นิฏฐานบท ไดแ ก จิต ๘๙ เจตสิก ๕๒ นิพพาน  ดาวนโ หลดขอมูลจากขอ ความเพิ่มเติมที่ youtube หรือท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว)

มลู ยมก ปณ ณตั วิ าระในขันธยมกะ (วนั แรก) 27 องคธ รรมของสังสยบท ไดแ ก นามมูล ๙ เทา น้ัน ฉะนัน้ คําถามบทนเี้ ปน ปริปณุ ณปญ หา ถามวา ธรรมเหลาใดเหลา หน่งึ ทเ่ี ปนนามมีอย,ู ธรรมเหลา นั้น ท้งั หมดชือ่ วา นามมูลใชไ หม ? พระองคจึงทรงแกดวยการยกเอา นามมูล ๙ ซง่ึ เปนองคธรรมของสนั นฏิ ฐานบทและสังสยบทไดท งั้ สองขึ้นไวใ นปรุ ิมโกฏฐาส ไมมกี ารปฏเิ สธสงั สยบท ดงั แสดงวา นเวว นามมลู านิ แลว ทรงยกเอา จติ ๘๙ เจตสกิ ๔๖ (เวน นามมูล ๙) นพิ พาน ซึ่งเปนองคธรรมของสนั นฏิ ฐานบทไดบท เดยี วข้ึนไวในปจฉิมโกฏฐาส มกี ารปฏิเสธสังสยบทดังแสดงวา อวเสสา นามา ธมมฺ า น นามมลู า คาํ วิสชั นาในอนโุ ลมปุจฉานี้ เปนสรปู ทัสสนวสิ ัชนาท่ีมวี ิภังคโดยออ ม ๔. จงแปลคาํ วสิ ชั นาดงั ตอ ไปน้ี เปน ภาษาไทยมาใหถ กู ตอ ง ? 45 ก. นเวว นามมลู าน,ิ อวเสสา นามา ธมมฺ า น นามมลู า ? 45(4ก/ค) ตอบ ก. กศุ ลมลู ๓ อกุศลมลู ๓ อพั ยากตมูล ๓ รวม ๙ เทา นน้ั ชื่อวานามมลู นามธรรมทเ่ี หลือนอกน้ัน ไมชือ่ วานามมลู ๕. จงแปลในคาํ วสิ ชั นาดงั ตอ ไปนี้ ? 47(3/3), 51(4ค3/3) ค. นเวว นามมลู มูลาน,ิ อวเสสา นามา ธมฺมา น นามมลู มูลา. ? 47(3/3), 51(4ค3/3) ตอบ ค. มีคาํ แปลดงั นี้ กุศลมลู ๓ อกศุ ลมูล ๓ อพยากตมลู ๓ รวม ๙ เทานน้ั ชอื่ วามูลทเี่ ปนนามมลู , นามธรรมท่ีเหลือนอกนัน้ ไมช่อื วามลู ทเี่ ปนนามมลู . สัน สงั ปฏ.ิ ป.ุ เย วา ปน .............., สพเฺ พ เต ธมมฺ า นามาติ ? (มูลนยั )*** นามมูลา (ชื่อวานามมูล) 55 เปนนาม มูลยมกะ (มลู มูลนยั ) นามมูลมูลา (ชื่อวามูลที่เปนนามมูล) หรอื วา ธรรมเหลาใด ...........มอี ยู, ธรรมเหลา นน้ั ทั้งหมด เปนนาม ใชไ หม ?   เหมือนกนั  ปจฉาปญ หา ปฏจิ วนวสิ ชั นา (รับรอง อ.ธ. สัน.) ว.ิ อามนตฺ า ใช 55  ๕. จงวิสัชนาในปจุ ฉาดงั ตอ ไปนี้ เปน บาลไี ทยและแสดงองคธ รรม มาดใู หส มภูมริ ขู องนกั ศกึ ษามหาอาภธิ รรมกิ ะตรี ? ข. เย วา ปน นามมลู า, สพฺเพ เต ธมมฺ า นามาติ ? 55(5ข), 60 ๕. ข. เย วา ปน นามมูลา, สพเฺ พ เต ธมมฺ า นามาต.ิ ? 59 จงวสิ ัชนาพรอมทัง้ คําแปล แสดงองคธ รรม ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส ? ตอบ ข. วสิ ชั นา อามนฺตา ใช แสดงองคธรรมในปฏิโลมปุจฉา เย วา ปน นามมูลา เปนสนั นฏิ ฐานบท สพเฺ พ เต ธมมฺ า นามา เปน สังสยบท องคธรรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแก นามมลู ๙ องคธ รรมของสังสยบท เหมือนกนั  ดาวนโหลดขอ มูลจากขอความเพิ่มเตมิ ท่ี youtube หรอื ท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณัตวิ าระในขนั ธยมกะ (วนั แรก) 28 มลู วาระ : นามบท + มูลกนยั / มลู มูลกนยั + มลู ยมกะ (น.๕๑-๕๒, ๕๕) อนุ.อปเ.ุห.๑๘สัน+เย๑๒(เ-กฉจนั สิ)ัง โมมนูล-า>(วม๒นาา.นร๔ะิพ๖ธ-:ม๔นมฺ ๗าาแ,ม,ล๔บะ๙ทส-.๕๗+๑๐สม+พ, ๕ลู๕เฺ พ๒น๒ัย(--๕เโตม/๓->ม.,.๒.ลู๕.).ม.๖..ลู .-.๕น...๗ยั..)../...ม.ส.ูล...๗.ก.๑.น.+ตยั ๕?ิ ๒/ มลู มลู กนัย + เอกมลู ยมกะ (-โม->๒) เอกมูลยมกะ มูลยมกะ (มลู กนัย)***57 (ท่เี ปนนาม) นามมลู กา (มมี ลู ทเี่ ปน นาม มนี ามมูล) (มูลมลู กนยั ) นามมลู มลู กา (มมี ลู ท่เี ปนนามมูล) (มลู นัย) นามมเู ลน เอกมูลา (มมี ูลเปนอันเดียวกนั กับนามมลู ) (มูลมลู นยั ) นามมเู ลน เอกมูลมลู า (มมี ูลทีเ่ รียกวาเปน มลู อนั เดียวกนั กบั นามมูล) (มูลกนัย) นามมเู ลน เอกมลู กา (มมี ูลเปน อันเดยี วกันกับนามมูล) (มลู มลู กนัย)***49 นามมเู ลน เอกมูลมูลกา (มมี ลู ที่เรียกวา เปน มูลอันเดยี วกนั กบั นามมลู ) 44, 49 ธรรมเหลา ใดเหลา หนงึ่ ทเี่ ปน นามมอี ย,ู ธรรมเหลา นน้ั ทงั้ หมด ........ ใชไ หม ? สัน=จิต ๘๙ + เจ. ๕๒ + นิพพาน อธ.สนั >สัง บทเดียวแสดงกอน ๒บททีหลงั ไมมีเหตุ (อเหตกุ ํ นาม)ํ มีเหตุ (สเหตกุ ํ นาม)ํ อเหตกุ ๑๘+๑๒(-ฉัน), โม->๒, นพิ  และ ส.๗๑+๕๒ (-โม>โม๒) เทา นนั้  สงั =ส.๗๑+๕๒ (-โม->๒)  ปรปิ ณุ ณปญ หา / สรปู ทัสสนวิสัชนา, ตรง ว.ิ 57 อเหตกุ ํ นามํ น นามมูลก,ํ สเหตุกํ นามํ นามมลู ก.ํ นามมูลมลู ก,ํ นามมูลมลู ก.ํ ว.ิ อเหตกุ ํ นามํ นามมเู ลน น เอกมลู ,ํ สเหตกุ ํ นามํ นามมเู ลน เอกมลู .ํ อเห๑๘+๑๒(-ฉนั ), เอกมูลมล,ํ ส.๗๑+๕๒ เอกมูลมล.ํ โม->๒, นิพพาน  เอกมลู ก,ํ (-โม->๒)  เอกมูลก.ํ 49 เอกมูลมลู ก,ํ เอกมลู มูลก.ํ นามธรรมทเ่ี ปน อเหตกุ ะไม( ม.ี .....), นามธรรมทเี่ ปน สเหตกุ ะ(ม.ี ....) 49, 57 แสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาส ๕. ก. จงแสดงองคธ รรม นามธรรมทเี่ ปน อเหตกุ และ นามธรรมทเี่ ปน สเหตกุ ? 44 ตอบ ก. อเหตกุ จติ ๑๘ อัญญสมานาเจตสกิ ๑๒ (เวน ฉนั ทะ) โมหเจตสกิ ทใ่ี นโมหมูลจติ ๒ นิพพาน สเหตุกจิต ๗๑ เจตสิก ๕๒ (โมหเจตสิกทีใ่ นโมหมลู จิต ๒) ๔. จงแปลคาํ วิสัชนาดงั ตอ ไปน้ี เปน ภาษาไทยมาใหถกู ตอ ง ? 45 ค. อเหตุกํ นามํ นามมเู ลน น เอกมลู ก,ํ สเหตกุ ํ นามํ นามมเู ลน เอกมูลกํ ? 45(4ค/ค) ตอบ ค. นามธรรมที่เปนอเหตุกะ ไมม ีมูลเปนอันเดียวกันกบั นามมลู นามธรรมท่เี ปนสเหตุกะ มีมลู เปน อนั เดยี วกันกับนามมลู ๕. จงวสิ ัชนาในปจุ ฉาดงั ตอ ไปนเี้ ปน บาลไี ทยและแสดงองคธ รรม (ไมตอ งจําแนกโกฏฐาส) ? 57, 61 ก. เยเกจิ นามา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต นามมลู กาติ ? 57, 61 ตอบ ก. วิสชั นา อเหตกุ ํ นามํ น นามมลู ก,ํ สเหตกุ ํ นามํ นามมลู กํ . นามธรรมท่เี ปน อเหตุกะ ไมมีนามมลู , นามธรรมที่เปน สเหตุกะ มีนามมูล. แสดงองคธ รรม ในอนโุ ลมปจุ ฉา เยเกจิ นามา ธมมฺ า เปนสันนฏิ ฐานบท สพเฺ พ เต นามมลู กา เปนสงั สยบท องคธ รรมของสันนิฏฐานบท ไดแก อเหตกุ จติ ๑๘ อญั ญสมานาเจตสิก ๑๒ (เวน ฉนั ทะ) โมหเจตสิกทใี่ น  ดาวนโหลดขอ มูลจากขอ ความเพิ่มเติมที่ youtube หรือท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณัติวาระในขันธยมกะ (วนั แรก) 29 โมหมลู จติ ๒ นิพพาน และ สเหตุกจิต ๗๑ เจตสกิ ๕๒ (เวน โมหเจตสกิ ท่ีใน โมหมลู จิต ๒) องคธ รรมของสังสยบท ไดแก สเหตกุ จติ ๗๑ เจตสกิ ๕๒ (เวน โมหเจตสกิ ที่ในโมหมูลจติ ๒) เทาน้ัน ๔. จงต้ังปจุ ฉาวสิ ัชนา ในมลู วาระ นามบท มลู มลู กนยั แหง เอกมลู ยมกะ เฉพาะอนโุ ลมปจุ ฉา ทง้ั บาลี คาํ แปล แสดงองคธ รรม (ไมต องจาํ แนกโกฏฐาส) ? 49 ตอบ เยเกจิ นามา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต นามมูเลน เอกมูลมูลกาติ ? ธรรมเหลาใดเหลาหนึง่ ท่เี ปน นามมีอย,ู ธรรมเหลานน้ั ทงั้ หมดมมี ูลท่เี รียกวา เปน มูลอันเดยี วกันกับนามมูลใชไ หม ? วิสชั นา อเหตกุ ํ นามํ นามมูเลน น เอกมูลมลู ก,ํ สเหตกุ ํ นามํ นามมเู ลน เอกมลู มลู กํ. นามธรรมท่เี ปน อเหตุกะ ไมม มี ลู ท่เี รียกวา เปนมูลอนั เดียวกันกับนามมูล นามธรรมทเ่ี ปนสเหตกุ ะ มมี ลู ทีเ่ รยี กวา เปนมูลอันเดียวกนั กบั นามมลู แสดงองคธ รรมในอนโุ ลมปุจฉา เยเกจิ นามา ธมมฺ า เปน สันนฏิ ฐานบท สพเฺ พ เต นามมเู ลน เอกมูลมลู กา เปนสงั สยบท องคธรรมของสันนิฏฐานบท ไดแ ก อเหตกุ จิต ๑๘ อัญญสมานเจตสิก ๑๒ (เวนฉันทะ) โมหเจตสิกที่ใน โมหมูลจิต ๒ นพิ พาน และ สเหตุกจติ ๗๑ เจตสิก ๕๒ (เวน โมหเจตสทิ ใ่ี นโมหมลู จติ ๒) องคธรรมของสังสยบท ไดแ ก สเหตกุ จิต ๗๑ เจตสกิ ๕๒ (เวนโมหเจตสกิ ทีใ่ นโมหมูลจิต ๒) เทานน้ั ปฏ.ิ ป.ุ เยส.วจาิร.ุ ๑ป๗นท.่ี...ป..ญ....ป..ส.ญ.ัน..-.ส....ป..ก...ํ.., และ ส.๗๑+๕๒(ส-โพมเฺ-พ>๒)เตธมสมฺ .๗า๑+นส๕าัง๒มา(-ตโมิ ?->๒) เอกมูลยมกะ มูลยมกะ (มลู กนัย)*** นามมลู กา (มมี ลู ทีเ่ ปน นาม/มีนามมูล) 45, 48, 52, 54, 57 เปนนาม (มลู มลู กนยั ) นามมลู มูลกา (มมี ลู ทีเ่ ปน นามมลู ) (มลู นัย) *** นามมเู ลน เอกมลู า (มมี ูลเปน อันเดยี วกนั กบั นามมลู ) 43, 44, 53 (มูลมลู นยั ) *** นามมเู ลน เอกมูลมลู า (มมี ูลท่ีเรียกวาเปนมลู อันเดียวกนั กบั นามมลู ) 45 (มูลกนัย) นามมเู ลน เอกมูลกา (มมี ลู เปนอันเดียวกันกับนามมลู ) 46 (มูลมลู กนยั )*** นามมเู ลน เอกมูลมลู กา (มมี ลู ทเี่ รียกวา เปนมลู อนั เดยี วกันกบั นามมูล) 46 หรอื วา ธรรมเหลา ใด ....... มีอยู, ธรรมเหลา นน้ั ทงั้ หมด เปน นาม ใชไ หม ? สนั =ส.จริ ุ.๑๗ ท.่ี .ปญ ปญ-ส.ปกํ. และ ส.๗๑+๕๒(โม->๒) อธ.สัน>สัง มีทั้งอธ.บทเดียว/๒บท สนั = ส.๗๑+๕๒(โม->๒)  บทเดียวแสดงกอน ๒บททหี ลงั ส.จิรุ.๑๗ ท.่ี .ปญ ปญ -ส.ปกํ. ปรปิ ณุ ณปญหา / สรปู ทสั สนวิสัชนา, ตรง ว.ิ นามสมฏุ านํ รปู  นามมลู กํ น นาม,ํ นามํ นามมูลกเฺ จว นามจฺ . 45, 48, 52, 54, 57 นามมูลมูลกํ นามมูลมลู กฺเจว นามสมฏุ ฐานํ รูป นามมเู ลน เอกมูลํ น นาม,ํ นามํ นามมเู ลน เอกมลู เฺ จว นามจฺ . ส.จิ.ร.ุ ๑๗ ท่ี...ปญ, เอกมลู กํ ส.๗๑+๕๒ เอกมูลกฺเจว ปญ -ส.ป.กํ. เอกมูลมูลํ (-โม->๒)  เอกมลู มูลฺเจว เอกมูลมูลกํ เอกมลู มูลกเฺ จว 46 รปู ซงึ่ มนี ามเปนสมฏุ ฐาน ....... แตไ มใ ชเ ปน นาม, นามธรรม ......กใ็ ช เปน ามกใ็ ช ๕. จงวสิ ัชนาพรอ มคาํ แปลและแสดงองคธ รรมในคาํ ปจุ ฉาดงั ตอ ไปน้ี (ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส) ? 54  ดาวนโ หลดขอมูลจากขอ ความเพ่ิมเติมท่ี youtube หรือท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณตั วิ าระในขนั ธยมกะ (วนั แรก) 30 ๕. จงวสิ ชั นาในปุจฉาดงั ตอ ไปน้ี เปน บาลี ไทย และแสดงองคธรรม (ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส) ? 63 ๕. จงวสิ ัชนาพรอ มคําแปลและแสดงองคธ รรมของปรุ มิ โกฏฐาสและปจ ฉิมโกฏฐาสในคาํ ถามตอ ไปนี้ (ไมตอ งจําแนกโกฏฐาส) ? 48, 52 ก. เย วา ปน นามมลู กา, สพเฺ พ เต ธมมฺ า นามาติ ? 48, 52, 54, 62, 63 ตอบ ก. วสิ ชั นา นามสมฏุ านํ รปู  นามมลู กํ น นาม,ํ นามํ นามมลู กเฺ จว นามจฺ . รปู ซง่ึ มนี ามเปนสมุฏฐาน มีนามมลู แตไ มใ ชเปนนาม, นามธรรมมนี ามมลู กใ็ ช เปน นามกใ็ ช. (54) แสดงองคธ รรมใน ปฏิโลมปุจฉา เย วา ปน นามมลู กา เปนสันนฏิ ฐานบท สพเฺ พ เต ธมมฺ า นามา เปน สังสยบท (54, 57) องคธ รรมของสันนฏิ ฐานบท / [(48, 52) แสดงองคธ รรมของปรุ มิ โกฏฐาส] ไดแ ก สเหตุกจติ ตชรปู ๑๗ ทีเ่ กิดข้นึ เฉพาะแตใ นปญจโวการภูมิ ปญจโวการสเหตุกปฏิสนธิ กมั มชรปู และ สเหตุกจติ ๗๑ เจตสกิ ๕๒ (เวน โมหเจตสกิ ทใ่ี นโมหมูลจติ ๒) (54, 57, 62) องคธรรมของสังสยบท / (48, 52) แสดงองคธ รรมของปจ ฉิมโกฏฐาส ไดแ ก สเหตกุ จิต ๗๑ เจตสกิ ๕๒ (เวนโมหเจตสิกที่ในโมหมลู จิต ๒) เทาน้ัน ๕. จงวสิ ัชนาพรอ มคําแปลและแสดงองคธ รรมในคําปจุ ฉาดงั ตอ ไปนี้ (ไมต องจาํ แนกโกฏฐาส) ? 57(5ข), 61 ข. เย วา ปน นามมลู มลู กา, สพเฺ พ เต ธมมฺ า นามาติ ? 57, 61, 63 ตอบ ข. วิสัชนา นามสมุฏ านํ รูป นามมลู มูลกํ น นาม,ํ นามํ นามมลู มูลกเฺ จว นามจฺ . รปู ซ่งึ มีนามเปนสมุฏฐาน มีมลู ท่ีเปนนามมลู แตไ มใชเปน นาม, นามธรรมมมี ูลที่เปน นามมูลก็ใช เปนนามก็ใช. แสดงองคธ รรมใน ปฏโิ ลมปุจฉา เย วา ปน นามมลู มลู กา เปนสนั นิฏฐานบท สพเฺ พ เต ธมฺมา นามา เปนสงั สยบท องคธรรมของสันนิฏฐานบท ไดแก // องคธรรมของสงั สยบท ไดแ ก ...... ๔. จงแปลและแสดงองคธ รรมในคาํ วิสชั นาดงั ตอ ไปนี้ ? 46 ข. นามสมฏุ านํ รูป นามมลู มลู กํ น นาม,ํ นามํ นามมลู มลู กเฺ จว นามฺจ ? 46 ตอบ ข. รปู ซงึ่ มนี ามเปนสมุฏฐานมีมลู ท่ีเปนนามมลู แตไ มใชเปน นาม, นามธรรมมมี ูลท่เี ปนนามมลู ก็ใช เปนนามก็ใช องคธรรมของปรุ มิ โกฏฐาส ไดแ ก สเหตุกจิตตชรูป ๑๗ ทเี่ กิดขนึ้ เฉพาะแตใ นปญจโวการภมู ิ ปญจโวการสเหตกุ ปฏิสนธกิ ัมมชรปู องคธ รรมของปจฉิมโกฏฐาส ไดแก สเหตกุ จติ ๗๑ เจตสิก ๕๒ (เวน โมหเจตสิกที่ในโมหมลู จิต ๒) ๔. จงแปลและแสดงองคธ รรมในคาํ บาลตี อ ไปนี้ ? 43, 44, 53 ๑๙ มี.ค. ๖๓ ค. นามสมฏุ านํ รปู  นามมูเลน เอกมลู ํ น นามํ ? 43(4ค/ค) , 44(4ค/ค), 47(4ค/ค), 53(5ค/ง) ตอบ ค. รูปซึ่งมีนามเปน สมฏุ ฐาน มีมลู เปน อันเดยี วกนั กับนามมลู แตไ มใชเปนนาม องคธ รรมไดแ ก สเหตกุ จิตตชรูป ๑๗ ท่ีเกดิ ขึน้ เฉพาะแตใ นปญจโวการภมู ิ ปญ จโวการสเหตกุ ปฏสิ นธิกมั มชรปู  ดาวนโหลดขอมูลจากขอ ความเพิ่มเติมท่ี youtube หรอื ที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว)

มลู ยมก ปณ ณตั วิ าระในขันธยมกะ (วนั แรก) 31 ๔. จงแปลคาํ วสิ ชั นาดงั ตอ ไปน้ี เปน ภาษาไทยมาใหถ กู ตอ ง ? 45 ข. นามสมฏุ  านํ รปู  นามมูเลน เอกมลู มูลํ น นาม,ํ นามํ นามมูเลน เอกมลู มลู เฺ จว นามฺจ ? 45(4ข/ค) ตอบ ข. รูปซง่ึ มนี ามเปนสมุฏฐาน มีมลู ที่เรียกวาเปนมูลอันเดยี วกันกับนามมูล แตไมใ ชเปนนาม นามธรรม มมี ลู ท่ีเรียกวา เปน มูลอันเดยี วกนั กับนามมลู ก็ใช เปนามก็ใช มลู วาระ : นามบท + มูลนยั / มลู มูลนยั / มูลกนัย / มูลมูลกนัย + อญั ญมญั ญมลู ยมกะ อนุ.ปส.ุ.๗๑เย+๔เ๖ก(จ-9ิส).นั.ส....จ...ิร..ุ.๑...๗....ท..-่ี.ป...ญ . , ปธญมมฺ-สา.,ปกํ.สพเฺ พ(-เโตม-.>..๒...)........ส..งั.............. ต(?ิ-โม->๒) (มลู นัย) นามมเู ลน เอกมลู า (มมี ูลเปน อันเดียวกัน/กบั นามมลู ) นามมเู ลน อฺ มฺ มลู า (ช่ือวาเปนมูลซ่ึงกนั และกนั /กบั นามมลู ) 46, 48, 52, 54, 56 (มูลมลู นัย) นามมเู ลน เอกมลู มูลา (มมี ลู ทเ่ี รยี กวา เปนมลู อันเดยี วกนั /กบั นามมูล) นามมเู ลน อฺ มฺ มลู มูลา (ช่ือวา เปน มลู ท่เี รยี กวา เปนมลู ซงึ่ กนั และกัน/กบั นามมูล) (มลู กนยั ) นามมเู ลน เอกมลู กา (มมี ลู เปนอันเดียวกนั /กับนามมูล) นามมเู ลน อฺ มฺ มลู กา (มมี ูลซงึ่ กนั และกัน/กับนามมลู ) (มูลมูลกนัย) นามมเู ลน เอกมูลมูลกา (มมี ลู ทเ่ี รยี กวาเปน มลู อนั เดยี วกนั /กบั นามมลู ) 44, 49, 50, 51 *** นามมเู ลน อฺมฺ มลู มลู กา (มมี ูลทเี่ รียกวาเปนมลู ซง่ึ กนั และกัน/กับนามมูล) ธรรมเหลา ใดเหลาหนงึ่ .......... มีอย,ู ธรรมเหลา นน้ั ทง้ั หมด .......... ใชไ หม ? ส.๗๑+๕๒, ส.จริ .ุ ๑๗ ท่ี-ปญ, ปญ -ส.ป.กํ. อธ.สัน>สัง มีทงั้ อธ. ๒บท/บทเดยี ว  (-โม-๒)  ปรุ มิ โกฏฐาส (=๒บท)/ปจฉิมโกฏฐาส ส.๗๑+๔๖(-๙) ส.จริ ุ.๑๗ ท่ี-ปญ ปญ -ส.ปก.ํ  ปรปิ ณุ ณปญหา/สรูปทสั สนวิสัชนา ออม ว.ิ มลู านิ ยานิ เอกโต อปุ ปฺ ชชฺ นตฺ ิ นามมลู านิ เอกมลู านิ เจว อฺมฺมูลานิ จ, (-โม->๒) เอกมลู มลู านิ อฺมฺ มลู มูลานิ เอกมลู กานิ อฺมฺ มูลกานิ เอกมูลมลู กานิ อฺมฺมลู มลู กานิ อวเสสา นามมลู สหชาตา ธมมฺ า นามมเู ลน เอกมูลา น จ อฺมฺ มลู า. 48, 52 ส.๗๑+๔๖(-9), เอกมลู มูลา อฺมฺมูลมูลา. ส.จิ.ร.ุ ๑๗ ที่...ปญ , เอกมูลกา อฺมฺ มลู กา. ปญ-ส.ป.กํ. เอกมูลมลู กา อฺมฺมลู มูลกา. นามมลู เหลา ใดเกดิ ขน้ึ คราวเดยี วกัน นามมูลเหลานัน้ .............กนั ก็ใช ..........ซง่ึ กนั และกัน ก็ใช, ธรรมทเี่ กดิ พรอ มกนั กบั นามมลู ทีเ่ หลอื นอกนนั้ .........นามมลู แตไม/ ไมใช๓ ............ซ่ึงกนั และกนั . ๕. เยเกจิ นามมเู ลน เอกมลู า ธมมฺ า, สพเฺ พ เต นามมเู ลน อฺ มฺ มลู าต.ิ ? ขอถามในภาษาบาลที ย่ี กมาน้ี ดังน้ี ? 58 ก. แปลเปน ภาษาไทยวาอยา งไร ข. องคธ รรมของสนั นิฏฐานบทไดแกอ ะไร ? ค. สว นสงั สยบทนน้ั จะแสดงวา องคธ รรมของสงั สยบทไดแ ก องคธ รรมหมวดหลงั เทา นั้น ซงึ่ เปน ไปใน ทาํ นองเดยี วกนั กบั ทแี่ สดงไวใ นปวตั ติวาระของขนั ธยมกนน้ั ไดห รอื ไมเพราะเหตใุ ด? ตอบ ก. ภาษาบาลที ย่ี กมาน้แี ปลวา ธรรมเหลาใดเหลา หน่ึงมีมลู เปน อนั เดียวกนั กบั นามมูล มอี ยู ธรรมเหลา นั้นทง้ั หมดช่ือวาเปนมูลซงึ่ กนั และกันกับนามมูลใชไ หม ? ข. องคธรรมของสันนิฏฐานบท ไดแ ก สเหตุกจติ ๗๑ เจตสกิ ๔๖ (เวน นามมลู ๙) สเหตุก จติ ตชรปู ๑๗ ทีเ่ กดิ ขึ้นเฉพาะแตในปญ จโวการภูมิ ปญจโวการสเหตุกปฏิสนธกิ มั มชรูป และนามมูล ๙  ดาวนโหลดขอมูลจากขอ ความเพิ่มเติมที่ youtube หรอื ท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณตั วิ าระในขันธยมกะ (วันแรก) 32 (เวน โมหเจตสิกทีใ่ นโมหมูลจติ ๒) ค. จะแสดงวา องคธรรมของสังสยบท ไดแก องคธรรมหมวดหลังเทานั้น เชนนี้ไมไ ด เพราะคําถาม บทนเี้ ปน ปริปุณณปญ หา คาํ วสิ ัชนาของคาํ ถามนีเ้ ปนสรปู ทัสสนวสิ ัชนาทีม่ ีวิภังคโ ดยออมและองคธรรม หมวดหลงั ไมใ ชน ามมลู ๙ (ตามทแ่ี สดงวา องคธรรมของสังสยบทไดแ กองคธรรมหมวดหลงั เทาน้นั ) องค ธรรมหมวดหลังทถ่ี ูกตองกเ็ ปน องคธรรมของสงั สยบทไมไ ดโดยประการท้งั ปวง เพราะวา องคธ รรมหมวด หลงั เปนองคธ รรมของสนั นฏิ ฐานบทไดบทเดียวเทานน้ั ดงั นน้ั การแสดงวา องคธรรมของสังสยบทไดแก องคธ รรมหมวดหลังเทานั้น จงึ ไมถ ูกตอง แตถาเปน ปรปิ ุณณปญ หา สรปู ทสั สนวสิ ชั นาทม่ี ีวภิ ังคโดยตรง แลว การแสดงวา องคธ รรมของสงั สยบทไดแก องคธรรมหมวดหลงั เทา นัน้ ยอมถกู ตอ งอยา งแนนอน เมอ่ื เปน เชน นี้ในขอ ค. น้ี องคธ รรมท่ีถกู ตอ งไดแ กอะไร กต็ องตอบวาองคธรรมของสงั สยบทไดแ ก องค ธรรมหมวดแรก คอื นามมูล ๙ (เวน โมหเจตสกิ ท่ีในโมหมูลจติ ๒) เทานั้น หรอื ตอบตามท่อี าจารย พระสัทธมั มโชติกะ ธัมมาจริยะแสดงไวในมลู ยมกกไ็ ดเ ชนเดยี วกนั ๕. จงวสิ ชั นาในปุจฉาดงั ตอ ไปน้ี เปน บาลไี ทย และแสดงองคธ รรม (ไมต องจําแนกโกฏฐาส) ? 63 ๕. จงวสิ ชั นาพรอ มคําแปล และแสดงองคธ รรมของปรุ มิ โกฏฐาสและปจ ฉมิ โกฏฐาส ในคําถามตอไปน้ี (ไมตอ งจาํ แนกโกฏฐาส) ? ข. เย เกจิ นามมูเลน เอกมลู า ธมมฺ า, สพฺเพ เต นามมเู ลน อฺ มฺ มูลาติ ? 48, 52, 63 ตอบ ข. วสิ ชั นา มลู านิ ยานิ เอกโต อปุ ฺปชชฺ นฺติ นามมลู านิ เอกมลู านิ เจว อฺ มฺ มูลานิ จ, อวเสสา นามมูลสหชาตา ธมฺมา นามมูเลน เอกมูลา น จ อฺ มฺ มูลา. นามมลู เหลา ใดเกิดข้นึ คราวเดยี วกัน นามมูลเหลานนั้ มมี ลู เปนอันเดยี วกนั ก็ใช ชอื่ วา เปนมูลซงึ่ กันและกันกใ็ ช, ธรรมทีเ่ กิดพรอมกันกับนามมลู ทีเ่ หลือนอกนน้ั มมี ลู เปนอันเดียวกันกับนามมูล แตไมชือ่ วา มมี ลู ซ่ึงกันและกนั . องคธรรมของปุริมโกฏฐาส ไดแ ก นามมูล ๙ (เวน โมหเจตสิก ทใี่ นโมหมูลจติ ๒) องคธ รรมของปจ ฉิมโกฏฐาส ไดแ ก สเหตุกจิต ๗๑ เจตสิก ๔๖ (เวน นามมลู ๙) สเหตุกจิตตชรูป ๑๗ ที่ เกดิ ขึ้นเฉพาะแตในปญจโวการภมู ิ ปญ จโวการสเหตุกปฏสิ นธิกมั มชรูป ๕. จงแปล วสิ ชั นาบาลไี ทย แสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาสในคาํ ปจุ ฉาตอไปนี้ พรอมท้ังแสดงวา อยใู น วาระ, บท, นยั , ยมกะใด ? 46 ๕. จงวสิ ชั นาพรอ มคาํ แปลและแสดงองคธ รรมในคําปจุ ฉาดงั ตอ ไปนี้ (ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส ? 54 ๕. จงวสิ ชั นาในปจุ ฉา ดังตอ ไปน้ี เปน ภาษาบาลี ไทย แสดงองคธ รรม (ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส) ? 56 ข. เย เกจิ นามมูเลน เอกมูลกา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต นามมเู ลน อฺ มฺ มลู กาติ ? 46, 54 ตอบ (46) แปลอนโุ ลมปจุ ฉา ธรรมเหลา ใดเหลาหนง่ึ มีมลู เปนอันเดียวกันกบั นามมูลมีอย,ู ธรรมเหลานัน้ ทง้ั หมดมมี ูลซ่ึงกนั และกันกับนามมลู ใชไ หม? วิสัชนา มูลานิ ยานิ เอกโต อุปปฺ ชชฺ นฺติ นามมูลานิ เอกมลู กานิ เจว อฺ มฺ มลู กานิ จ, อวเสสา นามมลู สหชาตา ธมฺมา นามมูเลน เอกมูลกา น จ อฺ มฺ มลู กา.  ดาวนโหลดขอมูลจากขอความเพิ่มเตมิ ที่ youtube หรือที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณัตวิ าระในขันธยมกะ (วันแรก) 33 นามมูลเหลา ใดเกดิ ขนึ้ คราวเดยี วกัน นามมลู เหลา นั้นมีมลู เปน อันเดียวกันก็ใช มมี ูลซึง่ กันและกันก็ใช, ธรรมที่เกดิ พรอมกันกับนามมูลท่ีเหลอื นอกนั้น มีมูลเปน อนั เดียวกันกับนามมูล แตไ มใ ชมีมลู ซง่ึ กนั และกนั . แสดงองคธรรมและการจําแนกโกฏฐาส ในอนโุ ลมปจุ ฉา เย เกจิ นามมูเลน เอกมูลกา ธมฺมา เปนสนั นิฏฐานบาท สพฺเพ เต นามมูเลน อฺ มฺ มูลกา เปนสังสยบท องคธรรมของสนั นิฏฐานบท ไดแ ก สเหตุกจิต ๗๑ เจตสิก ๔๖ (เวนนามมูล ๙) สเหตุกจิตตชรูป ๑๗ ที่ เกิดข้ึนเฉพาะแตในปญ จโวการภมู ิ ปญ จโวการสเหตุกปฏสิ นธิกมั มชรปู และ นามมลู ๙ (เวน โมหเจตสิก ท่ีในโมหมลู จติ ๒) องคธรรมของสังสยบท ไดแก นามมูล ๙ (เวน โมหเจตสกิ ทใ่ี นโมหมูลจิต ๒) เทา นน้ั (46) ฉะน้นั คําถามบทน้ีเปนปรปิ ุณณปญ หา ถามวาธรรมเหลา ใดเหลา หนึ่งมีมูลเปน อันเดยี วกนั กบั นาม มลู มีอย,ู ธรรมเหลา น้นั ทัง้ หมดมมี ลู ซ่งึ กนั และกนั กับนามมูลใชไ หม ? พระองคจ งึ ทรงแกดว ยการยกเอา นามมลู ๙ (เวนโมหเจตสกิ ที่ในโมหมูลจิต ๒) ซ่งึ เปน องคธรรมของสันนฏิ ฐานบทและสังสยบทไดท ัง้ สอง ขึน้ ไวใ นปุรมิ โกฏฐาส ไมมีการปฏเิ สธสังสยบท ดงั แสดงวา มูลานิ ยานิ เอกโต อุปปฺ ชชฺ นฺติ นามมลู านิ เอก มลู กานิ เจว อฺ มฺ มลู กานิ จ แลวทรงยกเอา สเหตุกจติ ๗๑ เจตสกิ ๔๖ (เวน นามมูล ๙) สเหตกุ จิตตชรปู ๑๗ ทเี่ กิดขน้ึ เฉพาะแตในปญจโวการภูมิ ปญจโวการสเหตุกปฏสิ นธกิ มั มชรปู ซ่ึงเปน องคธ รรม ของสันนฏิ ฐานบทไดบทเดียวขึ้นไวใ นปจ ฉิมโกฏฐาส มกี ารปฏเิ สธสังสยบท ดังแสดงวา อวเสสา นาม- มลู สหชาตา ธมมฺ า นามมูเลน เอกมลู กา น จ อฺ มฺ มลู กา คําวิสัชนาในอนโุ ลมปจุ ฉานี้ เปนสรูปทสั สนวิสัชนาทมี่ วี ภิ งั คโ ดยออ ม และคําปุจฉานี้อยใู น มลู วาระ นามบท มูลกนยั อัญญมัญญมูลยมกะ ๕. จงแปลและแสดงองคธ รรมในวภิ งั คบาลี ดงั ตอ ไปนี้ พรอ มทงั้ แสดงวา ธรรมเหลา นอี้ ยูในวาระ, บท, นยั , ยมกะ, ใด ? 45 มลู านิ ยานิ เอกโต อุปปฺ ชฺชนตฺ ิ นามมลู านิ เอกมลู กานิ เจว อฺ มฺ มลู กานิ จ, อวเสสา นามมลู สหชาตา ธมมฺ า นามมเู ลน เอกมลู มลู กา น จ อฺ มฺ มลู มลู กา. ตอบ นามมูลเหลาใดเกิดขึ้นคราวเดยี วกนั นามมลู เหลา น้นั มมี ลู เปนอนั เดียวกันกใ็ ช มมี ูลซึ่งกันและกนั ก็ใช องคธ รรมไดแ ก นามมูล ๙ (เวน โมหเจตสกิ ที่ในโมหมลู จติ ๒) ธรรมเหลาน้ีอยูในมูลวาระ นามบท มูลกนยั อัญญมัญญมูลยมกะ ธรรมที่เกดิ พรอมกนั กับนามมลู ที่เหลือนอกนัน้ มีมูลท่ีเรยี กวาเปน มลู อนั เดยี วกนั กับนามมูล แตไมม ีมลู ท่เี รียกวา เปน มูลซ่งึ กนั และกัน องคธรรมไดแ ก สเหตุกจติ ๗๑ เจตสกิ ๔๖ (เวน นามมลู ๙) สเหตกุ จติ ตชรูป ๑๗ ที่เกิดขึน้ เฉพาะแตในปญจโวการภูมิ ปญจโวการสเหตกุ ปฏสิ นธกิ ัมมชรูป ธรรมเหลานอี้ ยใู น มูลวาระ นามบท มูลมูลกนัย อัญญมัญญมูลยมกะ ๕. จงวสิ ัชนาและแสดงองคธ รรมในปจุ ฉาดงั ตอ ไปน้ี ? 49, 50 (ไมต องจาํ แนกโกฏฐาส) ? 49, 50, 51 ก. เยเกจิ นามมเู ลน เอกมลู มลู กา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต นามมเู ลน อฺมฺ มูลมลู กาติ  ดาวนโหลดขอ มูลจากขอความเพ่ิมเตมิ ที่ youtube หรอื ท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณัตวิ าระในขันธยมกะ (วนั แรก) 34 ๕. ข. เย เกจิ นามมเู ลน เอกมลู มลู กา ธมมฺ า, สพเฺ พ เต นามมเู ลน อฺ มฺ มลู มลู กาติ ? จงแสดงองคธ รรม (ไมตอ งจาํ แนกโกฐาส) ? 44 ตอบ ก. วิสชั นา มลู านิ ยานิ เอกโต อปุ ฺปชชฺ นฺติ นามมลู านิ เอกมลู มลู กานิ เจว อฺ มฺ มลู มลู กานิ จ, อวเสสา นามมลู สหชาตา ธมฺมา นามมูเลน เอกมลู มลู กา น จ อฺ มฺ มลู มลู กา. นามมูลเหลาใดเกดิ ขึ้นคราวเดียวกัน นามมูลเหลานั้นมีมลู ทเ่ี รียกวาเปนมลู อันเดียวกันกใ็ ช มีมูลที่ เรยี กวาเปนมลู ซ่งึ กนั และกันก็ใช ธรรมทีเ่ กิดพรอ มกันกบั นามมลู ที่เหลือนอกนั้น มมี ูลท่ีเรียกวาเปนมลู อัน เดียวกันกับนามมลู แตไมมมี ูลทเ่ี รียกวา เปนมลู ซง่ึ กันและกัน แสดงองคธ รรมในอนโุ ลมปจุ ฉา ตอบ ข. (44) ในอนุโลมปจุ ฉา เยเกจิ นามมูเลน เอกมลู มลู กา ธมมฺ า เปนสนั นิฏฐานบท สพเฺ พ เต นามมเู ลน อฺ มฺ มลู มลู กา เปน สังสยบท องคธรรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแ ก สเหตกุ จิต ๗๑ เจตสกิ ๔๖ (เวนนามมูล ๙) สเหตกุ จติ ตชรูป ๑๗ ที่เกิดขนึ้ เฉพาะแตในปญ จโวการภมู ิ ปญ จโวการสเหตกุ ปฏสิ นธิกมั มชรปู และ นามมลู ๙ (เวน โมหเจตสกิ ท่ใี นโมหมลู จิต ๒) องคธ รรมของสงั สยบท ไดแ ก นามมลู ๙ (เวนโมหเจตสกิ ทใี่ นโมหมูลจติ ๒) เทา นน้ั สนั สงั ปฏ.ิ ป.ุ เย วา ปน ...................., สพเฺ พ เต ธมฺมา นามาติ ? นามมเู ลน อฺมฺมูลา (ชือ่ วาเปน มลู ซ่ึงกันและกันกับนามมลู ) เปน นาม นามมเู ลน อฺมฺมูลมลู า (ชื่อวาเปนมูลท่เี รียกวา เปนมลู ซึ่งกันและกันกบั นามมูล) นามมเู ลน อฺมฺมูลกา (มมี ูลซ่ึงกันและกนั กับนามมลู ) นามมเู ลน อฺมฺมูลมลู กา (มมี ูลทเี่ รยี กวาเปนมูลซ่ึงกนั และกันกับนามมลู ) 49, 51 หรือวา ธรรมเหลาใด .......... มีอย,ู ธรรมเหลา นน้ั ทงั้ หมด เปน นาม ใชไ หม  (-โม-๒)  เหมือนกัน  (ปจ ฉาปญ หา ปฏิวจนวสิ ัชนา) / รบั รอง (-โม->๒) วิ. อามนฺตา ใช 49, 51 ๕. จงวสิ ชั นาและแสดงองคธ รรมในปจุ ฉาดงั ตอ ไปน้ี ? 49 (ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส) ? 51 ข. เย วา ปน นามมูเลน อฺ มฺ มลู มลู กา, สพเฺ พ เต ธมมฺ า นามาติ ? 49, 51 ตอบ ข. วิสัชนา อามนตฺ า ใช แสดงองคธรรม [(49) และการจําแนกโกฏฐาส] ในปฏิโลมปุจฉา ในปฏิโลมปุจฉา เย วา ปน นามมเู ลน อฺ มฺ มลู มลู กา เปน สนั นฏิ ฐานบท สพเฺ พ เต ธมฺมา นามา เปน สังสยบท องคธรรมของสันนฏิ ฐานบท ไดแ ก นามมูล ๙ (เวน โมหเจตสกิ ท่ใี นโมหมูลจติ ๒) องคธรรมของสงั สยบท เหมอื นกัน (49) ฉะน้นั คําถามบทน้เี ปน ปจฉาปญ หา ถามวา หรอื วา ธรรมเหลาใดมมี ลู ท่เี รียกวาเปนมูลซึ่งกัน และกันกบั นามมลู มีอย,ู ธรรมเหลาน้นั ทง้ั หมดเปน นามใชไ หม ? พระองคจ งึ ทรงแกโดยปฏิวจนวิสชั นาวา อามนตฺ า ซ่ึงเปนคําวิสชั นารบั รององคธ รรมของสนั นิฏฐานบท เพราะวา นามมูล ๙ (เวนโมหเจตสกิ ท่ใี นโม หมูลจติ ๒) ซึ่งเปน องคธ รรมของสันนฏิ ฐานบทเหลานั้น ก็เปน นามดวย  ดาวนโ หลดขอ มูลจากขอความเพ่ิมเติมท่ี youtube หรือท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณตั ิวาระในขันธยมกะ (วันแรก) 35 (ขนั ธยมก) ขอ ๖ (บทนาํ ) ๖. ก. ในขนั ธยมกะมวี าระ (มหาวาระ) กี่อยา ง คอื อะไรบา ง ใหอ ธบิ ายความหมายของวาระนน้ั มาดว ย ? [P60-61] 47, 43, 50, 52, 54, 56, 57, 58, 60, 62 ตอบ ก. ในขนั ธยมกะ มี (มหา) วาระ ๓ อยาง คือ ๑. ปณณตั ตวิ าระ ๒. ปวัตติวาระ ๓. ปริญญาวาระ ๑.ปณณตั ติวาระ เปน วาระทพี่ ระพทุ ธองคทรงแสดงโดยการจาํ แนกชอื่ ของขนั ธ อายตนะ ธาตุ เปน ตน เปน วาระทีท่ รงแสดงเพอื่ จะใหรูถงึ ปรยิ ตั ิญาณ ๒. ปวัตตวิ าระ เปนวาระท่พี ระพุทธองคทรงแสดงถงึ ความเปนไปของขันธ อายตนะ ธาตุ เปนตน โดย ความเกดิ ดบั (อุปาทะ, นิโรธ) เปน วาระท่ที รงแสดงเพอื่ จะใหรถู ึงวิปสสนาญาณ ๓. ปรญิ ญาวาระ เปน วาระที่พระพุทธองคท รงแสดงถงึ การกําหนดรู ขนั ธ อายตนะ ธาตุ เปนตน โดย ปรญิ ญาสาม คือ ๑. ญาตปรญิ ญา ๒. ตีรณปรญิ ญา ๓. ปหานปรญิ ญา เปนวาระท่ี ทรงแสดงเพ่อื จะใหรถู งึ มคั คญาณ ๖. ข. ในปณ ณตั ตวิ าระนทิ เทส (หรอื นยวาระ) มวี าระกอ่ี ยา ง คอื อะไรบา ง ให( อธิบาย/แสดงพรอ ม)ความหมาย(ของวาระนน้ั มาดว ย) ? [P60-61] 47, 50, 52, 54, 55, 56, 57, 58, 60, 63 ตอบ ข. ปณณตั ตวิ าระนทิ เทส มีวาระ ๔ อยา ง คอื (๑. ปทโสธนวาระ ๒. ปทโสธนมลู จักกวาระ ๓. สทุ ธขนั ธวาระ ๔. สทุ ธขนั ธมูลจกั กวาระ อธบิ ายความหมายของวาระท้งั ๔ ดังน)้ี ๑. ปทโสธนวาระ เปนวาระทพ่ี ระพทุ ธองคทรงแสดงโดยการชําระบทแหงขนั ธ ๕ เปนตน ๒. ปทโสธนมลู จกั กวาระ เปน วาระทีพ่ ระพทุ ธองคท รงแสดงโดยการชาํ ระบทแหง ขนั ธ ๕ แลวหมุนไป โดยความเปนมูละ, มูลี ๓. สทุ ธขนั ธวาระ เปน วาระทพ่ี ระพทุ ธองคท รงแสดงแยกขันธ ๕ ออกเปน บทๆ แลวทรงแสดง โดยเฉพาะ ไมปะปนกับขันธอ น่ื ๔. สทุ ธขนั ธมลู จักกวาระ เปน วาระท่ีพระพุทธองคทรงแสดงแยกขันธ ๕ ออกเปน บทหนึ่งๆ ไว โดยเฉพาะๆ แลว กท็ รงยกเอาขนั ธอืน่ ๆ มาจําแนกหมนุ ไปโดยความเปนมูละ, มูลี ๖. ข. คาํ วา ญาตปรญิ ญา ตรี ณปรญิ ญา ปหานปรญิ ญา หมายความวา อยางไร ? [P62] 43, 55, 63(ก) ตอบ ข. ญาตปรญิ ญา การกําหนดรู ลกั ขณะ รส ปจจุปฏ ฐาน ปทัฏฐาน ของรปู นาม ขนั ธ ๕ เปนตน ความเปนจรงิ ตรี ณปรญิ ญา การกาํ หนดรู รปู นาม ขันธ ๕ เปน ตน โดยความเปน อนิจจะ ทกุ ขะ อนัตตะ ปหานปรญิ ญา การประหาณฉันทราคะ คือ ความพอใจในรูป นาม ขันธ ๕ เปน ตน โดยอรหัตตมคั คญาณ (ขนั ธยมกะ) ขอ ๖ (ปณ ณตั ติวาระ) สรปุ ปณณตั ตวิ าระ ปทโสธนวาระ อนโุ ลม (ชดุ ๑๗ น.๖๓-๗๓) ...... ท่อี อกสอบ ยมกะ ปจุ สนั นฏิ ฐาน, สงั สย ว.ิ อนุ-รูป/สัญ/สงั ปรุ มิ โกฏฐาส, ปจ ฉมิ โกฏฐาส (สรปุ . ว.ิ ..ตรง)  ดาวนโ หลดขอมูลจากขอ ความเพ่ิมเตมิ ที่ youtube หรอื ที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณัติวาระในขนั ธยมกะ (วันแรก) 36 ๑. รปู รปู , รปู กขฺ นโฺ ธติ? ป ปย รปู  สาตรปู  รปู  นX รูปกขฺ นฺโธ, รูปกฺขนโฺ ธ รูปฺเจว รูปกฺขนฺโธ จ. ๒. เว เวทนา, เวทนากขฺ นโฺ ธต?ิ  อามนฺตา = เวทนาเจตสิก ๓. สญั สฺา, สฺ ากขฺ นโฺ ธต?ิ ทิ ทฏิ  ส ฺ า สฺ า นX สฺ ากฺขนฺโธ, สฺ ากฺขนโฺ ธ สฺ าเจว สฺ ากขฺ นฺโธ จ. ๔. สงั อนุ สงฺขารา, สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธต?ิ สงฺสงฺขารกขฺ นธฺ ํ เปตวา อวเสสา สงขฺ ารา นX สงขารกขฺ นโฺ ธ,  สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธ สงขฺ าราเจว สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธ จ. ๕. วิญ วิ ฺ าณํ, วิฺ าณกขฺ นโฺ ธต?ิ อามนตฺ า = จติ ๘๙ ๑. รปู รปู กขฺ นโฺ ธ, รปู นตฺ ?ิ  อามนตฺ า = รปู ขันธ คือ รปู ๒๘ ... / รูปขันธ คือ รูป ๒๘ ... (รปุ ปนลักขณะ) ๒. เว เวทนากขฺ นโฺ ธ, เวทนาต?ิ  อามนฺตา = เวทนาเจตสิก ๓. สัญ ปฏิ สฺากขฺ นโฺ ธ, สฺ าต?ิ  อามนตฺ า = สัญญาเจตสิก ทม่ี ีสญั ชานนลัก๘ณะ ๔. สงั สงฺขารกขฺ นโฺ ธ, สงขฺ าราติ?  อามนตฺ า = เจตสิก ๕๐ ท่เี ปน สงั ขารขันธ ๕. วญิ วิ ฺ าณกขฺ นโฺ ธ, วิ ฺ าณนตฺ ?ิ  อามนฺตา = จิต ๘๙ ปณ ณตั ิวาระ อนโุ ลมนยั ปฏิเสธสงั สยบทโดยใช “น” ปฏเิ สธ ๗. จงแสดงองคธ รรมในบาลดี งั ตอ ไปน้ี ? [P.77] 53 ก. น รปู  ข. น เวทนา ค. น สฺ า ง. น สงขฺ ารา จ. น วิ ฺ าณํ ตอบ แสดงองคธรรมในบาลีดังนี้ ก. น รูป องคธรรมไดแก โลกุตตรจติ ๘ เจตสกิ ๓๖ นิพพาน บญั ญตั ิ ข. น เวทนา องคธ รรมไดแ ก จติ ๘๙ เจตสกิ ๕๑ (เวนเวทนาเจตสกิ ) รูป ๒๘ นพิ พาน บัญญัติ ค. น สฺ า องคธรรมไดแ ก จิต ๘๙ เจตสกิ ๕๐ (เวน ทฏิ ฐิเจตสิก และสัญญาเจตสกิ ) รปู ๒๘ นิพพาน บญั ญัติ ง. น สงขฺ ารา องคธรรมไดแ ก นิพพาน บัญญตั ิ จ. น วิ ฺ าณํ องคธรรมไดแก เจตสิก ๕๒ รูป ๒๘ นิพพาน บัญญตั ิ ๖. ก.จงวสิ ัชนาเปน บาลีและแปล พรอ มแสดงองคธ รรมในปจุ ฉาดงั ตอ ไปน้ี (ไมตอ งจาํ แนกโกฏฐาส) ? 43(7), 53 ๗. จงวสิ ชั นาในปจุ ฉาดงั ตอ ไปนี้ เปน บาลี แปลเปน ไทยพรอ มแสดงองคธ รรม (ไมต อ งจําแนกโกฏฐาส) ? 56 ๖. จงวสิ ัชนาพรอ มคําแปล แสดงองคธ รรมในปจุ ฉาดงั ตอ ไปน้ี (ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส) ? 59, 63 ก. รปู , รปู กขฺ นโฺ ธติ ? [P.63-64] 43, 46(ก/ค), 50, 53(6ก), 56, 59, 60, 61, 63 ๖. จงวสิ ชั นาในคาํ ถามดงั ตอ ไปนี้ เปน บาลแี ละไทย (ไมต อ งแสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฐาส) ? 44, 46 ก. ธรรมทช่ี อ่ื วา รปู , ชอื่ วา รปู ขนั ธใ ชไ หม ? [P.63-64] 44(6ก/ง), 46(3ก/ง) ตอบ ก. วสิ ัชนา ปยรปู  สาตรูป รปู  น รปู กฺขนฺโธ, รปู กขฺ นโฺ ธ รูปฺเจว รปู กขฺ นโฺ ธ จ. ปยรปู สาตรปู ช่ือวารูป แตไ มช ื่อวารปู ขนั ธ, รปู ขันธ ชอ่ื วา รูปก็ใช ช่อื วา รปู ขันธก ใ็ ช แสดงองคธรรม ในอนโุ ลมปจุ ฉา รูป เปน สันนฏิ ฐานบท // รปู กฺขนโฺ ธ เปน สงั สยบท องคธรรมของสันนิฏฐานบท ไดแ ก ปย รปู สาตรปู คอื โลกียจติ ๘๑ เจตสกิ ๕๒ รูป ๒๘ ที่รวมกนั อยู ซง่ึ เปนทนี่ า รกั นา ยินดีและเปน อารมณข องตณั หาได และ รปู ขันธ คอื รูป ๒๘ ท่ีอยโู ดยเฉพาะ ซ่งึ มลี กั ษณะเสอื่ มสิ้นแปรผันไป (รุปปนลกั ขณะ) องคธรรมของสงั สยบท ไดแก รปู ขันธ คอื รปู ๒๘ ทอ่ี ยูโ ดยเฉพาะ ซ่งึ มลี ักษณะเสอ่ื มส้ินแปรผันไป  ดาวนโหลดขอมูลจากขอ ความเพ่ิมเตมิ ที่ youtube หรือท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณัติวาระในขนั ธยมกะ (วันแรก) 37 (รปุ ปนลักขณะ) เทานัน้ หรอื อีกนัยหนง่ึ องคธ รรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแ ก ปยรปู สาตรปู คอื โลกยี จติ ๘๑ เจตสกิ ๕๒ ซง่ึ เปนทน่ี า รักนายนิ ดี และเปนอารมณข องตัณหาได และ รปู ขันธ คือ รปู ๒๘ ที่มลี กั ษณะ เส่ือมส้นิ แปรผนั ไป (รุปปนลักขณะ) องคธ รรมของสังสยบท ไดแก รปู ขนั ธ คือ รูป ๒๘ ทมี่ ลี กั ษณะเสอ่ื มสิน้ แปรผนั ไป (รปุ ปนลกั ขณะ) เทา น้นั ๖. จงวสิ ชั นา พรอ มคาํ แปล องคธ รรมในปจุ ฉา ดงั ตอ ไปนี้ ? น รปู  (รปู ฺจ รปู กฺขนธฺ จฺ เปตวา อวเสสา) (ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส) ? 46 โลกตุ . ๘+ ๓๖ นิพ. บญั ญตั ิ ข. รปู กขฺ นโฺ ธ, รปู นตฺ ิ ? [P.63-64] 46(ข/ค) (ปยรูป สาตรปู ) ตอบ ข. วสิ ัชนา อามนฺตา ใช ปยรปู สาตรปู คอื โลกยี จิต๘๑+๕๒ น รปู ๒๘ ท่ีรวมกนั อยูซง่ึ เปนทนี่ า รกั รปู ก-ฺ แสดงองคธ รรมในปฏิโลมปุจฉา นา ยนิ ดแี ละเปนอารมณข องตณั หา ขนฺโธ และ ๒๘ ทอี่ ยโู ดยเฉพาะ.. รปู  ปยรูป สาตรปู คอื โลกยี จติ ๘๑+๕๒ รปู กขฺ นฺโธ เปน สนั นฏิ ฐานบท ซง่ึ เปน ทน่ี ารกั นา ยนิ ดแี ละเปน รูป เปน สังสยบท อารมณข องตณั หาได  และ องคธ รรมของสนั นิฏฐานบท ไดแก รปู ขนั ธ คือ รูป ๒๘ ทอ่ี ยู รปู ขนั ธ คอื รปู ๒๘ (ทอ่ี ยโู ดยเฉพาะ รปู ก-ฺ โดยเฉพาะ ซึง่ มลี กั ษณะเสอ่ื มส้ิน ซงึ่ /ท)่ี +มีลกั ษณะเสอ่ื มสนิ้ แปรผนั ไป ขนโฺ ธ แปรผันไป (รปุ ปนลักขณะ) (รปุ ปนลกั ขณะ)  (รปู กขฺ นโธ) หรอื อีกนยั หน่งึ รปู ขันธ คือ รปู ๒๘ ที่มีลกั ษณะเสอ่ื มส้นิ แปรผนั ไป (รปุ ปนลกั ขณะ) องคธรรมของสงั สยบท เหมือนกนั ๗. จงวสิ ัชนาเปน บาลี และแปล พรอ มแสดงองคธ รรมในปจุ ฉาดงั ตอ ไปน้ี (ไมตอ งจาํ แนกโกฏฐาส) เวทนา, เวทนากขฺ นโฺ ธติ ? [P.69] 43 ๖. จงวสิ ัชนาในคาํ ถามดงั ตอ ไปนี้ เปน บาลี และ ไทย พรอ มแสดงองคธ รรมมาดู ? 48 ค. ธรรมทชี่ อื่ วา เวทนา ชอ่ื วา เวทนาขนั ธใ ชไ หม ? [P69] 48(ค/ค) ตอบ (ค.) วิสัชนา = อามนตฺ า ใช เวทนา = เวทนากขฺ นโฺ ธ = เวทนาเจตสิก ในอนโุ ลมปุจฉา องคธรรมของสนั นิฏฐานบท ไดแก เวทนาเจตสกิ // องคธ รรมของสงั สยบท เหมือนกัน ๗. จงวสิ ชั นาในปจุ ฉาดงั ตอ ไปน้ี เปน บาลี แปลเปน ไทยพรอ มแสดงองคธ รรม (ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส) ? 54 ๗. จงวสิ ัชนาพรอ มคําแปลในคาํ ถามดงั ตอไปน้ี และแสดงองคธ รรม (ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส) ? 59 ก. สฺ า, สฺ ากขฺ นโฺ ธติ ? [P.70] 52, 54, 59 (ไมต อ งจําแนกโกฏฐาส) ? 49 ๖. ข. จงวสิ ชั นาบาลไี ทย และแสดงองคธ รรมในปจุ ฉาดงั ตอไปน้ี (ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส) สฺ า, สฺ ากขนโฺ ธติ ? [P.70] 62 ๗. จงวสิ ัชนาในคาํ ถามดงั ตอ ไปน้ี เปน บาลแี ละไทย (ไมต องแสดงองคธรรมและการจําแนกโกฏฐาส) ? 51 ก. ธรรมทชี่ อ่ื วา สญั ญา, ช่ือวา สญั ญาขนั ธ ใชไ หม ? [P70] 48(ก/ค), 51(ก/ง) ตอบ ก. วสิ ัชนา ทฏิ สฺ า สฺ า น สฺ ากขฺ นโฺ ธ, สฺ ากขฺ นโฺ ธ สฺ า เจว สฺ ากขฺ นโฺ ธ จ. ทฏิ ฐสิ ัญญา ช่อื วาสญั ญา แตไ มช ือ่ วา สัญญาขนั ธ,  ดาวนโ หลดขอ มูลจากขอความเพิ่มเติมที่ youtube หรือที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณัติวาระในขันธยมกะ (วนั แรก) 38 สัญญาขันธ ช่อื วา สญั ญาก็ใช ชือ่ วา สญั ญาขันธก ใ็ ช. น จติ . ๘๙+ ๕๐ (-ทิ.&สัญ.) น แสดงองคธ รรมในอนโุ ลมปุจฉา สฺ า เปนสันนิฏฐานบท สฺา รปู ๒๘ และ นพิ . บัญญัติ สฺาก- สฺ ากขฺ นโฺ ธ เปน สังสยบท สญั ญาคือทฏิ ฐิ เจ.Xและ ขนโฺ ธ องคธรรมของสันนิฏฐานบท ไดแก สัญญา คือ ทิฏฐิเจตสกิ และ สฺ า สญั ญา เจ. ที่มีสัญชานน สฺ าก- สญั ญาเจตสิก ที่มีสัญชานนลักขณะ ลักขณะ  ขนโฺ ธ องคธ รรมของสังสยบท ไดแก สญั ญาเจตสกิ ทีม่ สี ัญชานนลักขณะ เทา น้ัน ๗. จงวสิ ชั นาในคาํ ถามตอ ไปนี้เปน บาลแี ละไทยพรอ มทงั้ แสดงองคธ รรม (ไมตองจาํ แนกโกฏฐาส) ? 45 ๗. จงวสิ ชั นาในปจุ ฉา ดงั ตอ ไปน้ี เปน บาลี ไทย แสดงองคธ รรม (ไมต องจาํ แนกโกฏฐาส) ? 57 ก. สงขฺ ารา, สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธติ. ? [P.71] 45 (ก/ง), 57 ๖. จงวสิ ัชนาในคาํ ถามดงั ตอ ไปน้ี เปน บาลี และ ไทย พรอมแสดงองคธ รรมมาดู ? ข. ธรรมทช่ี อ่ื วา สงั ขาร ชอื่ วา สงั ขารขนั ธใ ชไหม ? [P.71] 48(ข/ค) ตอบ ก. วสิ ชั นา สงขฺ ารกขฺ นธฺ ํ เปตวฺ า อวเสสา สงขฺ ารา น สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธ, สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธ สงขฺ ารา เจว สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธ จ. ยกเวน สังขารขันธเสียแลว ธรรมท่ีเหลือนอกน้ัน ช่อื น สงขฺ ารา นิพพาน บัญญัติ  น สงฺขา- จติ ๘๙ เว. สญั . รปู ๒๘และ รกขฺ นฺโธ วาสงั ขาร แตไ มช ่อื วา สงั ขารขนั ธ, สงฺขารา เจ. ๕๐ ทเี่ ปน สงั ขารขนั ธ  สังขารขนั ธ ชอื่ วาสงั ขารก็ใช ชอ่ื วา สังขารขันธก ็ใช. สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธ แสดงองคธ รรมในอนโุ ลมปุจฉา สงขฺ ารา เปนสนั นฏิ ฐานบท // สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธ เปนสังสยบท องคธรรมของสันนฏิ ฐานบท ไดแก จติ ๘๙ เวทนาเจตสกิ สญั ญาเจตสกิ รูป ๒๘ และ เจตสกิ ๕๐ ทเ่ี ปนสังขารขันธ องคธ รรมของสังสยบท ไดแ ก เจตสิก ๕๐ ที่เปนสังขารขนั ธ เทา น้นั สรุป ปณ ณตั ตวิ าระ ปทโสธนวาระ ปจ จนกิ (ชุด ๑๘ น.๗๓-๗๗) ...... ท่อี อกสอบ ยมกะ ปจุ สนั นฏิ ฐาน, สงั สย ว.ิ ปฏ-ิ รปู /สญั /สัง ปรุ มิ โกฏฐาส, ปจ ฉมิ โกฏฐาส (สรปุ . ว.ิ ..ตรง) ๑. รูป น รปู , น รปู กฺขนโฺ ธติ ? อามนฺตา = โลกตุ ๘+๓๖ นิพพาน บญั ญตั ิ ๒. เว น เวทนา, น เวทนากขฺ นโฺ ธติ ? อามนตฺ า = จิต ๘๙+๕๑ (-เว) รูป ๒๘ นิพพาน บญั ญัติ ๓. สญั อนุ น สฺ า, น สฺ ากขฺ นโฺ ธติ ? อามนฺตา = จิต ๘๙+๕๐ (-ทิ สญั ) รปู ๒๘ บัญญตั ิ ๔. สัง น สงฺขารา, น สงฺขารกขฺ นโฺ ธติ ? อามนตฺ า = นิพพาน บัญญตั ิ ๕. วญิ น วิ ฺ าณ,ํ น วิ ฺ าณกขฺ นโฺ ธติ ? อามนตฺ า = เจ ๕๒ รูป ๒๘ นิพพาน บญั ญัติ ๑. รูป น รปู กฺขนโฺ ธ, น รปู นตฺ ิ ? ป ปย รปู  สาตรปู  น รปู กฺขนโฺ ธ Xรูป, รปู ฺจ รปู กฺขนธฺ จฺ เปตวฺ า อวเสสา น เจว รูป น จ รปู กฺขนโฺ ธ. (๘๑+๕๒ ๒๘/๘๑+๕๒ ๘+๓๖ นิพ) ๒. เว น เวทนากฺขนโฺ ธ, น เวทนาติ ? ๓. สัญ ปฏิ น สฺ ากขฺ นโฺ ธ, น สฺ าติ ? อามนตฺ า = จิต ๘๙+๕๑ (-เว) รปู ๒๘ นพิ พาน บัญญัติ ทิ ทฏิ  สฺา น สฺ ากฺขนฺโธ Xสฺ า, สฺ จฺ สฺ ากฺขนธฺ จฺ ทิ ๘๙+๕๐(-ท-ิ สญั ) ๒๘ นพิ บญั ) เปตวฺ า อวเสสา น เจว สฺ า น จ สฺ ากขฺ นโฺ ธ. ๔. สงั น สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธ, น สงขฺ าราติ ? สงฺ สงขฺ ารกฺขนธฺ ํ เปตวา อวเสสา น สงขารกขฺ นฺโธ Xสงขฺ ารา, สงขฺ าเร จ (๘๙ เว สญั ๒๘ นพิ บัญ) สงขฺ ารกฺขนฺธจฺ เปตฺวา อวเสสา น เจว สงขฺ ารา น จ สงฺขารกขฺ นโฺ ธ. ๕. วิญ น วิ ฺ าณกขฺ นโฺ ธ, น วิ ฺ าณนตฺ ิ ? อามนฺตา = เจ ๕๒ รปู ๒๘ นิพพาน บัญญัติ  ดาวนโหลดขอ มูลจากขอความเพ่ิมเตมิ ท่ี youtube หรือที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณตั วิ าระในขันธยมกะ (วนั แรก) 39 ปณณัตวิ าระ ปจ จนิกนยั ปฏิเสธสงั สยบทโดยยกเอา “น” ออก ๖. จงแสดงองคธ รรมในขอปจุ ฉาดงั ตอไปนี้ (ไมตอ งจาํ แนกโกฏฐาส) ? 45, 49, 51 ก. น รปู , น รปู กฺขนโฺ ธติ ? [P.73] 45(ก/ง), 49(ก/ง), 51(ก/ง) น รปู  โลกตุ . ๘+ ๓๖ และ นพิ . บญั ญัติ ตอบ แสดงองคธ รรม ก. ในอนโุ ลมปจุ ฉา ปย รปู สาตรูป คอื โลกยี จติ ๘๑+๕๒ รปู ๒๘ ทร่ี วมกนั อยู ซงึ่ เปน ทน่ี ารกั น รปู  เปนสันนฏิ ฐานบท // น รูปกฺขนโฺ ธ เปนสังสยบท นา ยนิ ดแี ละเปนอารมณข องตณั หา น และ ... ๒๘ ทอ่ี ยโู ดยเฉพาะ ซ่งึ มี.. รปู กฺ- องคธ รรมของสนั นิฏฐานบท ไดแ ก โลกุตตรจิต ๘ เจตสิก ๓๖ นิพพาน บัญญัติ รปู  ปย รปู สาตรปู คอื โลกยี จติ ๘๑+๕๒ ขนโฺ ธ องคธ รรมของสงั สยบท เหมอื นกัน ซงึ่ เปน ทน่ี า รกั นายนิ ดแี ละเปน อารมณข องตณั หาได และ  ๖. จงวสิ ัชนาในคาํ ถามดงั ตอ ไปน้ี เปน บาลแี ละไทย (ไมต อ งแสดง องคธรรมและการจาํ แนกโกฐาส) ? 44 รปู ขนั ธ คอื รปู ๒๘ (ทอี่ ยโู ดยเฉพาะ รปู ก-ฺ ง. ธรรมทไ่ี มช อ่ื วารปู ขนั ธ, ไมช อ่ื วารปู ใชไ หม ? [P.73] 44(6ง/ง) ซง่ึ /ท)่ี +มลี กั ษณะเสื่อมสิ้นแปรผนั ไป ขนโฺ ธ (รปุ ปนลกั ขณะ)  ตอบ ง. ปย รูป สาตรปู  น รูปกขฺ นโฺ ธ รปู , รูปจฺ รปู กฺขนธฺ จฺ เปตวฺ า อวเสสา น เจว รปู  น จ รูปกขฺ นโฺ ธ. [P.73] ปยรปู สาตรปู ไมช ื่อวารูปขันธ แตช่อื วารูป, ยกเวน ปย รปู สาตรปู และรปู ขันธเ สยี แลว ธรรมท่ีเหลือนอกนนั้ ไมชอื่ วา รปู และ ไมช ่อื วา รูปขนั ธ ๖. จงวสิ ชั นาและแสดงองคธ รรม ในปจุ ฉาดงั ตอ ไปนี้ ? 49 ๖. จงวสิ ชั นา พรอ มคาํ แปล องคธ รรมในปจุ ฉา ดงั ตอ ไปนี้ ? (ไมตอ งจําแนกโกฏฐาส) ? 46 ๗. จงวสิ ัชนาบาลี ไทย และแสดงองคธ รรมในปุจฉาดงั ตอ ไปนี้ ? 52 ข. น สฺ า, น สฺ ากขฺ นโฺ ธติ ? [P.74] 46(ก/ค), 52 (จําแนกโกฏฐาส) ? 49 ตอบ ข. วิสชั นา อามนตฺ า ใช น สฺ า จติ ๘๙+ ๕๐ (-ท.ิ &สญั .) น แสดงองคธรรม ในอนุโลมปจุ ฉา รูป ๒๘ และ นิพ. บญั ญัติ  สฺ าก- น สฺ า เปน สันนฏิ ฐานบท สฺา  สญั ญาคอื ทฏิ ฐิ เจ. และ ขนฺโธ สญั . เจ.ทม่ี สี ัญชานนลกั ขณะ สฺากขนโฺ ธ น สฺ ากขฺ นโฺ ธ เปนสงั สยบท องคธรรมของสันนฏิ ฐานบท ไดแก จิต ๘๙ เจตสกิ ๕๐ (เวนทฏิ ฐเิ จตสกิ และสญั ญาเจตสิก) องคธรรมของสังสยบท รูป ๒๘ นิพพาน บัญญตั ิ เหมอื นกนั ๖. จงแสดงองคธ รรมในขอปุจฉาดงั ตอไปน้ี (ไมต อ งจําแนกโกฏฐาส) ? 49(ข/ง), 51 (ข/ง) ข. น สฺ ากขฺ นโฺ ธ, น สฺ าติ ? [P.75] 49(ข/ง), 51 (ข/ง) ตอบ ข. ในปฏโิ ลมปจุ ฉา น สฺ ากขฺ นโฺ ธ เปนสนั นิฏฐานบท // น สฺ า เปนสงั สยบท องคธ รรมของสนั นิฏฐานบท ไดแก สญั ญา คอื ทฏิ ฐิเจตสกิ และ จิต ๘๙ เจตสกิ ๕๐ (เวน ทฏิ ฐเิ จตสกิ และสัญญาเจตสิก) รูป ๒๘ นพิ พาน บัญญัติ  ดาวนโหลดขอมูลจากขอ ความเพ่ิมเติมที่ youtube หรอื ที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณตั วิ าระในขันธยมกะ (วนั แรก) 40 องคธ รรมของสังสยบท ไดแ ก จติ ๘๙ เจตสกิ ๕๐ (เวนทฏิ ฐิเจตสกิ และสญั ญาเจตสิก) รปู ๒๘ นิพพาน บญั ญตั ิ เทานั้น ๗. จงวสิ ัชนาในคาํ ถามดงั ตอ ไปน้ี เปน บาลแี ละไทย (ไมต องแสดงองคธรรมและการจําแนกโกฏฐาส) ? 51 ง. ธรรมทไ่ี มช อ่ื วา สงั ขารขนั ธ, ไมช อ่ื วา สงั ขารใชไ หม ? [P.75] 48(ข/ค), 51(ง/ง) ตอบ ง. วสิ ัชนา สงขฺ ารกขฺ นฺธํ เปตวฺ า อวเสสา น สงฺขารกขฺ นโฺ ธ สงขฺ ารา, สงขฺ าเร จ สงขฺ ารกขฺ นธฺ จฺ เปตวฺ า อวเสสา น เจว สงขฺ ารา น จ สงฺขารกขฺ นโฺ ธ. (แปล =) ยกเวน สงั ขารขันธ เสียแลว ธรรมที่เหลอื นอกน้ันไมชอ่ื วาสงั ขารขันธแตช ื่อวาสังขาร, ยกเวน สงั ขารและสงั ขารขันธเ สียแลว ธรรมทเ่ี หลอื นอกนน้ั ไมชอื่ วาสงั ขาร และ ไมช อ่ื วา สงั ขารขนั ธ. ๗. จงแสดงองคธ รรมของบาลดี งั ตอ ไปน้ี ? 46 ก. น วิ ฺาณ,ํ น วิ ฺาณกขฺ นโฺ ธติ ? [P.76] 46(ก/ง) ตอบ แสดงองคธ รรม ก. องคธรรมของสันนฏิ ฐานบท ไดแก เจตสิก ๕๒ รูป ๒๘ นิพพาน บัญญตั ิ องคธรรมของสังสยบท เหมือนกนั สรุป ปณณตั ตวิ าระ สทุ ธขนั ธวาระ อนโุ ลม (ชดุ ๑๙ น.๙๕-๙๗) ...... ท่ีออกสอบ ยมกะ ปจุ สนั นฏิ ฐาน, สงั สย ว.ิ ปฏ.ิ ปรุ มิ โกฏฐาส, ปจ ฉมิ โกฏฐาส (สรปุ . ว.ิ ..ออม) ๑. รปู รปู , ขนโฺ ธติ ? อามนตฺ า => ปยรปู สาตรูป = ๘๑+๕๒, ๒๘.... รูปขันธ = ๒๘... (รปุ ปนลกฺขณ) ๒. เว เวทนา, ขนโฺ ธติ ? อามนตฺ า => เวทนาเจตสิก ๓. สญั อนุ สฺา, ขนโฺ ธติ ? อามนตฺ า => สัญญา = ทิฏฐ เิ จตสิก สญั ญาเจตสกิ ท่ีมสี ญั ชานนลักขณะ ๔. สงั สงขฺ ารา, ขนโฺ ธติ ? อามนตฺ า => ๘๙ เว สญั ๒๘ เจ.๕๐ ท่เี ปนสังขารขันธ (๘๙+๕๒, ๒๘) ๕. วญิ วิ ฺ าณ,ํ ขนโฺ ธติ ? อามนฺตา => จิต ๘๙ ๑. รปู ขนฺธา, รปู กขฺ นโฺ ธติ ? รปู รูปกขฺ นฺโธ ขนฺโธ เจว รปู กขฺ นโฺ ธ จ, อวเสสา ขนฺธา นX รูปกฺขนโฺ ธ. ๒. เว ขนฺธา, เวทนากขฺ นโฺ ธติ ? เว เวทนากขฺ นโฺ ธ ขนโฺ ธ เจว เวทนากขฺ นฺโธ จ, อวเสสา ขนธฺ า นX เวทนากฺขนฺโธ. ๓. สญั ปฏิ ขนฺธา, สฺ ากขฺ นโฺ ธติ ? สงฺ สฺ ากขฺ นโฺ ธ ขนฺโธ เจว สฺ ากฺขนโฺ ธ จ, อวเสสา ขนธฺ า นX สฺ ากฺขนโฺ ธ. ๔. สัง ขนฺธา, สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธติ ? สฺ สงฺขารกขฺ นฺโธ ขนโฺ ธ เจว สงขฺ ารกฺขนโฺ ธ จ, อวเสสา ขนธฺ า นX สงขฺ ารกฺขนโฺ ธ. ๕. วญิ ขนฺธา, วิ ฺ าณกขฺ นโฺ ธติ ? วิ ฺ วิ ฺ าณกฺขนฺโธ ขนฺโธ เจว วิ ฺ ากขฺ นโฺ ธ จ, อวเสสา ขนธฺ า นX วิฺ ากฺขนโฺ ธ. ปณ ณัตวิ าระ อนุโลมนัย ปฏิเสธสงั สยบทโดยใช “น” ปฏเิ สธ ปฏโิ ลม อธ.สนั (ขนธฺ า) = ขนั ธ ๕ ทง้ั หมด, อธ.สงั = รปู -๒๘.../เว./สัญ./สงั ขารขนั ธ, จิต๘๙ ๗. จงวสิ ัชนาพรอ มคําแปล และแสดงองคธ รรม ในปจุ ฉา น รปู  โลกตุ . ๘+ ๓๖ และ นิพ. บัญญัติ ดงั ตอ ไปนี้ (ไมต อ งจําแนกโกฏฐาส) ? 48 ปย รปู สาตรูป คอื โลกยี จติ ๘๑+๕๒ ๗. จงวสิ ัชนาในปจุ ฉาดงั ตอ ไปน้ี เปน บาลี แปลเปน ไทย พรอมแสดง รปู ๒๘ ทร่ี วมกนั อยู ซงึ่ เปน ทนี่ ารกั นา ยนิ ดแี ละเปน อารมณข องตณั หา น องคธ รรม ? (ไมต องจาํ แนกโกฏฐาส) ? 54 และ ... ๒๘ ทอ่ี ยโู ดยเฉพาะ ซง่ึ มี.. รปู กฺ- ขนฺโธ ข. รปู , ขนโฺ ธติ ? [P.95] 48(ก/ข), 54(ข/ข), 58(ก/ค) รปู  ปย รปู สาตรูป คอื โลกยี จติ ๘๑+๕๒ ตอบ ข. วิสัชนา อามนฺตา ใช ซง่ึ เปน ทนี่ า รกั นา ยนิ ดแี ละเปน อารมณข องตณั หาได และ  แสดงองคธรรมในอนุโลมปุจฉา รูป เปนสนั นิฏฐานบท // ขนโฺ ธ เปน สงั สยบท รปู ขนั ธ คอื รปู ๒๘ (ทอี่ ยโู ดยเฉพาะ รปู ก-ฺ ซ่ึง/ท)ี่ +มีลกั ษณะเสื่อมสิน้ แปรผนั ไป ขนโฺ ธ องคธ รรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแ ก ปยรปู สาตรูป คอื โลกีย (รปุ ปนลกั ขณะ)   ดาวนโหลดขอมูลจากขอ ความเพิ่มเตมิ ที่ youtube หรอื ท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณัติวาระในขันธยมกะ (วันแรก) 41 จติ ๘๑ เจตสิก ๕๒ รปู ๒๘ ทีร่ วมกันอยู ซง่ึ เปน ท่ีนา รกั นายนิ ดี และเปน อารมณข องตณั หา, รปู ขนั ธ คอื รปู ๒๘ ท่อี ยูโดยเฉพาะ ซง่ึ มลี กั ษณะเสอ่ื มส้ินแปรผันไป (รปุ ปนลักขณะ) องคธรรมของสังสยบท เหมอื นกัน หรอื อีกนยั หน่งึ องคธรรมของสนั นิฏฐานบท ไดแ ก ปยรปู สาตรปู คอื โลกยี จิต ๘๑ เจตสกิ ๕๒ รูป ๒๘ ซึ่งเปน ท่นี า รัก นายนิ ดี และเปนอารมณของตณั หาได, องคธ รรมของสงั สยบท รปู ขนั ธ คือ รูป ๒๘ ทีม่ ลี ักษณะเสื่อมสิน้ แปรผันไป (รปุ ปนลักขณะ) เหมือนกัน ๗. จงวสิ ชั นาเปน บาลี และแปล พรอ มแสดงองคธ รรมในปจุ ฉาดงั ตอไปนี้ (ไมตองจาํ แนกโกฏฐาส) ขนธฺ า, รปู กขฺ นฺโธติ ? [P.95-96] 43 ๖. จงวสิ ชั นาในคาํ ถามดงั ตอ ไปน้ี เปน บาลแี ละไทย รูปขนั ธ  รูปกฺขนโฺ ธ ขนธฺ า= เวทนาขนั ธ  เวทนากขฺ นฺโธ (ไมต อ งแสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฐาส) ? 44 ขนั ธ ๕ สัญญาขันธ  สฺ ากฺขนโฺ ธ ข. ธรรมทชี่ อื่ วา ขนั ธ, ชอ่ื วา รปู ขนั ธใ ชไ หม ? 44(6ข/ง) ตอบ วิสชั นา รปู กขฺ นโฺ ธ ขนโฺ ธ เจว รปู กขฺ นโฺ ธ จ, ทงั้ หมด สังขารขันธ  สงฺขารกฺขนฺโธ อวเสสา ขนฺธา น รปู กขฺ นโฺ ธ. วิญญาณขนั ธ  วิฺ าณกขฺ นฺโธ น ขนฺธา นพิ บญั ญตั ิ -- รูปขันธ ชือ่ วาขนั ธก ็ใช ช่อื วา รูปขนั ธก ใ็ ช, ขนั ธท ี่เหลือนอกน้ัน ไมช อ่ื วา รูปขันธ (หรอื อกี นัยหน่ึง) สงั ขตธรรมท่เี หลอื นอกนน้ั ชอื่ วาขันธ แตไ มช ื่อวารูปขนั ธ) (44) ในปฏโิ ลมปุจฉา องคธรรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแ ก ขันธ ๕ ทัง้ หมด องคธ รรมของสังสยบท ไดแ ก รปู ขนั ธ คือ รูป ๒๘ ที่อยโู ดยเฉพาะ ซงึ่ มีลักษณะเสอ่ื มสน้ิ แปรผนั ไป หรอื อีกนัยหนงึ่ รปู ขนั ธ คอื รูป ๒๘ ซ่ึงมลี ักษณะเสื่อมสิ้นแปรผันไป เทานั้น ๖. จงวสิ ชั นาพรอ มคําแปล (แสดง)องคธ รรมในคําปจุ ฉาดงั ตอ ไปน้ี (ไมต องจาํ แนกโกฏฐาส) ? 53, 58, 59, 63 ข. ขนธฺ า, เวทนากขฺ นโฺ ธติ ? [P.96] 53, 58(ข/ค), 59] 61, 63 ๗. จงวสิ ัชนาในคาํ ถามดงั ตอ ไปน้ี เปน บาลแี ละไทย (ไมต อ งแสดงองคธรรมและการจาํ แนกโกฏฐาส) ? 51 ข. ธรรมทช่ี อ่ื วา ขนั ธ, ชอื่ วา เวทนาขนั ธใ ชไหม ? 51(ข/ง) ๗. จงแสดงปจุ ฉาของวสิ ชั นาตอ ไปน้ี บอกดว ยวา เปน อนโุ ลมปจุ ฉา หรอื ปฏโิ ลมปจุ ฉา พรอ มทัง้ แสดงองคธ รรมของสนั นฏิ ฐานบทและสงั สยบท ? 55 ก. เวทนากขฺ นโฺ ธ ขนฺโธ เจว เวทนากฺขนโฺ ธ จ, อวเสสา ขนธฺ า น เวทนากขฺ นฺโธ [P.96] ตอบ (55) ก. ปฏโิ ลมปจุ ฉา ขนธฺ า, เวทนากขฺ นโฺ ธติ ? รปู ขันธ  รปู กฺขนโฺ ธ ตอบ (51, 53, 59] 61) ข. วิสัชนา เวทนากขฺ นโฺ ธ ขนฺโธ เจว ขนธฺ า= เวทนาขนั ธ  เวทนากขฺ นฺโธ ขันธ ๕ สญั ญาขนั ธ  สฺ ากฺขนโฺ ธ เวทนากขฺ นโฺ ธ จ, อวเสสา ขนธฺ า น เวทนากขฺ นโฺ ธ. เวทนาขนั ธ ช่อื วาขนั ธก ใ็ ช ชื่อวา เวทนาขันธก ็ใช, ทัง้ หมด สังขารขนั ธ  สงขฺ ารกขฺ นฺโธ ขันธท เ่ี หลือนอกนนั้ ไมช ื่อวาเวทนาขนั ธ หรอื แปลอีกนัยหนึง่ วญิ ญาณขนั ธ  วิ ฺ าณกขฺ นโฺ ธ สงั ขตธรรมท่เี หลือนอกนนั้ ชื่อวาขนั ธ แตไ มช อื่ วาเวทนาขนั ธ น ขนฺธา นพิ บญั ญตั ิ --  ดาวนโหลดขอ มูลจากขอความเพ่ิมเติมท่ี youtube หรือที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณตั ิวาระในขนั ธยมกะ (วนั แรก) 42 (51, 53, 55) แสดงองคธ รรมในปฏโิ ลมปุจฉา ขนธฺ า เปนสันนิฏฐานบท // เวทนากขฺ นโฺ ธ เปนสงั สยบท องคธ รรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแก ขันธ ๕ ทัง้ หมด // องคธ รรมของสังสยบท ไดแ ก เวทนาขันธ เทานัน้ ๗. จงแสดงปจุ ฉาและวิสัชนา ทง้ั อนโุ ลมปจุ ฉา ปฏโิ ลมปจุ ฉา พรอ มทงั้ คาํ แปล แสดงองคธ รรม จาํ แนกโกฏฐาส (เฉพาะในปฏโิ ลมปจุ ฉา) ในสญั ญาขนั ธยมกะ แหง สทุ ธขันธวาระ อนโุ ลม ? 44 ๗. จงวสิ ัชนาในคาํ ถามตอ ไปนเี้ ปนบาลแี ละไทยพรอมทง้ั แสดงองคธ รรม (ไมตอ งจาํ แนกโกฏฐาส) ? 45 ค. สฺ า, ขนโฺ ธติ ? [P.96-97] 45 (ค/ง) ตอบ แสดงสญั ญาขันธยมกะ แหงสุทธขันธวาระ อนุโลม ดงั น้ี รปู ขันธ รูปกฺขนโฺ ธ ขนธฺ า= เวทนาขันธ เวทนากขฺ นฺโธ อนโุ ลมปจุ ฉา สฺ า ขนโฺ ธติ ? ขันธ ๕ สญั ญาขนั ธ  สฺ ากฺขนฺโธ ธรรมที่ชื่อวา สัญญา ชอ่ื วา สญั ญาขันธใ ชไ หม ? ทัง้ หมด สงั ขารขันธ สงขฺ ารกฺขนโฺ ธ วิ ฺ าณกขฺ นโฺ ธ วสิ ชั นา อามนตฺ า ใช วญิ ญาณขนั ธ น ขนธฺ า นพิ บญั ญตั ิ -- แสดงองคธรรมในอนุโลมปุจฉา สัญญา เปนสนั นฏิ ฐานบท // ขนโฺ ธ เปนสงั สยบท องคธรรมของสนั นิฏฐานบท ไดแ ก สญั ญา คอื ทฏิ ฐเิ จตสกิ และสญั ญาเจตสกิ ที่มีสญั ชานนลักขณะ องคธ รรมของสงั สยบท เหมอื นกัน (44) ปฏิโลมปจุ ฉา ขนธฺ า, สฺ ากขฺ นโฺ ธติ ธรรมที่ชือ่ วาขนั ธชอ่ื วาสัญญาขนั ธใชไ หม ? วสิ ัชนา สฺ ากขฺ นโฺ ธ ขนโฺ ธ เจว สฺ ากขฺ นโฺ ธ จ, อวเสสา ขนธฺ า น สฺ ากขฺ นโฺ ธ. รปู ขนั ธ  รูปกฺขนฺโธ ขนฺธา= เวทนาขนั ธ  เวทนากฺขนฺโธ สญั ญาขันธ ช่ือวา ขันธก ็ใช ชอื่ วาสญั ญาขันธก ็ใช, ขนั ธ ๕ สญั ญาขันธ  สฺ ากขฺ นฺโธ ขนั ธท่เี หลอื นอกน้ัน ไมช อ่ื วาสญั ญาขันธ ทัง้ หมด สงั ขารขันธ  สงขฺ ารกขฺ นฺโธ แสดงองคธรรมและการจําแนกโกฏฐาส วญิ ญาณขันธ  วิฺ าณกขฺ นโฺ ธ น ขนธฺ า นพิ บญั ญัติ -- ในปฏิโลมปจุ ฉา ขนฺธา เปน สันนฏิ ฐานบท // สฺ ากขฺ นโฺ ธ เปนสังสยบท *องคธ รรมของสนั นฏิ ฐานบท ไดแก ขันธ ๕ ทง้ั หมด // องคธ รรมของสงั สยบท ไดแก สญั ญาขันธ เทาน้นั ฉะนั้นคาํ ถามบทนี้เปน ปริปณุ ณปญหา ถามวา ธรรมท่ชี อื่ วาขนั ธ, ชอื่ วา สัญญาขนั ธ ใชไ หม ? พระองคจ งึ ทรงแกดวยการยกเอา สัญญาขนั ธ ซึ่งเปน องคธรรมของสันนิฏฐานบทและสงั สยบทไดท ้ังสอง ขน้ึ ไวในปุรมิ โกฏฐาส ไมม กี ารปฏิเสธสงั สยบท ดงั แสดงวา สฺ ากขฺ นโฺ ธ ขนฺโธ เจว สฺ ากขฺ นโฺ ธ จ แลว ทรงยกเอา ขนั ธ ๔ ที่เหลอื (คือ รปู ขนั ธ เวทนาขนั ธ สังขารขันธ วญิ ญาณขันธ* *) ซ่งึ เปน องคธ รรมของสันนิฏฐาน บทไดบ ทเดียวข้ึนไวในปจ ฉิมโกฏฐาส มกี ารปฏิเสธสงั สยบท ดงั แสดงวา อวเสสา ขนฺธา น สฺ ากขฺ นโฺ ธ คําวสิ ัชนาในปฏโิ ลมปจุ ฉานี้ เปน สรปู ทสั สนวสิ ชั นาท่ีมวี ภิ งั คโดยออ ม *ตา งจากเฉลย ปรบั รปู แบบตามการเรียน-การสอน **ไมม ใี นเฉลย แตเ พิม่ ตามท่ีเรยี นในชน้ั ปจจุบนั น้ี สรปุ ปณณัตตวิ าระ สทุ ธขนั ธวาระ ปจ จนกิ (ชดุ ๒๐ น.๙๘-๑๐๑) ยมกะ ปจุ สนั นฏิ ฐาน, สงั สย ว.ิ อน.ุ ปรุ มิ โกฏฐาส, ปจ ฉมิ โกฏฐาส (สรปุ . ว.ิ ..ตรง) ๑. รูป น รปู , น ขนฺโธติ ? รปู ................... เปตวฺ า อวเสสา ขนฺธา น ................... Xขนโฺ ธ, ๒. เว อนุ น เวทนา, น ขนโฺ ธติ ? เว รูป / เวทนํ / สฺ  / - /วิ ฺ าณํ รูป / เวทนา / สฺ า / - /วิฺ าณํ ๓. สญั น สฺ า, น ขนโฺ ธติ ? สฺ ................... ขนเฺ ธ จ เปตวฺ า อวเสสา น เจว ................. น จ ขนโธ  ดาวนโหลดขอ มูลจากขอ ความเพ่ิมเติมที่ youtube หรือท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณตั วิ าระในขนั ธยมกะ (วนั แรก) 43 ๔. สัง น สงฺขารา, น ขนฺโธติ ? อา รูปฺจ/เวทนฺจ/สฺ ฺจ/ - /วิฺ าณจฺ รูป/เวทนา/สฺ า/ - /วิฺ าณํ ๕. วิญ น วิ ฺ าณ,ํ น ขนโฺ ธติ ? วญิ ๔. สงั ขาร = อามนตฺ า ๑. รูป น ขนธฺ า, น รปู กขฺ นโฺ ธติ ? อามนตฺ า ...... ทอี่ อกสอบ ๒. เว น ขนธฺ า, น เวทนากขฺ นโฺ ธติ ? อามนตฺ า ๓. สญั ปฏิ น ขนฺธา, น สฺ ากขฺ นโฺ ธติ ? อามนฺตา อ.ธ. นิพพาน บัญญตั ิ ๔. สงั น ขนธฺ า, น สงฺขารกขฺ นโฺ ธติ ? อามนตฺ า ๕. วญิ น ขนธฺ า, น วิ ฺ าณกขฺ นโฺ ธติ ? อามนตฺ า ๗. จงวสิ ัชนาในคาํ ถามตอ ไปน้ีเปน บาลแี ละไทยพรอ มทง้ั แสดงองคธ รรม (ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส) ? 45 (7ง/ง) ๖. จงแสดงองคธ รรมของปุจฉาบาลดี งั ตอ ไปนี้ (ไมต อ งจําแนกโกฏฐาส) ? 45 ข. น รปู  น ขนโฺ ธติ ? 45(6ข/ง) ๗. จงแสดงองคธ รรมของบาลดี งั ตอ ไปน้ี ? 46(ค/ง) ค. น รปู  น ขนโฺ ธติ ? 46(7ค/ง) ๗. จงวสิ ชั นาพรอ มคาํ แปลในคาํ ถามดงั ตอ ไปนี้ และแสดงองคธ รรม (ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส) ? 59 ข. น รปู , น ขนโฺ ธต.ิ ? ๗. จงวสิ ชั นาในคาํ ถามดงั ตอ ไปน้ี เปน บาลแี ละไทย (ไมต อ งแสดงองคธ รรมและการจาํ แนกโกฏฐาส) ? 44(6ค/ง), 51 ค. ธรรมทไ่ี มช อ่ื วา รปู , ไมช อ่ื วา ขนั ธใ ชไหม ? 44(6ค/ง), 51(ค/ง) ตอบ ข/ค/ง. วสิ ชั นา รูป เปตฺวา อวเสสา ขนธฺ า น รูป ขนโฺ ธ, รูปจฺ ขนเฺ ธ จ เปตฺวา อวเสสา น เจว รูป น จ ขนโฺ ธ. ยกเวน รูปเสียแลว ขันธที่เหลอื นอกน้ัน ไมช ื่อวา รปู แตช อ่ื วา ขนั ธ, ยกเวน รปู และขันธท ้ังหลายเสยี แลว ธรรมท่เี หลือนอกนัน้ ไมช่อื วา รูป และไมชอ่ื วาขนั ธ. (แสดงองคธ รรม) ในอนุโลมปุจฉา น รปู  เปนสนั นิฏฐานบท // น ขนฺโธ เปนสงั สยบท องคธ รรมของสันนฏิ ฐานบท ไดแก โลกตุ ตรจติ ๘ เจตสกิ ๓๖ และ นิพพาน บญั ญัติ องคธรรมของสงั สยบท ไดแ ก นิพพาน บัญญัติเทาน้ัน ๖.จงแสดงองคธ รรมในขอ ปจุ ฉาดงั ตอ ไปนี้ (ไมต องจําแนกโกฏฐาส) ? 49, 51 ค. น เวทนา, น ขนโฺ ธติ ? 49(ค/ง), 51(ค/ง) ตอบ ค. ในอนุโลมปุจฉา น เวทนา เปนสันนิฏฐานบท // น ขนโฺ ธ เปน สังสยบท องคธรรมของสนั นิฏฐานบท ไดแก จิต ๘๙ เจตสกิ ๕๑ (เวนเวทนาเจตสกิ ) รูป ๒๘ และ นพิ พาน บัญญัติ องคธรรมของสงั สยบท ไดแ ก นพิ พาน บญั ญตั ิ เทา นั้น ๗. จงแสดงปจุ ฉาของวสิ ชั นาตอ ไปน้ี บอกดว ยวา เปนอนโุ ลมปจุ ฉา หรอื ปฏโิ ลมปจุ ฉา พรอ มทง้ั แสดงองคธ รรม ของสนั นฏิ ฐานบทและสงั สยบท ? 55 ข. สฺ  เปตวฺ า อวเสสา ขนธฺ า น สฺ า ขนโฺ ธ, สฺ จฺ ขนเฺ ธ จ เปตฺวา อวเสสา น เจว สฺ า น จ ขนโฺ ธ ๗. จงวสิ ัชนาพรอ มคาํ แปลและแสดงองคธ รรมในปจุ ฉาดงั ตอ ไปน้ี (ไมต อ งจําแนกโกฏฐาส) ? 48 ข. น สฺ า, น ขนฺโธติ ? 48 (ก/ข), 58(ค/ค) ตอบ (55) ข. อนุโลมปุจฉา น สฺญา, น ขนฺโธติ ?  ดาวนโ หลดขอมูลจากขอ ความเพ่ิมเติมที่ youtube หรอื ท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มลู ยมก ปณ ณตั วิ าระในขันธยมกะ (วันแรก) 44 ตอบ (48) ข. วสิ ชั นา สฺ ํ เปตฺวา อวเสสา ขนธฺ า น สฺ า ขนโฺ ธ, สฺ จฺ ขนฺเธ จ เปตวฺ า อวเสสา น เจว สฺา น จ ขนโฺ ธ ยกเวน สญั ญาเสยี แลว ขันธท ี่เหลือนอกนน้ั ไมช ือ่ วา สญั ญา แตชอ่ื วา ขนั ธ, ยกเวนสญั ญาและขันธทงั้ หลายเสียแลว ธรรมที่เหลือนอกนั้น ไมช ื่อวา สญั ญา และไมช ่อื วา ขันธ (48, 55) แสดงองคธ รรมในอนโุ ลมปุจฉา น สฺ า เปน สนั นิฏฐานบท // น ขนฺโธ เปน สังสยบท องคธรรมของสันนฏิ ฐานบท ไดแก จิต ๘๙ เจตสิก ๕๐ (เวนทฏิ ฐเิ จตสิก สญั ญาเจตสิก) รปู ๒๘ และ นิพพาน บัญญตั ิ องคธรรมของสังสยบท ไดแ ก นพิ พาน บัญญัติ เทานน้ั ๖. จงแสดงองคธ รรมของปุจฉาบาลดี งั ตอไปน้ี (ไมตอ งจําแนกโกฏฐาส) ? 45 ค. น สงขฺ ารา, น ขนโฺ ธติ ? 45(ค/ง) ตอบ ค. องคธรรมของสันนิฏฐานบท ไดแ ก นพิ พาน บญั ญัติ // องคธรรมของสงั สยบท เหมอื นกัน ๗. จงวสิ ัชนาบาลคี ําแปลและแสดงองคธ รรมในปจุ ฉาดงั ตอไปน้ี (ไมต อ งจําแนกโกฏฐาส) ? 47 น วิ ฺ าณ,ํ น ขนโฺ ธติ ? 47 ๗. จงแสดงองคธ รรมของบาลดี งั ตอ ไปนี้ ? 46 ง. น วิ ฺ าณ,ํ น ขนโฺ ธติ ? 46(6ง/ง), 46(ง/ง) ๗. ก. จงตง้ั ปจุ ฉา และวสิ ชั นา ทงั้ บาลแี ละคําแปล แสดงองคธ รรม ในสทุ ธขนั ธวาระ ปจ จนกิ นยั แหง วญิ ญาณกั ขนั ธยมกะ เฉพาะอนโุ ลมปจุ ฉา (ไมต องจาํ แนกโกฏฐาส) ? 62 ตอบ (62) อนโุ ลมปุจฉา น วิ ฺ าณ,ํ น ขนฺโธติ ? ธรรมทไี่ มช่ือวา วิญญาณ, ไมช ือ่ วาขนั ธ ใชไหม ? ตอบ วิสชั นา วิฺ าณํ เปตวฺ า อวเสสา ขนฺธา น วิฺ าณํ ขนฺโธ, วิฺ าณจฺ ขนเฺ ธ จ เปตฺวา อวเสสา น เจว วิ ฺ าณํ น จ ขนฺโธ. ยกเวน วิญญาณเสียแลว ขันธท ่เี หลอื นอกนนั้ ไมช่ือวาวิญญาณ แตช อ่ื วาขนั ธ ยกเวน วญิ ญาณและขันธท งั้ หลายเสยี แลว ธรรมที่เหลอื นอกนนั้ ไมชอ่ื วา วิญญาณ และไมชอ่ื วาขันธ แสดงองคธรรมในอนโุ ลมปจุ ฉา น วิฺ าณํ เปน สันนฏิ ฐานบท // น ขนโฺ ธ เปนสังสยบท องคธ รรมของสันนิฏฐานบท ไดแก ขันธ ๔ คอื เจตสิก ๕๒ รูป ๒๘ และ นิพพาน บัญญัติ องคธ รรมของสังสยบท ไดแ ก นพิ พาน บัญญตั ิ เทา นั้น ๗. จงวสิ ัชนาในปจุ ฉาดงั ตอ ไปนี้ เปน บาลี แปลเปนไทยพรอมแสดงองคธรรม ? (ไมต อ งจาํ แนกโกฏฐาส) ? 50, 56 ข. น ขนธฺ า, น รปู กขฺ นโฺ ธติ ? 50, 56 ตอบ ข. วิสชั นา อามนตฺ า ใช แสดงองคธ รรมในปฏโิ ลมปุจฉา น ขนฺธา เปน สันนฏิ ฐานบท // น รปู กขฺ นโฺ ธ เปนสังสยบท องคธรรมของสันนิฏฐานบท ไดแก นิพพาน บญั ญัติ // องคธ รรมของสงั สยบท เหมอื นกัน ๖. จงแสดงองคธ รรมในขอ ปุจฉาดงั ตอ ไปน้ี (ไมตอ งจาํ แนกโกฏฐาส) ? 49, 51 ง. น ขนธฺ า, น สงฺขารกขฺ นโฺ ธติ ? 49(ง/ง), 51(ง/ง)  ดาวนโ หลดขอ มูลจากขอความเพ่ิมเตมิ ท่ี youtube หรือท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓

มูลยมก ปณ ณตั วิ าระในขันธยมกะ (วันแรก) 45 ตอบ ง. ในปฏโิ ลมปจุ ฉา น ขนธฺ า เปนสนั นฏิ ฐานบท // น สงขฺ ารกขฺ นโฺ ธ เปนสังสยบท องคธ รรมของสันนิฏฐานบท ไดแก นิพพาน บัญญัติ // องคธรรมของสงั สยบท เหมือนกัน ๗. จงแสดงองคธ รรมของบาลดี งั ตอ ไปน้ี ? 46 ข. น ขนฺธา, น วิ ฺาณกขฺ นโฺ ธติ ? 46(ข/ง) ตอบ ข. องคธ รรมของสนั นิฏฐานบท ไดแ ก นิพพาน บญั ญตั ิ // องคธรรมของสังสยบท เหมอื นกนั ๗. ข. องคธ รรมของจกั กวภิ าคนยั ในคาํ ถามดังตอ ไปน้ี ไดแ กอะไรบาง ? 62 ตอบ ก. ธรรมท่ีชื่อวา รปู ขันธ อยา งเดยี ว ไมช อื่ วา รปู ? ก. ไมมี ข. ธรรมทไ่ี มช อ่ื วา รปู , และ ไมช อ่ื วา รปู ขันธ ? ข. โลกตุ ตรจิต ๘ เจตสกิ ๓๖ นิพพาน บญั ญัติ ค. ธรรมทช่ี อ่ื วา เวทนาขนั ธอ ยา งเดยี ว ไมช อ่ื วา เวทนา ? ค. ไมมี ง. ธรรมทชี่ อื่ วา สญั ญาอยางเดยี ว ไมช ือ่ วา สญั ญาขนั ธ ? ง. ทิฏฐิเจตสิก จ. ธรรมทช่ี อื่ วา สงั ขาร และ ชอ่ื วา สงั ขารขนั ธ ? จ. เจตสกิ ๕๐ ท่ีเปนสังขารขันธ ฉ. ธรรมทชี่ อื่ วา วญิ ญาณขนั ธอ ยา งเดยี ว ไมช อื่ วาวญิ ญาณขนั ธ ? ฉ. ไมม ี **************************** สง่ิ ทส่ี ําคัญคอื การเขาเรียน-ศึกษากับอาจารยผูสอน เพ่ือความรู ความเขาใจที่ถกู ตอ ง แจม แจง หากสงสยั จะไดสอบถามทันที การรวบรวม ขอสอบที่เคยออกมาแลวน้ี เปน เพียงแนวทางสําหรบั ผูศึกษา นาํ มาเนน +ทรง จาํ ไว (หากความสามารถมากกวาน้ี หรือใสใ จ ก็ควรจะทรงจําใหไ ดทั้งหมด จึงจะช่อื วา สุตะดวยดี เพื่อการจนิ ตาและภาวนาตอไป) การสอบไมใ ชท ่ีสุดของชีวิต แตข อใหตั้งจิตศกึ ษาและทรงจาํ เพอ่ื ธํารงและรักษาไวซ ึ่งพระศาสนา รอู รรถะและพยญั ชนะ ท้งั เขา ใจและเขา ให ถงึ ธรรมะ แมยังมบิ รรลุคณุ ธรรมอันสูงถงึ ขน้ั อริยะ ก็ขอจงเปน ผูร ธู รรมะ (ตามสมควร) และจงเปนผูม ธี รรมะ วายเมเถว ปรุ โิ ส ยาว อตถฺ สสฺ นิปปฺ ทา เกดิ เปน คนควรจะพยายาม จนกวา จะประสบความสาํ เรจ็ สาํ เนาหรือแจกไดโ ดยไมต องขออนุญาต (สงวนสิทธิห์ ากนําไปจําหนา ย) ผดิ ตกขออภยั และกรณุ าแจง (จักขอบพระคณุ ) ที่ 081-860-2466 (Line ID), E-mail: [email protected], [email protected] ดาวนโ หลดขอ มลู จากขอ ความเพ่มิ เตมิ ที่ youtube หรือที่ Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว) ขออนุโมทนาในการศกึ ษาธรรมะ และทกุ ๆกศุ ลทที่ า นกระทําไวดีแลว และทีจ่ ะกระทาํ ในอนาคต ใหเรานั้นมีปจ จยั ถึงพรอมเพ่ือการทํากศุ ลใหสําเรจ็ โดยสะดวก งายดาย และเร็วไว จนถึงมัคคกศุ ล โดยเร็วพลันเทอญ  ดาวนโหลดขอมูลจากขอความเพิ่มเตมิ ที่ youtube หรือท่ี Line/fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๙ มี.ค. ๖๓