PLC เรยี บเรียงโดย นายมนัสพงษ์ แก้วศรีงาม สาขาวชิ า ไฟฟ้ากาลงั วทิ ยาลัยเทคนคิ สโุ ขทัย
1 PLCPLC คืออะไร? สาคัญอย่างไร ?การสร้างชุมช นการเรีย นรู้ทางวิช าชีพ (PLC) ในยุคปัจจุบนั เปน็ ที่ทราบกนั ดแี ล้ววา่ ในแตล่ ะชั้นเรยี นจะมนี ักเรยี นทม่ี ีความสามารถที่หลากหลายและแตกตา่ งกัน ดังพระราชบัญญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542 และท่แี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ(ฉบบั ที่2) พทุ ธศักราช 2545 มาตรา 10 ทีร่ ะบวุ า่ การจัดการศึกษาตอ้ งจดั ใหบ้ คุ คลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรบั การศึกษาขั้นพน้ื ฐานไม่น้อยกวา่ สบิ สองปีท่รี ัฐต้องจัดให้อยา่ งทว่ั ถึงและมคี ณุ ภาพโดยไมเ่ ก็บคา่ ใช้จ่าย การจดั การศึกษาสาหรบั บุคคลซึ่งมีความบกพรอ่ งทางร่างกาย จิตใจ สติปญั ญาอารมณ์ สงั คม การส่อื สารและการเรียนรหู้ รือมรี า่ งกายพิการ หรอื ทุพพลภาพหรอื บุคคลซึ่งไม่สามารถพึ่งตนเองไดห้ รือไม่มีผ้ดู แู ลหรือดอ้ ยโอกาส ตอ้ งจดั ใหบ้ คุ คลดังกล่าวมีสทิ ธแิ ละโอกาสไดร้ บัการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานเปน็ พเิ ศษ การศกึ ษาสาหรบั คนพกิ ารในวรรคสอง ใหจ้ ัดให้ตั้งแต่แรกเกดิ หรือพบความพิการโดยไม่เสยี ค่าใชจ้ า่ ยและให้บุคคลดังกล่าวมีสทิ ธิไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื อ่นื ใดทางการศึกษานอกจากนแ้ี ล้วในมาตรา 22 ยังระบุถงึ หลักการจัดการศึกษาว่า ผ้เู รียนทกุ คนสามารถเรยี นรูแ้ ละพฒั นาตนเองได้ ต้องจัดการศึกษาที่พฒั นาผ้เู รยี นตามธรรมชาติและเตม็ ศกั ยภาพ ครทู ุกคนมคี วามจาเปน็ อย่างยิง่ ท่จี ะต้องแสวงหาวิธีการทจี่ ะชว่ ยให้นักเรยี นทกุ คนสามารถเรียนร้ไู ด้ตามเจตนารมณ์ของพระราชบญั ญตั ิดังกล่าว ซง่ึ นวัตกรรมใหม่ทคี่ รูจะตอ้ งทราบคือ Professional LearningCommunity (PLC) โดยที่ PLC ยอ่ มาจาก Professional Learning Community ซ่ึงหมายถงึCommunity of Practice (CoP) ในการทาหนา้ ท่ีครูน่นั เองหรอื กลา่ วอีกนยั หนึ่ง เป็นการรวมตัวกนั ทางานไปพัฒนาทกั ษะและการเรยี นรู้เพ่ือปฏิบัติหน้าท่ีครเู พื่อศิษยไ์ ป โดยรวมตวั กนั แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ (ลปรร.) จากประสบการณ์ตรง ทาใหก้ ารทาหนา้ ท่คี รเู พ่ือศิษย์เปน็ การทางานเป็นกลุ่มหรือเปน็ ทมี ซ่งึ อาจเปน็ ทีมในโรงเรียนเดียวกนั กไ็ ด้ ตา่ งโรงเรียนกันก็ได้ หรอื อาจจะอยู่หา่ งไกลกันก็ได้ โดย ลปรร. ผ่าน ICT
2ชุมชนแ ห่งการเรียน รู้ ทางวิชาชีพ (PLC) คืออะไร? ชุมชนการเรียนร้ทู างวิชาชพี หรือ PLC คือ การรวมตวั รวมใจ รวมพลงั ร่วมมือกันของครู ผูบ้ ริหารและนกั การศึกษา ในโรงเรียน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผ้เู รียนเปน็ สาคญั ดังท่ี Sergiovanni (1994)ได้กล่าววา่ PLC เปน็ สถานทีส่ าหรบั “ปฏิสัมพันธ์” ลด “ความโดดเดี่ยว” ของมวลสมาชิกวิชาชีพครูของโรงเรียน ในการทางาน เพอื่ ปรับปรงุ ผลการเรยี นของนกั เรยี น หรืองานวิชาการ โรงเรยี น ซ่ึงHord (1997) มองในมุมมองเดยี วกัน โดยมองการ รวมตวั กันดังกล่าว มนี ัยยะแสดงถงึ การเปน็ ผูน้ ารว่ มกนั ของ ครู หรอื เปิดโอกาสให้ครเู ปน็ “ประธาน” ในการเปล่ียนแปลง (วจิ ารณ์ พานิช, 2555)การมีคุณค่ารว่ ม และวสิ ยั ทัศนร์ ว่ มกนั ไปถึงการเรยี นรู้รว่ มกันและการนาส่งิ ทเี่ รียนรู้ไปประยุกต์ใช้อยา่ งสรา้ งสรรคร์ ่วมกนั การรวมตัวในรูปแบบนี้เป็นเหมือน แรงผลกั ดัน โดยอาศัยความต้องการและความสนใจของ สมาชิกใน PLC เพ่อื การเรียนร้แู ละพัฒนาวิชาชพี สูม่ าตรฐานการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นหลกั (Senge, 1990) การพฒั นา วิชาชพี ใหเ้ ป็น “ครูเพอื่ ศิษย์” (วจิ ารณ์ พานิช, 2555) โดยมองวา่ เปน็ “ศษิ ย์ของเรา” มากกว่ามองวา่ “ศษิ ย์ของฉัน”และการ เปล่ยี นแปลงคณุ ภาพการจดั การเรียนรู้ท่เี ริม่ จาก “การเรยี นรู้ ของครู” เปน็ ตวั ตั้งต้น เรียนร้ทู จี่ ะมองเห็นการปรบั ปรงุ เปลีย่ นแปลงพฒั นาการจดั การเรยี นรขู้ องตนเอง เพ่ือผ้เู รยี น เปน็ สาคัญอยา่ งไรกต็ ามการรวมตวั การเรียน การเปล่ียนแปลงใดๆ เป็นไปได้ยากท่จี ะทาเพยี งลาพงั หรือเพยี งนโยบาย เพื่อใหเ้ กิด การขบั เคลื่อนทัง้ ระบบโรงเรยี น จึงจาเปน็ ตอ้ งสรา้ งความเป็น PLC ท่ีสอดคล้องกบั ธรรมชาติทางวิชาชีพร่วมในโรงเรียน ย่อมมีความ เปน็ ชุมชนทีส่ มั พันธ์กนั อย่างแน่นแฟน้ (Senge,1990) ชมุ ชน ทส่ี ามารถขบั เคลอื่ นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวชิ าชีพไดน้ ัน้ จงึ จาเป็นต้องมีอยู่ร่วมกันอยา่ งมีความสุขทางวิชาชีพ มีฉนั ทะ และศรัทธาในการทางาน “ครูเพื่อศิษยร์ ว่ มกัน” บรรยากาศ การอยรู่ ว่ มกันจงึ เป็นบรรยากาศ “ชมุ ชนกลั ยาณมติ ร ทางวิชาการ” (สรุ พล ธรรมร่มดี, ทศั นีย์ จันอนิ ทร์,และ คงกฤช ไตรยวงศ์, 2553) ท่ีมีลกั ษณะความเปน็ ชุมชน แหง่ ความเอ้ืออาทรอยูบ่ นพื้นฐาน“อานาจเชงิ วิชาชพี ” และ “อานาจเชิงคุณธรรม” (Sergiovanni, 1994) เป็นอานาจทีส่ ร้างพลังมวลชนเริม่ จากภาวะผนู้ ารว่ มของครเู พ่ือขับเคลอื่ นการ ปรับปรุงและพฒั นาสถานศึกษา (Fullan,2005)
3กลา่ วโดยสรปุ PLC หมายถงึ การรวมตัว ร่วมใจรว่ มพลงั ร่วมทา และรว่ มเรยี นรู้ร่วมกนั ของครูผบู้ รหิ าร และนกั การศึกษา บนพื้นฐานวฒั นธรรมความสัมพนั ธ์แบบกัลยาณมิตร มวี ิสยั ทัศน์ คณุ ค่าเปา้ หมาย และภารกจิ ร่วมกนั โดยทางานรว่ มกันแบบทมี เรียนรทู้ คี่ รเู ป็นผู้นารว่ มกัน และผบู้ ริหารแบบผู้ดูแลสนบั สนนุ สกู่ ารเรียนรแู้ ละพัฒนาวชิ าชีพเปล่ียนแปลงคณุ ภาพตนเอง ส่คู ณุ ภาพการจดั การเรียนร้ทู ี่เน้นความสาเร็จหรือประสิทธิผลของผเู้ รียนเป็นสาคญั และความสขุ ของการทางานรว่ มกันของสมาชิกในชุมชนการเรยี นรู้ชุมชนแ ห่งการเรียน รู้ ทางวิชาชีพ (PLC) มีค วามสาคัญอย่างไ ร ? ความสาคัญของ PLC จากผลการวจิ ัยโดยตรงของทย่ี นื ยันวา่ การดาเนนิ การในรปู แบบ PLCนาไปส่กู ารเปลย่ี นแปลงเชงิ คุณภาพทั้งด้านวชิ าชพี และผลสมั ฤทธิ์ของนักเรียนจากการสังเคราะห์รายงานการวิจยั เก่ียวกบั โรงเรียนที่มีการจดั ตั้ง PLC โดยใช้คาถามว่า โรงเรยี นดงั กล่าวมีผลลพั ธ์อะไรบ้าง ท่แี ตกตา่ งไปจากโรงเรยี นทวั่ ไปที่ไม่มชี ุมชนแหง่ วิชาชพี และถ้าแตกต่างแล้วจะมีผลดีตอ่ครผู ู้สอนและต่อนกั เรียนอย่างไรบา้ งซง่ึ มีผลสรุป 2 ประเด็นดังนี้ประเด็นที่ 1 ผลดตี ่อครูผู้สอนพบวา่ PLC ส่งผลต่อครูผ้สู อนกลา่ วคอื ลดความร้สู กึ โดดเด่ียวงานสอนของครู เพ่ิมความรสู้ ึกผูกพนั ต่อพันธกจิ และเปา้ หมายของโรงเรยี นมากขึ้น โดยเพมิ่ ความกระตอื รือร้นที่จะปฏิบตั ิใหบ้ รรลพุ ันธกจิ อย่างแขง็ ขัน จนเกดิ ความรู้สึกวา่ ตอ้ งการร่วมกันเรียนรแู้ ละรับผดิ ชอบตอ่พฒั นาการโดยรวมของนักเรยี นถือเปน็ พลังการเรียนรู้ซ่ึงส่งผลใหก้ ารปฏบิ ัตกิ ารสอนในชน้ั เรียนให้มีผลดยี ่งิ ขึ้น กล่าวคือมีการคน้ พบความรู้ และความเชื่อทีเ่ ก่ียวกบั วิธกี ารสอนและตัวผู้เรียนซ่ึงที่เกิดจากการคอยสังเกตอยา่ งสนใจ รวมถงึ เข้าใจในดา้ นเนื้อหาสาระ ท่ตี อ้ งจัดการเรยี นรู้ได้แตกฉานยิ่งขึ้นจนตระหนกั ถึงบทบาทและพฤติกรรมการสอนทจี่ ะช่วยให้นักเรยี นเกิดการเรยี นรู้ไดด้ ีท่ีสดุ อีกทัง้ การรบั ทราบข้อมูลสาระสนเทศต่างๆ ท่ีจาเปน็ ต่อวชิ าชพี ได้อย่างกวา้ งขวาง และรวดเรว็ ข้นึ ส่งผลดตี ่อการปรับปรุงพัฒนางานวิชาชพี ได้ตลอดเวลา เปน็ ผลใหเ้ กดิ แรงบนั ดาลใจทีจ่ ะพัฒนาและอุทิศตนทางวิชาชีพเพอ่ื ศิษย์ ซง่ึ เปน็ ทัง้ คุณค่าและขวญั กาลงั ใจต่อการปฏิบตั งิ านให้ดียง่ิ ขึ้นทสี่ าคญั คือยงั สามารถลดอตั ราการลาหยุดงานน้อยลง เมื่อเปรยี บเทยี บกบั โรงเรียนแบบเกา่ ยงั พบวา่ มีความก้าวหนา้ ในการ
4ปรับเปลย่ี นวิธีการจดั การเรยี นรใู้ ห้สอดคลอ้ งกับลักษณะผู้เรยี นได้อย่างเดน่ ชดั และรวดเร็วกว่าที่พบในโรงเรยี นแบบเกา่ มคี วามผูกพันที่จะสรา้ งการเปล่ยี นแปลงใหม่ๆ ใหป้ รากฏอย่างเด่นชดั และย่ังยืนประเดน็ ที่ 2 ผลดตี ่อผ้เู รียนพบว่า PLC สง่ ผลต่อผู้เรียนกลา่ วคอื สามารถลดอตั ราการตกซ้าชั้น และจานวนชัน้ เรยี นทีต่ ้องเลื่อนหรือชะลอการจัดการเรยี นรู้ใหน้ ้อยลง อัตราการขาดเรยี นลดลงมีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นในวชิ าวทิ ยาศาสตรป์ ระวตั ิศาสตรแ์ ละวชิ าการอา่ นทสี่ ูงขน้ึ อยา่ งเด่นชัด เม่ือเทียบกบั โรงเรียนแบบเกา่ สดุ ทา้ ยคือมี ความแตกตา่ งดา้ นผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นระหว่างกลุม่นักเรียนทีม่ ีภูมหิ ลงั ไมเ่ หมือนกันและลดลงชัดเจนกลา่ วโดยสรุป คอื PLC มพี ัฒนาการมาจากกลยทุ ธ์ระดับองคก์ รท่ีมุ่งเน้นให้องค์กรมีการปรับตวั ตอ่กระแสการเปลีย่ นแปลงของสังคมทีเ่ กดิ ข้นึ อยา่ งรวดเร็วโดยเริม่ พัฒนาจากแนวคดิ องค์กรแห่งการเรียนรแู้ ละปรบั ประยุกตใ์ ห้มีความสอดคล้องกบั บริบทของโรงเรยี นและการเรียนร้รู ่วมกนั ในทางวชิ าชีพ ท่ีมหี นา้ งานสาคัญคือความรับผดิ ชอบการเรียนรู้ของผูเ้ รยี นร่วมกนั เป็นสาคัญจากการศกึ ษาหลายโรงเรยี นในประเทศสหรัฐอเมรกิ าดาเนนิ การในรปู แบบ PLC พบวา่ เกิดผลดีทางวิชาชีพครู และผู้เรยี นทม่ี ุ่งพฒั นาการของผเู้ รียนเป็นสาคัญกลยุทธ์ใน การจัดการแล ะใช้ชุมชนแ ห่งการเรีย น ทางรู้วิชาชีพ (PLC) อย่างยั่งยืนเป็น อย่างไร ?1. เริม่ ต้นด้วยข้นั ตอนงา่ ยๆ (Take a baby steps) โดยเริ่มตน้ จากการกาหนดเป้าหมาย อภิปรายสะทอ้ นผล แลกเปล่ยี นกับคนอ่ืนๆ เพื่อกาหนดว่า จะดาเนินการอยา่ งไร โดยพจิ ารณาและสะท้อนผลในประเดน็ ต่อไปนี้1.1 หลักการอะไรที่จะสร้างแรงจงู ใจในการปฏิบัติ1.2 เราจะเร่ิมต้นความรูใ้ หม่อย่างไร1.3 การออกแบบอะไรท่ีพวกเราควรใช้ในการตรวจสอบหลักฐานของการเรยี นรทู้ สี่ าคญั2. การวางแผนด้วยความร่วมมือ (Plan Cooperatively) สมาชิกของกลุ่มกาหนดสารสนเทศท่ีตอ้ งใชใ้ นการดาเนินการ
53. การกาหนดความคาดหวังในระดับสูง (Set high expectations) และวเิ คราะหก์ ารสอนสืบเสาะหาวิธกี ารท่จี ะทาให้ประสบผลสาเรจ็ สูงสุด3.1 ทดสอบข้อตกลงทเี่ ก่ียวข้องกบั การสอนหลงั จากได้มกี ารจดั เตรียมตน้ แบบทเ่ี ปน็ การวางแผนระยะยาว (Long-term)3.2 จดั ใหม้ ชี ่วงเวลาของการชแี้ นะ โดยเน้นการนาไปใช้ในชั้นเรยี น3.3 ใหเ้ วลาสาหรับครูทม่ี คี วามยุ่งยากในการสังเกตการณ์ปฏบิ ัติในชั้นเรยี นของครูทีส่ ร้างบรรยากาศในการเรยี นรู้อย่างประสบผลสาเรจ็4. เริ่มตน้ จากจดุ เล็กๆ (Start small) เรม่ิ ต้นจากการใช้กลมุ่ เลก็ ๆ ก่อน แล้วค่อยปรับขยาย5. ศึกษาและใชข้ ้อมลู (Study and use the data) ตรวจสอบผลการนาไปใช้และการสะทอ้ นผลเพ่อื นามากาหนดวา่ แผนไหน ควรใช้ต่อไป/แผนไหนควรปรับปรงุ หรือยกเลิก6. วางแผนเพ่ือความสาเรจ็ (Plan for success) เรียนร้จู ากอดตี ปรบั ปรุงหรอื ปฏเิ สธในส่งิ ท่ีไม่สาเรจ็ และทาต่อไป ความสาเร็จในอนาคต หรือความล้มเหลวขึน้ อยกู่ บั เจตคติและพฤติกรรมของครู7. นาสสู่ าธารณะ (Go public) แผนไหนท่ีสาเรจ็ กจ็ ะมกี ารเชิญชวนใหค้ นอ่นื เข้ามามีส่วนร่วม ยกยอ่ งและแลกเปล่ียนความสาเร็จ8. ฝกึ ฝนร่างกายและหล่อเลี้ยงสมอง (Exercise the body & nourish the brain) จดักิจกรรมท่ีได้มีการเคลื่อนไหวและ เตรยี มครูทท่ี างานสาเรจ็ ของแต่ละกลุ่มโดยมกี ารจดั อาหารเครื่องดื่มทมี่ ีประโยชน์ลาดับต่อไปจะได้กล่าวถึงเทคนิคทใี่ ช้ในการสร้างชุมชนแห่งการเรยี นทางรู้วชิ าชีพ (PLC) ท่สี ามารถนามาใชเ้ ปน็ แนวทางสาหรบั การสร้างการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลมุ่ ผทู้ ่เี ข้ามามีสว่ นร่วมได้…แหล่งข้อมูลอ้างองิประเวศ วะสี และคณะ. PLC คืออะไร ? สาคัญอย่างไร? [ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก : www.candmbsri.wordpress.com/2015/04/02/plc-คอื อะไร-สาคัญอยา่ งไร/(วนั ทค่ี น้ ข้อมูล : 20 กรกฎาคม 2560)
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: