Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ปฏิจจสมุปบาทและจิตดวงเดียว

ปฏิจจสมุปบาทและจิตดวงเดียว

Published by WATKAO, 2021-01-22 07:03:15

Description: ปฏิจจสมุปบาทและจิตดวงเดียว

Keywords: ปฏิจจสมุปบาทและจิตดวงเดียว

Search

Read the Text Version

- 49 - ๓) สกั กายทิฏฐทิ ี่เกดิ ขึ้นโดยอาศัยสัญญาขนั ธเปน อารมณ มี ๔ คอื ๑. สฺ  อตตฺ โต สมนปุ สสฺ ติ เห็นวา การจาํ อารมณเปนเรา เราคือการจาํ อารมณ (เขาใจวา เรากับการจาํ อารมณเปน อนั เดียวกัน) ๒. สฺาวนฺตํ วา อตฺตานํ เห็นวา เรามกี ารจําอารมณ ๓. อตตฺ นิ วา สฺ  เห็นวา การจาํ อารมณอยูใ นเรา (เขาใจวา เรากบั การจาํ อารมณเปน คนละอนั และอปุ มาเหมือนรูปขนั ธ) ๔. สฺาย วา อตฺตานํ เห็นวา เราอยใู นการจาํ อารมณ ๔) สักกายทิฏฐิที่เกิดข้ึนโดยอาศัยสงั ขารขันธเปนอารมณ มี ๔ คอื ๑. สงขฺ าเร อตฺตโต สมนุปสสฺ ติ เห็นวา การปรงุ แตง ในอารมณเปน เรา เราคือการปรุงแตง ในอารมณ (เขาใจวา เรากับการปรงุ แตง ในอารมณเ ปน อนั เดยี วกัน) ๒. สงฺขารวนฺตํ วา อตฺตานํ เหน็ วา เรามีการปรงุ แตงในอารมณ ๓. อตตฺ นิ วา สงฺขารา เห็นวา การปรุงแตง ในอารมณอ ยใู นเรา (เขา ใจวา เรากับการปรุงแตงในอารมณเปน คนละอนั และอปุ มาเหมือนรูปขนั ธ) ๔. สงขฺ าเรสุ วา อตฺตานํ เห็นวา เราอยใู นการปรุงแตงอารมณ ๕) สักกายทิฏฐิท่เี กดิ ข้ึนโดยอาศัยวญิ ญาณขนั ธเปนอารมณ มี ๔ คือ ๑. วิ ฺ าณํ อตฺตโต สมนปุ สฺสติ เหน็ วา การรอู ารมณเปนเรา เราคือการรูอ ารมณ (เขา ใจวา เรากบั การรอู ารมณเปนอนั เดยี วกัน) ๒. วิฺ าณวนตฺ ํ วา อตตฺ านํ เหน็ วา เรามีการรอู ารมณ ๓. อตตฺ นิ วา วิ ฺ าณํ เหน็ วา การรอู ารมณอยูในเรา (เขา ใจวา เรากบั การรูอารมณเปน คนละอัน และอปุ มาเหมอื นรูปขันธ) ๔. วิฺาณสมฺ ิ วา อตฺตานํ เหน็ วา เราอยใู นการรูอารมณ * ความยึดมั่นวา เปน อตั ตะ นี้ มี ๒ อยา ง คอื ( น.๘๘ - ๙๒ ) ๑) ปรมอัตตะ - ความยึดม่ันวา อัตตะนี้ สามารถสรา งโลกขึ้นได บรรดาสิ่งมีชีวติ และไมม ีชีวติ ทงั้ หลายท่ีปรากฏอยใู นโลกทุกวนั น้ีกล็ ว นแตเ กดิ มาดว ยอํานาจของอตั ตะทงั้ สน้ิ ๒) ชวี อัตตะ - ความยดึ มั่นวา บรรดาสัตวท้ังหลายที่อยูในโลกน้ี มตี ัวมตี น คอื มีชีวติ รักษาอยู ๑. การกะ - ผูกระทํา ชวี อัตตะ (ตวั ชวี ิต) เปน ผูสั่งใหรางกายสตั วทงั้ หลายกระทาํ การตางๆ ๔. นิวาสี - อยูเปนนจิ รางกายสตั วท้ังหลายเสยี ไป แตชีวอัตตะนี้ไมเสยี สามารถสรา งรางกายใหมอ ยูไ ดเ ร่อื ยไป ๒. เวทกะ - ผูเสวย ชวี อัตตะน้ี เปน ผเู สวยผลที่เกดิ จากกรรมดี กรรมชวั่ สขุ ทุกข เจบ็ ปวด ๕. สยํวสี - ผูสามารถบงั คับรางกายได ชีวอัตตะมอี ํานาจในรางกายของสัตวทัง้ หลาย ๓. สามี - เปน เจา ของ ชวี อตั ตะน้ี เปนเจาของรา งกายของสตั วท งั้ หลาย ๖. วสวัตตนะ - ผูมอี ํานาจพเิ ศษ ผมู คี วามเหน็ ๔ + ๕ เขาใจวา ชีวอตั ตะนีเ้ ปนแกนเปน สารมน่ั คงทส่ี ุด ไมม ีสิ่งใดมาทําลาย ใหส ญู เสยี ได และมีอาํ นาจพิเศษบังคับรางกายของสัตวทง้ั หลายใหทาํ ไปตามประสงคของตน รูปขันธ วญิ ญาณ --> เวทนาขันธ, สัญญาขนั ธ, สังขารขันธ ๔.นวิ าสี - อยเู ปน นจิ (ท้งิ รา งเกาหารางใหม) * ความตางกันระหวาง ตัณหา กับ กามุปาทาน ตัณหา กามปุ าทาน ปฏิ ..ฯลฯ .. ภ ตี น ท ป จัก สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ..ฯลฯ .. จุติ ปฏิ - วาโดยอารมณ ( ท่เี ปนวัตถุกาม ๕๔, ๕๒, ๒๘ ) - มีความยนิ ดใี นอารมณ ๖ - มีความยึดมน่ั ในอารมณ ๖ ๓.สามี - ผเู ปนเจาของ ๒.เวทกะ - สขุ ทุกข อุเบกขา - วาโดยกาํ ลงั - โลภมกี ําลงั นอ ย - โลภมีกาํ ลังมาก ๕.สยํวสี ๑.การกะ ๒.เวทกะ จิตตชรูป, กาย., วจี. - วาโดยธรรมท่เี ปนปฏปิ กษ - ธรรมตรงขา ม \"อปั ปจฉตาคณุ \" - ธรรมตรงขาม \"สันโตสคณุ \" ๑.การกะ - ผกู ระทาํ ผทู ป่ี รารถนานอย พอใจในสิ่งท่ีมอี ยู ๖. วสวตั ตนะ (ขอ ๔ + ๕ ) - วาโดยเหตแุ หง ทุกข - เปนปรเิ ยสนทกุ ข (แสวงหา ) - เปน อารักขทกุ ข ( รกั ษาไว )

- 50 - ๑) ตณั หา เปนปจ จยั ให กามปุ าทาน เกดิ กรณีพระโพธสิ ตั ว > วันแรก > คืนวันแรก > ๖ วนั ๖ คืน ตอ มา รูปายตนะ รปู ตณั หา รูปกามุปาทาน นางมุทลุ กั ขณา จกั ขุสมั ผสั สชาเวทนา จกั ขสุ มั ผัสสะ ธมั ม ธมั มกามุปาทาน ภ ตี น ท ป จัก สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ชต ต ภ... ภ ตี น ท ป จกั สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ภ... ภ น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ภ... โลภ = ตัณหา โลภ = กามุปาทาน โลภะ = ตณั หา โลภ = กามุปาทาน จักขายตนะ (กาํ ลงั นอ ย) (กําลังนอ ย) (เกดิ กอน) (เกิดหลงั ) ของพระโพธสิ ัตว ๒) ตณั หา เปนปจ จยั ให ทิฏุปาทาน เกิด * แสดงลักษณะ รส ปจจปุ ฏ ฐาน ปทัฏฐาน ของ อปุ าทาน ( น.๑๑๐ ) กามปุ าทาน - ไมพ รอ ม [๑] คหณลกขฺ ณา - มกี ารยึดไวเปน ลกั ษณะ ตัณหา ทฏิ ปุ าทาน - พรอมก็มี ( สหชาต.) / ไมพรอมกม็ ี (ปกต.ู ) [๒] อมุฺจนรสา - มีการไมป ลอ ยเปนกจิ [๓] ตณหฺ าทฬฺหตตฺ ทฏิ ฐ ิปจจฺ ุปฏ านา - มตี ัณหาท่มี กี ําลงั อยา งมั่นคงและมคี วามเหน็ ผดิ อ.ธ. = โลภเจ. อ.ธ. = ทฏิ ฐเิ จ. ที่นอกจาก สลี ัพพตุทิฏฐิ + อตั ตวาทฏิ ฐิ เปน อาการปรากฏในปญญาของบัณฑิตทัง้ หลาย ๑. อาศยั ตณั หาภายนอกตน --> ใหต ณั หาภายในเกิด คือ โลภ + ทฏิ ฐิ เกิดพรอ มกันได [๔] ตณหฺ าปทฏานา - มีตณั หาเปน เหตุใกล ตัณหา ทฏิ ุปาทาน ๒. อาศยั ตัณหาภายในตน --> ใหตัณหาภายในเกิด คอื โลภ + ทฏิ ฐิ (ขนั ธสันดาน / อนุสยั กิเลส) ๓) ตัณหา เปน ปจจัยให สีลัพพตุปาทาน เกิด * อํานาจปจ จยั นาม. ---> นาม. ตัณหา --> สลี ัพพตปุ าทาน --> พรอ มก็มี (สหชาต.) / ไมพรอ มก็มี (ปกต.ู ) ตัณหา ---> กามุปาทาน อ.ธ. โลภเจ. ทิฏฐิ.๑๐ ---> ทิฏุปาทาน > ไมพ รอม ( ตณั หาเกิดกอนๆ -> กามุ.เกดิ หลงั ๆ ) ---> สีลพั พตุปาทาน = อํานาจปจ จยั ปกตปู นิสสยปจจัย เชน อยากไปเกดิ ในเทวภูมิ --> ปฏบิ ตั ิผดิ --> อตั ตกลิ มถานุโยค / กามสุขัลลกิ านโุ ยค ---> อัตตวาทปุ าทาน > พรอม = สหชาต. ๗ ปจจยั เปน อกุศลกรรมใหม > ไมพรอม = ปกตูปนิสสยปจ จัย ๔) ตณั หา เปนปจ จยั ให อตั ตวาทปุ าทาน เกดิ สักกายทฏิ ฐิ / สามญั ทิฏฐิ เปนพืชพนั ธข องทฏิ ฐิท้งั ปวง ๗๕ อยา ง

- 51 - ๐ คาถาท่ี ๓ องคป ฏจิ จสมปุ บาท กับชาตปิ จจัย อวิชช1า สังขาร 2วิญญาณ3นามรปู 4สฬายตนะ5 ผัสสะ 6เวทนา7 ตัณหา 8อุปาทาน9ภวะ ชาติ 11ชรา มรณะ เพื่อความเขา ใจยง่ิ ข้นึ ใหด ูประกอบกบั หนงั สอื หลกั สูตรในแตละคู สห. สห. สห. สห. สห. สห. สห. อา. วตั ถุ. วัตถุ. อา. อา. อนนั . ปจ . อนนั . อนนั . ปกตู. ปกตู. ปกต.ู หา. ปกต.ู ปกต.ู ปกตู. ปกตู. ปกต.ู นานัก. รูป. นานกั . 12 3 4 อวชิ ชา สงั ขาร วิญญาณ นาม - รปู สฬายตนะ ๑. ๒.เหตุ ๓.กํ.หา มนายตนะ ( ปกตู., นานัก. ๒ ปจ.) นา ปญจายตนะ ขอ. ๑-๘ (สห.๔,อัญ,ปา,สํ, ล= ๔.หา ๕.ฌา. ๖.อนิ = ๑๓ ปจ.) รปู ขอ. ๙ (สห.ญ๔, ปา,วิป.= ๖ ปจ.) ๗.อนิ .มัค. ๘.อนิ .ฌา.มคั . โมหะ ปุญ. ปฏ.ิ วญิ . เจ.๓๕ ปฏ.ิ กํ ปวตั ติกํ มนายตนะ ปฏ.ิ ปวัตติ. ขอ . ๑๐ (ปจฉา. = ๔ ปจ.) อปุญ. กมั ม- หทย. ๒,๖,๓ ปญจายตนะ อาเนญ. วิญญาณ ปฏิ. ขอ. ๑๑ (สห.ญ๔, อัญ,วิป.= ๖ ปจ.) ปวตั ต.ิ หทย. ปญ จโว.๑๘ ขอ. ๑๒ (วัตถุปุเร. = ๕ ปจ. เวน ปเุ รชาตนิ .) ( ปกต.ู ๑ ปจ.) ขอ . ๑ ขอ . ๒ ขอ . ๓ ( ๔ ชาติ. ๑๕ ปจ.) (สห.๔,อัญ.ปา.สํ. + ๒) (สห.๔,ปา.วิป. + ๒) ปญ จา.ทว.ิ ๑๐ ขอ . ๑๓ (วตั ถปุ เุ ร. = ๖ ปจ.) ( อา.,ปกต.ู ๒ ปจ.) กมั มชมหาภูต. (สห.๔,อัญ.ปา.ว.ิ + ๒) ขอ. ๑๔ (สห.ญ๔ ปจ.) รูปชีวติ นิ ทรยี . ขอ . ๑๕ (รปู ชีวิต. = ๓ ปจ.) (ปกตู. วา โดยพระสูตร) ขอ . ๔ กมั มชโอชา. ขอ. ๑๖ (อาหาร. = ๓ ปจ.) 6 ผสั สะ (สห.) เวทนา 7 เวทนา ตัณหา ไมพรอม + ไมน ึก, เกิดกอนนานๆ = ขอ ๔ ปกต.ู จกั ขสุ ัมผัสสชาเวทนา ตัณหา ( ปกตู.) จกั ขสุ ัมผสั สะ อุปาทาน.๔ กมั มภวะ อุปปตติภวะ ภ ตี น ท ป จกั สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ...ฯลฯ... ม ช ช ช ช ช ช ช ม ช ช ช ช ช ช ช ม ช ช ช ช ช ช ช ...ฯลฯ... จุติ ชาติ ชรา มรณะ มนายตนะ --> มโนสมั ผสั สะ ตัณหา --> ทฏิ ฐิ ๓ (เวน กามุ.) กามปุ าทาน + ทฏิ ฐิ อุปาทาน.๔ + อกุ./ ก.ุ กมั ม. ( ปกต.ู , นานัก. ๒ ปจ.) ปกตู.โดยพระสตู ร ขอ ๓ (สห. ) ขอ ๒ ( สห.๗-แบบเหต)ุ ขอ ๑, ๓ ( ปกต.ู -ไมนกึ ) พรอ ม ขอ ๑ สห.๗ แบบเหตุ โดยอารมณ จักขายตนะ ขอ ๑, ๒ ( วัตถปุ ุเร.) +อนัน.เพมิ่ +อารัม.- นกึ เพ่ิม พรอ ม ขอ ๒ สห.๗ แบบมัคค - สามญั ขอ ๕ ตดิ ตอกนั ขอ ๓ อนัน. ๖ ปจ. - อธบิ ดี ขอ ๖ 5 สฬายตนะ ผสั สะ 8 ตัณหา อปุ าทาน ( ๓ ขอ เพม่ิ ๒ ) 9 อุปาทาน ๔ ภวะท้ัง ๒ ภวะ ชาติ ชรามรณะ 11 (สห., วตั ถปุ ุเร.) - กามุปาทาน > ไมพรอ ม =ปก.+อารัม. ( ๖ ขอ ) - อปุ าทาน.๓ > พรอ ม =สห.+อนัน. > ไมพ รอม =ปก.+อารมั .

- 52 - ๐ จิตดวงเดียว ( น. ๑๘๐ - ๑๘๒ ) การแสดงปฏจิ จสมปุ บาทธรรมของพระสมั มาสัมพุทธเจา มอี ยู ๒ นัย ๑) สตุ ตนั ตภาชนยี นยั ( พระสูตร วาโดย ปคุ คลาธษิ ฐาน ) ๒) อภธิ รรมภาชนยี นัย ( พระอภธิ รรม วาโดย ธมั มาธิษฐาน ) แสดงถึงความเปนไปแหงปฏิจจสมุปบาท แสดงถงึ ความเปน ไปแหงปฏิจจสมปุ บาท - ในจติ ดวงเดยี ว ชือ่ วา เอกจิตตกั ขณกิ ปฏจิ จสมปุ บาท ( เอก + จติ ต + ขณกิ + ปฏจิ จสมปุ บาท ) - ในจิตหลายดวง ชอ่ื วา นานาจติ ตกั ขณกิ ปฏจิ จสมปุ บาท - ศึกษาในปจ จบุ ันเพียงอยา งเดยี ว ( ละอดีต ละอนาคต ) - ขา มภพขา มชาติ เวียนวา ยตายเกดิ - ประโยชนท ่ไี ดร ับ เปน ปญญาขนั้ วปิ ส สนาญาณ - มกี ารแสดงแบง ออกเปน ๓ บท คือ - เนื้อหาทเ่ี รยี นในบาลี ๑๐ บท คอื ๓, ๑๒, ๒๐, ๓, ๔, ๓, ๒ ๑. อกศุ ลบท ๒. กุศลบท ๓.อพยากตบท - ประโยชนทีไ่ ดรบั เปน ปญญาขน้ั กัมมสกตาญาณ - มกี ารแสดงแยกเปน ๔ นยั คือ ๑. จากตน ไปหาปลาย ๓. จากปลายไปหาตน ๒. จากกลางไปหาปลาย ๔. จากกลางไปหาตน ๐ การลดองค ในจติ ดวงเดยี ว อุปปตตภิ วะ - องคในปฏจิ จ. โดยพระสูตร = อวิชชา สังขาร วิญญ. นามรปู สฬาย. ผสั สะ เวทนา ตัณหา อปุ า. กัมมภวะ ชาติ ชรามรณะ - องคในปฏิจจ. โดยพระอภธิ รรม (จติ ดวงเดียว ) = นามํ ฉฏฐายตนํ ๑) เหตผุ ลท่ีพระองคทรงแสดงเพียง \" นามํ \" เพราะตองการแสดงในภูมิท้ังหมด ( ปญ โวการภูมิ และจตุโวการภูมิ ) ขณะ ๒) ไมท รงแสดงรูป เพราะ รปู ๑ รูป มีอายุ = จติ ๑๗ ดวง หน่งึ ๆ ๓) ในจติ ดวงเดยี ว เมอื่ ตอ งการแสดง \" นาม \" อยางเดยี ว สฬายตนะ จงึ ตองลดลงแสดงเพยี งอายตนะท่ี ๖ คือ \" มนายตนะ\" เทาน้ัน ชาติ ชรา มรณะ นามรูป ---> สฬายตนะ คอื อายตนะท้ัง ๖ ( จักขายตนะ --> มนายตนะ ) นามํ ---> ฉัฏฐายตนะ คือ อายตนะท่ี ๖ ( มนายตนะ ) ๔) ไมท รงแสดง อนฏิ ฐผล ๕ เพราะ ในอภธิ รรม ๑. ในจติ ตกั ขณกิ ะ ขณะหนึ่งๆ นนั้ อนิฏฐผล ๕ เกิดไมไ ด ๒. ในจิตดวงหน่ึงๆ สน้ิ สดุ ตรงชาติ ชรา มรณะแลว สาํ หรบั อนิฏฐผล ๕ เปน จิตดวงใหม เปนคนละดวงกัน ๓. ไมเกิดกบั บคุ คลและภมู ทิ ว่ั ไป

- 53 - ๐ การเปลย่ี นองค ในจติ ดวงเดยี ว อปุ ปต ตภิ วะ - องคในปฏิจจ. โดยพระสตู ร = อวชิ ชา สังขาร วิญญ. นามรูป สฬาย. ผสั สะ เวทนา ตณั หา อุปา. กมั มภวะ ชาติ ชรามรณะ - องคใ นปฏิจจ. โดยพระอภธิ รรม (จติ ดวงเดียว ) = ( ๑ ) องคไมเปลี่ยนในจิตดวงเดยี ว (๔) อุปปตตภิ วะ(ในปจ จบุ ัน) ใช จติ ตปุ บาท = จิต.+เจ. กุศลมลู ๓,๒ (๓) อก.ุ (-วิจ)ิ , ก,ุ อัพ. ใช อธโิ มกขเ จตสกิ (๒) อกุศลบท -โทส. ใช ปฏิฆะ ( โทสเจตสิก ) ( อโลภะ อโทสะ อโมหะ ) ใช วจิ ิกจิ ฉาเจตสิก - วจิ กิ จิ ฉา. ใช อทุ ธจั จเจตสิก - อุทธัจจ. ใช ปสาทะ ( ศรทั ธาเจตสกิ ) กุศลบท + อัพยากตบท ( ๑ ) ถาแสดงใน กศุ ล ๒๑ ใช กุศลมลู ๓ (ติเหตุ) / ๒ (ทวเิ หตุ) แทน องคอ วิชชา ** องค ๑๒ นนั้ แสดง เจตสิก ๗ องค ( อวชิ ., สงั ขาร, นาม,ํ ผัสส, เวทนา, ตณั หา, อปุ าทาน ) จิต ๒ องค ( วญิ ญาณ, ฉัฏฐายตนะ ) โทสมูลจติ ๒ ใช ปฏฆิ เจ.(โทสเจ.) จติ +เจ. ๑ องค ( กมั มภวะ ) ( ๒ ) ถา แสดงใน อกศุ ลบท วิจิกิจฉา. ใช วิจิกจิ ฉาเจ. แทน องคต ณั หา อทุ ธัจจ. ใช อุทธจั จเจ. ถา แสดงใน กศุ ลบท, อัพยากตบท ใช ปสาทะ (ศรัทธาเจ.) ** ถายก เจตสิกหลายๆ ดวง เปน อยา งสามญั ( น. ๑๘๒ ) ( ๓ ) ถาแสดงในอุปาทาน ๓ (-กามุ ) ใช อธิโมกขเจ. แทน องคอปุ าทาน ** ถา ยก เจตสิกดวงเดียว เปนอยางพเิ ศษ สัม วปิ - สงั ขาร เปนเหตพุ เิ ศษ ของวิญญาณ / วญิ ญาณ เปน ผลพเิ ศษ ของสังขาร เปนผลสามัญ ของวญิ ญาณ มที ฏิ ฐิจงึ มีในอปุ .๓ ไมมีทฏิ ฐิจงึ ไมม ีในอปุ .๓ แตมี โลภะ - วญิ ญาณ เปน เหตุสามัญ ของนาม / นาม เปนผลสามัญ ของนาม ยินดี + ยดึ มนั่ ปฏฆิ ะ เปนผลพเิ ศษ ของฉฏั ฐายตนะ - นาม เปนเหตสุ ามัญ ของฉัฏฐายตนะ / ฉฏั ฐายตนะ เวน อธโิ มกข - ฉัฏฐายตนะ เปน เหตพุ เิ ศษ ของผัสสะ / ผสั สะ แลว เกิด อธโิ มกข **จติ ดวงเดยี ว แตม ีการแสดงจติ ไว ๒ หน คือ วิญญาณ และฉฏั ฐายตนะ เพราะมีหนา ท่ีตา งกนั เมอ่ื จิตดวงหน่ึงเปนพเิ ศษ จติ อกี ดวงจะเปน สามญั สลบั กนั ทัง้ เหตแุ ละผล ( ๔ ) อปุ ปต ติภวะ ( ในปจ จุบนั ) ใช จิตตุปบาท แทน องคก ัมมภวะ จงึ ตองแสดงไว ๒ หน

- 54 - ๐ อกศุ ลบท ในจติ ดวงเดียวจําแนกได ๕ แบบ ( ตามการสัมปยตุ ต ) * ตวั อยางแบบที่ ๑ ทิฏฐคิ ตสัมปยุตต. - แบบที่ ๑ มี ๑๒ องค ไมเ ปล่ยี น วญิ ญาณ, ฉฏั ฐายตนะ ๑๒ ๕๖ ทฏิ ฐคิ ตวิปปยุตต. - แบบที่ ๒ มี ๑๒ องค เปลีย่ น ๑ ( อุป. --> อธโิ มกข ) เจ.๒๑ = นาม ปฏฆิ สมั ปยุตต. - แบบที่ ๓ มี ๑๒ องค เปลยี่ น ๒ ( ตัณหา --> ปฏิฆะ., อปุ . --> อธโิ มกข ) ผสั . เว. สัญ. เจต. เอ. ชวี ิ. มน. ๑) อกุสลา ธมมฺ า วติ ก วจิ าร อธิ. วริ ิ. ปติ ฉันทะ ๒) วา โดย เวทนา ๑, ๒ = โสม., ๕, ๖ = อเุ บกขา วจิ ิกจิ ฉาสัมปยุตต.- แบบที่ ๔ มี ๑๑ องค เปล่ียน ๑ ( ตณั หา --> วจิ กิ จิ ฉา. ) ๓) วาโดยอสงั ., สสัง. ๑, ๕ = อสงั ., ๒, ๖ = สสงั . ขาด ๑ คอื อปุ าทาน เพราะวจิ กิ จิ ฉา.ไมเกดิ อธโิ มกข จึงไมมี อุปาทาน โม. อห.ิ อโน. อทุ ธจั . ๔) วา โดยสัม.,วปิ . ทงั้ ๔ เปน ทิฏฐิคตสัมปยตุ ต. โลภ ทิฏฐิ ถีทกุ . ๕) วาโดยอารมณ มีรูปารมณ ---> ธมั มารมณ อทุ ธัจจสมั ปยตุ ต. - แบบท่ี ๕ มี ๑๒ องค เปลย่ี น ๒ ( ตณั หา --> อทุ ธจั จ., อุป. --> อธโิ มกข ) ชาติ ชรา มรณะ อวิช. สงั ขาร วิญ. นาม ฉฏั ฐา. ผสั . เว. ตณั หา อุป. ภว. ชาติ ชรามรณ องค กมั มภวะ = อปุ ปตติภวะ = จิตตุปบาท (จติ +เจ) ท.ิ สํ.๔ ๑๒ ทิ.วิ.๔ อธิ. ๑๒ โท.๒ ปฏฆิ . อธิ. ๑๒ อวิช. สังขาร วิญ. นาม. ฉฏั ฐา. ผัส เว. ตัณ อุป. กมั ม. ชาติ ชรามรณะ วิจ.ิ ๑ วิจิ. - - ๑๑ อุท.๑ อทุ . อธ.ิ ๑๒ = โมห. เจต. วิญ. เจ.๒๑ ฉฏั ฐา. ผัส เว. โลภ ทิฏฐ.ิ ภวะ. ทฏิ ฐคิ ตสัมปยุตต.๔ ทฏิ ฐิคตวปิ ปยุตต.๔ ปฏิฆสัมปยุตต.๒ วิจิกจิ ฉาสัมปยตุ ต.๑ อทุ ธัจจสัมปยตุ ต.๑ วญิ ญาณ, ฉัฏฐายตนะ วญิ ญาณ, ฉฏั ฐายตนะ วิญญาณ, ฉฏั ฐายตนะ วญิ ญาณ, ฉฏั ฐายตนะ วญิ ญาณ, ฉฏั ฐายตนะ เจ.๒๑ = นาม เจ.๒๑ = นาม เจ.๒๒ = นาม เจ.๑๕ = นาม เจ.๑๕ = นาม ผัส. เว. สญั . เจต. เอ. ชีว.ิ มน. ผัส. เว. สัญ. เจต. เอ. ชวี .ิ มน. ผัส. เว. สญั . เจต. เอ. ชวี ิ. มน. ผสั . เว. สัญ. เจต. เอ. ชวี .ิ มน. ผัส. เว. สญั . เจต. เอ. ชวี .ิ มน. วิตก วิจาร อธ.ิ วิร.ิ ปต ิ ฉนั ทะ วติ ก วิจาร อธ.ิ วิริ. ปติ ฉันทะ วติ ก วจิ าร อธิ. วริ ิ. ฉนั ทะ วิตก วิจาร วริ .ิ วติ ก วจิ าร อธ.ิ วริ .ิ โม. อห.ิ อโน. อทุ ธัจ. โม. อห.ิ อโน. อุทธัจ. โม. อห.ิ อโน. อทุ ธจั . โม. อห.ิ อโน. อทุ ธัจ. โม. อห.ิ อโน. อทุ ธัจ. โลภ ทิฏฐิ ถที กุ . โลภ มานะ ถีน. โท อิส มจั . กกุ ถนี . วจิ ิ. = ช๑า๒ติ องค ครบไชมรเปา ลีย่ น มรณะ = ช๑า๒ติ องค เปลี่ยนชร๑า อปุ .--> อธมโิ มรณกขะ = ช๑า๒ติ องค เปล่ยี นชร๒า มรณะ = ช๑า๑ติองค ขาด ๑ชเปราลี่ยน ๑ มรณะ = ช๑า๒ติ องค เปล่ยี นชร๒า มรณะ ตณั หา --> วิจกิ จิ ฉาเจ. ตัณหา --> ปฏฆิ ., อุป.--> อธิโมกข ตณั หา --> อุทธัจ.เจ., อปุ .--> อธโิ มกข

- 55 - ๐ กศุ ลบท ในจติ ดวงเดียวจําแนกได ๑ แบบ ทวเิ หตกุ ๔ โลกีย.๑๗ ใชคาํ ลงทาย \" เอวเมตสสฺ เกวลสสฺ ทกุ ฺขกฺขนธฺ สฺส สมุทโย โหติ \" คําขน้ึ ตน ตเิ หตุก ๑๗ ใชก ุศลมูล ๓ ใช กุสลมูล ๒ โลกุต.๔ แปลวา ความเกดิ ขน้ึ แหง กองทกุ ขแ ทๆ ท้งั ปวงนี้ เพราะอาศยั ปจจัยตางๆ ทวิเหตกุ ๔ ใชก ุศลมูล ๒ กุศลบท ๒๑ ตเิ หตกุ ๑๗ มกี ุศลมลู เปน ตน ดงั ท่ไี ดก ลา วมาแลวน้ี ตางกัน ๒ อยาง โลกีย.๑๗ ใชวา \" เอวเมตสสฺ ฯลฯ \" ใช กสุ ลมูล ๓ ใชคําลงทาย \" เอวเมเตสํ ธมมฺ านํ สมุทโย โหติ \" ทวเิ หตกุ ๔ ใชวา \" เอวเมเตสํ ฯลฯ \" แปลวา การเกิดขนึ้ ของโลกุตตรธรรม ยอมเปน ไปดังนี้ คาํ ลงทาย ๐ การเปลี่ยนองค ในกุศลบท อุปปต ติภวะ ชาติ ชรามรณะ อวิชชา สังขาร วญิ ญ. นามํ ฉัฏฐา. ผสั สะ เวทนา ตณั หา อปุ า. กัมมภวะ เปลีย่ น ๓ องค = ( ๑ ) (๒) (๓) กศุ ลมูล ๓,๒ ปสาทะ อธโิ มกข ( ศรัทธา ) ( อโลภะ อโทสะ อโมหะ ) ๐ สรุป กศุ ลบท ๒๑ รวมแลว มี ๑ แบบได ๑๒ องค เปลี่ยน ๓ องค เชน มหากศุ ลญาณสมั ปยตุ ตจติ ๔ = วิญญาณ, ฉัฏฐายตนะ เจ.๓๘ = นาม อวชิ ชา สงั ขาร วญิ ญ. นาม. ฉัฏฐา. ผสั สะ เวทนา ตัณหา อปุ า. กมั มภวะ อุปปตตภิ วะ ผัส. เว. สญั . เจต. เอ. ชวี ิ. มน. ชาติ ชรามรณะ นามธรรม วติ ก วจิ าร อธ.ิ วิร.ิ ปติ ฉันทะ กุศลมลู ๓,๒ ปสาทะ อธโิ มกข สภาวะ ศรทั ธา สติ หริ ิ โอต อโล อโท บัญญตั ิ บอกความไมเ ท่ียง วรี ตี ๓ อัป.๒ ยคุ ลธรรม๖ = ๑๒ องค เปลีย่ น ๓ คือ อวิชชา --> กุศลมูล ๓/๒, ตณั หา --> ปสาทะ, อุป.--> อธิโมกข (ไตรลกั ษณ ) ปญญา อวิชชมานะ วชิ ชมานะ ชาติ ชรา มรณะ อาการของ อปุ ปต ติภวะ = ม.ก.ุ สํ.จิตุปบาท (จิต + เจ )

- 56 - ๐ อพั ยากตบท ในจติ ดวงเดียวจาํ แนกได ๓ แบบ ** แบบไมแ ท เชน * แสดงได ๓ แบบ คือ แบบที่ ๒ * แบบแท / ไมแท ทว.ิ ๑๐ มีสงั ขารเจตสกิ ประกอบกจ็ รงิ ส.ํ ๒, ณ.๓ ไมแ ท โลกีย.๑๗ ใชคาํ ลงทา ย แตไ มไ ดเ ปนผูท าํ ให ทว.ิ ๑๐ เกิด แบบท่ี ๑ ปฏิจจ. (เอกจิตตักขณิก) สงั ขารเจตสิก ซึง่ เปนจิตดวงอน่ื ในอดีต ทวิ.๑๐ = ไมแ ท ตางหากเปน ผูทําใหท ว.ิ ๑๐ในปจ จุบันเกดิ แบบไมแ ทจ งึ นบั สงเคราะห สงั ขารในอดตี แบบที่ ๓ อา.๒, หส.ิ ๑ แท \" เอวเมตสสฺ เกวลสฺส เปนองคสังขารในปจจุบันแทน วิปาก = ไมแท อกศุ ลบท กศุ ลบท อพั ยากตบท ม.ว.ิ ไมแท ทุกฺขกฺขนฺธสสฺ กิริยา = แท อกุศลจิต ๑๒ กุศลจติ ๒๑ กริ ยิ าจิต ๒๐ วิปากจิต ๓๖ ม.กิ.แท สมุทโย โหติ \" ได ๕ แบบ ได ๑ แบบ อวิชชา สงั ขาร ทวิ.๑๐ นามํ รูปว.ิ ไมแ ท รปู ก.ิ แท โลกุต.๔ ใชค าํ ลงทาย อรปู ว.ิ ไมแ ท อรูปก.ิ แท แบบแท แบบไมแ ท ทําหนาท่ี สงั ขารในนามํ ผลจิต.ไมแ ท \" เอวเมเตสํ ธมมฺ านํ ไมตองอาศยั จติ ดวงอ่นื มาชว ย ตองอาศยั สังขารในอดีตชวย แบบพิเศษ ทาํ แบบสามญั สมทุ โย โหติ \" ( เริม่ ตน ที่ วญิ ญาณ ) ( เร่มิ ตน ที่ สังขาร ) วิญญาณ, ฉฏั ฐายตนะ เจ.๗ = นาม * แบบที่ ๑ ทวิ.๑๐ อวิชชา สงั ขาร วญิ ญ. นาม. ฉัฏฐา. ผสั สะ เวทนา ตณั หา อปุ า. ภวะ ชาติ ชรามรณะ แบบไมแ ท มี ๙ องค / ขาด ๓ คือ อวชิ ชา, ตณั หา, อุปาทาน สังขาร ผัส. เว. สัญ. เจต. สังขารในอดตี (อปญุ / ปญุ .) นบั สงเคราะห เปน องคส งั ขารในปจจุบนั อปุญ,/ปญุ . ทวิ.๑๐ สพั .๗ อปญุ ., ปุญ. เอ. ชวี ิ. มน. ( วิญญาณ ทาํ หนา ทีเ่ ปนสห.กัมม, สงั ขารในอดตี ทาํ หนาที่เปน นานัก. ) (อดีต) ชาติ ชรา มรณะ * แบบที่ ๒ สํ.๒, ณ.๓, อา.๒, หส.ิ ๑ (-วริ ยิ ะ, ปติ, ฉันทะ) มี ๑๐ องค / ขาด ๒ คือ อวชิ ชา, ตณั หา / วิปาก -ไมแท > อดตี อธ.ิ เปล่ียน ๑ คือ อุปาทาน --> อธิโมกข กิริยา - แท > ปจจบุ ัน * แบบท่ี ๓ มี ๑๑ องค / ขาด ๑ คือ อวชิ ชา / วิปาก -ไมแท > อดีต ปสาทะ อธิ. เปลีย่ น ๒ คอื ตัณหา --> ปสาทะ, อปุ าทาน --> อธโิ มกข (-วิริยะ, ฉันทะ) กริ ยิ า - แท > ปจจบุ ัน (-ฉันทะ) (-ปติ, ฉนั ทะ) * มลู ๓ ในวิปากไมม ีกําลงั ใหเ ปนผล จงึ ไปรวมอยูใน นามํ สว นกิรยิ า ไมมีอวชิ ชา

- 57 - ๐ สรปุ รวม ๓ บท โดยจติ ๐ คัมภรี วภิ ังคปกรณ แสดงปฏจิ จ. โดยอภิธรรมภาชนียนยั แบง ออกเปนนิทเทสมีอยู ๖ คู ( น.๑๘๖ ) อกุ. แบบที่ ๑ อกุ. แบบที่ ๓ (๑) อกุสลนิทเทส (๔) อวิชชามลู กกสุ ลนิทเทส (อวิชชาเปน มลู ใหเ กิดกุศล ๒๑ ดวงใดดวงหนึง่ ) อก.ุ แบบที่ ๔ อัพ. แบบท่ี ๑ อกุ. แบบท่ี ๑ (๒) กุสลนิทเทส (๕) กุสลมลู กวปิ ากนทิ เทส อก.ุ แบบท่ี ๕ อัพ. แบบที่ ๓ (๓) อัพยากตนทิ เทส (๖) อกสุ ลมลู กวปิ ากนทิ เทส ทวิ.๑๐ อัพ. แบบท่ี ๒ โลกยี . ใชค ําลงทา ย ( ๑ ) อกุศล. ( ๒ ) กศุ ล ๒๑ ( ๓ ) อพั ยากต. ( ๔ ) = (๒) ( ๕ ) = (๓ กุ.) ( ๖ ) = (๓ อกุ.) กุศล. ๑ แบบ \" เอวเมตสฺส เกวลสสฺ ยกท.ิ ส.ํ ๔ ยก ม.ก.ุ สํ.๔ ทวิ.๑๐ สํ.ณ.ฯ ทว.ิ ๑๐ ส.ํ ณ.ฯ ทว.ิ ๑๐สํ.ณ.ฯ ทุกขฺ กขฺ นธฺ สสฺ อวชิ ชา กสุ ลมลู ๓ สมุทโย โหติ \" สงั ขาร อวชิ ชา กสุ ล. กุสล. อกุสล. อกสุ ล. วญิ ญาณ สังขาร สังขาร สงั ขาร สังขาร สงั ขาร สงั ขาร โลกุต. ใชค ําลงทาย \" เอวเมเตสํ ธมมฺ านํ นาม ปสาทะ อธิ. ปสาทะ อธิ. อธิ. สมทุ โย โหติ \" ฉัฏฐายตนะ อธโิ มกข อธโิ มกข ผสั สะ เวทนา ตัณหา อปุ าทาน ภวะ ชาติ ชรามรณะ

๐ สรุป จติ ดวงเดียว ๓ บท - 58 - ๑ ๒ ๓๔๕๖ ๗๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ เว. ตัณหา อปุ . ภวะ ชาติ ชรามรณะ องค แบบ ของจติ อวิช. สงั ขาร วญิ . นาม ฉัฏฐา. ผสั . ๑๒ ๑) อกศุ ลบท ๑. ทิฏฐ.ิ สํ.๔ ๑๒ - ไมม ที ฏิ ฐิ จงึ แทนดว ย อธโิ มกข ( ตดั สนิ ดี / ไมดกี ไ็ ด ) ๑๒ - เปน โทสะ กเ็ ปน ปฏิฆะ ตามดว ย อธโิ มกข ๒. ทิฏฐิ.วปิ .๔ อธ.ิ ๑๑ - วิจ.ิ แทน ตัณหา แตตัดสินใจไมได องคจงึ ขาดที่ อุป. อธ.ิ ๑๒ - อทุ .แทน ตณั หา ตามดวย อธิโมกข ๓. โทสมลู .๒ ปฏิฆ. --- ๑๒ วจิ ิ. อธ.ิ ๔. วจิ กิ ิจฉา.๑ อทุ . อธิ. ๙ - เพราะทว.ิ ๑๐ ไมมกี าํ ลังพอ จึงขาด ๓ องค ปสาทะ ๕. อุทธัจจ.๑ ๒) กุศลบท กศุ ลจติ ๒๑ ก.ุ ๓,๒ ๓) อัพยากตบท ๑. ทว.ิ ๑๐ =วปิ าก ไมแ ท --- สงั ขาร(อดีต) ๒. ส.ํ ๒, ณ.๓ =วิปาก ไมแท สงั ขาร(อดีต) อธิ. ๑๐ อา.๒,หสิ.๑ =กิริยา แท สังขาร(ปจ จบุ ัน) ปสาทะ อธิ. ๑๑ สงั ขาร(อดตี ) ๓. สเหตุกว.ิ ๒๑ =วิปาก ไมแ ท สังขาร(ปจ จุบนั ) สเหตุกกิ.๑๗ =กิริยา แท


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook