- 49 - ๓) สกั กายทิฏฐทิ ี่เกดิ ขึ้นโดยอาศัยสัญญาขนั ธเปน อารมณ มี ๔ คอื ๑. สฺ อตตฺ โต สมนปุ สสฺ ติ เห็นวา การจาํ อารมณเปนเรา เราคือการจาํ อารมณ (เขาใจวา เรากับการจาํ อารมณเปน อนั เดียวกัน) ๒. สฺาวนฺตํ วา อตฺตานํ เห็นวา เรามกี ารจําอารมณ ๓. อตตฺ นิ วา สฺ เห็นวา การจาํ อารมณอยูใ นเรา (เขาใจวา เรากบั การจาํ อารมณเปน คนละอนั และอปุ มาเหมือนรูปขนั ธ) ๔. สฺาย วา อตฺตานํ เห็นวา เราอยใู นการจาํ อารมณ ๔) สักกายทิฏฐิที่เกิดข้ึนโดยอาศัยสงั ขารขันธเปนอารมณ มี ๔ คอื ๑. สงขฺ าเร อตฺตโต สมนุปสสฺ ติ เห็นวา การปรงุ แตง ในอารมณเปน เรา เราคือการปรุงแตง ในอารมณ (เขาใจวา เรากับการปรงุ แตง ในอารมณเ ปน อนั เดยี วกัน) ๒. สงฺขารวนฺตํ วา อตฺตานํ เหน็ วา เรามีการปรงุ แตงในอารมณ ๓. อตตฺ นิ วา สงฺขารา เห็นวา การปรุงแตง ในอารมณอ ยใู นเรา (เขา ใจวา เรากับการปรุงแตงในอารมณเปน คนละอนั และอปุ มาเหมือนรูปขนั ธ) ๔. สงขฺ าเรสุ วา อตฺตานํ เห็นวา เราอยใู นการปรุงแตงอารมณ ๕) สักกายทิฏฐิท่เี กดิ ข้ึนโดยอาศัยวญิ ญาณขนั ธเปนอารมณ มี ๔ คือ ๑. วิ ฺ าณํ อตฺตโต สมนปุ สฺสติ เหน็ วา การรอู ารมณเปนเรา เราคือการรูอ ารมณ (เขา ใจวา เรากบั การรอู ารมณเปนอนั เดยี วกัน) ๒. วิฺ าณวนตฺ ํ วา อตตฺ านํ เหน็ วา เรามีการรอู ารมณ ๓. อตตฺ นิ วา วิ ฺ าณํ เหน็ วา การรอู ารมณอยูในเรา (เขา ใจวา เรากบั การรูอารมณเปน คนละอัน และอปุ มาเหมอื นรูปขันธ) ๔. วิฺาณสมฺ ิ วา อตฺตานํ เหน็ วา เราอยใู นการรูอารมณ * ความยึดมั่นวา เปน อตั ตะ นี้ มี ๒ อยา ง คอื ( น.๘๘ - ๙๒ ) ๑) ปรมอัตตะ - ความยึดม่ันวา อัตตะนี้ สามารถสรา งโลกขึ้นได บรรดาสิ่งมีชีวติ และไมม ีชีวติ ทงั้ หลายท่ีปรากฏอยใู นโลกทุกวนั น้ีกล็ ว นแตเ กดิ มาดว ยอํานาจของอตั ตะทงั้ สน้ิ ๒) ชวี อัตตะ - ความยดึ มั่นวา บรรดาสัตวท้ังหลายที่อยูในโลกน้ี มตี ัวมตี น คอื มีชีวติ รักษาอยู ๑. การกะ - ผูกระทํา ชวี อัตตะ (ตวั ชวี ิต) เปน ผูสั่งใหรางกายสตั วทงั้ หลายกระทาํ การตางๆ ๔. นิวาสี - อยูเปนนจิ รางกายสตั วท้ังหลายเสยี ไป แตชีวอัตตะนี้ไมเสยี สามารถสรา งรางกายใหมอ ยูไ ดเ ร่อื ยไป ๒. เวทกะ - ผูเสวย ชวี อัตตะน้ี เปน ผเู สวยผลที่เกดิ จากกรรมดี กรรมชวั่ สขุ ทุกข เจบ็ ปวด ๕. สยํวสี - ผูสามารถบงั คับรางกายได ชีวอัตตะมอี ํานาจในรางกายของสัตวทัง้ หลาย ๓. สามี - เปน เจา ของ ชวี อตั ตะน้ี เปนเจาของรา งกายของสตั วท งั้ หลาย ๖. วสวัตตนะ - ผูมอี ํานาจพเิ ศษ ผมู คี วามเหน็ ๔ + ๕ เขาใจวา ชีวอตั ตะนีเ้ ปนแกนเปน สารมน่ั คงทส่ี ุด ไมม ีสิ่งใดมาทําลาย ใหส ญู เสยี ได และมีอาํ นาจพิเศษบังคับรางกายของสัตวทง้ั หลายใหทาํ ไปตามประสงคของตน รูปขันธ วญิ ญาณ --> เวทนาขันธ, สัญญาขนั ธ, สังขารขันธ ๔.นวิ าสี - อยเู ปน นจิ (ท้งิ รา งเกาหารางใหม) * ความตางกันระหวาง ตัณหา กับ กามุปาทาน ตัณหา กามปุ าทาน ปฏิ ..ฯลฯ .. ภ ตี น ท ป จัก สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ..ฯลฯ .. จุติ ปฏิ - วาโดยอารมณ ( ท่เี ปนวัตถุกาม ๕๔, ๕๒, ๒๘ ) - มีความยนิ ดใี นอารมณ ๖ - มีความยึดมน่ั ในอารมณ ๖ ๓.สามี - ผเู ปนเจาของ ๒.เวทกะ - สขุ ทุกข อุเบกขา - วาโดยกาํ ลงั - โลภมกี ําลงั นอ ย - โลภมีกาํ ลังมาก ๕.สยํวสี ๑.การกะ ๒.เวทกะ จิตตชรูป, กาย., วจี. - วาโดยธรรมท่เี ปนปฏปิ กษ - ธรรมตรงขา ม \"อปั ปจฉตาคณุ \" - ธรรมตรงขาม \"สันโตสคณุ \" ๑.การกะ - ผกู ระทาํ ผทู ป่ี รารถนานอย พอใจในสิ่งท่ีมอี ยู ๖. วสวตั ตนะ (ขอ ๔ + ๕ ) - วาโดยเหตแุ หง ทุกข - เปนปรเิ ยสนทกุ ข (แสวงหา ) - เปน อารักขทกุ ข ( รกั ษาไว )
- 50 - ๑) ตณั หา เปนปจ จยั ให กามปุ าทาน เกดิ กรณีพระโพธสิ ตั ว > วันแรก > คืนวันแรก > ๖ วนั ๖ คืน ตอ มา รูปายตนะ รปู ตณั หา รูปกามุปาทาน นางมุทลุ กั ขณา จกั ขุสมั ผสั สชาเวทนา จกั ขสุ มั ผัสสะ ธมั ม ธมั มกามุปาทาน ภ ตี น ท ป จัก สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ชต ต ภ... ภ ตี น ท ป จกั สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ภ... ภ น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ภ... โลภ = ตัณหา โลภ = กามุปาทาน โลภะ = ตณั หา โลภ = กามุปาทาน จักขายตนะ (กาํ ลงั นอ ย) (กําลังนอ ย) (เกดิ กอน) (เกิดหลงั ) ของพระโพธสิ ัตว ๒) ตณั หา เปนปจ จยั ให ทิฏุปาทาน เกิด * แสดงลักษณะ รส ปจจปุ ฏ ฐาน ปทัฏฐาน ของ อปุ าทาน ( น.๑๑๐ ) กามปุ าทาน - ไมพ รอ ม [๑] คหณลกขฺ ณา - มกี ารยึดไวเปน ลกั ษณะ ตัณหา ทฏิ ปุ าทาน - พรอมก็มี ( สหชาต.) / ไมพรอมกม็ ี (ปกต.ู ) [๒] อมฺุจนรสา - มีการไมป ลอ ยเปนกจิ [๓] ตณหฺ าทฬฺหตตฺ ทฏิ ฐ ิปจจฺ ุปฏ านา - มตี ัณหาท่มี กี ําลงั อยา งมั่นคงและมคี วามเหน็ ผดิ อ.ธ. = โลภเจ. อ.ธ. = ทฏิ ฐเิ จ. ที่นอกจาก สลี ัพพตุทิฏฐิ + อตั ตวาทฏิ ฐิ เปน อาการปรากฏในปญญาของบัณฑิตทัง้ หลาย ๑. อาศยั ตณั หาภายนอกตน --> ใหต ณั หาภายในเกิด คือ โลภ + ทฏิ ฐิ เกิดพรอ มกันได [๔] ตณหฺ าปทฏานา - มีตณั หาเปน เหตุใกล ตัณหา ทฏิ ุปาทาน ๒. อาศยั ตัณหาภายในตน --> ใหตัณหาภายในเกิด คอื โลภ + ทฏิ ฐิ (ขนั ธสันดาน / อนุสยั กิเลส) ๓) ตัณหา เปน ปจจัยให สีลัพพตุปาทาน เกิด * อํานาจปจ จยั นาม. ---> นาม. ตัณหา --> สลี ัพพตปุ าทาน --> พรอ มก็มี (สหชาต.) / ไมพรอ มก็มี (ปกต.ู ) ตัณหา ---> กามุปาทาน อ.ธ. โลภเจ. ทิฏฐิ.๑๐ ---> ทิฏุปาทาน > ไมพ รอม ( ตณั หาเกิดกอนๆ -> กามุ.เกดิ หลงั ๆ ) ---> สีลพั พตุปาทาน = อํานาจปจ จยั ปกตปู นิสสยปจจัย เชน อยากไปเกดิ ในเทวภูมิ --> ปฏบิ ตั ิผดิ --> อตั ตกลิ มถานุโยค / กามสุขัลลกิ านโุ ยค ---> อัตตวาทปุ าทาน > พรอม = สหชาต. ๗ ปจจยั เปน อกุศลกรรมใหม > ไมพรอม = ปกตูปนิสสยปจ จัย ๔) ตณั หา เปนปจ จยั ให อตั ตวาทปุ าทาน เกดิ สักกายทฏิ ฐิ / สามญั ทิฏฐิ เปนพืชพนั ธข องทฏิ ฐิท้งั ปวง ๗๕ อยา ง
- 51 - ๐ คาถาท่ี ๓ องคป ฏจิ จสมปุ บาท กับชาตปิ จจัย อวิชช1า สังขาร 2วิญญาณ3นามรปู 4สฬายตนะ5 ผัสสะ 6เวทนา7 ตัณหา 8อุปาทาน9ภวะ ชาติ 11ชรา มรณะ เพื่อความเขา ใจยง่ิ ข้นึ ใหด ูประกอบกบั หนงั สอื หลกั สูตรในแตละคู สห. สห. สห. สห. สห. สห. สห. อา. วตั ถุ. วัตถุ. อา. อา. อนนั . ปจ . อนนั . อนนั . ปกตู. ปกตู. ปกต.ู หา. ปกต.ู ปกต.ู ปกตู. ปกตู. ปกต.ู นานัก. รูป. นานกั . 12 3 4 อวชิ ชา สงั ขาร วิญญาณ นาม - รปู สฬายตนะ ๑. ๒.เหตุ ๓.กํ.หา มนายตนะ ( ปกตู., นานัก. ๒ ปจ.) นา ปญจายตนะ ขอ. ๑-๘ (สห.๔,อัญ,ปา,สํ, ล= ๔.หา ๕.ฌา. ๖.อนิ = ๑๓ ปจ.) รปู ขอ. ๙ (สห.ญ๔, ปา,วิป.= ๖ ปจ.) ๗.อนิ .มัค. ๘.อนิ .ฌา.มคั . โมหะ ปุญ. ปฏ.ิ วญิ . เจ.๓๕ ปฏ.ิ กํ ปวตั ติกํ มนายตนะ ปฏ.ิ ปวัตติ. ขอ . ๑๐ (ปจฉา. = ๔ ปจ.) อปุญ. กมั ม- หทย. ๒,๖,๓ ปญจายตนะ อาเนญ. วิญญาณ ปฏิ. ขอ. ๑๑ (สห.ญ๔, อัญ,วิป.= ๖ ปจ.) ปวตั ต.ิ หทย. ปญ จโว.๑๘ ขอ. ๑๒ (วัตถุปุเร. = ๕ ปจ. เวน ปเุ รชาตนิ .) ( ปกต.ู ๑ ปจ.) ขอ . ๑ ขอ . ๒ ขอ . ๓ ( ๔ ชาติ. ๑๕ ปจ.) (สห.๔,อัญ.ปา.สํ. + ๒) (สห.๔,ปา.วิป. + ๒) ปญ จา.ทว.ิ ๑๐ ขอ . ๑๓ (วตั ถปุ เุ ร. = ๖ ปจ.) ( อา.,ปกต.ู ๒ ปจ.) กมั มชมหาภูต. (สห.๔,อัญ.ปา.ว.ิ + ๒) ขอ. ๑๔ (สห.ญ๔ ปจ.) รูปชีวติ นิ ทรยี . ขอ . ๑๕ (รปู ชีวิต. = ๓ ปจ.) (ปกตู. วา โดยพระสูตร) ขอ . ๔ กมั มชโอชา. ขอ. ๑๖ (อาหาร. = ๓ ปจ.) 6 ผสั สะ (สห.) เวทนา 7 เวทนา ตัณหา ไมพรอม + ไมน ึก, เกิดกอนนานๆ = ขอ ๔ ปกต.ู จกั ขสุ ัมผัสสชาเวทนา ตัณหา ( ปกตู.) จกั ขสุ ัมผสั สะ อุปาทาน.๔ กมั มภวะ อุปปตติภวะ ภ ตี น ท ป จกั สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ...ฯลฯ... ม ช ช ช ช ช ช ช ม ช ช ช ช ช ช ช ม ช ช ช ช ช ช ช ...ฯลฯ... จุติ ชาติ ชรา มรณะ มนายตนะ --> มโนสมั ผสั สะ ตัณหา --> ทฏิ ฐิ ๓ (เวน กามุ.) กามปุ าทาน + ทฏิ ฐิ อุปาทาน.๔ + อกุ./ ก.ุ กมั ม. ( ปกต.ู , นานัก. ๒ ปจ.) ปกตู.โดยพระสตู ร ขอ ๓ (สห. ) ขอ ๒ ( สห.๗-แบบเหต)ุ ขอ ๑, ๓ ( ปกต.ู -ไมนกึ ) พรอ ม ขอ ๑ สห.๗ แบบเหตุ โดยอารมณ จักขายตนะ ขอ ๑, ๒ ( วัตถปุ ุเร.) +อนัน.เพมิ่ +อารัม.- นกึ เพ่ิม พรอ ม ขอ ๒ สห.๗ แบบมัคค - สามญั ขอ ๕ ตดิ ตอกนั ขอ ๓ อนัน. ๖ ปจ. - อธบิ ดี ขอ ๖ 5 สฬายตนะ ผสั สะ 8 ตัณหา อปุ าทาน ( ๓ ขอ เพม่ิ ๒ ) 9 อุปาทาน ๔ ภวะท้ัง ๒ ภวะ ชาติ ชรามรณะ 11 (สห., วตั ถปุ ุเร.) - กามุปาทาน > ไมพรอ ม =ปก.+อารัม. ( ๖ ขอ ) - อปุ าทาน.๓ > พรอ ม =สห.+อนัน. > ไมพ รอม =ปก.+อารมั .
- 52 - ๐ จิตดวงเดียว ( น. ๑๘๐ - ๑๘๒ ) การแสดงปฏจิ จสมปุ บาทธรรมของพระสมั มาสัมพุทธเจา มอี ยู ๒ นัย ๑) สตุ ตนั ตภาชนยี นยั ( พระสูตร วาโดย ปคุ คลาธษิ ฐาน ) ๒) อภธิ รรมภาชนยี นัย ( พระอภธิ รรม วาโดย ธมั มาธิษฐาน ) แสดงถึงความเปนไปแหงปฏิจจสมุปบาท แสดงถงึ ความเปน ไปแหงปฏิจจสมปุ บาท - ในจติ ดวงเดยี ว ชือ่ วา เอกจิตตกั ขณกิ ปฏจิ จสมปุ บาท ( เอก + จติ ต + ขณกิ + ปฏจิ จสมปุ บาท ) - ในจิตหลายดวง ชอ่ื วา นานาจติ ตกั ขณกิ ปฏจิ จสมปุ บาท - ศึกษาในปจ จบุ ันเพียงอยา งเดยี ว ( ละอดีต ละอนาคต ) - ขา มภพขา มชาติ เวียนวา ยตายเกดิ - ประโยชนท ่ไี ดร ับ เปน ปญญาขนั้ วปิ ส สนาญาณ - มกี ารแสดงแบง ออกเปน ๓ บท คือ - เนื้อหาทเ่ี รยี นในบาลี ๑๐ บท คอื ๓, ๑๒, ๒๐, ๓, ๔, ๓, ๒ ๑. อกศุ ลบท ๒. กุศลบท ๓.อพยากตบท - ประโยชนทีไ่ ดรบั เปน ปญญาขน้ั กัมมสกตาญาณ - มกี ารแสดงแยกเปน ๔ นยั คือ ๑. จากตน ไปหาปลาย ๓. จากปลายไปหาตน ๒. จากกลางไปหาปลาย ๔. จากกลางไปหาตน ๐ การลดองค ในจติ ดวงเดยี ว อุปปตตภิ วะ - องคในปฏจิ จ. โดยพระสูตร = อวิชชา สังขาร วิญญ. นามรปู สฬาย. ผสั สะ เวทนา ตัณหา อปุ า. กัมมภวะ ชาติ ชรามรณะ - องคในปฏิจจ. โดยพระอภธิ รรม (จติ ดวงเดียว ) = นามํ ฉฏฐายตนํ ๑) เหตผุ ลท่ีพระองคทรงแสดงเพียง \" นามํ \" เพราะตองการแสดงในภูมิท้ังหมด ( ปญ โวการภูมิ และจตุโวการภูมิ ) ขณะ ๒) ไมท รงแสดงรูป เพราะ รปู ๑ รูป มีอายุ = จติ ๑๗ ดวง หน่งึ ๆ ๓) ในจติ ดวงเดยี ว เมอื่ ตอ งการแสดง \" นาม \" อยางเดยี ว สฬายตนะ จงึ ตองลดลงแสดงเพยี งอายตนะท่ี ๖ คือ \" มนายตนะ\" เทาน้ัน ชาติ ชรา มรณะ นามรูป ---> สฬายตนะ คอื อายตนะท้ัง ๖ ( จักขายตนะ --> มนายตนะ ) นามํ ---> ฉัฏฐายตนะ คือ อายตนะท่ี ๖ ( มนายตนะ ) ๔) ไมท รงแสดง อนฏิ ฐผล ๕ เพราะ ในอภธิ รรม ๑. ในจติ ตกั ขณกิ ะ ขณะหนึ่งๆ นนั้ อนิฏฐผล ๕ เกิดไมไ ด ๒. ในจิตดวงหน่ึงๆ สน้ิ สดุ ตรงชาติ ชรา มรณะแลว สาํ หรบั อนิฏฐผล ๕ เปน จิตดวงใหม เปนคนละดวงกัน ๓. ไมเกิดกบั บคุ คลและภมู ทิ ว่ั ไป
- 53 - ๐ การเปลย่ี นองค ในจติ ดวงเดยี ว อปุ ปต ตภิ วะ - องคในปฏิจจ. โดยพระสตู ร = อวชิ ชา สังขาร วิญญ. นามรูป สฬาย. ผสั สะ เวทนา ตณั หา อุปา. กมั มภวะ ชาติ ชรามรณะ - องคใ นปฏิจจ. โดยพระอภธิ รรม (จติ ดวงเดียว ) = ( ๑ ) องคไมเปลี่ยนในจิตดวงเดยี ว (๔) อุปปตตภิ วะ(ในปจ จบุ ัน) ใช จติ ตปุ บาท = จิต.+เจ. กุศลมลู ๓,๒ (๓) อก.ุ (-วิจ)ิ , ก,ุ อัพ. ใช อธโิ มกขเ จตสกิ (๒) อกุศลบท -โทส. ใช ปฏิฆะ ( โทสเจตสิก ) ( อโลภะ อโทสะ อโมหะ ) ใช วจิ ิกจิ ฉาเจตสิก - วจิ กิ จิ ฉา. ใช อทุ ธจั จเจตสิก - อุทธัจจ. ใช ปสาทะ ( ศรทั ธาเจตสกิ ) กุศลบท + อัพยากตบท ( ๑ ) ถาแสดงใน กศุ ล ๒๑ ใช กุศลมลู ๓ (ติเหตุ) / ๒ (ทวเิ หตุ) แทน องคอ วิชชา ** องค ๑๒ นนั้ แสดง เจตสิก ๗ องค ( อวชิ ., สงั ขาร, นาม,ํ ผัสส, เวทนา, ตณั หา, อปุ าทาน ) จิต ๒ องค ( วญิ ญาณ, ฉัฏฐายตนะ ) โทสมูลจติ ๒ ใช ปฏฆิ เจ.(โทสเจ.) จติ +เจ. ๑ องค ( กมั มภวะ ) ( ๒ ) ถา แสดงใน อกศุ ลบท วิจิกิจฉา. ใช วิจิกจิ ฉาเจ. แทน องคต ณั หา อทุ ธัจจ. ใช อุทธจั จเจ. ถา แสดงใน กศุ ลบท, อัพยากตบท ใช ปสาทะ (ศรัทธาเจ.) ** ถายก เจตสิกหลายๆ ดวง เปน อยา งสามญั ( น. ๑๘๒ ) ( ๓ ) ถาแสดงในอุปาทาน ๓ (-กามุ ) ใช อธิโมกขเจ. แทน องคอปุ าทาน ** ถา ยก เจตสิกดวงเดียว เปนอยางพเิ ศษ สัม วปิ - สงั ขาร เปนเหตพุ เิ ศษ ของวิญญาณ / วญิ ญาณ เปน ผลพเิ ศษ ของสังขาร เปนผลสามัญ ของวญิ ญาณ มที ฏิ ฐิจงึ มีในอปุ .๓ ไมมีทฏิ ฐิจงึ ไมม ีในอปุ .๓ แตมี โลภะ - วญิ ญาณ เปน เหตุสามัญ ของนาม / นาม เปนผลสามัญ ของนาม ยินดี + ยดึ มนั่ ปฏฆิ ะ เปนผลพเิ ศษ ของฉฏั ฐายตนะ - นาม เปนเหตสุ ามัญ ของฉัฏฐายตนะ / ฉฏั ฐายตนะ เวน อธโิ มกข - ฉัฏฐายตนะ เปน เหตพุ เิ ศษ ของผัสสะ / ผสั สะ แลว เกิด อธโิ มกข **จติ ดวงเดยี ว แตม ีการแสดงจติ ไว ๒ หน คือ วิญญาณ และฉฏั ฐายตนะ เพราะมีหนา ท่ีตา งกนั เมอ่ื จิตดวงหน่ึงเปนพเิ ศษ จติ อกี ดวงจะเปน สามญั สลบั กนั ทัง้ เหตแุ ละผล ( ๔ ) อปุ ปต ติภวะ ( ในปจ จุบนั ) ใช จิตตุปบาท แทน องคก ัมมภวะ จงึ ตองแสดงไว ๒ หน
- 54 - ๐ อกศุ ลบท ในจติ ดวงเดียวจําแนกได ๕ แบบ ( ตามการสัมปยตุ ต ) * ตวั อยางแบบที่ ๑ ทิฏฐคิ ตสัมปยุตต. - แบบที่ ๑ มี ๑๒ องค ไมเ ปล่ยี น วญิ ญาณ, ฉฏั ฐายตนะ ๑๒ ๕๖ ทฏิ ฐคิ ตวิปปยุตต. - แบบที่ ๒ มี ๑๒ องค เปลีย่ น ๑ ( อุป. --> อธโิ มกข ) เจ.๒๑ = นาม ปฏฆิ สมั ปยุตต. - แบบที่ ๓ มี ๑๒ องค เปลยี่ น ๒ ( ตัณหา --> ปฏิฆะ., อปุ . --> อธโิ มกข ) ผสั . เว. สัญ. เจต. เอ. ชวี ิ. มน. ๑) อกุสลา ธมมฺ า วติ ก วจิ าร อธิ. วริ ิ. ปติ ฉันทะ ๒) วา โดย เวทนา ๑, ๒ = โสม., ๕, ๖ = อเุ บกขา วจิ ิกจิ ฉาสัมปยุตต.- แบบที่ ๔ มี ๑๑ องค เปล่ียน ๑ ( ตณั หา --> วจิ กิ จิ ฉา. ) ๓) วาโดยอสงั ., สสัง. ๑, ๕ = อสงั ., ๒, ๖ = สสงั . ขาด ๑ คอื อปุ าทาน เพราะวจิ กิ จิ ฉา.ไมเกดิ อธโิ มกข จึงไมมี อุปาทาน โม. อห.ิ อโน. อทุ ธจั . ๔) วา โดยสัม.,วปิ . ทงั้ ๔ เปน ทิฏฐิคตสัมปยตุ ต. โลภ ทิฏฐิ ถีทกุ . ๕) วาโดยอารมณ มีรูปารมณ ---> ธมั มารมณ อทุ ธัจจสมั ปยตุ ต. - แบบท่ี ๕ มี ๑๒ องค เปลย่ี น ๒ ( ตณั หา --> อทุ ธจั จ., อุป. --> อธโิ มกข ) ชาติ ชรา มรณะ อวิช. สงั ขาร วิญ. นาม ฉฏั ฐา. ผสั . เว. ตณั หา อุป. ภว. ชาติ ชรามรณ องค กมั มภวะ = อปุ ปตติภวะ = จิตตุปบาท (จติ +เจ) ท.ิ สํ.๔ ๑๒ ทิ.วิ.๔ อธิ. ๑๒ โท.๒ ปฏฆิ . อธิ. ๑๒ อวิช. สังขาร วิญ. นาม. ฉฏั ฐา. ผัส เว. ตัณ อุป. กมั ม. ชาติ ชรามรณะ วิจ.ิ ๑ วิจิ. - - ๑๑ อุท.๑ อทุ . อธ.ิ ๑๒ = โมห. เจต. วิญ. เจ.๒๑ ฉฏั ฐา. ผัส เว. โลภ ทิฏฐ.ิ ภวะ. ทฏิ ฐคิ ตสัมปยุตต.๔ ทฏิ ฐิคตวปิ ปยุตต.๔ ปฏิฆสัมปยุตต.๒ วิจิกจิ ฉาสัมปยตุ ต.๑ อทุ ธัจจสัมปยตุ ต.๑ วญิ ญาณ, ฉัฏฐายตนะ วญิ ญาณ, ฉฏั ฐายตนะ วิญญาณ, ฉฏั ฐายตนะ วญิ ญาณ, ฉฏั ฐายตนะ วญิ ญาณ, ฉฏั ฐายตนะ เจ.๒๑ = นาม เจ.๒๑ = นาม เจ.๒๒ = นาม เจ.๑๕ = นาม เจ.๑๕ = นาม ผัส. เว. สญั . เจต. เอ. ชีว.ิ มน. ผัส. เว. สัญ. เจต. เอ. ชวี .ิ มน. ผัส. เว. สญั . เจต. เอ. ชวี ิ. มน. ผสั . เว. สัญ. เจต. เอ. ชวี .ิ มน. ผัส. เว. สญั . เจต. เอ. ชวี .ิ มน. วิตก วิจาร อธ.ิ วิร.ิ ปต ิ ฉนั ทะ วติ ก วิจาร อธ.ิ วิริ. ปติ ฉันทะ วติ ก วจิ าร อธิ. วริ ิ. ฉนั ทะ วิตก วิจาร วริ .ิ วติ ก วจิ าร อธ.ิ วริ .ิ โม. อห.ิ อโน. อทุ ธัจ. โม. อห.ิ อโน. อุทธัจ. โม. อห.ิ อโน. อทุ ธจั . โม. อห.ิ อโน. อทุ ธัจ. โม. อห.ิ อโน. อทุ ธัจ. โลภ ทิฏฐิ ถที กุ . โลภ มานะ ถีน. โท อิส มจั . กกุ ถนี . วจิ ิ. = ช๑า๒ติ องค ครบไชมรเปา ลีย่ น มรณะ = ช๑า๒ติ องค เปลี่ยนชร๑า อปุ .--> อธมโิ มรณกขะ = ช๑า๒ติ องค เปล่ยี นชร๒า มรณะ = ช๑า๑ติองค ขาด ๑ชเปราลี่ยน ๑ มรณะ = ช๑า๒ติ องค เปล่ยี นชร๒า มรณะ ตณั หา --> วิจกิ จิ ฉาเจ. ตัณหา --> ปฏฆิ ., อุป.--> อธิโมกข ตณั หา --> อุทธัจ.เจ., อปุ .--> อธโิ มกข
- 55 - ๐ กศุ ลบท ในจติ ดวงเดียวจําแนกได ๑ แบบ ทวเิ หตกุ ๔ โลกีย.๑๗ ใชคาํ ลงทาย \" เอวเมตสสฺ เกวลสสฺ ทกุ ฺขกฺขนธฺ สฺส สมุทโย โหติ \" คําขน้ึ ตน ตเิ หตุก ๑๗ ใชก ุศลมูล ๓ ใช กุสลมูล ๒ โลกุต.๔ แปลวา ความเกดิ ขน้ึ แหง กองทกุ ขแ ทๆ ท้งั ปวงนี้ เพราะอาศยั ปจจัยตางๆ ทวิเหตกุ ๔ ใชก ุศลมูล ๒ กุศลบท ๒๑ ตเิ หตกุ ๑๗ มกี ุศลมลู เปน ตน ดงั ท่ไี ดก ลา วมาแลวน้ี ตางกัน ๒ อยาง โลกีย.๑๗ ใชวา \" เอวเมตสสฺ ฯลฯ \" ใช กสุ ลมูล ๓ ใชคําลงทาย \" เอวเมเตสํ ธมมฺ านํ สมุทโย โหติ \" ทวเิ หตกุ ๔ ใชวา \" เอวเมเตสํ ฯลฯ \" แปลวา การเกิดขนึ้ ของโลกุตตรธรรม ยอมเปน ไปดังนี้ คาํ ลงทาย ๐ การเปลี่ยนองค ในกุศลบท อุปปต ติภวะ ชาติ ชรามรณะ อวิชชา สังขาร วญิ ญ. นามํ ฉัฏฐา. ผสั สะ เวทนา ตณั หา อปุ า. กัมมภวะ เปลีย่ น ๓ องค = ( ๑ ) (๒) (๓) กศุ ลมูล ๓,๒ ปสาทะ อธโิ มกข ( ศรัทธา ) ( อโลภะ อโทสะ อโมหะ ) ๐ สรุป กศุ ลบท ๒๑ รวมแลว มี ๑ แบบได ๑๒ องค เปลี่ยน ๓ องค เชน มหากศุ ลญาณสมั ปยตุ ตจติ ๔ = วิญญาณ, ฉัฏฐายตนะ เจ.๓๘ = นาม อวชิ ชา สงั ขาร วญิ ญ. นาม. ฉัฏฐา. ผสั สะ เวทนา ตัณหา อปุ า. กมั มภวะ อุปปตตภิ วะ ผัส. เว. สญั . เจต. เอ. ชวี ิ. มน. ชาติ ชรามรณะ นามธรรม วติ ก วจิ าร อธ.ิ วิร.ิ ปติ ฉันทะ กุศลมลู ๓,๒ ปสาทะ อธโิ มกข สภาวะ ศรทั ธา สติ หริ ิ โอต อโล อโท บัญญตั ิ บอกความไมเ ท่ียง วรี ตี ๓ อัป.๒ ยคุ ลธรรม๖ = ๑๒ องค เปลีย่ น ๓ คือ อวิชชา --> กุศลมูล ๓/๒, ตณั หา --> ปสาทะ, อุป.--> อธิโมกข (ไตรลกั ษณ ) ปญญา อวิชชมานะ วชิ ชมานะ ชาติ ชรา มรณะ อาการของ อปุ ปต ติภวะ = ม.ก.ุ สํ.จิตุปบาท (จิต + เจ )
- 56 - ๐ อพั ยากตบท ในจติ ดวงเดียวจาํ แนกได ๓ แบบ ** แบบไมแ ท เชน * แสดงได ๓ แบบ คือ แบบที่ ๒ * แบบแท / ไมแท ทว.ิ ๑๐ มีสงั ขารเจตสกิ ประกอบกจ็ รงิ ส.ํ ๒, ณ.๓ ไมแ ท โลกีย.๑๗ ใชคาํ ลงทา ย แตไ มไ ดเ ปนผูท าํ ให ทว.ิ ๑๐ เกิด แบบท่ี ๑ ปฏิจจ. (เอกจิตตักขณิก) สงั ขารเจตสิก ซึง่ เปนจิตดวงอน่ื ในอดีต ทวิ.๑๐ = ไมแ ท ตางหากเปน ผูทําใหท ว.ิ ๑๐ในปจ จุบันเกดิ แบบไมแ ทจ งึ นบั สงเคราะห สงั ขารในอดตี แบบที่ ๓ อา.๒, หส.ิ ๑ แท \" เอวเมตสสฺ เกวลสฺส เปนองคสังขารในปจจุบันแทน วิปาก = ไมแท อกศุ ลบท กศุ ลบท อพั ยากตบท ม.ว.ิ ไมแท ทุกฺขกฺขนฺธสสฺ กิริยา = แท อกุศลจิต ๑๒ กุศลจติ ๒๑ กริ ยิ าจิต ๒๐ วิปากจิต ๓๖ ม.กิ.แท สมุทโย โหติ \" ได ๕ แบบ ได ๑ แบบ อวิชชา สงั ขาร ทวิ.๑๐ นามํ รูปว.ิ ไมแ ท รปู ก.ิ แท โลกุต.๔ ใชค าํ ลงทาย อรปู ว.ิ ไมแ ท อรูปก.ิ แท แบบแท แบบไมแ ท ทําหนาท่ี สงั ขารในนามํ ผลจิต.ไมแ ท \" เอวเมเตสํ ธมมฺ านํ ไมตองอาศยั จติ ดวงอ่นื มาชว ย ตองอาศยั สังขารในอดีตชวย แบบพิเศษ ทาํ แบบสามญั สมทุ โย โหติ \" ( เริม่ ตน ที่ วญิ ญาณ ) ( เร่มิ ตน ที่ สังขาร ) วิญญาณ, ฉฏั ฐายตนะ เจ.๗ = นาม * แบบที่ ๑ ทวิ.๑๐ อวิชชา สงั ขาร วญิ ญ. นาม. ฉัฏฐา. ผสั สะ เวทนา ตณั หา อปุ า. ภวะ ชาติ ชรามรณะ แบบไมแ ท มี ๙ องค / ขาด ๓ คือ อวชิ ชา, ตณั หา, อุปาทาน สังขาร ผัส. เว. สัญ. เจต. สังขารในอดตี (อปญุ / ปญุ .) นบั สงเคราะห เปน องคส งั ขารในปจจุบนั อปุญ,/ปญุ . ทวิ.๑๐ สพั .๗ อปญุ ., ปุญ. เอ. ชวี ิ. มน. ( วิญญาณ ทาํ หนา ทีเ่ ปนสห.กัมม, สงั ขารในอดตี ทาํ หนาที่เปน นานัก. ) (อดีต) ชาติ ชรา มรณะ * แบบที่ ๒ สํ.๒, ณ.๓, อา.๒, หส.ิ ๑ (-วริ ยิ ะ, ปติ, ฉันทะ) มี ๑๐ องค / ขาด ๒ คือ อวชิ ชา, ตณั หา / วิปาก -ไมแท > อดตี อธ.ิ เปล่ียน ๑ คือ อุปาทาน --> อธิโมกข กิริยา - แท > ปจจบุ ัน * แบบท่ี ๓ มี ๑๑ องค / ขาด ๑ คือ อวชิ ชา / วิปาก -ไมแท > อดีต ปสาทะ อธิ. เปลีย่ น ๒ คอื ตัณหา --> ปสาทะ, อปุ าทาน --> อธโิ มกข (-วิริยะ, ฉันทะ) กริ ยิ า - แท > ปจจบุ ัน (-ฉันทะ) (-ปติ, ฉนั ทะ) * มลู ๓ ในวิปากไมม ีกําลงั ใหเ ปนผล จงึ ไปรวมอยูใน นามํ สว นกิรยิ า ไมมีอวชิ ชา
- 57 - ๐ สรปุ รวม ๓ บท โดยจติ ๐ คัมภรี วภิ ังคปกรณ แสดงปฏจิ จ. โดยอภิธรรมภาชนียนยั แบง ออกเปนนิทเทสมีอยู ๖ คู ( น.๑๘๖ ) อกุ. แบบที่ ๑ อกุ. แบบที่ ๓ (๑) อกุสลนิทเทส (๔) อวิชชามลู กกสุ ลนิทเทส (อวิชชาเปน มลู ใหเ กิดกุศล ๒๑ ดวงใดดวงหนึง่ ) อก.ุ แบบที่ ๔ อัพ. แบบท่ี ๑ อกุ. แบบท่ี ๑ (๒) กุสลนิทเทส (๕) กุสลมลู กวปิ ากนทิ เทส อก.ุ แบบท่ี ๕ อัพ. แบบที่ ๓ (๓) อัพยากตนทิ เทส (๖) อกสุ ลมลู กวปิ ากนทิ เทส ทวิ.๑๐ อัพ. แบบท่ี ๒ โลกยี . ใชค ําลงทา ย ( ๑ ) อกุศล. ( ๒ ) กศุ ล ๒๑ ( ๓ ) อพั ยากต. ( ๔ ) = (๒) ( ๕ ) = (๓ กุ.) ( ๖ ) = (๓ อกุ.) กุศล. ๑ แบบ \" เอวเมตสฺส เกวลสสฺ ยกท.ิ ส.ํ ๔ ยก ม.ก.ุ สํ.๔ ทวิ.๑๐ สํ.ณ.ฯ ทว.ิ ๑๐ ส.ํ ณ.ฯ ทว.ิ ๑๐สํ.ณ.ฯ ทุกขฺ กขฺ นธฺ สสฺ อวชิ ชา กสุ ลมลู ๓ สมุทโย โหติ \" สงั ขาร อวชิ ชา กสุ ล. กุสล. อกุสล. อกสุ ล. วญิ ญาณ สังขาร สังขาร สงั ขาร สังขาร สงั ขาร สงั ขาร โลกุต. ใชค ําลงทาย \" เอวเมเตสํ ธมมฺ านํ นาม ปสาทะ อธิ. ปสาทะ อธิ. อธิ. สมทุ โย โหติ \" ฉัฏฐายตนะ อธโิ มกข อธโิ มกข ผสั สะ เวทนา ตัณหา อปุ าทาน ภวะ ชาติ ชรามรณะ
๐ สรุป จติ ดวงเดียว ๓ บท - 58 - ๑ ๒ ๓๔๕๖ ๗๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ เว. ตัณหา อปุ . ภวะ ชาติ ชรามรณะ องค แบบ ของจติ อวิช. สงั ขาร วญิ . นาม ฉัฏฐา. ผสั . ๑๒ ๑) อกศุ ลบท ๑. ทิฏฐ.ิ สํ.๔ ๑๒ - ไมม ที ฏิ ฐิ จงึ แทนดว ย อธโิ มกข ( ตดั สนิ ดี / ไมดกี ไ็ ด ) ๑๒ - เปน โทสะ กเ็ ปน ปฏิฆะ ตามดว ย อธโิ มกข ๒. ทิฏฐิ.วปิ .๔ อธ.ิ ๑๑ - วิจ.ิ แทน ตัณหา แตตัดสินใจไมได องคจงึ ขาดที่ อุป. อธ.ิ ๑๒ - อทุ .แทน ตณั หา ตามดวย อธิโมกข ๓. โทสมลู .๒ ปฏิฆ. --- ๑๒ วจิ ิ. อธ.ิ ๔. วจิ กิ ิจฉา.๑ อทุ . อธิ. ๙ - เพราะทว.ิ ๑๐ ไมมกี าํ ลังพอ จึงขาด ๓ องค ปสาทะ ๕. อุทธัจจ.๑ ๒) กุศลบท กศุ ลจติ ๒๑ ก.ุ ๓,๒ ๓) อัพยากตบท ๑. ทว.ิ ๑๐ =วปิ าก ไมแ ท --- สงั ขาร(อดีต) ๒. ส.ํ ๒, ณ.๓ =วิปาก ไมแท สงั ขาร(อดีต) อธิ. ๑๐ อา.๒,หสิ.๑ =กิริยา แท สังขาร(ปจ จบุ ัน) ปสาทะ อธิ. ๑๑ สงั ขาร(อดตี ) ๓. สเหตุกว.ิ ๒๑ =วิปาก ไมแ ท สังขาร(ปจ จุบนั ) สเหตุกกิ.๑๗ =กิริยา แท
Search