Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานisการย้อมผ้า

งานisการย้อมผ้า

Description: การย้อมผ้า

Search

Read the Text Version

การศึกษาคน้ คว้าองค์ความรู้ เรื่อง การยอ้ มผ้า คณะผูจ้ ดั ทา นางสาว กมลฉตั ร เรอื นปนั ชน้ั ม.5/6 เลขที่6 นางสาว กานตพ์ ิชชา เมอื งพรวน ชน้ั ม.5/6 เลขที่7 นาย วิรากร อุดอา้ ย ชน้ั ม.5/6 เลขท่ี9 นางสาว บวั รณั ฑติ า นาดี ชน้ั ม.5/6 เลขที่20 นาย พสิ ยั ไชยวงค์ ชน้ั ม.5/6 เลขท่ี22 ครทู ีป่ รกึ ษา ครูดารงค์ คันธะเรศย์ โรงเรียนปวั

2 เอกสารฉบบั นี้เปน็ สว่ นหนงึ่ ของการศึกษาค้นควา้ และสร้างองค์ ความรู้ (IS1) โรงเรียนปัว อาเภอปัว จังหวดั นา่ น สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 37 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2563

การศกึ ษาค้นคว้าองค์ความรเู้ รือง การยอ้ มผ้า ธรรมชาติ Natural fabric dye คณะผจู้ ัดทา นางสาว กมลฉัตร เรอื นปนั ชน้ั ม.5/6 เลขที่6 นางสาว กานตพ์ ิชชา เมืองพรวน ชัน้ ม.5/6 เลขท่ี7 นาย วิรากร อดุ อา้ ย ชน้ั ม.5/6 เลขท่ี9 นางสาว บัวรณั ฑติ า นาดี ชนั้ ม.5/6 เลขที่20 นาย พิสยั ไชยวงค์ ชน้ั ม.5/6 เลขท่ี22 ครทู ป่ี รกึ ษา ………………………………………………..

4 เอกสารฉบบั นี้เปน็ สว่ นหนงึ่ ของการศึกษาค้นควา้ และสร้างองค์ ความรู้ (IS1) โรงเรียนปัว อาเภอปัว จังหวดั นา่ น สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 37 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2563

ก ชอ่ื เรอื่ ง : การย้อมผา้ ธรรมชาติ ผจู้ ดั ทา : นางสาว กมลฉัตร เรือนปนั ช้ัน ม.5/6 เลขที่6 นางสาว กานตพ์ ชิ ชา เมอื งพรวน ช้ัน ม.5/6 เลขที่7 นาย วิรากร อุดอ้าย ชนั้ ม.5/6 เลขท่ี9 นางสาว บัวรณั ฑติ า นาดี ชั้นม.5/6 เลขท่ี20 นาย พสิ ยั ไชยวงค์ ช้นั ม.5/6 เลขที่22 ทป่ี รกึ ษา :ครูดารงค์ คนั ธะเรศย์ ปกี ารศกึ ษา : 2563 บทคดั ย่อ จากการใชช้ ีวิตประจาวันของเรา และกลมุ่ ของเราซึ่งได้ สงั เกตเหน็ ผัก หรอื ผลไมบ้ างชนดิ ทเ่ี ราซ้อื มารับประทาน ไมว่ า่ จะ เป็น เปลือกกล้วยนา้ ว้า มงั คุด ลูกหว้า มะเขือเทศ มะพร้าวอ่อน เมอื่ เราปอก หรือ ห่นั เปน็ ช้ินเลก็ ๆวางไวส้ กั ครบู่ รเิ วณท่ีห่ันจากสี ขาวจะเปลีย่ นเปน็ สนี ้าตาล ทาให้ดไู ม่นา่ กินซ่ึงบางชนดิ ชดั เจน มาก เชน่ กลว้ ย ซึง่ ทาให้กลมุ่ ขา้ พเจ้าเรม่ิ จะศกึ ษาเก่ียวกบั สงิ่ ที่ เกดิ ขึ้นกับผกั และผลไม้จงึ ไดไ้ ปศกึ ษาและไดท้ ราบว่าสง่ิ ทีเ่ กดิ ขน้ึ นัน้ เกดิ จากการกระทาของสารเคมชี นิดหนึ่งท่ี ช่อื วา่ แทน นนิ สารแทนนินนัน้ เป็นสารโมเลกลุ ใหญ่ และโครงสรา้ งซับซ้อนมี สตู รโมเลกุล (C75 H52 O46) เปน็ กรดออ่ น สีนา้ ตาล และได้

ข ศกึ ษาต่อถงึ ประโยชน์ของสารแทนนนิ ซง่ึ ได้รวู้ ่า แทนนินมี ประโยชนใ์ นการย้อมสีผ้ากลมุ่ ของข้าพเจา้ จึงจะศึกษา และทดลอง เกย่ี วกบั การยอ้ มผ้าของสารแทนนนิ วา่ สารแทนนิน จากผลไม้ใด จะย้อมผา้ ตดิ ดที ส่ี ดุ จากการทก่ี ลมุ่ ของข้าพเจ้าได้ศกึ ษาพบว่า สารแทนนิน สามารถยอ้ มสตี ิด และทนทาน และสามารถประหยดั คา่ ใช้จา่ ยได้ ในการยอ้ มสีผ้า ดงั นน้ั กลุ่มของขา้ พเจา้ จึงไดท้ ามอแดนทจ์ าก แทนนิน ขน้ึ มาเพอ่ื ทดสอบว่าสารแทนนนิ จากผลไม้ ชนดิ ไหน สามารถย้อมติดสีไดด้ ีทส่ี ุด นอกจากนี้ยงั จะนาไปเปรยี บเทียบกบั สี ผา้ จากทอ้ งตลาดวา่ มคี ุณสมบตั ใิ กล้เคยี งกนั หรอื ไม่ พอท่ีจะ ทดแทนกันไดห้ รอื ไม่ ซง่ึ ถ้าใชท้ ดแทนกนั ไดก้ จ็ ะสามารถประหยัด ค่าใช้จ่ายได้ กิตตกิ รรมประกาศ รายงานการศกึ ษาการเขียนความเรียงข้นั สูงนส้ี าเร็จลลุ ว่ งไดด้ ว้ ยความ กรุณาชว่ ยเหลือ แนะนา ใหค้ าปรึกษา ตรวจสอบแกไ้ ขขอ้ บกพร่องต่าง ๆ ดว้ ยความเอาใจใส่อยา่ งดียงิ่ จาก ครูดารงค์ คนั ธะเรศย์ครูผู้สอนรายวชิ า การศกึ ษาคน้ ควา้ และสรา้ งองคค์ วามรู้ I 30201 ผเู้ ขยี นกราบขอบพระคณุ เปน็ อย่างสูง

ค ขอขอบพระคณุ ครู ดารง คนั ธะเรศย์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ เทคโนโลยี โรงเรียนปวั ทกี่ รุณาใหผ้ ู้เขยี นไดส้ มั ภาษณเ์ ร่ืองเกีย่ วกับการ แนะนา ขอขอบคณุ ครบู รรณารกั ษห์ อ้ งสมุดโรงเรียนเทงิ วทิ ยาคมทใี่ ห้ ความอนุเคราะหแ์ ละความสะดวกในการคน้ คว้าหาข้อมลู ขอขอบคุณพ่อแมท่ ใ่ี ห้คาปรกึ ษา และ ญาตพิ นี่ อ้ งทุกคนท่ี ช่วยเหลอื สนบั สนุนทง้ั ด้านกาลงั ใจและกาลงั ทรพั ย์ด้วยดตี ลอด มา นอกจากน้ยี ังมีผทู้ ใ่ี หค้ วามรว่ มมือชว่ ยเหลอื อกี หลายทา่ น ซงึ่ ผู้เขยี นไม่ สามารถกลา่ วนามในทน่ี ี้ไดห้ มด จึงขอขอบคุณทกุ ท่านเหลา่ นน้ั ไว้ ณ โอกาสนดี้ ว้ ย คุณค่าทง้ั หลายทไ่ี ดร้ บั จากรายงานการศกึ ษาความเรียงขนั้ สูง ฉบบั นี้ ผู้เขียนขอมอบเปน็ กตญั ญูกตเวทแี ดบ่ ิดามารดา และบูรพาจารยท์ ่ี เคยอบรมส่งสอน รวมทง้ั ผมู้ ีพระคุณทุกทา่ น นางสาว กมลฉตั ร เรอื นปนั นางสาว กานตพ์ ิชชา เมืองพรวน นาย วริ ากร อดุ อ้าย นางสาว บวั รัณฑติ า นาดี นาย พสิ ยั ไชยวงค์

ง สารบัญ หน้า ค เรอื่ ง บทคดั ยอ่ กติ ตกิ รรมประกาศ ง สารบญั จ บทท่ี 1 บทนา 1 1.1 ความเปน็ มา 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 1.3 ขอบเขต 1.4 ประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั บทท่ี 2 ทฤษฎที เี่ กยี่ วขอ้ ง 2.1 การยอ้ มสี 2.2 สารเทนนนิ 2.3 เปลอื กกลว้ ยนา้ วา้ 2.4 เปลอื กมงั คดุ

จ บทที่ 3 วธิ ดี าเนนิ งาน 3.1 3.2 3.3 3.4 บทที่ 4 ผลการศกึ ษาคน้ ควา้ 4.1 4.2 4.3 บทท่ี 5 สรปุ ผล อภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ 5.1 สรปุ ผล 5.2 ปญั หาและอปุ สรรคในการศกึ ษาคน้ ควา้ 5.3 ขอ้ เสนอแนะและแนวทางในการพฒั นา บรรณานกุ รม ภาคผนวก ก. ภาคผนวก ข. ประวตั ผิ ศู้ กึ ษา











บทท่ี 1 บทนา 1. ความเปน็ มา สที เ่ี ราใชก้ นั ในชีวิตประจาวันท้งั สีท่ีผสมอาหารและสี ย้อมผ้า ไดม้ าจากการสังเคราะหส์ ารเคมแี ละสจี าก ธรรมชาติ แต่สีสังเคราะหห์ ลายชนดิ หากนามาใช้ผสม อาหารจะเปน็ อันตรายตอ่ ร่างกาย แตกตา่ งจากสที ีไ่ ดจ้ าก ธรรมชาติ ซง่ึ ใชผ้ สมอาหารไดโ้ ดยไม่มีอนั ตราย และใช้ เป็นสียอ้ มผ้าทใ่ี หส้ ีสันสวยงาม ได้ดว้ ย 2. วตั ถปุ ระสงค์ 2.1 เพอ่ื รจู้ กั วสั ดธุ รรมชาติ 2.2 เพอ่ื นาไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ จรงิ 2.3 เพอ่ื ประหยดั งบประมาณ 2.4 เพอื่ นาไปประกอบอาชพี 3. ขอบเขต (ระบขุ อบเขตของงานทที่ า) 3.1 สถานที บา้ นสา้ น 3.2 ระยะเวลา 5วนั 3.3 ตวั แปรหรอื ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง(เลอื กตาม วธิ กี ารศกึ ษาคน้ ควา้ ) 3.1 ตวั แปรตน้ คอื เสอ้ื สขี าว

2 3.2 ตวั แปรตาม คอื เปลอื กผลไม(้ วสั ดุ ธรรมชาต)ิ 3.3 ตวั แปรควบคมุ คอื นา้ รอ้ น 4. ประโยชนท์ ี่ไดร้ บั นอกจากไดท้ าการทดลองแลว้ สามารถประหยัดงบประมาณและ นาไปประกอบอาชพี ได้อกี ดว้ ย

บทที่ 2 ทฤษฎีทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ในการศึกษาเรื่อง ย้อมผ้าจากวัสดุธรรมชาติ ผู้จัดทาได้ รวบรวมแนวคิดทฤษฎแี ละหลกั การต่างๆจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง ดังตอ่ ไปน้ี 2.1 เรอื่ งท่ี 1 การยอ้ มสี การยอ้ มสีธรรมชาติ คือ การนาเอาวตั ถุดิบในธรรมชาตทิ ไี่ ดจ้ าก พชื สตั ว์ จุลินทรีย์ และแร่ธาตตุ า่ งๆ มาทาการยอ้ มกบั เส้นด้าย เพ่ือ นามาใชใ้ นการทอผ้า เพ่มิ สสี ันใหก้ บั เสน้ ดา้ ยให้มคี วามสวยงาม ซง่ึ มกี ารสบื ทอดเทคนคิ วิธีการยอ้ มมายงั คนรนุ่ หลงั เป็นวธิ ีการที่ ง่ายไมย่ งุ่ ยากซบั ซอ้ น ดว้ ยภูมิปญั ญาของคนรนุ่ กอ่ นไดน้ าเอาองค์ ความรู้ในการยอ้ มสผี า้ ด้วยวัสดจุ ากธรรมชาตทิ ไี่ มเ่ ปน็ พิษต่อผคู้ น สัตว์ และส่ิงแวดล้อม ถอื เปน็ มรดกทางวัฒนธรรมมาสูล่ กู หลาน และเป็นเครื่องมือเล้ยี งชพี ของชาวชนบท โดยขนั้ ตอนในการยอ้ ม สีธรรมชาตแิ บง่ ออกเป็น 4 ขน้ั ตอน ดังน้ี 1. การทาความสะอาดเส้นไหม/ เสน้ ฝา้ ย กอ่ นการยอ้ ม 2. การเตรยี มน้าย้อม 3. การเตรียมสารช่วยยอ้ ม หรอื สารชว่ ยติดสี 4. การยอ้ มสี (กองเคมีภัณฑแ์ ละผลิตภณั ฑ์อุปโภค กรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร)

4 2.2 เรอ่ื งที่ 2 สารเทนนนิ ชนดิ ของแทนนนิ แทนนนิ เปน็ สารประกอบจาพวกฟีนอลทมี่ ี หมู่ hydroxyl เป็นจานวนมากและโมเลกลุ มี โครงสรา้ งทซ่ี ับซ้อน น้าหนกั โมเลกุลอยูร่ ะหวา่ ง 500-3,000 มสี ถานะเปน็ กรดอ่อน รสฝาด เปน็ สารใหค้ วามฝาดในพชื พบไดใ้ นพชื หลายชนิดจาก ราก เปลือก กา้ น ใบ ผล รวมถงึ เมล็ด แทนนิน มี 2 ชนิด คอื คอนเดนส์แทนนิน (condensed tannins) ไฮโดรไลซแ์ ทนนนิ (hydrolysabletannins) 2.3 เรอ่ื งท่ี 3ยางกลว้ ย ผลิตภัณฑ์จากชุมชนมหี ลายอยา่ งหลายท่ี แตกตา่ งกนั ไปตาม ทอ้ งถน่ิ หรอื ภมู ปิ ระเทศ ซ่งึ ลว้ นแต่มคี วามสาคัญ มคี ุณค่าในตวั ของตวั เอง เปน็ เอกลกั ษณ์เฉพาะทย่ี ากแกก่ ารเลียนแบบ สง่ิ เหล่านี้ ล้วนเปน็ เสนห่ ์ท่ดี งึ ดูดใหผ้ คู้ นทพ่ี บเหน็ ตา่ งมคี วามช่นื ชม และ กลายเป็นจุดขายทสี่ าคญั อยา่ งเช่น “ ผา้ บาติกสธี รรมชาตจิ ากยาง กลว้ ย” ผลติ ภัณฑ์จากคนในชุมชนปาดงั เบซาร์ ทใี่ นอดตี ผ่าน ความลม้ ลุกคลกุ คลาน จนกระทง่ั ถงึ ยคุ ปจั จบุ ันทีส่ ามารถยนื หยัด อย่ไู ดแ้ ละอนาคตกาลงั สดใส

5 “ ผา้ บาตกิ สธี รรมชาตจิ ากยางกล้วย ” บอกวา่ มปี ระสบการณ์จาก อดีตท่ีสมัยเด็กๆ เหน็ พ่อซง่ึ มอี าชพี เปน็ ควาญช้างนาผ้าสขี าวมา ยอ้ มดว้ ยยางกลว้ ย แลว้ ตดั เป็นเสอ้ื และกางเกงหรอื เปน็ เคร่อื งนงุ่ หม่ ในครอบครัว ด้วยเหตุผลหลกั คือยากจน และผา้ ชุด สวยๆมีราคาแพงแตไ่ มม่ คี วามคงทน สผู้ ้าที่ย้อมดว้ ยยางกลว้ ย ไมไ่ ด้ โดยรเิ ริม่ ทาการยอ้ มผ้าโดยใชส้ จี ากยางกลว้ ยมาตง้ั แตป่ ระมาณปี 2537 ซงึ่ ในขณะนัน้ มกี ารตง้ั กลมุ่ อาชพี หลายๆอาชพี และเห็น เพื่อนบา้ นหลายคนยอ้ มผา้ กนั เลยใชป้ ระสบการณ์ท่ีมตี ง้ั แตว่ ยั เด็ก ตั้งกลุ่มทาการยอ้ มผ้าจากยางกลว้ ย หรอื “ผ้าบาติกสีธรรมชาติ จากยางกล้วย ” กล็ องผิดลองถกู ล้มลุกคลุกคลานมา ประมาณปี 2548 มงี านแสดงสินค้ากน็ าผลิตภณั ฑท์ ่ีไดไ้ ปจดั แสดงและขาย ซ่ึงมาตรฐานกไ็ ดร้ ะดบั 3 ดาว มาตลอด ส่วนตวั คดิ ว่าผลงานยงั ไม่ ดเี ท่าไหร่ สู้ของท่อี นื่ ไม่ไดเ้ ลยหยดุ ไประยะหนง่ึ :ไทยรฐั 2.4 เรอื่ งท่ี 4 เปลอื กมงั คดุ 1.ประโยชนต์ อ่ ผิวพรรณและสขุ ภาพของเปลอื กมงั คุด เปน็ ทท่ี ราบกนั ดใี นสมยั โบราณว่า “มังคดุ ” เปน็ หนงึ่ ในภมู ิ ปัญญาพ้นื บา้ นและการแพทยแ์ ผนโบราณในหลายประเทศของ เอเชยี กอ่ นจะเรมิ่ รจู้ กั ไปทว่ั โลกในสมยั ของราชนิ วี ิคตอเรียใน ศตวรรษท่ี 18 และไดร้ บั การพสิ จู น์ถงึ สรรพคุณทางการแพทย์ของ มงั คุดทไี่ มใ่ ชเ่ พยี งแค่เรอื่ งเล่ากนั ปากตอ่ ปากของคนโบราณ เท่านนั้ แต่มงั คดุ เป็นผลไมท้ ีม่ สี ารอาหารท่ีจาเปน็ ตอ่ การ เจริญเตบิ โตของร่างกาย และสว่ นตา่ งๆ แถมยังสามารถใชร้ กั ษา

6 โรคอกี ด้วย และนกี่ ค็ ือสรรพคุณของมงั คุดในการบารงุ ผวิ พรรณ สุขภาพ และรักษาโรคต่างๆ ท่ี กอบญุ เฮริ บ์ (Korboon Herbs) 1. สารตา้ นอนุมลู อิสระ 2. ต้านอาการอกั เสบ 3. ซ่อมแซมเซลล์ 4. “Anti-Aging” หรอื การชะลอวยั 5. ฆ่าเช้อื ไวรัส มังคดุ เปน็ ผลไมท้ ี่มปี ระโยชน์และคุณคา่ ทางโภชนาการสูง นอกจากจะมรี สชาตทิ อี่ ร่อยแล้วยงั อดุ มไปดว้ ยเส้นใยอาหารและ คาร์โบไฮเดรต นอกจากน้ี ยงั มวี ติ ามนิ เอและวติ ามนิ ซีสูง รวมถงึ ธาตเุ หล็ก แคลเซยี ม โพแทสเซียม และเป็นแหลง่ วติ ามนิ B- Complex ที่อยใู่ นระดบั ปานกลาง ซ่ึงวติ ามินเหลา่ นท้ี าหนา้ ทชี่ ว่ ย ใหร้ า่ งกายสามารถเผาผลาญคารโ์ บไฮเดรต โปรตีน และไขมนั ได้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และส่ิงทสี่ าคัญทสี่ ดุ คอื การทเ่ี ปลอื กมงั คดุ เปน็ แหลง่ ของแซนโทน (Xanthone) สารที่สาคญั อนั มปี ระโยชน์ ตอ่ รา่ งกายนานบั ประการ ดังทีก่ ล่าวมาในขา้ งตน้ :2.นา้ หมักเปลือกมังคุด เนอ่ื งจากในเปลือกมงั คุดมสี ารแทนนนิ และสารแซนโทน ท่ีมฤี ทธิ์ ในการยับยง้ั ปอ้ งกนั และกาจัดเชื้อราได้ เกษตรกรจงึ ไดน้ ามาใช้ ประโยชนท์ างการเกษตรซง่ึ มีสรรพคุณในการป้องกันเชือ้ ราและ ขบั ไลแ่ มลงศตั รพู ชื ได้ ด้วยการนาไปผา้่ นกระบวนการหมกั จน ย่อยสลาย

7 2.3 เรอ่ื งที่ 5 ขอ้ ด/ี ขอ้ เสยี ของการยอ้ มสจี ากธรรมชาติ 1. เป็นสีทเ่ี กดิ จากธรรมชาติ ไมเ่ ปน็ พษิ กับสง่ิ แวดล้อม (เปน็ สที ี่เปน็ มติ รกับ สงิ่ แวดล้อม) 2. ไมเ่ ปน็ อนั ตราย ปราศจากโลหะหนกั ไมเ่ หมอื นกบั สสี ังเคราะห์ ท่ี อาจจะมโี ลหะหนัก หรอื สารเคมีจานวนมากเจอื ปน 3. การยอ้ มครามดว้ ยฮ่อม หรอื หอ้ ม จะเปน็ การย้อมเยน็ แตก่ าร ยอ้ มสี สงั เคราะหจ์ ะเปน็ สยี อ้ มรอ้ น (60oC ขนึ้ ไป) 4. น้าย้อมฮอ่ ม หรอื หอ้ ม สามารถยอ่ ยสลายเองตามธรรมชาติ 5. สามารถใช้ยอ้ มไดห้ ลายครงั้ ไม่จาเปน็ ตอ้ งทิง้ น้ายอ้ มทีห่ มักไว้ แล้ว ยกเวน้ ถ้าหากไมไ่ ดจ้ ก (เติมอากาศ) จะตอ้ งเติมน้าด่าง นา้ แป้งบ้าง แลว้ ตอ้ งจกให้จลุ นิ ทรียใ์ นนา้ ย้อมท างานต่อไป 6. ผา้ ยอ้ มฮ่อม หรอื ห้อม มกี ลนิ่ หอมออ่ นๆ ไม่เหมอื นกับสี สงั เคราะห์ท่ีผ้าอาจมกี ลิน่ เหมน็ 7. ผ้ายอ้ มฮอ่ ม หรอื ห้อม ไม่ได้เตมิ สารเคมี แตกตา่ งจากสี สงั เคราะห์เติมผงเหมน็ (โซเดียมไฮโดรซัลไฟท์) และด่าง โซดาไฟ (โซเดยี มไฮดรอกไซด์) ซงึ่ มฤี ทธเิ์ ปน็ ดา่ งสงู อาจกัด ผวิ หนงั ผ้ยู อ้ ม และผสู้ วมใส่ได้ แถมมีกลน่ิ เหมน็ แบบไขเ่ นา่ 8. ผา้ ย้อมฮอ่ มจะซดี จางลง แตน่ า้ ทซี่ ักจะไม่ตกตดิ สกี บั ผ้า ฝ้ายท่ี ซักร่วมกนั ในขณะท่สี ีสงั เคราะห์จะไมซ่ ีดจาง เมือ่ ผ่านการซกั ลา้ ง ข้อเสีย 1. ค่อนขา้ งยงุ่ ยากหลายขน้ั ตอน 2. ต้นฮอ่ ม หรอื หอ้ ม ตอ้ งปลกู ในท่เี ย็นๆ และใชเ้ วลานานในการ ทาให้มใี บ และลาตน้ ในการเอาไปหมกั

8 (https://sites.google.com/site/mo263566/khxdi-khx-seiy-kar-yxm-si- hxm)

บทที่ 3 วธิ ีศกึ ษาค้นควา้ กลา่ วถงึ การดาเนนิ การโดยละเอยี ด 3.1 วธิ กี ารดาเนนิ งาน 1. คดั เลือกหวั ขอ้ โครงงานที่สนใจจะทา 2. ศึกษาคน้ ควา้ และวางแผน 3. จดั ทาเคา้ โครงของโครงงานท่ีจะทา 4. การลงมือทาโครงงาน 5. เขียนรายงานและจดั ทาคมู่ ือการใช้ 6. การนาเสนอและแสดงโครงงาน 3.2 ประชากร/กลมุ่ ตวั อยา่ ง 3.3 เครอื่ งมอื ภาพที่ 3- 1…………………………………………………………………………. ภาพ

4

บทท่ี 4 ผลการศกึ ษาคน้ ควา้ การศึกษาความคิดเหน็ ของพิสัย ไชยวงศ์ ผู้ศึกษาได้ ทาการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง ซึ่ง สามารถเกบ็ ข้อมูลได้ 100 % จานวน 5คน คน โดยจะนาเสนอผลการ วิเคราะห์ในรูปแบบของการบรรยายประกอบตารางเป็น 3 ส่วน ดังน้ี 4.1 การวิเคราะหข์ ้อมลู พืน้ ฐานของผู้ตอบแบบสอบถาม 4.2 การวิเคราะหเ์ กี่ยวกบั ความคดิ เห็นของประชาชนต่อ การยอ้ มผ้าจากวสั ดุธรรมชาติ 4.1 การวเิ คราะหข์ อ้ มลู พนื้ ฐานของผตู้ อบแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลพ้ืนฐานของผู้ตอบแบบสอบถาม สามารถอธบิ ายผลการศึกษาของแตล่ ะปัจจัยได้ดงั นี้ เพศ พบว่า กลุ่มตัวอย่าง ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จานวน 4 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 40 ส่วนเพศหญิง จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 60 ตารางท่ี 4.1 แสดงขอ้ มลู พนื้ ฐานของผตู้ อบแบบสอบถาม ขอ้ มลู ทว่ั ไป จานวน รอ้ ยละ เพศ ชาย 4 40

7 ขอ้ มลู ทว่ั ไป จานวน รอ้ ยละ หญิง 6 60 อาชพี - - รับราชการ-รฐั วิสาหกจิ 2 20 รับจา้ ง-ลูกจ้าง 6 60 นักเรียน-นกั ศึกษา 2 20 เกษตรกรรม - - ค้าขาย-ธุรกิจสว่ นตวั 10 100 ศาสนา . พทุ ธ - อสิ ลาม - - ครสิ ต์ - อื่นๆ 3 7 30 ทต่ี ง้ั บา้ นเรอื น 10 70 อย่ตู ดิ ถนนใหญ่ อยใู่ นซอย 100 รวม 4.2 การวเิ คราะหเ์ กยี่ วกบั ความคดิ เหน็ ของประชาชนตอ่ การยอ้ มผา้ จากวสั ดธุ รรมชาติ ระดับ ค วาม คิด เห็น ของ ป ระชาก ร ต่อ ก าร ย้ อม ผ้ าจาก วัสดธุ รรมชาติพบวา่ สผี า้ ทีย่ ้อมแตกตา่ งกับเสอื้ ผ้าตามตลาดเลก็ นอ้ ย

8 ตารางท่ี 4.2 แสดงความคดิ เหน็ ของประชาชนตอ่ การยอ้ มผา้ ขอ้ ประเดน็ มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย ที่ ทสี่ ดุ กลาง ทสี่ ดุ 1 สขี องผา้

9 2 วัสดุ 3 กลนิ่ 4 ลวดลาย 5 ความพงึ พอใจ รวม

10

บทที่ 5 สรปุ อภิปรายผลและขอ้ เสนอแนะ 5.1 สรปุ ผลการทดลอง -สว่ นนจี้ ะสรุปเกย่ี วกับวตั ถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษาคน้ ควา้ วธิ ี ดาเนินงานได้แก่ เคร่ืองมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล การ วิเคราะห์ข้อมลู และผลการทดลอง 5.2 ปญั หาและอปุ สรรคในการศกึ ษาคน้ ควา้ สอดคลอ้ งหรอื ขดั แยง้ ในทางทฤษฎอี ยา่ งไร - ส่วนนจ้ี ะเป็นการอภปิ รายผล ว่าทาไมผลการศกึ ษาคน้ ควา้ จงึ เป็นเชน่ น้ี สอดคล้องหรือขัดแยง้ ในทางทฤษฎอี ย่างไร ปัญหา และอปุ สรรคในการศึกษาค้นคว้า (ปัญหาทางเทคนิค) 5.3 ขอ้ เสนอแนะและแนวทางในการพฒั นา - สงิ่ ท่คี าดวา่ เปน็ ไปได้ เพอ่ื ใหส้ ามารถพฒั นาตอ่ ไป ไดอ้ ยา่ ง สมเหตสุ มผล

10

บรรณานุกรม หมายเหตุ ใหเ้ รยี งลาดบั ชอ่ื ผแู้ ตง่ ตามลาดบั ตวั อกั ษรภาษาไทย และใสห่ มายเลขกากบั แตล่ ะรายการ ไวห้ นา้ โดยเขยี นไวใ้ นเครอ่ื งหมาย ( ) การยอ้ มผา้ หนังสอื มังคุด รวบรวมโดย อัมพิกา ปุนนจิต;สุชาติ วิจิตรานนท์;เกรียงไกร จาเริญมา;อดุ ร อุณหวุฒิ;พัชรี ลิมปิษเฐยี ร;นลิ วรรณ ลอี ังกูรเสถียร;สมทรง ปวณี การก;์ เสริมสขุ สลกั เพ็ชร์;สุขวฒั น์ จนั ทรปรรณิก ใชร้ ปู แบบเดยี วกบั ภาษาไทย และเรยี งลาดบั ผแู้ ตง่ ตามอกั ษร ภาษาองั กฤษ เชน่

II ประวัตผิ ู้จดั ทา ช่ือเรื่อง (ชอ่ื การศึกษาคน้ คว้า) 1.นาย/นางสาว วริ ากร อดุ อา้ ย ประวตั ิสว่ นตวั วนั พธุ เดอื นตลุ าคม ป2ี 546 ทเี่ กดิ 15 อาย1ุ 7 ทอ่ี ยู่ (ปจั จบุ นั ) บา้ นสา้ น หม1ู่ 3 ตาบลปวั อาเอปวั จงั หวดั นา่ น ประวตั กิ ารศกึ ษา ปี พ.ศ. ชน้ั ป.6 ร.ร. วรนคร ปี พ.ศ. ชนั้ ม.3 ร.ร. ปวั ปี พ.ศ. ชน้ั ม.4/6. เลขท่ี 9 2.นาย/นางสาว กมลฉตั ร เรอื นปนั ประวตั ิส่วนตวั วนั เดอื น ปี ทเี่ กดิ อายุ ทอ่ี ยู่ (ปจั จบุ นั ) ประวตั ิการศกึ ษา

III ปี พ.ศ. ชน้ั ป.6 ร.ร. วรนคร ปี พ.ศ. ชนั้ ม.3 ร.ร. ปวั ปี พ.ศ. ชนั้ ม.4/6 เลขท่ี 3.นาย/ พสิ ยั ไชยวงค์ ประวตั ิสว่ นตวั 08/11/2546 ประวตั ิการศกึ ษา ปี พ.ศ. ชน้ั ป.6 ร.ร. บา้ นสา้ น ปี พ.ศ. ชน้ั ม.3 ร.ร.ปวั ปี พ.ศ. ชน้ั ม.4/6 เลขที่ 22

IV รายละเอียดการพิมพ์ * การพมิ พใ์ หใ้ ชต้ วั อกั ษร TH SarabunPSK เทา่ นน้ั โดยมี ขอ้ กาหนดดงั น้ี 1. บทท่ี และชอื่ เรอ่ื งบท ใชข้ นาด 18 แบบ หนา หา่ ง จากขอบบน 2 นว้ิ 2. หนา้ อน่ื ทไี่ มใ่ ชห่ นา้ บท ใหห้ า่ งจากขอบบน 1.5 นวิ้ 3. ถา้ เปน็ การพมิ พข์ อ้ ความปกตใิ ช้ ขนาด 16 และ หวั ขอ้ เนอื้ หา ใหใ้ ช้ ขนาด 16 แบบหนา 4. การใชภ้ าษาองั กฤษใหใ้ ชร้ ปู แบบเดยี วกนั รปู แบบที่ เปน็ ภาษาไทย * การตง้ั หนา้ กระดาษ 1. ขอบบน 1.5 นว้ิ 2. ขอบซา้ ย 1.5 นวิ้ 3. ขอบขวา 1 นวิ้ 4. ขอบลา่ ง 1 นว้ิ * ขน้ึ ตน้ บทใหมใ่ หค้ าวา่ \"บทท.ี่ .\" หา่ งจากขอบบน 2 นว้ิ และไมพ่ มิ พต์ วั เลขบอกหนา้

V * ตวั เลขบอกหน้าให้พมิ พบ์ นตาแหนง่ ของขอบบนขวา ห่าง จากขอบกระดาษด้านบน 0.5 นิ้ว และห่างจากขอบขวา 0.5 น้ิว และตวั อักษร TH SarabunPSK ขนาดปกติ 16 * ตงั้ แตบ่ ทคัดย่อจนถึงบทที่ 1 ใหพ้ มิ พเ์ ลขหนา้ ขอบลา่ ง ตรง กลาง เป็นภาษาไทยและมวี งเลบ็ โดยเรม่ิ หนา้ บทคดั ยอ่ เปน็ (ค) ไป จนถงึ หนา้ กอ่ นบทที่ 1 กน้ั หนา้ 1 1/2 กระดาษ A4 นว้ิ กน้ั หลงั 1 นวิ้

VI การจดั หนา้ กระดาษ

VII


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook