Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่ม จำลอง 1

เล่ม จำลอง 1

Published by Chatchon Suajai, 2021-07-14 12:21:54

Description: เล่ม จำลอง 1

Search

Read the Text Version

หนงั สือแบบฝกึ หัดรายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ป.6เลม่ 1 THE GENIUS CENTER THAILAND ชือ่ -นามสกลุ .........................................................ช่อื เล่น.............................. ชั้น ป.6 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 1หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ รา่ งกายของเรา ตัวชีว้ ดั • ระบสุ ารอาหารและบอกประโยชน์ของสารอาหารแตล่ ะประเภทจากอาหารท่ีตนเอง รบั ประทาน • บอกแนวทางในการเลอื กรบั ประทานอาหารให้ไดส้ ารอาหารครบถว้ น ในสัดสว่ นที่ เหมาะสมกบั เพศและวยั รวมทง้ั ความปลอดภยั ต่อสขุ ภาพ • ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของสารอาหาร โดยการเลอื กรบั ประทานอาหารทม่ี สี ารอาหาร ครบถ้วนในสัดสว่ นทเี่ หมาะสมกบั เพศและวยั รวมทั้งปลอดภัยตอ่ สุขภาพ • สรา้ งแบบจาลองระบบย่อยอาหาร และบรรยายหน้าทขี่ องอวัยวะในระบบย่อยอาหาร รวมทั้งอธบิ ายการยอ่ ยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร • ตระหนกั ถึงความสาคญั ของระบบยอ่ ยอาหาร โดยการบอกแนวทางในการดูแลรกั ษา อวยั วะในระบบย่อยอาหารใหท้ างานเปน็ ปกติ MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 1. อาหารและสารอาหาร แนวคดิ สาคัญ สารอาหารท่ีอยู่ในอาหารมี 6 ประเภท ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และน้า สารอาหารแตล่ ะชนิดมปี ระโยชนต์ ่อร่างกายแตกตา่ งกัน โดย คาร์โบไฮเดรต โปรตนี และไขมนั เปน็ สารอาหารทใี่ หพ้ ลงั งาน แก่ร่างกาย ส่วนเกลือแร่ วิตามินและน้าเป็นสารอาหารท่ี ไม่ใหพ้ ลังงานแตช่ ่วยใหร้ า่ งกายทางานเปน็ ปกติ อาหารแต่ละชนดิ ประกอบด้วยสารอาหารแตกต่าง กนั อาหารบางอย่างประกอบด้วยสารอาหารประเภทเดียว อาหารบางอย่างประกอบด้วยสารอาหารมากกวา่ 1 ประเภท MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand อาหาร คือ สิ่งที่รับประทานแล้วมีประโยชน์ ไม่เกิดโทษและพิษต่อร่างกาย เช่น เนื้อสตั ว์ นม ไข่ ขา้ ว กล้วย สม้ แตงโม แครร์ อต ผกั กาดขาว เนย น้ามนั พชื สารอาหาร คอื สารเคมที อ่ี ยู่ในอาหาร โดยรา่ งกายนาไปใช้ในกระบวนการต่าง ๆ เพื่อ การเจรญิ เตบิ โตและการดารงชวี ติ สารอาหารที่อยู่ในอาหารแบง่ ออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ วติ ามนิ และนา้ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมนั วติ ามิน เกลือแร่ น้า 4 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand อาหารเปน็ ส่ิงจาเป็นในการดารงชีวิตของมนุษย์ ในแต่ละวันมนุษย์รับประทานอาหาร ชนิดต่าง ๆ อย่างหลากหลาย โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แบ่งประเภทของหาร ออกเปน็ 5 หมู่ ซึ่งให้สารอาหารและประโยชน์แตกตา่ งกนั ได้แก่ หมู่เน้อื สัตว์ ไข่ น้านม ถ่ัว และงา อาหารหมู่นี้ ใหส้ ารอาหารประเภท โปรตีน มปี ระโยชน์ คอื ทาให้ร่างกาย เจรญิ เติบโต ซอ่ มแซมส่วนที่สกึ หรอ และใหพ้ ลงั งานแก่รา่ งกายให้ พลังงาน 4 กิโลแคลอรตี ่อกรมั หมขู่ ้าว แปง้ นา้ ตาล เผือก และมัน อาหารหมนู่ ี้ ให้สารอาหารประเภท คาร์โบไฮเดรต มปี ระโยชน์ คอื ใหพ้ ลังงานแก่ร่างกาย ให้พลงั งาน 4 กิโลแคลอรี ตอ่ กรัม 5 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

หมผู่ ลไม้ชนดิ ตา่ ง ๆ The genius center Thailand หมผู่ ักชนิดตา่ ง ๆ อาหารทัง้ 2 หมนู่ ใ้ี หส้ ารอาหารประเภท วิตามนิ และเกลอื แร่ เป็นสารอหารท่ีไม่ให้ พลงั งาน มีประโยชน์ คือ ช่วยใหอ้ วยั วะตา่ ง ๆ ในร่างกายทางานเป็นปกติ และสร้าง ภมู คิ ุม้ กนั ให้รา่ งกาย โดยวิตามินทีล่ ะลายในนา้ ได้ ได้แก่ วิตามินบีและวิตามินซี ส่วน วติ ามนิ ท่ีละลายในไขมนั ได้แก่ วติ ามนิ เอ วิตามินอี และวติ ามินเค หมนู่ า้ มันและไขมันจากพชื และสตั ว์ อาหารหมนู่ ีใ้ หส้ ารอาหาร ประเภท ไขมนั มปี ระโยชน์ คือ ใหค้ วามอบอ่นุ และชว่ ยดดู ซมึ วิตามนิ ทลี่ ะลายได้ในไขมนั ให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี ต่อกรัม 6 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand ชว่ ยทาใหก้ ล้ามเนื้อทางานไดด้ แี ละ ช่วยปอ้ งกนั โรคปากนกกระจอกและ ������1 ช่วยป้องกันโรคเหนบ็ ชา B2 ชว่ ยปอ้ งกันการอกั เสบท่ีตาและปาก หากขาดจะทาใหเ้ ป็นโรคเหนบ็ ชา หากขาดจะทาให้รมิ ฝีปากแหง้ ลิ้น แตก ตามัว ช่วยปอ้ งกนั โรคเลอื ดออกตามไรฟนั และ ชว่ ยควบคมุ การทางานของระบบสบื พันธ์ุ ������ ทาให้ระบบขบั ถา่ ยทางานไดด้ ี ������ หากขาดอาจทาให้เปน็ หมัน และมีบตุ ร หากขาดจะทาให้เลอื ดออกตามไรฟนั ยาก เหงอื กบวม ช่วยทาใหเ้ ลือดแข็งตวั เพือ่ ห้ามเลอื ดท่ี ������ ช่วยบารุงสายตาและช่วยบารุงและ ไหลออกจากบาดแผล ผิวพรรณ หากขาดจะทาใหผ้ มร่วง ผิวหนงั ������ หากขาดจะทาใหเ้ ลือดแขง็ ตวั ชา้ เม่อื มี แห้งเป็นสะเกด็ แผล ������ ชว่ ยใหก้ ระดูกและฟันแขง็ แรงและ ทาใหเ้ ป็นโรคกระดูกออ่ น หากขาดจะทาใหร้ ่างกายเจรญิ เติบโตชา้ 7 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand นอกจากนี้อาหารหลายชนิดยังมีน้า เปน็ สว่ นประกอบ โดยนา้ มคี วามจาเปน็ ต่อการ ดารงชีวิตของสิง่ มชี วี ติ ดังน้ี เป็นส่วนประกอบของเซลลท์ กุ เซลลใ์ นรา่ งกาย ชว่ ยในระบบย่อยอาหาร ชว่ ยลาเลียงของเสยี ออกจากร่างกาย ช่วยควบคุมอณุ หภูมิในรา่ งกาย 8 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand กิจกรรมตรวจสอบการเรยี นรทู้ ี่ 1.1 1. อาหารและสารอาหาร เหมอื นหรือแตกตา่ งกนั อยา่ งไร ตอบ......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 2. อาหารแบง่ ออกเปน็ กห่ี มู่ อะไรบ้าง และแตล่ ะหมใู่ หส้ ารอาหารประเภทใด ตอบ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 3. สารอาหารทร่ี ่างกายต้องการมีก่ีประเภท อะไรบ้าง และอาหารแต่ละประเภทให้ประโยชน์ต่อร่างกาย อยา่ งไร ตอบ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 4. การรับประทานอาหารชนดิ เดมิ ซา้ ๆ ส่งผลเสียอยา่ งไร ตอบ................................................................................................................................................. 5. นักกฬี าตอ้ งการพลงั งานในการเลน่ กฬี า ควรรบั ประทานอาหารทีเ่ นน้ สารอาหารประเภทใดพรอ้ มให้ เหตุผล ตอบ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 6.การรับประทานขา้ วตม้ กุ้ง ทาให้ได้รบั สารอาหารประเภทใด ตอบ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 7.การงดรบั ประทานเน้ือสตั วใ์ นช่วงเทศกาลกนิ เจ อาจจะทาใหไ้ ด้รบั สารอาหารไมค่ รบถว้ น นักเรยี นมวี ิธี ปฎิบัติตนในการรบั ประทานอาหารอย่างไร เพ่ือใหส้ ามารถได้รบั สารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ตอบ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 9 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 2. การเลอื กรบั ประทานอาหาร “แนวคดิ สาคญั ” มนษุ ยใ์ นวยั ตา่ ง ๆ มกี ารเจรญิ เติบโต ของร่างกายแตกต่างกัน ดังน้ันอาหารที่ ร่ า ง ก า ย มี ก า ร เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต แ ล ะ รั บ ป ร ะ ท า น ใ น แ ต่ ล ะ ช่ ว ง วั ย ค ว ร จ ะ เ ป็ น เปล่ียนแปลงตามเพศและวัย ดังน้ันการ อยา่ งไร รั บ ป ร ะ ท า น อ า ห า ร เ พ่ื อ ใ ห้ ร่ า ง ก า ย เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต แ ล ะ มี สุ ข ภ า พ ดี จึ ง ต้ อ ง รบั ประทานอาหารใหไ้ ดร้ ับพลงั งานเพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกาย และให้ได้ สารอาหารครบถ้วน ในสัดส่วนท่ีเหมาะสม กับเพศและวัย รวมทัง้ ตอ้ งคานึงถึงชนิดและ ปริมาณของวัตถุเจือปนในอาหารเพื่อความ ปลอดภยั ต่อสุขภาพด้วย 10 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand การเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกายมนุษย์ ชว่ งวยั น้ไี มต่ ้องการอาหาร นอกจากน้านมของมารดาหรอื นมผง ตอ้ งการอาหารพลังงานสูงควรรับประมาณอาหารครบ 5 หมู่ ตอ้ งการอาหารพลังงานสูงมากกว่าวยั กอ่ นเรยี น ทั้งโปรตีน วิตามิน และเกลอื แร่ ต้องการสารอาหารและพลังงานมากทส่ี ดุ และมี การเปลย่ี นแปลงทางรา่ งกายชดั เจน ตอ้ งกินอาหารใหห้ ลากหลายและเหมาะสมกบั ปริมาณท่ีรา่ งกาย ต้องการ เพอ่ื ไมเ่ ปน็ โรคอ้วน ช่วงวัยนีเ้ หมาะแกก่ ารมีบตุ ร ต้องการสารอาหารแบบวัยหนุ่มสาว แตต่ ้องควบคุมอาหาร เนื่องจาก เผาผลาญพลงั งานได้น้อยลง ร่างกายเริ่มเสือ่ มโทรม ผมหงอก ต้องการคาร์โบไฮเดรตและไขมนั น้อยลง แตต่ อ้ งการโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ แคลเซียม เพื่อนาไปซ่อมแซมและชะลอความเสอื่ มของ ร่างกาย เนื่องจากไมม่ กี ารเจริญเตบิ โตของวยั นี้ 11 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand นอกจากน้ีการรบั ประทานอาหารในแต่ละวนั ควรคานึงถึงความเหมาะสมของปรมิ าณพลงั งาน ทร่ี า่ งกายควรไดร้ บั ให้เหมาะสมกับเพศและวัย อีกทั้งยังต้องพิจารณาถึงลักษณะของการทากิจกรรม ต่าง ๆ ในชีวิตประจาวันด้วย เช่น คนที่ทางานในสานักงานควรได้รับพลังงานจากอาหารน้อยกว่า นกั กฬี า นอกจากนี้ยังตอ้ งรบั ประทานอาหารใหห้ ลากหลายและครบทง้ั 5 หมู่ เพื่อใหร้ ่างกายมสี ขุ ภาพ แข็งแรงดว้ ย จากขอ้ มลู ข้างตน้ จงึ มีความพยายามในการเผยแพรค่ วามรูเ้ ก่ียวกับสดั ส่วนอาหารทคี่ วรบริโภค หรอื เรยี กวา่ ธงโภชนาการ ซ่งึ จะบอกถึงปริมาณ สัดส่วน และความหลากหลายของอาหารท่ีคนไทย อายุ 6 ปีขน้ึ ไป ควรรบั ประทานใน 1 วัน 12 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand วัตถุเจือปนอาหาร (food additive) คือ สารเคมีท่ีช่วยเสริมหรือช่วยเพ่ิมสมบัติบางอย่างให้กับ อาหาร โดยอาจได้มาจากสัตว์ พืช แร่ธาตุ รวมถึงการสังเคราะห์ข้ึน วัตถุเจือปนอาหารแต่ละชนิดจะถูก นามาใช้เพอ่ื จุดประสงค์ ทแี่ ดกตา่ งกันไป เช่น ช่วยเพ่มิ สสี ันของอาหาร ชว่ ยเพ่ิมรสชาติ ช่วยยืดอายุอาหาร ชว่ ยปอ้ งกนั การหืน วตั ถุเจือปนอาหารท่พี บได้บ่อยในอาหาร เชน่ ผงชรู ส สีผสมอาหาร วัตถกุ นั เสีย สารให้ความหวาน แทนนา้ ตาล กรดอนิ ทรยี ์ โดยวัตถุเจือปนอาหารแต่ละชนิดจะถูกกาหนดปริมาณการเจือปนไว้เพ่ือให้เกิด ความปลอดภยั ในการบรโิ ภค แตอ่ ย่างไรก็ตาม การบริโภควัตถุเจอื ปนอาหารสะสมเป็นเวลานานก็อาจส่งผล กระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ กิจกรรมตรวจสอบการเรยี นรทู้ ี่ 1.2 1. การเลอื กรบั ประทานอาหารใหเ้ หมาะสมกบั รา่ งกาย ต้องคานึงถึงสงิ่ ใด ตอบ......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 2. การรับประทานอาหารท่มี ีวตั ถุเจอื ปนในปรมิ าณมาก สง่ ผลเสยี ต่อรา่ งกายอยา่ งไร ตอบ................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 3. ในปัจจุบันวัยรุ่นในไทยนิยมรับประทานอาหารจานด่วน(อาหารฟาสต์ฟู้ด) เน่ืองจากสะดวกต่อการ รบั ประทานมีรสชาติถูกปาก นักเรียนคิดว่าการรับประทานอาหารประเภทนี้เหมาะสมต่อสุขภาพหรือไม่ พร้อมเหตุผลประกอบ ตอบ................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 13 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 3. ระบบย่อยอาหาร “แนวคดิ สาคัญ” การย่อยอาหาร คือ การทาให้อาหารขนาดใหญ่กลายเป็นสารอาหารชนาดเล็กที่สามารถดูด ซมึ เข้าสู่รา่ งกายได้ ระบบยอ่ ยอาหาประกอบด้วยอวัยะต่าง ๆ ไดแ้ ก่ ปาก หลอดอาหาร กระเพระอาหาร ลาไส้ เลก็ ลาไส้ใหญ่ ทวารหนัก ตับ และตับอ่อน ซง่ึ อวัยวะเหล่านี้จะทาหนา้ ที่รว่ มกนั ในการยอ่ ยและดดู ซึม สารอาหาร อวยั วะต่าง ๆ ในระบบย่อยอาหารมคี วามสาคญั จึงควรปฏบิ ตั ิคนในการดูแลรักษาอวัยวะให้ ทางานเปน็ ปกติ ระบบย่อยอาหาร ประกอบด้วยอวยั วะท่เี ป็นทางเดินอาหารและอวัยวะที่ช่วยสร้างน้าดีและเอนไซม์สาหรับ การยอ่ ยอาหาร ดังนี้ 14 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand ปากมีฟันช่วยบดเค้ียวอาหาร หลอดอาหารทาหน้าท่ีลาเลียงอาหาร ให้มีขนาดเล็กลงและมีลิ้น จากปากไปยงั กระเพาะอาหาร ช่ ว ย ค ลุ ก เ ค ล้ า อ า ห า ร กั บ น้าลาย ในน้าลายมีเอนไซม์ กระเพาะอาหารเป็นท่ีพัก ย่อยแป้งใหเ้ ปน็ นา้ ตาล อาหาร มีเอนไซม์ท่ีช่วยย่อย โปรตนี และดดู ซึมสารอาหาร ตับสร้างน้าดีแล้วส่ง บางชนิด เช่น น้า มายังลาไส้เล็กช่วย ให้ไขมันแตกตวั ทวารหนักทาหน้าท่ี ลาไส้ใหญท่ าหนา้ ที่ดูดน้า เปน็ ชอ่ งทางขับถา่ ย และเกลือแร่ เป็นบริเวณ ลาไสเ้ ลก็ มีเอนไซม์ที่สร้างจาก อุจจาระ ท่ี มี อ า ห า ร ท่ี ย่ อ ย ไ ม่ ไ ด้ ผนังลาไส้เล็กเองและจากตับ หรอื ย่อยไม่หมดเป็นกาก อ่ อ น ท่ี ช่ ว ย ย่ อ ย โ ป ร ตี น อาหาร ซึ่งจะถูกกาจัด คารโ์ บไฮเดรตและไขมนั ซงึ่ จะ ออกทางทวารหนกั ถูกนาไปใช้เป็นแหล่งพลังงาน ส่วนน้า เกลอื แร่และวิตามนิ จะ ตบั ออ่ นสรา้ งเอนไซม์สาหรับ ถูกดูดซึมที่ผนังลาไส้เล็กเข้าสู่ ชว่ ยย่อยสารอาหารต่าง ๆ ก ร ะ แ ส เ ลื อ ด แ ล ะ ช่ วย ใ ห้ ร่างกายทางานเป็นปกติ อวัยวะต่าง ๆ ในระบบย่อยอาหารมีความสาคัญ จึงควรปฎิบัตติ นในการดูแลรกั ษาอวัยวะใหท้ างาน เปน็ ปกติ 15 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 16 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 17 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 1. อาหารขอ้ ใดที่ ใหส้ ารอาหารประเภทโปรตนี 6. อวยั วะใดเป็นสว่ นแรกของระบบย่อยอาหาร 1. เผือก ขนมจนี 1. กระเพาะอาหาร 2. เสน้ หม่ี ขา้ วสวย 2. หลอดอาหาร 3. กล้วยนา้ ว้า มะเขือเทศ 3. ลาไสเ้ ลก็ 4. นมถ่วั เหลอื ง เนื้อไก่ตม้ 4.ปาก 2. สารอาหารขอ้ ใดชว่ ยซอ่ มแซมสว่ นทส่ี กึ หรอ 7. ถา้ รับประทานไก่ทอด จะเกดิ การย่อยทอี่ วยั วะ ของรา่ งกาย ในข้อใด 1. คาร์โบไฮเดรต 1. กระเพาะอาหาร ลาไส้เลก็ 2. โปรตีน 2. หลอดอาหาร ลาไสใ้ หญ่ 3. ไขมัน 3. ทวารหนัก ตับอ่อน 4.น้า 4. ปาก ตบั 3. นักเรยี นควรเลือกรับประทานอาหารในข้อใด 8. อวัยวะในขอ้ ใดมหี น้าที่สรา้ งน้าดี จึงจะได้อาหารหลักครบ ๕ หมู่ 1. หลอดอาหาร 1. ราดหน้าไก่ 2. ลาไสเ้ ลก็ 2. ขนมปังทาเนย 3. ปาก 3. นมเปร้ยี ว 4. ตับ 4. ไอศกรมี 9. ขอ้ ใดกลา่ วถูกต้องเกยี่ วกับลาไส้ ใหญ่ 4. ตามธงโภชนาการระบใุ ห้รบั ประทานอาหาร 1. ทาหนา้ ทด่ี ดู ซึมน้าและเกลอื แร่ ประเภทใดนอ้ ยท่สี ุด 2. ทาหนา้ ท่ยี อ่ ยอาหารประเภทไขมัน 1. แป้ง–ข้าว 3. ทาหน้าท่ียอ่ ยอาหารประเภทโปรตนี 2. พืช ผกั ผลไม้ 4.ทาหน้าที่ย่อยอาหารประเภท 3. น้ามัน นา้ ตาล เกลือ 4.เน้อื สตั ว์ นม ถ่วั คารโ์ บไฮเดรต 5. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ตอ้ งเกี่ยวกบั การบริโภคอาหาร 10. ข้อใดเป็นการปฏบิ ัตติ นที่ไม่ถกู ต้องในการดแู ล อยา่ งมสี ดั ส่วน รักษาอวัยวะในระบบยอ่ ยอาหารให้ทางานได้เป็น 1. รับประทานส้มตาทกุ มื้อชว่ ยลดความ ปกติ อว้ น 1. รับประทานอาหารตรงเวลา 2. รับประทานอาหารเผ็ด ๆ ทาให้เจรญิ 2. รับประทานอาหารทม่ี รี สจดั อาหาร 3. รับประทานอาหารในปรมิ าณทเี่ หมาะสม 3. รับประทานอาหารชนดิ ใดก็ไดแ้ ต่ต้อง 4. รับประทานอาหารหลากหลายชนิดครบ ครบ ๕ หมู่ ๕ หมู่ 4. รับประทานอาหารซา้ ๆ กันทกุ มอ้ื เพ่อื ให้ไดส้ ารอาหารครบถว้ น 18 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 11.ข้อความใดถกู ตอ้ ง ก. อาหาร คอื สิ่งทร่ี ับประทานแลว้ มปี ระโยชนต์ อ่ รา่ งกาย ข. อาหาร คือ ส่งิ ท่เี รารบั ประทานเข้าไปทกุ ชนดิ ค. อาหารและสารอาหารคือสง่ิ เดียวกัน ง. สารอาหาร คอื สารเคมที อี่ ยใู่ นอาหาร 1. ข้อ ก และ ค 2. ข้อ ก และ ง 3. ข้อ ข และ ค 4. ขอ้ ข และ ง 12.สารอาหารชนดิ ใดให้พลงั งานแกร่ ่างกาย 1. โปรตนี คารโ์ บไฮเดรต วติ ามิน 2. โปรตนี วติ ามนิ เกลอื แร่ 3. โปรตนี คาร์โบไฮเดรต ไขมัน 4. คาร์โบไฮเดรต ไขมนั 13.หากนักเรยี นรับประทานขา้ วไขเ่ จยี วหมสู ับ ในมื้อนัน้ นักเรียนไดร้ บั สารอาหารครบท้งั 5 หมหู่ รือไม่ อย่างไร 1.ครบ 2. ไมค่ รบ ขาดโปรตนี 3.ไม่ครบ ขาดวติ ามนิ และเกลือแร่ 4. ไม่ครบ ขาดไขมัน 14.วิตามนิ ในข้อใดละลายในน้าได้ 1. วิตามนิ A 2. วิตามิน B 3. วิตามนิ E 4. วติ ามิน K 15.ข้อใดไมใ่ ช่ประโยชน์ของนา้ 1. ชว่ ยควบคมุ อณุ หภูมิในร่างกาย 2. ช่วยย่อยอาหาร 3. ชว่ ยลาเลียงของเสีย 4. ช่วยใหร้ า่ งกายมพี ลงั งาน 16.วัยใดท่รี ่างกายมีการเปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ และชดั เจนทส่ี ุด 1.วยั เด็ก 2. วัยรนุ่ 3.วัยหนมุ่ สาว 4. วัยผู้ใหญ่ 17.วยั ใดทีร่ ่างกายไม่มกี ารเจรญิ เตบิ โต . 1.วยั ทารก 2. วัยเดก็ 3.วัยรุน่ 4. วัยชรา 18.วัยใดควรรบั ประทานอาหารทยี่ ่อยงา่ ยและเน้นแคลเซียม 1.วยั รนุ่ 2. วัยหนุม่ สาว 3. วัยผู้ใหญ่ 4. วยั ชรา 19.นักเรียนมวี ธิ กี ารเลือกรบั ประทานอาหารอย่างไร 1. เลอื กให้เหมาะสมกบั เพศและวัย 2. เลือกรบั ประทานอาหารทหี่ ลากหลายและครบทั้ง 5 หมู่ 3. ไม่รบั ประทานแป้งและไขมนั เพราะใหพ้ ลังงานสูง 4. ขอ้ 1 และ 2 ถูกตอ้ ง 19 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 20.อาหารชนดิ ใดใหพ้ ลังงานมากที่สดุ 1. ไข่ต้ม 2. ผลไม้ 3. สลัดผัก 4. โรตที อด 21.อวัยวะใดทาหนา้ ท่ใี นการย่อยโปรตนี เท่าน้นั 1. ปาก 2. หลอดอาหาร 3. กระเพาะอาหาร 4. ลาไส้เล็ก 22.อาหารชนิดใดไม่มสี ิง่ เจือปนในอาหาร 1. แหนม 2. ไส้กรอก 3. ลกู ช้นิ 4. ฝรง่ั สด 23.คนท่ีเปน็ โรคเกี่ยวกบั ตบั สง่ ผลกระทบตอ่ การยอ่ ยสารอาหารประเภทใด 1. โปรตนี 2. คาร์โบไฮเดรต 3. ไขมัน 4. วิตามนิ และเกลือแร่ 24.ขอ้ ใดเรยี งลาดบั การยอ่ ยอาหารในระบบย่อยอาหารถูกต้อง 1. ปาก หลอดอาหาร ลาไสเ้ ล็ก กระเพาะอาหาร ลาไส้ใหญ่ 2. ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลาไส้เลก็ ลาไสใ้ หญ่ 3. ปาก หลอดอาหาร ลาไส้เลก็ ลาไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร 4. ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลาไสใ้ หญ่ ลาไสเ้ ล็ก 25.ขอ้ ใดเป็นวิธีการดแู ลรักษาอวยั วะในระบบยอ่ ยอาหาร 1. เคยี้ วอาหารให้ละเอียดเพอื่ ให้รา่ งกายย่อยอาหารได้ง่ายขนึ้ 2. รับประทานรสจดั เพ่ือเปน็ การฝกึ ฝนตนเอง 3. รับประทานอาหารเฉพาะเวลาหิวเพราะรา่ งกายจะได้ย่อยได้เร็วขนึ้ 4. ถกู ต้องทกุ ขอ้ 26. การกล้ันอจุ จาระนาน ๆ ส่งผลต่อรา่ งกายอยา่ งไร ตอบ...................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 27. รา่ งกายย่อยผักและผลไม้ที่อวัยวะใด ตอบ...................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 28. หากระบบย่อยอาหารทางานได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ จะสง่ ผลต่อร่างกายอยา่ งไร ตอบ...................................................................................................................................................... 29. ตบั และตับอ่อนเกยี่ วขอ้ งกบั ระบบย่อยอาหารอย่างไร ตอบ...................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 20 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand ใบงานท่ี 1.1 วเิ คราะหส์ ารอาหาร คาช้ีแจง ให้นักเรยี นวิเคราะห์สารอาหารที่รบั ประทานในมอ้ื เช้า โดยมีลาดับขน้ั ตอนตอ่ ไปนี้ - บอกชือ่ เมนูอาหารทน่ี ักเรียนรบั ประทานในมอ้ื เช้า - วาดภาพและระบายสี - ชบ้ี อกช่ือสารอาหารท่ีมีอย่ใู นส่วนประกอบของอาหาร - อธิบายประโยชนข์ องสารอาหารนน้ั ๆ - ตอบคาถาม 1.มนูอาหารมื้อเช้า คอื ...................................................................................................... 2.อาหารท่นี กั เรยี นรบั ประทานในมื้อเชา้ มีสารอาหารครบทุกประเภทหรือไม่ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 3.จากขอ้ ท่ี 2 หากรบั ประทานอาหารไม่ครบทกุ ประเภท นักเรียนควรรบั ประทานอะไรในม้ือเย็น เพือ่ ให้ได้ สารอาหารครบถ้วน ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................... 21 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand ใบงานท่ี 1.2 คดั สรรเมนู คาช้ีแจง ให้นกั เรียนเลือกเมนูอาหารที่มใี นรา้ นอาหารแห่งหนงึ่ ให้เหมาะสมกบั บุคคลตอ่ ไปน้ี 1.น้องพลอยจะเข้าเรยี นอนุบาลในปหี น้า ........................................... 2.พ่ีพอชจะเขา้ เรยี นมหาวทิ ยาลยั ในปีหน้า ........................................... 3.คณุ ลงุ ที่มาเยย่ี มคณุ พอ่ ........................................... 4.ตวั นักเรียนเอง ........................................... 5.คณุ ยาย ........................................... 22 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand ใบงานที่ 1.5 แนวทางในการดูแลรกั ษาอวยั วะในระบบย่อยอาหาร คาช้ีแจง ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ 1. จดุ ประสงคข์ องกิจกรรมน้ี คอื อะไร .................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................... 2.บันทึกผลการสบื ค้นข้อมลู - แหล่งความรู้ท่ีสบื ค้น คอื ....................................................................................................................... - ขอ้ มลู จากการสืบคน้ ข้อมลู ได้แก่ ......................................................................................................................................................... ......... .................................................................................................................................................................... 5. ความรู้ทีไ่ ด้จากการอภิปราย ได้แก่ ....................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... คาถามท้ายกิจกรรม 1.แนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะในระบบยอ่ ยอาหารมอี ะไรบา้ ง ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 2.หากไม่ดแู ลรักษาอวยั วะในระบบย่อยอาหารจะสง่ ผลต่อร่างกายอยา่ งไร ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 23 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 2หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี การแยกสารผสม ตัวชี้วัด • อธิบายและเปรียบเทยี บการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การรอ่ น การใช้แม่เหล็ก ดึงดดู การรนิ ออก การกรอง และการตกตะกอน โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ รวมท้งั ระบุวธิ แี ก้ปญั หาในชีวติ ประจาวันเกยี่ วกบั การแยกสาร MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 1. การแยกสารผสม “แนวคิดสาคัญ” สารผสมประกอบด้วยสารตง้ั แต่ 2 ชนิดข้ึนไปผสมกนั วิธกี ารทเ่ี หมาะสมในการแยกสารผสมข้ึนอยู่กบั ลกั ษณะและ สมบตั ขิ องสารท่ีผสมกนั การหยิบออกและการรอ่ นเปน็ วิธกี ารแยกสารผสมทีม่ ี องค์ประกอบเป็นของแข็งท่ีมขี นาดแตกตา่ งกันอยา่ งชัดเจน การใช้แม่เหล็กดงึ ดูด เหมาะกับสารทม่ี สี ารแม่เหลก็ เป็น องค์ประกอบ การรินออก การกรอง หรอื การตกตะกอน เหมาะกับ สารท่ไี มล่ ะลายในของเหลว การแยกสารด้วยวิธีต่าง ๆ เป็นวธิ กี ารแยกสารทส่ี ามารถ ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน สสาร คอื สง่ิ ที่มมี วล ตอ้ งการทีอ่ ยู่ และสามารถสมั ผสั ได้ดว้ ยประสาทสัมผสั เช่น ข้าวสาร ถั่วเขียว ผลไม้ อากาศ และน้า สาร คอื สสารทม่ี ีสมบตั ชิ ัดเจนและมีองคป์ ระกอบท่ีแนน่ อน เช่น น้าตาล น้า และแกสสออกซิเจน สารที่อยูร่ อบตวั เราสว่ นใหญม่ กั จะเปน็ สารผสมทปี่ ระกอบด้วยสารตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป สารบาชนิดเมอ่ื ผสมกนั แลว้ มีลกั ษณะเปน็ เนอ้ื เดียวกนั เช่น น้าเชื่อม น้าเกลอื น้าเช่ือม น้าเกลือ 25 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand แตส่ ารบางชนดิ เม่อื ผสมกนั แลว้ มีลกั ษระเปน็ เน้ือผสม เชน่ ส้มตา น้าพรกิ กะปิ ต้มจดื และมอดใน ข้าวสาร นา้ พริกกะปิ มอดในขา้ วสาร 26 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 27 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 28 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 29 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 30 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand กิจกรรมตรวจสอบการเรยี นรทู้ ่ี2.1 1. การแยกสารผสมคอื อะไร ตอบ........................................................................................................................................ ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 2. การแยกสารผสมโดยการหยบิ ออก การ ร่อน และการใช้แม่เหล็กดดู เหมาะกบั สารผสมท่มี ลี กั ษณะ แตกต่างกันอย่างไร ตอบ................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................33. การแยกสารผสมโดยการรนิ ออก การกรอง และการตกตะกอน เหมาะกับสารผสมทม่ี ีลกั ษณะแตกตา่ งกนั อยา่ งไร ตอบ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 4. หากคณุ แม่ทากญุ แจหล่นลงในบ่อเลยี้ งปลาหน้าบา้ น นักเรียนจะแนะนาวิธกี ารนากญุ แจขึน้ มาอย่างไร ตอบ................................................................................................................................................. . ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 31 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 1.ข้อใดคือสสาร 8.การแยกนา้ เกลือผสมกบั ผงถ่านมลี าดบั ข้ันตอน 1.นา้ แขง็ 2.ไอศกรีม อย่างไร 3.น้าเช่ือม 4.ถกู ต้องทุกข้อ 1.การหยิบออก การตกตะกอน 2.การหยบิ ออก การระเหยแห้ง 2.ขอ้ ใดคือสารผสม 3. การหยบิ ออก การกรอง 1.น้าเชอ่ื ม 2.นา้ เปลา่ 4.การกรอง การระเหยแหง้ 3.สารสม้ 4.ทองคา 9.นกั เรยี นควรแยกกรวดออกจากทรายโดยวธิ กี าร 3.สารผสมในข้อใดควรแยกออกจากกันโดยการ ใด ร่อน 1.การทาใหต้ กตะกอน 2.การกรอง 1.ถวั่ เขียวผสมกับถั่วแดง 3.การใช้ตะแกรงรอ่ น 4.การพัด 2.ทรายผสมกับนา้ 3.นา้ ตาลทรายผสมกบั แปง้ มนั 10.การกรองควรนาไปใช้ในการแยกสารผสมชนดิ 4.ผงตะไบเหลก็ ผสมกบั แปง้ มัน ใด 1. แยกของแขง็ ออกจากของเหลว 4.สารผสมในข้อใดควรแยกออกจากกันโดยการ 2. แยกของแข็งที่มีขนาดตา่ งกนั หยิบออก 3. แยกของแขง็ ทลี่ ะลายในของเหลว 1.พรกิ และกระเทียม 4. แยกของแขง็ ทมี่ ีความหนาแน่นต่างกัน 2.ข้าวสารและแกลบ 3.ผงตะไบเหล็กผสมกบั แป้งมนั 11.สารผสมคูใ่ ดใชว้ ธิ ีการแยกสารเหมอื นกนั 4.ทรายและกรวด 1. กากมะพร้าวในน้ากะทิ - ข้าวสารในน้า ซาวข้าว 5.ผ้าขาวบางเปน็ อปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในการแยกสารผสม 2. ขา้ วสารในน้าซาวขา้ ว – พรกิ กบั ดว้ ยวิธีการใด กระเทียม 1.การรอ่ น 2.การกรอง 3. ปนู แดงในน้าปนู ใส – กากมะพร้าวใน 3.การตกตะกอน 4.การระเหยแห้ง น้ากะทิ 4. เศษผงในแปง้ มนั - ทรายกบั กรวด 6.สารผสมในขอ้ ใดควรแยกออกจากกนั โดยการ ระเหยแหง้ 12.สมัยก่อนชาวบา้ นทอี่ าศยั อยู่ริมคลองต้องใชน้ ้า 1.น้ากะทิ 2.นา้ เกลือ ในคลองมาอปุ โภค สง่ิ ใดทชี่ ่วยให้ตะกอนในนา้ 3.น้าปนู ใส 4.พิมเสนและการบรู คลองตกตะกอนไดง้ า่ ยข้นึ 1.กอ้ นหนิ 2. เกลือสมุทร 7.การหยบิ ออกเหมาะกับการแยกสารผสมทมี่ ี 3. เกลอื สินเธาว์ 4.สารส้ม ลกั ษณะและสมบตั ิอยา่ งไร 1.เปน็ ของแขง็ กบั ของแข็ทม่ี ขี นาดใหญ่ 2.เปน็ ของแขง็ กับของแข็ทีม่ ขี นาดเลก็ 3.เป็นของแขง็ กับของแข็ทีม่ ีขนาดใกล้ เคยี งกัน 4.ถกู ต้องทกุ ขอ้ 32 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 13.ถา้ ต้องการแยกสาร A B C และ D โดยใชต้ ะแกรงร่อนที่มขี นาดรู 0.3 เซนตเิ มตร แล้วนาไปละลายใน น้า ไดผ้ ลดงั ตาราง สาร ขนาดของสาร การละลายน้า A 0.5 เซนตเิ มตร ได้ B 0.7 เซนตเิ มตร ไมไ่ ด้ C 0.2 เซนติเมตร ได้ D 0.4 เซนติเมตร ไมไ่ ด้ สารใดสามารถแยกออกมาไดเ้ ปน็ ลาดับแรก 1. A 2. B 3. C 4. D 14.จากการแยกสารและตารางในข้อ13ถา้ นาสารทเี่ หลอื จากการละลายน้ามากรอง สารที่ผ่านกระดาษ กรองคอื สารใด 1. A 2. B 3. C 4. D 15.การทาเกลอื สมุทรต้องใช้วิธกี ารแยกสารในขอ้ ใด 1. การละลาย 2. การระเหย 3. การตกตะกอน 4.การรินออก 16.บอกวธิ ีการแยกสารผสมตอ่ ไปน้ี พรอ้ มบอกเหตุผล 16.1 แยกเขม็ หมดุ ทีป่ ะปนอยู่ในเศษผา้ ตอบ.............................................................................................................................................................. ...................................................................................................................................................................... 16.2 แยกเศษผงออกจากแป้งมนั ตอบ.............................................................................................................................................................. ...................................................................................................................................................................... 16.3 แยกชนดิ ของสตั วท์ ะเลจากการทาประมง ตอบ.............................................................................................................................................................. ...................................................................................................................................................................... 16.4 แยกเศษใบเตยออกจากนา้ ใบเตยปนั่ ตอบ.............................................................................................................................................................. ...................................................................................................................................................................... 33 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand ใบงานที่ 2.1 การแยกสาร คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นวเิ คราะห์วธิ ีการทเ่ี หมาะสมกบั การแยกสารผสมต่อไปน้ี สารผสม วิธกี ารแยกสาร เหตุผล 1. มอดในข้าวสาร 2. หอมแดงผสมกบั พรกิ และ กระเทียม 3. เศษผงที่ผสมในแปง้ มัน 4.เศษลวดเย็บกระดาษใน กระเป๋าใสดนิ สอ 5. กรวดผสมกับทรายละเอยี ด 6. ขา้ วเหนยี วผสมกับน้า 7. กากมะพรา้ วในนา้ กะทิ 8. นา้ ทะเล 9. ปนู แดงผสมกับน้า 34 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand ใบกจิ กรรมที่ 2.1 การแยกสารผสมท่มี อี งค์ประกอบเป็นของแข็งกบั ของแขง็ คำชีแ้ จง ให้นกั เรยี นตอบคำถำมต่อไปนี้ - จุดประสงค์ของกจิ กรรมนี้ คืออะไร ........................................................................................................ - คาถามสาคัญของการทากจิ กรรมน้ี คือ .................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ตอนที่ 1 ตารางบันทึกผลการแยกสาร ตอนที่ 1 สารผสม ลักษณะและสมบัติ วธิ ีการแยกสาร อปุ กรณ์ ผลการแยกสาร ชุดที่ 1 ของสารผสม (ถ่วั เขยี วผสมกับ ถ่วั แดง) ชดุ ท่ี 2 (แปง้ มันผสมกบั น้าตาลทราย) ชดุ ท่ี 3 (แปง้ มันผสมกับ ผงตะไบเหล็ก) - ผลการสะท้อนความคิด ..................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................... - สรุปผลการแยกสาร ตอนที่ 1 ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... 35 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

ตอนที่ 2 The genius center Thailand ตารางบันทกึ ผลการแยกสาร ตอนท่ี 2 ผลการแยกสาร สารผสม ลกั ษณะและ วิธีการแยกสาร อปุ กรณ์ สมบตั ขิ องสาร ถ่วั เขียวผสมกบั นา้ ตาลทราย ผสม แปง้ มนั และ ผงตะไบเหลก็ -ผังขน้ั ตอนการแยกสารผสมในตอนที่ 2 36 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand คาถามท้ายกิจกรรม 1. การแยกสารผสมคืออะไร .............................................................................................................................................................. 2. นักเรียนใช้วธิ ีใดในการแยกสารผสมชดุ ที่ 1 ................................................................................................................................................................... 3. นักเรียนใช้วธิ ีใดในการแยกสารผสมชดุ ท่ี 2 ............................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนใชว้ ธิ ีใดในการแยกสารผสมชดุ ท่ี 3 .............................................................................................................................................................. 5. วธิ ีการแยกสารผสมชดุ ท่ี 1 – 3 เหมาะกับสารผสมท่มี ลี กั ษณะและสมบตั แิ ตกตา่ งกันอย่างไร .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. 6. นักเรียนมขี นั้ ตอนในการแยกสารผสมชุดที่ 4 อยา่ งไร พรอ้ มทัง้ ใหเ้ หตผุ ล .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. 37 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 3หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี หนิ และซากดกึ ดาบรรพ์ ตวั ช้ีวดั • เปรยี บเทยี บกระบวนการเกิดหนิ อคั นี หนิ ตะกอน และหนิ แปร และอธบิ ายวัฏจักรหนิ จากแบบจาลอง • บรรยายและยกตวั อยา่ งการใช้ประโยชนข์ องหินและแรใ่ นชีวิตประจาวันจากขอ้ มลู ที่ รวบรวมได้ • สรา้ งแบบจาลองท่ีอธิบายการเกิดซากดึกดาบรรพแ์ ละคาดคะเนสภาพแวดล้อมในอดตี ของซากดกึ ดาบรรพ์ 38 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 1. หนิ และวฏั จกั รหนิ “แนวคิดสาคัญ” หินเป็นวสั ดแุ ข็งบนเปลอื กโลกท่ีเกดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติประกอบดว้ ยแร่ต้ังแต่ 1 ชนิดหรือหลายชนิด หรือหลายชนดิ มาประกอบสามารถจาแนกหินกระบวนการเกิดได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ หินอัคนี หินตะกอน และหนิ แปร หินอัคนเี กดิ จากการเย็นตัวของเมกมา เนอื้ หินมลี กั ษณะเปน็ ผลกึ ทัง้ ขนาดใหญแ่ ละขนาดเล็ก บางชนิด อาจเป็นเนื้อแก้วหรอื มีรูพรุน หนิ ตะกอนเกดิ จากการทบั ถมของตะกอนเม่ือถูกแรงกดทบั และมสี ารเชอื่ มประสานจึงเกิดเป็นหิน เนื้อ หนิ กลุ่มนสี้ ว่ นใหญ่มีลกั ษณะเปน็ เมด็ ตะกอน มีทัง้ เนือ้ หยาบและเนอ้ื ละเอียดบางชนิดเป็นเนื้อผลึกทยี่ ดึ เกาะจาก การตกผลกึ หรือตะกอนจากน้าโดยเฉพาะน้าทะเล บางชนดิ มลี ักษณะเปน็ ช้นั ๆ จงึ เรยี กวา่ หินชน้ั 39 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 40 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 41 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 42 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand แร่ คอื ธาตุหรือสารประกอบที่เกดิ ข้นึ เองตามธรรมชาติ มลี กั ษณะเปน็ ผลึกรูปร่างต่าง ๆ อาจมีสี เดียวหรอื หลายสขี ้ึนอย่กู ับประเภทของแร่ สามารถแบง่ ประเภทของแร่โดยใช้ลักษณะการใช้ประโยชนเ์ ปน็ เกณฑไ์ ด้เป็น 4 ประเภท ได้แก่ แร่โลหะ แรอ่ โลหะ แร่เช้ือเพลงิ และแร่รตั นชาติ แรอ่ เมทสิ ต์ แรค่ าลแคนไทต์ แรอ่ อริคาลไซต์ แร่ควอตซ์ (สีแดง) แรค่ วอตซ์ (สใี ส 43 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand แร่โลหะ เป็นแร่ที่มีโลหะเป็นส่วนประกอบสาคัญ เมื่อผ่านการถลุงจะสามารถแยกโลหะ ออกมาเพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ได้ เชน่ แรท่ องคา แร่เงนิ แรเ่ หล็ก แร่ตะกั่ว แรท่ องคา แรเ่ งิน แร่เหล็ก แรต่ ะก่วั แร่อโลหะ เปน็ แร่ทไ่ี มม่ ีโลหะเป็นส่วนประกอบ สามารถนามาใช้งานโดยไม่ต้องผ่านการถลุง เช่น แร่ยิปซัม แร่ควอตซ์ แรย่ ิปซมั แรค่ วอตซ์ 44 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand แร่เชือ้ เพลิง เปน็ แรเ่ กดิ จากการทบั ถมของซากพืชซากสัตว์ จนสลายตวั และเกิดปฏิกิริยาเคมี กลายเปน็ เช้ือเพลงิ ธรรมชาติ เชน่ ถา่ นหิน หนิ นา้ มัน ถา่ นหนิ หนิ น้ามนั แรร่ ัตนชาติ เปน็ แรท่ ี่มคี วามสวยงามเม่ือผ่านการเจยี ระไน สามารถนามาใช้ทาเครื่องประดับ ได้ เช่น เพชร พลอยมรกต เพชร พลอยมรกต 45 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand ปัจจุบันมีการนาลักษณะและสมบัติของแร่ชนิดต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันใน ลกั ษณะต่าง ๆ เชน่ นาแรม่ าทาเคร่อื งสาอาง ยาสีฟนั เครื่องประดับ และอุปกรณท์ างการแพทย์ ดังรปู 46 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand หินแตป่ ระเภทมกี ระบวนการเกิดต่างกัน ทาให้ลักษณะและสมบัติที่ต่างกันจึงทาให้มนุษย์นา หนิ มาใช้ประโยชน์ตั้งแตส่ มยั โบราณจนถงึ ปจั จบุ นั ดังรปู หนิ แกรนติ เป็นหินอัคนีที่มี หินพัมนิช เป็นหินอัคนีท่ีเกิด ความแข็งแรงและความทด จากเถ้าภูเขาไฟมีลักษณะเป็นรู ทานสูง นิยมนามาทาครก พรนุ นยิ มนามาใชเ้ ป็นวัสดขุ ัดถู หนิ และวสั ดกุ อ่ สร้าง หินชนวน เปน็ หนิ แปรที่สามารถแซะ ออกเป็นแผ่นบาง ๆ ได้ ในสมัย โบราณนิยมนามาทาเป็นกระดาน ช น ว น เ พื่ อ ใ ช้ ใ น ก า ร เ ขี ย น ห นั ง สื อ ปัจจุบันนิยมนามาใช้ในการตกแต่ง อาคารบา้ นเรอื น หินทราย เป็นหินตะกอน นิยมนามาแกะสลักเป็น รูปรา่ งต่าง ๆ หนิ อ่อน เปน็ หินแปรที่มีเนื้อละเอียด และมีลวดลายสวยงาม จึงนิยมนามา ทาเป็นพ้นื บา้ น ผนงั บ้าน 47 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand กจิ กรรมตรวจสอบการเรยี นรทู้ ่ี3.1 1. มนุษย์นาหินและแร่ชนดิ ตา่ ง ๆ มาใช้ประโยชนแ์ ตกตา่ งกนั โดยพจิ ารณาจากสง่ิ ใด ตอบ........................................................................................................................................ ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 2. ยกตวั อยา่ งแรท่ ี่นามาทาเครื่องสาอาง ทายาสฟี ัน ทาเครื่องประดบั อปุ กรณ์การแพทย์ ตอบ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 3. ยกตวั อย่างการนาหนิ ชนิดตา่ ง ๆ มาใชป้ ระโยชน์ ตอบ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ 4. เหตใุ ดสนุ ทรภจู่ ึงใชก้ ระดานชนวนในการเขยี นหนงั สอื ตอบ................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................ 5. นกั ธรณีวทิ ยาจาแนกหนิ ออกเป็น 3 ประเภท ตามขอ้ ใด 8. หินขอ้ ใดแปรสภาพมาจากหนิ ทราย 1. หนิ อคั นี หินปูน หินตะกอน 1. หนิ พมั มมมิช 2. หนิ อัคนี หินตะกอน หินชน้ั 2. หินดนิ ดาน 3. หนิ อัคนี หนิ ตะกอน หนิ แปร 3. หินบะซอลต์ 4. หนิ อคั นี หินบะซอลต์ หนิ แปร 4. หินควอร์ตไซต์ 6. หนิ ชนิดใดมลี ักษณะเปน็ ช้ัน ๆ 9. หินอัคนเี กดิ ข้นึ จากกระบวนการในข้อใด 1. หนิ แกรนติ 1. การทบั ถมมของตะกอน 2. หนิ ดนิ ดาน 2. การเย็นตวั ของแมมกมมา 3. หินบะซอลส์ 3. ความมเยน็ ความมกดดัน 4. หินแอนดีไซต์ 4. การเคลื่อนตัวของชน้ั ดนิ 7. หนิ ในขอ้ ใดจัดอยู่ในกลมุ่ ของหินอัคนี 10. หินชนิดใดทเี่ ปลย่ี นมมาจากความมร้อน 1. หินแกรนติ ความมดัน และปฏกิ ริ ิยาเคมมี 2. หนิ ทราย 1. หินแปร 3. หินอ่อน 2. หนิ อคั นี 4. หินปนู 3. หินทราย 4. หนิ ตะกอน 48 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 2. ซากดึกดาบรรพ์ แนวคิดสาคญั ซากดึกดาบรรพ์ หมายถงึ ซากหรือรอ่ งรอย ของส่งิ มีชีวิตในอดีต ซากดึกดาบรรพเ์ กดิ จากการทบั ถมหรอื การ ประทบั รอยของสิ่งมชี วี ิต จนเกิดเปน็ โครงสร้างของ ซากหรอื รอ่ งรอยของส่งิ มีชีวติ ทีป่ รากฎอย่ใู นหินใน ประเทศไทยพบซากดึกดาบรรพท์ ีห่ ลากหลายเชน่ พชื ปะการัง หอย ปลา เตา่ ไดโนเสาร์ และ รอยเทา้ สัตว์ ซากดึกดาบรรพ์สามารถใช้เปน็ หลกั ฐาน หนึง่ ทช่ี ว่ ยอธิบายสภาพแวดลอ้ มของพื้นที่ในอดตี ขณะเกิดส่งิ มีชีวิตน้ัน และยังสามารถใช้ระบอุ ายุของ หนิ และเปน็ ขอ้ มลู ในการศกึ ษาวิวฒั นาการของ สงิ่ มชี ีวติ 49 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand

The genius center Thailand 50 MR.Chatchon Suajai & The genius center Thailand


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook