แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ กศน. แบบบูรณาการ ตามรปู แบบ ONIE Model หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 4 หวั เรื่อง พลังงานท่ยี าวนานเรมิ่ ท่ีเรา หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ……….. ปีการศกึ ษา ……………. สานักงานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวัดกาญจนบรุ ี สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั สานักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธกิ าร
คานา ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองกาญจนบุรีได้ดาเนินการ จัดทาแผนกจิ กรรมการเรยี นรู้ กศน.แบบบูรณาการ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 หัวเร่ือง พลังงานท่ียาวนานเร่ิมที่เรา เพื่อให้ครูผู้สอนใช้เป็นคู่มือในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพตาม หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานพุทธศักราช 2551 ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ......... ปีการศกึ ษา .................... เอกสารประกอบการจัดทาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการ หน่วยการ เรียนรู้ท่ี 4 หวั เรื่อง พลังงานที่ยาวนานเร่ิมท่ีเรา ประกอบด้วยแผนผังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน. แบบ ONIE Mode แผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ กศน.แบบบูรณาการ ใบความรู้ แบบประเมินการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ แนวตอบ และแบบบันทึกหลงั การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ การดาเนินการจัดทาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการ หลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ .......... ปีการศึกษา ............. ในคร้ังนี้ ประสบความสาเร็จได้ด้วยดี ต้องขอขอบพระคุณ นายศักด์ิชัย นาคเอ่ียม ผู้อานวยการ กศน.อาเภอเมืองกาญจนบุรี นางสาวชมพู จันทนะ ครูชานาญการเป็นอย่างสูงท่ีเป็นผู้ให้ คาปรึกษา ในการดาเนินการจัดทาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการหน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 หัวเร่ือง พลังงานท่ียาวนานเร่ิมท่ีเรา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับประถมศึกษา ภาคเรียน ท่ี ………… ปีการศึกษา ………………… มาโดยตลอดทาให้การดาเนินการจัดทา แผนการเรียนรแู้ บบบรู ณาการบรรลุตามวตั ถปุ ระสงค์ จัดทาโดย กศน.อาเภอเมอื งกาญจนบุรี
สารบญั หน้า เรอ่ื ง คานา สารบัญ แผนผังการจดั หน่วยการเรียนรู้ กศน.แบบบรู ณาการ แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ กศน.แบบบูรณาการตามรปู แบบ ONIE MODEL ใบความรทู้ ี่ 1 เรอ่ื งรจู้ ักไฟฟูา ใบความรูท้ ี่ 2 เรอื่ งพลงั งานไฟฟูาของประเทศไทย ใบความรู้ท่ี 3 เรอ่ื งการประหยัดพลงั งานไฟฟาู แบบประเมินการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวตอบแบบประเมินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ บันทกึ หลังการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ บรรณานุกรม คณะทางาน
แผนผงั หนว่ ยการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ กศน. แบบบูรณาการ หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับกา ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนท รายวชิ า การใช้พลังงานไฟฟูาในชวี ติ ประจาวัน 1 (พว12010) รายวิชา การใชพ้ ลงั หัวเรอ่ื ง อุปกรณ์ไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า (พว12010) หวั เร่อื ง พลังงานไฟ เนอ้ื หา เนื้อหา - อปุ กรณไ์ ฟฟูา - วงจรไฟฟูา - สถานการณ์พลัง - สายดินและหลกั ดิน - หนว่ ยงานทเ่ี กี่ยว เร่ือง การประหยัดพลงั งานไฟฟา้ - กลยทุ ธ์การประหยดั พลังงานไฟฟูา - แนวปฏบิ ัตกิ ารประหยดั พลงั งานไฟฟาู ในครวั เรอื น รายวิชา การใช้พลังงานไฟฟาู ในชีวิตประจาวนั 1 หวั เรอ่ื ง พลงั งานทีย่ าว (พว12010) สภาพปญั หา หัวเร่อื ง รู้จกั ไฟฟา้ 1. ขาดความรู้ ความเข เน้อื หา 2. ขาดความตระหนกั ใ 3. ขาดความเอาใจใสใ่ น - ความหมาย และความสาคัญของไฟฟูา 4. ขาดความร้คู วามเข้า - ประวัติความเปน็ มาของไฟฟูาในประเทศไทย 5. ขาดความรคู้ วามเข้า - ประเภทของไฟฟูา 6. ขาดความรู้ ความเข
ร หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 หัวเร่ือง พลังงานทีย่ าวนานเร่มิ ทีเ่ รา ารศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ท่ี ……… ปีการศกึ ษา ………….. งงานไฟฟาู ในชีวติ ประจาวัน 1 ฟฟ้าของประเทศไทย งงานไฟฟาู ของประเทศไทย วขอ้ งด้านพลังงานไฟฟูาในประเทศไทย หน่วยที่ 4 เนือ้ หาเสริม (ภาษาไทย) วนานเร่ิมที่เรา 1. การฟัง การดู การพดู และการอา่ น ขา้ ใจเก่ยี วกบั ระบบไฟฟาู 2. การจับใจความสาคญั จากการฟังและดู ในการอนุรกั ษ์พลงั งานทดแทน 3. การสร้างนสิ ัยรกั การอา่ นและมารยาทในการ นการใช้ไฟฟาู ในครัวเรือน อ่านทดี่ ี าใจพลังงาน าใจประเภทของไฟฟาู เนื้อหาเสริม (ภาษาอังกฤษ) ข้าใจเกี่ยวกบั สทิ ธิส่วนบุคคล 1. คอรร์ ปั ชัน่ Corruption 2. รฐั ธรรมนญู Constitution 3. สุขภาพ Healthy 4. ประเพณี Tradition 5. จริยธรรม Ethics
ประเดน็ /ปญั หา/ส่ิงจาเป็นทต่ี ้องเรียนรู้ 1. ผ้เู รยี นขาดความรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกับระบบการไฟฟูา 2. ผู้เรยี นขาดความตระหนกั ในการอนุรักษ์พลังงานทดแทน 3. ผูเ้ รยี นขาดความเอาใจใส่ในการใชไ้ ฟฟาู ในครัวเรอื น 4. ผเู้ รียนขาดความรู้ความเข้าใจพลงั งาน 5. ผู้เรียนขาดความรู้ความเข้าใจประเภทของไฟฟาู 6. ผ้เู รียนขาดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิส่วนบคุ คล
การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ใหผ้ ู้เรียนศกึ ษาค้นคว้าเรอ่ื งไฟฟาู จากหอ้ งสมดุ แหลง่ เรยี นรู้สอื่ ออนไลน์ สือ่ สงิ่ พมิ พ์ แล้วสรปุ ทาเปน็ รปู เลม่ รายงานและ นามาอธิบายแลกเปล่ียนเรียนรกู้ บั เพอื่ นท่ี กศน.ตาบลพร้อมเรียนร้ศู ัพทภ์ าษาองั กฤษ อยา่ งนอ้ ย 5 คา 2. ใหผ้ เู้ รียนศึกษาและสารวจทรพั ยากรธรรมชาติในท้องถน่ิ พรอ้ มร่วมกนั หาแนวทางอนุรกั ษ์ พลังงาน ทดแทน นามาอภิปรายรว่ มกนั ในชนั้ เรยี นท่กี ศน.ตาบล พร้อมเรยี นรู้ศัพท์ ภาษาองั กฤษอยา่ งนอ้ ย 5 คา 3. ใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาค้นควา้ เกยี่ วกับใช้ไฟฟูาในครวั เรือนจากสอื่ ออนไลน์ ห้องสมดุ รพ.สต. และนามาสรุป ใจความสาคญั พร้อมเลา่ เรื่องใหเ้ พอ่ื นฟงั ที่ กศน.ตาบล พร้อมเรียนรศู้ ัพท์ ภาษาองั กฤษอยา่ งน้อย 5 คา 4. ใหผ้ เู้ รยี นศึกษาค้นควา้ เรอื่ งพลังงาน จากแหลง่ เรียนรสู้ ื่อออนไลน์ ส่ือ ส่งิ พิมพ์ พรอ้ มสรปุ ใจความ สาคญั และอภปิ รายใหเ้ พอ่ื นฟังท่ี กศน.ตาบลพร้อมเรียนรู้ ศพั ท์ภาษาองั กฤษอย่างน้อย 5 คา 5. ให้ผูเ้ รียนศกึ ษาค้นควา้ เกี่ยวกบั ประเภทของไฟฟูา จากสอ่ื ออนไลน์ สื่อสิง่ พมิ พ์ และนามาสรุปองค์ ความรู้ทาเปน็ แผนผงั ความคดิ อภปิ ราย และแลกเปลยี่ นเรียนร้รู ว่ มกันที่ กศน.ตาบลพร้อมเรยี นรู้ศัพท์ ภาษาองั กฤษอยา่ งน้อย 5 คา 6. ใหผ้ ูเ้ รียนศึกษาคน้ ควา้ เรือ่ งเกีย่ วกบั สิทธิส่วนบุคคลจากสือ่ ออนไลน์ สอ่ื สิง่ พิมพ์พรอ้ มสรุป ใจความสาคัญ และอภปิ รายแลกเปล่ียนเรยี นร้ใู หเ้ พ่อื นฟงั ที่ กศน.ตาบล
แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ก หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4 หวั เร่อื ง หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั กา ระดับประ ภาคเรียนที่ .......... ปีกา คร้งั ท่ี วนั /เดือน/ ปี ตัวชีว้ ัด เนอ้ื หาสาระการ หัวเรื่อ เรียนรู้ มที ักษะในการ ปฏิบตั ติ น รายวิชา การใช้ หน่วยที่ 4 พลังงานไฟฟ้าใน พลังงานทีย่ าวน ชวี ิตประจาวัน 1 ทีเ่ รา พว12010 สภาพปัญหา เรอื่ ง รจู้ ักไฟฟา้ 1. ขาดความรู้ คว - ความหมาย และ เก่ียวกบั ระบบไฟ ความสาคญั ของ 2. ขาดความตระ การอนุรกั ษ์พลังง ไฟฟูา ทดแทน - ประวตั ิความ 3. ขาดความเอาใ เป็นมาของไฟฟูาใน การใชไ้ ฟฟาู ในคร ประเทศไทย 4. ขาดความรู้คว - ประเภทของ พลังงาน ไฟฟาู 5. ขาดความรคู้ ว เรอื่ ง พลังงาน ประเภทของไฟฟ ไฟฟา้ ของประเทศ 6. ขาดความรู้ คว
กศน. ตามรปู แบบ ONIE Model ง พลงั งานที่ยาวนานเรม่ิ ทเี่ รา ารศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ะถมศกึ ษา ารศึกษา ..................... อง ประเดน็ /ปญั หา/ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ หมายเหตุ สิง่ จาเปน็ ท่ตี ้องเรยี นรู้ นานเร่ิม 1. ผเู้ รียนขาดความรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ วามเข้าใจ ความเข้าใจเก่ียวกับระบบ ฟฟาู การไฟฟาู 1. ใหผ้ เู้ รียนศึกษาคน้ คว้าเรอ่ื ง ะหนักใน ไฟฟูา จากห้องสมุดแหล่งเรยี นรู้ งาน 2. ผูเ้ รียนขาดความ สอ่ื ออนไลน์ ส่อื สิ่งพิมพ์ แลว้ สรุป ทาเปน็ รูปเล่มรายงานและ ใจใสใ่ น ตระหนกั ในการอนุรกั ษ์ นามาอธิบายแลกเปลยี่ นเรียนรู้ รัวเรือน พลังงานทดแทน กับเพอ่ื นที่ กศน.ตาบลพรอ้ ม วามเข้าใจ เรียนรศู้ ัพทภ์ าษาองั กฤษอย่าง 3. ผู้เรยี นขาดความเอาใจ น้อย 5 คา วามเข้าใจ 2. ใหผ้ ้เู รยี นศึกษาและสารวจ ฟาู ใสใ่ นการใชไ้ ฟฟูาใน วามเขา้ ใจ ครัวเรือน 4. ผเู้ รยี นขาดความรู้ ความเข้าใจพลงั งาน ทรัพยากรธรรมชาตใิ นทอ้ งถ่นิ 5. ผ้เู รียนขาดความรู้ความ พร้อมร่วมกันหาแนวทางอนรุ ักษ์ เข้าใจประเภทของไฟฟูา พลังงานทดแทน นามาอภิปราย 6. ผู้เรยี นขาดความรู้ รว่ มกนั ในช้นั เรียนท่กี ศน.ตาบล ความเขา้ ใจเก่ียวกบั สทิ ธิ พรอ้ มเรียนรูศ้ พั ท์ ภาษาอังกฤษ สว่ นบคุ คล อยา่ งน้อย 5 คา 3. ใหผ้ ้เู รียนศกึ ษาคน้ ควา้ เกีย่ วกับ
คร้งั ที่ วนั /เดือน/ ปี ตัวช้วี ัด เนื้อหาสาระการ หัวเรื่อ เรียนรู้ เก่ียวกับสทิ ธิส่วน ไทย - สถานการณ์ พลังงานไฟฟูาของ ประเทศไทย - หน่วยงานที่ เก่ียวข้องด้าน พลงั งานไฟฟูาใน ประเทศไทย
อง ประเด็น/ปัญหา/ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ หมายเหตุ สิ่งจาเปน็ ที่ต้องเรยี นรู้ นบุคคล ใชไ้ ฟฟาู ในครวั เรือนจากส่ือ ออนไลน์ ห้องสมุด รพ.สต. และ นามาสรุปใจความสาคญั พร้อม เลา่ เรื่องให้เพื่อนฟังท่ี กศน.ตาบล พร้อมเรยี นร้ศู พั ท์ ภาษาอังกฤษ อย่างน้อย 5 คา 4. ใหผ้ ูเ้ รยี นศกึ ษาคน้ คว้าเรือ่ ง พลงั งาน จากแหล่งเรยี นรสู้ ่อื ออนไลน์ สื่อ สิ่งพมิ พ์ พรอ้ มสรุป ใจความสาคัญ และอภิปรายให้ เพื่อนฟงั ท่ี กศน.ตาบลพร้อม เรียนรู้ ศัพทภ์ าษาอังกฤษอย่าง นอ้ ย 5 คา 5. ให้ผเู้ รียนศึกษาคน้ ควา้ เก่ยี วกับ ประเภทของไฟฟาู จากสือ่ ออนไลน์ สอ่ื ส่งิ พิมพ์ และนามา สรุปองค์ความรทู้ าเปน็ แผนผงั ความคดิ อภปิ ราย และ แลกเปลยี่ นเรียนรูร้ ว่ มกนั ท่ี กศน. ตาบลพร้อมเรียนรศู้ ัพท์ ภาษาองั กฤษอย่างน้อย 5 คา 6. ใหผ้ ู้เรียนศกึ ษาคน้ ควา้ เรอื่ ง เกยี่ วกบั สิทธสิ ่วนบคุ คลจากสอ่ื ออนไลน์ ส่อื ส่งิ พิมพ์พรอ้ มสรุป ใจความสาคัญ และอภปิ ราย
คร้งั ที่ วนั /เดือน/ ปี ตัวช้วี ัด เน้อื หาสาระการ หัวเร่ือ เรยี นรู้
อง ประเดน็ /ปัญหา/ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ หมายเหตุ สิ่งจาเป็นทตี่ ้องเรยี นรู้ แลกเปล่ยี นเรียนรใู้ หเ้ พอื่ นฟังที่ กศน.ตาบล
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 รจู้ กั ไฟฟ้า เรื่องที่ 1 ความหมาย และความสาคญั ของไฟฟูา ไฟฟาู เปน็ สิง่ จาเปน็ ต่อการดาเนนิ ชวี ิตของมนุษยใ์ นปจั จุบัน และเป็นตัวแปรสาคัญ ในการ พัฒนาเศรษฐกิจ การเพิ่มผลผลิตท้ังเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมที่ทันสมัย การกระจาย รายได้ และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในด้านการผลิต และการขายสินค้า ซ่ึงเป็น เปูาหมาย สาคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ ในเร่ืองท่ี 1 ประกอบด้วย 2 ตอน คือ ตอนที่ 1 ความหมาย และ ความสาคญั ของไฟฟูา ตอนที่ 2 ประโยชน์และผลกระทบของพลังงานไฟฟูา ตอนที่ 1 ความหมาย และความสาคัญของไฟฟูา ราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมาย ของ คาว่า “ไฟฟูา” ไว้ว่า “พลังงานรูปหนึ่ง ซ่ึงเกี่ยวข้องกับการแยกตัวออกมา หรือการเคล่ือนที่ของ อิเล็กตรอน หรือโปรตอน หรืออนุภาคอื่น ที่มีสมบัติแสดงอานาจคล้ายคลึงกับอิเล็กตรอนหรือ โปรตอน ใช้ประโยชนก์ อ่ ใหเ้ กดิ พลงั งานอ่ืน เช่น ความร้อน แสงสว่าง การเคลอื่ นที่ เป็นต้น” ภาพการไหลของอิเล็กตรอนในวงจรไฟฟูาไฟฟูาเป็นพลังงานชนิดหนึ่งท่ีมนุษย์นา มาใช้ ประโยชนไ์ ดห้ ลายอย่าง นอกจากจะให้ แสงสว่างเวลาค่าคืนแล้ว ยังทาให้เกิดความร้อนเพ่ือใช้ใน การหุงต้ม รีดผ้า ทาให้เกิดการหมุนของ มอเตอร์ เช่น เครื่องดูดฝุน เครื่องปั่นน้าผลไม้เครื่องทา ความเย็น เปน็ ต้น ไฟฟูาจึงมคี วามสาคญั และจาเปน็ ต่อการดารงชีวติ ตอนที่ 2 ประโยชน์และผลกระทบของพลังงานไฟฟูา พลังงานไฟฟูาเป็นปัจจัยที่สาคัญ อย่างมากต่อการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านคมนาคม ด้านเศรษฐกิจ ด้าน อตุ สาหกรรม ด้านเกษตรกรรม ด้านบริการ และ ดา้ นคณุ ภาพชวี ิต การใช้พลังงานไฟฟูามีแนวโน้ม เพิม่ ข้ึนทกุ ปตี ามอตั ราการเพ่มิ จานวนประชากร และความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ พลังงาน ไฟฟูาถกู นามาใช้ประโยชน์ในดา้ นต่าง ๆ ซึง่ จากสถติ ิการใช้พลังงานไฟฟูา แยกตามสาขาเศรษฐกิจ ในปี พ.ศ. 2554 พบว่า สาขาอุตสาหกรรมเปน็ สาขาทมี่ กี ารใชพ้ ลังงาน ไฟฟาู มากที่สุด คิดเป็นร้อย ละ 45.2 ของการใช้พลังงานไฟฟูาทง้ั ประเทศ ส่วนสาขาอืน่ ๆ ดงั แสดง ในภาพ
แผนภมู ิแสดงการใช้พลงั งานไฟฟูาแยกตามสาขาเศรษฐกจิ ปี พ.ศ. 2558 1. ประโยชนแ์ ละผลกระทบของพลงั งานไฟฟูาด้านคมนาคม
เรอื่ งที่ 2 ประวตั ิความเป็นมาของไฟฟ้าในประเทศไทย ประวตั กิ ิจการไฟฟ้าไทย เมอื่ วันท่ี 20 กันยายน พ.ศ. 2427 ซงึ่ เป็นวันเฉลมิ พระชนมพรรษา พระบาทสมเดจ็ พระ จุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัว ได้มีการจ่ายกระแสไฟฟาู ทพ่ี ระที่นงั่ จักรีมหาปราสาท ใน พระบรมมหาราชวัง นบั เป็นการเร่มิ ตน้ การมีไฟฟาู ของไทยมาตั้งแต่บดั นัน้ ไฟฟูา...เรมิ่ ใหค้ วามสวา่ งไสวเปน็ ครั้งแรก เม่อื วันที่ 31 ธนั วาคม พ.ศ. 2422 ทีเ่ มนโลปาร์ค รฐั นิวเจอร์ซี สหรฐั อเมรกิ า ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2425 ไดม้ ีการสรา้ งระบบไฟฟาู แสงสว่างที่ กรุง ลอนดอน ประเทศองั กฤษและทสี่ ถานเี พิร์ลสตรีท ตอนใตก้ รุงนวิ ยอร์ค สหรัฐอเมริกา ไฟฟา้ มาสูส่ ยาม บคุ คลสาคญั ที่นาไฟฟาู มาส่ปู ระเทศไทย คือ จอมพลเจา้ พระยาสุรศกั ด์มิ นตรี (เจิม แสง-ชูโต) ซึ่งขณะนั้นยังมีบรรดาศักดเ์ิ ปน็ “ เจา้ หมื่นไวยวรนารถ” โดยนาเงนิ ท่ไี ด้มาจากการขายท่ดี นิ ใหก้ บั สมเดจ็ พระนางเจ้าพระบรมราชเทวี จานวน 180 ชงั่ หรือ 14,400 บาท ไปซอ้ื เครอ่ื งกาเนดิ ไฟฟาู 2 เครื่อง จากประเทศองั กฤษและเม่ือวันท่ี 20 กันยายน พ.ศ. 2427 ซึง่ เปน็ วันเฉลิมพระ ชนมพรรษา พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั จงึ ไดม้ ีการจ่ายกระแสไฟฟูาทพี่ ระทน่ี ัง่ จกั รีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งนับเปน็ การเริ่มตน้ การมไี ฟฟูาของไทยมาต้งั แตบ่ ัดนั้น ตง้ั บรษิ ทั ผลติ ไฟฟ้า ปี พ.ศ. 2440 หลวงพินิจจักรภณั ฑ์ (นายแฉล้ม) รว่ มกับ นายเลยี ว นาดี ชาวอเมริกัน ซึ่งเปน็ กาลงั สาคัญของเจ้าหม่นื ไวยวรนารถ ไดก้ อ่ ต้ังบริษัท บางกอก อิเลก็ ตริกไลท์ ซินดเิ คท (The Bangkok Electric Light Syndicate) ผลติ ไฟฟูาและจาหน่ายกระแสไฟฟาู แกป่ ระชาชน แต่ เน่อื งจากรายได้กับรายจา่ ยไมค่ ุ้มกนั จงึ ไดโ้ อนกจิ การใหก้ ับ นายเวสเตน โฮลซ์ ชาวเดนมารก์ จาก บรษิ ทั ไฟฟูาสยาม จากดั (The Siam Electricity Co.,Ltd.) รบั ไปดาเนนิ การตอ่ ท้ังนก้ี อ่ นหนา้ นี้ เมอื่ ปี พ.ศ. 2431 รฐั บาลได้ใหส้ มั ปทานการเดนิ รถรางกบั ชาวเดนมาร์กในกรงุ เทพฯ ซ่ึงรถรางใน เวลาน้นั ยังตอ้ งใช้ม้าลากเน่ืองจากยังไมม่ ไี ฟฟูาใช้ หลังจากน้นั เพยี ง 6 ปีคอื ปี พ.ศ. 2437 การเดนิ รถรางจึงเปล่ยี นมาใช้ไฟฟูาแทน โรงไฟฟ้าวดั เลียบ
บรษิ ัท ไฟฟูาสยาม จากัด (The Siam Electricity Co., Ltd.) ต้ังขน้ึ เมอื่ วันท่ี 27 ธนั วาคม พ.ศ. 2441 โดยจดทะเบยี นที่กรงุ โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมารก์ มี นายอ๊อก เวสเตน โฮลซ์ (Mr. Aage Westenholz) เป็นผู้ดาเนินการ นบั เป็นชาวต่างประเทศรุ่นบกุ เบิกเกี่ยวกับไฟฟูาในเมอื ง หลวงของประเทศสยาม ซึง่ สถานทท่ี าการของบริษัทฯและโรงไฟฟูาต้ังอยใู่ นบริเวณที่ดินของวดั ราชบูรณะราชวรวิหาร (วัดเลียบ) จึงได้รบั การเรียกขานกันว่า “ โรงไฟฟูาวัดเลียบ ” เปน็ โรงไฟฟูาชนิดพลังไอน้า (พลังความรอ้ น) ใชไ้ ม้ฟนื ถ่านหนิ น้ามนั และแกลบเป็นเชอื้ เพลิง การ ดาเนนิ กิจการของบริษัท ไฟฟูาสยาม จากดั มีความเจรญิ กา้ วหนา้ มาโดยลาดบั และในปี พ.ศ. 2451 ได้มีการรวมกจิ การของ บรษิ ัท รถรางบางกอก จากัด มาไวด้ ้วยกนั โรงไฟฟ้าสามเสน ปี พ.ศ. 2455 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หัว รชั กาลที่ 6 ไดโ้ ปรดเกล้าฯให้ เจ้าพระยายมราช (ปัน้ สุขมุ ) เสนาบดกี ระทรวงนครบาล ดาเนนิ การสร้างการประปาและโรงไฟฟูา ทสี่ ามเสนไปพร้อมๆกนั โดยโรงไฟฟูาสามเสนได้ก่อสรา้ งแล้วเสร็จและเดินเคร่อื งจาหน่ายไฟฟาู ได้ ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2457 ใช้ชอ่ื วา่ “ การไฟฟาู หลวงสามเสน ” เปน็ รัฐพาณิชย์ ขน้ึ กับ กระทรวงมหาดไทย ตอ่ มาภายหลังได้เปลี่ยนชือ่ เป็น “ กองไฟฟาู หลวงสามเสน ” แบ่งพื้นทีร่ ับผดิ ชอบ ตั้งแตป่ ี พ.ศ. 2457 เป็นต้นมา กจิ การไฟฟูาเร่มิ เปน็ ปกึ แผน่ ประชาชนในพระนคร และธนบรุ ี มกี ระแสไฟฟูาใชอ้ ย่างกว้างขวาง โดยบรษิ ัทไฟฟูาสยาม จากดั (โรงไฟฟาู วัดเลยี บ) รับผิดชอบ จาหนา่ ยกระแสไฟฟูาให้แก่พ้นื ท่บี ริเวณตอนใตข้ องคลองบางลาภู และคลองบางกอกน้อย ส่วน บรเิ วณตอนเหนือของคลองดังกล่าวให้กองไฟฟาู หลวงสามเสน (โรงไฟฟาู สามเสน) รบั ผิดชอบ ไฟฟา้ สูภ่ มู ภิ าค เม่อื ปี พ.ศ. 2452 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว ไดท้ รงมพี ระบรมราชโองการ ประกาศใช้พระราชบญั ญัตสิ ุขาภบิ าลท่วั ราชอาณาจักร ร.ศ.127 กระทรวงมหาดไทยสมยั น้ันเห็น ว่าสุขาภบิ าลตามหัวเมอื งต่างๆ ที่มีประชาชนหนาแนน่ ควรจะจดั สรา้ งโรงไฟฟูาขึน้ ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2472 ทางราชการ จึงไดจ้ ัดต้งั “แผนกไฟฟูา” ขน้ึ ใน กองบุราภิบาล กรมสาธารณสขุ กระทรวงมหาดไทย มีหน้าท่สี ารวจและจัดให้มไี ฟฟาู ใชต้ ามสขุ าภบิ าลต่างๆ ทีส่ มควร สุขาภบิ าล
เมืองราชบรุ ีได้ก่อสร้างโรงไฟฟาู และจาหน่ายกระแสไฟฟาู มาตั้งแตป่ ี พ.ศ. 2470 ตอ่ มาภายหลังได้ โอนกจิ การมาอยใู่ นความควบคุมของแผนกไฟฟูา และไดส้ ่ังซ้อื เครื่องกาเนดิ ไฟฟูามาเพิม่ เติมอีก 1 เครื่อง เม่ือปี พ.ศ. 2473 นอกจากน้นั สขุ าภิบาลเมอื งนครปฐมไดก้ ่อสร้างโรงไฟฟูาขึน้ โดยได้รับ สมั ปทาน เมอ่ื วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2472 เรมิ่ จาหน่ายไฟฟูาตง้ั แต่วนั ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2473 ในราคาค่าไฟฟูาหนว่ ยละ 1.80 บาท และดาเนนิ กจิ การได้ 25 ปี ต่อมาเม่อื มกี ารเปล่ยี นแปลงการ ปกครองจากระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าช มาเป็น ระบอบประชาธิปไตยในปี พ.ศ. 2475 กจิ การ ไฟฟูาไดข้ ยายไปยงั สุขาภบิ าลอีกหลายแห่ง อาทิ เช่น ปราจนี บรุ ี , ภูเกต็ , นครนายก , ชลบุรี , บา้ นโปุง , จนั ทบุรี และเชยี งใหม่ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2477 ได้มกี ารปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรมตา่ งๆ และได้ จัดตั้ง กรมโยธาเทศบาลขึ้น แผนกไฟฟาู จึงได้รับการยกฐานะขน้ึ เป็น กองไฟฟูา สังกัดกรมโยธาเทศบาล ไฟฟ้าระหวา่ งสงครามโลกครั้งท่ี 2 สงครามโลกครั้งท่ี 2 เกิดขนึ้ ในยโุ รป เมือ่ ปี พ.ศ. 2482 และในปเี ดยี วกันซ่ึงตรงกบั รัชสมัย ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวอานนั ทมหิดล รัชกาลท่ี 8 “ ประเทศสยาม ” ไดม้ ีการ เปลี่ยน ชือ่ เป็น “ ประเทศไทย ” เมอ่ื วันท่ี 24 มิถนุ ายน พ.ศ. 2482 รวมทงั้ “ บรษิ ัท ไฟฟูาสยาม จากัด ” ก็ไดเ้ ปลย่ี นช่ือเป็น “ บรษิ ัท ไฟฟูาไทย คอรป์ อเรชั่น จากดั ” (Thai Electric Corporation Limited)เมือ่ วันท่ี 28 กนั ยายน พ.ศ. 2482 ดว้ ยเช่นกัน โดยได้ดาเนนิ กจิ การด้วยดมี าตลอดจน หมดสัมปทาน เมอื่ สิ้นปี พ.ศ. 2492 ชว่ งระหว่างสงครามโลกครง้ั ที่ 2 สงครามได้ลกุ ลามมายงั ประเทศไทย และเม่ือเดือนเมษายน พ.ศ. 2488 โรงไฟฟูาวดั เลยี บและโรงไฟฟาู สามเสน ได้ถกู เครอื่ งบนิ ฝาุ ยสมั พันธมิตรโจมตที ้ิงระเบิดจนเสียหายใชก้ ารไม่ได้ ทาใหพ้ ระนครและธนบุรตี กอยู่ใน ความมดื มดิ ประชาชนไม่มีไฟฟูาและน้าประปาใช้ ตอ่ มา บริษัท ไฟฟาู ไทย คอรป์ อเรชน่ั จากดั ได้ จดั การซ่อมโรงไฟฟาู วัดเลยี บ ทไ่ี ด้รับความเสยี หายไม่มากนกั ใหใ้ ช้การได้ โดยใชเ้ วลาเพียง 2 เดือน เศษ สาหรับโรงไฟฟูาสามเสน ถูกระเบดิ ทาลายเสียหายยบั เยนิ การดาเนินการซอ่ มโรงไฟฟาู สาม เสนต้องใช้เวลาถงึ 4 ปี จงึ สามารถเดนิ เครอ่ื งจ่ายไฟฟูาไดเ้ มอื่ เดอื นมถิ นุ ายน พ.ศ. 2492 สาหรบั ในตา่ งจังหวดั กองไฟฟาู กรมโยธาเทศบาล ได้ทาการซอ่ มแซมโรงไฟฟูาท่ี ได้รบั ความเสียหายจาก การถูกระเบิดระหว่างสงคราม และบรู ณะโรงไฟฟาู ของเทศบาลต่างๆ ไฟฟา้ หลงั สงคราม
ภายหลังสงครามโลกคร้งั ท่ี 2 ยตุ ลิ ง บ้านเมืองได้รบั การบรู ณะฟื้นฟแู ละมีการขยายตัวเจรญิ ขึ้นในทกุ ด้าน ทาให้ต้องเผชิญกบั ปัญหาไฟฟูาไมเ่ พยี งพอ รัฐบาลในช่วงเวลานนั้ ได้พยายาม แก้ไข ปัญหาพลังงานไฟฟูาทกุ วถิ ีทาง โดยมอบหมายให้มกี ารสารวจหาแหลง่ ทรพั ยากรพลงั งาน ซึง่ กรม ชลประทานรับผิดชอบการสารวจด้านพลังน้า และกรมทรพั ยากรธรณีรบั ผิดชอบการสารวจถ่าน ลิกไนต์ รวมท้งั ในระยะเวลาตอ่ มาไดม้ กี ารจัดตงั้ หนว่ ยงานขนึ้ มารับผดิ ชอบด้านไฟฟูาตามลาดับ ดงั นี้ วนั ท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2493 ไดจ้ ัดตั้ง “ การไฟฟาู กรงุ เทพฯ” เพอ่ื รับกจิ การของ บรษิ ัท ไฟฟูาไทยคอร์ปอเรชั่น จากดั ซ่ึงหมดอายุสัมปทาน ปี พ.ศ. 2494 จดั ตั้ง “ คณะกรรมการพจิ ารณาสรา้ งโรงไฟฟาู ทว่ั ราชอาณาจักร ” ซง่ึ ตอ่ มา ใน ปี พ.ศ. 2495 ได้เปลยี่ นชือ่ เป็น “ คณะกรรมการไฟฟาู และพลงั งานแห่งประเทศไทย ” และในปี พ.ศ. 2496 ได้เปลีย่ นเปน็ “ สานักงานพลังงานแหง่ ชาติ ” ปจั จบุ นั มีฐานะเปน็ สานกั งานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน เมื่อปี พ.ศ. 2497 จัดต้งั “ องคก์ ารพลังงานไฟฟาู ลิกไนท์ ” ซ่งึ ตอ่ มาปลายปี พ.ศ. 2503 ได้ยกฐานะเปน็ “การลิกไนท์” (กลน.) รบั ผดิ ชอบผลิตและจาหน่ายกระแสไฟฟูาในภาคใต้ ปี พ.ศ. 2497 จัดตัง้ “องค์การไฟฟูาส่วนภมู ิภาค” ซึ่งตอ่ มาไดร้ ับการยกฐานะ เป็น “ การ ไฟฟาู ส่วนภูมิภาค \" (กฟภ.) เม่อื ปี พ.ศ. 2503 รบั ผิดชอบการจาหน่ายไฟฟาู ท่วั ประเทศ ไทย ยกเวน้ ในเขตของการไฟฟาู นครหลวง (กฟน.) เม่อื ปี พ.ศ. 2500 ได้มีการจัดตง้ั “การไฟฟูายันฮี” (กฟย.) รับผิดชอบการผลติ ไฟฟูาให้ ภาคกลางกบั ภาคเหนอื โดย กฟย. ได้ก่อสรา้ งโรงไฟฟูาพลงั น้าเขอื่ นภมู พิ ล ท่ี จังหวดั ตาก และก่อสร้างโรงไฟฟูาพลังความรอ้ น (พลังไอนา้ ) ขนาดใหญ่มีกาลังผลิต 75 เมกะวตั ต์ ที่ อาเภอบางกรวย จังหวดั นนทบุรี ปัจจบุ ันเรยี กว่า “โรงไฟฟูาพระนครเหนือ” ซ่ึงนบั วา่ เป็น โรงไฟฟูาที่มีขนาดใหญท่ สี่ ุดในขณะนั้น เริ่มเดินเครอื่ งจ่ายกระแสไฟฟูาไดเ้ มื่อเดือนมนี าคม พ.ศ. 2504 โดย ส่งกระแสไฟฟูาไปตามสายส่งไฟฟูาแรงสูงเช่ือมโยงกับโรงไฟฟาู สามเสน เมอ่ื วันที่ 1 สิงหาคม 2501 ไดม้ กี ารจดั ตั้ง” การไฟฟูานครหลวง ” (กฟน.)ขน้ึ โดยรวม กจิ การของการไฟฟาู กรุงเทพฯ และกองไฟฟูาหลวงสามเสน รับผดิ ชอบการจาหน่ายไฟฟูา ในเขตกรุงเทพฯ(พระนคร ธนบรุ )ี นนทบุรี และสมุทรปราการ
เดอื นพฤศจิกายน พ.ศ. 2502 การลิกไนท์ (กลน.) ได้ก่อสร้างโรงจักรแมเ่ มาะ ท่ีจงั หวัด ลาปาง ขนาด 6.25 เมกะวัตต์ จานวน 2 เครอื่ ง แล้วเสร็จโดยโรงไฟฟูาแห่งนใี้ ชถ้ ่านลิกไนต์ จากเหมอื งแมเ่ มาะเปน็ เชื้อเพลงิ และเชอื่ มโยงกบั ตวั จงั หวัด ด้วยสายสง่ ไฟฟูาแรงสูงขนาด แรงดันไฟฟาู 69 กิโลโวลต์ ซง่ึ นับวา่ เปน็ สายส่งไฟฟูาแรงสูงสายแรกของไทย ทาให้จังหวัด ลาปางมไี ฟฟาู ใชอ้ ย่างม่ันคง ตอ่ มาได้ต่อเช่อื มสายสง่ ไฟฟูาไปใชง้ านก่อสร้างเขื่อนภมู ิพล ท่ี จังหวดั ตาก และยังไดก้ ่อสร้างสายส่งไฟฟูาเช่อื มตอ่ จากจังหวัดลาปางไปยงั จงั หวัดลาพูน และจังหวัดเชยี งใหมอ่ กี ดว้ ย ไฟฟา้ ยคุ พัฒนา ประเทศไทยเรม่ิ ใช้แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติฉบบั ที่ 1 มาต้งั แตป่ ี พ.ศ. 2504 ซงึ่ เป็นเวลาทีโ่ รงไฟฟาู พระนครเหนอื ก่อสรา้ งแล้วเสรจ็ และเดนิ เครื่องจา่ ยไฟฟูา ทาให้ภาวะขาด แคลนไฟฟูาในเขตพระนครและธนบุรียุตลิ ง ตอ่ มาไดม้ พี ิธเี ปดิ โรงไฟฟูาในวนั ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2504 โดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ในสมยั นนั้ เป็นประธานพิธรี ่วมกับรอง ประธานาธิบดีลนิ คอน บี. จอห์นสัน ของสหรัฐอเมริกา จากสถานการณค์ วามต้องการใช้ไฟฟาู ที่ เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเรว็ การไฟฟูายนั ฮี (กฟย.) จงึ ไดด้ าเนนิ การกอ่ สรา้ งหน่วยผลิตไฟฟูาเครอื่ งท่ี 2 ทโ่ี รงไฟฟูาพระนครเหนือในต้นปี พ.ศ. 2505 ซ่งึ สามารถดาเนินการแล้วเสร็จและจ่ายไฟฟูาได้ กลางปี พ.ศ. 2506 ตงั้ กฟ.อน. ในปี พ.ศ. 2505 รฐั บาลได้จัดต้ัง “การไฟฟูาตะวนั ออกเฉียงเหนอื ” (กฟ.อน.) ขนึ้ เพือ่ ผลิต ไฟฟูาใชใ้ นภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย โดยในระยะแรกได้ดาเนินการก่อสร้างเขือ่ นอบุ ลรัตน์ ทจ่ี งั หวดั ขอนแกน่ และเขอ่ื นน้าพุงทจี่ งั หวัดสกลนคร โรงไฟฟา้ ภาคใต้ สาหรบั ภาคใต้ การลิกไนท์ (กลน.) ไดเ้ ปิดเหมอื งลกิ ไนต์ทจี่ ังหวัดกระบ่แี ละกอ่ สร้างโรงไฟฟูา กระบี่ โดยนาถ่านลิกไนตม์ าใชเ้ ป็นเชื้อเพลิง สามารถเดนิ เคร่อื งจ่ายไฟฟาู ไดใ้ นปี พ.ศ.2507 และได้ เชอ่ื มโยงสายส่งไฟฟูาแรงสูงจากโรงไฟฟูากระบไ่ี ปยงั จังหวัดตา่ งๆ ผลิตไฟฟูาสง่ ให้ได้ถึง 7 จังหวัด ท้ังน้โี รงไฟฟูากระบ่ี ได้ยตุ ิการใช้งานไปเมื่อวนั ที่ 30 กนั ยายน พ.ศ. 2538 โรงไฟฟา้ พลงั นา้ เข่ือนภูมพิ ล
การไฟฟาู ยนั ฮี (กฟย.) ได้กอ่ สร้างโรงไฟฟาู พลังน้าขนาดใหญ่ ทอี่ าเภอสามเงา จงั หวัด ตาก ใชเ้ วลาก่อสรา้ งประมาณ 7 ปี มสี ายส่งเชอื่ มโยงกับจังหวัดต่างๆและได้เดินเคร่ืองจา่ ยไฟฟาู ใหแ้ ก่ ภาคเหนือ คือ จังหวดั ลาปาง ลาพูนและเชียงใหม่ ตอ่ มาได้รบั พระมหากรณุ าธคิ ณุ พระราชทาน นามว่า “ เขือ่ นภูมพิ ล ” ซ่ึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัว และสมเดจ็ พระนางเจ้า พระบรมราชินนี าถ ยงั ไดท้ รงเสดจ็ พระราชดาเนนิ ในพธิ เี ปดิ เข่อื นและโรงไฟฟาู เมือ่ วนั ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2507 โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก ปี พ.ศ. 2512 กจิ การไฟฟูายงั เปน็ ระบบไฟฟาู ขนาดเล็กๆ อยู่อกี มาก กล่าวคือมไี ฟฟูา สัมปทานเอกชนประมาณ 70 แหง่ และมโี รงไฟฟูาดเี ซลขนาดเล็กทจี่ า่ ยไฟฟูาให้ชมุ ชนตอนช่วง หัวค่า ทีก่ ารไฟฟูาส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดแู ลอยอู่ ีกประมาณ 350 แหง่ นอกจากการเพม่ิ หน่วยผลติ พลังความร้อนเครอ่ื งท่ี 3 ท่โี รงไฟฟูาพระนครเหนอื แลว้ ยงั มแี หล่งผลติ ไฟฟาู ขนาดเล็กอ่ืนๆ ได้แก่ โรงไฟฟูาดเี ซลทจ่ี ังหวัดภเู กต็ โรงไฟฟูากังหันแกส๊ ที่จังหวัดนครราชสีมา และจังหวดั อดุ รธานี รวมทง้ั ได้มีการตดิ ตั้งเคร่อื งผลิตไฟฟาู กงั หันแก๊สใน พืน้ ท่ีนครหลวง เช่น ทบี่ างกะปิ 1 เคร่อื ง บางกอกนอ้ ย 1 เครื่อง และพระนครใต้ (อาเภอเมือง จังหวดั สมทุ รปราการ) 2 เครือ่ ง กิจกรรมทา้ ยเรือ่ งท่ี 2 ประวตั ิความเปน็ มาของไฟฟา้ ในประเทศไทย
เร่ืองที่ 3 ประเภทของไฟฟา้ ชนดิ ของไฟฟาู ไฟฟูาทเ่ี กดิ ขน้ึ แบง่ ออกเปน็ 2 ชนิด ดังนี้ 1.ไฟฟูาสถติ ไฟฟูาสถิตเกดิ ขึน้ จากการเสยี ดสี โดยการนาสารต่างชนิดมาถูกันอิเล็กตรอนท่ีอยู่ใน วงจรโคจรของสารท้ังสองอาจชนกันได้อาจทาให้สารช้ินหนึ่งสูญเสียอิเล็กตรอนไปให้กับสารอีก ชนดิ หนง่ึ แตเ่ นือ่ งจากว่าสารเหลา่ นไ้ี ม่ไดต้ อ่ กับสารภายนอกอิเล็กตรอน ไม่มีโอกาสถ่ายเทได้จึงคง อยทู่ ่สี ารนนั้ เราจึงเรยี กไฟฟาู แบบนี้วา่ ไฟฟูาสถิต ประโยชนข์ องไฟฟาู สถิต.............ไฟฟาู สถิตสามารถนาไปใชใ้ นวงการอุตสาหกรรม เกย่ี วกบั การพน่ สโี ลหะตา่ ง ๆ การกรองฝุนและเขม่าออกจากควนั ไฟ การทากระดาษทราย เปน็ ตน้ โทษของไฟฟูาสถิต ไดแ้ ก่ การเกดิ ฟูาผ่า 2. ไฟฟาู กระแส ไฟฟูากระแส เปน็ ไฟฟาู ทใี่ ช้อย่ใู นบา้ นพกั อาศัย และในโรงงานอุตสาหกรรม ทว่ั ไป ไฟฟูากระแสสามารถแบง่ ได้ 2 ชนดิ คือ 1) ไฟฟาู กระแสตรง (Direct Current) ไฟฟาู กระแสตรงเปน็ ไฟฟาู กระแสที่มีทิศทางการ เคลือ่ นท่ขี องกระแสไฟฟาู ไปในทศิ ทางเดียวกันเปน็ วงจร เชน่ กระแสไฟฟาู จากแบตเตอร่ี (Battery) ถา่ นไฟฉายเซลล์สุริยะ ไดนาโมกระแสตรง เป็นตน้ อธบิ ายคณุ สมบัตขิ องไฟฟูากระแสตรง ประจุไฟฟูาบวก จะเคล่ือนทจี่ ากบริเวณที่มศี กั ย์ไฟฟูาสงู ไปสู่บรเิ วณที่มีศกั ย์ไฟฟาู ต่า และประจไุ ฟฟาู ลบ จะเคลอ่ื นทจ่ี ากบริเวณที่มศี ักย์ไฟฟาู ต่าไปยงั บรเิ วณท่มี ีศกั ย์ไฟฟาู สูง ถ้านาตัวนาท่มี ปี ระจแุ ละศักยไ์ ฟฟูาต่างกนั มาวางติดกันหรอื ใช้ลวดโลหะตวั นาเช่ือมต่อกัน ตัวนาท่มี ีประจุท้งั สอง จะเกดิ การถ่ายเทประจุระหว่างตวั นาท้ังสองผา่ นลวดโลหะตวั นา แสดงวา่ มีกระแสไฟฟาู ในลวด ตัวนานน้ั จนกระทงั่ ศกั ย์ไฟฟูาบนตวั นาทั้งสองเท่ากัน ประจุหยดุ ถ่ายเท กระแสไฟฟาู หมดไป ถ้าต้องการให้เกิด กระแสไฟฟาู ในลวดตวั นา
อยา่ งตอ่ เน่อื ง ต้องมแี หล่งกาเนิดทใ่ี หค้ วามต่างศักยไ์ ฟฟูาตลอดเวลา ไฟฟูาสถิต เปน็ การศึกษาเฉพาะประจุไฟฟาู ทอี่ ยู่น่งิ ส่วนไฟฟาู กระแสจะเปน็ ประจไุ ฟฟาู ทเ่ี คลือ่ นทแี่ ลว้ กระแสไฟฟูา เม่อื ประจไุ ฟฟูาถ่ายโอนจากทหี่ น่งึ ไปสทู่ ่ีหน่งึ แสดงว่า มกี ระแสไฟฟาู เกิดขนึ้ กระแสไฟฟาู จะถกู กาหนดใหไ้ หลออกจากขว้ั บวกของแบตเตอรี่ การถา่ ยโอนประจไุ ฟฟูาทท่ี าให้เกิดกระแสไฟฟูา มีเง่ือนไขดังนี้ ระหวา่ งจุดสองจุดที่กระแสไหล จะต้องมตี ัวนาไฟฟาู จะต้องมีความตา่ งศักย์ไฟฟาู ระหว่างจุดสองจุดน้นั และกระแสไฟฟูาจะไหลจากจุดทม่ี ี ความต่างศกั ยส์ ูงไปยงั จุดที่มีความตา่ งศกั ย์ 2) ไฟฟูากระแสสลบั (Alternating Current) เป็นไฟฟาู กระแสทม่ี ีทศิ ทางการเคล่อื นทส่ี ลบั กนั โดยกระแสไฟฟูาทเี่ กดิ ข้ึน ในขดลวดตวั นาของเครือ่ งกาเนดิ ไฟฟาู กระแสสลบั ซง่ึ มอี ยู่ 3 ชนดิ คอื ไฟฟูากระแสสลบั เฟสเดยี ว สองเฟส และสามเฟส ในปจั จุบนั นยิ มใชเ้ พียง 2 ชนิดเทา่ นน้ั คอื กระแสไฟฟาู สลบั เฟสเดยี วกับสามเฟส ก. ไฟฟูากระแสสลบั เฟสเดียว (Single Phase) ลักษณะการเกดิ ไฟฟาู กระแสสลับ คอื ขดลวดชุดเดียวหมุนตัดเส้นแรงแม่เหลก็ เกิดแรงดัน กระแสไฟฟูา ทาให้กระแสไหลไปยังวงจรภายนอก โดยผ่านวงแหวน และแปลงถ่านดังกล่าว มาแลว้ จะเหน็ ไดว้ ่าเมอื่ ออกแรงหมนุ ลวดตัวนาได้ 1 รอบ จะได้กระแสไฟฟาู ชุดเดยี วเท่านัน้ ถา้ ตอ้ งการใหไ้ ดป้ ริมาณกระแสไฟฟูาเพ่ิมข้ึน ก็ตอ้ งใช้ลวด ตัวนาหลายชุดไวบ้ นแกนที่หมนุ ดงั นั้นใน การออกแบบขดลวดของเคร่อื งกาเนดิ ไฟฟูากระแสสลับถา้ หากออกแบบ ชุดขดลวดบนแกนให้ เพิ่มขน้ึ อกี 1 ชุด แล้วจะไดก้ าลงั ไฟฟาู เพ่ิมข้ึน ข. ไฟฟาู กระแสสลบั สามเฟส (Three Phase) .เปน็ การพฒั นามาจากเคร่อื งกาเนิดไฟฟูา กระแสสลบั ชนิดสองเฟส โดยการออกแบบจดั วาง ขดลวดบนแกนทห่ี มนุ ของเครอื่ งกาเนิดนั้น เป็น 3 ชดุ ซ่ึงแต่ละชุดนัน้ วางห่างกัน 120 องศาทางไฟฟูา
ไฟฟูากระแสสลบั ที่ใชใ้ นบา้ นพกั อาศัย ส่วนใหญใ่ ชไ้ ฟฟาู กระแสสลบั เฟสเดยี ว (SinglePhase)ระบบการส่งไฟฟูาจะใช้ สายไฟฟาู 2 สายคือ สายไฟฟูา 1 เส้น และสายศูนย์ (นิวทรอล) หรือเราเรยี กกนั วา่ สายดินอีก 1 สาย สาหรับบ้านพกั อาศัยในเมืองบางแห่ง อาจจะใช้ เครื่องใชไ้ ฟฟูาชนดิ พเิ ศษ จะต้องใช้ไฟฟูาชนิดสามเฟส ซ่งึ จะให้กาลงั มากกว่า เชน่ มอเตอร์เครื่อง สบู น้าในการบาบัดน้าเสีย ลฟิ ตข์ องอาคารสูง ๆ เปน็ ต้น กิจกรรมทา้ ยเรอื่ งท่ี 3 ใหน้ ักเรียนอธิบายประเภทของไฟฟูา
บนั ทกึ หลงั การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ คร้ังท่ี ……… วันที่ …………. เดือน …………………………………..……….. พ.ศ. …………….. ระดบั ประถมศกึ ษา จานวนนกั ศึกษา ทง้ั หมด....................คน ชาย................คน หญิง..................คน จานวนนักศึกษาที่เขา้ เรยี น ท้ังหมด....................คน ชาย................คน หญงิ ..................คน จานวนนกั ศกึ ษาทขี่ าดเรยี น ทง้ั หมด....................คน ชาย................คน หญิง..................คน ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... สภาพการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ปัญหาทพี่ บและการแก้ไขปัญหา ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ การดาเนินการแก้ไข/พฒั นา ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ข้อเสนอแนะ/ความคิดเห็นผู้นเิ ทศ ……………………………………………………………………………………………………………………………….……….………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชื่อ) ................................................... (ลงชอ่ื ) ................................................... ผู้นิเทศ (........................................) (........................................) ………….. /….……… /…….…… ………….. /….……… /…….…… (ลงชือ่ ) ………………………………..…………............. ผอ.กศน.อาเภอเมืองกาญจนบรุ ี (นายศกั ดิช์ ยั นาคเอ่ยี ม) ………….. /….……… /…….……
บรรณานกุ รม ที่มา : https://med.mahidol.ac.th/ramamental/generaldoctor/06032014-1417 ที่มา : https://sites.google.com/site/cjb6718/home/hnwy-kar-reiyn-ru-thi-3/--kdhmay-khumkhrxng- siththi-khxng-bukhkhl-thi-sakh ที่มา : https://www.sanook.com/health/721/ ท่ีมา : https://sites.google.com/site/wwwmbwathnthrrmlaeaprapheni/prawati-laea-khwam-pen-ma- khxng-wathnthrrm-laea-prapheni ที่มา : http://www.phetchabun.go.th/download_pmqa/book_file/1327407278_a25kmk72.pdf
คณะผู้จดั ทา แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ กศน. แบบบูรณาการ ตามรปู แบบ ONIE MODEL หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี .......... ปีการศึกษา ................... ทีป่ รกึ ษา ผ้อู านวยการ กศน.อาเภอเมืองกาญจนบรุ ี นายศักดชิ์ ัย นาคเอ่ียม ครพู ี่เลี้ยง จนั ทนะ ครชู านาญการ นางสาวชมพู คณะผู้จัดทา 1. ครอู าสาสมคั รการศกึ ษานอกโรงเรียน กศน.อาเภอเมืองกาญจนบรุ ี 2. ครู กศน.ตาบล กศน.อาเภอเมืองกาญจนบุรี 3. ครู ศรช. กศน.อาเภอเมอื งกาญจนบุรี
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: