Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1 การใช้ความรู้ทางเคมีในการแก้ปัญหา

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1 การใช้ความรู้ทางเคมีในการแก้ปัญหา

Published by nong_cheme, 2021-12-21 09:04:11

Description: ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1 การใช้ความรู้ทางเคมีในการแก้ปัญหา

Search

Read the Text Version

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ วชิ า เคมี 6 รหสั วชิ า ว30226 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 เรอื่ ง เคมกี บั การแกป้ ัญหา ชุดท่ี 1 การใชค้ วามรู้ทางเคมีในการแก้ปัญหา จดั ทำโดย นำงสำวอรอนงค์ แคนจำ ตำแหนง่ ครู วทิ ยะฐำนะ ครชู ำนำญกำร โรงเรยี นสำมพรำนวทิ ยำ สำนักงำนเขตพืน้ ที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำนครปฐม กระทรวงศกึ ษำธิกำร



คาชแี้ จง ชดุ กิจกรรมการเรียนรทู้ ่ี 1 การใช้ความรทู้ างเคมีในการแก้ปัญหา 1 1. ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง เคมกี บั การแก้ปัญหา วชิ าเคมี 6 รหัสวชิ า ว30226 ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6 แบง่ เปน็ 4 ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ ดงั นี้ ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ที่ 1 เรื่อง การใช้ความรทู้ างเคมใี นการแกป้ ัญหา ชุดกจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ี 2 เรื่อง การบรู ณาการความรู้ในการแก้ปญั หา ชดุ กิจกรรมการเรยี นรูท้ ี่ 3 เรื่อง การนาเสนอผลงาน ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ที่ 4 เร่อื ง การเขา้ รว่ มประชุมวิชาการ 2. ชดุ กจิ กรรมการเรียนรูแ้ ต่ละเลม่ ประกอบด้วย 2.1 ปก 2.2 คานา 2.3 สารบญั 2.4 คาชแ้ี จง 2.5 คาแนะนาในการใช้แบบฝกึ ทักษะสาหรบั ครู 2.6 คาแนะนาในการใช้แบบฝึกทักษะสาหรบั นกั เรียน 2.7 ลาดับขนั้ ตอนในการเรียนโดยใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 2.8 แบบทดสอบก่อนเรยี น 2.9 ผลการเรียนรู้ 2.10 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.11 สาระสาคญั 2.12 บัตรความรู้ 2.13 บัตรกจิ กรรม 2.14 แบบทดสอบหลงั เรยี น 2.15 แบบบนั ทกึ สรุปผลการเรยี น 2.16 บรรณานุกรม 2.17 ภาคผนวก 3. ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้น้นี ี้เป็นชุดกิจกรรมที่ฝึกทักษะการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ วิชาเคมี 6 รหัสวิชา ว30226 เรอ่ื งเคมีกบั การแก้ปัญหา ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่อง การใชค้ วามรู้ทางเคมีในการแก้ปญั หา ใชเ้ วลาเรยี น 13 ช่วั โมง วิชา เคมี 6 รหสั ว30226 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6

คาแนะนา ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ี่ 1 การใชค้ วามรทู้ างเคมใี นการแก้ปัญหา 2 คำแนะนำกำรใช้ชุดกจิ กรรมกำรเรียนรสู้ ำหรบั ครู การใชช้ ดุ กิจกรรมการเรียนรู้ ครูผูส้ อนเป็นผมู้ ีบทบาทสาคญั สว่ นหนึ่งในการท่ีจะชว่ ยให้การดาเนินการเรียนรู้ ของนักเรียนให้บรรลุวัตถุประสงค์ ครูผู้สอนควรต้องศึกษารายละเอียดเก่ียวกับการปฏิบัติตนก่อนที่จะใช้แบบฝึก ทกั ษะ ดงั นี้ ขน้ั เตรียมกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ 1. ครผู สู้ อนตอ้ งศกึ ษาชุดแบบฝึกทักษะและอ่านเน้ือหาอย่างละเอียดรอบครอบ พร้อมท้ังทาความเข้าใจกับ เน้อื หาทกุ ชดุ ก่อนการใช้งาน 2. ครูผูส้ อนต้องเตรียมวสั ดอุ ปุ กรณ์สือ่ การเรียนการสอนตา่ ง ๆ สาหรับใหน้ กั เรียนปฏิบัติกิจกรรมให้ครบถ้วน และเพียงพอกบั จานวนนักเรยี น 3. ครูผู้สอนต้องมบี ัญชขี อง Google เพอื่ เข้าใช้ Google Drive แล้วเปิดไฟล์แบบทดสอบก่อนเรียนและหลัง เรียน เรื่อง การบูรณาการความรู้ในการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นแบบทดสอบออนไลน์บน Google form แล้วเลื่อนปุ่ม “เปิดรับคาตอบ” เพือ่ เปดิ รบั คาตอบจากการทาแบบทดสอบของนกั เรียน ขน้ั กำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 1. ครผู สู้ อนชแ้ี จงให้นักเรยี นทราบถึงลาดบั ขั้นตอนและวิธีการสอนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างชัดเจน และประโยชนท์ ไ่ี ดร้ ับจากการสอนโดยใชช้ ดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ 2. ครูผู้สอนให้นักเรียนศึกษาผลการเรียนรู้/จุดประสงค์การเรียนรู้และทาแบบทดสอบก่อนเรียนโดยใช้ โทรศพั ท์มอื ถือสมารท์ โฟน หรอื แท็บเล็ต สแกนตวั QR Code ท่อี ยใู่ นหน้าแบบทดสอบกอ่ นเรียน เพ่ือทดสอบความรู้ พื้นฐานของนกั เรยี นโดยใชเ้ วลา 10 นาที 3. ครผู สู้ อนต้องชีแ้ จงใหน้ ักเรยี นทราบเก่ียวกับบทบาทของนักเรยี นในการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้เข้าใจและเนน้ ยา้ เรอ่ื งความซ่ือสัตย์โดยไมค่ ัดลอกเพอื่ นหรอื ดเู ฉลยกอ่ น 4. ในขณะท่ีนักเรียนกาลังศึกษาเน้ือหาหรือทากิจกรรม ครูผู้สอนควรสังเกตการทางานของนักเรียนอย่าง ใกล้ชดิ หากนกั เรยี นคนใดมขี ้อสงสยั ครผู ูส้ อนจะตอ้ งชว่ ยเหลือไดท้ นั ที 5. เวลาท่ีใช้ในการเรียนจากการทากิจกรรมของนักเรียนแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน ครูผู้สอนควรยืดหยุ่นได้ ตามความเหมาะสมกบั สถานการณ์ 6. ในกรณีที่นักเรียนคนใดขาดเรียน ให้นักเรียนศึกษาเป็นรายบุคคลจากชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ครูผู้สอน เตรยี มไวใ้ ห้ 7. เมื่อนักเรียนทาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ครบแล้ว ให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนเพื่อประเมินความรู้ หลังเรียนโดยใช้โทรศพั ทม์ อื ถือสมารท์ โฟน หรอื แทบ็ เลต็ สแกนตวั QR Code ทอี่ ยู่ในหน้าแบบทดสอบหลงั เรยี น 8. การวัดและประเมนิ ผล ประเมนิ ผลจากแบบทดสอบหลงั เรียน และบตั รกจิ กรรม วชิ า เคมี 6 รหัส ว30226 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6

คาแนะนา ชุดกิจกรรมการเรียนร้ทู ี่ 1 การใช้ความรูท้ างเคมีในการแก้ปัญหา 3 คำแนะนำกำรใช้ชุดกิจกรรมกำรเรยี นรสู้ ำหรบั นักเรยี น ในการศึกษาชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง เคมกี บั การแก้ปญั หา วิชา เคมี 6รหัส ว30226 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 6 นักเรียนควรปฏบิ ัตติ ามขนั้ ตอน ดังน้ี 1. ใหน้ กั เรยี นอา่ นคาแนะนาสาหรับนักเรียนให้เข้าใจก่อนลงมือศึกษาโดยการทากิจกรรมตามลาดับขั้นตอน การเรียนรูท้ ่กี าหนดไว้ในชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ 2. ให้นกั เรียนศึกษาผลการเรียนร/ู้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้และทาแบบทดสอบก่อนเรียนโดยใช้โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต สแกนตัว QR Code ท่ีอยู่ในหน้าแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อทดสอบความรู้พ้ืนฐานของ นักเรยี น และประเมินวา่ นักเรียนมีพื้นฐาน ความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับเร่ืองท่ีจะเรียน มากน้อยเพียงใด โดยใช้เวลา 10 นาทีดว้ ยความตง้ั ใจ เมอ่ื ทาแบบทดสอบเสรจ็ แล้วให้สง่ คาตอบ ระบบจะประมวลผลเปน็ คะแนนออกมาให้นักเรียน ได้ทราบทนั ทีแลว้ บนั ทกึ คะแนนลงในตารางผลการทดสอบกอ่ นเรียน 3. นกั เรยี นศกึ ษาเน้ือหาการเรยี นรจู้ ากบัตรความรดู้ ว้ ยความต้ังใจแลว้ สรุปความคิดรวบยอดทไ่ี ด้ศึกษาร่วมกัน กับเพ่อื นในกลมุ่ กอ่ นทาบตั รกจิ กรรม 4. นักเรียนทาบัตรกิจกรรมด้วยความต้ังใจและซ่ือสัตย์โดยไม่เปิดดูเฉลยก่อน หากมีข้อซักถามสามารถ สอบถามครผู ้สู อนได้ 5. เม่อื นกั เรียนศึกษาและทากิจกรรมทุกขั้นตอนแล้ว ให้นกั เรยี นแลกเปลยี่ นกบั เพือ่ นในห้องเพอื่ ตรวจคาตอบ จากแนวคาตอบ 6. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี นโดยใช้โทรศพั ท์มอื ถือสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต สแกนตัว QR Code ท่ี อยใู่ นหน้าแบบทดสอบหลงั เรียน เมอ่ื ทาแบบทดสอบเสร็จแล้วให้ส่งคาตอบ ระบบจะประมวลผลเป็นคะแนนออกมา ใหน้ ักเรียนได้ทราบทันทแี ล้วบันทกึ คะแนนลงในตารางผลการทดสอบหลงั เรยี น 7. ถา้ นักเรยี นไมผ่ ่านเกณฑ์ท่ีระบุไว้ซึ่งก็คือ ร้อยละ 80 กล่าวคือ นักเรียนทาแบบทดสอบได้น้อยกว่า 8 ข้อ หรอื ได้ต่ากว่า 8 คะแนน ให้นักเรียนกลับไปศึกษาและทบทวนเนื้อหาในกิจกรรมน้ัน ๆ ใหม่แล้วทาแบบทดสอบหลัง เรียนใหผ้ ่านเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ ถ้านกั เรยี นเข้าใจแลว้ เรามา เริม่ เรียนกนั ได้เลย วิชา เคมี 6 รหัส ว30226 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6

ข้นั ตอนการใช้ ชดุ กิจกรรมการเรยี นรูท้ ี่ 1 การใช้ความรทู้ างเคมใี นการแก้ปัญหา 4 ขั้นตอนกำรใชช้ ุดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ START อำ่ นคำชแี้ จง ทดสอบกอ่ นเรียน กระบวนกำร กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ (5 STEPS) ทดสอบหลงั เรียน ผำ่ นเกณฑ์ ไมผ่ ่ำนเกณฑ์ รอ้ ยละ 80 รอ้ ยละ 80 ศกึ ษำชดุ ตอ่ ไป วชิ า เคมี 6 รหสั ว30226 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6

ทดสอบกอ่ นเรียน ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ที่ 1 การใชค้ วามรู้ทางเคมีในการแกป้ ัญหา 5 แบบทดสอบและบนั ทกึ คะแนนกอ่ นเรยี น ชุดกจิ กรรมกำรเรียนรทู้ ่ี 1 เร่ือง กำรใช้ควำมรทู้ ำงเคมใี นกำรแก้ปญั หำ ชอื่ -สกุล..............................................................................................ชนั้ ....................เลขท่ี................... คำชี้แจง ให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนโดยใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต สแกน QR Code ข้างล่าง โดยใช้เวลา 10 นาทดี ว้ ยความต้งั ใจ เมื่อทาแบบทดสอบเสร็จแล้วให้ส่ง คาตอบ แล้ว บนั ทกึ คะแนนท่ไี ดล้ งในตารางผลการทดสอบก่อนเรยี น ผลกำรทดสอบกอ่ นเรยี น คะแนนเต็ม 10 คะแนนทไ่ี ด้ ผลกำรประเมิน  ดีมำก  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ เกณฑ์กำรประเมิน ลงช่ือ........................................ผ้ปู ระเมิน  คะแนน 9-10 คะแนน (........................................)  คะแนน 7-8 คะแนน  คะแนน 5-6 คะแนน อยู่ในระดบั ดีมำก  คะแนน 0-4 คะแนน อยู่ในระดบั ดี อยู่ในระดับ พอใช้ อย่ใู นระดบั ปรับปรงุ วิชา เคมี 6 รหัส ว30226 ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6

แบง่ กลุ่ม ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1 การใช้ความร้ทู างเคมีในการแกป้ ัญหา 6 ก่อนท่ีเราจะเร่ิมเรียน เด็กๆ ช่วยกัน แบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4-5 คน โดยสมาชิกในกลุ่ม จะตอ้ งมีนสิ ยั ของสตั วส์ ่ีทิศคละกันตามความ เหมาะสม งัน้ เรามาเร่มิ กันเลย ช่อื กลุม่ ............................................................ รำยชอ่ื สมำชกิ เลขท่ี นสิ ัย หนำ้ ท่ีในกลุม่ หวั หน้า ชอ่ื -สกุล รองหวั หน้า กรรมการ กรรมการ กรรมการ เลขานุการ Let’s go วชิ า เคมี 6 รหัส ว30226 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6

การเรยี นรูต้ ง้ั คาถาม ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1 การใชค้ วามรทู้ างเคมใี นการแกป้ ัญหา 7 ตรวจสอบความร้กู ่อนเรียน 1. ใสเ่ คร่ืองหมาย ✓หน้าข้อความที่ถูกต้อง และเคร่ืองหมาย หนา้ ข้อความที่ ไมถ่ ูกต้อง ………1.1 วธิ กี ารทางวิทยาศาสตรม์ กี ารใช้การทดลองเพ่อื ตรวจสอบสมมตฐิ าน ….….1.2 ผลการทดลองจะต้องสอดคล้องกับสมมติฐาน สมมติฐานเป็นการคาดคะเนผลท่ี อาจจะเกิดขนึ้ ซ่งึ ผลการทดลองอาจสอดคลอ้ ง หรอื ไมส่ อดคล้องกับสมมตฐิ านก็ได้ ….….1.3 การเขยี นสมมตฐิ านควรระบุตัวแปรต้นและตัวแปรตามให้ชัดเจน ….….1.4 นยิ ามเชิงปฏิบตั ิการชว่ ยในการกาหนดวธิ ีและขอบเขตของการทดลอง ….….1.5 การเปลีย่ นแปลงคา่ ของตวั แปรทต่ี อ้ งควบคมุ ให้คงที่ไมม่ ีผลต่อคา่ ของตวั แปรตาม 2. พจิ ารณาสถานการณ์ตอ่ ไปน้ี เม่อื ผสมสารละลาย A กับสารละลาย B จะมฟี องแกส๊ เกิดขน้ึ ในการศกึ ษาอัตรา การเกิดแก๊ส ของปฏกิ ิรยิ าดังกล่าว นกั เรยี นคนหนึง่ ไดท้ าการทดลองดังน้ี 1. ใส่สารละลาย A 0.5 mol/L ปริมาตร 5 mL ลงในหลอดทดลองท่ี 1 และสารละลาย B 0.5 mol/L ปริมาตร 5 mL ลงในหลอดทดลองที่ 2 2. เทสารละลายในหลอดทดลองท่ี 1 ลงในหลอดทดลองท่ี 2 ทอ่ี ณุ หภูมหิ ้องและวัดอัตราการ เกดิ แกส๊ 3. ทาซา้ ข้อ 1–2 แตก่ อ่ นผสมใหน้ าหลอดทดลองทั้งสองหลอดแช่ในนา้ ร้อนท่ีอุณหภูมิ 70 oC ประมาณ 2 นาที 4. ทาซา้ ขอ้ 3 แตแ่ ชห่ ลอดทดลองทงั้ สองหลอดในน้าเยน็ ท่อี ณุ หภูมิ 10 oC แทนนา้ รอ้ น ต้ังสมมติฐาน ระบุตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปรท่ีต้องควบคุมให้คงที่ พร้อมกาหนดนิยาม เชงิ ปฏิบัติการของตวั แปรตาม โดยกรอกข้อมูลในกรอบที่กาหนดให้ สมมตฐิ ำน ............................................................................................................................. ....................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... วิชา เคมี 6 รหสั ว30226 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6

การเรยี นรตู้ ง้ั คาถาม ชดุ กิจกรรมการเรียนรทู้ ี่ 1 การใชค้ วามรูท้ างเคมีในการแก้ปัญหา 8 ตัวแปร ตัวแปรตน้ ............................................................................................................................................ ตัวแปรตำม.......................................................................................................................................... ตัวแปรควบคุม.................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... นยิ ำมเชงิ ปฏิบัตกิ ำร ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... บทนา : ฝนหลวง ใหน้ กั เรียนอา่ นบทความเรือ่ ง โครงการฝนหลวง แล้วให้นักเรียนตั้งคาถามหรือโจทย์โครงงานที่เกี่ยวข้อง กบั เรื่อง ฝนหลวง ฝนหลวง คือ เทคโนโลยีท่ีพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงคิดค้นและพัฒนาข้ึน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรจากการขาด แคลนนา้ เนอ่ื งจากฝนตกไมท่ ว่ั พ้นื ที่ หรือฝนทงิ้ ช่วง โดยวธิ กี ารทาฝนเทยี ม เปน็ วธิ ีท่มี ีการวางแผนการ ปฏบิ ัติการหวังผลทแ่ี น่นอน กาหนดจดุ ใหฝ้ นตกลงสพู่ นื้ ที่เป้าหมายท่กี าหนดได้ หลกั กำรของฝนเทยี ม หรือฝนหลวง การทาฝนเทียมหรือฝนหลวงเปน็ กรรมวิธีการเหนี่ยวนาน้าจากฟ้า ใช้เคร่ืองบินบรรจุสารเคมี ขึน้ ไปโปรยในท้องฟ้า โดยดูจากความชื้นของเมฆและสภาพทิศทางลมประกอบกัน ปัจจัยสาคัญท่ีทา ใหเ้ กดิ ฝนคือ ความร้อนชน้ื ปะทะความเย็น และมีแกนกล่ันตัวท่ีมีประสิทธิภาพในปริมาณท่ีเหมาะสม กล่าวคือ เมื่อมวลอากาศร้อนชื้นท่ีระดับผิวพื้นข้ึนสู่อากาศเบื้องบน อุณหภูมิของมวลอากาศจะลด ต่าลงจนถงึ ความสูงท่รี ะดับหนง่ึ หากอุณหภมู ทิ ่ลี ดตา่ ลงน้นั มากพอกจ็ ะทาใหไ้ อน้าในมวลอากาศอ่ิมตัว จะเกิดขบวนการกลั่นตัวเองของไอน้าในมวลอากาศขึ้นบนแกนกล่ันตัว เกิดเป็นฝนตกลงมา ฉะนั้น สารเคมีทีใ่ ชจ้ งึ ประกอบด้วย \"สูตรรอ้ น\" ใช้เพ่อื กระต้นุ เรง่ เรา้ กลไกการหมุนเวียนของบรรยากาศ \"สูตร เย็น\" ใช้เพ่ือกระตุน้ กลไกการรวมตวั ของละอองเมฆให้โตข้นึ เป็นเมด็ ฝน และสตู รที่ใช้ เป็นแกนดูดซับความชื้น เพอื่ ใช้กระตนุ้ กลไกระบบการกลั่นตัวให้มีประสิทธภิ าพสงู ขน้ึ วิชา เคมี 6 รหสั ว30226 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 6

การเรียนรตู้ ัง้ คาถาม ชุดกจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ี 1 การใช้ความรู้ทางเคมใี นการแกป้ ัญหา 9 ขัน้ ตอนวธิ กี ำรทำฝนหลวง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรง กาหนดขนั้ ตอนของกรรมวิธกี ารทาฝนหลวงขน้ึ เพือ่ ใหเ้ ข้าใจได้ง่ายๆ ตามลาดับ ดังนี้ ขัน้ ตอนที่หนึ่ง : \"ก่อกวน\" เปน็ ข้นั ตอนท่ีเมฆธรรมชาติ เร่ิมกอ่ ตวั ทางแนวต้งั การปฏบิ ตั ิการฝน หลวง ในขั้นตอนนี้ จะมุ่งใช้สารเคมีไปกระตุ้น ให้มวลอากาศเกิดการลอยตัวข้ึนสู่ เบ้ืองบน เพ่ือให้เกิด กระบวนการชักนาไอนา้ หรอื ความชืน้ เข้าสู่ระบบการเกิด เมฆ ระยะ เวลาท่ีจะปฏิบัติการในข้ันตอนนี้ ไมค่ วรเกนิ 10.00 น. ของแตล่ ะวนั โดยการใช้ สารเคมีที่สามารถดูดซับไอน้าจากมวล อากาศได้ แม้จะ มีเปอร์เซ็นต์ความช้ืนสัมพัทธ์ ต่า (มี ค่า Critical relative humidity ต่า) เพ่ือกระตุ้น กลไกของ กระบวนการกล่ันตัวไอนา้ ในมวล อากาศ (เป็นการสรา้ ง Surrounding ให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต ของเมฆด้วย) ทางด้านเหนือ ลมของพ้ืนท่ีเป้าหมาย เม่ือเมฆเริ่มเกิด มีการก่อตัว และเจริญเติบโตทาง ต้ังแล้ว จึงใช้สารเคมีท่ีให้ปฏิกิริยาคาย ความร้อนโปรยเป็นวงกลม หรือเป็นแนวถัดมา ทางใต้ลมเป็น ระยะทางส้นั ๆ เขา้ สกู่ อ้ นเมฆ เพอื่ กระตนุ้ ใหเ้ กดิ กลุ่มแกนร่วม(main cloud core) ในบริเวณปฏิบัติการ สาหรบั ใชเ้ ปน็ ศูนย์กลางที่จะสร้างกลุม่ เมฆฝนในขนั้ ตอนตอ่ ไป ข้ันตอนที่สอง : \"เล้ียง ให้ อ้วน\" เป็นข้ันตอนท่ีเมฆกาลัง ก่อตัวเจริญเติบโตซ่ึงเป็นระยะ สาคญั มาก ในการปฏิบตั กิ ารฝนหลวง เพราะจะต้องไป เพ่ิมพลังงานให้แก่ updraft ให้ยาวนานออกไป ต้อง ใช้เทคโนโลยีและประสบการณห์ รอื ศิลปะแห่ง การทาฝนควบคู่ไปพร้อมๆ กัน เพื่อตัดสินใจ โปรย สารเคมีฝนหลวงชนิดใด ณ ที่ใดของกลุ่ม ก้อนเมฆ และในอัตราใดจึงเหมาะสม เพราะ ต้องให้ กระบวนการเกิดละอองเมฆสมดลุ กบั ความแรงของ updraft มิฉะนั้นจะทาให้เมฆ สลาย ขนั้ ตอนที่สาม : \"โจมตี\" เปน็ ข้ันตอนสุดท้ายของกรรมวิธี ปฏิบัติการฝนหลวง เมฆ หรือ กลุ่ม เมฆฝนมี ความหนาแน่นมากพอท่ีจะสามารถตกเป็น ฝนได้ ภายในกลุ่มเมฆจะมีเม็ดน้าขนาดใหญ่ มากมาย หากเครื่องบินบินเข้าไปในกลุ่มเมฆฝนน้ี จะมีเม็ดน้าเกาะตามปีก และกระจังหน้า ของ เครื่องบิน เป็นขั้นตอนท่ีสาคัญ และอาศัย ประสบการณ์มาก เพราะจะต้องปฏิบัติการเพื่อ ลดความ รุนแรงของ updraft หรือทาให้อายุของ updraft หมดไป สาหรับการปฏิบัติการในข้ันตอนน้ี จะต้อง พิจารณาจุดมุ่งหมายของการทาฝนหลวง ซ่ึงมีอยู่ 2 ประเด็นคือเพื่อเพิ่มปริมาณฝนตก (Rain enhancement) และเพ่อื ใหเ้ กดิ การกระจายการตกของฝน (Rain redistribution) ท่มี า : มลู นธิ ิปดิ ทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดาริ จำกกำรท่ีนกั เรยี นได้อำ่ นบทควำม นกั เรยี นมขี ้อสงสยั ในเรอื่ งใดบ้ำง .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. วิชา เคมี 6 รหสั ว30226 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6

การเรยี นร้แู สวงหา ชดุ กจิ กรรมการเรียนรูท้ ่ี 1 การใช้ความรู้ทางเคมีในการแก้ปัญหา 10 สารสนเทศ บตั รควำมรูท้ ี่ 1.1 วธิ กี ำรทำงวิทยำศำสตร์ นักวิทยาศาตร์นิยมใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific method) ในการแสวงหาคาตอบของ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในธรรมชาติ รวมท้ังใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการหาความรู้ที่เป็นพ้ืนฐานในการพัฒนา เทคโนโลยีหรือการแก้ปัญหาตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจาวนั ทั้งนว้ี ิธกี ารทางวิทยาศาสตรม์ ีขัน้ ตอนและกระบวนการทางานท่ี เป็นระบบ ซ่ึงประกอบด้วยขั้นตอนสาคัญ คือ การสังเกตและการต้ังคาถาม การต้ังสมมติฐาน การตรวจสอบ สมมติฐาน การรวบรวมขอ้ มูลและการวเิ คราะหผ์ ล และการสรปุ ผล ดังรูป กำรสงั เกตและตัง้ คำถำม ➢ การสังเกตเป็นจดุ เรมิ่ ต้นของการต้งั คาถาม ➢ การสงั เกตที่ระเอียดรอบคอบนาไปสู่คาถามท่ชี ัดเจน ตงั้ สมมตฐิ ำน ➢ คาดคะเนคาตอบของคาถามโดยใช้ความรูห้ รอื ข้อมลู ➢ ระบคุ วามสัมพันธ์ของตวั แปรตน้ และตัวแปรตาม ➢ นาไปสกู่ ารออกแบบวธิ กี ารตรวจสอบสมมติฐาน ตรวจสอบสมมตฐิ ำน รวบรวมขอ้ มลู และวเิ ครำะหผ์ ล ➢ พสิ จู น์สมมติฐาน ➢ รวบรวมข้อมูลจากการทดลองมาจัดทาให้ ➢ นยิ มใช้การทดลองภายใตภ้ าวะควบคุม อยู่ในรปู แบบทเี่ หมาะสม ➢ ไดข้ อ้ มลู หรอื หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ➢ วเิ คราะหแ์ ละอภปิ รายผลการทดลอง สรุปผล ➢ สรุปความร้หู รอื ขอ้ เท็จจรงิ ว่าเป็นไปตามสมมตฐิ านหรือไม่ ➢ ต้งั สมมติฐานใหมห่ ากผลขัดแยง้ กับสมมตฐิ าน ➢ ใหข้ อ้ เสนอแนะเพิ่มเติม วชิ า เคมี 6 รหัส ว30226 ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 6

การเรียนรแู้ สวงหา ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ 1 การใช้ความร้ทู างเคมีในการแก้ปัญหา 11 สารสนเทศ นักวิทยาศาสตร์หรือนักวิจัยใช้ข้อมูลท่ีได้จากการในการต้ังคาถามหรือโจทย์วิจัยที่เก่ียวข้องกับ ปัญหา การต้ังคาถามจะทาให้ชัดเจนมากข้ึน เม่ือมีข้อมูลมากขึ้น เช่น เม่ือ พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสังเกตเห็นว่าในพื้นท่ีแห้งแล้งที่ ฝนไม่ตก ทัง้ ท่ีมเี มฆกระจายอยู่บนทอ้ งฟา้ แตเ่ มฆเหลา่ นีไ้ ม่รวมตัวกันให้ใหญ่พอจะเป็นเมฆฝนได้ จึงอาจ นามาสู่คาถามท่ีวา่ “ทาอยา่ งไรใหเ้ มฆรวมตัวกนั แล้วเกิดเป็นฝนได้” จากคาถามขา้ งตน้ จะเห็นว่ามีตัวแปร หลายตัวแปร ท่เี กี่ยวขอ้ งกับการรวมตวั ของเมฆทีท่ าใหเ้ กิดฝนได้ ซง่ึ จาเป็นต้องมคี าถาและสมมติฐานย่อย เพ่ือนาไปสู่การกาหนดตวั แปรในการทดลอง ดังตวั อยา่ งในตาราง คำถำม สมมติฐำน 1) ระดับความชื้นในอากาศมีผลต่อการรวมตัวกัน ระดบั ความช้นื ในอากาศมผี ลตอ่ การรวมตวั กันของ ของเมฆหรือไม่ อยา่ งไร เมฆ 2) สารชนดิ ใดที่ชว่ ยใหเ้ มฆมารวมตัวกันได้ สารท่มี สี มบัติดดู ซบั ความช้ืน เชน่ โซเดียม คลอไรด์ มผี ลทาให้เมฆรวมตวั กนั 3) ปรมิ าณของโซเดียมคลอไรดท์ ี่เหมาะสมตอ่ การ โซเดียมคลอไรดป์ รมิ าณมากข้ึนทาให้เมฆการรวมตวั รวมตวั ของเมฆเป็นเทา่ ใด ได้ดขี ึ้น 4) ระดบั ความสงู ทเี่ หมาะสมในการโปรยโซเดยี ม การโปรยโซเดียมคลอไรดท์ ร่ี ะดับความสูงบริเวณ คลอโรดค์ วรเปน็ เทา่ ใด ฐานเมฆจะทาใหเ้ มฆรวมตัวกันได้ดี สถานการณ์ตัวอย่าง ปลำท่องโก๋ ปลาทอ่ งโกท๋ ข่ี ายหนา้ ร้านปากซอยมคี วามกรอบมาก แต่มีกลนิ่ ฉนุ ของแอมโมเนยี ขณะ รับประทาน เม่อื สอบถามกับทางร้านถงึ ส่วนประกอบ เจ้าของร้านไดใ้ ห้ขอ้ มลู ดังน้ี วชิ า เคมี 6 รหัส ว30226 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6

การเรียนร้แู สวงหา ชุดกจิ กรรมการเรยี นรทู้ ี่ 1 การใช้ความรูท้ างเคมีในการแก้ปัญหา 12 สารสนเทศ สถานการณต์ วั อย่าง ส่วนประกอบ แป้งสาลี เกลือ นา้ ตาลทราย น้า ผงฟู ยสิ ตแ์ ห้ง เบกกง้ิ โชดา แอมโมเนียมไบคารบ์ อเนต น้ามันถ่วั เหลือง วธิ ที ำ 1. รอ่ นแปง้ สาลปี ริมาณ 1 kg แล้วพักไว้ 2. ชั่งผงฟู 4 g ยสี ตแ์ หง้ 0.8 g เกลือ 20 g นา้ ตาลทราย 8 g เบกกงิ้ โชดา 1 g และแอมโมเนียมไบ คารบ์ อเนต 30 g เทส่วนผสมทงั้ หมดลงในนา้ 800 mL คนจนสารละลายหมด 3. ชัง่ น้ามันถั่วเหลอื ง 50 g เตมิ ลงในส่วนผสมในขอ้ 2 คนให้น้ามนั กระจายตวั จากนั้นเติมลงบนแป้งที่ รอ่ นเตรียมไว้ ผสมให้เปน็ เนอื้ เดยี วกัน 4. หมักส่วนผสมไวอ้ ยา่ งนอ้ ย 4 ชวั่ โมง ในภาชนะท่ีปดิ มดิ ชิด 5. นาส่วนผสมในข้อ 4 เทลงบนถาดทโี่ รยแปง้ สาสไี ว้แล้ว จากน้ันใช้ลกู กล้งิ กลิง้ บนแปง้ จนได้ แผ่นแป้งมีความหนาประมาณ 0.5 cm แลว้ ตดั แป้งเป็นชิน้ ๆ ขนาดประมาณ 1 นว้ิ x 2 นิว้ จากน้นั ใช้น้าแตะตรงกง่ึ กลางของช้นิ แปง้ แล้วนาแป้ง 2 ช้นิ มาประกบกัน 6. ทอดแปง้ ในกระทะโดยใช้นา้ มนั ถวั่ เหลืองทอี่ ุณหภูมปิ ระมาณ 190-200 C เป็นเวลา 2 นาที แล้ว นาขน้ึ มาสะเดด็ นา้ มันในตะแกรง จากสถานการณด์ งั กล่าว สามารถระบุปญั หาและออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาโดยใชว้ ิธกี ารวิทยาศาสตร์ และความรทู้ างเคมไี ด้ดังน้ี ปญั หำ ปาท่องโก๋มกี ลิ่นฉนุ ของแอมโมเนยี คำถำม ทาอยา่ งไรใหป้ าท่องโกไ๋ ม่มีกลนิ่ ฉุนของแอมโมเนียและยังคงความกรอบ วิชา เคมี 6 รหัส ว30226 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6

การเรียนรู้แสวงหา ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1 การใชค้ วามร้ทู างเคมใี นการแกป้ ัญหา 13 สารสนเทศ กำรสืบค้นข้อมูล และกำรตง้ั สมมติฐำน จากข้อมูลส่วนประกอบของปาท่องโกั นักเรียนอาจใช้ความรู้ทางเคมีคาดการณ์ได้ว่ากล่ินแอมโมเนีย (NH3) ใน ปาทอ่ งโก๋ นา่ จะมาจากแอมโมเนียมไบคารบ์ อเนต (NH3HCO3) เม่ือสืบค้นเพ่ิมเติมพบว่า แอมโมเนียมไบคาร์บอเนต เมื่อได้รับความร้อนจะเกิดการสลายตัวให้แก๊สแอมโมเนีย ซึ่งนอกจากแก๊สแอมโมเนียแล้ว ยังเกิดแก๊ส คารบ์ อนไดออกไซด์และไอน้าอีกด้วย โดยแก๊สท่ีเกิดข้ึนน่าจะเป็นส่วนที่ช่วยให้ปาท่องโก๋กรอบเช่นเดียวกับยีสต์ เบ กก้ิงโซดาหรือโซเดียมไบคาร์บอเนต(NaHCO3) ผงฟู (ของผสมของ NaHCO3 และกรด ตัวอย่างกรดเช่น โพแทสเซยี มไบทาร์เทรต (KC4H5O6)) ขอ้ มูลทไ่ี ดจ้ ำกกำรสบื คน้ ข้อมูลเก่ยี วกบั ปฏกิ ริ ิยำเคมี การสลายตัวของแอมโมเนยี มไบคาร์บอเนต เม่ือได้รบั ความร้อน NH3HCO3(s) ∆ NH3(g) + CO2(g) + H2O(g) ՜ การสลายตัวของโซเดยี มไบคาร์บอเนตเมือ่ ได้รับความรอ้ น 2NaHCO3(s) ∆ Na2CO3(s) + CO2(g) + H2O(g) ՜ การหมกั แป้งดว้ ยยีสต์ ยสี ต์ ยีสต์ แป้ง C2H12O6(s) 2C2H5OH(l) + 2CO2(g) ปฏกิ ิรยิ ากรด-เบสในผงฟู NaHCO3(aq) + KC4H5O6(aq) → KNaC4H4O6(aq) + CO2(g) + H2O(l) ขอ้ มูลเกี่ยวกับควำมกรอบ ขณะทอดปาทอ่ งโกจ๋ ะมีแก๊สเกิดขึ้น ซ่ึงเมือ่ ไดร้ ับความรอ้ นจะขยายตวั และหลุดออกจากเนื้อแป้งพร้อมกับพา ความช้ืนทอี่ ยใู่ นเน้ือแป้งออกไปด้วย ทาให้แป้งมผี ิวที่แข็งและกรอบข้นึ กำรตัง้ สมมตฐิ ำน กำรตงั้ คำถำม 1. กำรลดปริมำณแอมโมเนียมไบคำร์บอเนต 1. ปริมำณแอมโมเนียมไบคำร์บอเนตเท่ำใด ทำให้ปำท่องโก๋ไม่มีกล่ินและยังคงควำม ปำทอ่ งโกจ๋ งึ จะไม่มกี ลิน่ และยงั คงควำมกรอบ กรอบ 2. ถ้ำใช้โซเดียมไบคำร์บอเนตแทนแอมโมเนียไบ 2. ถ้ำใช้โซเดยี มไบคำรบ์ อเนตปริมำณท่ีทำให้ คำร์บอเนต ต้องใช้ปรมิ ำณเทำ่ ใด เ กิ ด แ ก๊ ส เ ท่ ำ กั บ เ มื่ อ ใ ช้ แ อ ม โ ม เ นี ย ไ บ คำร์บอเนตจะทำใหป้ ำท่องโก๋ไม่มีกลิ่นและ ยงั คงควำมกรอบ วชิ า เคมี 6 รหัส ว30226 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6

การเรียนรแู้ สวงหา ชดุ กิจกรรมการเรยี นรทู้ ่ี 1 การใชค้ วามร้ทู างเคมีในการแก้ปัญหา 14 สารสนเทศ กำรตรวจสอบสมมติฐำน กำรตั้งคำถำม ปรมิ าณแอมโมเนยี มไบคารบ์ อเนตเทา่ ใดปาท่องโก๋จงึ จะไม่มีกลิน่ และยังคงความกรอบ กำรตั้งสมมตฐิ ำน การลดปริมาณแอมโมเนยี มไบคารบ์ อเนตทาใหป้ าทอ่ งโก๋ไม่มกี ลน่ิ และยงั คงความกรอบ กำหนดตัวแปร ตัวแปรต้น ปรมิ าณแอมโมเนยี มไบคารบ์ อเนต ตัวแปรตำม กลนิ่ และความกรอบของปาทอ่ งโก๋ ตัวแปรควบคุม ปรมิ าณของสว่ นประกอบอน่ื ๆ วิธีผสมส่วนประกอบ ชนดิ ของน้ามนั ทีใ่ ชท้ อด อุณหภูมแิ ละระยะเวลาท่ใี ช้ในการทอด ผู้ทดสอบกล่นิ และความกรอบของปาท่องโก๋ ตรวจสอบสมมติฐำน 1. ทาปาทอ่ งโกต๋ ามสตู รของร้านค้าจากสถานการณท์ ก่ี าหนดให้ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ตัว เปรยี บเทยี บ 2. ทาปาท่องโก๋ตามสูตรของรา้ นค้าจากสถานการณ์ท่ีกาหนดให้ แตล่ ดปรมิ าณของ NH4HCO3 เป็นครึ่งหน่ึงและหน่งึ ในสี่ 3. เปรียบเทียบกลิ่นและความกรอบของปาทอ่ งโก๋ทไ่ี ดใ้ นข้อ 2 กบั ปาทอ่ งโก๋ในข้อ 1 วิชา เคมี 6 รหัส ว30226 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6

การเรยี นรู้เพื่อสรา้ งองค์ ชดุ กิจกรรมการเรยี นรูท้ ่ี 1 การใชค้ วามรทู้ างเคมใี นการแก้ปัญหา 15 ความร้แู ละเพื่อการสื่อสาร บตั รกจิ กรรมท่ี 1.2 กำรแก้ปญั หำด้วยวิธกี ำรทำงวทิ ยำศำสตร์ โดยใช้ควำมรทู้ ำงเคมี จดุ ประสงคข์ องกจิ กรรม วิธที ำกจิ กรรม 1. ระบุปัญหาจากสถานการณ์ที่กาหนดให้ 1. พจิ ารณาสถานการณป์ ญั หาทีก่ าหนดให้ 2. ตง้ั คาถาม สมมติฐาน และกาหนดตวั แปรจาก 2. เลือกสถานการณท์ ีส่ นใจ แลว้ ระบปุ ญั หาและตง้ั คาถามโดย สถานการณท์ ่กี าหนดโดยใชค้ วามรทู้ างเคมี ใชค้ วามทู้ างเคมี 3. ออกแบบวิธกี ารตรวจสอบสมมตฐิ าน 3. สบื คน้ ขอ้ มลู ทถี่ กู ตอ้ ง แลว้ ตงั้ สมมติฐานและกาหนดตัวแปร 4. นาเสนอแนวทางการแก้ปญั หา 4. ออกแบบวิธีการตรวจสอบสมมติฐาน 5. นาเสนอแนวทางการแกป้ ัญหา ชอ่ งโหว่โอโซน ชั้นโอโซนในบรรยากาศช่วยดูดซับรังสี UVB ไม่ให้ ผ่านลงมาสู่พ้ืนผิวโลก แต่ผลจากการใช้สารคลอโรฟลูออโร- ชอ่ งโหวโ่ อโซน คาร์บอน (chlorofuorocarbons, CFCs) ทาให้ช้ันโอโซนใน เมื่อวนั ที่ 8 กนั ยายน 2562 บรรยากาศเบาบางลงจนบางบริเวณเกิดเป็นช่องโหว่โอโซน (ozone hole) เช่น ขวั้ โลกใต้ ดังรูป ท่มี า: อพวช. การลดลงของช้ันโอโซนในบรรยากาศส่งผลให้รังสี UVB ผ่านลงมาสู่พ้นื ผิวโลกมากข้ึน ซึ่งรังสี UVB เป็นสาเหตุที่ ทาให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง ดังนั้นการป้องกันตนเองจากรังสี ดังกล่าวจึงชว่ ยลดปัจจยั เส่ียงทีท่ าใหเ้ กดิ โรคมะเร็งผิวหนังได้ สาร CFCs สว่ นใหญ่ใช้ในอตุ สาหกรรมทาฟม ใชเ้ ป็นสารผลักดันในกระป้องสเปรย์ใช้เป็นสารทาความเย็น ดังน้ันจึงได้มีข้อตกลงระหว่างประเทศเพ่ือควบคุมการใช้สาร CFCs ซ่ึงเรียกว่า พิธีสารมอนทรีออล (Montreal Protocol) เกิดขึน้ ในปี พ.ศ. 2530 สง่ ผลใหป้ ัญหาช่องโหวโอโซนลดลง อย่างไรก็ตามการทาให้ปริมาณของโอโซน ในชั้นบรรยากาศกลับมาเหมือนเดิมต้องใช้ระยะเวลานาน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ท่ีเก่ียวข้องยังคงเฝ้าติดตาม สถานการณ์อยูต่ ลอดเวลา สถำนกำรณ์ 1 สถำนกำรณ์ 2 นักเรียนเป็นพนักงานในโรงงานทาโฟมฉนวนความ นักเรียนเป็นนักเคมีในบริษัทผลิตเคร่ืองสาอางแห่ง ร้อนแห่งหนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้ปรับปรุงการผลิต หนึง่ ท่ไี ด้รับมอบหมายใหผ้ ลติ ครีมกันแดดทสี่ ามารถ โฟมฉนวนความรอ้ นโดยใชแ้ กส๊ ชนดิ อน่ื แทน CFCs ปอ้ งรังสี UVB ได้ วิชา เคมี 6 รหสั ว30226 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6

การเรยี นรูเ้ พื่อสรา้ งองค์ ชดุ กิจกรรมการเรยี นรทู้ ่ี 1 การใชค้ วามรู้ทางเคมีในการแกป้ ัญหา 16 ความรแู้ ละเพื่อการส่อื สาร รำยงำนผลกำรทำกจิ กรรม สถำนกำรณ์ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ปัญหำ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. คำถำม ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. กำรสบื คน้ ขอ้ มลู ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. วชิ า เคมี 6 รหัส ว30226 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6

การเรยี นรู้เพ่ือสร้างองค์ ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1 การใช้ความรทู้ างเคมีในการแกป้ ัญหา 17 ความรู้และเพื่อการสอ่ื สาร คำถำมยอ่ ยส่กู ำรแก้ปญั หำ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ สมมติฐำน ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ตวั แปร ตวั แปรตน้ ............................................................................................................................................................... ตวั แปรตาม............................................................................................................................................................. ตวั แปรควบคมุ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ตรวจสอบสมมติฐำน ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ วชิ า เคมี 6 รหสั ว30226 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6

การเรยี นรู้เพื่อสงั คม ชดุ กิจกรรมการเรียนรูท้ ่ี 1 การใช้ความรู้ทางเคมีในการแกป้ ัญหา 18 บตั รกิจกรรมท่ี 1.3 เรำมำชว่ ยลดช่องโหว่โอโซนกันเถอะ จุดประสงค์ของกิจกรรม 1. เพอ่ื ออกแบบสือ่ ประชาสมั พันธ์วธิ กี ารลดช่องโหวโ่ อโซน วธิ ที ำกจิ กรรม 1. ออกแบบโปสเตอรเ์ พื่อรณรงคก์ ารลดใช้สาร CFCs ที่ส่งผลต่อปัญหาช่องโหว่โอโซนหรือวิธีช่วยลดปัจจัย เสี่ยงท่ีทาให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง โดยนักเรียนอาจจะออกแบบผ่านแอปพลิเคชัน/เขียนลงบนกระดาษชาร์ต ตาม ความถนัดของนกั เรยี น 2. นักเรียนส่งงานโดยการใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต สแกน QR Code ข้างล่าง เพื่อส่ง ช้นิ งาน ...ส่งงาน ทางนี้เลย นะครับ... วชิ า เคมี 6 รหสั ว30226 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6

ทดสอบกอ่ นเรียน ชดุ กิจกรรมการเรยี นรทู้ ี่ 1 การใช้ความร้ทู างเคมใี นการแก้ปัญหา 19 แบบทดสอบและบันทึกคะแนนหลังเรียน ชดุ กิจกรรมกำรเรยี นรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง กำรใช้ควำมร้ทู ำงเคมีในกำรแกป้ ญั หำ ชอ่ื -สกุล..............................................................................................ช้ัน....................เลขที่................... คำชี้แจง ให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนโดยใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต สแกน QR Code ขา้ งลา่ ง โดยใชเ้ วลา 10 นาทีด้วยความต้งั ใจ เม่ือทาแบบทดสอบเสร็จแล้วให้ส่ง คาตอบ แล้ว บนั ทกึ คะแนนท่ีได้ลงในตารางผลการทดสอบกอ่ นเรยี น ผลกำรทดสอบหลังเรียน คะแนนเต็ม 10 คะแนนทีไ่ ด้ ผลกำรประเมนิ  ดมี ำก  ดี  พอใช้  ปรับปรุง เกณฑก์ ำรประเมนิ ลงช่อื ........................................ผู้ประเมนิ  คะแนน 9-10 คะแนน (........................................)  คะแนน 7-8 คะแนน  คะแนน 5-6 คะแนน อยู่ในระดับ ดมี ำก  คะแนน 0-4 คะแนน อยู่ในระดบั ดี อยู่ในระดบั พอใช้ อยู่ในระดับ ปรับปรงุ วิชา เคมี 6 รหัส ว30226 ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6

เอกสารอา้ งอิง ชดุ กิจกรรมการเรยี นรทู้ ี่ 1 การใชค้ วามรทู้ างเคมีในการแกป้ ัญหา 20 เอกสำรอ้ำงอิง สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทวงศึกษาธกิ าร. (2563). รายวิชาเพ่มิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เคมี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 เล่ม 6. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค. สถาบันส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมปดิ ทองหลงั พระ สืบสานแนวพระราชดาริ. ฝนหลวง: พระราชดาริเพ่อื แกไ้ ข ปญั หานา้ แล้ง. สืบคน้ เมอื่ วนั ที่ 13 พฤศจกิ ายน 2564, จากเวบ็ ไซต์ : http://www.pidthong.org/knowledge-detail.php?id=7&parent_id=1#.YZ2lfNBBw2w วิชา เคมี 6 รหัส ว30226 ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6