Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Ebook Unit2

Ebook Unit2

Published by ohbojama, 2017-03-30 00:05:02

Description: Ebook Unit2

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 I’m hot and thirsty ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 1รายวิชา ภาษาองั กฤษพนื้ ฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) เวลาเรียน 10 ช่ัวโมง1. เป้ าหมายของการเรียนรู้ คาํ ถามรวบยอด How can students have a healthy balanced diet? 1.1 ความเข้าใจที่คงทน Students should eat the right amount of food from each of the food groups. 1.2 สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรื่องทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทตา่ งๆ และแสดงความคดิ เห็น อยา่ งมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสาร แสดงความรูส้ ึก และความคิดเห็นอยา่ งมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นาํ เสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการ พดู และการเขียน ตวั ชี้วัด ต 1.1 ม.1/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทรอ้ ยกรอง (poem) ส้นั ๆ ถูกตอ้ ง ตามหลกั การอ่าน ต 1.1 ม.1/3 เลือก/ระบุประโยคและขอ้ ความใหส้ มั พนั ธก์ บั สื่อท่ไี ม่ใช่ความเรียง (non-text information) ทีอ่ ่าน ต 1.1 ม.1/4 ระบุหวั ขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาํ คญั (main idea) และตอบคาํ ถามจากการฟัง และอ่านบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั ต 1.2 ม.1/1 สนทนา แลกเปลี่ยนขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ตา่ งๆ ในชีวติ ประจาํ วนั ต 1.2 ม.1/5 พดู และเขียนแสดงความรูส้ ึก และความคิดเห็นของตนเองเก่ียวกบั เร่ืองต่างๆ ใกลต้ วั กิจกรรมต่างๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลส้นั ๆ ประกอบอยา่ งเหมาะสม ต 1.3 ม.1/1 พดู และเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาํ วนั ประสบการณ์ และ ส่ิงแวดลอ้ มใกลต้ วั 52

สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรมมาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งภาษากบั วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนาํ ไปใชไ้ ด้ อยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะตัวชี้วัดต 2.1 ม.1/1 ใชภ้ าษา น้าํ เสียง และกิริยาท่าทางสุภาพเหมาะสม ตามมารยาทสงั คม และ วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษาสาระท่ี 3 ภาษากับความสัมพันธ์กบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อนื่มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการเช่ือมโยงความรูก้ บั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน และเป็ น พน้ื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตนตวั ชี้วัดต 3.1 ม.1/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เทจ็ จริงท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่ืน จากแหล่งเรียนรู้ และนาํ เสนอดว้ ยการพดู /การเขยี น 1.3 สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด ความรู้เก่ียวกบั สารอาหาร การเลือกรับประทานอาหารอยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม คาํ ศพั ท์ สาํ นวนภาษา ประโยคเกี่ยวกบั การแลกเปลี่ยนขอ้ มูล ช่วยในการพดู และเขยี นแสดงความรู้สึก บรรยายเก่ียวกบั ตนเองและสิ่งแวดลอ้ มใกลต้ วั1.4 สาระการเรียนรู้1.4.1 ทักษะเฉพาะวชิ า1) Language Features and FunctionsVocabulary: feeling, the family, food and nutritionGrammar: be – Present simple (negative form, questions and short answers), demonstratives: this / that, these / thoseFunctions: plural nouns Asking and saying how you feel Talking about the familyPronunciation: this and these2) Language SkillsListening: ฟังและจบั คู่รูปภาพ 53

Speaking: พดู ขอและใหข้ อ้ มลู ส่วนตวั (ช่ือ, ประเทศ), ถามและบอกความรูส้ ึกReading: พดู แนะนาํ สมาชิกในครอบครวั ของตนเองWriting: พดู บรรยายครอบครัวของบุคคลทมี่ ีช่ือเสียง อ่านเพอ่ื ความเขา้ ใจ เขยี นบรรยายครอบครัวของตนเอง1.5 ทกั ษะการคดิ 1.5.2 ทกั ษะการนาํ ความรูไ้ ปใช้ 1.5.1 ทกั ษะการสงั เกต 1.5.3 ทกั ษะการจาํ แนกประเภท1.6 คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1.6.2 ความมุ่งมน่ั ในการทาํ งาน 1.6.1 ใฝ่เรียนรู้2. หลกั ฐานการเรียนรู้ 2.1 ชิ้นงาน/ภาระงาน งานเดีย่ ว 2.1.1 การทาํ family tree ของครอบครวั ตนเองและพดู บรรยายส้นั ๆ 2.1.2 การทาํ แผนภาพพรี ะมิดอาหาร งานคู่/งานกลุ่ม 2.1.3 การแสดงบทสนทนาเกี่ยวกบั การแนะนาํ ตวั เอง 2.1.4 การทาํ โปสเตอร์เก่ียวกบั การรบั ประทานอาหารอยา่ งสมดุล2.2 การวัดและประเมนิ ผล 2.2.1 การวัดและประเมนิ ผลระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1) ตรวจแบบฝึกหดั (Workbook) 2) ประเมินการมีส่วนร่วมในช้นั เรียนและการทาํ ชิ้นงาน 3) ประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 2.2.2 การวดั และประเมินผลเมอื่ สิ้นสุดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1) การประเมินก่อนเรียนและหลงั เรียนหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 2) การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน 54

ตวั อย่างเกณฑ์การประเมนิ การพูดโต้ตอบ ระดับคะแนน / ระดบั คุณภาพ นํา้ หนัก คะแนน รายการการประเมนิ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) ความสําคัญ รวมความถกู ตอ้ งของเน้ือหา ใชค้ าํ ศพั ทส์ ่ือ ใชค้ าํ ศพั ทส์ ื่อ ใชค้ าํ ศพั ทส์ ่ือ ใชค้ าํ ศพั ทส์ ่ือ ความหมาย ความหมาย ความหมาย ความหมาย 2 8 การออกเสียง ตรงกบั ตรงกบั ตรงกบั ไมต่ รงกบั 2 8 เน้ือหาและ เน้ือหาและ เน้ือหาและ เน้ือหาและ ความคล่องแคล่ว ไวยากรณ์ ไวยากรณ์ ไวยากรณ์ ไวยากรณไ์ ม่ 2 8การแสดงทา่ ทาง น้าํ เสียง ถูกตอ้ งทกุ ถกู ตอ้ งเป็น ถูกตอ้ งเป็น ถูกตอ้ งเป็น 1 4 ประโยค ส่วนใหญ่ บางส่วน ส่วนใหญ่ ประกอบการพดู ออกเสียง ออกเสียง ออกเสียง ออกเสียง คาํ ศพั ท์ คาํ ศพั ท์ คาํ ศพั ท์ คาํ ศพั ท์ ประโยค ประโยค ประโยค ประโยค ไดถ้ ูกตอ้ ง ไดถ้ ูกตอ้ ง ไดถ้ ูกตอ้ ง ไม่ถกู ตอ้ ง ตามหลกั การ ตามหลกั การ ตามหลกั การ ทาํ ให้สื่อสาร ออกเสียง ออกเสียง ออกเสียง ไม่ได้ เนน้ หนกั คาํ / เนน้ หนกั คาํ / แต่ส่วนใหญ่ ประโยคได้ ประโยคเป็น ขาดการ สมบรู ณ์ ส่วนใหญ่ ออกเสียง เนน้ หนกั พดู ต่อเน่ือง พดู พดู เป็นคาํ ๆ พดู ไดบ้ างคาํ ไม่ติดขดั ตะกุกตะกกั หยดุ เป็น ทาํ ให้สื่อ พดู ชดั เจน บา้ ง แต่ยงั ช่วงๆ ทาํ ให้ ความหมาย ทาํ ใหส้ ่ือสาร พอสื่อสารได้ สื่อสารได้ ไมไ่ ด้ ไดด้ ี ไมช่ ดั เจน แสดงท่าทาง พดู ดว้ ย พดู เหมอื น พดู ไดน้ อ้ ย และพดู ดว้ ย น้าํ เสียง อ่าน ไม่เป็น มาก น้าํ เสียง เหมาะสมกบั ธรรมชาติ เหมาะสมกบั สถานการณ์ ขาดความ สถานการณ์ แต่ไมม่ ี น่าสนใจ ท่าทาง ประกอบ เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 24-28 ดีมาก 19-23 ดี 14-18 พอใช้ ต่าํ กวา่ 14 ปรับปรุง 55

ตวั อย่างเกณฑ์การประเมนิ การจดั ทําแผนภาพ/โปสเตอร์ รายการการประเมนิ ระดบั คะแนน / ระดบั คณุ ภาพ ปรับปรุง (1) นํา้ หนัก คะแนน เน้ือหา ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) เน้ือหาที่ ความสําคญั รวม เน้ือหาที่ เน้ือหาที่ เน้ือหาท่ี เขียนมขี อ้ ผดิ 8 คาํ ศพั ท์ สาํ นวน เขียนมีความ เขียนมีความ เขียนมขี อ้ ผดิ มาก และให้ 2 และโครงสร้างภาษา ถูกตอ้ งและ ถกู ตอ้ งและ บา้ งและไม่ ขอ้ มลู นอ้ ย 8 2องคป์ ระกอบของชิ้นงาน ครอบคลุม ครอบคลุม ครอบคลุม ใชค้ าํ ศพั ท์ 4(เช่น ภาพประกอบ การ อยา่ งสมบรู ณ์ เน้ือหาเป็น สาํ นวนและ 1 ส่วนใหญ่ โครงสร้าง ตกแต่ง ฯลฯ) ภาษาแบบ ใชค้ าํ ศพั ท์ ใชค้ าํ ศพั ท์ ใชค้ าํ ศพั ท์ ง่ายๆ และมี สาํ นวนและ สาํ นวนและ สาํ นวนและ ขอ้ ผดิ มาก โครงสร้าง โครงสร้าง โครงสร้าง องคป์ ระกอบ ของงานไม่ ภาษาถกู ตอ้ ง ภาษาถูกตอ้ ง ภาษาแบบ น่าสนใจ เหมาะสม และมีขอ้ ผดิ ง่ายๆ และมี และ เล็กนอ้ ย ขอ้ ผดิ บา้ ง หลากหลาย องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ ของงาน ของงานมี ของงานไม่ แสดงใหเ้ ห็น ความ น่าสนใจ ความคิดริเร่ิม น่าสนใจใน อยา่ งท่คี วร สร้างสรรค์ ระดบั น่าสนใจ ธรรมดา เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 16-20 ดีมาก 13-15 ดี 10-12 พอใช้ ต่าํ กวา่ 10 ปรับปรุง 56

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 A new friend เวลา 2 ช่ัวโมงจดุ ประสงค์ (Objectives)- พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ชื่อและประเทศของบุคคลได้- พดู เก่ียวกบั ความรูส้ ึกได้เนือ้ เร่ือง (The story) ในหนังสือเรียน หน้า 22มีเดก็ ผหู้ ญิงคนใหม่ ช่ือ Maria มาท่คี ่าย เด็กผหู้ ญงิ คนน้ีเป็ นชาวอเมริกนั มาจากนิวยอร์ก David ขอให้Maria กรอกแบบฟอร์ม David พดู กบั Paolo แตเ่ กิดการเขา้ ใจผดิ กนั แต่พวกเขาสามารถเขา้ ใจกนั ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปล่ียนขอ้ มูลขา่ วสาร แสดงความรู้สึก และความคิดเห็นอยา่ งมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.1/1 สนทนา แลกเปลี่ยนขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ต่างๆ ในชีวติ ประจาํ วนั ต 1.2 ม.1/5 พดู และเขียนแสดงความรู้สึก และความคดิ เห็นของตนเองเกี่ยวกบั เร่ืองตา่ งๆ ใกลต้ วั กิจกรรมต่างๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลส้นั ๆ ประกอบอยา่ งเหมาะสม สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งภาษากบั วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนาํ ไปใชไ้ ด้ อยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ ตัวชี้วดั ต 2.1 ม.1/1 ใชภ้ าษา น้าํ เสียง และกิริยาท่าทางสุภาพเหมาะสม ตามมารยาทสงั คม และ วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา2. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด การรูแ้ ละเขา้ ใจความหมายของคาํ ศพั ท์ สาํ นวนภาษา ประโยคเกี่ยวกบั การแลกเปลี่ยนขอ้ มูล ช่วยในการส่ือสารในชีวติ ประจาํ วนั57

3. สาระการเรียนรู้3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า1) Language Features and FunctionsVocabulary: feelingsFunctions:2) Language Skills Asking and saying how you feelSpeaking: พดู ขอและใหข้ อ้ มูลส่วนตวั (ชื่อ, ประเทศ), ถามและบอกความรู้สึกReading: อ่านเพอ่ื ความเขา้ ใจ4. ทกั ษะการคดิ 4.1 ทกั ษะการนาํ ความรู้ไปใช้ - นาํ คาํ ศพั ทแ์ ละโครงสรา้ งประโยคท่ีเรียนมาใชใ้ นการพดู โตต้ อบเก่ียวกบั ตวั เอง5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 5.1 ใฝ่ เรียนรู้6. กิจกรรมการเรียนรู้ข้ันที่ 1 Warm up 1. บอกจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ในหน่วยการเรียนรูท้ ี่ 2 ใหน้ กั เรียนทราบวา่ นกั เรียนจะไดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั - be - Present simple (negative and question forms, short answers) - Plural nouns - Demonstratives: this / that, these / those - Functions: asking and saying how you feel; talking about the family - Vocabulary: feeling, the family - Pronunciation: this vs these 2. นาํ เขา้ สู่บทเรียนโดยใหน้ กั เรียนดูภาพในหนงั สือเรียน หนา้ 22 แลว้ ครูถามคาํ ถามนกั เรียนเกี่ยวกบั ภาพดงั กล่าว โดยอาจใชภ้ าษาองั กฤษหรือภาษาไทยกไ็ ด้ เช่น Who are the people? (David, Maria and Paolo) Where are they? (In the reception / classroom) What objects can you see? (a table, a sport magazine, a folder, a pen, a rucksack. In the background, I can see a lamp, a painting, a fireplace, a cupboard with pigeon holes) 58

ข้นั ท่ี 2 Presentation1. เปิ ด CD1/Track 23 ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านบทสนทนาในหนังสือเรียน หน้า 22 Ex.1 ตามไปดว้ ยจากน้นั เปิ ด CD อีกคร้งั โดยคร้งั น้ีครูหยดุ CD เป็ นระยะๆ เพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน2. นกั เรียนทาํ กิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 22 Ex.2 โดยฟัง CD1/Track 23 อีกคร้งั ครูหยดุ CD เป็นระยะๆ เพอื่ ใหน้ กั เรียนฝึกอ่านออกเสียงตามพร้อมๆ กนั หรือเป็ นรายบุคคลAdvanced classes: ใหน้ กั เรียนฝึกซอ้ มแสดงบทสนทนาใน Ex.1 โดยครูกระตุน้ ใหน้ กั เรียนแสดงทา่ ทางและใชภ้ าษา น้าํ เสียงใหเ้ หมือนตน้ ฉบบั มากท่สี ุด ครูสงั เกตขณะท่ีนกั เรียนฝึกซอ้ ม แลว้ เลือกนกั เรียนท่ีแสดงไดด้ ีทส่ี ุด ออกมาแสดงใหเ้ พอื่ นๆ ดู เพอื่ เป็ นตวั อยา่ ง3. ครูนาํ เสนอคาํ ศพั ทแ์ ละโครงสร้างประโยคเกี่ยวกบั การขอและใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ความรูส้ ึกทพ่ี บในบทสนทนาใน Ex.1 ดว้ ยการใหน้ กั เรียนยกตวั อยา่ งประโยคที่พบในบทสนทนา แลว้ ครูเขียนประโยคท่นี กั เรียนบอกบนกระดาน ดงั น้ีAre you hungry? I’m fine. I’m not angry.I’m hot and thirsty.จากน้นั ครูนาํ เสนอคาํ ศพั ทบ์ อกความรู้สึก ไดแ้ กค่ าํ วา่ afraid, angry, bored, cold, happy, hot, sad,tired ดว้ ยการแสดงทา่ ทางใบค้ าํ พร้อมท้งั พดู คาํ ศพั ท์ แลว้ ใหน้ กั เรียนเดาความหมายของคาํ ศพั ท์เหล่าน้ี เม่ือนกั เรียนเดาความหมายไดแ้ ลว้ ครูให้นกั เรียนฝึกพดู คาํ ศพั ทต์ ามครูหลายๆ คร้งัตอ่ มาครูทดสอบวา่ นกั เรียนจดจาํ คาํ ศพั ทเ์ หล่าน้ีไดห้ รือไม่ ดว้ ยการพดู คาํ ศพั ทเ์ หล่าน้ีทลี ะคาํ สลบั ไปมา แลว้ ใหน้ กั เรียนทาํ ทา่ ทาง ครูสงั เกตวา่ คาํ ศพั ทค์ าํ ใดทีน่ กั เรียนส่วนใหญย่ งั ไม่เขา้ ใจ ครูอธิบายคาํ ศพั ทด์ งั กล่าวซ้าํ อีกคร้งั ดว้ ยการเขยี นอธิบายความหมายเป็ นภาษาไทยบนกระดาน และใหน้ กั เรียนฝึกอ่านตามครูหลายๆ คร้ังเสร็จแลว้ ครูอาจใหน้ กั เรียนช่วยกนั ยกตวั อยา่ งคาํ คุณศพั ทบ์ อกความรูส้ ึกเพม่ิ เตมิ แลว้ ถามนกั เรียนวา่คาํ เหล่าน้ีจะตอ้ งตามหลงั คาํ ชนิดใด จนไดค้ าํ ตอบวา่ verb to be แลว้ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั แต่งประโยคบอกเล่า และประโยคคาํ ถาม เช่นI’m hot. Are you hot? Yes, I am./ No, I’m not.I’m bored. Are you bored? Yes, I am./ No, I’m not.ข้ันที่ 3 Practice 1. ทาํ กิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 22 Ex.3 ร่วมกนั ในช้นั เรียน จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียน 1 คน อ่าน คาํ ตอบทถี่ กู ตอ้ งอีกคร้งั แลว้ ใหน้ กั เรียนลอกประโยคเหล่าน้ีลงในสมุด 2. นกั เรียนดูภาพในหนังสือเรียน หน้า 23 Ex.4 แลว้ ช่วยกนั บอกวา่ แตล่ ะภาพน้นั ส่ือถึงความหมายใด ในภาษาไทย จากน้นั ใหเ้ วลานกั เรียนจบั คู่ภาพกบั คาํ ศพั ทท์ ่ใี หม้ า โดยใหน้ กั เรียนทาํ ลงในสมุด 59

เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาํ ตอบ ดว้ ยการเปิ ด CD1/Track 23 จากในหนังสือเรียน หน้า 23 Ex.5 ใหน้ กั เรียน ฟังเพอ่ื ตรวจคาํ ตอบ ครูอาจเปิ ด CD อีกคร้งั เพอ่ื ใหน้ กั เรียนฝึกออกเสียงตาม 3. นกั เรียนอ่านประโยคในหนังสือเรียน หน้า 23 หัวข้อ Look & Use แลว้ ใหน้ กั เรียนหาประโยค เหล่าน้ีในบทสนทนาใน Ex.1 อีกคร้งั 4. นกั เรียนจบั คู่ทาํ กิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 23 Ex.6 โดยใหน้ กั เรียนแตล่ ะคูฝ่ ึกพดู ถาม-ตอบ เกี่ยวกบั ความรู้สึก โดยใชค้ าํ คุณศพั ทบ์ อกความรู้สึกใน Ex.4 ครูเดินสงั เกตขณะนกั เรียนทาํ กิจกรรม เสร็จแลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คู่ ออกมานาํ เสนอทห่ี นา้ ช้นั เรียน 5. นกั เรียนดูภาพบตั รประจาํ ตวั ในหนังสือเรียน หน้า 23 Ex.7 และตอบคาํ ถามท่ีใหม้ าลงในสมุด จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คู่กบั เพอื่ น ฝึกพดู ถาม-ตอบกนั Answers 1. His name’s José Garcia. 2. He’s 13. 3. He’s from Spain.ข้ันที่ 4 Production 1. อธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 23 Ex.8 ใหน้ กั เรียนฟังวา่ สมมตวิ า่ นกั เรียนเพงิ่ เขา้ มาอยทู่ ี่ Harrow Summer Camp และนกั เรียนจะตอ้ งพดู แนะนาํ ตวั เองกบั เพอื่ นในคา่ ย โดยใหน้ กั เรียนใช้ โครงร่างบทสนทนาท่ีใหม้ าในการทาํ งาน จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั แลว้ ช่วยกนั เติมบทสนทนา ดงั กล่าวใหส้ มบูรณ์ ต่อมาครูสาธิตการทาํ กิจกรรม ดว้ ยการพดู สนทนากบั นกั เรียน 1 คน โดยเนน้ การแสดงท่าทาง การใชน้ ้าํ เสียง และการแสดงบทบาทใหส้ มจริงสมจงั แลว้ จงึ ใหเ้ วลานกั เรียน 5-10 นาที ฝึกซอ้ มการ แสดงบทสนทนา ครูสงั เกตขณะนกั เรียนทาํ กิจกรรม เพอ่ื คอยกระตุน้ ใหน้ กั เรียนเกิดความกลา้ แสดงออก ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คู่ ออกมานาํ เสนอท่หี นา้ ช้นั เรียน จากน้นั ใหน้ กั เรียนแตล่ ะคู่สลบั บทบาทกนั แลว้ ฝึกซอ้ มกนั อีกคร้งั Possible Answers A: Hello, I’m (student’s name). What’s your name? B: Hi (friend’s name). My name’s (student’s name) and I’m from (name of country). 60

A: Well, welcome to the camp.B: Are you OK? Are you (hungry)?A: No! I’m not! I’m (happy)!2. ครูแจกกระดาษขนาดคร่ึงหน่ึงของ A4 แลว้ ใหน้ กั เรียนแต่ละคนเขียนคาํ แสดงความรูส้ ึกท่เี รียนมาลง ในกระดาษ คนละ 1 คาํ ดว้ ยปากกาหรือปากกาเมจกิ โดยตวั อกั ษรจะตอ้ งเห็นไดช้ ดั เจน (ประมาณ 1 น้ิว) จากน้นั ใหน้ กั เรียนเดินไปคุยกบั เพอื่ นโดยใชค้ าํ ศพั ทท์ ่ีตวั เองเขยี นไวต้ ้งั คาํ ถาม และผตู้ อบใชค้ าํ ศพั ท์ ที่ตวั เองเขียนไวเ้ ป็นคาํ ตอบ เช่น S1: (เขียนวา่ bored) Are you bored? S2: (เขียนวา่ bored) Yes, I am. เม่ือเพอื่ นตอบแลว้ ใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนเดินไปหาคู่ใหม่ เช่น S1: (เขียนวา่ bored) Are you bored? S3: (เขียนวา่ cold) No, I’m not. I’m cold. Are you cold? S1: No, I’m not. I’m bored. ในกรณีท่ีคาํ ต่างกนั เช่นน้ีใหน้ กั เรียนแลกคาํ ศพั ทก์ นั และเดินไปหาคู่ใหม่ S1: (เขียนวา่ cold) Are you cold? S4: (เขยี นวา่ angry) No, I’m not. I’m angry. Are you angry? S1: No, I’m not. I’m cold. ครูใหน้ กั เรียนทาํ กิจกรรมเช่นน้ีไปเร่ือยๆ จนครบ 10 นาที3. นกั เรียนทาํ กิจกรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 14 Ex.1 และหนา้ 15 Exs.1-2 เป็ นการบา้ น7. การวดั และประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์ วธิ ีการวดั แบบประเมินการพดู โตต้ อบ แบบฝึกหดั (Workbook) ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ประเมินการพดู แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ตรวจแบบฝึ กหดั ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์สงั เกตพฤติกรรมใฝ่ เรียนรู้8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 หนงั สือเรียน Team Up in English 1 ม.1 8.2 แบบฝึกหดั Team Up in English 1 ม.1 8.3 Class Audio CDs 61

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 Meet my family! เวลา 2 ช่ัวโมง จดุ ประสงค์ (Objectives) - อ่านและเขา้ ใจขอ้ มูลเก่ียวกบั ครอบครวั ได้ - เรียนรู้คาํ ศพั ทเ์ กี่ยวกบั สมาชิกในครอบครัวได้ - พดู แนะนาํ สมาชิกในครอบครวั ของตนเองได้ เนื้อเร่ือง (The story) ในหนังสือเรียน หน้า 24 Maria ให้ David และ Sara ดูรูปภาพครอบครวั ของตนเองจากเครื่องคอมพวิ เตอร์1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรื่องทีฟ่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เห็น อยา่ งมีเหตผุ ล มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปล่ียนขอ้ มูลข่าวสาร แสดงความรูส้ ึก และความคิดเห็นอยา่ งมีประสิทธิภาพ ตวั ชี้วัด ต 1.1 ม.1/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทรอ้ ยกรอง (poem) ส้นั ๆ ถูกตอ้ ง ตามหลกั การอ่าน ต 1.1 ม.1/3 เลือก/ระบปุ ระโยคและขอ้ ความใหส้ มั พนั ธก์ บั ส่ือท่ีไม่ใช่ความเรียง (non-text information) ทอ่ี ่าน ต 1.1 ม.1/4 ระบหุ วั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาํ คญั (main idea) และตอบคาํ ถามจากการฟัง และอ่านบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั ต 1.2 ม.1/1 สนทนา แลกเปลี่ยนขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ต่างๆ ในชีวติ ประจาํ วนั2. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด การรูแ้ ละเขา้ ใจความหมายของคาํ ศพั ท์ สาํ นวนภาษา ประโยคเกี่ยวกบั การแลกเปล่ียนขอ้ มูล ช่วยในการสื่อสารในชีวติ ประจาํ วนั62

3. สาระการเรียนรู้3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา1) Language Features and FunctionsVocabulary: FamilyGrammar: Demonstratives: this / that, these / thoseFunctions: plural nouns Talking about the familyPronunciation: this and these2) Language SkillsSpeaking:Reading: พดู แนะนาํ สมาชิกในครอบครัวของตนเอง อ่านเพอื่ ความเขา้ ใจ4. ทักษะการคดิ 4.1 ทกั ษะการสงั เกต – สงั เกตความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงคาํ วา่ this และ these5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.1 ใฝ่ เรียนรู้6. กจิ กรรมการเรียนรู้ข้นั ท่ี 1 Warm up 1. ครูใหน้ กั เรียนเล่นเกมใบค้ าํ โดยแบ่งนกั เรียนเป็ น 2 ทีม และผลดั กนั ส่งตวั แทนออกมาแสดงท่าทาง ใบค้ าํ คาํ ศพั ทเ์ ก่ียวกบั ความรู้สึก กลุ่มทีท่ ายคาํ ศพั ทถ์ ูกมากทส่ี ุด จะเป็ นผชู้ นะ 2. ครูสุ่มถามคาํ ถามเก่ียวกบั ความรูส้ ึกของนกั เรียนในวนั น้ี เช่น T: (ช่ือนกั เรียน), are you hot? S1: Yes, I am. T: (ชื่อนกั เรียน), are you cold? S2: No, I’m not. T: (ชื่อนกั เรียน), are you hungry? S3: No, I’m not. 3. ครูถามนกั เรียนเป็นภาษาไทยหรือภาษาองั กฤษกไ็ ดว้ า่ ในบา้ นของนกั เรียนมีสมาชิกท้งั หมดกีค่ น ให้ นกั เรียนยกมือตอบคาํ ถาม เม่ือครูระบุจาํ นวน 63

จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนท่ีมีสมาชิกในบา้ นมากทส่ี ุด พดู รายงานเพอ่ื นเป็ นภาษาไทยวา่ มีใครบา้ ง ต่อมา ครูถามนกั เรียนวา่ สมาชิกในบา้ นที่เพอื่ นพดู บอก มีใครรูค้ าํ ศพั ทภ์ าษาองั กฤษคาํ ใดบา้ ง แลว้ ให้ นกั เรียนพดู รายงาน4. ทบทวนตวั เลข 30-100 ในภาษาองั กฤษ ดว้ ยการใหน้ กั เรียนเล่นเกม Bingo ตวั เลข โดยครูใหน้ กั เรียน ทาํ ตาราง 5 x 5 ช่องลงในกระดาษ แลว้ ใหน้ กั เรียนเลือกหมายเลขใดๆ ก็ได้ จาก 30-100 เขียนลงใน ช่องท้งั หมด ยกเวน้ ช่องตรงกลางใหเ้ ขียนคาํ วา่ Free เช่น65 32 45 43 100 จากน้นั ครูอ่านตวั เลขแบบไม่เรียงตามลาํ ดบั และถา้ ในตาราง Bingo ของนกั เรียนคนใดมีตวั เลขท่คี รูบอก ใหน้ กั เรียนวงกลม62 87 66 41 57 ที่ตวั เลขดงั กล่าว นกั เรียนคนใดสามารถวงกลมตวั เลขติดต่อกนั71 51 Free 33 68 ท้งั แถว ท้งั ในแนวนอน แนวต้งั และแนวทแยง ใหน้ กั เรียนยก55 99 77 89 50 มือข้ึนและตะโกนวา่ Bingo ครูตรวจสอบวา่ ตวั เลขที่นกั เรียนวง ถูกตอ้ งหรือไม่ (ครูควรจดตวั เลขทีต่ นเองอ่าน เพอ่ื ใหง้ า่ ยต่อ84 81 90 48 70 การตรวจสอบ)5. นาํ เขา้ สู่บทเรียนดว้ ยการใหน้ กั เรียนดูภาพในหนังสือเรียน หนา้ 24 แลว้ ตอบคาํ ถามครู โดยใช้ ภาษาไทยหรือภาษาองั กฤษในการพดู ถาม-ตอบก็ได้ แลว้ แตร่ ะดบั ความสามารถของนกั เรียน เช่น How many photos are there? (six) Who are these people? (I think they are a family.)ข้นั ที่ 2 Presentation 1. ครูใหน้ กั เรียนลองเดาวา่ บทสนทนาในหนังสือเรียน หน้า 24 Ex.1 น่าจะเป็ นเรื่องเกี่ยวกบั อะไร จากน้นั ครูเปิ ด CD1/Track 25 ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านบทสนทนาในหนงั สือเรียนตามไปดว้ ย เสร็จแลว้ ครูเปิ ด CD อีกคร้งั โดยในคร้งั น้ีหยดุ CD เป็ นระยะๆ เพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของ นกั เรียน 2. ใหน้ กั เรียนทาํ กิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 24 Ex.2 โดยเปิ ด CD1/Track 25 ใหน้ กั เรียนฟังอีกคร้งั แลว้ หยดุ CD เป็นระยะ เพอื่ ใหน้ กั เรียนอ่านตามพรอ้ มๆ กนั หรือเป็ นรายบคุ คล 3. แบง่ นกั เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน แลว้ ใหเ้ วลานกั เรียนฝึกซอ้ มแสดงบทสนทนาใน Ex.1 จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คู่ ออกมาแสดงบทสนทนาทีห่ นา้ ช้นั เรียน 4. นกั เรียนกลุ่มเดิม ผลดั กนั พดู แนะนาํ เพอื่ นใหเ้ พอ่ื นอีกคนหน่ึงในกลุม่ ฟัง โดยครูเขียนโครงสร้าง ตอ่ ไปน้ีบนกระดาน This is my friend, (ช่ือเพอื่ น). 64

5. นาํ เสนอคาํ ศพั ทเ์ ก่ียวกบั สมาชิกในครอบครัว ดว้ ยการใหน้ กั เรียนหาคาํ ศพั ทเ์ หล่าน้ีในบทสนทนาใน Ex.1 แลว้ ออกมาเขียนบนกระดาน พร้อมท้งั อธิบายความหมายในภาษาไทย6. นาํ เสนอการใช้ this/these - that/those ดว้ ยการช้ีใหน้ กั เรียนดูสิ่งของตา่ งๆ ในช้นั เรียน แลว้ ให้ นกั เรียนฝึกพดู ตามครู ครูทาํ กิจกรรมเช่นน้ีไปเร่ือยๆ จนกวา่ นกั เรียนจะเขา้ ใจวธิ ีการใช้ this/these – that/those เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั สรุปวธิ ีการใชร้ ่วมกนั ส้นั ๆ ดงั น้ี ใกล้ ไกลเอกพจน์ This Thatพหูพจน์ A thing or a person is close A thing or a person is far This = singular That = singular These Those Things or people are close Things or people are far These = plural Those = pluralจากน้นั ครูทดสอบวา่ นกั เรียนเขา้ ใจการใช้ this/that – these/these หรือไม่ ดว้ ยการหยบิ หรือช้ีส่ิงของท่ีอยใู่ นหอ้ งเรียน พรอ้ มท้งั พดู คาํ ศพั ท์ แลว้ สุ่มเรียกใหน้ กั เรียนพดู แนะนาํ สิ่งของดงั กล่าวข้ันท่ี 3 Practice 1. นกั เรียนจบั คู่ ทาํ กิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 24 Ex.3 โดยช่วยกนั เติมชื่อบุคคลลงใน family tree ใหส้ มบูรณ์ โดยรวบรวมขอ้ มูลจากบทสนทนาใน Ex.1 จากน้นั ครูเขยี น family tree เหมือนอยา่ งใน Ex.3 บนกระดาน แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนออกมาเติมช่ือ บุคคลใน family tree ดงั กล่าว เพอื่ เป็นการเฉลยคาํ ตอบ Weak classes: ช่วยนกั เรียนดว้ ยการเขียนชื่อบคุ คลไวบ้ นกระดานตามลาํ ดบั อาวโุ ส จากน้นั อธิบาย family tree ใหน้ กั เรียนฟังวา่ กรอบที่อยดู่ า้ นบนสุดของ family tree จะเป็ นช่ือของป่ ูยา่ /ตายาย (grandparents) ลาํ ดบั ถดั มาจะเป็นช่ือของพอ่ และแม่ (parents) ป้ า/นา้ (aunts) ลุง/อา (uncles) และ ลาํ ดบั สุดทา้ ยจะเป็นช่ือของพนี่ อ้ ง (brothers, sisters) และลูกพล่ี กู นอ้ ง (cousins) Answers Pablo (grandpa) / Consuelo (grandma) (first line) Tony (father) / Cindy (mother) / Mario (uncle) / Elena (aunt) (second line) Carlos (brother) / Maria / Jennifer (sister) / Daniel, Jessica (cousins) (third line) 65

2. อ่านประโยคในหนังสือเรียน หน้า 24 Ex.4 อยา่ งชา้ ๆ ชดั ๆ เพอื่ ใหน้ กั เรียนเห็นความแตกต่างของ เสียง this และ these จากน้นั เปิ ด CD1/Track 26 ใหน้ กั เรียนฟัง และเลือกประโยคท่ไี ดย้ นิ ใหถ้ ูกตอ้ ง3. ทาํ กิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 24 Ex.5 โดยเปิ ด CD1/Track 26 อีกคร้งั แต่หยดุ CD หลงั จบแตล่ ะ ประโยค แลว้ ใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงตามพรอ้ มๆ กนั และทลี ะคน ครูกระตุน้ ใหน้ กั เรียนออกเสียง ใหเ้ หมือนตน้ ฉบบั ทีไ่ ดย้ นิ ใหไ้ ดม้ ากท่ีสุดAudio script and answers1. This is a nice place.2. These eyes are cold.3. That’s not a good idea.4. Those are Italian cars.4. ทาํ กิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 25 Ex.6 โดยใหน้ กั เรียนเตมิ คาํ ศพั ทเ์ ก่ียวกบั สมาชิกในครอบครัวลง ใน family tree ตามลาํ ดบั ความสมั พนั ธท์ ีถ่ ูกตอ้ ง จากน้นั ครูวาดภาพ family tree น้ีลงบนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนบอกคาํ ตอบ พร้อมท้งั ตวั สะกด (family tree น้ี จะใชอ้ ีกคร้งั ใน Ex.7)Answers Mark: uncle Lauren: auntGrace: grandma Amy: cousin Harry: cousinTom: father Lucy: motherJames: brother Emily: sister Katie: sister5. นกั เรียนอ่านขอ้ มูลในหนังสือเรียน หน้า 25 หัวข้อ Hot Tip! ซ่ึงอธิบายวา่ คาํ วา่ daughter ใชก้ ล่าวถึง ลูกสาว และ son ใชก้ ล่าวถึงลูกชาย แต่ถา้ กล่าวถึงลูกชายและลูกสาวรวมกนั เรียกวา่ children จากน้นั ใหน้ กั เรียนฝึกใชค้ าํ วา่ children, son, daughter พดู บรรยายครอบครวั ของ Joshua ใน Ex.6 ตวั อยา่ งเช่น These are Mark and Lauren. Amy and Harry are their children. Amy is their daughter. Harry is their son. Extra activity: เขียน family tree ของครอบครัวท่ีมีชื่อเสียงใหน้ กั เรียนดูบนกระดาน เพราจะทาํ ให้ นกั เรียนเขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสมาชิกในครอบครวั มากข้ึน6. นกั เรียนอ่านประโยคในหนังสือเรียน หน้า 25 หัวข้อ Look & Use จากน้นั ใหน้ กั เรียนหาประโยค เหล่าน้ีในบทสนทนาใน Ex.1 66

7. อ่านตวั อยา่ งคาํ ตอบในหนังสือเรียน หน้า 25 Ex.7 จากน้นั ช้ีท่ชี ่ือบคุ คลเหล่าน้ีใน family tree บน กระดาน แลว้ อธิบายวา่ ตวั เลขท่ีอยขู่ า้ งๆ ช่ือ คอื อายขุ องบุคคลดงั กล่าว จากน้นั ใหน้ กั เรียนพดู บอกอายขุ องบุคคลทีใ่ หม้ า โดยใหน้ กั เรียนออกไปช้ีชื่อบุคคลดงั กลา่ วใน family tree บนกระดานดว้ ย ครูเนน้ ใหน้ กั เรียนพดู ตวั เลข และออกเสียงคาํ วา่ this และ these ให้ ถูกตอ้ ง โดยเฉพาะในขอ้ 2 และ 3 ซ่ึงเป็ นพหูพจน์ ต่อมาใหน้ กั เรียนจบั คู่และฝึกพดู บอกอายกุ นั อีกคร้งั โดยช้ีทีภ่ าพบุคคลใน family tree ใน Ex.6 เสร็จแลว้ มอบหมายใหน้ กั เรียนเขียนบอกอายขุ องบคุ คลเหล่าน้ีอีกคร้งั ในสมุด Answers 1. This is my grandma, Grace. She’s 61. 2. These are my sisters, Emily and Katie. Emily is 7 and Katie is 5. 3. These are my parents, Tom and Lucy. My father is 41. My mother is 39. 4. This is my uncle, Mark. He’s 35. 5. This is my aunt, Lauren. She’s 32. 6. This is my brother, James. She’s 13. 8. แบง่ นกั เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน แลว้ ใหน้ กั เรียนฝึกพดู บอกอายขุ องเพอื่ นภายในกลุม่ โดยใช้ โครงสรา้ ง This is my friend, (ช่ือเพอ่ื น). He/She’s (อาย)ุ . หรือ These are my friends, (ชื่อเพอื่ นท้งั 2 คน). (ช่ือเพอ่ื นคนแรก) is (อาย)ุ and (ช่ือ เพอื่ นคนที่ 2) is (อาย)ุ .ข้นั ท่ี 4 Production 1. นกั เรียนทาํ กิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 25 Ex.8 ดว้ ยการวาด family tree ในสมุดของตนเอง จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั แลว้ ใหเ้ วลานกั เรียนแต่ละคู่ 5 นาที ฝึกพดู บรรยายครอบครวั ของตนเอง ใหเ้ พอ่ื นฟัง โดยระหวา่ งทีพ่ ดู ใหน้ กั เรียนช้ีไปท่ี family tree ของตนเองประกอบไปดว้ ย เม่ือนกั เรียน ฝึกพดู นาํ เสนอเสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนเขยี นสิ่งทีต่ นเองพดู ลงในสมุด แลว้ ใหน้ กั เรียนแตล่ ะคู่ สลบั กนั ตรวจ เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คน ใหอ้ อกมาพดู นาํ เสนอท่หี นา้ ช้นั เรียน หมายเหต:ุ ในการเรียนการสอนหวั ขอ้ เกี่ยวกบั ครอบครวั บางคร้งั จะค่อนขา้ งเป็ นหวั ขอ้ ทีอ่ ่อนไหว งา่ ย เช่น สาํ หรบั เด็กท่ีมีพอ่ หรือแม่เพยี งคนเดียว หรือไม่มีพอ่ แม่ ครูตอ้ งระมดั ระวงั และสงั เกตการ ทาํ งานของนกั เรียนอยา่ งใกลช้ ิด สาํ หรบั นกั เรียนทีเ่ ป็นลูกคนเดียว ครูสอนใหน้ กั เรียนใชป้ ระโยค I’m an only child. 67

Advanced classes: นอกจากเขียนบอกอายแุ ลว้ ใหน้ กั เรียนเขียนคาํ บรรยายอ่ืนๆ เก่ียวกบั ครอบครัว ของตนเองประกอบ family tree ดว้ ย In my family there are ….. people; my father … is …. .2. นกั เรียนทาํ กิจกรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 14 Exs.2-4 และ หนา้ 15 Exs.3-47. การวัดและประเมินผล เคร่ืองมอื เกณฑ์ วิธีการวดั แบบประเมินการพดู โตต้ อบ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ประเมินการพดู แบบฝึกหดั (Workbook) รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ตรวจแบบฝึ กหดัสงั เกตความใฝ่เรียนรู้8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 หนงั สือเรียน Team Up in English 1 ม.1 8.2 แบบฝึกหดั Team Up in English 1 ม.1 8.3 Class Audio CDs 68

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 Grammar Focus เวลา 2 ชั่วโมงจุดประสงค์ (Objectives)- รู้และเขา้ ใจการใช้ be – Present simple (negative form, questions and short answers), this / that, these / these, plural nouns1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรื่องท่ฟี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น อยา่ งมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความคดิ เห็นอยา่ งมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นาํ เสนอขอ้ มูลขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองตา่ งๆ โดยการ พดู และการเขียน ตัวชี้วดั ต 1.1 ม.1/3 เลือก/ระบุประโยคและขอ้ ความใหส้ มั พนั ธก์ บั ส่ือท่ไี ม่ใช่ความเรียง (non-text information) ทอี่ ่าน ต 1.1 ม.1/4 ระบุหวั ขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาํ คญั (main idea) และตอบคาํ ถามจากการฟัง และอ่านบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั ต 1.2 ม.1/5 พดู และเขียนแสดงความรู้สึก และความคดิ เห็นของตนเองเกี่ยวกบั เรื่องตา่ งๆ ใกลต้ วั กิจกรรมตา่ งๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลส้นั ๆ ประกอบอยา่ งเหมาะสม ต 1.3 ม.1/1 พดู และเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาํ วนั ประสบการณ์ และ สิ่งแวดลอ้ มใกลต้ วั2. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด การรูแ้ ละเขา้ ใจคาํ ศพั ท์ ประโยค ช่วยในการพดู และเขยี นแสดงความรูส้ ึก และบรรยายเกี่ยวกบั ตนเองและสิ่งแวดลอ้ มใกลต้ วั69

3. สาระการเรียนรู้3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า1) Language Features and FunctionsGrammar: be – Present simple (negative form, questions and short answers), demonstratives: this / that, these / those plural nouns4. ทักษะการคดิ 4.1 ทกั ษะการนาํ ความรู้ไปใช้ – เขียนประโยคโดยใชโ้ ครงสร้างภาษาทเ่ี รียน5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 5.1 ใฝ่ เรียนรู้6. กิจกรรมการเรียนรู้ข้ันท่ี 1 Warm up นาํ เขา้ สู่บทเรียน ดว้ ยการใหน้ กั เรียนเล่นเกมบงิ โกตวั เลขอีกคร้งั โดยในคร้ังน้ีใหน้ กั เรียนผลดั กนั เป็ น ผขู้ านตวั เลขข้ันที่ 2 Presentation ครูและนกั เรียนร่วมกนั ศกึ ษาคาํ อธิบายเก่ียวกบั การใช้ be – Present simple (negative form, questions and short answers), this / that, these / these, plural nouns ที่ใหม้ าในหนงั สือเรียน หนา้ 26-27 แลว้ ครู กระตุน้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั เติมขอ้ มูลในคาํ อธิบายดงั กล่าวใหส้ มบรู ณ์ ครูอาจช่วยนกั เรียนดว้ ยการยกตวั อยา่ งประโยคที่ใชโ้ ครงสรา้ งภาษาเหล่าน้ีเพม่ิ เติมหลายๆ ประโยค เพอ่ื ใหน้ กั เรียนสามารถสรุปกฎเกณฑจ์ ากตวั อยา่ งประโยคที่ใหม้ าได้ ซ่ึงเป็ นวธิ ีการสอนแบบที่ เรียกวา่ inductive methodbe – Present simpleNegative formAnswersFull form Short formI am not I’m notYou are not You aren’t 70

He is not He isn’tShe is not She isn’tIt is not It isn’tWe are not We aren’tYou are not You aren’tThey are not They aren’tIn the negative form we add not or n’t to the verbQuestions and short answersAnswersQuestions Short answersAm I hungry? Yes, I am. / No, I’m not.Are you hungry? Yes, you are. / No, you aren’t.Is he hungry? Yes, he is. / No, he isn’t.Is she hungry? Yes, she is. / No, she isn’t.Is it hungry? Yes, it is. / No, it isn’t.Are we hungry? Yes, we are. / No, we aren’t.Are you hungry? Yes, you are. / No, you aren’t.Are they hungry? Yes, they are. / No, they aren’t.In questions with be we put subject pronouns after the verb.We use the full form in affirmative short answers and the short form in negativeshort answers.this / that, these / theseAnswersthis thesethat thosePlural nounsAnswersWe usually add s to form plural nouns. 71

ข้ันที่ 3 Practice นกั เรียนทาํ กิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 26-27 Exs.1-4 ปากเปล่าร่วมกนั ในช้นั เรียน แลว้ กลบั ไป เขยี นลงในสมุดเป็นการบา้ นอีกคร้งั หน่ึงExercise 1 2. David isn’t tired.Answers 4. We aren’t cold.1. You aren’t happy. 6. It isn’t hot.3. Maria isn’t sad. 8. He isn’t tired.5. They aren’t hungry.7. Paolo and Francesco aren’t bored.Exercise 2 2. Is David tired?Answers 4. Are we cold?1. Are you happy? 6. Is it hot?3. Is Maria sad? 8. Is he tired?5. Are they hungry?7. Are Paolo and Francesco bored?Personal Toolkit  Grammar หนา้ 5-6Exercise 3Answers1. This is my friend Helen. / These are my American friends.2. This is my friend. / That’s your friend.3. These are the Scottish twins. / Those are the Scottish twins.Exercise 4 2. that 3. Those, these 4. this, thatAnswers1. those 72

Personal Toolkit  Grammar หนา้ 34-35ข้ันที่ 4 Production 1. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั สรุปสิ่งทไ่ี ดเ้ รียนรู้ในบทเรียนน้ีร่วมกนั จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คู่ ช่วยกนั แตง่ ประโยคโดยใชโ้ ครงสรา้ งภาษาทีเ่ รียน อยา่ งนอ้ ยโครงสรา้ งละ 5 ประโยค ครูสงั เกตขณะนกั เรียนทาํ กิจกรรม เสร็จแลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 3-5 คู่ ออกมานาํ เสนอทหี่ นา้ ช้นั เรียน 2. นกั เรียนทาํ กิจกรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 16-17 Exs.1-8 เป็ นการบา้ น 3. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนทาํ กิจกรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 18-19 ในหอ้ งเรียนหรือเป็ น การบา้ น 73

Skills (Workbook pp. 18-19)ทบทวนคาํ ศพั ทเ์ กี่ยวกบั ความรูส้ ึกและครอบครัวทน่ี กั เรียนเคยไดเ้ รียนมาแลว้ ดว้ ยการแบ่งนกั เรียนเป็ น 2 ทมีแตล่ ะทมี ผลดั กนั ส่งตวั แทนออกมาเล่นเกม Spelling Bee โดยครูจะพดู คาํ ศพั ท์ แลว้ ใหน้ กั เรียนสะกดคาํ ศพั ท์ดงั กล่าวใหถ้ ูกตอ้ ง ทีมทตี่ วั แทนสามารถสะกดคาํ ศพั ทไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง จะได้ 1 คะแนน สุดทา้ ยทีมใดที่ไดค้ ะแนนมากที่สุดจะเป็นทีมทชี่ นะ Wordlist: afraid, aunt, bored, brother, cousin, daughter, father, grandma, grandpa, mother, parents, tired, uncleListening 1. นกั เรียนทาํ กิจกรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 18 Ex.1 โดยดูภาพ แลว้ วงกลมรอบคาํ คุณศพั ท์ บอกความรู้สึกที่สมั พนั ธก์ บั ภาพ 2. นกั เรียนทาํ กิจกรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 18 Ex.2 ซ่ึงนกั เรียนจะไดฟ้ ังบทสนทนาส้นั ๆ 4 บท จาก Student’s Audio CD/Track 7 แลว้ พจิ ารณาวา่ บทสนทนาดงั กลา่ วสมั พนั ธก์ บั ภาพใด ระหวา่ งภาพ A กบั ภาพ B จากใน Ex.1 เมื่อไดค้ าํ ตอบแลว้ ใหข้ ีด ลงในกรอบส่ีเหล่ียมขา้ งๆ ภาพReading 1. นกั เรียนฟัง Student’s Audio CD/Track 8 และอ่านขอ้ ความบรรยายภาพท้งั 4 ภาพที่ใหม้ าใน แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 18 Ex.3 ตามไปดว้ ย จากน้นั ตอบคาํ ถามทถ่ี ามวา่ มีครอบครวั ในภาพ ใดที่คลา้ ยคลึงกบั ครอบครวั ของนกั เรียนบา้ ง 2. อ่านขอ้ ความบรรยายภาพใน Ex.3 อีกคร้ัง จากน้นั ใหน้ กั เรียนตอบคาํ ถามท่ีกาํ หนดใหใ้ นแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 19 Ex.4 ลงในสมุดWriting and Speaking 1. อธิบายภาระงานในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 18 Ex.5 วา่ ใหน้ กั เรียนวาดรูปหรือหารูปภาพของ ครอบครวั ตวั เองมาตดิ ลงในกระดาษวาดเขยี นขนาด A4 แลว้ เขียนคาํ บรรยายส้นั ๆ เหมือนอยา่ งใน Ex.3 2. ทบทวนโครงสรา้ งประโยคและคาํ ศพั ทท์ ีใ่ ชใ้ นการบรรยายสมาชิกในครอบครัวอีกคร้งั ใน แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 19 Ex.6 จากน้นั ใหน้ กั เรียนนาํ รูปครอบครวั ของบุคคลทมี่ ีชื่อเสียง ทน่ี กั เรียนไดเ้ ตรียมมาจากบา้ นแลว้ มาเตรียมขอ้ มูลในการพดู นาํ เสนอ เม่ือนกั เรียนเตรียมตวั เสร็จแลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนใหอ้ อกมาพดู นาํ เสนอท่หี นา้ ช้นั เรียน 74

Study Tip อธิบาย Study Tip ในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 19 แลว้ มอบหมายใหน้ กั เรียนเลือกคาํ ศพั ท์ เก่ียวกบั ครอบครวั และความรู้สึกอยา่ งละ 1 คาํ แลว้ กลบั ไปทาํ บตั รคาํ ทีด่ า้ นหนา้ เป็ นคาํ ศพั ท์ ภาษาองั กฤษ และดา้ นหลงั เป็นคาํ แปลภาษาไทย แลว้ ใหน้ กั เรียนกลบั ไปฝึกทอ่ งจาํ คาํ ศพั ทเ์ กี่ยวกบั ครอบครวั ครูใหน้ กั เรียนนาํ บตั รคาํ มาส่งครู เพอ่ื นาํ มาใชใ้ นการทาํ กิจกรรมในคาบเรียนถดั ไป7. การวดั และประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์ วธิ ีการวดั - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ตรวจงานเขียน แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ตรวจแบบฝึ กหดัสงั เกตความใฝ่เรียนรู้8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 หนงั สือเรียน Team Up in English 1 ม.1 8.2 แบบฝึกหดั Team Up in English 1 ม.1 8.3 Student’s Audio CD 8.4 Personal Toolkit 75

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 The Food Pyramid เวลา 2 ช่ัวโมงจุดประสงค์ (Objectives)- เรียนรู้เก่ียวกบั การเลือกรบั ประทานอาหารอยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเร่ืองท่ฟี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น อยา่ งมีเหตุผล ตัวชี้วดั ต 1.1 ม.1/3 เลือก/ระบุประโยคและขอ้ ความใหส้ มั พนั ธก์ บั ส่ือทไ่ี ม่ใช่ความเรียง (non-text information) ทอ่ี ่าน ต 1.1 ม.1/4 ระบุหวั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาํ คญั (main idea) และตอบคาํ ถามจากการฟัง และอ่านบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กบั กลุ่มสาระการเรียนรูอ้ ่ืน และเป็น พ้นื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน ตวั ชี้วดั ต 3.1 ม.1/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เทจ็ จริงท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อ่ืน จากแหล่งเรียนรู้ และนาํ เสนอดว้ ยการพดู /การเขียน2. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด ความรู้เกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารอย่างถูกตอ้ งและเหมาะสม การรู้และเข้าใจคาํ ศัพท์สาํ นวนภาษาที่เก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน เป็ นพ้นื ฐานในการรวบรวมและสรุปขอ้ มูล และนาํ เสนอดว้ ยการพดู /การเขียน76

3. สาระการเรียนรู้3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า1) Language Features and FunctionsVocabulary: food and nutrition (bone, body, calcium, carbohydrate, fat, fibre, healthy,2) Language Skills high in, iron, bean, nut, nutrient, mineral, protein, rich in, vitamin)Reading: อ่านเพอ่ื ความเขา้ ใจ4. ทักษะการคดิ 4.1 ทกั ษะการจาํ แนกประเภท – จาํ แนกประเภทของอาหารตามหมวดหมู่ในพรี ะมิดอาหารทเ่ี รียน 4.2 ทกั ษะการนาํ ความรู้ไปใช้ – นาํ ความรู้เก่ียวกบั การรับประทานอาหารอยา่ งเหมาะสมท่เี รียนมาใช้ วเิ คราะห์เกี่ยวกบั การรับประทานอาหารของตนเอง5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.1 ใฝ่ เรียนรู้6. กจิ กรรมการเรียนรู้ข้นั ที่ 1 Warm up 1. นกั เรียนทบทวนคาํ ศพั ทเ์ กี่ยวกบั ครอบครัวจากบตั รคาํ ท่ีนกั เรียนไดท้ าํ ไวใ้ นแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 19 หวั ขอ้ Study Tip 2. ครูถามนกั เรียนวา่ นกั เรียนรูห้ รือไม่วา่ การรบั ประทานอาหารอยา่ งเหมาะสม จะตอ้ งรับประทาน อาหารอยา่ งไร แลว้ ใหน้ กั เรียนในหอ้ งอภิปรายแสดงความคิดเห็นร่วมกนัข้ันท่ี 2 Pre-reading นกั เรียนจบั คูท่ าํ กิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 25 Ex.1 โดยใหแ้ ตล่ ะคูช่ ่วยกนั คดิ ช่ืออาหารเรียง ตามลาํ ดบั ตวั อกั ษร A-Z ทีน่ กั เรียนรู้จกั วา่ มีอะไรบา้ ง เช่น A = Apple, B = Bread, C= Cookies ครูอธิบายใหน้ กั เรียนเขยี นช่ืออาหารที่เป็ นวตั ถุดิบ ไม่เขยี นเป็ นช่ืออาหารทป่ี รุงสาํ เร็จแลว้ เช่น เขียนคาํ วา่ eggs ไม่เขยี นคาํ วา่ custard, pasta ไม่เขยี น lasagna, potatoes ไม่เขยี น chips ตวั อกั ษรบาง ตวั อาจยากทจ่ี ะบอกช่ืออาหารได้ ครูอาจกาํ หนดไวต้ ้งั แต่ตอนตน้ เลยวา่ ใหน้ กั เรียนขา้ มไปได้ เช่น q, u, v, x, y, z ครูใหเ้ วลานกั เรียนในการเขยี น 5 นาที เม่ือหมดเวลาแลว้ ครูสาํ รวจวา่ นกั เรียนคู่ใดเขียน ไดม้ ากทีส่ ุด ใหน้ กั เรียนคู่ดงั กล่าวออกมาเขียนคาํ ตอบบนกระดาน ครูตรวจเช็คตวั สะกดใหน้ กั เรียน 77

ต่อมาครูถามนกั เรียนคนอื่นๆ ในช้นั วา่ มีคาํ ศพั ทต์ วั อกั ษรใดท่เี พอื่ นไม่ไดเ้ ขียนบนกระดาน แลว้นกั เรียนนึกออก ใหอ้ อกมาเขยี น Possible answers A: apple, almond, apricot, avocado, asparagus,…etc. B: bread, blueberry, banana, broccoli, beef, beer, bean, bacon,…etc. C: carrot, cake, candy, cheese, chicken, chili pepper, cherry, celery, cauliflower, cabbage, coconut, cookie, corn, crab, cucumber,…etc. D: durian, doughnut,…etc. E: egg, eggplant,…etc. F: flour, fruit, French fries,…etc. G: grapes, grapefruit, garlic, ginger, green beans,…etc. H: ham, hot dog, …etc. I: ice, ice cream,…etc. J: jam, jelly, juice,…etc. K: kiwifruit,…etc. L: lemon, lemonade, lime, lobster, lettuce, leek,…etc. M: meat, melon, milk, mushroom, mussel,…etc. N: nut, noodle,…etc. O: orange, orange juice, olive, onion, oyster,…etc. P: papaya, pasta, peach, peanut, pear, pea, pepper, pie, pizza, potato, pumpkin, pork, pineapple, prawn,…etc. Q: quail eggs,…etc. R: rice, raisin, raspberry, …etc. S: salad, salt, sausage, salmon, steak, sugar,…etc. T: tea, toast, tomato, tuna, turkey,…etc. U: - V: - W: watermelon, wheat, water, walnut,…etc. Y: yam,…etc. Z: zucchini,…etc. 78

ครูใหน้ กั เรียนจดบนั ทึกคาํ ศพั ทช์ ื่ออาหารเหล่าน้ีลงในสมุด (ช่ืออาหารเหล่าน้ีจะใชใ้ นการทาํ กิจกรรมอีกคร้งั หลงั จากทาํ Ex.2 เสร็จแลว้ )ข้ันที่ 3 Reading 1. ใหน้ กั เรียนสงั เกตภาพพรี ะมิดอาหารในหนงั สือเรียน หนา้ 28 ซ่ึงเป็ นแผนภาพท่ีช่วยใหผ้ บู้ ริโภคได้ รูจ้ กั การเลือกรับประทานอาหารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและพอเหมาะตอ่ ความตอ้ งการในแตล่ ะวนั โดยเน้น ใหผ้ บู้ ริโภคเลือกรับประทานอาหารหลกั ท้งั 5 หมู่ใหห้ ลากหลายออกไป เพอื่ ใหเ้ กิดประโยชน์และ เกิดความสมดุลของสารอาหารท่รี ่างกายแตล่ ะคนตอ้ งการ จากน้นั ครูถามนกั เรียนวา่ พรี ะมิดอาหารแบ่งออกเป็นท้งั หมดกี่ส่วน (6 ส่วน) ส่วนใดเป็ นส่วนทใ่ี หญ่ ทีส่ ุดของพรี ะมิดอาหาร (ส่วนของคาร์โบไฮเดรตหรือพวกแป้ ง ในช้นั ล่างสุดของพรี ะมิด) และส่วน ใดเป็นส่วนที่เล็กท่ีสุด (ส่วนของพวกไขมนั ในช้นั บนสุดของพรี ะมิด) How many sections are there? (six) Which section is the largest portion of our diet? (the carbohydrates group, at the bottom of the pyramid) Which section is the smallest portion? (the fats group, at the top) 2. ใหเ้ วลานกั เรียน 5 นาที อ่านบทอ่านในหนังสือเรียน หน้า 28 Ex.2 จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั สรุป เน้ือหาในแต่ละกรอบในบทอ่าน โดยใชภ้ าษาไทยได้ ตอ่ มาใหน้ กั เรียนจบั คู่ แลว้ ตอบคาํ ถามที่ใหม้ าดา้ นล่างของพรี ะมิดอาหาร เมื่อนกั เรียนทาํ เสร็จแลว้ ครูอ่านคาํ ถามท่ใี หม้ าทลี ะคาํ ถาม แลว้ รวบรวมคาํ ตอบจากนกั เรียนหลายๆ คน เพอ่ื เป็ นการตรวจ คาํ ตอบ เสร็จแลว้ มอบหมายใหน้ กั เรียนกลบั ไปเขียนคาํ ถาม พร้อมท้งั คาํ ตอบลงในสมุดอีกคร้งั Answers: 1. You need it to have strong teeth and bones. 2. Any of the foods from these groups: meat, poultry, fish, dry beans, eggs, seeds and nuts. 3. They are full of vitamins and minerals. 4. Fruits are sweet, ready to eat and very good for you. 3. เปิ ด CD1/Track 27 ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านบทอา่ นใน Ex.2 ตามไปดว้ ย จากน้นั ใหน้ กั เรียนอ่าน บทอ่านอีกคร้งั โดยกระตุน้ ใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงใหเ้ หมือนตน้ ฉบบั ทฟ่ี ังใหไ้ ดม้ ากทสี่ ุด เสร็จแลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 6 คน ใหอ้ ่านขอ้ ความในบทอ่าน คนละ 1 กรอบ 79

ข้ันที่ 4 Post-reading 1. ใหน้ กั เรียนดูรายชื่ออาหารทีเ่ รียงตามลาํ ดบั ตวั อกั ษรอีกคร้ัง จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั วิเคราะห์วา่ อาหารแตล่ ะอยา่ งน้นั เป็นอาหารทอ่ี ยใู่ นหมวดใดในพรี ะมิดอาหาร 2. ครูช้ีใหน้ กั เรียนดูหัวขอ้ ของตารางในหนังสือเรียน หน้า 28 Ex.3 วา่ ในคอลมั นแ์ รกน้นั เป็ นช่ือของ อาหาร ส่วนอีก 6 คอลมั น์ท่ีเหลือน้นั เป็ นประเภทของอาหารตามทแ่ี บง่ ไวใ้ นพรี ะมิดอาหาร จากน้นั ครูทาํ ตารางแบบเดียวกบั ในหนงั สือเรียนบนกระดาน และเขยี นช่ืออาหารลงในคอลมั นแ์ รก หวั ขอ้ Meal จากน้นั เขียนอาหารทีก่ ินในม้ือน้นั ๆ แยกตามประเภท ตอ่ มาใหน้ กั เรียนทาํ ตารางของตนเองลงในสมุด แลว้ ใหน้ กั เรียนวเิ คราะหอ์ าหารทีต่ นเองรับประทาน ใน 1 วนั ลงในตารางเหมือนดงั ตวั อยา่ งท่ใี หม้ า ครูเดินสงั เกตขณะนกั เรียนทาํ งาน 3. ทาํ กิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 28 Ex.4 ดว้ ยการใหน้ กั เรียนดูตารางทีน่ กั เรียนทาํ ไวใ้ น Ex.3 แลว้ พจิ ารณาวา่ การรบั ประทานอาหารของนกั เรียนใน 1 วนั น้นั มีสดั ส่วนทถี่ ูกตอ้ งและพอเหมาะหรือไม่ จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คู่ เพอื่ เปรียบเทยี บคาํ ตอบกบั เพอ่ื น โดยใหน้ กั เรียนพดู แลกเปลี่ยนขอ้ มูลกนั วา่ นกั เรียนกินอาหารครบทกุ ช้นั ในพรี ะมิดอาหารหรือไม่ Tests and Resources  CLIL Worksheet 1 4. อธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 28 หัวข้อ Project Time วา่ ใหน้ กั เรียนวาดพรี ะมิดอาหารของ ตนเองลงในกระดาษวาดเขียน ดา้ นนอกของพรี ะมิดใหเ้ ขยี นช่ือหมวดของอาหาร ส่วนดา้ นในของ พรี ะมิด ใหเ้ ขียนช่ือของอาหารท่ีครอบครัวของนกั เรียนรบั ประทานเป็ น ประจาํ ในแต่ละหมวด ครูกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนตกแตง่ พีระมิดอาหารของนกั เรียนใหส้ วยงามและ สร้างสรรค์ เช่น อาจจะระบายสีพรี ะมิดแต่ละช้นั ดว้ ยสีที่แตกตา่ งกนั วาดภาพประกอบหรือตดั ภาพอาหารจากในนิตยสารมาติดใส่ขา้ งๆ ช่ือ อาหารในพรี ะมิด เพอ่ื ทาํ ใหพ้ รี ะมิดอาหารของนกั เรียนมีความน่าสนใจ เมื่อครูตรวจผลงานนกั เรียนแลว้ นาํ พรี ะมิดอาหารของ นกั เรียนไปติดแสดงทีบ่ อร์ดของหอ้ งเรียน advanced class: ครูอาจสอนพรี ะมิดอาหารรูปแบบใหม่ ใหน้ กั เรียน โดยเขา้ ไปศกึ ษาขอ้ มูลเพมิ่ เตมิ ไดท้ ี่ http://www.choosemyplate.gov/foodgroups/ downloads/resource/MyPyramidGraphicStandards.pdf 80

http://www.choosemyplate.gov/foodgroups/downloads/resource/MyPyramidGraphicStandards.pdf 81

Background Informationแนวคิดเรื่องพีระมิดอาหาร คือการเรียงอาหารตามหม่ตู ่างๆ ตามลาํ ดบั ว่าอาหารหม่ไู หนท่ีควรจะรับประทานมาก (ฐานของพีระมิด) ลดหลน่ั กนั ลงไปจนถึงหมทู่ ่ีควรรับประทานให้นอ้ ยที่สุด(ยอดของพรี ะมิด)อาหารแตล่ ะหมวดในพีระมิดอาหารต่างก็มีความสาํ คญั ตอ่ สุขภาพเทา่ ๆ กนั ไมม่ ีอาหารชนิดใดชนิดเดียวทจี่ ะใหส้ ารอาหารไดค้ รบถว้ นตามที่ร่างกายตอ้ งการ ขอ้ สาํ คญั อาหารในหมวดหน่ึงไมส่ ามารถจะทดแทนอาหารในอีกหมวดหน่ึงได้ เพราะฉะน้นั เราตอ้ งรับประทานอาหารใหค้ รบท้งั 5 หมวด คือหมวดขา้ ว ผกั ผลไม้ เน้ือสตั วแ์ ละนม ร่างกายจึงจะไดร้ ับประโยชนจ์ ากอาหารอยา่ งเตม็ ท่ีและให้ผลในการส่งเสริมสุขภาพและป้ องกนั โรคตา่ งๆ ไดด้ ีบนยอดสูงสุดของพีระมิด คือหมวดอาหารประเภทไขมนั ของหวาน รวมท้งั น้าํ สลดั ครีม เนยเนยเทียม น้าํ ตาล น้าํ อดั ลม ลกู อม และเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ ซ่ึงเป็นอาหารที่ให้พลงั งานและไขมนั สูงเพิ่มน้าํ หนกั ไดด้ ี แต่มีวิตามิน เกลือแร่และสารอาหารอ่ืนๆ ที่เป็นประโยชนต์ อ่ ร่างกายนอ้ ยมาก ดงั น้นัจึงควรรับประทานอาหารหมวดน้ีใหน้ อ้ ยที่สุด ยิง่ หลีกเล่ียงไดม้ ากเทา่ ไหร่ก็ยงิ่ เป็นการดีต่อสุขภาพเทา่ น้นั เพราะการจาํ กดั อาหารหมวดน้ีจะช่วยป้ องกนั ความอว้ นและโรคที่จะตามมากบั ความอว้ น เช่นโรคหวั ใจ โรคเบาหวาน ความดนั โลหิตสูง เป็นตน้หมวดของนมและผลิตภณั ฑ์นม เชน่ นมสด โยเกิร์ต เนยแขง็ หรือชีส ซ่ึงเป็นแหล่งโปรตีน วิตามินและเกลอื แร่ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เป็นแหล่งของแคลเซียมท่ีจาํ เป็นอยา่ งยงิ่ ต่อกระดูกและฟันหมวดเนอื้ สัตว์ ไดแ้ ก่ เน้ือหมู เน้ือววั สตั วป์ ี ก ปลา ไข่ ซ่ึงเป็นแหลง่ ของโปรตีน วิตามินเอ บี 1 บี 6บี 12 ดี เค ธาตุเหลก็ ไนอะซิน สงั กะสีและฟอสฟอรัส แต่เราควรเลอื กโปรตีนชนิดที่มีไขมนั ต่าํ และบริโภคตามปริมาณและสดั ส่วนที่ควรไดร้ ับในแตล่ ะวนั ตามเพศและวยั เพราะจะชว่ ยลดปริมาณไขมนั อ่ิมตวั และคอเลสเตอรอล ช่วยลดการเกิดโรคหวั ใจ นอกจากน้ีโปรตีนจากพืช ไดแ้ ก่ ถว่ั เหลอื งและถว่ั ตา่ งๆ ยงั เป็นแหลง่ ของวิตามินอี กรดโฟลิก เสน้ ใยอาหาร สารตา้ นมะเร็งและสารอาหารอื่นๆก็จดั อยใู่ นหมวดน้ีดว้ ยหมวดผกั เป็นแหล่งวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ เชน่ วติ ามินบี 2 และบี 6 กรดโฟลิก แมกนีเซียมแคลเซียม ธาตเุ หลก็ ทองแดงและโพแทสเซียม โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งวิตามินที่เป็นสารตา้ นอนุมูลอิสระ 82

เชน่ เบตาแคโรทีน หรือวิตามินเอ ซีและอี ซ่ึงจะช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายและผวิ พรรณป้ องกนั โรคหวั ใจ โรคตอ้ กระจก (โดยเฉพาะในผสู้ ูงอาย)ุ โรคขอ้ เส่ือม เพิ่มภมู ิตา้ นทานและป้ องกนัโรคความดนั โลหิตสูง ส่วนแคลเซียมป้ องกนั โรคกระดูกพรุน ธาตเุ หลก็ ป้ องกนั โรคโลหิตจาง เส้นใยอาหารในพืชมีสารเฉพาะที่เรียกว่า สารพฤกษเคมี (phytochemicals) ซ่ึงสามารถป้ องกนั โรคมะเร็งได้หลายชนิดหมวดผลไม้ เป็นแหล่งของสารตา้ นอนุมลู อิสระ (เบตาแคโรทีน วิตามินเอ ซี) บี 6 กรดโฟลกิโพแทสเซียม เสน้ ใยอาหารและสารพฤกษเคมีท่ีจะชว่ ยป้ องกนั มะเร็ง เช่น ส้ม แอปเปิ ล พรุนสบั ปะรด ฝร่ัง มะละกอ เป็นตน้ ในแต่ละวนั เราควรเลือกรบั ประทานผกั ผลไมใ้ หไ้ ดอ้ ยา่ งนอ้ ยวนั ละ5 ส่วน โดยเลือกชนิดผกั ผลไมท้ ี่มีสีเหลืองหรือสีสม้ จดั ซ่ึงจะเป็นแหลง่ ของเบตาแคโรทีนอยา่ งนอ้ ยวนั ละ 1 อยา่ ง ผกั ใบเขียวจดั วนั ละ 1 อยา่ ง เลือกผลไมท้ ่ีมีวิตามินสูงๆ 1 อยา่ ง เชน่ ส้ม มะละกอ ฝรั่งแคนตาลปู ท่ีเหลือจะเลือกผกั ผลไมช้ นิดใดก็ได้หมวดข้าว ไดแ้ ก่ ขา้ ว ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว แป้ ง และเมลด็ ธญั พืช ซ่ึงอยทู่ ่ีฐานของพีระมิดเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรต เป็นหมวดที่จะตอ้ งรับประทานพอประมาณในแตล่ ะวนั เพราะเป็นแหลง่ ท่ีใหพ้ ลงั งานในชีวิตประจาํ วนั นอกจากน้ียงั มีวิตามินบี 1 บี 2 บี 6 อี กรดโฟลกิ ไนอะซินและเกลอื แร่ เช่นแมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม สงั กะสี ทองแดงและสารพฤกษเคมีที่มา: www.health-pmk.org/004-2909.pdfhttp://phyathai.com/phyathai/new/th/specialcenter/popup_cms_detail.php?cid=217&type=List7. การวดั และประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์ วิธีการวดั แบบประเมินทาํ ชิ้นงาน แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ประเมินการทาํ ชิ้นงานพรี ะมิดอาหาร ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์สงั เกตความมุ่งมน่ั ในการทาํ งาน8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 หนงั สือเรียน Team Up in English 1 ม.1 8.2 Class Audio CDs 8.3 Tests and Resources 8.4 อุปกรณ์สาํ หรับทาํ แผนภาพพรี ะมิดอาหาร เช่น สี กระดาษวาดเขยี น รูปภาพอาหารจากนิตยสาร ตา่ งๆ กาว กรรไกร เป็นตน้ 83

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5 Nutrients เวลา 2 ชั่วโมงจุดประสงค์ (Objectives)- เรียนรู้เก่ียวกบั การสารอาหารทีม่ ีอยใู่ นอาหารได้1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น อยา่ งมีเหตุผล ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.1/3 เลือก/ระบปุ ระโยคและขอ้ ความใหส้ มั พนั ธก์ บั ส่ือท่ไี ม่ใช่ความเรียง (non-text information) ท่อี ่าน ต 1.1 ม.1/4 ระบหุ วั ขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาํ คญั (main idea) และตอบคาํ ถามจากการฟัง และอ่านบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการเช่ือมโยงความรูก้ บั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน และเป็ น พ้นื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน ต 3.1 ม.1/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เทจ็ จริงที่เก่ียวขอ้ งกบั กล่มุ สาระการเรียนรูอ้ ่ืน จากแหล่งเรียนรู้ และนาํ เสนอดว้ ยการพดู /การเขียน2. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด ความรู้เก่ียวกบั สารอาหาร การรู้และเขา้ ใจคาํ ศพั ท์ สาํ นวนภาษาท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน เป็นพน้ื ฐานในการรวบรวมและสรุปขอ้ มูล และนาํ เสนอดว้ ยการพดู /การเขยี น3. สาระการเรียนรู้3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า1) Language Features and FunctionsVocabulary: food and nutrition (calcium, carbohydrate, fat, fibre, iron, bean, nut, nutrient, mineral, protein, vitamin)2) Language SkillsReading: อ่านเพอ่ื ความเขา้ ใจ 84

4. ทกั ษะการคดิ 4.1 ทกั ษะการจาํ แนกประเภท – ระบุสารอาหารทีม่ ีอยใู่ นอาหารทก่ี าํ หนดได้5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.1 มุ่งมน่ั ในการทาํ งาน6. กิจกรรมการเรียนรู้ข้ันที่ 1 Warm up ทบทวนความรู้เกี่ยวกบั เรื่องพีระมิดอาหาร โดยถามนกั เรียนวา่ ในพรี ะมิดอาหาร แบง่ อาหารออกเป็ น หมวดหมู่มีอะไรบา้ ง ถา้ นกั เรียนจาํ ไม่ได้ ครูอาจใหน้ กั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน หนา้ 28 แลว้ ตอบครู TOP: fats, oils and sweets SECOND LAYER: vegetables, fruits THIRD LAYER: milk & milk products, meats, beans & nuts FOUNDATION: pasta, bread & grainsข้ันท่ี 2 Pre-reading 1. ทาํ กิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.1 โดยใหน้ กั เรียนจบั คู่ พดู แลกเปล่ียนขอ้ มูลเกี่ยวกบั อาหาร เชา้ อาหารกลางวนั และอาหารเยน็ ท่ีนกั เรียนรบั ประทานเป็ นประจาํ What do you usually have for breakfast? (For breakfast I have coffee with milk and sugar, biscuits and toast, etc.) 2. นกั เรียนอ่านคาํ ศพั ทท์ ่ีใหม้ าในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.2 จากน้นั ใหน้ กั เรียนบอกคาํ เรียกของ คาํ ศพั ทเ์ หล่าน้ีในภาษาไทย พร้อมท้งั คาํ อธิบายคร่าวๆ ตามท่นี กั เรียนไดเ้ คยเรียนมาในวชิ า วทิ ยาศาสตร์Answers Carbohydrates = คาร์โบไฮเดรตProteins = โปรตีน Minerals = เกลือแร่Vitamins = วติ ามิน They are all types of nutrients. = สารอาหารFat = ไขมนั3. อ่านคาํ ถามในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.3 แลว้ รวบรวมคาํ ตอบจากนกั เรียนหลายๆ คนในช้นั เรียนAnswer B 85

ข้ันที่ 3 Reading นกั เรียนดูภาพในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.4 และบอกชื่ออาหารทน่ี กั เรียนเห็นในภาพ จากน้นั ให้ นกั เรียนอ่านคาํ สง่ั ในการทาํ งาน แลว้ ครูถามนกั เรียนวา่ คาํ ประเภทใดท่นี กั เรียนจะนาํ มาเติมลงใน ช่องวา่ ง จนไดค้ าํ ตอบวา่ ชื่อของสารอาหาร ซ่ึงก็คือคาํ ศพั ทท์ ี่อยู่ Ex.2 นนั่ เอง ใหเ้ วลานกั เรียนอ่านและเขยี นคาํ ตอบลงในสมุด เสร็จแลว้ ครูเปิ ด CD1/Track 28 ใหน้ กั เรียนฟัง โดย หยดุ CD หลงั จบขอ้ ความในแตล่ ะกรอบ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนตรวจคาํ ตอบ ครูถามนกั เรียนวา่ มีคาํ ศพั ทค์ าํ ใดที่นกั เรียนยงั ไม่เขา้ ใจ และภาพที่ใหม้ าในขอ้ ความช่วยนกั เรียน อธิบายความหมายไดห้ รือไม่ ถา้ ไม่ได้ ใหน้ กั เรียนลองพยายามเดาความหมายจากบริบท สุดทา้ ยถา้ นกั เรียนยงั เดาไม่ได้ ครูถามนกั เรียนวา่ คาํ ศพั ทท์ ่ีนกั เรียนไม่รู้ความหมาย มีผลกระทบตอ่ ความเขา้ ใจในเร่ืองท่อี ่านมากหรือไม่ ถา้ มี ใหน้ กั เรียนเปิ ดพจนานุกรมเพอื่ หาความหมาย ครูอธิบาย เพม่ิ เติมวา่ ในการอ่านและการฟังภาษาองั กฤษ นกั เรียนไม่จาํ เป็ นตอ้ งรูค้ าํ ศพั ทท์ ุกคาํ ในเรื่องทีอ่ ่าน หรือฟัง butter (n) a soft yellow food made from cream, used in cooking and for spreading on bread [เนยแทห้ รือเนยเหลว] margarine (n) a yellow substance made from vegetable oil or animal fat that can be used instead of butter [เนยเทียม] cheese (n) a solid food made from milk [เนยแขง็ ]Answers 1. protein 2. fat 3. vitamins 4. minerals Background Informationเนยเหลวหรือเนยอ่อน (butter) เนยเทียม (margarine) และเนยแขง็ (cheese)เนยเหลว หรือ เนยอ่อน ภาษาองั กฤษใชค้ าํ ว่า Butter ไดม้ าจากการนาํ ไขมนั หรือน้าํ มนั ในนมสตั วอ์ อกมาใช้ประโยชน์ อาจจะนาํ เอาไปบ่มกบั แบคทเี รีย ให้ไดก้ ล่ินไดร้ สบางอยา่ ง หรือไมต่ อ้ งบม่ แต่นาํ มาแต่งกล่ินหรือรสเองกไ็ ด้ เนยเหลวจึงเป็นไขมนั ลว้ นๆนมมีสารอาหารประเภทโปรตีนและไขมนั เป็นองคป์ ระกอบหลกั หากตอ้ งการแยกไขมนั ออก ทาํ ไดโ้ ดยการป่ันหรือตีน้าํ นมอยา่ งแรง ส่วนใหญ่จะใชเ้ ครื่องปั่นความเร็วสูง ไขมนั ในนมทีอ่ ยกู่ ระจดั กระจาย ในรูปอิมลั ชนั จะรวมตวั กนั กลายเป็นครีม แยกตวั ลอยออกมา เมอื่ ปาดเอาไขมนั ท่ีลอยตวั อยชู่ ้นั บนออก น้าํ นมส่วนที่เหลือจะกลายเป็นนมพร่องมนั เนยทเี่ รารู้จกั กนั หรือหากแยกเอาไขมนั ออกจนหมด นมส่วนทีเ่ หลือจะกลายเป็นนมขาดมนัเนย ไขมนั เนยที่แยกออกมาไดน้ ้ี ในทางอุตสาหกรรมเขาจะนาํ ไปทาํ เนยอ่อน หรือเนยเหลวทร่ี ู้จกั กนั ทวั่ ไป เนยประเภทน้ีจึงเป็นไขมนั ลว้ นๆ ใครทีค่ ิดจะลดอาหารประเภทไขมนั เห็นทีตอ้ งลดการรับประทานเนยลงดว้ ย 86

ส่วน เนยเทยี ม หรือ มาร์การีน (Margarine) น้นั ไดม้ าจากการใชน้ ้าํ มนั พืช แทนไขมนั จากนม โดยการเติม ไฮโดรเจนลงไปในน้าํ มนั พืช ทาํ ใหน้ ้าํ มนั พชื มีกรดไขมนั อ่ิมตวั สูงข้ึน จึงเป็นของแขง็ ไดม้ ากข้ึน ใครท่ีเคยเชื่อว่า เนยเทยี มช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลอื ดไดเ้ พราะมาจากน้าํ มนั พืชล่ะก็ ขอให้เลิกเช่ือในทนั ทีเพราะปัจจุบนั ทราบ แลว้ วา่ นอกจากเนยเทียมจะไม่ช่วยลดไขมนั ในเลือดแลว้ ยงั อาจสร้างปัญหาเพิม่ เติมไดอ้ ีก เพราะในเนยเทยี มจะมี กรดไขมนั ผดิ ปกติกลุ่มทเ่ี รียกว่า กรดไขมนั ทรานส์อยดู่ ว้ ยเป็นผลผลิตจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนนน่ั เอง เนยแข็ง หรือ ชีส (Cheese) คนไทยเรียกว่าเนยดว้ ยความเขา้ ใจผดิ เห็นวา่ มีลกั ษณะคลา้ ยคลึงกนั เป็นผลิตภณั ฑ์ มาจากนมเหมอื นกนั จึงน่าจะเป็นอาหารประเภทเดียวกนั จริงๆ แลว้ ก็ไม่ใช่ เพราะเนยแข็งเป็นการนาํ เอาส่วนของ โปรตีนไม่ใช่ส่วนของไขมนั มาใชป้ ระโยชน์ ในทางโภชนาการถือวา่ เป็นอาหารคนละประเภทกนั เลย ในนมมโี ปรตีนคุณภาพดีอยจู่ าํ นวนไม่นอ้ ย วิธีการแยกเอาโปรตีนออกมาจากนม ทาํ ไดโ้ ดยการเติมเอนไซมท์ ส่ี กดั ไดม้ าจากกระเพาะสัตว์ เรียกวา่ เอนไซม์เรนนิน หรือ เรนเนต บางคร้ังกเ็ รียกว่า ไคโมซิน เอนไซมเ์ หล่าน้ีอาจจะ ไดม้ าจากแบคทีเรีย ท่ีผา่ นการตดั แต่งยนี ก็ได้ เอนไซมท์ าํ หนา้ ทีย่ อ่ ยโปรตีน ทาํ ให้โปรตีนทแ่ี ขวนลอยอยใู่ นนม แยกตวั ออกมาจบั ตวั เป็นกอ้ น เรียกวา่ เคริ ์ด กอ้ นโปรตีนหรือเคิร์ดทีว่ า่ น้ี หากไดม้ าจากนมสดจะมไี ขมนั ปนอยดู่ ว้ ยส่วนหน่ึง หากไดม้ าจากนมขาดมนั เนยหรือ พร่องมนั เนย ไขมนั ที่ติดมาจะมนี อ้ ยลงจนแทบจะเป็นโปรตีนลว้ นๆ กอ้ นโปรตีนน้ีนาํ มาบ่มกบั แบคทเี รียจะได้ เนยแขง็ สารพดั ชนิด แลว้ แต่กระบวนการบม่ เนยแข็งจึงจดั เป็นอาหารโปรตีนเหมอื นเน้ือสัตว์ ทีม่ า: http://elib-online.com/doctors2/food_butterncheese01.htmlข้ันท่ี 4 Post-reading 1. อ่านคาํ ศพั ทท์ ี่ใหม้ าในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.5 แลว้ สาํ รวจวา่ นกั เรียนเขา้ ใจความหมายของ คาํ ศพั ทเ์ หล่าน้ีทกุ คาํ หรือไม่ ครูเขยี นโครงสรา้ งประโยคในการพดู แสดงความคดิ เห็นใหน้ กั เรียนดู บนกระดาน I think (ชื่ออาหาร) contain / contains (ช่ือสารอาหาร). เช่น I think butter contains fat. จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คู่ พดู แลกเปล่ียนความคดิ เห็นกนั วา่ ในอาหารแตล่ ะชนิดที่ใหม้ า นกั เรียนคิดวา่ มีสารอาหารชนิดใดอยบู่ า้ ง โดยครูอาจขอความร่วมมือจากครูวทิ ยาศาสตร์เพอื่ ช่วยนกั เรียนในการ ระบุสารอาหารที่อยใู่ นอาหารแต่ละชนิด Answers I think eggs contain protein. I think potatoes contain potassium. I think biscuits contain carbohydrates. 87

I think oranges contain vitamins and minerals. I think crisps contain water and carbohydrates. I think peas contain vitamins and minerals. I think rice contains carbohydrates. I think a hamburger contains protein and fat. I think almonds contain fat, protein and carbohydrates.2. อธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 29 หัวข้อ Project Time วา่ ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม แลว้ ใหแ้ ต่ละ กลุ่มทาํ โปสเตอร์เก่ียวกบั การรับประทานอาหารอยา่ งสมดุลมาส่งครู ครูอธิบายวา่ ใหน้ กั เรียนหา ขอ้ มูลเกี่ยวกบั สารอาหาร แลว้ เขยี นอธิบายส้นั ๆ และแบ่งประเภทให้ชดั เจนเหมือนอยา่ งในหนงั สือ- เรียน หนา้ 29 Ex.4 พร้อมกบั ทาํ ตารางวเิ คราะหอ์ าหารทเี่ หมาะสมในการรบั ประทานใน 1 วนั เหมือนอยา่ งในตารางในหนงั สือเรียน หนา้ 28 Ex.3 ครูย้าํ วา่ โปสเตอร์ของนกั เรียนจะตอ้ งเขียนเป็ น ภาษาองั กฤษ เม่ือครูตรวจผลงานของนกั เรียนแลว้ ครูติดโปสเตอร์ของนกั เรียนทีบ่ อร์ดของหอ้ งRevision:Tests and Resources: Reinforcement Worksheet Unit 2Formative evaluation: Test and Resources: Test Unit 27. การวดั และประเมินผล เคร่ืองมอืวิธีการวดั เกณฑ์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ประเมินการทาํ ชิ้นงานโปสเตอร์ แบบประเมินช้ินงานโปสเตอร์ตรวจแบบทดสอบ ตรวจแบบทดสอบ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์สงั เกตความมุ่งมน่ั ในการทาํ งาน แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 88

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 หนงั สือเรียน Team Up in English 1 ม.1 8.2 Class Audio CDs 8.3 Tests and Resources 8.4 หอ้ งสมุดหรืออินเทอร์เน็ต 8.5 อุปกรณ์สาํ หรบั โปสเตอร์ เช่น สี กระดาษโปสเตอร์ เป็ นตน้ 89


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook