หนังสอื แบบฝึกหดั รายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ป.6เล่ม 1 THE GENIUS CENTER THAILAND ชอื่ -นามสกุล.........................................................ชื่อเลน่ .............................. ชั้น ป.6 Mr. Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 1หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ร่างกายของเรา ตวั ชี้วัด • ระบุสารอาหารและบอกประโยชนข์ องสารอาหารแต่ละประเภทจากอาหารทต่ี นเอง รบั ประทาน • บอกแนวทางในการเลอื กรบั ประทานอาหารใหไ้ ด้สารอาหารครบถ้วน ในสัดส่วนท่ี เหมาะสมกบั เพศและวยั รวมทั้งความปลอดภัยต่อสขุ ภาพ • ตระหนักถงึ ความสาคัญของสารอาหาร โดยการเลอื กรบั ประทานอาหารท่มี สี ารอาหาร ครบถว้ นในสัดสว่ นทเ่ี หมาะสมกบั เพศและวัย รวมทั้งปลอดภัยตอ่ สขุ ภาพ • สรา้ งแบบจาลองระบบยอ่ ยอาหาร และบรรยายหนา้ ทขี่ องอวัยวะในระบบย่อยอาหาร รวมท้ังอธิบายการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร • ตระหนักถงึ ความสาคญั ของระบบย่อยอาหาร โดยการบอกแนวทางในการดแู ลรกั ษา อวยั วะในระบบย่อยอาหารใหท้ างานเปน็ ปกติ Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 1. อาหารและสารอาหาร แนวคิดสาคัญ สารอาหารท่ีอยู่ในอาหารมี 6 ประเภท ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และน้า สารอาหารแต่ละชนิดมปี ระโยชนต์ ่อรา่ งกายแตกต่างกนั โดย คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมนั เปน็ สารอาหารทใ่ี หพ้ ลงั งาน แก่ร่างกาย ส่วนเกลือแร่ วิตามินและน้าเป็นสารอาหารท่ี ไม่ใหพ้ ลังงานแต่ช่วยให้รา่ งกายทางานเป็นปกติ อาหารแต่ละชนิดประกอบด้วยสารอาหารแตกต่าง กนั อาหารบางอย่างประกอบด้วยสารอาหารประเภทเดียว อาหารบางอยา่ งประกอบด้วยสารอาหารมากกวา่ 1 ประเภท Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand อาหาร คือ สิ่งที่รับประทานแล้วมีประโยชน์ ไม่เกิดโทษและพิษต่อร่างกาย เช่น เนื้อสตั ว์ นม ไข่ ขา้ ว กล้วย สม้ แตงโม แครร์ อต ผกั กาดขาว เนย น้ามันพืช สารอาหาร คอื สารเคมที อ่ี ยู่ในอาหาร โดยรา่ งกายนาไปใช้ในกระบวนการต่าง ๆ เพ่ือ การเจรญิ เตบิ โตและการดารงชวี ติ สารอาหารที่อยู่ในอาหารแบง่ ออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ วติ ามนิ และนา้ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมนั วติ ามิน เกลือแร่ น้า 4 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand อาหารเป็นสิ่งจาเป็นในการดารงชีวิตของมนุษย์ ในแต่ละวันมนุษย์รับประทานอาหาร ชนิดต่าง ๆ อย่างหลากหลาย โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แบ่งประเภทของหาร ออกเป็น 5 หมู่ ซง่ึ ให้สารอาหารและประโยชนแ์ ตกต่างกันได้แก่ หมู่เนอื้ สัตว์ ไข่ น้านม ถ่วั และงา อาหารหมูน่ ้ี ให้สารอาหารประเภท โปรตนี มปี ระโยชน์ คือ ทาให้รา่ งกาย เจริญเติบโต ซ่อมแซมสว่ นที่สึกหรอ และใหพ้ ลังงานแก่รา่ งกายให้ พลงั งาน 4 กิโลแคลอรตี อ่ กรมั หม่ขู า้ ว แปง้ น้าตาล เผอื ก และมนั อาหารหมูน่ ี้ ใหส้ ารอาหารประเภท คาร์โบไฮเดรต มีประโยชน์ คอื ใหพ้ ลังงานแก่ร่างกาย ให้พลงั งาน 4 กโิ ลแคลอรี ต่อกรัม 5 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
หมผู่ ลไมช้ นิดตา่ ง ๆ The genius center Thailand หมู่ผกั ชนิดตา่ ง ๆ อาหารทง้ั 2 หมู่น้ีให้สารอาหารประเภท วติ ามิน และเกลอื แร่ เป็นสารอหารท่ีไม่ให้ พลงั งาน มีประโยชน์ คือ ชว่ ยใหอ้ วัยวะตา่ ง ๆ ในร่างกายทางานเป็นปกติ และสร้าง ภมู คิ ุม้ กันให้รา่ งกาย โดยวติ ามนิ ทีล่ ะลายในน้าได้ ได้แก่ วิตามินบีและวิตามินซี ส่วน วติ ามินท่ลี ะลายในไขมันได้แก่ วติ ามินเอ วิตามนิ อี และวติ ามนิ เค หมู่นา้ มันและไขมันจากพชื และสตั ว์ อาหารหมู่นใี้ ห้สารอาหาร ประเภท ไขมนั มีประโยชน์ คอื ให้ความอบอุ่น และช่วยดดู ซมึ วิตามนิ ทีล่ ะลายได้ในไขมัน ใหพ้ ลังงาน 9 กิโลแคลอรี ต่อกรมั 6 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand ชว่ ยทาใหก้ ล้ามเนื้อทางานได้ดแี ละ ช่วยปอ้ งกนั โรคปากนกกระจอกและ ������1 ช่วยป้องกันโรคเหนบ็ ชา B2 ช่วยปอ้ งกนั การอักเสบทต่ี าและปาก หากขาดจะทาใหเ้ ป็นโรคเหน็บชา หากขาดจะทาให้รมิ ฝีปากแหง้ ล้ิน แตก ตามัว ช่วยปอ้ งกนั โรคเลอื ดออกตามไรฟนั และ ชว่ ยควบคมุ การทางานของระบบสบื พนั ธ์ุ ������ ทาให้ระบบขบั ถา่ ยทางานได้ดี ������ หากขาดอาจทาใหเ้ ปน็ หมัน และมบี ุตร หากขาดจะทาให้เลอื ดออกตามไรฟัน ยาก เหงอื กบวม ช่วยทาใหเ้ ลือดแข็งตวั เพ่อื ห้ามเลอื ดที่ ������ ชว่ ยบารุงสายตาและชว่ ยบารุงและ ไหลออกจากบาดแผล ผิวพรรณ หากขาดจะทาใหผ้ มร่วง ผิวหนัง ������ หากขาดจะทาใหเ้ ลือดแข็งตัวช้าเมอื่ มี แหง้ เปน็ สะเกด็ แผล ������ ช่วยให้กระดกู และฟนั แขง็ แรงและ ทาให้เปน็ โรคกระดกู ออ่ น หากขาดจะทาให้รา่ งกายเจริญเตบิ โตช้า 7 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand นอกจากน้ีอาหารหลายชนิดยังมีน้า เป็นส่วนประกอบ โดยนา้ มคี วามจาเปน็ ตอ่ การ ดารงชวี ิตของสิง่ มชี วี ิต ดังนี้ เป็นสว่ นประกอบของเซลลท์ ุกเซลลใ์ นรา่ งกาย ช่วยในระบบย่อยอาหาร ช่วยลาเลียงของเสยี ออกจากร่างกาย ช่วยควบคมุ อณุ หภูมิในรา่ งกาย 8 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand กิจกรรมตรวจสอบการเรยี นรทู้ ี่ 1.1 1. อาหารและสารอาหาร เหมอื นหรือแตกตา่ งกนั อย่างไร ตอบ......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 2. อาหารแบง่ ออกเปน็ กห่ี มู่ อะไรบ้าง และแตล่ ะหมใู่ ห้สารอาหารประเภทใด ตอบ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 3. สารอาหารทร่ี ่างกายต้องการมีก่ีประเภท อะไรบ้าง และอาหารแตล่ ะประเภทให้ประโยชนต์ ่อรา่ งกาย อยา่ งไร ตอบ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 4. การรับประทานอาหารชนดิ เดมิ ซา้ ๆ ส่งผลเสียอยา่ งไร ตอบ................................................................................................................................................. 5. นักกฬี าตอ้ งการพลงั งานในการเลน่ กฬี า ควรรบั ประทานอาหารที่เน้นสารอาหารประเภทใดพร้อมให้ เหตุผล ตอบ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 6.การรับประทานขา้ วตม้ กุ้ง ทาให้ได้รบั สารอาหารประเภทใด ตอบ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 7.การงดรบั ประทานเน้ือสตั วใ์ นช่วงเทศกาลกนิ เจ อาจจะทาให้ได้รบั สารอาหารไมค่ รบถ้วน นักเรยี นมีวธิ ี ปฎิบัติตนในการรบั ประทานอาหารอย่างไร เพ่ือใหส้ ามารถได้รบั สารอาหารครบท้งั 5 หมู่ ตอบ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 9 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 2. การเลือกรบั ประทานอาหาร “แนวคดิ สาคญั ” มนษุ ย์ในวยั ต่าง ๆ มีการเจรญิ เติบโต ของร่างกายแตกต่างกัน ดังนั้นอาหารท่ี ร่ า ง ก า ย มี ก า ร เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต แ ล ะ รั บ ป ร ะ ท า น ใ น แ ต่ ล ะ ช่ ว ง วั ย ค ว ร จ ะ เ ป็ น เปล่ียนแปลงตามเพศและวัย ดังนั้นการ อย่างไร รั บ ป ร ะ ท า น อ า ห า ร เ พ่ื อ ใ ห้ ร่ า ง ก า ย เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต แ ล ะ มี สุ ข ภ า พ ดี จึ ง ต้ อ ง รบั ประทานอาหารใหไ้ ดร้ ับพลงั งานเพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกาย และให้ได้ สารอาหารครบถ้วน ในสัดส่วนท่ีเหมาะสม กับเพศและวัย รวมทัง้ ตอ้ งคานึงถึงชนิดและ ปริมาณของวัตถุเจือปนในอาหารเพื่อความ ปลอดภยั ต่อสุขภาพด้วย 10 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand การเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกายมนุษย์ ชว่ งวยั น้ไี มต่ ้องการอาหาร นอกจากนา้ นมของมารดาหรอื นมผง ตอ้ งการอาหารพลังงานสูงควรรับประมาณอาหารครบ 5 หมู่ ตอ้ งการอาหารพลังงานสูงมากกว่าวยั ก่อนเรยี น ทัง้ โปรตนี วิตามนิ และเกลือแร่ ต้องการสารอาหารและพลงั งานมากทสี่ ดุ และมี การเปลย่ี นแปลงทางรา่ งกายชัดเจน ตอ้ งกินอาหารใหห้ ลากหลายและเหมาะสมกบั ปรมิ าณทรี่ ่างกาย ต้องการ เพอ่ื ไมเ่ ปน็ โรคอ้วน ชว่ งวัยนเ้ี หมาะแกก่ ารมบี ุตร ต้องการสารอาหารแบบวัยหนุ่มสาว แต่ต้องควบคมุ อาหาร เนอ่ื งจาก เผาผลาญพลงั งานได้น้อยลง ร่างกายเริม่ เส่ือมโทรม ผมหงอก ต้องการคาร์โบไฮเดรตและไขมนั น้อยลง แตต่ อ้ งการโปรตีน วติ ามิน เกลือแร่ แคลเซียม เพื่อนาไปซ่อมแซมและชะลอความเส่อื มของ ร่างกาย เนื่องจากไมม่ กี ารเจริญเตบิ โตของวัยนี้ 11 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand นอกจากน้ีการรบั ประทานอาหารในแต่ละวนั ควรคานงึ ถึงความเหมาะสมของปรมิ าณพลงั งาน ทร่ี า่ งกายควรไดร้ บั ให้เหมาะสมกับเพศและวัย อีกทั้งยังต้องพิจารณาถึงลักษณะของการทากิจกรรม ต่าง ๆ ในชีวิตประจาวันด้วย เช่น คนที่ทางานในสานักงานควรได้รับพลังงานจากอาหารน้อยกว่า นกั กฬี า นอกจากนี้ยังตอ้ งรบั ประทานอาหารใหห้ ลากหลายและครบท้งั 5 หมู่ เพ่อื ให้รา่ งกายมสี ุขภาพ แข็งแรงดว้ ย จากขอ้ มลู ข้างตน้ จงึ มีความพยายามในการเผยแพรค่ วามรู้เก่ียวกบั สดั ส่วนอาหารทค่ี วรบรโิ ภค หรอื เรยี กวา่ ธงโภชนาการ ซ่งึ จะบอกถึงปริมาณ สัดส่วน และความหลากหลายของอาหารที่คนไทย อายุ 6 ปีขน้ึ ไป ควรรบั ประทานใน 1 วัน 12 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand วัตถุเจือปนอาหาร (food additive) คือ สารเคมีที่ช่วยเสริมหรือช่วยเพ่ิมสมบัติบางอย่างให้กับ อาหาร โดยอาจได้มาจากสัตว์ พืช แร่ธาตุ รวมถึงการสังเคราะห์ขึ้น วัตถุเจือปนอาหารแต่ละชนิดจะถูก นามาใช้เพอ่ื จุดประสงค์ ทแี่ ดกตา่ งกันไป เช่น ช่วยเพ่มิ สีสนั ของอาหาร ชว่ ยเพิ่มรสชาติ ช่วยยืดอายุอาหาร ชว่ ยปอ้ งกนั การหืน วตั ถุเจือปนอาหารท่พี บได้บ่อยในอาหาร เชน่ ผงชรู ส สีผสมอาหาร วัตถุกันเสีย สารให้ความหวาน แทนนา้ ตาล กรดอนิ ทรยี ์ โดยวัตถุเจือปนอาหารแต่ละชนิดจะถูกกาหนดปริมาณการเจือปนไว้เพื่อให้เกิด ความปลอดภยั ในการบรโิ ภค แตอ่ ย่างไรก็ตาม การบริโภควตั ถุเจอื ปนอาหารสะสมเป็นเวลานานกอ็ าจส่งผล กระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ กิจกรรมตรวจสอบการเรยี นรทู้ ่ี 1.2 1. การเลอื กรบั ประทานอาหารใหเ้ หมาะสมกบั รา่ งกาย ตอ้ งคานึงถงึ ส่งิ ใด ตอบ......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 2. การรับประทานอาหารท่มี ีวตั ถุเจอื ปนในปรมิ าณมาก สง่ ผลเสยี ตอ่ รา่ งกายอย่างไร ตอบ................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 3. ในปัจจุบันวัยรุ่นในไทยนิยมรับประทานอาหารจานด่วน(อาหารฟาสต์ฟู้ด) เนื่องจากสะดวกต่อการ รบั ประทานมีรสชาติถูกปาก นักเรียนคิดว่าการรับประทานอาหารประเภทนี้เหมาะสมต่อสุขภาพหรือไม่ พร้อมเหตุผลประกอบ ตอบ................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 13 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 3. ระบบยอ่ ยอาหาร “แนวคดิ สาคัญ” การย่อยอาหาร คือ การทาให้อาหารขนาดใหญก่ ลายเป็นสารอาหารชนาดเล็กที่สามารถดูด ซมึ เข้าสู่รา่ งกายได้ ระบบยอ่ ยอาหาประกอบด้วยอวัยะตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ ปาก หลอดอาหาร กระเพระอาหาร ลาไส้ เลก็ ลาไส้ใหญ่ ทวารหนัก ตับ และตับอ่อน ซึ่งอวยั วะเหล่านจี้ ะทาหนา้ ท่ีรว่ มกนั ในการยอ่ ยและดดู ซึม สารอาหาร อวยั วะต่าง ๆ ในระบบย่อยอาหารมีความสาคัญ จึงควรปฏิบัติคนในการดูแลรักษาอวัยวะให้ ทางานเปน็ ปกติ ระบบย่อยอาหาร ประกอบด้วยอวยั วะทเ่ี ป็นทางเดินอาหารและอวัยวะท่ีช่วยสร้างน้าดีและเอนไซม์สาหรับ การยอ่ ยอาหาร ดังนี้ 14 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand ปากมีฟันช่วยบดเค้ียวอาหาร หลอดอาหารทาหน้าที่ลาเลียงอาหาร ให้มีขนาดเล็กลงและมีลิ้น จากปากไปยังกระเพาะอาหาร ช่ ว ย ค ลุ ก เ ค ล้ า อ า ห า ร กั บ น้าลาย ในน้าลายมีเอนไซม์ กระเพาะอาหารเป็นท่ีพัก ย่อยแป้งใหเ้ ปน็ นา้ ตาล อาหาร มีเอนไซม์ท่ีช่วยย่อย โปรตนี และดดู ซึมสารอาหาร ตับสร้างน้าดีแล้วส่ง บางชนิด เช่น น้า มายังลาไส้เล็กช่วย ให้ไขมันแตกตวั ทวารหนักทาหน้าที่ ลาไสใ้ หญ่ทาหนา้ ที่ดูดน้า เปน็ ชอ่ งทางขับถ่าย และเกลอื แร่ เป็นบริเวณ ลาไสเ้ ลก็ มีเอนไซม์ที่สร้างจาก อุจจาระ ท่ี มี อ า ห า ร ท่ี ย่ อ ย ไ ม่ ไ ด้ ผนังลาไส้เล็กเองและจากตับ หรือยอ่ ยไม่หมดเป็นกาก อ่ อ น ท่ี ช่ ว ย ย่ อ ย โ ป ร ตี น อาหาร ซ่ึงจะถูกกาจัด คารโ์ บไฮเดรตและไขมนั ซงึ่ จะ ออกทางทวารหนกั ถูกนาไปใช้เป็นแหล่งพลังงาน ส่วนน้า เกลอื แร่และวิตามนิ จะ ตับอ่อนสรา้ งเอนไซมส์ าหรับ ถูกดูดซึมที่ผนังลาไส้เล็กเข้าสู่ ชว่ ยยอ่ ยสารอาหารต่าง ๆ ก ร ะ แ ส เ ลื อ ด แ ล ะ ช่ วย ใ ห้ ร่างกายทางานเป็นปกติ อวัยวะต่าง ๆ ในระบบย่อยอาหารมีความสาคัญ จึงควรปฎิบัตติ นในการดูแลรกั ษาอวยั วะให้ทางาน เปน็ ปกติ 15 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand การทางานของอวยั วะในระบบยอ่ ยอาหาร การยอ่ ยอาหารเปน็ การเปล่ียนแปลง โมเลกุลของสารอาหารให้มขี นาดเลก็ ลง จนรา่ งกายสามารถดูดซมึ ไปใชป้ ระโยชน์ได้ แบ่งการยอ่ ยออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.การยอ่ ยเชิงกล 2.การย่อยเชิงเคมี เป็นการยอ่ ยอาหารโดยไมใ่ ช้เอนไซม์ ได้แก่ เปน็ การยอ่ ยอาหารโดยใช้ การบดเคีย้ วอาหารในปาก เอนไซม์ย่อยสลาย การบีบตวั ของทางเดนิ อาหาร สารอาหารประเภท ซง่ึ จะพบในหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลาไส้เล็ก คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และ ไขมนั ซึ่งพบได้ที่บรเิ วณ ปาก กระเพาะอาหาร และลาไสเ้ ล็ก สรุป ระบบยอ่ ยอาหารสาคัญกบั ร่างกายของเราอยา่ งไร ? ระบบยอ่ ยอาหารมคี วามสาคัญต่อรา่ งกายของเรา เพราะรา่ งกายของเรา ตอ้ งการสารอาหารไปเลยี้ งส่วนตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย อาหารที่เรารบั ประทานเขา้ ไปประกอบด้วยสารอาหารหลายประเภทและ มกั มขี นาดใหญ่เกินกว่าที่รา่ งกายจะดูดซมึ เข้าไปได้ ดังนั้น ระบบยอ่ ย อาหารจึงมหี น้าทส่ี าคัญในการย่อยสารอาหารตา่ ง ๆ ให้มขี นาดเลก็ ลง เมอ่ื รา่ งกายดดู ซึมสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือด กจ็ ะไปเล้ียงสว่ นตา่ ง ๆ ของ รา่ งกายทาให้ร่างกายเจริญเตบิ โต แขง็ แรง และมสี ขุ ภาพดี 16 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 17 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 1. อาหารขอ้ ใดที่ ใหส้ ารอาหารประเภทโปรตนี 6. อวัยวะใดเปน็ ส่วนแรกของระบบยอ่ ยอาหาร 1. เผือก ขนมจนี 1. กระเพาะอาหาร 2. เสน้ หม่ี ขา้ วสวย 2. หลอดอาหาร 3. กล้วยนา้ ว้า มะเขือเทศ 3. ลาไส้เลก็ 4. นมถ่วั เหลอื ง เนื้อไก่ตม้ 4.ปาก 2. สารอาหารขอ้ ใดชว่ ยซอ่ มแซมสว่ นทส่ี กึ หรอ 7. ถา้ รบั ประทานไกท่ อด จะเกดิ การยอ่ ยท่ีอวัยวะ ของรา่ งกาย ในขอ้ ใด 1. คาร์โบไฮเดรต 1. กระเพาะอาหาร ลาไสเ้ ลก็ 2. โปรตีน 2. หลอดอาหาร ลาไส้ใหญ่ 3. ไขมัน 3. ทวารหนัก ตับอ่อน 4.น้า 4. ปาก ตับ 3. นักเรยี นควรเลือกรับประทานอาหารในข้อใด 8. อวยั วะในข้อใดมหี นา้ ที่สรา้ งน้าดี จึงจะได้อาหารหลักครบ ๕ หมู่ 1. หลอดอาหาร 1. ราดหน้าไก่ 2. ลาไสเ้ ลก็ 2. ขนมปังทาเนย 3. ปาก 3. นมเปร้ยี ว 4. ตับ 4. ไอศกรมี 9. ข้อใดกลา่ วถกู ต้องเก่ียวกบั ลาไส้ ใหญ่ 4. ตามธงโภชนาการระบใุ ห้รบั ประทานอาหาร 1. ทาหนา้ ทีด่ ดู ซมึ น้าและเกลอื แร่ ประเภทใดนอ้ ยท่สี ุด 2. ทาหนา้ ทีย่ อ่ ยอาหารประเภทไขมนั 1. แป้ง–ข้าว 3. ทาหนา้ ทยี่ ่อยอาหารประเภทโปรตีน 2. พืช ผกั ผลไม้ 4.ทาหนา้ ที่ย่อยอาหารประเภท 3. น้ามัน นา้ ตาล เกลือ 4.เน้อื สตั ว์ นม ถ่วั คาร์โบไฮเดรต 5. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ตอ้ งเกี่ยวกบั การบริโภคอาหาร 10. ข้อใดเป็นการปฏบิ ตั ติ นท่ีไม่ถูกตอ้ งในการดแู ล อยา่ งมสี ดั ส่วน รกั ษาอวยั วะในระบบยอ่ ยอาหารใหท้ างานได้เป็น 1. รับประทานส้มตาทกุ มื้อชว่ ยลดความ ปกติ อว้ น 1. รบั ประทานอาหารตรงเวลา 2. รับประทานอาหารเผ็ด ๆ ทาให้เจรญิ 2. รบั ประทานอาหารทมี่ ีรสจดั อาหาร 3. รบั ประทานอาหารในปรมิ าณท่ีเหมาะสม 3. รับประทานอาหารชนดิ ใดก็ไดแ้ ต่ต้อง 4. รับประทานอาหารหลากหลายชนิดครบ ครบ ๕ หมู่ ๕ หมู่ 4. รับประทานอาหารซา้ ๆ กันทกุ มอ้ื เพ่อื ให้ไดส้ ารอาหารครบถว้ น 18 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 11.ข้อความใดถกู ตอ้ ง ก. อาหาร คอื สิ่งทร่ี ับประทานแลว้ มปี ระโยชน์ตอ่ รา่ งกาย ข. อาหาร คือ ส่งิ ท่เี รารบั ประทานเขา้ ไปทุกชนิด ค. อาหารและสารอาหารคือสง่ิ เดยี วกัน ง. สารอาหาร คอื สารเคมที อี่ ยู่ในอาหาร 1. ข้อ ก และ ค 2. ขอ้ ก และ ง 3. ข้อ ข และ ค 4. ข้อ ข และ ง 12.สารอาหารชนดิ ใดให้พลงั งานแกร่ า่ งกาย 1. โปรตนี คารโ์ บไฮเดรต วติ ามิน 2. โปรตีน วติ ามนิ เกลือแร่ 3. โปรตนี คาร์โบไฮเดรต ไขมัน 4. คารโ์ บไฮเดรต ไขมนั 13.หากนักเรยี นรับประทานขา้ วไขเ่ จียวหมสู ับ ในมอื้ น้นั นักเรยี นไดร้ บั สารอาหารครบทั้ง 5 หมหู่ รือไม่ อย่างไร 1.ครบ 2. ไมค่ รบ ขาดโปรตนี 3.ไม่ครบ ขาดวติ ามนิ และเกลือแร่ 4. ไมค่ รบ ขาดไขมนั 14.วิตามนิ ในข้อใดละลายในน้าได้ 1. วิตามนิ A 2. วติ ามิน B 3. วิตามนิ E 4. วติ ามนิ K 15.ข้อใดไมใ่ ช่ประโยชน์ของนา้ 1. ชว่ ยควบคมุ อณุ หภูมิในร่างกาย 2. ช่วยย่อยอาหาร 3. ชว่ ยลาเลียงของเสีย 4. ช่วยใหร้ ่างกายมีพลังงาน 16.วัยใดท่รี ่างกายมีการเปลย่ี นแปลงอย่างรวดเรว็ และชัดเจนทส่ี ดุ 1.วยั เด็ก 2. วัยรุ่น 3.วัยหนมุ่ สาว 4. วยั ผู้ใหญ่ 17.วยั ใดทีร่ ่างกายไม่มกี ารเจรญิ เติบโต . 1.วยั ทารก 2. วัยเดก็ 3.วัยรุน่ 4. วยั ชรา 18.วัยใดควรรบั ประทานอาหารทยี่ ่อยงา่ ยและเนน้ แคลเซียม 1.วยั รนุ่ 2. วัยหน่มุ สาว 3. วัยผู้ใหญ่ 4. วยั ชรา 19.นักเรียนมวี ธิ กี ารเลือกรบั ประทานอาหารอย่างไร 1. เลอื กให้เหมาะสมกบั เพศและวยั 2. เลือกรบั ประทานอาหารทหี่ ลากหลายและครบท้งั 5 หมู่ 3. ไม่รบั ประทานแป้งและไขมนั เพราะใหพ้ ลังงานสูง 4. ขอ้ 1 และ 2 ถูกตอ้ ง 19 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 20.อาหารชนดิ ใดใหพ้ ลังงานมากที่สดุ 1. ไข่ต้ม 2. ผลไม้ 3. สลัดผัก 4. โรตที อด 21.อวัยวะใดทาหนา้ ท่ใี นการย่อยโปรตนี เท่าน้นั 1. ปาก 2. หลอดอาหาร 3. กระเพาะอาหาร 4. ลาไสเ้ ลก็ 22.อาหารชนิดใดไม่มสี ิง่ เจือปนในอาหาร 1. แหนม 2. ไส้กรอก 3. ลกู ช้นิ 4. ฝรั่งสด 23.คนท่ีเปน็ โรคเกี่ยวกบั ตบั สง่ ผลกระทบตอ่ การยอ่ ยสารอาหารประเภทใด 1. โปรตนี 2. คาร์โบไฮเดรต 3. ไขมัน 4. วิตามินและเกลอื แร่ 24.ขอ้ ใดเรยี งลาดบั การยอ่ ยอาหารในระบบย่อยอาหารถกู ต้อง 1. ปาก หลอดอาหาร ลาไสเ้ ล็ก กระเพาะอาหาร ลาไสใ้ หญ่ 2. ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลาไส้เลก็ ลาไส้ใหญ่ 3. ปาก หลอดอาหาร ลาไส้เลก็ ลาไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร 4. ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลาไสใ้ หญ่ ลาไส้เลก็ 25.ขอ้ ใดเป็นวิธีการดแู ลรักษาอวยั วะในระบบยอ่ ยอาหาร 1. เคยี้ วอาหารให้ละเอียดเพอื่ ให้รา่ งกายย่อยอาหารได้ง่ายขน้ึ 2. รับประทานรสจดั เพ่ือเปน็ การฝกึ ฝนตนเอง 3. รับประทานอาหารเฉพาะเวลาหิวเพราะรา่ งกายจะไดย้ อ่ ยได้เรว็ ขึ้น 4. ถกู ต้องทกุ ขอ้ 26. การกล้ันอจุ จาระนาน ๆ ส่งผลต่อรา่ งกายอยา่ งไร ตอบ...................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 27. รา่ งกายย่อยผักและผลไม้ที่อวัยวะใด ตอบ...................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 28. หากระบบย่อยอาหารทางานได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ จะสง่ ผลตอ่ รา่ งกายอย่างไร ตอบ...................................................................................................................................................... 29. ตบั และตับอ่อนเกยี่ วขอ้ งกบั ระบบย่อยอาหารอย่างไร ตอบ...................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 20 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand ใบงานที่ 1.1 วเิ คราะหส์ ารอาหาร คาชี้แจง ให้นักเรยี นวิเคราะห์สารอาหารที่รบั ประทานในมือ้ เชา้ โดยมลี าดับข้นั ตอนต่อไปนี้ - บอกชือ่ เมนูอาหารทน่ี ักเรียนรบั ประทานในมอื้ เชา้ - วาดภาพและระบายสี - ชบ้ี อกช่ือสารอาหารท่ีมีอย่ใู นส่วนประกอบของอาหาร - อธิบายประโยชนข์ องสารอาหารนน้ั ๆ - ตอบคาถาม 1.มนอู าหารมื้อเช้า คอื ...................................................................................................... 2.อาหารท่นี กั เรยี นรบั ประทานในมื้อเชา้ มีสารอาหารครบทกุ ประเภทหรือไม่ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 3.จากขอ้ ท่ี 2 หากรบั ประทานอาหารไม่ครบทกุ ประเภท นักเรียนควรรับประทานอะไรในมอื้ เยน็ เพ่อื ใหไ้ ด้ สารอาหารครบถ้วน ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................... 21 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand ใบงานท่ี 1.2 คดั สรรเมนู คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นเลอื กเมนูอาหารท่ีมใี นรา้ นอาหารแห่งหน่งึ ใหเ้ หมาะสมกบั บคุ คลตอ่ ไปนี้ 1.นอ้ งพลอยจะเขา้ เรียนอนุบาลในปีหนา้ .......................................................................................................................................................................... 2.พพ่ี อชจะเขา้ เรียนมหาวทิ ยาลยั ในปหี นา้ ......................................................................................................................................................................... 3.คุณลงุ ทม่ี าเย่ียมคณุ พ่อ ......................................................................................................................................................................... 4.ตวั นกั เรยี นเอง ......................................................................................................................................................................... 5.คณุ ยาย ......................................................................................................................................................................... 22 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand ใบงานท่ี 1.3 แนวทางในการดูแลรกั ษาอวยั วะในระบบย่อยอาหาร คาช้ีแจง ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ 1. จดุ ประสงคข์ องกิจกรรมน้ี คอื อะไร .................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................... 2.บันทึกผลการสบื ค้นข้อมลู - แหล่งความรู้ท่ีสบื ค้น คอื ....................................................................................................................... - ขอ้ มลู จากการสืบคน้ ข้อมลู ได้แก่ ......................................................................................................................................................... ......... .................................................................................................................................................................... 5. ความรู้ทีไ่ ด้จากการอภิปราย ได้แก่ ....................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... คาถามท้ายกิจกรรม 1.แนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะในระบบยอ่ ยอาหารมอี ะไรบา้ ง ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 2.หากไม่ดแู ลรักษาอวยั วะในระบบย่อยอาหารจะสง่ ผลตอ่ ร่างกายอย่างไร ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 23 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 2หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ การแยกสารผสม ตัวชีว้ ดั • อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยบิ ออก การรอ่ น การใชแ้ ม่เหล็ก ดึงดดู การรนิ ออก การกรอง และการตกตะกอน โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ รวมทงั้ ระบุวธิ ีแกป้ ญั หาในชีวติ ประจาวนั เกย่ี วกบั การแยกสาร 24 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 1. การแยกสารผสม “แนวคิดสาคัญ” สารผสมประกอบด้วยสารตง้ั แต่ 2 ชนิดขนึ้ ไปผสมกนั วิธกี ารทเ่ี หมาะสมในการแยกสารผสมข้ึนอย่กู บั ลกั ษณะและ สมบตั ขิ องสารท่ีผสมกนั การหยิบออกและการรอ่ นเปน็ วิธกี ารแยกสารผสมทม่ี ี องค์ประกอบเป็นของแข็งท่ีมขี นาดแตกตา่ งกนั อย่างชัดเจน การใช้แม่เหล็กดงึ ดูด เหมาะกับสารทม่ี สี ารแม่เหลก็ เป็น องค์ประกอบ การรินออก การกรอง หรอื การตกตะกอน เหมาะกับ สารท่ไี มล่ ะลายในของเหลว การแยกสารด้วยวิธีต่าง ๆ เป็นวธิ กี ารแยกสารทสี่ ามารถ ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน สสาร คอื สง่ิ ที่มมี วล ตอ้ งการทีอ่ ยู่ และสามารถสัมผสั ได้ด้วยประสาทสมั ผัส เชน่ ขา้ วสาร ถว่ั เขยี ว ผลไม้ อากาศ และน้า สาร คอื สสารทม่ี ีสมบตั ชิ ัดเจนและมีองคป์ ระกอบทแ่ี นน่ อน เช่น นา้ ตาล นา้ และแกสส ออกซเิ จน สารที่อยูร่ อบตวั เราสว่ นใหญม่ กั จะเปน็ สารผสมทปี่ ระกอบด้วยสารตัง้ แต่ 2 ชนดิ ข้ึนไป สารบาชนิดเมอ่ื ผสมกนั แลว้ มีลกั ษณะเปน็ เนอ้ื เดียวกนั เช่น น้าเชื่อม นา้ เกลือ น้าเช่ือม น้าเกลือ 25 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand แตส่ ารบางชนิดเมอ่ื ผสมกนั แลว้ มลี กั ษระเปน็ เนอื้ ผสม เชน่ สม้ ตา น้าพริกกะปิ ต้มจดื และมอดใน ขา้ วสาร นา้ พริกกะปิ มอดในข้าวสาร การแยกสารผสม การแยกสารผสมมหี ลายวิธี เช่น 1 การหยิบออก เป็นวิธีการแยกสารผสมทม่ี ีของแข็งผสมกับของแข็งทม่ี ขี นาดและมี ลักษณะแตกตา่ งกันชัดเจน วธิ กี ารแยกสารดว้ ยการหยิบออก คือ ใช้มือหยิบออก เข่ยี ออกหรอื ใช้อุปกรณอ์ ืน่ ๆ ชว่ ยหยิบออก การแยกกรวดออกจากเมล็ดขา้ วสาร 26 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 2การร่อน เปน็ วิธีการแยกสารผสมทมี่ ีของแขง็ ทม่ี ีขนาดแตกต่าง กนั ผสมกนั อยู่ใหอ้ อกจากกนั โดยของแขง็ มีขนาดเล็ก และไม่สามารถใช้มือหยิบออกได้ วธิ กี ารแยกสารด้วยการร่อน คือ ใสส่ ารผสมลงในอปุ กรณ์ที่มรี พู รนุ เชน่ ตะแกรง กระชอน แลว้ สา่ ยอุปกรณ์ ท่ีมสี ารผสมอยู่ จะทาให้สาร ทีม่ ีอนุภาคขนาดใหญ่กวา่ รูของอุปกรณค์ า้ งอยู่บน ตะแกรงและสารที่มอี นภุ าคขนาดเลก็ กวา่ รูของอปุ กรณ์ ลอดผ่านรูแยกออกได้ การร่อนเมลด็ ข้าวเปลอื ก การแยกเกล็ดไอโอดีนออกจากทราย โดยให้ความร้อนกับสารผสม 3 การระเหดิ เป็นวธิ กี ารแยกสารผสมทม่ี ขี องแข็ง ทร่ี ะเหดิ ได้ผสมกับของแขง็ ทร่ี ะเหิดไมไ่ ด้ วิธกี ารแยกสารดว้ ยการระเหดิ คือ ให้ความรอ้ นกับสารผสม จะทาใหส้ ารทรี่ ะเหดิ ได้เปลี่ยนสถานะจากของแขง็ กลายเป็นไอ โดยไม่ ผา่ นสถานะของเหลว ทาใหแ้ ยกสารออกจากสาร ผสมน้ันได้ 27 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 4การใช้แมเ่ หลก็ ดงึ ดูด เปน็ วิธกี ารแยกสารผสมทใ่ี นส่วนประกอบหนงึ่ ของสารผสมมี สมบัตใิ นการถกู แม่เหล็กดึงดูดได้ เรยี กว่า สารแมเ่ หล็ก วิธกี ารแยกสารดว้ ยการใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดูด คือ วางแมเ่ หลก็ ให้สมั ผสั กบั สารผสมแลว้ ยก แมเ่ หลก็ ขน้ึ จะทาใหส้ ารทมี่ สี มบัตใิ นการถูก แมเ่ หลก็ ดึงดูดได้ ถกู แมเ่ หลก็ ดูดแยกออกจากสาร ทไ่ี มม่ ีสมบัติในการถูกแม่เหลก็ ดึงดดู แม่เหลก็ ดึงดดู เหลก็ จากกองขยะ รินน้าซาวข้าว เพ่ือแยกน้าออกจากเมล็ดขา้ ว 5 การรินออก เป็นวิธกี ารแยกสารผสมทม่ี ีของแขง็ ผสมอย่กู ับ ของเหลว โดยของแขง็ จะไมล่ ะลายในของเหลวนั้น วธิ กี ารแยกสารด้วยการรนิ ออก คอื คอ่ ย ๆ รนิ สารส่วนทีเ่ ป็นของเหลว ให้แยกออกจากสว่ นทีเ่ ป็นของแข็ง 28 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 6 การตกตะกอน เปน็ วธิ กี ารแยกสารผสมทม่ี ีของแข็งแขวนลอย อยใู่ นของเหลว โดยสารผสมนนั้ จะมลี ักษณะข่นุ วธิ กี ารแยกสารด้วยการตกตะกอน คือ ต้งั สารผสมทงิ้ ไว้ใหเ้ กดิ การตกตะกอน หรอื ใช้ สารส้มเป็นตัวกลางเพอ่ื ช่วยใหเ้ กดิ การตกตะกอน ไดเ้ รว็ ข้นึ โดยการแกวง่ สารส้มในสารผสม แลว้ ตง้ั สารผสมท้งิ ไว้ใหเ้ กดิ การตกตะกอน ขั้นตอนหนงึ่ ของการบาบัดน้าเสีย กรองกากกาแฟออกจากนา้ โดยการทาให้เกิดการตกตะกอน 7การกรอง เปน็ วธิ ีการแยกสารผสมทม่ี ขี องแข็งผสม อยู่กบั ของเหลว หรอื ใชแ้ ยกสารแขวนลอยออกจากน้า วิธกี ารแยกสารด้วยการกรอง คอื เทสารผสมผ่านอุปกรณ์ที่มีรพู รนุ เชน่ ผา้ ขาวบาง กระดาษกรอง สาลี กระชอน จะทาให้อนภุ าคของแขง็ ท่ีมขี นาดใหญ่กว่ารพู รุนลอดผา่ นรพู รนุ ไมไ่ ด้ ส่วนน้า หรือสารทลี่ ะลายน้าได้จะลอดผา่ นรพู รนุ 29 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 8 การระเหยแห้ง เปน็ วิธีการแยกสารผสมทมี่ ขี องแขง็ ละลาย อยู่ในของเหลวอยา่ งผสมกลมกลนื เปน็ เน้อื เดยี วกัน หรือเรียกวา่ สารละลาย วธิ กี ารแยกสารดว้ ยการระเหยแหง้ คอื ใหค้ วามรอ้ นแกส่ ารผสม สารที่อยู่ใน สถานะของเหลวเกดิ การระเหยไปจนหมด เหลอื สารท่ีอยใู่ นสถานะของแข็งในภาชนะ การทานาเกลอื สมทุ ร การทาเกลอื สินเธาวแ์ บบดง้ั เดิม 30 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand นกั เรยี น สามารถแยกสารผสมในชวี ติ ประจาวนั ไดห้ รอื ไม่ อยา่ งไร ได้ เช่น ใชก้ ารหยิบออก ได้ เช่น ใชก้ ารกรองแยกกาก ได้ เช่น ใช้การรนิ ออกแยกนา้ แยกกรวดออกจากเมล็ด มะพรา้ วออกจากน้ากะทิ ขา้ วสาร ซาวขา้ วออกจากขา้ วสาร กิจกรรมตรวจสอบการเรยี นรทู้ ี่2.1 1. การแยกสารผสมคอื อะไร ตอบ......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 2. การแยกสารผสมโดยการหยิบออก การ ร่อน และการใช้แมเ่ หล็กดูดเหมาะกบั สารผสมท่ีมลี ักษณะ แตกต่างกนั อยา่ งไร ตอบ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 3. การแยกสารผสมโดยการรนิ ออก การกรอง และการตกตะกอน เหมาะกับสารผสมทม่ี ลี กั ษณะแตกตา่ งกนั อย่างไร ตอบ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 4. หากคุณแม่ทากญุ แจหล่นลงในบ่อเลย้ี งปลาหน้าบา้ น นักเรยี นจะแนะนาวธิ ีการนากุญแจขึ้นมาอย่างไร ตอบ................................................................................................................................................. . ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 31 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 1.ข้อใดคือสสาร 8.การแยกนา้ เกลือผสมกับผงถ่านมลี าดับขัน้ ตอน 1.นา้ แขง็ 2.ไอศกรีม อย่างไร 3.น้าเช่ือม 4.ถกู ต้องทุกข้อ 1.การหยิบออก การตกตะกอน 2.การหยิบออก การระเหยแหง้ 2.ขอ้ ใดคือสารผสม 3. การหยิบออก การกรอง 1.น้าเชอ่ื ม 2.นา้ เปลา่ 4.การกรอง การระเหยแห้ง 3.สารสม้ 4.ทองคา 9.นกั เรยี นควรแยกกรวดออกจากทรายโดยวิธกี าร 3.สารผสมในข้อใดควรแยกออกจากกันโดยการ ใด ร่อน 1.การทาให้ตกตะกอน 2.การกรอง 1.ถวั่ เขียวผสมกับถั่วแดง 3.การใช้ตะแกรงร่อน 4.การพดั 2.ทรายผสมกับนา้ 3.นา้ ตาลทรายผสมกบั แปง้ มนั 10.การกรองควรนาไปใช้ในการแยกสารผสมชนดิ 4.ผงตะไบเหลก็ ผสมกบั แปง้ มัน ใด 1. แยกของแข็งออกจากของเหลว 4.สารผสมในข้อใดควรแยกออกจากกันโดยการ 2. แยกของแขง็ ท่ีมขี นาดต่างกนั หยิบออก 3. แยกของแข็งท่ีละลายในของเหลว 1.พรกิ และกระเทียม 4. แยกของแข็งทม่ี คี วามหนาแนน่ ต่างกนั 2.ข้าวสารและแกลบ 3.ผงตะไบเหล็กผสมกบั แป้งมนั 11.สารผสมค่ใู ดใช้วธิ กี ารแยกสารเหมือนกนั 4.ทรายและกรวด 1. กากมะพร้าวในน้ากะทิ - ข้าวสารในน้า ซาวขา้ ว 5.ผ้าขาวบางเปน็ อปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในการแยกสารผสม 2. ขา้ วสารในนา้ ซาวข้าว – พริกกบั ดว้ ยวิธีการใด กระเทยี ม 1.การรอ่ น 2.การกรอง 3. ปนู แดงในน้าปูนใส – กากมะพรา้ วใน 3.การตกตะกอน 4.การระเหยแห้ง นา้ กะทิ 4. เศษผงในแป้งมัน - ทรายกับกรวด 6.สารผสมในขอ้ ใดควรแยกออกจากกนั โดยการ ระเหยแหง้ 12.สมัยก่อนชาวบ้านท่อี าศยั อย่รู ิมคลองต้องใชน้ า้ 1.น้ากะทิ 2.นา้ เกลือ ในคลองมาอปุ โภค สิ่งใดที่ชว่ ยให้ตะกอนในน้า 3.น้าปนู ใส 4.พิมเสนและการบรู คลองตกตะกอนได้งา่ ยขน้ึ 1.กอ้ นหิน 2. เกลอื สมทุ ร 7.การหยบิ ออกเหมาะกับการแยกสารผสมทมี่ ี 3. เกลือสนิ เธาว์ 4.สารส้ม ลกั ษณะและสมบตั ิอยา่ งไร 1.เปน็ ของแขง็ กบั ของแข็ทม่ี ขี นาดใหญ่ 2.เปน็ ของแขง็ กับของแข็ทีม่ ขี นาดเลก็ 3.เป็นของแขง็ กับของแข็ทีม่ ีขนาดใกล้ เคยี งกัน 4.ถกู ต้องทกุ ขอ้ 32 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 13.ถา้ ต้องการแยกสาร A B C และ D โดยใชต้ ะแกรงร่อนที่มขี นาดรู 0.3 เซนตเิ มตร แล้วนาไปละลายใน น้า ไดผ้ ลดงั ตาราง สาร ขนาดของสาร การละลายนา้ A 0.5 เซนตเิ มตร ได้ B 0.7 เซนตเิ มตร ไมไ่ ด้ C 0.2 เซนติเมตร ได้ D 0.4 เซนติเมตร ไมไ่ ด้ สารใดสามารถแยกออกมาไดเ้ ปน็ ลาดับแรก 1. A 2. B 3. C 4. D 14.จากการแยกสารและตารางในข้อ13ถา้ นาสารทเี่ หลอื จากการละลายน้ามากรอง สารทีผ่ ่านกระดาษ กรองคอื สารใด 1. A 2. B 3. C 4. D 15.การทาเกลอื สมุทรต้องใช้วิธกี ารแยกสารในขอ้ ใด 1. การละลาย 2. การระเหย 3. การตกตะกอน 4.การรนิ ออก 16.บอกวธิ ีการแยกสารผสมตอ่ ไปน้ี พรอ้ มบอกเหตุผล 16.1 แยกเขม็ หมดุ ทีป่ ะปนอยู่ในเศษผา้ ตอบ.............................................................................................................................................................. ...................................................................................................................................................................... 16.2 แยกเศษผงออกจากแป้งมนั ตอบ.............................................................................................................................................................. ...................................................................................................................................................................... 16.3 แยกชนดิ ของสตั วท์ ะเลจากการทาประมง ตอบ.............................................................................................................................................................. ...................................................................................................................................................................... 16.4 แยกเศษใบเตยออกจากนา้ ใบเตยปนั่ ตอบ.............................................................................................................................................................. ...................................................................................................................................................................... 33 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand ใบงานที่ 2.1 การแยกสาร คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นวเิ คราะหว์ ธิ กี ารที่เหมาะสมกับการแยกสารผสมตอ่ ไปนี้ สารผสม วิธกี ารแยกสาร เหตุผล 1. มอดในข้าวสาร 2. หอมแดงผสมกบั พรกิ และ กระเทียม 3. เศษผงที่ผสมในแปง้ มนั 4.เศษลวดเย็บกระดาษใน กระเป๋าใสดนิ สอ 5. กรวดผสมกับทรายละเอียด 6. ขา้ วเหนยี วผสมกบั น้า 7. กากมะพรา้ วในนา้ กะทิ 8. นา้ ทะเล 9. ปนู แดงผสมกับน้า 34 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand ใบงานท่ี 2.2 การแยกสารผสมท่มี อี งค์ประกอบเป็นของแข็งกบั ของแขง็ คำช้แี จง ให้นกั เรยี นตอบคำถำมตอ่ ไปน้ี - จดุ ประสงค์ของกจิ กรรมน้ี คอื อะไร ........................................................................................................ - คาถามสาคัญของการทากิจกรรมนี้ คอื .................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ตอนท่ี 1 ตารางบนั ทึกผลการแยกสาร ตอนท่ี 1 สารผสม ลกั ษณะและสมบัติ วธิ ีการแยกสาร อปุ กรณ์ ผลการแยกสาร ชดุ ท่ี 1 ของสารผสม (ถ่ัวเขียวผสมกับ ถวั่ แดง) ชดุ ที่ 2 (แป้งมันผสมกับ น้าตาลทราย) ชดุ ท่ี 3 (แปง้ มันผสมกับ ผงตะไบเหลก็ ) - ผลการสะท้อนความคดิ ..................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................... - สรปุ ผลการแยกสาร ตอนที่ 1 ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... 35 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
ตอนที่ 2 The genius center Thailand ตารางบันทกึ ผลการแยกสาร ตอนท่ี 2 ผลการแยกสาร สารผสม ลกั ษณะและ วิธีการแยกสาร อปุ กรณ์ สมบตั ขิ องสาร ถ่วั เขียวผสมกบั นา้ ตาลทราย ผสม แปง้ มนั และ ผงตะไบเหลก็ -ผังขน้ั ตอนการแยกสารผสมในตอนที่ 2 36 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand คาถามท้ายกิจกรรม 1. การแยกสารผสมคืออะไร .............................................................................................................................................................. 2. นักเรียนใชว้ ธิ ีใดในการแยกสารผสมชดุ ที่ 1 ................................................................................................................................................................... 3. นักเรียนใช้วธิ ีใดในการแยกสารผสมชดุ ท่ี 2 ............................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนใชว้ ธิ ีใดในการแยกสารผสมชดุ ท่ี 3 .............................................................................................................................................................. 5. วธิ ีการแยกสารผสมชดุ ท่ี 1 – 3 เหมาะกับสารผสมท่มี ลี ักษณะและสมบัติแตกต่างกนั อย่างไร .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. 6. นักเรียนมีขัน้ ตอนในการแยกสารผสมชุดที่ 4 อยา่ งไร พรอ้ มทงั้ ให้เหตุผล .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. 37 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 3หน่วยการเรียนรทู้ ี่ หนิ และซากดึกดาบรรพ์ ตวั ช้ีวดั • เปรยี บเทยี บกระบวนการเกิดหนิ อคั นี หินตะกอน และหนิ แปร และอธิบายวัฏจักรหนิ จากแบบจาลอง • บรรยายและยกตัวอย่างการใชป้ ระโยชน์ของหินและแรใ่ นชวี ิตประจาวนั จากขอ้ มูลท่ี รวบรวมได้ • สรา้ งแบบจาลองท่ีอธิบายการเกิดซากดึกดาบรรพแ์ ละคาดคะเนสภาพแวดลอ้ มในอดตี ของซากดกึ ดาบรรพ์ 38 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 1. หนิ และวฏั จกั รหิน “แนวคิดสาคัญ” หินเป็นวสั ดแุ ข็งบนเปลอื กโลกท่ีเกดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาตปิ ระกอบดว้ ยแร่ต้ังแต่ 1 ชนิดหรือหลายชนิด หรือหลายชนดิ มาประกอบสามารถจาแนกหินกระบวนการเกิดได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ หินอัคนี หินตะกอน และหนิ แปร หินอัคนเี กดิ จากการเย็นตัวของเมกมา เนอื้ หินมลี กั ษณะเป็นผลึกท้งั ขนาดใหญแ่ ละขนาดเล็ก บางชนิด อาจเป็นเนื้อแก้วหรอื มีรูพรุน หนิ ตะกอนเกดิ จากการทบั ถมของตะกอนเม่ือถูกแรงกดทับและมสี ารเชอื่ มประสานจึงเกิดเป็นหิน เน้ือ หนิ กลุ่มนสี้ ว่ นใหญ่มีลกั ษณะเปน็ เมด็ ตะกอน มีทัง้ เนือ้ หยาบและเนือ้ ละเอยี ดบางชนิดเป็นเนอื้ ผลกึ ท่ียึดเกาะจาก การตกผลกึ หรือตะกอนจากน้าโดยเฉพาะน้าทะเล บางชนดิ มลี กั ษณะเป็นช้ัน ๆ จงึ เรียกวา่ หนิ ชน้ั 39 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 40 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 41 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 42 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand แร่ คอื ธาตุหรือสารประกอบที่เกดิ ข้นึ เองตามธรรมชาติ มลี กั ษณะเปน็ ผลึกรูปร่างต่าง ๆ อาจมีสี เดียวหรอื หลายสขี ้ึนอย่กู ับประเภทของแร่ สามารถแบง่ ประเภทของแร่โดยใชล้ ักษณะการใชป้ ระโยชนเ์ ปน็ เกณฑไ์ ด้เป็น 4 ประเภท ได้แก่ แร่โลหะ แรอ่ โลหะ แร่เชอื้ เพลิง และแร่รตั นชาติ แรอ่ เมทสิ ต์ แร่คาลแคนไทต์ แรอ่ อริคาลไซต์ แร่ควอตซ์ (สีแดง) แรค่ วอตซ์ (สใี ส 43 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand แร่โลหะ เป็นแร่ที่มีโลหะเป็นส่วนประกอบสาคัญ เม่ือผ่านการถลุงจะสามารถแยกโลหะ ออกมาเพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ได้ เชน่ แรท่ องคา แร่เงนิ แรเ่ หล็ก แร่ตะกั่ว แรท่ องคา แรเ่ งนิ แร่เหล็ก แร่ตะกัว่ แร่อโลหะ เปน็ แร่ทไ่ี มม่ ีโลหะเป็นส่วนประกอบ สามารถนามาใช้งานโดยไม่ต้องผ่านการถลุง เช่น แร่ยิปซัม แร่ควอตซ์ แรย่ ิปซมั แรค่ วอตซ์ 44 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand แร่เชือ้ เพลิง เปน็ แรเ่ กดิ จากการทบั ถมของซากพืชซากสัตว์ จนสลายตวั และเกิดปฏิกิริยาเคมี กลายเปน็ เช้ือเพลงิ ธรรมชาติ เชน่ ถา่ นหิน หนิ นา้ มัน ถา่ นหนิ หนิ น้ามัน แรร่ ัตนชาติ เปน็ แรท่ ี่มคี วามสวยงามเม่ือผ่านการเจยี ระไน สามารถนามาใช้ทาเคร่ืองประดับ ได้ เช่น เพชร พลอยมรกต เพชร พลอยมรกต 45 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand ปัจจุบันมีการนาลักษณะและสมบัติของแร่ชนิดต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันใน ลกั ษณะตา่ ง ๆ เชน่ นาแรม่ าทาเครอ่ื งสาอาง ยาสีฟนั เคร่อื งประดับ และอุปกรณท์ างการแพทย์ ดงั รปู 46 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand หินแตป่ ระเภทมกี ระบวนการเกิดต่างกัน ทาให้ลักษณะและสมบัติที่ต่างกันจึงทาให้มนุษย์นา หนิ มาใช้ประโยชน์ตั้งแตส่ มยั โบราณจนถงึ ปจั จบุ นั ดังรปู หนิ แกรนติ เป็นหินอัคนีที่มี หินพัมนิช เป็นหินอัคนีท่ีเกิด ความแข็งแรงและความทด จากเถ้าภูเขาไฟมีลักษณะเป็นรู ทานสูง นิยมนามาทาครก พรุน นยิ มนามาใชเ้ ป็นวสั ดขุ ัดถู หนิ และวสั ดกุ อ่ สร้าง หินชนวน เป็นหินแปรที่สามารถแซะ ออกเป็นแผ่นบาง ๆ ได้ ในสมัย โบราณนิยมนามาทาเป็นกระดาน ช น ว น เ พ่ื อ ใ ช้ ใ น ก า ร เ ขี ย น ห นั ง สื อ ปัจจุบันนิยมนามาใช้ในการตกแต่ง อาคารบา้ นเรือน หินทราย เป็นหินตะกอน นิยมนามาแกะสลักเป็น รูปรา่ งต่าง ๆ หินออ่ น เปน็ หินแปรที่มีเน้ือละเอียด และมีลวดลายสวยงาม จึงนิยมนามา ทาเปน็ พื้นบ้าน ผนังบ้าน 47 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand กิจกรรมตรวจสอบการเรยี นรทู้ ่ี3.1 1. มนษุ ยน์ าหินและแร่ชนิดต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์แตกตา่ งกัน โดยพิจารณาจากสงิ่ ใด ตอบ........................................................................................................................................ ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 2. ยกตัวอย่างแร่ทีน่ ามาทาเคร่อื งสาอาง ทายาสฟี นั ทาเครอื่ งประดบั อปุ กรณ์การแพทย์ ตอบ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 3. ยกตวั อยา่ งการนาหนิ ชนดิ ตา่ ง ๆ มาใช้ประโยชน์ ตอบ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 4. เหตใุ ดสนุ ทรภู่จงึ ใช้กระดานชนวนในการเขยี นหนังสอื ตอบ................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................ 5. นกั ธรณวี ทิ ยาจาแนกหนิ ออกเปน็ 3 ประเภท ตามขอ้ ใด 8. หนิ ข้อใดแปรสภาพมาจากหินทราย 1. หินอัคนี หินปนู หนิ ตะกอน 1. หนิ พมั มิช 2. หนิ อคั นี หนิ ตะกอน หนิ ชน้ั 2. หินดินดาน 3. หนิ อัคนี หินตะกอน หนิ แปร 3. หนิ บะซอลต์ 4. หนิ อคั นี หนิ บะซอลต์ หินแปร 4. หนิ ควอร์ตไซต์ 6. หนิ ชนิดใดมลี กั ษณะเปน็ ชนั้ ๆ 9. หนิ อัคนเี กิดข้ึนจากกระบวนการในขอ้ ใด 1. หนิ แกรนติ 1. การทับถมของตะกอน 2. หนิ ดินดาน 2. การเย็นตัวของแมกมา 3. หินบะซอลส์ 3. ความเย็น ความกดดนั 4. หินแอนดีไซต์ 4. การเคลอื่ นตัวของชน้ั ดนิ 7. หินในข้อใดจดั อย่ใู นกลุ่มของหินอัคนี 10. หนิ ชนิดใดท่เี ปล่ยี นมาจากความรอ้ น 1. หนิ แกรนิต ความดัน และปฏกิ ิรยิ าเคมี 2. หินทราย 1. หินแปร 3. หินอ่อน 2. หนิ อคั นี 4. หนิ ปูน 3. หินทราย 4. หินตะกอน 48 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 2. ซากดกึ ดาบรรพ์ แนวคิดสาคญั ซากดึกดาบรรพ์ หมายถงึ ซากหรือรอ่ งรอย ของส่งิ มชี ีวติ ในอดตี ซากดึกดาบรรพเ์ กดิ จากการทบั ถมหรอื การ ประทับรอยของสงิ่ มชี วี ติ จนเกดิ เปน็ โครงสรา้ งของ ซากหรือรอ่ งรอยของส่งิ มชี ีวิตที่ปรากฎอยู่ในหินใน ประเทศไทยพบซากดกึ ดาบรรพ์ที่หลากหลายเชน่ พชื ปะการัง หอย ปลา เต่า ไดโนเสาร์ และ รอยเท้าสตั ว์ ซากดึกดาบรรพส์ ามารถใชเ้ ปน็ หลกั ฐาน หนึง่ ที่ชว่ ยอธิบายสภาพแวดลอ้ มของพน้ื ทใ่ี นอดตี ขณะเกดิ สิ่งมีชีวิตน้ัน และยงั สามารถใช้ระบอุ ายขุ อง หนิ และเปน็ ข้อมูลในการศึกษาววิ ัฒนาการของ สิง่ มชี ีวติ 49 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
The genius center Thailand 50 Mr.Chatchon Suajai & The genius center Thailand
Search