Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore e-book สังเคราะห์แสงเล่ม 2

e-book สังเคราะห์แสงเล่ม 2

Published by dr.angthong, 2021-06-12 04:53:07

Description: e-book สังเคราะห์แสงเล่ม 2

Search

Read the Text Version

1 คำนำ การจดั การเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์เปน็ ภารกิจที่สาคัญยง่ิ ของการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ กระบวนการจัดการเรียนรเู้ พอื่ ให้ผ้เู รยี นมคี วามสามารถทางวิทยาศาสตรน์ ั้น ครูผู้สอนจะต้องพฒั นา กระบวนการเรียนรอู้ ย่างเปน็ ระบบใหก้ ับผ้เู รยี น สง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นได้พัฒนาศกั ยภาพการเรียนรขู้ อง ตนเองใหไ้ ดม้ ากทีส่ ดุ เท่าทจ่ี ะมากได้ และการพฒั นาศักยภาพการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรข์ องผูเ้ รียนเป็น การจดั กระบวนการเรยี นรู้ทีเ่ นน้ ผู้เรยี นเป็นสาคัญ ครผู ู้สอนสามารถออกแบบการจดั การเรียนรใู้ น ลักษณะตา่ ง ๆ ได้อยา่ งหลากหลาย เพื่อใหเ้ ออื้ อานวยให้ผเู้ รยี นได้ฝกึ ทักษะ กระบวนการคดิ วเิ คราะห์ การเผชิญสถานการณ์และการประยุกต์ความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ เพอื่ สง่ เสรมิ ทักษะการคดิ วิเคราะห์ หน่วย การสังเคราะหด์ ้วยแสง แบง่ ออกเป็น 5 ชุด ใชเ้ วลาเรยี นชดุ ละ 2 ชวั่ โมง สาหรบั ชุดที่ 2 เร่อื ง สารสีท่ีใชใ้ นกระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงนักเรียนจะ ไดป้ ฏิบตั ิกิจกรรมการสืบค้นจนเกดิ องค์ความรู้ควบคู่กบั ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ เกี่ยวกับสารสีท่ใี ช้ใน กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง รายวิชา ชีววทิ ยาเพ่ิมเตมิ 3 รหัสวิชา ว32243 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 นางวรรณภา อา่ งทอง ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นศรีสมเด็จพมิ พ์พัฒนาวทิ ยา

2 คำชแ้ี จง เพ่ือใหก้ ารเรียนการสอนเป็นไปตามลาดับขั้นตอนและเกดิ ความเข้าใจในการเรียน นักเรียนควรปฏิบตั ิตามข้ันตอน ดังนี้ ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน ทาแบบทดสอบหลังเรียน ศกึ ษาสาระสาคัญและ จุดประสงค์การเรยี นรู้ ทาแบบฝกึ กิจกรรม เรือ่ ง สารสีที่ใช้ใน กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ศกึ ษากิจกรรมและปฏิบตั ิกิจกรรมเร่ืองการ ดดู ซับพลงั งานแสงของสารสีชนิดตา่ งๆ พร้อมท้ังบนั ทกึ ผลการทากิจกรรม ตอบคาถามเพอ่ื สง่ เสริมทักษะ ศกึ ษาความรู้ เร่ืองสารสีทใ่ี ชใ้ นกระบวนการ การคดิ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ด้วยแสง ทากิจกรรมคาถามชวนคิด

สำรบญั 3 เร่ือง หน้ำ คานา 2 คาชี้แจง 3 แบบทดสอบก่อนเรียน 5 1. สาระสาคญั 7 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 7 3. ศึกษากิจกรรมเรือ่ งการดูดซับพลงั งานแสงของสารสชี นิดต่างๆ 8 9 3.1 ทากิจกรรมทดลองในข้อ 7 - 8 10 3.2 ตอบคาถามก่อนทากจิ กรรม บนั ทึกผล ตอบคาถามหลังทากจิ กรรม 13 ตอบคาถามชวนคดิ 19 ตอบคาถามเพื่อสง่ เสรมิ ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ 20 ทาแบบฝึกกจิ กรรม เร่ือง สารสีท่ีใชใ้ นกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง 22 แบบทดสอบหลังเรียน 24 แนวการตอบคาถามเพ่ือสง่ เสรมิ ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ 25 เฉลยแบบฝึกกิจกรรม เร่ือง สารสีท่ีใชใ้ นกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง 27 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรยี น 28 บรรณานุกรม

4 แบบทดสอบกอ่ นเรียน ชุดกิจกรรมกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ เพ่ือสง่ เสริมทักษะกำรคิดวิเครำะห์ หนว่ ย กำรสงั เครำะหด์ ว้ ยแสง ชดุ ท่ี 2 เรอื่ ง สำรสีทใี่ ช้ในกระบวนกำรสังเครำะห์ดว้ ยแสง ข้อสอบ 10 ข้อ เวลำ 10 นำที คะแนนเต็ม 10 คะแนน คำสง่ั : ใหน้ กั เรียนทำเครอื่ งหมำยกำกบำท (X) ทับข้อท่ถี ูกท่ีสดุ เพียงข้อเดียว 1. สารสชี นดิ ใดพบมากท่สี ุดและมีบทบาทมากท่ีสุดในกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง ก. ไฟโคบิลนิ ข. คลอโรฟิลล์ ค. แซนโทฟิลล์ ง. แคโรทีนอยด์ 2. คลอโรฟลิ ล์ ดูดซบั พลงั งานแสงสใี ดได้นอ้ ยทีส่ ดุ ก. เขยี ว ข. แดง ค. เหลอื ง ง. นา้ เงนิ 3. การท่ใี บไมช้ นิดหน่ึงมสี เี ขยี วเขม้ แสดงว่าใบไมช้ นดิ น้มี ีสารสีใดเป็นจานวนมาก ก. ไฟโคบิลนิ ข. คลอโรฟิลล์ ค. แคโรทีนอยด์ ง. แบคทรี โิ อคลอโรฟิลล์ 4. เราจะพบสารสชี นดิ ใดในสิ่งมีชวี ติ ทสี่ ังเคราะหด์ ว้ ยแสงได้ทกุ ชนิด ก. ไฟโคบลิ นิ ข. คลอโรฟลิ ล์ ค. แคโรทีนอยด์ ง. แบคทีริโอคลอโรฟิลล์

5 5. การทใี่ บไม้ชนดิ หนึ่งมสี ี ส้มแดง ดงั ภาพ แสดงวา่ มสี ารสีชนิดใดมากทส่ี ดุ ก. แคโรทีน ข. คลอโรฟิลล์ ค. ไฟโคไซยานิน ง. แซนโทฟิลล์ 6. สารสที ี่พบเฉพาะในสาหร่ายสแี ดง และสาหรา่ ยเขยี วแกมน้าเงิน แต่ไมพ่ บในพชื และสาหรา่ ย ชนดิ อน่ื คอื สารสีชนิดใด ก. ไฟโคบิลนิ ข. แซนโทฟิลล์ ค. แคโรทีนอย์ ง. แบคทรี โิ อคลอโรฟลิ ล์ 7. แบคทรี ิโอคลอโรฟลิ ล์ สามารถพบไดใ้ นสิ่งมีชีวติ ชนดิ ใด ก. สาหรา่ ยสแี ดง ข. สาหรา่ ยสนี า้ ตาล ค. ขอ้ ก และ ข ถกู ง. แบคทเี รยี ทีส่ งั เคราะหด์ ้วยแสงได้ 8. เราจะพบสารสีชนิดใดบา้ งในแบคทเี รียทีส่ ามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้ ก. แคโรทีนและแซนโทฟลิ ล์ ข. แคโรทนี อยดแ์ ละคลอโรฟิลล์ A, C ค. แคโรทีนอยด์และแบคทีริโอคลอโรฟลิ ล์ b ง. แคโรทีนอยด์และแบคทรี ิโอคลอโรฟิลล์ a , c , d 9. แคโรทีนอยดเ์ ป็นสารสีที่สามารถเปลย่ี นเป็นวติ ามินอะไรในสัตว์ ก. วิตามนิ C ข. วิตามนิ A ค. วิตามนิ B2 ง. วิตามิน B1

6 10. แคโรทีนอยด์เป็นสารสีประกอบที่พบในพืช ขอ้ ใดเปน็ สารสปี ระกอบของแคโรทีนอยด์ ก. แคโรทีนและแซนโทฟลิ ล์ ข. แคโรทนี และไฟโคไซยานิน ค. แซนโทฟลิ ลแ์ ละไฟโคไซยานิน ง. ไฟโคไซยานินและไฟโคอีรทิ ริน

7 ชดุ กจิ กรรมกำรเรียนรูว้ ทิ ยำศำสตร์ เพอ่ื ส่งเสริมทักษะกำรคดิ วิเครำะห์ หน่วย กำรสังเครำะห์ด้วยแสง ชดุ ท่ี 2 เรือ่ ง สำรสีที่ใช้ในกระบวนกำรสงั เครำะห์ด้วยแสง ...1. สำระสำคญั ... ภายในคลอโรพลาสต์ของพืชชน้ั สูงพบวา่ คลอโรฟิลล์ เป็นกลุ่มสารสีบนแผน่ ไทลาคอยด์เรียกว่า หน่วยสังเคราะห์แสง (photosynthetic unit) แต่ละหน่วยประกอบด้วยโมเลกุลของคลอโรฟิลล์ a คลอโรฟิลล์ b นอกจากนั้นยงั มีสารสีพวกแคโรทีนอยด์ประกอบอยู่ด้วย ในหน่วยสังเคราะห์แสงหน่วย หนงึ่ ๆ จะมีตาแหน่งเกิดปฏิกิริยาประมาณ 1 – 2 ตาแหนง่ ณ ตาแหน่งนเ้ี ช่ือวา่ จะมีคลอโรฟลิ ล์ a เพียง โมเลกุลเดียวเท่าน้ันท่ีทาหน้าที่ดูดซับพลังงานแสงและปล่อยอิเล็กตรอนท่ีถูกก ระตุ้นให้แก่ตัวรับ อิเล็กตรอนตัวแรกได้ โมเลกุลของคลอโรฟิลล์ a เรียกว่าศูนย์เกิดปฏิกิริยา (reaction center) ส่วน โมเลกลุ อ่ืน ๆ จะทาหน้าท่ีรับและส่งผ่านพลังงานแสงจากโมเลกุลหนงึ่ ไปยังโมเลกุลต่อๆ ไป จนกระทั่งถึงศูนย์ เกิดปฏิกริ ยิ าเรยี กวา่ แอนเทนนา (antenna) ...2. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้... ดำ้ นควำมรู้ นักเรียนสามารถอธิบายเก่ียวกบั สารสที ่ีใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงได้ ดำ้ นทักษะ 1. นักเรียนมีความสามารถในการจาแนกแยกแยะหนา้ ทข่ี องสารสีแต่ละชนิดในกระบวนการ สงั เคราะห์ด้วยแสง 2. นกั เรียนมีความสามารถในการเปรยี บเทยี บข้อแตกตา่ งของสารสแี ตล่ ะชนิดใน กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง 3. นักเรยี นสามารถบอกความสมั พนั ธ์ของสารสีแตล่ ะชนิดในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง 4. นักเรยี นมีความสามารถในการให้เหตผุ ลไดว้ ่าสารสแี ตล่ ะชนิดมีส่วนชว่ ยใหเ้ กิด กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสงได้อย่างไร

ด้ำนคุณธรรมจริยธรรม 8 1. นกั เรยี นมีความรับผิดชอบในการทางาน 2. นกั เรยี นมีความซ่ือสตั ยแ์ ละตรงต่อเวลา พร้อมแล้วไปศกึ ษากจิ กรรมการ 3. นักเรยี นมีความกระตือรือร้นในการใฝ่รู้ใฝเ่ รียน ดดู ซับพลงั งานแสงของสารสีชนดิ ต่าง ๆ ด้วยกนั นะคะ

9 ...3. กิจกรรมกำรดดู ซบั พลังงำนแสงของสำรสชี นดิ ตำ่ ง ๆ... จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ นกั เรยี นสามารถระบุสารสีและบอกหน้าทีข่ องสารสชี นิดตา่ ง ๆ ทพี่ บในสิง่ มีชีวติ ท่ีสร้างอาหารเองได้ วสั ดอุ ปุ กรณ์ 1. กล่องกระดาษทีข่ า้ งในทาสดี า 6. เอทานอล 95 % 2. ใบไม้ 7. เฮกเซน 3. โกร่งบดยา 8. กระดาษกรอง 4. ขวดรปู ชมพู่ 9. ปรซิ ึม 5. หลอดทดลอง 10. ไฟฉายชนดิ หลอดฮาโลเจน วิธีทำ 1. ประกอบกลอ่ งกระดาษท่ขี ้างในทาดว้ ยสีดา 2. สกัดสารสีในใบไม้ โดยนาใบไมช้ นิดหน่ึงลา้ งน้าให้สะอาด ตดั เป็นช้ินเลก็ ๆ 3. ชั่งนา้ หนักใบไม้ทตี่ ัดไว้แล้วประมาณ 20 กรมั นาไปโขลกให้ละเอยี ดในโกรง่ บดยาแลว้ นาไปใส่ ในขวดรูปชมพู่ 4. เตมิ เอทานอล 95% ลงไป 50 cm3 และเฮกเซน ลงไปอกี 35 cm3 ปดิ ฝาแล้วทง้ิ ไว้ ประมาณ 15 นาที เขยา่ ขวดเปน็ ครง้ั คราว 5. กรองสารละลายที่สกัดไดด้ ้วยกระดาษกรองใส่ในขวดรูปชมพู่ ต้ังทิ้งไว้จะเห็นสารละลายแยกช้นั ออกเป็น 2 ชนั้ แล้วรินสารละลายแตช่ ัน้ เกบ็ ใส่ขวดหรือหลอดทดลองเพ่อื ใชท้ ดลองต่อไป 6. จัดชุดอปุ กรณ์ นาปริซึม 2 อนั มาวางในกล่องทป่ี ระกอบเสร็จเรยี บร้อยแลว้ วางให้ซอ้ นเหล่ือม มุมกัน ดงั รูปที่ 2.1

10 รูปที่ 2.1 เครื่องมอื วัดความสามารถในการดดู ซับพลังงานแสงของสารสี ท่มี า : พิมพันธ์ เดชะคปุ ตแ์ ละคณะ (2548 : 86) 7. นาไฟฉายชนิดหลอดฮาโลเจน หรือใชโ้ คมไฟทีใ่ ช้หลอดเปรยี บเทียบสี (daylight blue lamp) ขนาด 60 วัตต์ เพ่ือใช้เปน็ แหลง่ กาเนิดแสง วางไวด้ ้านหนา้ กล่องทเี่ จาะเป็นชอ่ งเล็ก ๆ ตามยาว เปดิ ไฟแลว้ ใชต้ ามองดูจากรทู เี่ จาะไว้อีกด้านหนึง่ ของกล่อง ใชม้ อื ขยบั ปรซิ มึ จนสามารถมองเห็นแถบสี สเปกตรมั สีตา่ ง ๆ ครบท้ัง 7 สี 8. นาหลอดทดลองขนาดกลางใสส่ ารละลายท่สี กดั ไดแ้ ตล่ ะช้นั ประมาณ 1 ใน 4 ของหลอดวาง ตรงดา้ นหน้าของแหล่งกาเนิดแสงแล้วมองดูแถบสขี องสเปกตรมั เปรยี บเทียบกับการมองครัง้ แรกจะ สังเกตเหน็ แถบสีบางแถบหายไป หรอื ความกว้างของแถบสีแคบลง แถบสใี ดทีห่ ายไปหรอื แคบลงแสดงวา่ สารสีดดู ซับพลังงานแสงสีน้ันไว้ และสามารถเปรยี บเทยี บความยาวคลืน่ ของแถบสีนั้นได้จากกราฟแสดง อัตราการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงและดดู ซบั พลังงานแสงของคลอโรฟลิ ลข์ องพชื ในชว่ งความยาวคลนื่ ต่าง ๆ หมำยเหตุ ให้นักเรยี นปฏบิ ตั ิกิจกรรมเฉพาะข้อ 7 – 8 ซงึ่ ครไู ดจ้ ดั ชุดอปุ กรณ์การทดลองไวล้ ่วงหน้า ดังรปู ที่ 2.1

11 คำถำมก่อนกิจกรรม 1. จดุ ประสงค์ของการทากิจกรรมคืออะไร 2. นกั เรยี นคดิ วา่ เราจะพบสารสีชนดิ ใดมากที่สุดในพืช 3. ปัจจัยใดท่ีมอี ิทธพิ ลตอ่ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง 4. นักเรียนคิดว่าแบคทีเรียทส่ี ังเคราะห์ด้วยแสงได้มสี ารสีอะไร 5. นกั เรยี นคิดว่าในพชื สเี ขียวทว่ั ไป จะพบสารสีประเภทใดบา้ ง บันทกึ ผลกำรทำกิจกรรม คำถำมหลังกำรทำกิจกรรม 1. เพราะเหตใุ ดจงึ ต้องสกดั สารสอี อกมากอ่ นท่จี ะนาไปผ่านแสง 2. ใบไม้แต่ละชนิดมีสารสีเหมือนหรอื แตกตา่ งกันอยา่ งไร 3. ถ้าใบไม้มสี ารสที เี่ ปน็ องคป์ ระกอบต่างกนั จะมีความสามารถในการดดู ซับพลังงานแสงได้ เหมอื นหรอื แตกต่างกันอยา่ งไร

12 สำรสี (pigment) ทีใ่ ช้ในกระบวนกำรสงั เครำะห์ด้วยแสง กลุ่มของสำรสีท่ปี ระกอบขน้ึ เปน็ ระบบแสง ภายในคลอโรพลาสต์ของพืชชั้นสูงพบว่าคลอโรฟิลล์จะมีการจัดเรยี งตัวอยา่ งเป็นระเบียบ เป็นกลุ่มสารสีบนแผ่นไทลาคอยด์เรยี กวา่ หน่วยสังเคราะห์แสง (photosynthetic unit) แต่ละหน่วย ประกอบดว้ ยโมเลกุลของคลอโรฟลิ ล์ประมาณ 200 – 400 โมเลกุล ไดแ้ ก่คลอโรฟิลล์ a คลอโรฟิลล์ b นอกจากนนั้ ยังมีสารสีพวกแคโรทีนอยด์ประกอบอยู่ดว้ ย ในหน่วยสังเคราะห์แสงหน่วยหนึ่งๆจะมี ตาแหนง่ เกดิ ปฏิกริ ิยาประมาณ 1 – 2 ตาแหนง่ ณ ตาแหน่งนเ้ี ช่ือว่าจะมีคลอโรฟลิ ล์ a เพียงโมเลกุล เดยี วเท่าน้ันทท่ี าหน้าทดี่ ดู ซับพลังงานแสงและปล่อยอิเล็กตรอนท่ถี กู กระตุ้นใหแ้ กต่ ัวรับอเิ ล็กตรอนตัว แรกได้ โมเลกลุ ของคลอโรฟิลล์ a ดังกลา่ วนีเ้ รียกว่าศูนย์เกดิ ปฏกิ ริ ยิ า (reaction center) สว่ นโมเลกุล อื่น ๆ จะทาหน้าท่ีรับและส่งผ่านพลังงานแสงจากโมเลกุลหนึ่งไปยังโมเลกุลต่อ ๆ ไป จนกระท่ังถึงศูนย์ เกิดปฏิกิรยิ าเรยี กวา่ แอนเทนนา (antenna) การทางานรว่ มกันของโมเลกุลหลายโมเลกุลท้ังแอนเทนนา ศูนยเ์ กิดปฏกิ ิริยาและตวั รบั อเิ ลก็ ตรอนตวั แรกเรียกวา่ ระบบแสง ให้นกั เรียนศึกษาการทางานของระบบแสงในคลอโรพลาสต์ จากรปู ท่ี 2.2 รูปท่ี 2.2 แสดงการทางานของระบบแสงในคลอโรพลาสต์ ท่ีมา : www.psuwit.psu.ac.th วันทีส่ บื ค้น 13 / 03 / 2562

13 ศนู ย์เกิดปฏกิ ิริยำ เมื่อสารสดี ูดซับพลงั งานแสง พลังงานจะถูกถ่ายโอนไปตามโมเลกุลของสารสีเหล่านั้น จนกระทงั่ ถึงคลอโรฟิลล์ เอ ทอ่ี ยใู่ นตาแหนง่ ศนู ย์เกดิ ปฏกิ ริ ิยำ (reaction center) ซ่งึ นับเป็นจุดแรก ของการเกิดปฏกิ ริ ิยาการสงั เคราะห์ด้วยแสง พลังงานทไ่ี ด้รบั ที่ศูนย์เกิดปฏิกิริยาของระบบแสงทั้งสอง ระบบจะทาใหอ้ ิเล็กตรอนของคลอโรฟิลล์มพี ลังงานมากขึ้นจนหลุดออกจากโมเลกุลของคลอโรฟิลล์ อเิ ล็กตรอนทหี่ ลดุ ออกมาน้ีจะมีศักยภาพในการรีดิวซ์สูง มนั จะเคลื่อนไปยังโมเลกุลท่ีมศี ักย์รีดักชันต่า กวา่ ตามระบบการขนส่งอิเล็กตรอน สเปคตรัมของคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟำ้ แสงท่ีใชใ้ นกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงอยู่ในช่วงความยาวคลนื่ ประมาณ 380 ถึง 750 นาโนเมตร ซ่งึ เราสามารถมองเหน็ เป็นแสงสตี า่ งๆได้ด้วยตาเปลา่ แสงทมี่ ีความยาวของคล่ืนแสงส้นั เชน่ แสงสีม่วงแต่ละหนว่ ยแสงจะมีพลังงานอยู่มากกว่าแสงที่มีความยาวของคล่ืนแสงยาว เชน่ แสงสี แดงเปน็ ต้น ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาสเปคตรัมของคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ จากรูปท่ี 2.3 รูปที่ 2.3 สเปคตรมั ของคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า ทีม่ า : www.psuwit.psu.ac.th วันทส่ี ืบค้น 13 / 03 / 2562

14 คำถำมชวนคดิ 1. หากสารใดไมส่ ามารถดดู ซับพลังงานแสงไดเ้ ลยสารน้นั จะมสี ใี ด …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………...…………………………………………………………………………… 2. หากสารใดสามารถดูดซับพลังงานแสงไดห้ มดสารนนั้ จะมสี ีใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… สำรสี (pigment) ท่ใี ช้ในกระบวนกำรสงั เครำะห์ด้วยแสง สารสีท่ที าหนา้ ที่ดดู ซบั พลงั งานแสงและส่งผา่ นพลังงานแสงมีอยูห่ ลายชนิดสามารถแบง่ ออกเปน็ 2 กลุม่ คือ 1. คลอโรฟิลล์ (chlorophyll) 2. สารสีเสริม (accessory pigment) ไดแ้ กแ่ คโรทีนอยด์ (carotenoid) และไฟโคบิลิน (phycobilin) ในเซลลพ์ ชื และเซลล์สิ่งมชี ีวติ บางชนดิ ท่สี ามารถสังเคราะหด์ ้วยแสงไดจ้ ะมีสารสีทใ่ี ชใ้ น การสังเคราะห์ดว้ ยแสงอยูห่ ลายชนดิ แตกตา่ งกัน ดังตาราง ตำรำงแสดงสำรสที ใี่ ช้ในกระบวนกำรสงั เครำะห์ด้วยแสงในสิง่ มีชวี ติ ตำ่ งๆ ชนิดของสงิ่ มีชีวิต คลอโรฟิลล์ แคโรทนี อยด์ ไฟโคบลิ นิ แบคทีรีโอคลอโรฟลิ ล์ a bcd a bcd พืชมดี อก ++-- + - ---- เฟิรน์ ++-- + - ---- สาหร่ายสเี ขียว ++-- + - ---- สาหร่ายสนี ้าตาล +-+- + - ---- สาหร่ายสีแดง +--+ + + +--- สาหรา่ ยเขยี วแกมน้าเงิน +--- + + ---- แบคทีเรียทีส่ งั เคราะห์ + - + -+ + ด้วยแสงได้ ---- หมายเหตุ : - หมายถึง ไม่มี + หมายถงึ มี

15 ใหน้ กั เรียนสรปุ ขอ้ มลู จำกตำรำง 1. พชื ทุกชนิด จะมีคลอโรฟลิ ล์ 2. คลอโรฟลิ ล์ท่มี อี ยใู่ นพืชและสาหรา่ ยทกุ ชนิดคอื 3. สารสี (pigment) ท่ีมอี ยู่ทั้งในพืช สาหรา่ ยและแบคทเี รียทีส่ ังเคราะห์ดว้ ยแสงได้ คอื 4. สารสีที่พบเฉพาะในสาหรา่ ยสีแดง และสาหร่ายเขียวแกมน้าเงนิ ไม่พบในพืชและสาหร่าย ชนิดอ่นื คอื 5. แบคทีรโิ อคลอโรฟิลล์ สามารถพบได้ใน คลอโรฟลิ ล์ (chlorophyll) เป็นสารสที ่พี บมากท่ีสุดในพชื จึงมบี ทบาทในการสงั เคราะห์ด้วยแสงมากทส่ี ุด โดยท่วั ไปจะ เปน็ สารสีสีเขียวมธี าตไุ นโตรเจน (N) คาร์บอน (C) ไฮโดรเจน (H) ออกซิเจน (O) และแมกนีเซยี ม (Mg) เปน็ องค์ประกอบ คลอโรฟลิ ลท์ พ่ี บในพชื มอี ยู่ 4 ชนดิ คือ คลอโรฟลิ ล์ a (chlorophyll a) คลอโรฟลิ ล์ b (chlorophyll b) คลอโรฟิลล์ c (chlorophyll c) คลอโรฟิลล์ d (chlorophyll d) 1. คลอโรฟลิ ล์ a - เป็นคลอโรฟลิ ลท์ พ่ี บมากที่สุดมสี ีเขียวเข้มหรอื สเี ขยี วแกมนา้ เงนิ สตู รโมเลกลุ คือ C55H72O5N4Mg - พบในพชื และสาหรา่ ยทวั่ ไปทกุ ชนิด - คลอโรฟิลล์ a จะดดู ซับพลงั งานแสงได้ดีท่สี ดุ ที่ความยาวคลนื่ 430 นาโนเมตร (แสงสนี ้าเงิน) และ 662 นาโนเมตร (แสงสแี ดง) 2. คลอโรฟลิ ล์ b - เป็นคลอโรฟลิ ลท์ ม่ี สี เี ขยี วแกมเหลือง สตู รโมเลกุลคอื C55H70O6N4Mg ซ่งึ คล้ายคลึง คลอโรฟิลล์ a มาก - พบในพืช สาหรา่ ยสเี ขยี วและยูกลีนา - โดยทัว่ ไปมอี ัตราส่วนระหว่างคลอโรฟิลล์ a : คลอโรฟลิ ล์ b ประมาณ 3 : 1

16 - คลอโรฟิลล์ b จะดดู ซบั พลงั งานแสงไดด้ ีท่สี ุดทคี่ วามยาวคลื่น 454 นาโนเมตร (แสงสนี ้าเงิน) และ 643 นาโนเมตร (แสงสีส้ม - แดง) ใหน้ ักเรียนศกึ ษากราฟแสดงการดูดซับพลังงาน แสงของคลอโรฟิลล์ a และ คลอโรฟลิ ล์ b จากรูปที่ 2.4 รปู ท่ี 2.4 กราฟแสดงการดูดซบั พลงั งานแสงของคลอโรฟลิ ล์ a และ คลอโรฟลิ ล์ b ทีม่ า : http://www2.mcdaniel.edu/Biology/botf99/photo/p3igments.html วันทส่ี ืบค้น 13 / 03 / 2557 3. คลอโรฟิลล์ c เปน็ คลอโรฟลิ ล์ท่ีมสี ีเขยี ว พบในพวกสาหรา่ ยสนี า้ ตาลและสาหร่ายสีทอง จะดูดซับ พลงั งานแสงได้ดที ่สี ดุ ที่ความยาวคล่ืน 445 นาโนเมตรและ 625 นาโนเมตร 4. คลอโรฟิลล์ d เป็นคลอโรฟิลลท์ ีม่ ีสเี ขยี วพบในพวกสาหร่ายสีแดง จะดดู ซบั พลังงานแสงได้ดที สี่ ุดที่ ความยาวคล่ืน 450 นาโนเมตรและ 690 นาโนเมตร ในสาหรา่ ยเขยี วแกมน้าเงินไม่มีคลอโรพลาสต์ แต่มีคลอโรฟิลล์ ถงึ แม้สาหร่ายเขยี วแกมนา้ เงนิ จะไม่มคี ลอโรพลาสตแ์ ต่ก็มีสารประกอบต่าง ๆ ทจ่ี าเปน็ ในกระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงกระจาย อยใู่ นไซโทพลาซมึ จงึ สามารถสงั เคราะหด์ ้วยแสงได้

17 คำถำมชวนคดิ คลอโรฟลิ ลส์ ามารถดดู ซับพลังงานแสงสใี ดไดด้ ที ี่สุดและดดู ซับพลังงานแสงสใี ดได้น้อยทส่ี ุด ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... สำรสเี สริม (accessory pigment) เปน็ สารสที ด่ี ูดซับพลงั งานแสงแล้วสง่ ผ่านใหก้ ับคลอโรฟิลล์ a เพ่อื นาไปใชใ้ นกระบวนการ สังเคราะหด์ ว้ ยแสงต่อไป ได้แก่ แคโรทีนอยด์ (carotenoid) และไฟโคบลิ ิน (phycobilin) 1. แคโรทีนอยด์ (carotenoid) เป็นสารประกอบจาพวกไขมนั พบในเซลล์ของสงิ่ มชี วี ติ ทกุ ชนิดที่สังเคราะหด์ ้วยแสงได้ เชน่ ในพชื สาหร่าย และแบคทีเรียที่สงั เคราะหด์ ้วยแสงได้ แคโรทีนอยด์ประกอบดว้ ยสารสี 2 ชนดิ คอื 1.1 แคโรทนี (carotene) เปน็ สารสที ีม่ สี แี ดงสม้ มโี ครงสรา้ งคลา้ ยวติ ามินเอ สตู รโมเลกลุ คือ C40H56 พบในพืชและสาหร่ายทุกชนิด เช่น บีตา – แคโรทนี ( - carotene) สามารถดูดซบั พลังงาน แสงได้ดที ส่ี ุดทคี่ วามยาวคลื่น 449 นาโนเมตร และ 475 นาโนเมตร 1.2 แซนโทฟิลล์ (xanthophyll) เป็นสารสที ่มี สี ีเหลืองหรอื สีเหลอื งแกมนา้ ตาลพบในพชื และสาหร่ายแทบทุกชนดิ เช่น ลูทนี (lutein) ดดู ซับพลังงานแสงไดด้ ีที่สุดทค่ี วามยาวคลน่ื 445 นาโน เมตร และ 473 นาโนเมตร แคโรทีนอยด์จะทาหน้าที่ดูดซบั พลังงานแสงแล้วสง่ ตอ่ ให้คลอโรฟิลล์ a ทีเ่ ปน็ ศูนยก์ ลางของ ระบบแสง I และระบบแสง II อีกต่อหน่งึ ทาใหอ้ ิเลก็ ตรอนของคลอโรฟิลล์มพี ลังงานสงู ขน้ึ จนเกิดการถ่าย โอนอเิ ล็กตรอน ดังนั้นการถ่ายโอนอิเล็กตรอนจะไม่เกิดข้ึนถ้ามีแต่โมเลกุลของแคโรทีนอยดเ์ พียงอย่าง เดยี ว นอกจากน้ันแคโรทีนอยด์สามารถดูดซับแสงสีน้าเงินและแสงสีเขยี วได้จึงเป็นการชว่ ยคลอโรฟิลล์ ดูดซับพลงั งานแสงในช่วงความยาวคลนื่ ทค่ี ลอโรฟิลล์ดูดซบั ไดน้ ้อยและยังชว่ ยปอ้ งกันไมใ่ ห้คลอโรฟิลล์ถูก ทาลายเมื่อมีแสงมากเกินไป แคโรทีนอยดย์ ังมีอยู่ในรูปพลาสทดิ (plastid) รปู อน่ื ๆ เชน่ โครโมพลาสต์ ทีอ่ ยใู่ นส่วนต่างๆของพืชที่มีสี เช่นดอกไม้สเี หลือง หัวแครอท ผลมะเขือเทศสุก เป็นต้น นอกจากในพืช แล้วยงั อาจมอี ยใู่ นเซลลข์ องสตั วไ์ ด้ เชน่ ในเซลล์ทีม่ สี ีชมพขู องมันกุ้ง เป็นตน้ 2. ไฟโคบลิ นิ (phycobilin) ไฟโคบิลิน เป็นสารสที ไี่ มพ่ บในพืชชน้ั สงู แต่พบเฉพาะในสาหรา่ ยสีแดงและสาหร่ายเขียวแกม นา้ เงิน มีคณุ สมบตั แิ ตกตา่ งจากคลอโรฟลิ ล์และสารสีประกอบชนิดอน่ื คอื ละลายนา้ ได้ มีอยูเ่ ฉพาะใน

18 สาหร่ายสีแดงและสาหร่ายเขียวแกมน้าเงิน ไฟโคบิลินทาหนา้ ท่ีเช่นเดียวกับแคโรทีนอยด์โดยดูด ซับพลังงานแสงแล้วส่งผ่านมาให้คลอโรฟิลล์ a และช่วยดูดซับพลังงานแสงในช่วงความยาวคล่ืนท่ี คลอโรฟิลล์รับได้น้อยหรือไม่สามารถดูดซับได้ เช่น ไฟโคอีริทรินดูดซับแสงสเี ขียวได้ดีท่ีสุด ไฟโคบิลิน ประกอบดว้ ยสารสี 2 ชนดิ คอื 2.1 ไฟโคอีริทริน (phycoerythrin) เป็นสารสีสีแดง มีอยู่ในสาหร่ายสีแดง จะดูดซับ พลังงานแสงท่ชี ว่ งความยาวคลืน่ ประมาณ 495- 615 นาโนเมตร (แสงสีเขยี ว) ไดด้ ีทีส่ ดุ 2.2 ไฟโคไซยานิน (phycocyanin) เป็นสารสีสีนา้ เงิน มีอยู่ในสาหร่ายเขียวแกมน้าเงิน ดดู ซับพลังงานแสงช่วงความยาวคล่นื 550-615 นาโนเมตร (แสงสีเหลือง) ได้ดีท่ีสุด ให้นักเรียนศึกษา กราฟแสดงความสามารถในการดูดซับพลังงานแสงของสารสีต่างๆ จากรูปที่ 2.5 รูปท่ี 2.5 กราฟแสดงความสามารถในการดดู ซบั พลงั งานแสงของสารสตี า่ ง ๆ ท่มี า : www.il.mahidol.ac.th/e-media/photosynthesis/cloroplast/cloroplast5.htm วนั ทสี่ ืบค้น 13 / 03 / 2557 คำถำมชวนคิด นกั เรียนคดิ วา่ ถา้ หากมแี ตส่ ารสอี นื่ ๆ ยกเวน้ คลอโรฟลิ ล์ กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง จะเกดิ ขึน้ ไดห้ รือไม่ เพราะเหตใุ ด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

19 ควำมรูเ้ พมิ่ เตมิ - แบคทรี โิ อคลอโรฟิลล์ (bacteriochlorophyll) เปน็ สารสสี ีเขียวคลา้ ยคลอโรฟิลล์ a แต่มีสารสีพวกแคโรทีนอยด์ หุ้มอยู่ข้างนอกอีกทีหนึ่ง จึงเห็นเป็นสแี ดงหรือสมี ่วงหรือสเี หลอื ง พบใน แบคทเี รียท่ีสามารถสังเคราะหด์ ้วยแสงเองได้ ได้แกแ่ บคทีเรียสีม่วง (purple sulphur bacteria) และ แบคทีเรียสีเขียว (green sulphur bacteria) แบคทีเรียพวกน้ีสามารถดูดซบั พลังงานแสงได้ดีในช่วง ความยาวคลืน่ แสงสีแดงและแสงสมี ว่ ง - แบคทีรโิ อไวรดิ ิน(bacterioviridin) เป็นสารสที ่ีมโี ครงสรา้ งเหมือนแบคทีรโิ อ คลอโรฟิลล์ แตไ่ ม่มีแคโรทีนอยด์หมุ้ จงึ เหน็ เป็นสีเขยี วพบในแบคทเี รียสเี ขยี วสามารถดดู ซบั พลงั งานแสงได้ ดีในช่วงความยาวคลนื่ 650 – 660 นาโนเมตร

20 เหตใุ ดเรำจงึ มองเหน็ ใบไม้มีสเี ขียว การทเี่ รามองเห็นคลอโรฟลิ ล์มสี เี ขียวอมเหลือง เนอ่ื งจากคลอโรฟลิ ล์ดูดซับแสงสีเขยี ว- เหลืองได้ไม่ดี แต่จะดดู ซับพลังงานแสงทีช่ ว่ งความยาวคล่ืนประมาณ 420-460 นาโนเมตร (แสงสีนา เงิน) และท่ีชว่ งความยาวคล่ืน 630-660 นาโนเมตร (แสงสีแดง) ไว้ได้ดมี าก ส่วนแสงสเี ขียว-เหลือง จะสะท้อนหรือทะลุผา่ นใบไม้ไป ใหน้ กั เรียนศึกษาการดดู ซบั พลังงานแสงของสารสีจากรปู ที่ 2.6 รูปที่ 2.6 การดูดซับพลงั งานแสงของสารสี ทม่ี า : www.psuwit.psu.ac.th วนั ทส่ี ืบค้น 13 / 03 / 2562

21 คำถำมชวนคิด เราจะพบคลอโรฟิลลใ์ นใบไม้ทุกชนดิ หรือไม่ เพราะเหตุใด …………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………

22 คำถำมเพ่ือสง่ เสริมทักษะกำรคดิ วเิ ครำะห์ เรอื่ งสำรสที ีใ่ ช้ในกระบวนกำรสงั เครำะหด์ ว้ ยแสง @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ คำชีแ้ จง ให้นกั เรียนตอบคำถำมตอ่ ไปน้ี 1. แคโรทีนอยดแ์ ละไฟโคบิลินต่างก็เป็นสารสีประกอบ ซึ่งแคโรทนี อยดป์ ระกอบดว้ ยสารสีดังน้ี และไฟโคบิลินประกอบดว้ ยสารสดี ังนี้ (ทักษะการจาแนกแยกแยะ) 2. สารสีแต่ละชนิดมีความสามารถในการดดู ซับพลังงานแสงแตกตา่ งกันอยา่ งไร (ทกั ษะการเปรยี บเทียบ) 3. ตน้ ฤๅษีผสมและต้นดาวเรือง เมอ่ื ได้ดูดซับพลังงานแสงท่ีมคี วามเขม้ เทา่ กนั จะมอี ัตราการสังเคราะห์ ดว้ ยแสงแตกตา่ งกันอย่างไร (ทกั ษะการเปรียบเทยี บ) 4. คลอโรฟิลล์ แคโรทีนอยดแ์ ละไฟโคบิลนิ ทางานสมั พนั ธ์กันอย่างไร (ทกั ษะการเห็นความสมั พันธ)์ 5. ในประเทศสวสิ เซอรแ์ ลนดม์ ตี ้นไมท้ มี่ ีใบสีสันสวยงามดงั ภาพ การท่ีใบไม้แตล่ ะชนดิ มีสีสันตา่ งกัน นักเรียนคดิ วา่ น่าจะมาจากสาเหตใุ ด (ทักษะการใหเ้ หตุผล)

23 6. นักเรียนคดิ วา่ ใบไม้ที่เห็นตามภาพมคี ลอโรฟิลล์หรือไม่ เพราะเหตใุ ดจึงคิดเช่นน้ัน (ทกั ษะการให้เหตุผล)

24 แบบฝกึ กิจกรรม เร่ือง สำรสที ี่ใชใ้ นกระบวนกำรสงั เครำะหด์ ว้ ยแสง @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ คำช้ีแจง 1. ให้นักเรียนทาแบบฝกึ หดั ต่อไปนี้ 10 ขอ้ (10 คะแนน) 2. การตอบคาถามแตล่ ะขอ้ ตอ้ งตอบให้ครอบคลุมและถกู ตอ้ งตามขอ้ คาถาม จึงจะไดค้ ะแนนเต็มในขอ้ น้ัน หากตอบถูกแตไ่ ม่ครอบคลมุ ข้อคาถามจะได้คะแนน ครึ่งหนึง่ ของคะแนนเตม็ 1. เราจะพบสารสชี นิดใดในแบคทเี รยี ท่ีสามารถสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้ 2. สารสชี นิดใดทพ่ี บในสง่ิ มีชีวติ ทีส่ งั เคราะห์ด้วยแสงได้ทุกชนิด 3. สารสีทีพ่ บเฉพาะในสาหรา่ ยสแี ดง และสาหร่ายเขียวแกมน้าเงนิ ไมพ่ บในพชื และสาหรา่ ย ชนดิ อื่น คือสารสชี นดิ ใด 4. นกั เรียนคิดวา่ ใบไมท้ ม่ี สี ดี งั ภาพน่าจะมสี ารสชี นิดใดมากทสี่ ดุ 5. คลอโรฟลิ ล์ สามารถดูดซับพลงั งานแสงสใี ดไดด้ ีท่ีสุดและน้อยทสี่ ุดตามลาดบั 6. คลอโรฟิลล์ชนดิ ใดทีม่ ีความสาคญั ที่สดุ ในกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง เพราะเหตุใด 7. แคโรทีนอยดม์ ีบทบาทอย่างไรในกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง

25 8. การทพ่ี ืชมีสารสีหลายชนดิ จะมปี ระโยชนต์ อ่ พชื อย่างไร 9. นกั เรยี นคิดว่าใบไม้ดังภาพนา่ จะมสี ารสีชนิดใดมากทส่ี ุด 10. เพราะเหตใุ ดสาหร่ายเขยี วแกมน้าเงนิ แม้ไมม่ คี ลอโรพลาสต์ กย็ ังสามารถสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ได้

26 แบบทดสอบหลงั เรียน ชดุ กิจกรรมกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตร์ เพ่ือสง่ เสริมทักษะกำรคดิ วเิ ครำะห์ หน่วย กำรสังเครำะหด์ ว้ ยแสง ชดุ ที่ 2 เรือ่ ง สำรสีทใี่ ช้ในกระบวนกำรสงั เครำะห์ดว้ ยแสง ขอ้ สอบ 10 ข้อ เวลำ 10 นำที คะแนนเต็ม 10 คะแนน คำสั่ง : ให้นกั เรียนทำเครอื่ งหมำยกำกบำท (X) ทับข้อทีถ่ ูกท่สี ดุ เพียงข้อเดยี ว 1. สารสชี นดิ ใดพบมากท่สี ุดและมบี ทบาทมากทีส่ ดุ ในกระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง ก. ไฟโคบิลิน ข. คลอโรฟลิ ล์ ค. แซนโทฟลิ ล์ ง. แคโรทนี อยด์ 2. เราจะพบสารสชี นิดใดในสิ่งมีชีวิตท่สี ังเคราะห์ด้วยแสงไดท้ ุกชนิด ก. ไฟโคบิลนิ ข. คลอโรฟิลล์ ค. แคโรทีนอยด์ ง. แบคทรี ิโอคลอโรฟลิ ล์ 3. คลอโรฟิลล์ ดดู ซับพลังงานแสงสีใดได้น้อยทีส่ ดุ ก. แดง ข. เขียว ค. เหลือง ง. นา้ เงนิ 4. การทใี่ บไม้ชนดิ หนึ่งมสี ี สม้ แดง ดงั ภาพ แสดงว่ามีสารสชี นดิ ใดมากท่ีสดุ ก. แคโรทีน ข. คลอโรฟิลล์ ค. ไฟโคไซยานิน ง. แซนโทฟลิ ล์

27 5. การทใี่ บไมช้ นดิ หนึ่งมสี เี ขียวเขม้ แสดงวา่ ใบไมช้ นดิ น้ีมสี ารสีใดเป็นจานวนมาก ก. ไฟโคบลิ นิ ข. คลอโรฟิลล์ ค. แคโรทีนอยด์ ง. แบคทรี โิ อคลอโรฟลิ ล์ 6. สารสีทพี่ บเฉพาะในสาหรา่ ยสแี ดง และสาหรา่ ยเขยี วแกมน้าเงนิ แตไ่ ม่พบในพืชและสาหรา่ ย ชนิดอนื่ คอื สารสชี นิดใด ก. แบคทีรโิ อคลอโรฟิลล์ ข. แซนโทฟิลล์ ค. แคโรทีนอย์ ง. ไฟโคบลิ ิน 7. แบคทีริโอคลอโรฟิลล์ สามารถพบไดใ้ นสิ่งมีชวี ิตชนดิ ใด ก. สาหรา่ ยสีแดง ข. สาหร่ายสนี ้าตาล ค. แบคทเี รียทส่ี ังเคราะห์ด้วยแสงได้ ง. ขอ้ ก และ ข ถูก 8. แคโรทีนอยดเ์ ป็นสารสปี ระกอบท่พี บในพชื ข้อใดเป็นสารสีประกอบของแคโรทีนอยด์ ก. แคโรทีนและแซนโทฟลิ ล์ ข. แคโรทีนและไฟโคไซยานิน ค. แซนโทฟิลลแ์ ละไฟโคไซยานิน ง. ไฟโคไซยานินและไฟโคอีรทิ ริน 9. เราจะพบสารสชี นดิ ใดบ้างในแบคทเี รียทส่ี ามารถสังเคราะห์ดว้ ยแสงได้ ก. แคโรทีนและแซนโทฟิลล์ ข. แคโรทนี อยด์และคลอโรฟิลล์ A, C ค. แคโรทีนอยด์และแบคทีรโิ อคลอโรฟิลล์ b ง. แคโรทีนอยด์และแบคทรี ิโอคลอโรฟลิ ล์ a , c , d 10. แคโรทีนอยด์เป็นสารสที ส่ี ามารถเปลย่ี นเป็นวติ ามินอะไรในสัตว์ ก. วิตามนิ C ข. วติ ามิน B1 ค. วติ ามนิ A ง. วติ ามนิ B2

28 บรรณำนุกรม กระทรวงศึกษาธกิ าร. คมู่ อื ครูวิชาชีววทิ ยาเพม่ิ เตมิ เล่ม 3. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว. 2551. กระทรวงศึกษาธิการ. หนังสอื แบบเรียนวิชาชีววทิ ยา ว 042. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว. 2536. ฌิชชช์ น ชื่นชมุ พวง. คู่มอื เตรียมสอบชีววทิ ยา ม. 4-5-6 Entrance. กรุงเทพฯ : บรษิ ัท ไอ.คิว. บุค๊ เซนเตอร์ จากัด. 2541. พมิ พันธ์ เดชะคปุ ต์. ชดุ กจิ กรรมการเรียนรทู้ ี่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั ชีววิทยา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6. กรุงเทพฯ : บรษิ ัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ(พว.) จากดั . 2548. พัชรี พิพฒั น์วรกุล. รวมหลกั ชีววิทยาม.ปลาย เลม่ 2 (ฉบับสมบูรณ์) ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5. กรุงเทพฯ : ฟสิ ิกสเ์ ซนเตอร์. 2543. ราชบณั ฑิตยสถาน. ศัพทพ์ ฤกษศาสตร์ องั กฤษ-ไทย ไทย-อังกฤษ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. พมิ พ์ครงั้ ท่ี 2. กรงุ เทพฯ : ราชบณั ฑติ ยสถาน. 2546. ราชบณั ฑิตยสถาน. ศัพทว์ ทิ ยาศาสตร์ องั กฤษ-ไทย ไทย-อังกฤษ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. พิมพ์คร้งั ที่ 5. (แก้ไขเพิม่ เตมิ ). กรงุ เทพฯ : ราชบณั ฑิตยสถาน. 2546. Moore, R. and G.B. Begonia. 1995. Leaf photosynthesis, biomass and yield responses of cotton (Gossypium hirsutum L.) to foliar methanol applications. New York, April 20 - 22, 1995.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook