หลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur) นักจุลชีววิทยาและนักเคมีผู้วางรากฐานการแพทย์สมัยใหม่ เป็ นผู้ค้นพบว่าการเน่าเสียของอาหารเกดิ จากจุลนิ ทรีย์ และค้นพบวิธีการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ได้ด้วยการพาสเจอร์ไรส์ (Pasteurization) ซึ่งช่วยให้สามารถเกบ็ นม เคร่ืองดื่ม และอาหารไว้ได้นานโดยไม่เน่าเสีย การค้นพบนี้ทาให้สาขาวิชาจลุ ชีววทิ ยาโดดเด่นก้าวหน้าขนึ้ อย่างรวดเร็ว ปาสเตอร์ยงั เป็ นผ้คู ดิ ค้นทฤษฎกี ารติดเช้ือจากจลุ ินทรีย์และค้นพบวัคซีนโรคพษิ สุนัขบ้า อหิวาตกโรค วัณโรค และโรคคอตีบ ซ่ึงเป็ นประโยชน์ต่อวงการแพทย์เป็ นอย่างมาก ช่วงปั้นปลายชีวติ เขาได้ก่อต้ังสถาบันปาสเตอร์ทม่ี ุ่งทางานวิจัยต่อสู้กบั เชื้อโรคต่างๆจนกลายเป็ นสถาบันวิจัยที่สาคัญของโลก ปาสเตอร์เป็ นนักวิทยาศาสตร์ที่อุทิศตนให้กบั งานค้นคว้าวิจัยด้วยความพยายามและมุ่งมั่น ผลงานของเขาสร้างประโยชน์ให้กบั โลกอย่างมหาศาล ปาสเตอร์เป็ นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ผ้ยู ง่ิ ใหญ่ทไี่ ด้รับการยกย่องจากผ้คู นทว่ั โลกอย่างสูง
นอกจากน้ีปาสเตอร์ยงั มีการค้นพบวัคซีนอีกมากมายหลายชนิดได้แก่ อหิวาตกโรค โรคคอตีบและวัณโรค ซึ่งผลงานของเขานับว่าเป็ นการสร้ างคุณประโยชน์อย่างมากอีกชิ้นหน่ึงนั้นคอื การค้นพบวิธีการฆ่าเช้ือจลุ นิ ทรีย์แบบพาสเจอร์ไรต์ ซึ่งในปัจจบุ ันได้มีการนาวธิ ีการนี้มาใช้ในการเกบ็ รักษาอาหารได้อย่างปลอดภัยปาสเตอร์เกดิ เม่ือวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 1822 ในเมืองโดล ประเทศฝรั่งเศส พ่อของเขาทางานเป็ นช่างฟอกหนังจีน และยงั เคยเป็ นทหารในกองทัพของพระเจ้านโปเลยี่ นและยงั ได้เหรียญกล้าหาญจากสงครามอีกด้วย ถงึ กระน้ันครอบครัวของเขาเองมีฐานะทไี่ ม่ค่อยดีนัก แต่พ่อของเขาอยากให้ปาสเตอร์ได้มีความรู้ที่ดี โดยปาสเตอร์เร่ิมต้นเรียนท่ีโรงเรียนประจาอาร์บัวส์ซ่ึงที่ชาทเี่ ขาถนัดนั้นกค็ อื วิชาวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้แล้วเขายังมี ความสามารถในการวาดรูปอีกด้วยโดยเฉพาะภาพเหมือน เขามีความชานาญมากทส่ี ุด เขาเคยวาดภาพเหมือนของพ่อ แม่ และเพอื่ นๆของเขา ไว้ ซ่ึงปัจจบุ ันรูปภาพของเขาเหล่านี้ถูกแขวนเพอ่ืประดบั ไว้ในสถาบันปาสเตอร์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และด้วยความทปี่ าสเตอร์นั้นเป็ นเด็กนักเรียนทเี่ รียนดี มคี วามสามารถ และมกี ริ ิยาทด่ี ี จงึ ได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์ใหญ่ ของมหาลยั ให้ไปเรียนท่ีอีโคล นอร์เมลซูพเี รีย จนสาเร็จการศึกษาและเขาได้เป็ นอาจารย์สอยทีม่ หาวิทยาลัย เม่ือเขามีอายุได้ 32 ปีจลุ ชีพเป็ นส่ิงทป่ี าสเตอร์สนใจในตอนน้ันเป็ นอย่างมาก ทุกคนรู้ว่าเนื้อจะเน่าเปื่ อยถ้าหากมีการทิ้งเน้ือไว้ท่ีกลางแจ้ง และทุคนยงั สามารถมองเห็นตัวจลุ ชีพในเน้ือได้ด้วยกล้องจลุ ทรรศน์ทมี่ ีกาลงั การขยายมากแต่กไ็ ม่มีใครรู้ว่าจลุ ชีพนั้นเกดิ มาจากท่ีไหน มาได้อย่างไร โดยนักวิทยาศาสตร์สมัยก่อนเชื่อกนั ว่า เน้ือทเ่ี น่าทาให้พวกมนั เกดิ ขน้ึ มา แต่ปาสเตอร์กลบั ค้นพบว่า จลุ ชีพพวกนี้เกดิ จากการมฝี ่ ุนละอองทล่ี ่องลอยอย่ใู นอากาศไม่ได้เกดิ มาจากการเน่าเปื่ อยของเน้ือหรือทเี่ รียกกนั ว่าการบูด เน่า หลงั จากน้ัน 100 ปี ผ่านมากไ็ ด้มกี ารเกดิ อาหารกระป๋ องทเี่ ราได้รู้จักในตอนนี้ ต่อมาปาสเตอร์ได้ทาการทดลองหาวธิ ีรักษาโรคกลัวน้า หลังจากทาการทดลองทเ่ี ส่ียงอันตรายหลายต่อหลายครั้ง ปาสเตอร์กไ็ ด้ประสบความสาเร็จซ่ึงคนพบวิธีรักษาได้ ปาสเตอร์เขาได้เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1895 กล่าวได้ว่าเขาไม่เพยี งแต่เป็ นนักวทิ ยาศาสตร์เท่านั้นเขายงั เป็ นบุคคลทส่ี าคญั ในการหาวิธีรักษาทางแพทย์อกี ด้วย
ปาสเตอร์เป็ นชาวฝร่ังเศส เกดิ เมือ่ ปี 1822 ท่ีเมือง Dole ทางภาคตะวนั ออกของประเทศฝร่ังเศส เป็ นลูกของช่างฟอกหนังฐานะไม่ค่อยดี ตอนเป็ นเด็กปาสเตอร์ไม่สนใจเรียน แต่วาดรูปเก่ง เขาวาดรูปของพ่อแม่ เพอ่ื น และเพอื่ นบ้านไว้จานวนมาก เป็ นเด็กทม่ี แี ววด้านศิลปะดที เี ดยี ว แต่พ่อไม่สนับสนุนจึงไม่ได้ไปต่อ ปี 1838 ถูกส่งไปเรียนต่อที่กรุงปารีส แต่เรียนได้ไม่นานนักกป็ ่ วยและเป็ นโรคคดิ ถงึ บ้านอย่างหนักจนพ่อต้องไปรับตัวกลบั บ้านปี ถัดมาปาสเตอร์เข้าเรียนที่ Collège Royal ในเมอื ง Besançonซ่ึงอยู่ใกล้บ้านและจบปริญญาตรีสาขาวทิ ยาศาสตร์ในปี 1842 ด้วยคะแนนท่คี ่อนข้างต่า ปี 1843 ปาสเตอร์เข้าเรียนต่อในสาขาวทิ ยาศาสตร์ที่สถาบัน École NormaleSupérieure ในกรุงปารีส จบระดับปริญญาโทในปี 1845 และได้รับปริญญาเอกสาขาวทิ ยาศาสตร์ในปี 1847ปาสเตอร์ในวยั 26 ปี เริ่มทางานเป็ นอาจารย์สอนวชิ าฟิ สิกส์ช่วงส้ันๆทโ่ี รงเรียนมธั ยมในเมอื ง Dijon ก่อนท่ีจะไปรับตาแหน่งศาสตราจารย์เคมีท่ีมหาวิทยาลยั สตราสบูร์ก ที่ซึ่งเขาได้พบกบั Marie Laurent ลกู สาวของอธิการบดีของมหาวทิ ยาลยั ได้แต่งงานกนั และเธอกลายเป็ นผู้ช่วยคนสาคญั ในงานวจิ ัยของปาสเตอร์ไปตลอดชีวติ ท้งั คู่มีลกู ด้วยกนั 5 คนแต่รอดชีวติ จนโตเพยี ง 2 คน ทเ่ี หลอื เสียชีวติ ด้วยโรคไทฟอยด์
ฝรั่งเศสเกดิ ปัญหาเรื่องไวน์หรือเหล้าองุ่นมรี สเปรี้ยวสร้างความเสียหายไปทวั่ ปาสเตอร์ได้ศึกษาปัญหานีแ้ ละพบว่ามกี ารปนเปื้ อนของจุลนิ ทรีย์ในข้นั ตอนการหมัก จึงคดิ ค้นวธิ กี ารแก้ปัญหาโดยวธิ ีฆ่าเชื้อโรคด้วยความร้อน เขาทาการทดลองจนพบว่าการให้ความร้อนที่ 55 °C สามารถฆ่าเชื้อและไม่ทาให้รสเหล้าองุ่นเสียไป ผู้ผลติ เหล้าองุ่นนาวิธีของปาสเตอร์ไปใช้ปรากฏว่าได้ผลดี วธิ นี ีย้ งั สามารถใช้ได้กบั นม เครื่องด่มื และอาหารบางชนิดทบี่ รรจุกระป๋ องได้ผลดีอกี ด้วย การถนอมอาหารวิธีนี้เรียกว่าการพาสเจอร์ไรส์(Pasteurization) ตามชื่อของปาสเตอร์ และยงั เป็ นวธิ ที น่ี ิยมใช้กนั ทว่ั โลกจนถึงปัจจุบนั
ปี 1865 เกดิ โรคระบาดในตัวไหมอย่างหนักทางภาคใต้ของฝร่ังเศส ปาสเตอร์ได้รับมอบหมายให้แก้ปัญหานี้ เขาเดินทางไปที่เมืองอาร์ลเพ่อื ศึกษาและห าทางแก้ปัญหา ปาสเตอร์ต้องอยู่ทน่ี ่ีถงึ 5 ปี ใช้ความอดทนและความพยายามอย่างมากในการค้นคว้าทดลอง ในทสี่ ุดเขากท็ าสาเร็จ เขาค้นพบตัวยาท่ีใช้รักษาโรคไหม สถิติการตายของตัวไหมลดลงอย่าความสาเร็จในการคิดค้นวิธีทาพาสเจอร์ไรส์และการแก้ปัญหาโรคไหมทาให้ปาสเตอร์มีช่ือเสียงโด่งดัง มหาวิทยาลัยบอนน์ในประเทศเย อรมันได้มอบปริญญาแพทยศาสตร์ดุษฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศักด์แิ ก่ปาสเตอร์ (ภายหลงั เขาส่งคนื เมอ่ื เกดิ สงครามระหว่างฝร่ังเศสกบั เยอรมนีขนึ้ ) เขาได้เข้าเฝ้ าพระเจ้านโปเลยี นที่ 3 และพระราชินี ซ่ึงท้งัสองพระองค์ประหลาดใจมากที่ผู้ปราบโรคไหมและโรคเหล้าองุ่นที่เป็ นสินค้าสาคัญที่สุดของประเทศฝร่ังเศสซ่ึงสร้างความม่ังคั่งให้กบั มหาเศรษฐีมากมายกลบั เป็ นคนท่ีมีฐานะยากจนมากงรวดเร็วและหยดุ ระบาดไป แถมตวั ไหมยงั ให้ผลดียง่ิ ขนึ้ กว่าเดมิ อกี ด้วย
ระหว่างที่ปาสเตอร์กาลงั ศึกษาเรื่องโรคอหิวาต์ไก่ โดยเพาะเชื้อแบคทีเรียที่ทาให้เกิดโรคนี้แล้วนามาฉีดในไก่ เขาพบโดยบังเอญิ ว่าถ้า ไก่ที่แข็งแรงปกติได้รับเชื้อแบคทเี รียที่อ่อนแอจะไม่เป็ นโรคและสร้างภูมคิ ุ้มกนั โรคนีข้ นึ้ ได้เอง หลงั จากน้ันเม่อื ให้เชื้อปกติไก่กจ็ ะไม่เป็ นโรค ซ่ึงสามารถแก้ปัญหาการเกดิ โรคอหิวาต์ไก่ได้ ปาสเตอร์เสนอเรื่องนีต้ ่อสถาบนั วิทยาศาสตร์ฝร่ังเศสในปี 1880 และได้บอกว่าแบคทีเรียถูกทาให้อ่อนแอลงได้เมื่อให้สัมผสั กบั ออกซิเจนปลายทศวรรษ 1870 ปาสเตอร์นาวิธีสร้างภูมิคุ้มกนั มาใช้กบัโรคแอนแทรกซ์ทร่ี ะบาดในปศุสัตว์แล้วทาให้สัตว์เลยี้ งล้มตายจานวนมาก สร้างกระแสความสนใจในการเอาชนะโรคร้ายอน่ื ๆได้เป็ นอย่างดี เขาเพาะเชื้อแบคทีเรียจากเลอื ดของสัตว์ท่ีเป็ นโรคแอนแทรกซ์ นาไปฉีดให้กับสัตว์แล้วสัตว์เป็ นโรคแอนแทรกซ์ เป็ นการพสิ ูจน์ว่าแบคทีเรียน้ันเป็ นสาเหตุของการเกดิ โรค ต่อมาเขาค้นพบว่าการเพาะเชื้อแบคทเี รียท่ี 42 °C ทาให้มนั ไม่สร้างสเปอร์ นาไปสู่เทคนิคการทาให้เชื้อแบคทเี รียอ่อนแอ หลงั จากน้ันปาสเตอร์จงึ ได้ทดลอง “วคั ซีน” ของเขากบั แกะ แพะ และววั ซ่ึงประสบความสาเร็จท้งั หมด
หลงั จากการพฒั นาวคั ซีนโรคพษิ สุนัขบ้าปาสเตอร์เสนอให้จัดต้งั สถาบนั เพอื่ การรักษาโรคพษิ สุนัขบ้าและศึกษาวจิ ัยเกยี่ วกบั โรคตดิ ต่อร้ายแรง โดยมกี ารระดมทนุ จากผู้บริจาคหลายประเทศ สถาบันปาสเตอร์ได้รับการสถาปนาขนึ้ เมอ่ื วนั ท่ี 14 พฤศจกิ ายน 1888 ปาสเตอร์เป็ นผู้อานวยการสถาบันคนแรกจนกระทั่งเขาเสียชีวติ ในปี 1895 ด้วยวัย 73 ปีปัจจุบนั สถาบนั ปาสเตอร์เป็ นสถาบันวจิ ัยช้ันนาของโลก มกี ารขยายสาขาออกไปเป็ น 32 แห่งใน 29 ประเทศทวั่ โลก สาหรับประเทศไทยใช้ช่ือว่าสถานเสาวภา
ช่ือ:นาย กฤตกนก นาคบวั ปวส.1/6 เลขที่ 3ชื่อเล่น:ภูมิเกิดวนั ท่ี 10 กนั ยายน พ.ศ. 2542อาย:ุ 18 ปีเบอร์โทร:096-761-0670E-Mail:[email protected]
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: