การบริหารความขัดแย้ง กลุ่มที่ 9 รายวิชา 1901322 Leadership and Nursing management
สถานการณ์ข่าว ผอ.รพ.เตรียมตั้งกรรมการสอบ หมอไล่คนไข้กลับบ้าน เหตุการณ์หน้าห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2564 ผู้ป่วยมีอาการไข้ หนาวสั่น ท้องเสีย ทางครอบครัวได้มีการปฐม พยาบาลเบื้องต้น แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้นและมีอาการไข้ขึ้นสูง จึงตัดสินใจพาแม่อายุ 59 ปี ลงดอยไป โรงพยาบาลเชียงดาว เพราะกลัวว่าหากปล่อยไว้นานอาจเป็นอันตรายแต่เมื่อมาถึงโ รงพยาบ าล ประมาณตีหนึ่ง เธอได้เข้าไปติดต่อขอทำบัตรที่ห้องเบอร์1 ตามที่เจ้าหน้าที่บอก ผู้ป่วยและญาติรอ นานมาก แต่กลับไม่มีหมอมาตรวจ เธอจึงถามว่าทำไมไม่มีหมอ เจ้าหน้าที่บอกว่าหมออยู่ในห้อง ฉุกเฉิน เธอจึงเดินเข้าไปตามบอกหมอ หมอถามว่าเป็นอะไร ผู้ป่วยอยู่ไหน เดินไหวไหม เธอบอกไหว ปรากฎว่าหมอตอบว่าให้กลับบ้านไป ซึ่งเธอก็ติดใจและถามหมอกลับไปว่าทำไมไม่ตรวจอาการก่อน หมอก็บอกไม่ ซึ่งเคสด่วนคือ เป็นไข้ หายใจเร็ว เกือบตาย เจ็บอก จะคลอดลูก มีแค่นี้ถึงจะมา โรงพยาบาลห้องฉุกเฉินได้และยืนยันให้กลับบ้าน อีกทั้งยังบอกอีกว่าไม่ได้ซึ่งตอนนี้ที่เมืองนอกเขาไล่ กลับบ้านหมด มีแต่เมืองไทยนั้นแหละที่รักษาฟรีแล้วยังตรวจให้ แต่ถ้าจะมาตรวจต้องมาตรวจในเวลา ราชการเท่านั้น หากไม่เกิดอาการฉุกเฉินดังข้างต้น ก็ให้กลับบ้านหมด และพยาบาลที่อยู่เวรทำการ ไกล่เกลี่ยระหว่างแพทย์และญาติของผู้ป่วย จากนั้นโดยมีการวัดความดันโลหิตและให้ยาแก้ปวดไป รับประทาน หากยังไม่ดีขึ้นให้กลับมาพรุ่งนี้เช้า พอทางผอ.รพ.ทราบเรื่อง ก็ได้เตรียมตั้งกรรมการสอบ และได้ลงโทษทั้งแพทย์และพยาบาลที่อยู่ในเวรนั้น
1. วิเคราะห์สถานการณ์ในประเด็น ดังนี้ 1.1 ระบุปัญหาในสถานการณ์ ปัญหาที่ 1 เกิดความขัดแย้งเกี่ยวกับการรักษาระหว่าง แพทย์และญาติผู้ป่วยเนื่องจากมีความคิด เห็นไม่ตรงกัน ปัญหาที่ 2 การสื่อสารของแพทย์ที่มีต่อญาติผู้ป่วยไม่ เหมาะสม ปัญหาที่ 3 พฤติกรรมการแสดงออกของแพทย์ที่มีต่อ ญาติผู้ป่วยและผู้ป่วยไม่เหมาะสม ปัญหาที่ 4 การกระทำของแพทย์และพยาบาลขัดแย้ง กับจรรยาบรรณวิชาชีพ
1.2 ปัญหาที่มีความเกี่ยวข้องกับ Leadership and Nursing management 1.2.1 เกิดความขัดแย้งเกี่ยวกับ การรักษาระหว่างแพทย์และญาติผู้ ป่วยเนื่องจากมีความคิดเห็นไม่ ตรงกัน ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสถานการณ์เป็นความ ขัดแย้งที่แบ่งประเภท ตามเป้าหมายของความขัด แย้ง โดยเป็นความขัดแย้งในเรื่องความสัมพันธ์ จากสถาณการณ์ที่ เกิดขึ้นนั้นเป็นประเด็นความ ขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคล (interpersonal conflict)โดยเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างเเพทย์ และญาติของผู้ป่วย นี้เป็นความขัดแย้งที่ปรากฎ ชัดเจน (perceived) คือ มองเห็นได้ง่าย มีการ โต้ตอบ โต้เถียง เนื่องจากในสถานการณ์เกิดการ แสดงออกต่อความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ทำให้ต่าง ฝ่ายเกิดความไม่พอใจซึ่งกันและกัน เกิดการโต้ เถียงขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่าย จึงเป็นเหตุทำให้เกิด ปัญหาขึ้นในครั้งนี้
1.2.2 การสื่อสารของแพทย์ ที่มีต่อญาติผู้ป่วยไม่เหมาะสม จากสถานการณ์พบว่าการสื่อสารของแพทย์ที่มีต่อญาติผู้ป่วยไม่ เหมาะสม เนื่องจากการสื่อสารทางคำพูดและท่าทางของแพทย์นั้นไม่ เหมาะสม ทำให้ญาติผู้ป่วยเกิดความไม่พอใจ ซึ่งตรงกับทฤษฎีคือมีการ ใช้ภาษาทั้งการสื่อสารเชิงวัจนภาษา (verbal communication)และ การสื่อสารเชิงอวัจนภาษา (non-verbal communication) เป็นการสื่อสารที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคล (interpersonal communication) เป็นแบบเผชิญหน้า (face to face) และเป็นการ สื่อสารแบบสองทาง (two-way communication) โดยวัตุประสงค์ ของการสื่อสารในครั้งนี้คือ แจ้งเพื่อให้ทราบถึงสุขภาพของผู้ป่วย การ สื่อสารนั้นมีความสำคัญเพื่อทำให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข โดยมีการแสดงออกถึงพฤติกรรมภายใน คือ จิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก ซึ่งมีผลต่อการเรียนรู้ การคิด การตัดสินใจ และพฤติกรรมภายนอก คือ การใช้เสียง การพูด การแสดงสีหน้า เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจถึงสารที่ผู้ พูดต้องการจะสื่อ ทำให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน
1.2.3 พฤติกรรมการแสดงออกของแพทย์ ที่มีต่อญาติผู้ป่วยและผู้ป่วยไม่เหมาะสม พฤติกรรมการแสดงออกของแพทย์ นอกจากความรู้ทางวิชาการ การแพทย์ การฝึกฝนอบรม ทักษะและการมีทัศนคติที่ดีแล้ว สิ่งที่จำเป็น และสำคัญมาก คือ การเรียนการสอนด้านคุณธรรม จริยธรรมที่จะต้อง มีควบคู่ไปด้วยกันเสมอ เพราะแพทย์ทำงานเกี่ยวข้องกับมนุษย์โดยตรง ในการรักษา บรรเทาอาการป่วยทางด้านร่างกายและจิตใจ นอกจากนี้ แพทย์ยังส่งเสริมสุขภาพให้คนปกติและผู้ป่วยแข็งแรง ในทางตรงข้าม หากแพทย์ปราศจากซึ่งคุณธรรมจริยธรรม นึกถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน หรือละเลยในหน้าที่อาจนำความเสียหายมาให้แก้ผู้ป่วยได้ พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของแพทย์ที่มีต่อผู้ป่วยและญาติ 1. แพทย์ตะคอกใส่ผู้ป่วยและญาติ ไล่กลับบ้าน เหตุมารักษานอกเวลา ลั่นใกล้ตายค่อยมา ส่งผลให้ญาติผู้ป่วยไม่พอใจ หมอตะโกนกลับว่า มันไม่ด่วน 2. แพทย์ไม่มาตรวจดูอาการผู้ป่วยเลยว่าเป็นอย่างไรบ้าง ท้ายที่สุด พยาบาลได้วัด ความดันให้ โดยระบุว่าผลปกติ ก่อนที่จะสอบถามอาการไข้ว่าเป็นมากี่วัน กินยา หรือยัง และแนะนำญาติผู้ป่วยว่าต้องปฏิบัติอย่างไร ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ที่หมอ แสดงแก่ผู้ป่วยและญาติไม่เหมาะสม 3. แพทย์ควรจะแสดงพฤติกรรมที่ดีให้การตรวจรักษาช่วยเหลือผู้ป่วยเท่าเทียมกัน โดยไม่เลือกศาสนา ชั้นวรรณะและเศรษฐานะไม่ว่าเป็นผู้ใด 4. แพทย์จะปฏิเสธการตรวจรักษาไม่ได้หากเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถกระทำ การช่วยเหลือได้เต็มที่ก็ต้องให้คำแนะนำจัดการปรึกษาช่วยติดต่อให้ความ สะดวกแก่ผู้ป่วยในการไปพบแพทย์ที่จะสามารถช่วยเหลือรักษาได้ต่อไป
1.2.4 การกระทำของแพทย์และพยาบาล ขัดแย้งกับจรรยาบรรณวิชาชีพ จากสถานการณ์จะเห็นได้ว่าการกระทำของแพทย์และพยาบาลที่ กระทำต่อผู้ป่วยเกิด ความไม่เหมาะสม ขัดแย้งต่อจรรยาบรรณวิชาชีพ ทั้งของแพทย์และของพยาบาล คือแพทย์ไม่ทำการรักษาให้ผู้ป่วย เนื่องจากเห็นว่าคนไข้ยังมีอาการยังไม่รุนแรง เลยไล่ให้ญาติและผู้ป่วย กลับบ้าน จรรยาบรรณวิชาชีพพยาบาล ประกอบด้วย 1.พยาบาลรับผิดชอบต่อประชาชนผู้ต้องการการพยาบาลและบริการสุขภาพ ทั้งต่อ ปัจเจกบุคคล ครอบครัว ชุมชน และระดับประเทศในการเสริมสร้างสุขภาพ การป้องกัน ความ เจ็บป่วย การฟื้ นฟูสุขภาพ และการบรรเทาความทุกข์ทรมาน 2.พยาบาลประกอบวิชาชีพด้วยความเมตตากรุณา เคารพในคุณค่าของชีวิต ความมี สุขภาพดีและความผาสุกของเพื่อนมนุษย์ช่วยให้ประชาชนดารงสุขภาพไว้ในระดับดี ที่สุด 3.พยาบาลมีปฏิสัมพันธ์ทางวิชาชีพกับผู้ใช้บริการ ผู้ร่วมงาน และประชาชนด้วยความ เคารพศักดิ์ศรี 4. พยาบาลต้องยึดหลักความยุติธรรมและความเสมอภาคในสังคมมนุษย์ร่วมดำเนินการ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการบริการสุขภาพได้รับความช่วยเหลือดูแลอย่างทั่วถึง และดูแลให้ผู้ใช้บริการได้รับการช่วยเหลือที่เหมาะสมกับความต้องการอย่างดีที่สุดเท่า ที่จะ เป็นไปได้ 5.พยาบาลประกอบวิชาชีพโดยมุ่งความเป็นเลิศ ปฏิบัติการพยาบาลโดยมี ความรู้ใน การกระทำและสามารถอธิบายเหตุผลได้ในทุกกรณี พัฒนาความรู้และ ประสบการณ์ อย่างต่อเนื่อง
6. พยาบาลพึงป้องกันอันตรายต่อสุขภาพและชีวิตของผู้ใช้บริการ โดยการ ร่วมมือ ประสานงานอย่างต่อเนื่องกับผู้ร่วมงานและผู้เกี่ยวข้องกับทุกฝ่ายทุกระดับ 7. พยาบาลรับผิดชอบในการปฏิบัติให้สังคมเกิดความเชื่อถือไว้วางใจต่อพยาบาลและต่อ วิชาชีพการพยาบาล 8. พยาบาลพึงร่วมในการทำความเจริญก้าวหน้าให้แก่วิชาชีพการพยาบาล 9. พยาบาลพึงรับผิดชอบต่อสังคมเช่นเดียวกับรับผิดชอบต่อผู้อื่น จรรยาบรรณแพทย์ ประกอบด้วย 1. เน้นประโยชน์ผู้ป่วยสูงสุด (beneficence) 2. สิ่งที่จะทำต้องเน้นไม่ให้ผู้ป่วยได้รับอันตรายใด ๆ เพิ่มขึ้น (Non-maleficence) 3. ผู้ป่วยมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะรู้สาเหตุและอาการป่วยของตัวเองและเลือกวิธีรักษา ตามความเหมาะสม (Autonomy) 4. การรักษาต้องอาศัยความบริสุทธิ์ยุติธรรมไปตามสมมุติฐานโรคของผู้ป่วยแต่ละคน อย่างแท้จริง (Justice) 5. ทั้งผู้รักษาหรือผู้ดูแลพยาบาลและคนไข้ต่างมีเกียรติและสมควรได้รับการปฏิบัติต่อ กันอย่างมีเกียรติ (dignity) 6. แพทย์และพยาบาลต้องไม่ปิดอาการป่วยต่อผู้ป่วย และควรให้ผู้ป่วยรับรู้ความหนัก เบาของอาการป่วยตามความจริง แต่ทั้งนี้ ต้องดูความเหมาะสมอย่างอื่นประกอบ เช่น สภาพจิตผู้ป่วยด้วย (Truthfulness and Honesty)
1.3 ความรุนแรงของปัญหา ผลกระทบที่เกิดขึ้น หากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข ความรุนแรงของปัญหาที่เกิดขึ้น : ส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย จิตใจ ของผู้ป่วย และครอบครัว มุมมองของผู้ป่วยและครอบครัวที่มีต่อจริยธรรมทางการแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลที่ผู้ป่วยเข้ารับบริการ ไม่ดีใน หลายๆด้าน ภาพลักษณ์ของบุคลากรทางการแพทย์สื่อไปในทางที่ไม่ เหมาะสม ผลกระทบต่อตัวผู้ป่วย : ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาที่เต็มประสิทธิภาพ ได้รับผลกระทบทางจิตใจ อาจทำให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกไม่อยากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่ไว้วางใจในบริการของโรงพยาบาล ผลกระทบต่อญาติของผู้ป่วย : ญาติผู้ป่วยได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจ ญาติไม่สบายใจที่จะให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ผลกระทบต่อแพทย์ : แพทย์ผู้ทำการรักษาเสี่ยงต่อการโดนผู้ป่วยฟ้องร้อง สูญเสียภาพลักษณ์ที่ดีของแพทย์ เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับผู้ป่วย ผลกระทบต่อพยาบาล : พยาบาลอาจถูกฟ้องร้องจากผู้ป่วยส่งผลต่อวิชาชีพ สูญเสียความไว้วางใจในการดูแลรักษาผู้ป่วย ผลกระทบต่อโรงพยาบาล : โรงพยาบาลสูญเสียชื่อเสียง สูญเสียความน่าไว้วางใจ สูญเสียภาพลักษณ์ที่ดีของโรงพยาบาลในการดูแลรักษาผู้ป่วย
1.4 วิเคราะห์สาเหตุของปัญหา • เกิดความขัดแย้งเกี่ยวกับการรักษาระหว่างแพทย์และญาติผู้ป่วยเนื่องจากความเห็นไม่ตรงกัน โดยในมุมมองของผู้ป่วยนั้นเห็นว่าแม่ของตนไม่สบายจึงสมควรที่จะได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์และ พยาบาล แต่ในมุมมองของแพทย์เห็นว่าไม่ใช่กรณีเร่งด่วน ควรมารับการรักษาในเวลาราชการ • การสื่อสารของแพทย์ที่มีต่อญาติผู้ป่วยไม่เหมาะสม เนื่องจากแพทย์มีการใช้อารมณ์และน้ำเสียงในการพูดสื่อสารกับผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย รวมถึงมีการ แสดงออกทั้งสีหน้าและท่าทางที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งยังได้มีการปฏิเสธการรักษา ซึ่งก่อให้เกิดการโต้เถียงกัน ระหว่างแพทย์และญาติผู้ป่วยตามมา • พฤติกรรมการแสดงออกของแพทย์ที่มีต่อญาติผู้ป่วยและผู้ป่วยไม่เหมาะสม เนื่องจากคำพูดและการกระทำของแพทย์มีการแสดงออกไม่เหมาะสมและมีการปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยซึ่ง การกระทำดังกล่าวขัดกับจริยธรรมมทางการแพทย์ • การกระทำของแพทย์และพยาบาลขัดแย้งกับจรรยาบรรณวิชาชีพ แพทย์ไม่สนใจรับฟังปัญหาของผู้ป่วย ปฏิเสธการให้การรักษา
จากสถานการณ์ ทางกลุ่มสามารถสรุปได้ว่าปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจาก ปัญหาการสื่อสาร และความตระหนักถึงจรรยาบรรณวิชาชีพ โดยทางกลุ่มมีข้อเสนอแนะแนว ทางการแก้ปัญหาและป้องกัน ดังนี้ 1. มีการรับฟังความเห็นซึ่งกันและ 3. บุคคลากรทางการแพทย์ที่ทุกคนให้บริการ กัน ไม่ใช้คำพูด การกระทำหรือ การพยาบาลที่มารับบริการอย่างมี อารมณ์ที่รุนแรง ประสิทธิภาพและเท่าเทียมกันทุกคน ไม่เลือก เพศ ชั้นวรรณะ 2. แสดงออกถึงความเห็นอก เห็นใจ พูดคุยกันด้วยเหตุและผล 4. ผู้บริหารทางการพยาบาลต้องแสดงออก อธิบายให้ญาติและผู้ป่วยเข้าใจถึง อย่างชัดเจนถึงเป้าหมายของฝ่ายการ สถานกาณ์ พยาบาล คือ การพยาบาลที่มีคุณภาพ ซึ่งจะ ทำให้เกิดความตระหนักในเป้าหมายของการให้ บริการทางการพยาบาล 5. เน้นการทำงานเป็นทีมระหว่าง 7.มีการกำหนดแนวทางของเป้าหมายร่วมกัน แพทย์ และพยาบาลซึ่งต่างฝ่ายต่าง อย่างชัดเจน เพื่อลดการเกิดปัญหาความขัด ได้รับการปลูกค่านิยมด้านวิชาชีพ แย้งที่อาจเกิดขึ้นตามมา จะส่งผลทำให้เกิดความตระหนักใน วิชาชีพของตนมากยิ่งขึ้น 8. ผู้บริหารหรือหัวหน้างานต้องเป็นผู้ที่รับรู้และ รู้สึกถึงความขัดแย้งได้เร็วและฉับไว เป็นผู้ที่มี 6. มีการจัดอบรมและพัฒนา ศิลปะในการสื่อสารและความสามารถสูงในการ คุณภาพการบริการให้มี ประสาน รวมทั้งอาจเป็นผู้ที่มีอารมณ์ขัน เพื่อ ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดความตึงเครียด และควรมีแนวทางในการ แก้ไขปัญหาแบบวิธีชนะทั้งสองฝ่าย
2. แนวทางในการแก้ไขปัญหา กิจกรรมพั ฒนาการสื่อสารเพื่ อลดความขัดแย้ง ในบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มเป้าหมาย : บุคลากรทางการแพทย์ ในโรงพยาบาลเชียงดาว แผนกฉุกเฉิน วัตถุประสงค์ 1. เพื่อส่งเสริมให้ไม่เกิดความขัดแย้งเกี่ยวกับการรักษาเนื่องจาก ความคิดเห็นไม่ตรงกัน 2. เพื่อให้อัตราการขัดแย้งลดลง 3. เพื่อให้การสื่อสารระหว่างบุคคลมีประสิทธิภาพ ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม 1. อบรมทักษะด้านการสื่อสารและการแสดงออกในการให้บริการแก่ ผู้รับบริการเพื่อให้มีการสื่อสารและการแสดงออกระหว่างการให้ บริการที่เหมาะสม 2. อบรมเทคนิคISBAR ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วย ที่อยู่ในภาวะวิกฤตหรือเฉียบพลันที่ต้องการการดูแลรักษารีบด่วน หรือทันที มีจุดประสงค์เพื่อให้มั่นใจว่าในการสื่อสารนั้นๆข้อมูลถูกต้อง 3. จัดให้มีกิจกรรม “ปากต่อปาก”แบ่งบุคลากรออกเป็นทีม ทีมละ 6 คน โดยให้บอกเล่าประโยคตามที่ผู้จัดได้กำหนดให้จากคนแรกไปจนถึงคน สุดท้าย และให้คนสุดท้ายของกลุ่มออกมาบอกประโยคที่ได้จากการ บอกเล่าของคนในทีม เพื่อส่งเสริมให้มีหลักการสื่อสารอย่างมี ประสิทธิภาพ 7’C ตัวชี้วัด : Results Based Management : RBM)
กิจกรรมเสริมสร้างความตระหนักถึงจรรยาบรรณทางวิชาชีพ พฤติกรรมการบริการ เพื่ อลดความขัดแย้ง ระหว่างบุคลากรทางการแพทย์และผู้รับบริการ วัตถุประสงค์: เพื่อส่งเสริมให้แพทย์และพยาบาลมีจรรยาบรรณและจริยธรรม ในทางการรักษา ตัวชี้วัด: ระบบการบริหารจัดการแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ (Results Based Management : RBM) กลุ่มเป้าหมาย บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลเชียงดาวแผนกฉุกเฉิน ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม 1. จัดอบรมให้ความรู้เรื่องจรรยาบรรณทางวิชาชีพและการให้บริการ ของบุคลากรทางการแพทย์เพื่อส่งเสริมให้บุคลกรทางการแพทย์มี จรรยาบรรณและจริยธรรมในการรักษา 2. จัดกิจกรรม “หนังสั้นช่วยคิด” โดยทางผู้จัดจะนำเสนอวิดีโอหนัง สั้นและให้บุคลากรทางการแพทย์วิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ปัญหาที่เกิดคืออะไร เกิดจากสาเหตุใดและให้เสนอแนวทางที่จะ แก้ไขปัญหานั้น
สรุปกรณีศึกษา ปัญหาความขัดแย้งในโรงพยาบาลเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประจำ และสามารถพบได้บ่อย ซึ่งแบ่งระดับความขัดแย้งออกเป็น 4 ระดับนั้น คือ 1. ความขัดแย้งส่วนบุคคล 2.ความขัดแย้งระหว่างบุคคล 3. ความ ขัดแย้งระหว่างกลุ่ม และ 4. ความขัดแย้งระหว่างองค์กร ซึ่งจากกรณี ศึกษาพบว่าปัญหาความขัดแย้งของโรงพยาบาลเชียงดาวเป็นปัญหา ความขัดแย้งระหว่างบุคคล เกิดจากปัจจัยด้านการสื่อสารระหว่างบุค คลากรทางการแพทย์กับผู้ป่วยและญาติ อีกทั้งพฤติกรรมของบุคคลา กรทางการแพทย์ขัดต่อจรรยาบรรณทางวิชาชีพที่ควรจะเป็น โดยได้ใช้ กระบวนการการบริหารความขัดแย้งเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา และป้องกันปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น และใช้เป็นแนวทางในการรับมือกับ ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลต่อไป
Thank you for attention
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: