Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สายพันธุ์ผีเสื้อ

สายพันธุ์ผีเสื้อ

Published by Oraphin Dueankhao, 2022-09-22 06:30:25

Description: pdf_20220922_132810_0000

Search

Read the Text Version

สายพั นธุ์ผีเสื้อ

ผีเสื้อ (ภาษาไทยถิ่นเหนือ: แมงก่ำเบ้อ) เป็นแมลงทุกชนิดในอันดับเลพิดอปเทรา (Lepidoptera) มีวงชีวิตเริ่มแรกตั้งแต่ระยะไข่ ระยะหนอน ระยะดักแด้ ตราบจน ระยะการเปลี่ยนสัณฐานเข้าสู่ระยะการโตเต็มวัยที่มีปีกหลากสีต้องตาผู้คน ใน ทางกีฏวิทยาการจัดจำแนกแมลงกลุ่มนี้จะใช้เส้นปีกในการจัดจำแนก การตายและการกระจายพันธุ์ของผีเสื้อ นักวิทยาศาสตร์คาดว่าผีเสื้ออาจมีต้นกำเนิดแต่ยุคครีเทเชียส (CRETACEOUS PERIOD) ซึ่งยุติเมื่อกว่า 66 ล้านปีก่อน ทั้งนี้ เนื่องจากซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์ใน ตระกูลผีเสื้อมีน้อยมาก จึงทำให้การคะเนเกี่ยวกับต้นกำเนิดผีเสื้อเป็นไปได้ไม่ สะดวกนัก โดยซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์ดังกล่าวที่มีอายุมากที่สุดคือซากนิรนาม ของสัตว์สคิปเพอร์ (SKIPPER, THYMELICUS LINEOLA) อายุราวสมัยพาเลโอซีน (PALEOCENCE EPOCH, ประมาณ 57 ล้านปีก่อน) พบที่เมืองเฟอร์ (FUR) ราช อาณาจักรเดนมาร์ก และซากดึกดำบรรพ์ประเภทอำพันแห่งโดมินิกัน (DOMINICAN AMBER) ของผีเสื้อเมทัลมาร์ก (METALMARK, VOLTINIA DRAMBA) อายุยี่สิบห้า ล้านปี ปัจจุบันโดยปรกติวิสัยผีเสื้อกระจายพันธุ์ทั่วไปในภูมิประเทศหนาวเย็นและแห้งแล้ง มีการประมาณว่าขณะนี้มีผีเสื้อในมหาวงศ์ (SUPERFAMILY) พาพิลิโอโนอิเดีย (PAPILIONOIDEA) กว่า 17,500 ชนิด (SPECIES) และมหาวงศ์เลพิดอปเทรา (LEPIDOPTERA) กว่า 180,000 ชนิด

ปัจจุบันมีการจำแนกผีเสื้อออกเป็นสามมหาวงศ์ (SUPERFAMILY) คือ 1. เฮ ดิโลอิเดีย (HEDYLOIDEA) 2. เฮสเพอริโออิเดีย (HESPERIOIDEA) และ 3. พาพิลิ โอโนอิเดีย (PAPILIONOIDEA) และนอกจากนี้ยังมีการจำแนกซึ่งเป็นที่นิยมอยู่ อีกสองแบบ ดังต่อไปนี้ แบบอนุกรมวิธานพืช การศึกษาว่าด้วยโครงสร้างและโมเลกุลทางพฤกษศาสตร์และสัตวศาสตร์ตาม อนุกรมวิธาน (TAXONOMIC) ได้มีกำหนดมหาวงศ์เพิ่มเติมนอกจากข้างต้น เช่น ดา เนเด (DANAIDAE) เฮลิโคนีเด (HELICONIIDAE) ลิบีเทเด (LIBYTHEIDAE) และ แซไท ริเด (SATYRIDAE) เป็นต้น กลุ่มผีเสื้อกลางวันและกลุ่มผีเสื้อกลางคืน การจำแนกผีเสื้อแบบแยกสองแฉก (DICHOTOMOUS CLASSIFICATION) เป็นกลุ่ม ผีเสื้อกลางวัน (BUTTERFLY) และกลุ่มผีเสื้อกลางคืน (MOTH) เป็นอีกวิธีในการ จำแนกผีเสื้อที่นิยมมากนอกเหนือจากแบบอนุกรมวิธานพืช การจำแนกประเภท เป็นกลุ่มทั้งสองดังกล่าวนั้นกระทำได้โดยการสังเกตลักษณ์จำเพาะของผีเสื้อ โดยผีเสื้อส่วนใหญ่เป็นผีเสื้อกลางคืน ผีเสื้อกลางวันมีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นของ บรรดาผีเสื้อทั้งหมด (ประมาณ 20,000 ชนิด) ผีเสื้อเป็นสัตว์ปีกที่ชอบแสงอาทิตย์และอากาศที่เย็นสบาย เรามักเห็นมันบิน วนเวียนตามดอกไม้อยากสนุกสนาน อย่างไม่รู้จักหยุดหย่อนหรือเหน็ดเหนื่อย การที่มันบินคละเคล้าเกสรดอกไม้อยู่เช่นนี้เพราะมันต้องการน้ำหวานจาก ดอกเกสรเป็นอาหารและช่วยดอกไม้ในการผสมพันธุ์ไป ในตัว

แบ่งเป็น 4 ระยะด้วยกัน คือ ไข่ หนอน ดักแด้ และ ตัวเต็มวัย ระยะหนอน ระยะวางไข่ ระยะดักแด้

มนุษย์มีความผูกพันกับผีเสื้อมาเป็นระยะเวลาช้านาน ในวัฒนธรรม ของหลายชนชาติ ผีเสื้อถูกเชื่อและอ้างอิงถึงต่าง ๆ เช่น ชาวจีนและชาว ญี่ปุ่นเชื่อว่า ผีเสื้อ คือ วิญญาณของผู้ตาย ที่มาสื่อสารบางอย่างแก่ผู้ที่ ยังผูกพัน เช่น คนรัก หรือคนในครอบครัว มีบทกวีไฮกุบทหนึ่งที่กล่าว ว่า \"ข้าพเจ้าเห็นดอกไม้ลอยกลับเข้าหาต้น แท้ที่จริงแล้วเป็นผีเสื้อตัว หนึ่ง\" นอกจากนี้แล้วยังมีนิทานพื้นบ้านของจีน ที่กล่าวถึง ชายหนุ่มผู้ หนึ่งที่มีนางไม้คู่แฝดมาหลงรักเขา โดยนางทั้งสองจะแวะเวียนมาเล่า เรื่องเกี่ยวกับผีเสื้อให้ฟังอยู่เสมอๆ ในอดีต มนุษย์ไม่เคยทราบมาก่อนด้วยซ้ำว่าผีเสื้อมีที่มาจากหนอน โดย เชื่อว่าหนอนมาจากน้ำค้างที่เกาะอยู่ตามใบไม้ โดยความจริงแล้วหยด น้ำค้างนั้นคือไข่ของผีเสื้อนั่นเอง นอกจากนี้แล้วในวัฒนธรรมร่วมสมัย ผีเสื้อยังมักถูกใช้เป็นรอยสักตาม ร่างกายส่วนต่าง ๆ ของมนุษย์[2] ในดนตรีร็อกแนวเฮฟวี่เมทัลของไทย ของวงไฮ-ร็อก มีเพลง เมืองผีเสื้อ ที่กล่าวถึง มวลผีเสื้อที่อารักขา ดอกไม้สร้างความสวยงามให้แก่เมือง แต่แล้วถึงวันหนึ่งก็ต้องล่มลาย ลง และการกระพือปีกของผีเสื้อ ยังถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ที่นำไปสู่การตั้ง ทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีก หรือทฤษฎีเคออสอีกด้วย

ประเทศไทยยังไม่สามารถระบุจำนวนชนิดของผีเสื้อได้อย่างแน่นอน แต่ คาดว่ามีไม่น้อยกว่า 1,300 ชนิด โดยแบ่งออกได้เป็น 5 วงศ์ วงศ์ผีเสื้อหางติ่ง (Papilionidae) พบไม่น้อยกว่า 64 ชนิด แบ่งออกได้ เป็น 2 วงศ์ย่อย วงศ์ผีเสื้อหนอนกะหล่ำ (Pieridae) พบไม่น้อยกว่า 58 ชนิด แบ่งออกได้ เป็น 2 วงศ์ย่อย วงศ์ผีเสื้อขาหน้าคู่ (Nymphalidae) พบไม่น้อยกว่า 367 ชนิด แบ่งออกได้ เป็น 11 วงศ์ย่อย วงศ์ผีเสื้อสีน้ำเงิน (Lycaenidae) พบไม่น้อยกว่า 369 ชนิด แบ่งออกได้ เป็น 8 วงศ์ย่อย วงศ์ผีเสื้อบินเร็ว (Hesperiidae) พบไม่น้อยกว่า 273 ชนิด แบ่งออกได้เป็น 3 วงศ์ย่อย

ผีเสื้อหลากสีในประเทศไทย พอจะแบ่งออกได้เป็น ๔๐ วงศ์ (family) ดังต่อไปนี้ ๑. วงศ์ผีเสื้อผี (Hepialidae) ผีเสื้อที่มีลักษณะโบราณ ปีกทั้งสองคู่มีขนาดใกล้เคียง กัน การจัดเรียงของ เส้นปีกคล้ายคลึงกัน ปีก ๒ คู่เชื่อมยึดกัน แบบติ่งเกี่ยวกัน (jugal type) หนวดสั้นมาก ส่วนปากเสื่อมหายไป วงศ์นี้มีอยู่ประมาณ ๓๐๐ ชนิด พบ มากที่สุดในทวีป ออสเตรเลีย หนอนอาศัยอยู่ใต้ดิน เจาะกินอยู่ภายใน ลำต้นและ รากพืชเติบโตช้ามาก ผีเสื้อพวกนี้บินได้เร็วมาก ผีเสื้อตัวผู้ชอบ บินจับกลุ่มกันในเวลาพลบค่ำ รอให้ตัวเมียบินเข้าไปรับการผสมพันธุ์ ใน ประเทศไทยพบเพียงชนิดเดียว ที่เป็นศัตรูป่าไม้ จัดอยู่ ในสกุลPhassus ๒. วงศ์ผีเสื้อหนอนหอย (Eucleidae) ผีเสื้อในวงศ์นี้มีลำตัวอ้วน ปีกสั้น แต่บินได้เร็ว ส่วนมากมีสีน้ำตาลแต้มเขียว หรือน้ำตาล แดง ส่วนปากเสื่อมไปมาก ไข่มีรูปร่างแบน คล้ายเหรียญ หนอนมีรูปร่างแปลกจากวงศ์ อื่นๆ โดยมีรูปร่างคล้ายตัวทาก มีสี และ ลวดลายต่างๆ สวยงาม หัวซ่อนอยู่ใต้ลำตัว รอบๆ ตัวมีกระจุกขนที่มีพิษ ทำให้ผู้ที่โดนมี อาการปวดแสบปวดร้อน จึงเรียกกันว่า \"ตัว ผีเสื้อในวงศ์ผีเสื้อหนอนหอย เขียวหวาน\" หนอนบางชนิดมีลำตัวเรียบ ไม่มี หนามเลย ชนิดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เช่น Parasa lepida กินใบพืชหลายชนิด และ Thosea spp. กินใบไม้ผลหลายชนิด

ผีเสื้อในวงศ์ผีเสื้อหนอนมะไฟ ๓. วงศ์ผีเสื้อหนอนมะไฟ (Zygaenidae) ผีเสื้อกลางคืนที่ออกหากินในเวลากลางวัน สีสดใส บอกความเป็นพิษ ในตัว จึงมีผีเสื้อชนิดอื่นๆ มาเลียนแบบ ในประเทศไทยพบว่า เป็นศัตรู ของไม้ผล กินใบมะไฟ คือ Cyclosia panthona และ C. papilionaris ผีเสื้อในวงศ์ผีเสื้อหนอนมะไฟ

วงค์ผีเสื้อหนอนเจาะผ้า ๔. วงศ์ผีเสื้อหนอนเจาะผ้า (Tineidae) ผีเสื้อขนาดเล็ก สีเทา น้ำตาล ดำ หรือค่อนข้างขาวบาง ชนิด มีจุดวาวๆ อย่างโลหะ ปีกยาวเรียว เวลากางออกมีขนาด ไม่เกิน ๑/๒ นิ้ว ชนิดที่ตัว หนอนกินขนนก และเสื้อผ้าในบ้าน คือ Tineola bisselliella ปัจจุบัน ไม่ก่อความ เสียหายมากนัก เนื่องจาก มีการใช้ยาฆ่าแมลง และเสื้อผ้าที่ ทอด้วยเส้นใยสังเคราะห์กันมากขึ้น

วงค์ผีเสื้อหนอนปลอก ๕. วงศ์ผีเสื้อหนอนปลอก (Psychidae) วงศ์นี้พบอาศัยอยู่ทั่วโลก คนส่วนมากจะรู้จักตัวหนอน ที่ทำปลอกหุ้มตัวด้วย เศษพืชต่างๆ นับตั้งแต่เริ่มฟักออกจากไข่ มันจะค่อยๆ ขยายขนาดของปลอก หุ้ม เมื่อเติบโตขึ้นมา ผีเสื้อตัวเมียไม่มีปีก และไม่กินอาหาร อาศัยอยู่ภายใน ปลอกที่ห่อ หุ้มตัว ผีเสื้อตัวผู้จะตามกลิ่นมาผสมพันธุ์กับตัวเมีย ไข่จะยังคงอยู่ ในตัวแม่ที่ตายแล้ว จนฟักออกเป็นตัว จึงออกจากซากตัวแม่ ชนิดที่สำคัญใน ประเทศไทย มีหนอนปลอกมะพร้าว (Mahasena corbetti)

วงค์ผีเสื้อหนอนชอนใบ ๖. วงศ์ผีเสื้อหนอนชอนใบ (Gracilaridae) ผีเสื้อขนาดเล็กมาก ปีกยาวเรียว ขอบปีกมีแผงขนยาว ตัวหนอนมี ลักษณะแบน ชอนเข้าไปอาศัยอยู่ในใบไม้ จนโตเต็มที่ในใบๆ เดียว บาง ครั้งจะเข้าดักแด้ในใบไม้ด้วย รูปร่าง ของแผลบนใบจะแตกต่างกันไป ตามชนิด มักกินใบพืชชนิด หนึ่งๆ หรือพืชในกลุ่มหนึ่งๆ เท่านั้น พวกที่ เป็นศัตรูไม้ผล เช่น หนอนชอนใบละมุด (Acrocercops symbolopis) หนอนผีเสื้อชอนใบมะเขือเทศ เป็นแมลงศัตรูพืชสำคัญที่สร้างความ เสียหายต่อพืชเศรษฐกิจในหลายประเทศ โดยเฉพาะพืชวงศ์มะเขือ เช่น มะเขือเทศ มันฝรั่ง พริก ยาสูบ รวมทั้งวงศ์ถั่ว และกะหล่ำ โดย การกัดกินชอนไชใบ ลำต้น และผล ทำให้ผลผลิตลดลงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ จากสถานการณ์ระบาดอย่างรวดเร็ว และสร้างความเสีย หายอย่างรุนแรงในแหล่งปลูก นอกจากนี้ยังเป็นแมลงที่ต้านทานต่อ สารกำจัดศัตรูพืชทำให้การป้องกันกำจัดยาก และเสียค่าใช้จ่ายใน การป้องกันกำจัดสูงตามไปด้วย

วงค์ผีเสื้อหนอนใยผัก ๗. วงศ์ผีเสื้อหนอนใยผัก (Plutellidae) หนอนพวกนี้ ชาวสวนผักรู้จักกันดี ตัวเล็กสีเขียวใช้ใยห่อ หุ้มตัวไว้ใต้ใบ ผัก เวลาตกใจจะดีดตัวลงจากใบ โดยมีใยห้อยลงไป ผักที่ชอบคือ ผัก คะน้า ผักกาด มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Plutella xylostella ผีเสื้อมีขนาดเล็ก ปีกค่อนข้างยาวสีคล้ำ มีแถบขาวบนปีก

วงค์ผีเสื้อปีกใส ๘. วงศ์ผีเสื้อปีกใส (Sesiidae) ส่วนมากมีสีฉูดฉาด ปีกยาวเรียว มักมีบริเวณใสๆ บนปีก มองทะลุ ลงไปได้ หนวดพองออกตอนปลาย คล้ายหนวดของพวกผีเสื้อ กลางวัน ปลายท้องมีกระจุกขนรูปคล้ายพัด ส่วนมากอาศัยอยู่ใน ซีกโลกภาคเหนือ ออกหากินในเวลากลางวัน บางชนิดในขณะบิน ดูคล้ายพวกผึ้งหรือต่อแตน หนอนเจาะกิน อยู่ภายในลำต้นและ รากพืช

วงค์ผีเสื้อลายจุด ๙. วงศ์ผีเสื้อลายจุด (Yponomeutidae) ผีเสื้อขนาดเล็กถึงขนาดกลาง บริเวณหัวดูเรียบกว่าผีเสื้อ พวกอื่นๆ ปีกสี สวย หรือสีหม่น บางชนิดที่ปลายปีกคู่หน้ามี ลักษณะคล้ายขอ หนอนบาง ชนิดอาศัยอยู่เป็นกลุ่มในรังที่ทำด้วย ใยเหนียว บางชนิดเป็นหนอนชอนใบ บางชนิดเจาะผลไม้

วงค์ผีเสื้อหนอนเจาะไม้ ๑๐. วงศ์ผีเสื้อหนอนเจาะไม้ (Cossidae) วงศ์ผีเสื้อขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่มาก ปีกค่อนข้าง ยาว ลำตัวใหญ่มาก มีขน ปกคลุมแน่น การเรียงของเส้นปีกเป็นแบบโบราณ จำนวนเส้นปีกมีมากกว่าปกติ และ มีเซลล์ปีก เล็กๆ หลายเซลล์ หนอนเจาะเข้าไปอาศัยอยู่ในเนื้อไม้ใช้เวลาหลายปี กว่าจะ โตเต็มที่ มักพบปลอกดักแด้คาอยู่ปากรูที่หนอน เจาะเอาไว้ ในประเทศไทยมีชนิดที่ สำคัญ ๒ ชนิด คือ หนอนเจาะสัก (Xyleutes ceramicus) และหนอนกาแฟสีแดง (Zeuzera coffeae)

วงค์ผีเสื้อหนอนม้วนใบ ๑๒. วงศ์ผีเสื้อหนอนม้วนใบ (Tortricidae) ผีเสื้อวงศ์นี้พบแพร่กระจายทั่วโลก ปีกกว้างไม่เกิน ๑นิ้ว ปลาย ปีกตัดตรงหรือโค้ง เวลาเกาะหุบปีกดูคล้ายรูปกระดิ่งหนอนใน วงศ์นี้กินใบพืชหลายชนิด มันจะใช้ใยยึดใบเดี่ยวหรือมากกว่า ๑ ใบ ชนิดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ คือ หนอนม้วนใบส้ม (Cacoecia micaceana)

วงค์ผีเสื้อปีกตัด ๑๒. วงศ์ผีเสื้อปีกตัด (Olethreutidae) ลักษณะโดยทั่วไปคล้ายกับผีเสื้อในวงศ์ก่อน พบอยู่ทั่วโลก ปีกสี น้ำตาลหรือเทา หลายชนิดเป็นศัตรูพืชที่ร้ายแรง โดยเฉพาะในเขต อบอุ่น Carpocapsa pomonella เจาะเข้าไปในต้น และผลของ แอปเปิลบางชนิด ทำให้เกิดปมบนกิ่งหรือต้น

วงค์ผีเสื้อหนอนกอ ๑๓. วงศ์ผีเสื้อหนอนกอ (Pytralidae) วงศ์ที่ใหญ่เป็นอันดับ ๓ ของพวกผีเสื้อ ส่วนมากมีปีกยาวเรียว ส่วนท้อง เรียวแหลม ขายาว โดยทั่วไปปีกมีสีหม่น บางชนิดมีลายขีดวาวคล้าย โลหะ ตอนโคนส่วนท้องมีอวัยวะรับ เสียงอยู่คู่หนึ่ง ส่วนมากออกหากินใน เวลากลางคืน หนอนเป็น ศัตรูสำคัญของพวกธัญพืช เช่น ผีเสื้อชีปะขาว (Tryporyza incertulas) ผีเสื้อหนอนกอข้าว ในสกุล Chilo และ Chilotraea นอกจากนี้ หนอนในวงศ์นี้ยังเป็นหนอนม้วน ใบของพืชอื่นๆ อีกหลายชนิด เช่น มันเทศ ละมุด ถั่ว ฟัก แฟง เป็นต้น หนอนบางกลุ่ม ดัดแปลงตัวเพื่ออาศัยอยู่ใต้น้ำ สร้างเหงือก ไว้หายใจ อาศัยอยู่ในปลอก กัดกินพืชน้ำเป็นอาหาร ชนิดที่มีความ สำคัญมากในประเทศไทย คือ หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด (Ostrinia salentialis)

วงศ์ผีเสื้อปีกแฉก (Pterophoridae) ๑๔. วงศ์ผีเสื้อปีกแฉก (Pterophoridae) ผีเสื้อในวงศ์นี้มีขนาดเล็ก ลำตัวและขายาว ปีกเว้าตามขอบ เป็น ๒ หรือ ๓ แฉก ขอบปีกมีแผงขนโดยรอบ เวลาเกาะ มักกางปีกออกทางด้านข้าง ตั้งฉากกับลำตัว หนอนมีขนปกคลุมมาก บางชนิดมีขนกลวงตอนกลาง ปลายมีของเหลวเหนียว เยิ้มอยู่ เคยมีผู้พบว่า ขนนี้ใช้ป้องกันตัวจากพวกแตนเบียนขนาดเล็กได้ โดยแตนจะ ติดอยู่ตามขนนี้ หนอนกินใบพืชล้มลุกเป็นอาหาร

วงศ์ผีเสื้อไหม (Bombycidae) ๑๕. วงศ์ผีเสื้อไหม (Bombycidae) รู้จักกันดีทั่วไปจากประโยชน์ของมันในการนำเอาเส้นใย มาทอเป็นผ้าไหม ที่สวยงาม และราคาสูง ผีเสื้อไหมที่เลี้ยงกันนี้ มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน เริ่มมีการเลี้ยงกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑๘ จนไม่อาจอยู่ในธรรมชาติได้ ด้วยตัวเอง หนอนมีลำตัวเกลี้ยง แต่ย่น และมีหงอนสั้นๆ บนส่วนท้อง ปล้องที่ ๘ กิน เฉพาะใบหม่อนเป็นอาหาร ดักแด้มีสีเหลืองหรือขาวขึ้นอยู่ กับพันธุ์ผีเสื้อ บินไม่ค่อยได้ ผีเสื้อไหมมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Bombyx mori

วงศ์ผีเสื้อหนอนบังใบ (Lasiocampidae) ๑๖. วงศ์ผีเสื้อหนอนบังใบ (Lasiocampidae) ผีเสื้อขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ลำตัวค่อนข้างอ้วนและมี ขนปกคลุมหนาแน่น ปีก กว้าง ขอบหน้าของปีกคู่หลังมักพอง ยื่นไปข้างหน้า บริเวณนั้นมีเส้นปีกสั้นๆ พยุง อยู่หลายเส้น ไม่พบมีหนามสำหรับเกี่ยวปีก ส่วนปากเสื่อมไป หนวดมักเป็นแบบ ฟันหวี ผีเสื้อในวงศ์นี้ วางไข่เป็นกลุ่มติดอยู่ตามกิ่งไม้ หนอนมีขนปกคลุมหนาแน่น และสีสดสะดุดตา หลายชนิดทำลายใบ ไม้ผล เช่น หนอนบุ้งกินใบชมพู่ (Trabala vishnou) ตัวผู้มีสีเขียวอ่อน แต่ตัวเมียซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ามีสีเหลือง สด

วงศ์ผีเสื้อยักษ์ (Saturnidae) ๑๗. วงศ์ผีเสื้อยักษ์ (Saturnidae) ผีเสื้อในวงศ์นี้มีขนาดของปีกใหญ่ที่สุด จำนวนชนิดไม่ มากนัก หนวดมีรูปร่าง แบบฟันหวี เห็นได้ชัดมากในตัวผู้ ส่วน ปากหดหายไป จึงไม่กินอาหารเลย หนอนมีขนาดใหญ่มาก มี ปุ่มหนามทั่วตัว เข้าดักแด้ในรังดักแด้ที่เอาใบไม้แห้ง หลายใบมา พันเข้าด้วยกัน ชนิดที่รู้จักกันดีคือ ผีเสื้อหนอนใบกระท้อนหรือ ผีเสื้อยักษ์ (Attacus atlas) มีปีกแผ่กว้างถึง ๑๕-๑๘ เซนติเมตร ผีเสื้อหนอ นอะโวกาโด (Cricula trifenestrata) ผีเสื้อพระจันทร์(Actias selene) ปีกสีเขียว หางยาวมาก ผีเสื้อที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์ โดยเราได้เส้นไหมจากรัง ดักแด้มาทอผ้า ได้แก่ พวกผีเสื้อไหมป่า ในสกุล Antheraea และ Philosamia

วงศ์ผีเสื้อพราหมณ์ (Brahmaeidae) ๑๘. วงศ์ผีเสื้อพราหมณ์ (Brahmaeidae) เป็นวงศ์เล็ก แต่มีขนาดใหญ่ อาศัยอยู่มากในเขตอบอุ่น เหนือปีกมีลายแปลก สะดุดตาสีน้ำตาล หนวดแบบฟันหวีคล้าย ผีเสื้อในวงศ์ก่อน แต่พวกนี้มีงวงใช้ ดูดน้ำหวาน มักพบมาบิน เล่นไฟตอนกลางคืนในบริเวณป่าทึบ ในประเทศไทย พบตามป่า ค่อนข้างสูง

วงศ์ผีเสื้อหนอนคืบ (Geometridae) ๑๙. วงศ์ผีเสื้อหนอนคืบ (Geometridae) เป็นวงศ์ที่ใหญ่เป็นอันดับ ๒ ปีกบาง ขนาดเล็กมากจน ถึงขนาดปานกลาง สีและลวดลายมักคล้ายกันทั้งสองปีก เวลาเกาะกับพื้นจะแผ่ปีกแบนราบ กับที่เกาะ หนอนได้ชื่อว่า \"หนอนคืบ\" เนื่องจากมันมีขาอยู่ตอนปลายสุด ทางหัวและทางท้าย เวลาเคลื่อนที่จึงใช้วิธีคืบไป หนอนมีสีและลวดลาย ใกล้เคียงกับพืชอาหาร เวลาตกใจจะยืดตัวตรง อยู่นิ่งเฉยเป็นเวลานาน เข้า ดักแด้ในดินหรือในรังดักแด้ ที่ห่อเอาใบไม้มาติดกันไว้หลวมๆ ชนิดที่ สำคัญทางเศรษฐกิจ คือผีเสื้อหนอนกินใบเงาะ (Pingasa ruginaria)

วงศ์ผีเสื้อปีกขอ (Drepanidae) ๒๐. วงศ์ผีเสื้อปีกขอ (Drepanidae) ลักษณะโดยทั่วไปคล้ายกับผีเสื้อหนอนคืบมาก แต่ส่วนมากจะมีมุม ปลายปีกคู่หน้าโค้งงอ คล้ายตะขอ หนามสำหรับเกี่ยวปีกเล็กมาก หรือไม่มีเลย ส่วนมากมีสีน้ำตาล มีชุกชุมมากที่สุด ในบริเวณเอเชียเขต ร้อน หนอนตัวเรียว ตอนปลายตัวมีติ่งยื่นออกไป ติ่งนี้จะยกขึ้นมาได้ เข้าดักแด้ตามใบไม้บนดิน

วงศ์ผีเสื้อหางยาว (Uraniidae) ๒๑. วงศ์ผีเสื้อหางยาว (Uraniidae) พบในเขตร้อนทั่วโลก ปีกกว้าง สีสวยงามมาก ส่วนมากมีหาง ยาวที่ปีกคู่หลัง ส่วนมากออกหากินในเวลากลางวัน พวกที่ออกหากินกลางคืนจะมีสีออกเทา เคยมีผู้พบว่า มีการบินอพยพมากเป็นพันตัว ชนิดที่พบบ่อยๆในประเทศไทย คือ Nyctalaemon patroclus

วงศ์ผีเสื้อเหยี่ยว (Sphingidae) ๒๒. วงศ์ผีเสื้อเหยี่ยว (Sphingidae) ผีเสื้อขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ลำตัวค่อนข้างใหญ่ เมื่อเทียบกับปีก หนวดพองออก ตอนปลายมีขอเล็กๆ บินได้เร็ว กระพือปีกถี่มาก เวลา กินน้ำหวานจากดอกไม้จะบินนิ่งอยู่กับที่ แล้วสอดงวงเข้าไปดูดกิน เวลา กลางวันเกาะพักนอนตามพุ่มไม้ และเปลือกไม้ ออกหากินตอนเย็น และ ตอนใกล้ค่ำ หนอนมีลำตัว อ้วน เกลี้ยง สีเขียว หรือน้ำตาลเป็นส่วนมาก ปลายตัวมีหนามยื่นยาวออกมา จึงได้ชื่อว่า \"หนอนหงอน\" เวลาถูก รบกวนจะยกส่วนหน้าของลำตัวชูขึ้นมา เข้าดักแด้ในดิน ชนิดที่พบ บ่อยๆ ได้แก่ ผีเสื้อหนอนหงอนกาแฟ (Cephanodes hylas) ผีเสื้อหัว กะโหลก (Acherontia styx) ที่มีลายรูปคล้าย หัวกะโหลกบนลำตัว กินใบมันเทศ และยาสูบ หนอนแก้วยี่โถ (Dielephisl nerii) กินใบยี่โถ และใบชวนชื่น

วงศ์ผีเสื้อหนอนกระทู้ (Noctuidae) ๒๓. วงศ์ผีเสื้อหนอนกระทู้ (Noctuidae) เป็นวงศ์ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผีเสื้อทั้งหมด มีขนาดและ สีสันต่างๆ กันไป ส่วน มากจะมีสีและลายบนปีกคู่หน้าต่างจากปีกคู่หลัง หนอนมักมีลายขีดตามยาว รู้จักกันในชื่อ \"หนอนกระทู้\" ทำลายกล้าข้าวและข้าวโพด ในเวลากลางวันซ่อน ตัวอยู่ใต้ดิน ออกกัดกินกล้าพืชในเวลากลางคืน เช่น หนอนกระทู้ ฝักข้าวโพด (Heliothis separata) หนอนกระทู้ข้าวกล้า (Spodoptera mauritia) หนอนกระทู้อ้อย (Pseudaletia loreyi)หนอนกระทู้หอม (Laphygma exigua)หนอนกระทู้ผัก (Prodenia litura) บางชนิดเป็นศัตรูพืชที่สำคัญใน ระยะตัวเต็มวัย เช่น ผีเสื้อมวนหวาน (othreis fullonica) ใช้งวงเจาะดูดน้ำ หวานจากผลส้ม ทำให้ส้มร่วงเสียหายทีละมากๆ

วงศ์ผีเสื้อปีกปม (Notodontidae) ๒๔. วงศ์ผีเสื้อปีกปม (Notodontidae) วงศ์นี้มีแพร่กระจายทั่วโลก ขนาดปานกลาง มักมีปีกสี เทาหรือน้ำตาล ปีกยาว เรียวปลายปีกมน ลำตัวยาวเลยปีกออกไปเวลาเกาะพัก หนอนมีรูปร่างหลาย แบบ เวลาถูกรบกวนจะ ยกส่วนหน้าและส่วนท้ายของลำตัวขึ้นมา ขาคู่สุดท้าย ของหนอนเสื่อมหายไปหมด หนอนบางชนิดอยู่กันเป็นกลุ่ม เข้าดักแด้ใน รัง ดักแด้ที่ทำจากใบไม้แห้ง ในประเทศไทยมีหลายชนิดที่เป็นศัตรูผลไม้ เช่น หนอน กินใบเงาะ (Dudusa nobilis) หนอนกินใบมะขามเทศ (Stauropus alternus)

วงศ์ผีเสื้อมอทป่า (Agaristidae) ๒๕. วงศ์ผีเสื้อมอทป่า (Agaristidae) ลักษณะโดยทั่วไปคล้ายผีเสื้อในวงศ์ผีเสื้อหนอนกระทู้ปีกดำ แต้มจุดและแถบสีแดง เหลือง และส้ม ออกหากินในเวลากลาง วัน หนอนมีสีสด และออกกินใบพืชในที่โล่งแจ้ง

วงศ์ผีเสื้อลายเสือ (Arctiidae) ๒๖. วงศ์ผีเสื้อลายเสือ (Arctiidae) พบอาศัยอยู่ทั่วโลก มีชุกชุมในเขตร้อน ส่วนมากปีกสีอ่อน มีแต้มหรือจุดสีเข้มและ สีฉูดฉาด มีอวัยวะรับคลื่นเสียงของพวกค้างคาวได้ ทั้งยังสามารถปล่อยคลื่น ออกรบกวนระบบเรดาร์ของค้างคาวได้อีกด้วย เวลาถูกรบกวน จะทิ้งตัวลงนอน นิ่งบนพื้นดิน หนอนมีขนปกคลุมหนาแน่นมาก ส่วนมากกินใบพืชจำพวกหญ้า ชนิดที่สำคัญ คือ บุ้งสีน้ำตาล ในสกุล Creatonotus และชนิด Amsacta lactinea ทำลายใบข้าวโพดชนิด Utetheisa pulchella ได้แก่ หนอนกิน ดอกต้นงวงช้าง

วงศ์ผีเสื้อหญ้า (Euchromiidae) ๒๗. วงศ์ผีเสื้อหญ้า (Euchromiidae) ผีเสื้อในวงศ์นี้มีสีสดใส พบมากในเขตร้อน ขนาดเล็กถึง ขนาดกลาง หากินในเวลากลางวัน ปีกมีสีคล้ายกับผีเสื้อลายเสือ หนอนมีลักษณะ คล้ายกับหนอนผีเสื้อลายเสือ เข้าดักแด้ในรังดักแด้ ที่ทำด้วยเส้นไหมและ ขนจากตัวหนอน โดยทั่วไปจะมีรูปร่างคล้าย กับพวกต่อแตน หนอนกิน พืชจำพวกหญ้าเป็นอาหาร

วงศ์ผีเสื้อบุ้งสันหลังขาว (Hypsidae) ๒๘. วงศ์ผีเสื้อบุ้งสันหลังขาว (Hypsidae) ผีเสื้อวงศ์เล็ก พบมากในแอฟริกา และเอเชียเขตร้อน จนถึงออสเตรเลีย ต่างจากผีเสื้อในวงศ์ ผีเสื้อหางเหลืองตรงที่มีงวง สำหรับกินอาหาร หนอนมีขนยาวปกคลุมตัวหนาแน่น ดักแด้มีรัง ยาวๆ ห่อหุ้ม ชนิดที่สำคัญในประเทศไทย คือ ผีเสื้อบุ้งสันหลังขาว (Neochra dominia) และบุ้งปอเทือง (Argina cribaria) กินใบข้าวโพด ผีเสื้อใน วงศ์ผีเสื้อบุ้งสันหลังขาว ผีเสื้อในวงศ์ผีเสื้อบุ้งสัน

วงศ์ผีเสื้อหางเหลือง (Lymantriidae) ๒๙. วงศ์ผีเสื้อหางเหลือง (Lymantriidae) เป็นวงศ์ผีเสื้อขนาดเล็กมีแพร่กระจายทั่วโลก บางชนิดเป็น แมลงศัตรูป่าไม้ ที่สำคัญในเขตอบอุ่น ไม่มีงวงดูดอาหาร และไม่มี ตาเดี่ยว ตัวผู้มีหนวดแบบ ฟันหวี และเป็นฝ่ายบินไปหาตัวเมีย ซึ่งไม่มีปีกเลย หรือมีปีกขนาดเล็กมาก ตัวเมียวางไข่เป็นกลุ่ม ปกคลุมด้วยขนจากส่วนท้อง หนอนมีขนเป็นกระจุกสี ต่างๆ มีพิษทำให้คันได้ ชนิดที่พบเป็นศัตรูพืชในประเทศไทย คือ บุ้งเหลือง (Dasychira horsfieldi) กินใบชมพู่ ฝรั่ง ข้าวโพด บุ้งหูแดง (Euproctis virguncula) กินใบข้าวโพด และบุ้งปกขาว (Orygia turbata) กินใบถั่ว ลิสง ผีเสื้อในวงศ์ต่อไปนี้ จัดไว้เป็นพวกผีเสื้อกลางวัน (but- terflies) มีใน ประเทศไทยทั้งหมด ๑๑ วงศ์

วงศ์ผีเสื้อบินเร็ว (Hesperiidae) ๓๐. วงศ์ผีเสื้อบินเร็ว (Hesperiidae) ผีเสื้อในวงศ์นี้มีลักษณะหลายอย่างแตกต่างไปจากผีเสื้อในวงศ์อื่นๆ ทั้งหมด ลักษณะใกล้ไปทางผีเสื้อกลางคืน เส้นปีกทุกเส้นแยกออกมา จากเซลล์ปีก หรือจากโคนปีกโดยตรง ไม่มี การแตกสาขา หัวกว้างกว่า ลำตัว โคนหนวดแยกห่างออกจากกัน ส่วนมากมีปลายหนวดโค้งงอเป็น ขอ เวลาเกาะจะกางปีก คู่หน้าออกเล็กน้อย แล้วแผ่ปีกคู่หลังออกเกือบ ตั้งฉากกับปีกคู่ หน้า ในเมืองไทยมีอยู่ประมาณ ๒๐๐ ชนิด หนอนชอบกิน ใบ พืชใบเลี้ยงเดี่ยว เช่น หญ้า ปาล์ม ขิง ข่า อาศัยอยู่ในใบที่ ม้วนด้วย เส้นใย หนอนมีสีเขียวอ่อนหัวดำคอดลง เห็นชัดบริเวณ คอเข้าดักแด้ใน ม้วนใบ ชนิดที่สำคัญ คือ หนอนม้วนใบกล้วย (Erionota thrax) และ หนอนม้วนใบมะพร้าว (Gangara thyrsis)

วงศ์ผีเสื้อหางติ่ง (Papilionidae) ๓๑. วงศ์ผีเสื้อหางติ่ง (Papilionidae) ผีเสื้อในวงศ์นี้มีชุกชุมในประเทศร้อน พบในประเทศไทย ๕๘ ชนิด ทั้งสองเพศมี ขาคู่หน้าที่สมบูรณ์ ตัวผู้มีกระจุกขน เล็กๆ ทางด้านในของปลายขา ใกล้โคนปีก คู่หน้ามีเส้นปีกเล็กๆ โค้งลงล่าง ปีกคู่หลังมีเส้นปีกแยกจากโคนปีกเพียงเส้น เดียว (วงศ์อื่นๆ มี ๒ เส้น) ตัวผู้มีขอบในของปีกคู่หลัง มักพับขึ้นมา และมีกระจุก ขนสีขาวอยู่เต็ม หนอนมีรูปร่างหลายแบบ ทุกแบบมีอวัยวะที่เรียกว่า ออสมีที เรียม (osmeterium) ใช้ปล่อยกลิ่นออกมาขับไล่ศัตรู รูปร่างเป็นแฉกสีแดง ซ่อนอยู่ในช่องข้างหลังหัว ชนิดที่พบทั่วไป ตัวหนอนกินใบมะนาวและส้ม คือ ผีเสื้อหนอนส้ม และ P. Demoleus มักพบตัวผู้ ลงจับกลุ่มกินน้ำตามทรายชื้น ตัวเมียอยู่ตามยอดไม้หรือที่สูง ผีเสื้อในวงศ์ผีเสื้อหางติ่ง ผีเสื้อในวงศ์

วงศ์ผีเสื้อหนอนกะหล่ำ (Pieridae) ๓๒. วงศ์ผีเสื้อหนอนกะหล่ำ (Pieridae) พบอาศัยอยู่ทั่วโลก โดยเฉพาะในเขตร้อน มักมีปีกสีเหลือง และขาว ขาคู่ หน้าเจริญดีเหมือนผีเสื้อหางติ่ง เล็บที่ปลายเท้ามี ๔ ซี่ ต่างจากผีเสื้อใน วงศ์อื่นที่มีเพียง ๒ ซี่เท่านั้น ในประเทศ ไทยมีประมาณ ๕๐ ชนิด ที่พบเห็น ทั่วโลกคือ ผีเสื้อหนอนคูน (Catopsilia pomona) กินใบคูน และใบขี้ เหล็ก ผีเสื้อเณร (Eurema spp.) ตัวเหลืองเล็ก บินเรี่ยๆ ตามกอหญ้า หนอนสีเขียวใบไม้มีลายขาวพาดด้านข้างตัวตลอด ตัว มักพบลงเกาะดูด กินน้ำตามทรายชื้นเป็นกลุ่มใหญ่

วงศ์ผีเสื้อหนอนใบรัก (Danaidae) ๓๓. วงศ์ผีเสื้อหนอนใบรัก (Danaidae) ผีเสื้อในวงศ์นี้ ตัวขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีสารพิษอยู่ในตัว ได้มาจากพืช อาหารตอนที่เป็นตัวหนอน ตอนโคนปีก คู่หน้ามีเส้นปีกบางๆ สั้นมาก โค้งขึ้น ข้างบน ปีกทั้งสองมีเซลล์ ปีกแบบปิด ตัวผู้มีแถบเพศเป็นก้อนสีเข้ม หรือเป็น บริเวณสีด้านๆ นอกจากนี้จะพบมีพู่ขน ๒ - ๔ พู่ ตรงปลายส่วนท้อง หนอนมี ลายพาดขวางสีเหลืองสลับดำ หรือส้มอ่อนสลับดำ และมีขนยาว ๒-๔ คู่ กิน พืชป่าพวกที่มียางขาวและพวกมะเดื่อ หนอนชนิดที่ กินใบรัก คือ Danaus chrysippus

วงศ์ผีเสื้อสีน้ำตาล (Satyridae) ๓๔. วงศ์ผีเสื้อสีน้ำตาล (Satyridae) วงศ์นี้เชื่อว่ามีแหล่งกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาเขตร้อน มี ชุมมากในเขตอบอุ่น ทั่วโลก ส่วนมากมีสีน้ำตาลอ่อนหรือแก่ ประกอบด้วยลายขีดหรือแต้มด้วยจุด ดวงตากลม (ocellus) ปีกทั้งสองคู่มีเซลล์ปีกปิด มีเส้นปีก ๑ เส้นหรือ มากกว่าขยายพอง โตกว่าปกติ พบในเมืองไทยประมาณ ๘๐ ชนิด หนอนตัว ยาว เรียวไปทางหัวและท้ายกินใบพืชพวกใบเลี้ยงเดี่ยว เช่น หญ้า ไผ่ และ ปาล์มต่างๆ ชนิดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ผีเสื้อหนอนมะพร้าว (Elymnias hypermnestra)

วงศ์ผีเสื้อป่า (Amathusiidae) ๓๕. วงศ์ผีเสื้อป่า (Amathusiidae) ผีเสื้อขนาดกลางจนถึงใหญ่มาก พบเฉพาะในทวีปเอเชีย จนถึง ออสเตรเลีย คล้ายคลึงกับผีเสื้อในวงศ์ Morphidae ของ อเมริกาเขต ร้อน ลักษณะโดยทั่วไปคล้ายผีเสื้อสีน้ำตาล ปีกกว้าง กว่า หนวดรูป กระบองเรียว ปลายเซลล์ของปีกคู่หน้ายื่นแหลม ออกมามีใน ประเทศไทย ๒๘ ชนิด บางชนิดมีขนาดใหญ่ และสีสะดุดตา เช่น ผีเสื้อ นางพญากอดเฟรย์ (Stichophthalma godfreyi) พบครั้งแรกใน ประเทศไทย หนอนมีขนคลุมทั่วตัว กิน อยู่เป็นกลุ่ม เช่น ผีเสื้อหนอน มะพร้าวขนปุย (Amathusia phidip- pus) เคยมีการระบาดทำลาย มะพร้าวในภาคใต้

วงศ์ผีเสื้อขาหน้าพู่ (Nymphalidae) ๓๖. วงศ์ผีเสื้อขาหน้าพู่ (Nymphalidae) ผีเสื้อในวงศ์นี้มีขาคู่หน้าหดเล็กลง ใช้ในการเดินหรือ เกาะไม่ได้ จึงเห็นเป็นพู่ขน สั้นๆ บางคนจึงเรียกกันว่า \"ผีเสื้อ สี่ขา\" สีโดยทั่วไปสดใส ปีกทั้งสองมีเซลล์ปีก เปิด การจำแนก ผีเสื้อในวงศ์นี้ยึดลักษณะของตัวหนอนเป็นหลัก หนอนมีขน เป็น หนามอยู่ทั่วตัวเป็นส่วนใหญ่ ออกหากินเฉพาะในเวลาที่มีแสง แดดจัด มัก พบกางปีกออกผึ่งแดดอยู่ตามยอดไม้ ผีเสื้อที่มีความ สำคัญทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ผีเสื้อหนอนละหุ่ง (Ariadne aridadne) ผีเสื้อบารอนหนอนมะม่วง (Euthalia aconthea)

วงศ์ผีเสื้อหนอนหนาม (Acraeidae) ๓๗ วงศ์ผีเสื้อหนอนหนาม (Acraeidae) ผีเสื้อในวงศ์นี้ ส่วนมากอยู่ในทวีปแอฟริกา ตอนใต้ทะเล ทรายสะฮารา มีอาศัย อยู่ในทวีปเอเชียเพียง ๒ ชนิด และเพียง ชนิดเดียว คือ ผีเสื้อหนอนหนาม (Acraea issoria) พบ บริเวณภาคเหนือของไทย ปีกยาว เรียวปลายมนกลม เนื้อปีก ค่อนข้างบาง เกล็ดสีบนปีกเรียงห่างกัน ท้องยาวเรียว ปีกมัก มีสีสด มี สารพิษในตัวเหมือนกับผีเสื้อในวงศ์ผีเสื้อหนอนใบรัก

วงศ์ผีเสื้อจมูกแหลม (Libytheidae) ๓๘. วงศ์ผีเสื้อจมูกแหลม (Libytheidae) เดิมผีเสื้อในวงศ์นี้ถูกจัดรวมไว้กับผีเสื้อในวงศ์ผีเสื้อปีก กึ่งหุบ แต่มีลักษณะที่เห็น ได้ชัด คือ ส่วนปากยื่นแหลมออกไป ข้างหน้ามาก ปลายปีกโค้งออก มุมปลายตัด เป็นมุมฉาก ปกติ พบเกาะตามทรายชื้นริมลำธารและแม่น้ำ ในเมืองไทยมีอยู่เพียง ๔ ชนิด ทุกชนิดอยู่ในสกุล Libythea

วงศ์ผีเสื้อปีกกึ่งหุบ (Riodinidae) ๓๙. วงศ์ผีเสื้อปีกกึ่งหุบ (Riodinidae) มีชุกชุมมากในทวีปอเมริกาใต้ ในเอเชียมีไม่มากนัก ตัว ผู้มีข้อเท้า ขาคู่หน้า หดหายไป ผิดกับตัวเมียที่เจริญสมบูรณ์ ดี ส่วนมากชอบอยู่ตามป่าทึบบน ภูเขา ชอบเกาะกางปีกออก เล็กน้อย ทำให้ดูเหมือนว่าปีกกึ่งกางกึ่งหุบ ปีกมัก มีสีน้ำตาล หรือแดง พาดด้วยแถบหรือจุดสีจางกว่า ใต้ปีกจะเป็นจุดสี ฟ้าวาว แดง เหลืองอ่อน ประพราวไปหมด

วงศ์ผีเสื้อสีน้ำเงิน (Lycaenidae) ๔๐. วงศ์ผีเสื้อสีน้ำเงิน (Lycaenidae) วงศ์นี้เป็นวงศ์ใหญ่ มีขนาดปีกกว้างตั้งแต่ไม่ถึง ๒ เซน- ติเมตร จนถึง ๖ เซนติเมตร โดยทั่วไปปีกสีน้ำเงินหรือฟ้า ปีก คู่หลังไม่พบมีเส้นเล็กๆใกล้ขอบหน้า ของปีก บริเวณรอบตามีวง สีขาวล้อมรอบ โคนหนวดอยู่ชิดกัน หนอนมีรูปร่าง กลม แบน คล้ายตัวทาก (slug) กินยอดและใบอ่อนของพืชตระกูลถั่ว มีความ สัมพันธ์ใกล้ชิดกับมดชนิดต่างๆมาก โดยมดจะกินน้ำหวาน จากต่อมบนหลัง และ ช่วยป้องกันอันตรายให้ หนอนบางพวก กินเพลี้ยอ่อนและเพลี้ยหอยเป็นอาหาร หนอนของผีเสื้อในสกุล Rapala และ Virachola เป็นศัตรูสำคัญของไม้ผล หลายชนิด

Thanks you


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook