Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติศาตรื1

ประวัติศาตรื1

Published by poundaom2546, 2018-02-08 01:54:00

Description: ประวัติศาตรื1

Search

Read the Text Version

ประวัตศิ าสตร์เป็ นการสนทนาต่อเน่ืองกนั ระหว่างปัจจุบนั และอดีต 59$

คานา คานา หนงั สือเลม่ นีจ้ ดั ทาขนึ ้ เพื่อเป็นสว่ นหน่งึ ของแหลง่ อารยธรรมโบราณในภมู ภิ าคเอเชีย เพ่ือให้ไดรับทราบเกี่ยวกบั แหลง่ อารยธรรมโบราณในภมู ภิ าคเอเชยี และได้ศกึ ษาอยา่ งเข้าใจเกี่ยวกบั แหลง่ อารยธรรมโบราณในภมู ภิ าคเอเชีย ผ้จู ดั ทาหวงั วา่ หนงั สอื เลม่ นีจ้ ะเป็นประโยชน์กบั ผ้อู า่ น หรือนกั เรียน และบคุ คลทวั่ ๆไปท่ีกาลงั หาข้อมลู เรื่องนีอ้ ยหู่ ากมีข้อแนะนาข้อผดิ พลาดประการใดผ้จู ดั ทาขอน้อมรับใว้และ ขออภยั มา ณ ที่นีด้ ้วย ผจู้ ดั ทำ ธนำดล หนูขำว วนั ที่ 5/02/61

สารบญั 1 2อารยธรรมล่มุ นา้ ไทกรีส-ยเู ฟรตสี 3อารยธรรมของชาวสเุ มเรียน 4อารยธรรมของชาวอมอไรต์ 5อารยธรรมของชาวเอสซีเรีย 6อารยธรรมของชาวคาลเดียน 7อารยธรรมของชาวเปอร์เซยี 8อารยธรรมของชาวฮิบรูอารยธรรมล่มุ แมน่ า้ สินธุอารยธรรมจีนในสมยั ประวิศาสตร์13

ภมู ภิ าคเอเชียเป็นดินแดนที่มีอารยธรรมเก่าแก่แห่งหนงึ่ ของโลกที่มีอารยธรรมที่สาคญั ได้แก่อารยธรรมลมุ่ แมน่ า้ ไทกรีส-ยเู ฟรตีสในเอเชียตะวนั ตกเฉียงใต้ อารยธรรมลมุ่ แม่นา้ ฮวงโหในประเทศจีนและอารยธรรมลมุ่ แมน่ า้ สนิ ธุในประเทศอินเดีย ซงึ่ อารยธรรมในแตล่ ะแหง่ เหล่านีม้ ีววิ ฒั นาการมาตงั้ แตส่ มยัยคุ หินลกั ษณะสาคญั ของในทวีปเอเชียมีลกั ษณะท่ีสาคญั ดงั นี ้ อารยธรรมล่มุ นา้ ไทกรีส-ยกู เฟสตีสหรืออารยธรรมเมโสโปเตเมียตงั้ อย่ใู นบริเวณของที่ราบล่มุ ไทกรีสและแมน่ า้ ยเู ฟรตีสท่ีมีความอดุ มสมบรู ณ์ในภมู ิภาคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใต้หรือในประเทศอิรักปัจจบุ นั ได้มีชนเผ่าตา่ งๆ ผลดั เปลี่ยนกนั มาสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กบั เมโสโปเตเมียที่สาคญั ได้แก่ชาวสเุ มเรียน ชาวอมอไรต์ ชาวแอสซเี รีย ชาวคาลเดียน ชาวเปอร์เซีย และชาวฮิบรู เป็นต้น 1

1.อารยธรรมของชาวสเุ มเรียน ชาวสเุ มเรียนเป็ยชนเผา่ แรกท่ีมาตงั้ ถ่ินฐานที่เมโสโปเตเมีย เม่ือประมาน4000ปีก่อนคริสต์ศกั ราช มีพฒั นาการเมืองเริ่มจากหม่บู ้านก่อนพฒั นามาเป็นชมุ ชน วดั มีพระเป็นผ้ปู กครอง ศนู ย์กลางปกครองอย่ทู ี่วดั ต่อมาเมื่อชมุ ชนขยายตวั เป็นชมุ ชนใหญ่เกิดองค์การเมืองแบบนครรัฐ แต่ละนครรัฐเป็นอสิ ระไม่ขนั แก่กนั มีกษัตริย์เป็นผ้นู า ชาวสเุ มเรียนบั ถือเทพเจ้าหลายองค์แต่ละนครรัฐจะมีเทพพระเจ้าประจานครรัฐ ชาวสเุ มเรียนมีการประดษิ ฐ์อกั ษรลมิ่ หรือคนู ิฟอร์ม(cuniforrm)ขนึ ้ เพอื่ ใช้ในการตดิ ต่อสือสารกนั โดยได้บนั ทงึ ลงในแผน่ ดินเหนียว วรรณกรรมของชาวสเุ มเรียน คือ มหากาพย์กิลลาเมช(Gilgamesh)กลา่ วถงึ การผจญภยั ของบรรพบรุ ุษของชาวสเุ มเรียน และมหากาพย์เอรลิล(Enlil)พรรณนาถึงการสร้างโลกและนา้ ท่วมโลก นอกจากนนั้ ชาวสเุ มเรียนยงั รู้จกั การสร้างระบบชลประทานอย่างง่าย เชน่ การสร้างแอง่ เก็บนา้ เพอ่ื ช่ในการเกษตรกรรมเป็นต้น รู้จกั การคิดเลขบวก ลบ คณู หาร การจดั ปฏทิ ินแบบจนั ทรคติที่มีควานสมั พนั ธ์กบั การเคร่ือนท่ีของดวงจนั ทร์ 2

2.อารยธรรมของชาวอมอไรต์ ชาวอมอไรต์เป็นชนเผ่าท่ีได้เข้ามาสร้างความเจริญรุ่งเรืองในแเดนเมโสโปเตเมียตอ่ จากชนเผา่ สเุ มเรียน และขยายอาณาจกั รออกไปอย่ากว้างขวางสถาปนาจกั รวรรดิบาบโิ ลเนียขนึ ้ ประมาณ2000 ปีก่อนตริสตร์ศกั ราช มีนครบาบโลน เป็นศนู ย์กลางการปกครอง กษัตริย์ที่สาคญั คือ ประมวลกฎหมาย ฮมั บรู าบี ถือเป็นการประมวลจดหมายฉบบั แรกของโลกซง่ึ มีบทลงโทษเป็นแบบสนองตอบหรือตาตอ่ ตา ฟันตอ่ ฟันมีการแบง่ ชนชนั้ ในสงั คมเป็นชนชนั้ สงู ชนชนั้ กลางและชนชนั้ ต่า 3

3.อารยธรรมของชาวแอสซเี รียน ชาวแอสซีเรียได้สถาปนาจกั รวรรดแิ อสซีเรียขนึ ้ เม่ือประมาณ1100 ปีก่อนคริสต์ศกั ราชมีศนู ย์กลางการปกครองอยทู่ ่ีเมืองนิเนอเวห์ ชาแอสซเี รียมีความสามารถในการรบสามารถขยายอาณาเขตได้อย่างกว้างขว้าง และมีกองทพั ท่ีแขง็ แกร่ง มีระเบียบวินยั ความริญของชาวแอสซเี รีย ไดแก่ การปัน้ ทงั้ แบบนนู และแบบลอยตวั มกั แสดงให้เห็นถึงสดั สว่ นของร่างกายท่ีเป็นจริง การแกะสลกั ภาพนนู ต่าท่ีแสดงเหนือการเคล่ือนไหวเหนือธรรมชาตเิ ป็นต้น 4

4.อารยธรรมของชาวคาลเดียน พวกแคลเดียนสถาปนาจกั รวรรดิคาลเดียนหรือบาบเิ นียใหม่โดยมีกรุงบาบิโลเนียเป็นศนู ย์กลางกาปกครอง เมื่อประมาณ 612 ปีก่อนคริสต์ศกั ราชมีอารยธรรมคือการสร้างสวนลอยบาบิโลนท่ีเป็นสง่ิ สาคญั ชนิ ้ หนงึ่ ของโลกนอกจากนนั้ ชนเผ่าคาลเดียนยงั เป็นผู้ความรู้ทางดาราศาสตร์และโหราศาสตร์เป็นอย่างดี 5

5.อารยธรรมของชาวเปอร์เซยี พวกเปอร์เซยี เป็นชนเผา่ หนง่ึ ที่ได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กบั ดินแดนเมโสโปเตเมีย เป็นบรรพบรุ ุษของชาวอิหร่าน ปัจจบุ นั ได้มีการสถาปนาอาณาจกั รเปอร์เซยี มาตงั้ แต่ประมาณ600ปีก่อนคริสต์ศกั ราชมีความเจริญรุ่งเรืองสงู สดุ ในสมยั พระเจ้าดาริอสุ ความเจิญของชนเผ่าเปอร์เซียที่สาคญั ได้แก่ การรู้จกั การสร้างถนนเช่ือมระหวา่ งเมืองหลวงกบั ดินแดนต่างๆในอาณาจกั รมีความยาวถึง2500กิโลเมตรเพ่ือควบคมุ มณฑลตา่ งๆภายในจกั รวรรดิและเพอ่ื ความสะดวกในการตดิ ตอ่ ค้าขายนอกจากนนั้ ชาวเปอร์เซียยงั รู้จกั การประดิษฐ์อกั ษรใช่เพื่อดการตดิ ต่อส่ือสารกนั กบั การนับถือศาสนาโซโรแอสเตอร์ซงึ่ นบั ถือไฟเป็นต้น 6

6.อารยธรรมของชาวฮิบรูอชาวฮบิ รูหรือยวิ เป็นชนเผ่าที่ได้เข้ามาสร้างความเจริญรุ่งเรืองในดนิ แดนแมโสโปเตเมียอกิ เผา่ หนง่ึ เป็นชนเผา่ เร่ร่อนเผ่าหนงึ่ ในดินแดนเอเชียตะวนั ตกเฉียงใต้พระเจ้าเดวดิ (David)จงึสถาปนาอาณาจกั รฮิบรูขนึ ้ ซงึ่ มีความเจริญระหวา่ ง มีศนู ย์การปกครองท่ีกรุงเยรูซาเลม็ และมีความเจริญสงู สดุ ในสมยั กษัตริย์โซโรมอน (Solomon)ซง่ึ มีความเจริญระหว่าง937-933ปีก่อนคริสต์ศกั ราช ความเจริญรุ่งเรืองของชนเผา่ ฮิบรูได้แก่ความเจริญรุ่งเรืองทางด้านศาสนา โดยศาสนายดู ายของชาวฮิบรูได้กลายมาเป็ยศาสนาคริสต์ท่ีมีผ้นู บั ถือมากท่ีสดุ ในโลกปัจจบุ นั 7

7. อารยธรรมล่มุ แม่นา้ สินธุ เป็นอารยธรรมท่ีเก่าแก่แหง่ หนงึ่ ของโลกมีความเจริญรุ่งเรืองอย่รู ะหว่าง4000-2500 ปีก่อนคริสต์ศกั ราชมีการค้นพบซากเมืองโบราณในที่ราบล่มุ แม่นา้ สินธุคือเมืองฮารัปปา(Harrappa) และเมิองโมเฮนโจดาโร(Mohenjodaaro)โดยสิ่งท่ีได้ค้นพบท่ีสาคญั ได้แก่ซากเมืองที่มีการวางผงั เมืองอยา่ งดี ตดั ถนนอย่างเป็นระเบียบ เครื่องมือทาด้วยกระดกู สตั ว์ อารยธรรมในดนิ แดนเอเชียใต้ท่ีสร้างสรรค์โดยชนเผา่ อารยนั สามารถแบ่งออกเป็นยคุ ตา่ งๆได้ ดงั นี ้ 8

ยคุ พระเวท (ประมาณ 2000-1000ปีก่อนคริสต์ศกั ราช) คือ ชว่ งแรกท่ีชาวอารยนั เร่ิมเข้ามาในอินเดีย กล่าวถึงความเป็นมาและวิถีชีวติ ของชาวอารยนั วา่ สงั คมมีการแบ่งแยกระหว่างพวกอารยนัและพวกดราวเิ ดียน มีการรวบรวมคมั ภีร์ฤคเวทซง่ึ เป็นบทสวดอ้อนวอนพระเจ้าของชยเผ่าอารยนั และมีการให้กาเนดิ ศาสนาพราหมณ์ ยคุ มหากาพย์(ประมาณ1000-500ปีก่อนคริสต์ศกั ราช)คือชว่ งที่ชาวอารยนั ขยายอานาจของตนไปยงั แคว้นตา่ งๆ มีการก่อตงั้ เมืองทงั้ ขนาดใหญ่และขนาดเลก็ มีลกั ษณะคล้ายนครรัฐ เป็นอสิ ระไมข่ นึ ้ แก่กนั แต่ละเมืองมีกษัตริย์ปกครอง มีการนาระบบวรรณะมาใช้เพอื่ แบง่ แยกชาวอารยนั และพวกดราวิเดียน โดยแบง่ เป็น4วรรณะ คือพราหมณ์ หรือนกั บวช กษัตริย์หรือพวกนกั รบ แพศย์ หรือพอ่ ค้า ชาวนาเจ้าของท่ีดนิ และศทู ร หรือพวกทาส จณั ฑาลคือผ้ทู ี่ทาผิดกฎเกณฑ์ ของระบบวรรณะมีการประดษิ ฐ์ภาษาสนั สกฤตและเกิดวรรณคดีขนึ ้ หลายเรื่อง เช่นมหากาพย์มหาภารตะและมหากาพย์รามายณะ เป็นต้น เชื่อในเร่ืองตรีมรู ติ คือการมีพระเจ้าสงู สกุ 3พระองค์ ได้แก่พระพราหมณ์(ผ้สู ร้าง)พระวิษณ(ุ ผ้รู ักษา)พระศิวะ(ผ้ทู าลาย) เกิดคมั ภีร์ของพราหมณ์อีก3เลม่ คือเรียกวา่ ไตรเวท ประกอบด้วยคมั ภีร์ สามเวทยชรุ เวทและอาถรรพเวท ยคุ ฮินดเู ก๋า(ประมาณ550-320 ปีก่อนคริสต์ศกั ราช)เป็นยคุ ท่ีมีความเชื่อในเร่ืองที่พระมหากษัตริย์เป็นสมมติเทพมีการกาเนิดพระพทุ ธศาสนาและกาเนิดศาสนาเชน สมยั พระพทุ ธศาสนา(ประมาณ320-100ปีก่อนคริสต์ศกั ราช) เป็นชว่ งเวลาท่ีพระพทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สดุ ในสมยั จกั รวรรดเิ มาริยะที่ก่อตงั้ โดยพระเจ้าจนั ทรคปุ ต์และในสมยั ของพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงสนบั สนนุ พระพทุ ธศาสนาโดยทรงส่งสมทตู ออกไปเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนางๆดนิ แดนต่างๆเป็นช่วงที่พระพทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองมากท่ีสดุ ในสมยั ของราชวงศ์พระเจ้ากนิษะทรงทานบุ ารุงพระพทุ ธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองต่อเป็นยคุ ท่ีมีการเผ่ยแผค่ าสอนไปยงั เอเชียตะวนั ออก ได้แก่ จีน ญี่ป่ นุ เป็นต้น ยคุ ฮนิ ดใู หม่ (ประมาณ ค.ศ.320-550)สมยั จกั รวรรดิคปุ ตะเป็นชว่ งเวลาท่ีอินเดียมีการฟื น้ ฟคู าสอนและศาสนาพทุ ธมีความเจริญรุ่งเรืองอยดู่ ้านวรรณคดีว่าเป็นยคุ ทองของสนั สกฤต เทพนยิ าย นทิ านสภุ าษิต 9

สมยั ราชวงศ์โมกลุ (ค.ศ.1526-1858) เป็นยคุ ที่อนิ เดียตกอย่ใู ต้การปกครองของชาวมสุ สลมิมีความเจริญสดุ ๆในสมยั พระเจ้าอกั บาร์มหาราช เป็นยคุ สดุ ท้ายก่อนตกเป็นอานานิคมของประเทศองั กฤษมีความเจรอญรุ่งเรืองที่สาคญั ได้แก่งานทางสถาปัตยกรรมเป็นศิลปะผสมฮินดแู ละมองโก อินเดียภายใต้การปกครองของประเทศองั กฤษ ในอนคลายกดระเบียบทางสงั คมและยคุ ของการลา่ อณานคิ มอนิ เดียได้ตกเป็นเมืองขนึ ้ ขององั กฤษป็นเวลานานได้นาวิทยาการของชาตติ ะวนั ตกเข้าเผยแผ่ในอินเดียการผอ่ นคลายกฎระเบียบทางสงั คม และมีการยกเลกิ ประเพณีที่ไมไ่ ด้รับการยอมรับเชน่ การนามนษุ ย์บชู ายญั เป็นต้น สภาพสงั คมที่เคยเข้มงวดในสงั คมอินเดียได้ผอ่ ยคลายลง มีการเลียนแบบตะวนั ตกทงั้ การแต่งกาย การศกึ ษา ภาษาองั กฤษกลายเป็นภาษาราชการใช้ในอนิ เดียองั กฤษได้ประกาศให้อสิ รภาพ แก่อินเดีย หลงั สงครามโลกครัง้ ที่2 ในปี ค.ศ.1948 10

8.อารยธรรมจีน เร่ิมปรากฏในบริเวณล่มุ แมน่ า้ เหลือง(แม่นา้ ฮวงโห)ประมาณ2000ปีก่อนคริสต์ศกั ราชได้พฒั นาระดบั ความเจริญจากชมุ ชนยคู หนิ ใหมไ่ ปสคู่ วามเป็นปึกแผน่ ของรัฐเลก็ ๆก่อนจะรวมตวั กนั ในทางการเมืองเป็นอาณาจกั รและเป็นจกั รวรรดใิ นท่ีสดุ อารยธรรมจีนในสมย่ั ก่อนประวตั ิศาสตร์ เป็นดินแดนท่ีมนษุ ย์เข้ามาอาศยั ตงั้ แตส่ มยั ดกึ ดาบรรพ์ประมาณ ค.ศ.1927 คอื โครงกระดกู มนษุ ย์ปักกิ่ง ซง่ึ มีอยปู่ ระมาณ 400000ปี สว่ นอารยธรรมใยยคุ หนิ ใหมข่ องจีน ได้ปรากฏได้ขดุ พบโบราณคดี2แห่งคือ 1.วฒั นธรรมหยางเซา เป็นแหล่งอารยธรรมแห่งแรกของจีนตงั้ อยใู่ นเขตที่ราบลมุ่ แมน่ า้ หวงโฮจนถงึ แม่นา้ แยงซเี กียง มีการขดุ พบซากโบราณคดพีเครื่องปัน้ ดินเผาที่มีสีแดง ประดบั ประดาลวดลายเป็นเส้นตรง รู้จกั ทาเครื่องมือเคร่ืองใช้จากทองแดง 2.วฒั นธรรมลงุ ซาน พบในพนื ้ ที่มณฑลชานตงุ ทางตะวนั ออกเฉียงเหนือของจีน มีการขดุ พบเครื่องปัน้ ดินเผาชนิดสามขาสีดาขดั มนั เป็นเงา อารยธรรมจีนในสมยั ประวตั ศิ าสตร์ เป็นยคุ สมนั ท่ีมนษุ ย์มีความสามารถในการประดษิ ฐ์ตวั อกั ษรเพอ่ื ใช้ในการติดต่อสื่อสารกนั โดยเร่ิมจากรัชสมยั ราชวงศ์ชางเป็นต้นมา 11

อารยธรรมจีนในสมยั ประวตั ศิ าสตร์ เป็นยคุ สมนั ท่ีมนษุ ย์มีความสามารถในการประดิษฐ์ตวั อกั ษรเพือ่ ใช้ในการติดต่อส่ือสารกนั โดยเร่ิมจากรัชสมยั ราชวงศ์ชางเป็นต้นมา ราชวงศ์ชาง (ประมาณ1766-1122ก่อนคริสต์ศกั ราช)เป็นราชวงศ์แรกที่ปกครองจีนมีความเจริญรุ่งเรืองท่ีสาคญั ได้แก่การปกครองแบบนครรัฐ กษัตริย์ผ้นู าการปกครองการทหารละเศรษฐกิจมีอานาจเหนือการปกครองแคว้นตา่ งๆ มีการประดิษฐ์ปฏทิ ินแบบจทั รคตกิ ารประดิษฐ์ตวั อกั ษร การรู้จกั การใช้สาริดมาประดษิ ฐ์เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ เป็นต้น ราชวงศ์โจว(ประมาณ1122-249ก่อนคริสต์ศกั ราช)ยคุ สมยั ของราชวงศ์โจวแบง่ เป็น2ช่วงคือโจวตะวนั ตก(1122-770ก่อนคริสต์ศกั ราช) มีศนู ย์กลางการปกครองอย่ทู ่ีเมืองฉางอนั และโจวตะวนั ออก(770-256ปีก่อนคริสต์ศกั ราช)มีศนู ย์กลางการปกครองอยทู่ ี่เมืองล่อหยางมีความเจริญรุ่งเรืองท่ีสาคญั ได้แก่ แนวคิดที่ยกยอ่ งจกั รพรรดใิ ห้เป็นโอรสแหง่ สวรรค์ มีการนาระบบศกั ดินามาใช้ในสงั คมจีนครัง้ แรกและเป็นยคุ ที่ถือกาเนิดลทั ธิขงจ๊ือ ผ้ใู ห้กาเนดิ คือ ขงจ๊ือ ซงึ่ สอนในเรื่องคณุ ธรรมและจริยธรรมเน้นการปฏบิ ตั ติ นต่อสงั คมท่ีตนอย่ใู ห้ดีท่ีสดุ ตามหน้าที่ของตน คือผ้ปู กครองทาหน้าที่ผ้ปู กครอง ประชาชนทาหน้าท่ีประชาชน เป็นต้น พธิ ีกรรมและการบชู าเป็นการแสดงออกท่ีดีของมนษุ ย์ คือ ความกตญั ํรู ู้คณุ และความแกรงกลวั ตอ่ อานาจธรรมชาติ การทาพธิ ีนามาเป็นอนั หนงึ่ อนั เดียวกนั และลทั ธิเต๋า คือล่าจือ้ มีคาสอนให้รู้จกั รักความสงบสนั โดษดาเนนิ ชีวิตสอดคล้องกบั ธรรมชาติ 12

ราชวงศ์ฉิน(221-206ก่อนคริสต์ศกั ราช)การปกครองยกเลิกการปกครองระบบศกั ดินานาการปกครองแบบรวมอานาจเข้าส้ศู นู ย์กลางมีเมืองเซยี นหยางเป็นเมืองมีความเจริญรุ่งเรืองท่ีสาคญัได้แก่ การผลิตเงินตรา แบบเดียวกนั เคร่ืองชง่ั ตวงมาตรฐานเดียวกนั ระเบียบการเก็บภาษีที่ดนิ ให้เป็นระบบเดียวกนั มีการสารวจสามะโนกรประชากรครั่งแรกเพือ่ นบั จานวนไพร่พลท่ีแท้จริงาร้างพระราชวงั อนั ใหญ่โตมโหฬาร รูปปัน้ ทหารและม้า ทาด้วยดินเผามีลกั ษณะเหมือนส่ิงมีชีวิตและการสร้างกาแพงเมืองจีนเพ่ือปอ้ งกนั การรุกรานชาวชนเผ่าเร่ร่อนทางเหนือ เป็นต้น ราชวงศ์ฮนั่ (202ก่อนคริสต์ศกั ราช-ค.ศ.220)เจริญรุ่งเรืองสงู สดุ ในสมยั พระเจ้าหวตู่ ิ(้ 141-87ปีก่อนคริสต์ศกั ราช)พระองค์ทรงขยายดินแดนจีนออกไปกว้างขวาง มีการสอบคดั เลือกบคุ คลเป็นข้าราชการอาศยั ความรู้ความสามารถสว่ นบคุ ลเป็นหลกั เป็นยคุ ทองทางการค้าของจีนมีการค้ากบัตา่ งประเทศโดยใช้เส้นทางสายไหมและเป็ยยคุ ท่ีพระพทุ ธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในแผ่นดินจีน ราชวงศ์ถงั (ค.ศ.618-907)เป็นยคุ ทองของจีนที่มีความเจริญรุ่งเรืองในทกุ ด้านเศรษฐกิจการค้าการเจริญรุ่งเรืองของพระพทุ ธศาสนามีการสงเสริมทางด้านการศกึ ษามีการสอบจองหงวนเป็นยคุทองทางด้านวรรณกรรม ราชวงศ์ซ้อง(ค.ศ.960-1279)มีความเจริญก้าวหน้าใสนการเดนเรือสาเภาค้าขายทางทะเลและงานศลิ ปกรรมแขนงตา่ งๆ มีความก้าวหน้าในวทิ ยากรใหม่หลายอยา่ งก่อนชาติตะวนั ตก เชน่ การใช้ลกู คิด การใช้เข็มทศิ ในการเดนเรือ การประดิษฐ์แท่นพมิ พ์หนงั สือ มีการประดิษฐ์ดินปืนการผลติถ้วยกระเบือ้ งที่มีคความงดงาม เป็นต้น ราชวงศ์หยวน(ค.ศ.1279-1368) เป็นราชวงศ์ของชนเผา่ มองโกท่ีเขามาประเทศจีน กษัตริย์ท่ีมีชื่อเสียง คือหงวนสีโจ๊วฮอ่ งเต้(หรือกบุ ไลขา่ น)เป็นสมยั ท่ีจีนมีความเข้มแข็งทางด้านการปกครองจกั รวรรดทิ ี่ยิงใหญ่มีควาเจริญทางด้านศลิ ปะการละครคืองวิ ้ ราชวงศ์หมิง หรือเหม็ง(ค.ศ.1368-1644) เป็นสมยั ที่จีนรุ่งเรืองทางการค้าและมีการฟืน้ ฟูศลิ ปะ มีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านการค้ากบั ต่างประเทศ ความเจริญทางด้านวรรณกรรมที่นยิ มเขียนท่ีใช้ภาษาพดู มากกว่าภาษาเขียน เป็นต้น ราชวงศ์เชง็ หรือชงิ (ค.ศ.1644-1912)เป็นชนเผ่าแมนจทู ่ีเข้ามาปกครองจีน และเป็นราชวงศ์สดุ ท้ายของจีนก่อนท่ีจะถกู ดร.ซนุ ยตั เซนปฏิวตั แิ ปล่ียนแปลงการปกครองระบอกสาธารณรัฐ 13


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook