Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาและศาสนพิธี

หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาและศาสนพิธี

Description: หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาและศาสนพิธี

Search

Read the Text Version

หนว่ ยที่ 6 วันสำคัญทำง พระพุทธศำสนำ และศำสนพิธี

วตั ถุประสงค์ 1. เข้าใจวนั สาคัญทางพระพุทธศาสนาและสามารถนาไปปรบั ใช้ในชีวิตประจาวันได้ 2. เข้าใจศาสนพิธีทางพระพุทธศาสนาและสามารถนาไปปรบั ใช้ในชีวิตประจาวนั ได้

1.วันสำคัญทำง พระพทุ ธศำสนำ

1.1 หลกั ธรรมที่เกี่ยวเน่อื งในวันสำคญั ทำงพระพทุ ธศำสนำ • เวยี นเทียน “ วันมำฆบชู ำ ” ▪ ตรงกบั วันเพ็ญเดือน 3 ของทกุ ปี (ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองหนก็เลือ่ นไปเป็นวันเพญ็ เดือน 4) ▪ ถือเปน็ “วนั พระธรรม” ▪ พระพทุ ธองค์ทรงแสดง โอวำทปำฏิโมกข์ ประมวลหลกั คาสอน 3 ประการ ▪ การไมท่ าความชวั่ ▪ การทาแต่ความดี ▪ การทาจิตใจใหส้ ะอาดบรสิ ุทธิ์ ชว่ งเชา้ ชว่ งค่า • ทาบุญตักบาตร • รกั ษาศีล • ฟังธรรม

“ วนั วิสำขบูชำ ” • เวยี นเทียน ▪ ตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 ของทุกปี (ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองหนกเ็ ลือ่ นไปเป็นวันเพญ็ เดือน 7) ▪ เป็นวนั คลา้ ยวันประสตู ิ ตรัสรู้ และปรนิ ิพพานของ พระพทุ ธเจ้า ▪ หลกั ธรรมสาคัญคือ อริยสจั 4 เปน็ หัวใจสาคญั ของพระพุทธศาสนา ▪ ทุกข์ (สภาพที่ทนได้ยาก) ▪ สมทุ ยั (เหตแุ ห่งความทกุ ข์) ▪ นิโรธ (ความดบั ทุกข)์ ▪ มรรค (ขอ้ ปฏิบัติให้ถงึ ความดับทกุ ข)์ ชว่ งเช้า ช่วงค่า • ทาบุญตักบาตร • ฟังธรรมเทศนา

“ วันอฏั ฐมีบชู ำ ” ▪ ตรงกบั วันแรม 8 ค่า เดือน 6 หรือเดือน 7 นบั ถดั จากวนั วิสาขบูชาไป 7 วนั ▪ เปน็ วนั คลา้ ยวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรรี ะ ▪ หลกั ธรรมสาคัญ ▪ อัปปมำทะ (ความไม่ประมาท) ▪ กำรบชู ำ 2 ประกำร ▪ อามิสบูชา (การบูชาดว้ ยวัตถสุ ิง่ ของ) ▪ ปฏิบัติบูชา (การบูชาดว้ ยการประพฤตติ นตาม หลักธรรมคาสอน)

“ วนั อำสำฬหบูชำ ” ▪ เปน็ การบูชาในวันเพ็ญเดือน 8 ▪ มีความสาคญั โดยสรปุ ได้ 3 ประการ ▪ เป็นวันทีพ่ ระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา ▪ เปน็ วันทีม่ ีพระสงฆเ์ กิดขึ้นองค์แรกใน พระพุทธศาสนา ▪ เปน็ วันที่พระรัตนตรัยครบบริบรู ณ์ ▪ หลกั ธรรมที่แสดง คือ ธมั มจกั กปั ปวัตตนสูตร ช่วงเช้า ช่วงคา่ • ทาบญุ • เวียนเทียน • ตักบาตร

1.2 หลกั ธรรมที่เกีย่ วเน่อื งในธรรมสวนะและเทศกำลสำคัญ วนั ธรรมสวนะ ▪ วนั ธรรมสวนะ หรือวันพระ ในหนึง่ เดือนมี 4 วัน ▪ วนั ขึ้น 8 ค่า ▪ วันขึ้น 15 คา่ ▪ วันแรม 8 คา่ ▪ วนั แรม 14 หรือ 15 ค่า ▪ หลกั ธรรมสาคัญ คือ กำเลน ธมั มสำกจั ฉำ (การสนทนาธรรมตามกาล) ▪ การฟงั ธรรมนิยมฟังกนั ในวนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะวนั พระ และวนั อืน่ ๆ

ข้อพึงปฏิบตั ิในกำรสนทนำธรรมเพอ่ื จะไดผ้ ลดี ▪ มงุ่ แสวงหาธรรมจรงิ ๆ ▪ รักษามารยาทในการสนทนา ▪ ไม่ดูหมน่ิ คู่สนทนา ▪ ไม่ดูหม่นิ ตนเอง ▪ ยึดถือเหตผุ ลอย่ายดึ ถือบุคคลคล

วนั เทศกำลสำคัญ วนั เข้ำพรรษำ 1 เริม่ วันแรม 1 ค่า เดือน 8 ถงึ วันขึ้น 15 คา่ เดือน 11 2 พระภิกษุจะพักอาศยั อยใู่ นวัดใดวัดหนึ่งเป็นเวลา 3 เดือน 3 เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย 3 หมวดใหญ่ เรียกวา่ สทั ธรรม 3 ปริยตั สิ ัทธรรม ปฏิบัตสิ ทั ธรรม ปฏิเวธสัทธรรม

วนั ออกพรรษำและวนั ตักบำตรเทโวโรหณะ 1 ตรงกับวนั ขึ้น 15 ค่า เดือน 11 เปน็ วนั ส้ินสุดระยะการจา พรรษา 3 เดือน 2 เป็นวนั ที่พระสงฆ์พรอ้ มใจกันทา ปวารณากรรม เปิดโอกาส ให้มกี ารแนะนาและตักเตือนระหว่างทีป่ ระชมุ สงฆ์ 3 พทุ ธศาสนิกชนจะมกี ารทาบญุ ตักบาตรเนือ่ งในโอกาสเปน็ วนั คล้ายวนั ที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ช้ันดาวดึงส์ หลังจากเสดจ็ ไปโปรดพระพทุ ธมารดา 4 หลกั ธรรมสาคัญที่พระสงฆพ์ ึงปฏิบัติในวันนเี้ รียกวา่ อรยิ วงศ์ 4 ได้แก่ จีวรสนั โดษ ปณิ ฑปาตสนั โดษ เสนาสนสนั โดษ ภานาปหานารามตา

2.ศำสนพิธี

2.1 ศำสนพิธเี นื่องดว้ ยพทุ ธบญั ญตั ิ พิธแี สดงตนเปน็ พุทธมำมกะ: การประกาศตนของผู้แสดงว่า เป็นผู้รบั นบั ถือ พระพทุ ธเจ้าเป็นของตน ▪ ให้ผู้แสดงตนเปน็ พุทธมามกะนุ่งขาวห่มขาว ▪ ถวายพานเครื่องสักการะแด่พระสงฆ์ ▪ กล่าวคาปฏิญาณตนต่อหน้าพระสงฆ์ ▪ พระสงฆ์ใหโ้ อวาท ▪ พระสงฆ์สวดอนโุ มทนา

พิธีเวียนเทียน : ระเบียบปฏิบัติ ▪ เม่อื ถึงเวลำ ทางวดั จะตีระฆังสญั ญาณให้พทุ ธบรษิ ทั มาประชมุ พรอ้ มกันที่ หน้าพระอโุ บสถหรือลานพระเจดยี ์ โดยภิกษุยืนแถวหน้า ถัดไปเปน็ สามเณร ท้ายสดุ คือ อบุ าสกและอุบาสิกา โดยให้ทุกคนถือดอกไม้ธูปเทียน ▪ พระภิกษุผู้เป็นประธำนนำจุดธปู เทยี นและนำกลำ่ ว “นโม…” พร้อม กัน 3 จบ และคาบชู าพระรัตนตรัยตามแบบทกี่ าหนดไว้ ▪ พระภิกษุผูเ้ ป็นประธำนเดินนำแถวไปทางขวามือของสถานทีเ่ วยี นเทียน ในการเดินเวียนเทยี นแต่ละรอบควรราลึกถงึ พระคณุ ของพระรตั นตรัยตาม

❖ เดนิ เวียนรอบที่ 1 ให้ราลกึ พระพุทธคุณ โดยการสวดบท “อิติปิโส ภควา…” ❖ เดินเวียนรอบที่ 2 ให้ราลกึ พระธรรมคุณ โดยการสวดบท “สวากขฺ าโต ภควตา ธมโฺ ม…” ❖ เดนิ เวียนรอบที่ 3 ใหร้ าลกึ พระสงั ฆคณุ โดยการสวดบท “สุปฏปิ นฺโน ภควโต สาวกสงฺ โฆ…” เมือ่ เดินครบ 3 รอบแล้ว…… นาดอกไมธ้ ูปเทียนไปปกั บูชา จากนน้ั จึงเข้าไปประชุมพรอ้ มกนั ในพระอุโบสถ วหิ ารหรือ ศาลาการเปรียญ แล้วสวดมนต์ทาวตั รพร้อมกัน หลังจากนั้นฟังพระธรรมเทศนา เป็นอันเสรจ็ พธิ ี

พิธีถวายสงั ฆทาน : ขั้นตอนการปฏิบัติ สังฆทาน (ทานทีอุทศิ แก่พระสงฆ์โดยมไิ ดเ้ จาะจงพระภกิ ษรุ ปู ใดรปู หนึง) 1 เตรียมภัตตาหารและเคร่อื งไทยธรรมให้เรียบรอ้ ย จะถวายกี่รูปก็ได้ตาม ความศรทั ธา 2 นมิ นตพ์ ระภิกษุกี่รปู ก็ได้ แต่ที่สาคัญคือ ตอ้ งไม่เจาะจงพระภิกษรุ ปู ใดรูปหนึ่งอาจจะ เปน็ พระภิกษทุ ี่กาลังออกบณิ ฑบาตอยู่ก็ได้ 3 การจัดสถานท่ี ถ้าเป็นในบา้ นควรจดั ห้องใดห้องหนึ่งให้เรียบรอ้ ย ถ้ามีพระพุทธรปู ควรต้ังทบ่ี ูชาด้วยพอสมควร เมือ่ พระสงฆ์มาพรอ้ มกนั แล้วให้นาภัตตาหารตั้ง ตรงหนา้ พระสงฆ์อาราธนาศีลแล้วกลา่ วคาถวายสังฆทาน 4 ขณะกล่าวคาถวาย พระสงฆ์จะประนมมือ พอผู้ถวายกล่าวจบ ผู้ร่วมพิธกี จ็ ะรบั “สาธ”ุ พร้อมกัน ต่อจากนั้นผู้ถวายจะประเคนภตั ตาหารและของบริวาร (ถ้ามี) แด่ พระสงฆ์ 5 พระสงฆ์สวดคาอนุโมทนา ขณะที่พระสงฆ์สวดวา่ “ยถา…” ให้ผู้ถวายกรวดนา้ กะ ให้พอดนี า้ ลื่นไหลหมด เมื่อพระสงฆ์สวดรบั พร้อมกนั วา่ “สพพฺ ีติโย…” ก็ให้ผู้ถวาย ประนมมือรบั พรไปจนจบเป็นอนั เสร็จพิธี

พิธีถวำยผำ้ อำบนำฝน ผ้าอาบน้าฝน ผ้าสาหรบั ผลัดเปลีย่ นอาบนา้ ของพระสงฆ์ กาหนดเวลาการถวายผา้ อาบน้าฝนจะเริม่ ต้ังแต่วนั แรม 1 ค่า เดือน 7 จนถึง วันขึ้น 15 คา่ เดือน 8 แต่ส่วนมากนิยมถวายในวันขึ้น 15 คา่ เดือน 8

พธิ ที อดกฐนิ : ข้ันตอนการปฏบิ ตั ิ • การทอดกฐินเปน็ ประเพณที ีน่ ิยมทากันตั้งแต่วนั แรม 1 ค่า เดือน 11 ไปจนถึงกลางเดือน 12 • การทอดกฐิน การนาผ้ากฐินไปวางไวต้ ่อหน้าพระสงฆ์อย่างน้อย 5 รูป แล้วให้พระสงฆ์รปู หนึ่งที่ได้รับ เลือกจากคณะสงฆโ์ ดยเอกฉันท์เป็นผู้รับผ้ากฐิน 1 เจา้ ภาพผู้มีจติ ศรทั ธาหากประสงคท์ ่จี ะทอดกฐนิ ทว่ี ัดใด ตอ้ งไปกราบเรียนแสดง ความจานงต่อเจา้ อาวาสวัดน้ัน ตกลงวนั เวลาทีแ่ นน่ อนเพื่อการทอดกฐิน 2 เจา้ ภาพเตรียมเครอ่ื งกฐินให้พร้อม 3 เจา้ ภาพนาเครอ่ื งกฐินไปถวายพระสงฆ์ที่วัดตามวันเวลาทก่ี าหนด เมือ่ พระภิกษุ สงฆ์ประชุมพร้อมกันแลว้ เริม่ ถวายผ้ากฐนิ ด้วยการกลา่ ว “นโม…” 3 จบ แล้ว กล่าวคาถวายผ้ากฐนิ 4 เมอื่ กล่าวคาถวายจบแลว้ พระสงฆร์ บั พรอ้ มกันวา่ “สาธ”ุ เจ้าภาพนาผ้ากฐนิ ไป ถวายพระสงฆ์รปู ที่จะรบั ครองกฐนิ ตอ่ จากนนั้ จะเปน็ พธิ ีสงั ฆกรรมที่พระสงฆ์ ปฏิบตั ิตามหลกั พระธรรมวินัยตอ่ ไป

พิธีปวำรณำ ▪ ตรงกบั วันขน้ึ 15 ค่า เดอื น 11 ▪ การปวารณา การที่พระสงฆ์เปิดโอกาสให้มีการว่ากล่าวตักเตอื นกนั เมือ่ ได้ฟงั ได้เหน็ หรือมีขอ้ รังเกยี จใน ความประพฤตขิ องกนั และกนั เมือ่ สงสยั ในความประพฤตริ ะหว่างทอ่ี ยู่รว่ มกันตลอดพรรษา กใ็ ห้มีการว่ากล่าว ตกั เตอื นกันได้ ▪ พทุ ธศาสนกิ ชนในวนั น้ีอาจมีการทาบุญตกั บาตร สมาทานศีลและฟังพระธรรมเทศนา เพอ่ื อบรมกาย วาจา และใจ

2.2 ศำสนพิธีทีน่ ำพระพุทธศำสนำเข้ำไปเกี่ยวเนือ่ ง กำรทำบญุ เลียงพระในงำนมงคล มีขนั้ ตอนในการปฏิบตั ิ ดังนี้ กำรเตรียมกำร ▪ อาราธนาพระสงฆ์มาเจรญิ พระพทุ ธมนต์ นยิ มเปน็ จานวนค่ี เชน่ 5 รปู 7 รปู หรือ 9 รปู ▪ เตรียมทต่ี ง้ั พระพทุ ธรปู พรอ้ มเคร่อื งบูชา ▪ ตกแตง่ สถานทบ่ี รเิ วณพิธี ▪ วงด้ายสายสิญจนโ์ ดยรอบอาคารหรือจะวงท่ฐี านพระพุทธรูป แล้วโยงมาทีภ่ าชนะสาหรับ นา้ มนต์ก็ได้ ▪ อญั เชิญพระพทุ ธรูปมาตง้ั บนท่บี ูชา ▪ ปูอาสนะสาหรับพระสงฆ์ ▪ เตรียมเคร่อื งรบั รองพระสงฆต์ ามควรแก่ฐานะ ▪ ตง้ั ภาชนะสาหรับทาน้ามนต์

กำรดำเนินพิธี ▪ เมือ่ พระสงฆม์ าถงึ แลว้ นิมนต์พระสงฆน์ ่ังบนอาสนะ แล้วประเคนเครือ่ งรบั รอง ▪ เจ้าภาพหรือผู้แทนจุดธูปเทียนที่โต๊ะหมบู่ ชู า แล้วกราบเบญจางคประดิษฐ์ ▪ อาราธนาศีลและรับศีล ▪ อาราธนาพระปริตร ▪ พระสงฆ์เจรญิ พระพทุ ธมนต์ ▪ ถวายภัตตาหารแดพ่ ระสงฆ์ เสร็จแลว้ ถวายเครือ่ งไทยธรรม ▪ พระสงฆ์อนุโมทนา ขณะทีพ่ ระสงฆว์ ่าบท “ยถา…” ให้เรม่ิ กรวดน้าใหเ้ สร็จกอ่ นจบบท พอพระสงฆว์ ่าบท “สพพฺ ีติโย…” ให้น่งั ประนมมือ รับพรตลอดไปจนจบ ▪ พระสงฆ์ประพรมน้าพระพทุ ธมนต์ เปน็ อนั เสร็จพธิ ี

กำรทำบญุ เลียงพระในงำนอวมงคล การทาบุญเกีย่ วกบั เร่อื งการตาย นยิ มทากันอยู่ 2 อย่าง คอื การทาบุญหนา้ ศพ หรือทเ่ี รียกกนั ว่า ทาบญุ 7 วนั 50 วนั หรือ 100 วัน กับ การทาบุญอฐั ิ หรือการทาบุญในวนั คลา้ ยวันตายของผู้ล่วงลับ มีขน้ั ตอนและ การปฏิบัติเหมือนกบั การทาบญุ เลยี้ งพระในงานมงคล แต่มีขอ้ แตกต่างกนั คอื กำรทำบญุ งำนอวมงคล ▪ การอาราธนาพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ นิยมจานวน 8 หรือ 10 รปู แลว้ แต่กรณี แต่ต้องเป็น จานวนคู่ และการอาราธนาพระสงฆ์สาหรบั ทาบุญงานอวมงคลไมใ่ ช้คาวา่ “ขออาราธนาเจริญพระ พทุ ธมนต์” เหมือนอย่างทาบญุ งานมงคล แต่ใชค้ าว่า “ขออาราธนาสวดพระพุทธมนต์” ▪ ไมต่ ้องวงด้ายสายสญิ จน์ และไม่ต้องต้ังภาชนะสาหรบั ทาน้ามนต์ ▪ เตรียมสายโยงหรือภษู าโยงต่อจากศพหรืออฐั ิไวเ้ พือ่ ใช้บังสุกลุ ▪ เมือ่ พระสงฆม์ าถงึ ตามกาหนดเวลา มีข้อพึงปฏิบัติพิเศษ คือ มีการจุดธูปเทียนทีโ่ ต๊ะหมู่บูชากับการ จุดธูปเทียนทีห่ น้าศพ ▪ วันเลยี้ งพระมีการปฏิบตั ิเชน่ เดียวกบั งานมงคล เพียงแต่หลังจากพระสงฆฉ์ นั เสรจ็ แล้วนิยมให้มกี าร บังสกุ ลุ แล้วจงึ ถวายไทยธรรม เมือ่ พระสงฆอ์ นุโมทนา จึงกรวดน้าอุทิศสว่ นกุศลต่อไป

อำ้ งอิง วิทย์ วิศทเวทย์ และ เสฐยี รพงษ์ วรรณปก. (2553). หนงั สือเรียน รายวิชาพื้นฐาน พระพุทธศาสนา ม. 4 : ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4. พิมพ์คร้ังที่ 7. กรงุ เทพฯ: อกั ษรเจรญิ ทัศน์. อำ้ งอิงส่อื ขอบคณุ ข้อมลู ภาพประกอบทุกภาพจากสือ่ อินเทอรเ์ น็ต (ใช้เพื่อจัดกาเรียนการสอน)