ความเป็ นมาของการจดั การศึกษาวชิ าช่างกลใน ประเทศไทย
2 ความเป็ นมาของการจัดการศึกษาวชิ าช่างกลในประเทศไทย การศึกษาวชิ าช่างกล แบ่งออกเป็น 2 ระดบั คือ ระดบั ช่างกลพ้นื ฐาน ไดแ้ ก่งานตะไป งานกลึง งานเช่ือม งานหล่อและงานข้ึนรูป เป็นตน้ คนไทย เรามีความสามารถพอตวั ไม่แพช้ าติฝร่ัง เพราะเป็นวชิ าส่วนหน่ึงในงานช่างสิบหมไู่ ทย ระดบั ช่างกลข้นั สูง ซ่ึงแบง่ ออกเป็น 2 สาขา คือ เครื่องกล และไฟฟ้ า 2 ศาสตร์น้ีเราเพิง่ จะรู้จกั ในสมยั รัชกาล ท่ี 5 ซ่ึงมากบั บริการสาธารณูปโภค ที่พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 5 นามาใหบ้ ริการ กบั ประชาชนชาวไทย เช่นกิจการรถไฟ กิจการไฟฟ้ า บริการโทรเลขและโทรศพั ท์ และการเปล่ียนการ จดั การกองทพั แบบสมยั ใหม่ เช่นการจดั ต้งั กรมทหารเรือ แยกออกจากกรมทหารบก การสง่ั ซ้ือเรือรบแบบ ใหม่ท่ีขบั เครื่องดว้ ยเครื่องจกั รจากต่างประเทศมาประจาการแทนเรือรบแบบเดิม ซ่ึงเรือรบสมยั ใหมน่ ้ี ใช้ เทคโนโลยท่ี นั สมยั ที่สุดในทุกสาขาความรู้ เช่นความรู้เร่ืองเครื่องจกั รกล ความรู้เร่ืองระบบไฟฟ้ า ความรู้ เร่ืองระบบส่ือสาร เป็นจุดเริ่มตน้ ของคาวา่ ช่างกล และเป็นจุดเร่ิมตน้ ท่ีมีการจดั การศึกษาวชิ าช่างกลใหก้ บั คน ไทย สมยั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 5 การล่าเมืองข้ึนของพวกฝร่ังเพ่มิ ความ รุนแรงถึงข้นั ใชอ้ าวธุ ข่มข่แู ละรุกรานอยา่ งเปิ ดเผย (หมาป่ ากบั ลูกแกะ) พระองคจ์ ึงทรงเห็นวธิ ีการเดียวที่จะ รักษาแผน่ ดินและความเป็นเอกราชที่สืบทอดเจตนารมยม์ าจากบูรพกษตั ริยาธิราชไวใ้ หไ้ ดน้ ้นั คือตอ้ งศึกษา วชิ าการสมยั ใหมใ่ หเ้ ทา่ ทนั ฝร่ังชาติมหาอานาจ ซ่ึงเป็นยทุ ธศาสตร์ที่ทาใหช้ าติเราพน้ การเป็นเมืองข้ึน (ความคิดส่วนตวั ครับ) ดงั น้นั ต้งั แตป่ ี พ.ศ. 2436 พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จึงไดท้ รงเริ่มส่ง สมเดจ็ พระเจา้ ลูกยาเธอ พระเจา้ ลูกยาเธอ และพระองคเ์ จา้ ไปศึกษาวชิ าการต่าง ๆ ท้งั ดา้ นกฎหมายการ ปกครองการเมืองและการทหาร ท่ีครอบคลุมท้งั ทหารเรือ ทหารบก และทหารช่าง ยงั ประเทศตา่ ง ๆ ใน ยโุ รป ท้งั เดนมาร์ค ฝร่ังเศส เยอรมนั องั กฤษ และรัสเซีย (จริงแลว้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยู่ รัชกาลท่ี 4 ทา่ นทรงเล็งเห็นความสาคญั เร่ืองเหล่าน้ีไวแ้ ลว้ ทา่ นจึงไดจ้ า้ งแหม่มแอนนามาสอนวชิ า ภาษาองั กฤษ สมเดจ็ พระเจา้ ลูกยาเธอ พระเจา้ ลูกยาเธอ และพระองคเ์ จา้ เพ่อื สร้างพ้ืนฐานใหเ้ หล่าโอรส) เห็นไหมครับวา่ พระองคม์ องการไกลท่ีไมย่ อมไปผกู กบั ชาติใดชาติหน่ึงและการส่งพระโอรสไปเรียนยงั ประเทศต่าง ๆ นอกจากเป็นการเจริญสมั พนั ธ์ทางการฑูตแลว้ ยงั ไดร้ ับเทคโนโลยหี ลากหลายที่สามารถมา เลือกใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ชาติเรา ขณะเด่ียวกนั พระองคก์ ็ทรงส่งเสริมและขยายโอกาสการศึกษาลงสู่สามญั ชน (สมยั น้นั คนไทยที่อา่ นออกเขียนไดภ้ าษาไทยยงั หาไดย้ ากมาก)
2 หลงั จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 5 ทรงกลบั จากการเสดจ็ ประภาสยโุ รป ทรงโปรดริเริ่มใหม้ ีกิจการสาธารณูปโภค ใหก้ บั ประชาชนชาวไทย เช่นกิจการรถไฟ กิจการไฟฟ้ า บริการ โทรเลขและโทรศพั ท์ และมีการเปล่ียนการจดั การกองทพั แบบสมยั ใหม่ เช่นการจดั ต้งั กรมทหารเรือ แยก ออกจากกรมทหารบก การสง่ั ซ้ือเรือรบแบบใหม่ท่ีขบั เครื่องดว้ ยเคร่ืองจกั รจากต่างประเทศมาประจาการ แทนเรือรบแบบเดิม ซ่ึงเรือรบสมยั ใหม่น้ี ใชเ้ ทคโนโลยที่ นั สมยั ที่สุดในทุกสาขาความรู้ เช่นความรู้เร่ือง เครื่องจกั รกล ความรู้เร่ืองระบบไฟฟ้ า ความรู้เร่ืองระบบสื่อสาร เป็นตน้ ซ่ึงตอนน้นั ประเทศเรายงั ไม่มีคน ไทยท่ีมีความรู้ดา้ นช่างกลเลย จึงจาเป็นที่จะตอ้ งจา้ งชาวต่างประเทศเขา้ มารับราชการตาม ตาแหน่งหนา้ ที่ ตา่ ง ๆ เพราะคนเรายงั ไมม่ ีความรู้และความสามารถพอ แต่การใชฝ้ ร่ังน้นั ไม่ใช่เป็นการง่าย แลกร็ ู้ชดั เจนอยู่ ในใจดว้ ยกนั วา่ เขาเป็นคนตา่ งชาติภาษา จะซ่ือตรงจงรักภกั ดีอะไรตอ่ เราหนกั หนา กช็ วั่ แต่มาหาทรัพย์ กลบั ไปบา้ น เมื่อจะวา่ เช่นน้ี กไ็ ม่สู้เป็นยตุ ิธรรมแท้ เพราะบางคนซ่ึงอธั ยาศยั ดี มีความรู้ อยากจะไดช้ ื่อเสียงท่ี ดี ฤามีความละอาย ฤาอยากจะอยทู่ าการใหย้ ดื ยนื ไป เขาก็ทาดีตอ่ เรามาก ๆ อยบู่ า้ ง แต่อยา่ งไร ๆ ก็คงตอ้ ง นบั วา่ เป็นเพือ่ นกินไม่ใช่เป็นเพอ่ื นตาย\" แมว้ า่ ชาวตา่ งประเทศบางคนท่ีเขา้ มารับราชการ เช่น พลเรือจตั วา พระยาชลยทุ ธโยธินทร์ ( Andre du Plessis de Richelieu) และนายทหารเรือตา่ งชาติอีกประมาณ 10 นาย ไดแ้ สดงใหเ้ ห็นถึงความรับผดิ ชอบ ต่อหนา้ ท่ีการงานและความจงรักภกั ดี จากการพยายามป้ องกนั ปากน้าเจา้ พระยาในกรณีพพิ าทกบั ฝร่ังเศส ใน ปี พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) กต็ าม แตก่ ย็ งั เชื่อมน่ั เตม็ ที่ไมไ่ ดว้ า่ ไดท้ าโดยเตม็ กาลงั และก็เป็นท่ีหวงั เตม็ ท่ีไม่ไดอ้ ีก วา่ ถา้ เกิดศึกสงครามข้ึนระหวา่ งประเทศไทยกบั ประเทศบา้ นเกิดของนายทหารตา่ งประเทศเหล่าน้นั ทา่ น เหล่าน้นั จะยงั คงจงรักภกั ดีอยอู่ ีกต่อไป เพราะอาจเกรงกลวั หรือตอ้ งฟังคาสง่ั จากประเทศบา้ นเกิด ละทิ้ง ราชการ หรือทาการบอ่ นทาลายอยา่ งหน่ึงอยา่ งใด การสละชีวติ เพอ่ื ป้ องกนั ประเทศโดยชนชาติเจา้ ของ ประเทศเองจึงยอ่ มจะเป็นที่หวงั ไดม้ ากกวา่ ” สมยั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่ 5 จึงทรงริเร่ิมใหม้ ีการเรียนการสอนวชิ า ช่างกลใหค้ นไทย ในรูปแบบของพนกั งานฝึกหดั งาน ตามกรมกองตา่ ง ๆ คือมาทางานไปดว้ ยและเรียนรู้งาน จากรุ่นพีห่ รือนายช่างฝรั่ง เช่นนกั เรียนฝึกหดั งานโทรเลข/โทรศพั ทแ์ ละวทิ ยกุ รมไปรษณียโ์ ทรเลข จนกระ ท้งั พ.ศ. 2485 จึงไดจ้ ดั ต้งั เป็นโรงเรียนการไปรษณียแ์ ละโทรเลข
3 รูปท่ี 1 คณะนายทหารเรือไทยสมยั แรก ซ่ึงเป็นชาวต่างชาติ โดยมีกปั ตนั ตน้ หน ตน้ กล เรือเป็น และ ลูกเรือก็จะเป็นชาวอินเดีย จีน ซะส่วนใหญ่ ดว้ ยพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 5 มีนโยบายขยายพ้นื ท่ีเพาะปลูกและ เส้นทางคมนาคมระหวา่ งกรุงเทพฯกบั จงั หวดั ขา้ งเคียง ซ่ึงเป็นแหล่งผลิตขา้ วที่สาคญั และเป็นเส้นทาง ลาเลียงขา้ วออกสู่ตลาดตา่ งประเทศ ดงั พระราชดาริท่ีกล่าวไวใ้ นประกาศเรื่องอนุญาตขดุ คลอง วา่ มีความ ตอ้ งการที่จะใชค้ ลองช่วยกระจายผคู้ นออกไปจากยา่ นชุมชนเดิม \"การขดุ คลอง เพื่อที่จะใหเ้ ป็นท่ีมหาชนท้งั ปวงไดไ้ ปมาอาศยั แลเป็นทางที่จะใหส้ ินคา้ ไดบ้ รรทุกไปมาโดยสะดวก ซ่ึงใหผ้ ลแก่การเรือกสวนไร่นา ซ่ึง จะไดเ้ กิดทวขี ้ึนในพระราชอาณาจกั ร เป็นการอุดหนุนการเพาะปลูกในบา้ นเมืองใหว้ ฒั นาเจริญยงิ่ ข้ึน\" จึงได้ จดั ต้งั โรงเรียนเกษตรแผนกวศิ วกรรมการคลอง เพือ่ สร้างบุคลากรที่มีความรู้ในเร่ืองการขดุ , การใชแ้ ละซ่อม บารุงเคร่ืองจกั รในการขดุ คลอง และส่งเสริมใหห้ น่วยราชการและเอกชนขดุ คลองข้ึนเป็นจานวนมาก ท้งั ขดุ คลองใหมแ่ ละขดุ ลอกคลองเก่าถือไดว้ า่ เป็นยคุ ที่มีการขดุ คลองมากท่ีสุดยคุ หน่ึง ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 5 ท่านไดท้ รงจดั การบริหารราชการ ออกเป็นกระทรวงทบวงกรมตามแบบอารยประเทศ และใหจ้ ดั ต้งั โรงเรียนมหาดเลก็ ข้ึนใน พระบรมมหาราชวงั พระราชประสงคก์ ็เพื่อจะใหเ้ ป็นที่ฝึกหดั คนไทยใหส้ ามารถทางานในระบบบริหาร ราชการแบบใหมไ่ ด้ ต่อมาในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่ 6 จึงไดท้ รงพระกรุณา โปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ปล่ียนชื่อโรงเรียนมหาดเลก็ เป็น\"โรงเรียนขา้ ราชการพลเรือนแห่งพระบาท สมเด็จพระ จุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั \" (จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ในปัจจุบนั ) เพือ่ ผลิตขา้ ราชการที่มีความรู้สาขาต่าง ๆ เช่น รัฐประศาสนศาสตร์ แพทยศาสตร์ เกษตรศาสตร์ กฎหมาย คุรุศาสตร์ จบไปทางานในกระทรวงทบวงกรม ตา่ ง ๆ ท่ีร้องขอมา พ.ศ.2454 กระทรวงเกษตราธิการไดโ้ อนโรงเรียนเกษตรแผนกวศิ วกรรมการคลอง มาอยู่ กบั โรงเรียนขา้ ราชการพลเรือน ฯ พ.ศ. 2455 ทหารบก ทหารเรือ กรมรถไฟ กรมชลประทาน ฯลฯ เป็นตน้ ตา่ งก็ตอ้ งการขา้ ราชการที่มีความรู้วชิ าวศิ วกรรม ทางโรงเรียนขา้ ราชการพลเรือน ฯ จึงวางหลกั สูตรโรงเรียน
4 เกษตรวศิ วกรรมการคลองที่รับโอนมา จดั หลกั สูตรการเรียนการสอนวชิ าวศิ วกรรมข้ึนเรียกวา่ \"โรงเรียน ยนั ตรศึกษาแห่งโรงเรียนขา้ ราชการพลเรือนของพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั \" นบั ต้งั แต่วนั ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2456 (คือคณะวศิ วกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ในปัจจุบนั น้นั เอง) ในสมยั แรก โรงเรียนยนั ตรศึกษารับนกั เรียนที่สาเร็จเพยี งช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 6 (ม. 3 ปัจจุบนั ) ของกระทรวง ธรรมการ หลกั สูตรท่ีใหศ้ ึกษามีเพยี ง 3 ปี แตก่ ต็ อ้ งออกฝึกหดั การงานในสถานท่ีที่โรงเรียนเห็นชอบดว้ ยอีก 3 ปี ในระหวา่ งฝึกหดั ไดร้ ับผลประโยชนเ์ ดือนละ 30 บาท เม่ือไดเ้ ขา้ ตาแหน่งงานแลว้ ไดร้ ับเงินเดือน เดือน ละ 80 บาท น่ีเป็นระเบียบที่ทางโรงเรียนไดต้ กลงไวก้ บั สถานที่ต่าง ๆ และเม่ือฝึกหดั งานไม่นอ้ ยกวา่ 3 ปี จน โรงเรียนไดร้ ับผลเป็นท่ีน่าพอใจแลว้ จึงจะยอมรับวา่ การเรียนน้นั จบบริบรู ณ์ตามหลกั สูตร และยอมออก ประกาศนียบตั รใหไ้ ด้ (คือเรียน 3 ปี และไปฝึกทางานยงั หน่วยงานตา่ ง ๆ ตามท่ีโรงเรียนกาหนด ครบ 3 ปี ส่วนใหญจ่ บแลว้ ก็ไดบ้ รรจุในหน่วยงานท่ีไปฝึกทางาน) จึงรับจานวนนกั เรียนในแตล่ ะปี ตามจานวนตามที่ หน่วยงานราชการต่าง ๆ ตอ้ งการ (ผลิตมาเพอื่ ป้ อนใหห้ น่วยราชการ) พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 6 ไดท้ รง พระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้ สถาปนาประดิษฐาน โรงเรียนขา้ ราชการพลเรือนข้ึนเป็น จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั จึงไดโ้ อนโรงเรียนยนั ตร ศึกษา มาเป็นคณะวศิ วกรรมศาสตร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั และยา้ ยออกจากวงั วนิ เซอร์มาเรียนท่ีตึก ใหม่ ช่วงประมาณ ปี พ.ศ. 2466 – 2496 น.อ.เลื่อน พงษโ์ สภณ ปรมาจารยม์ อเตอร์ไซคไ์ ต่ถงั นกั บิน ผู้ ประดิษฐร์ ถสามลอ้ หลงั จากรับราชการใชท้ ุนจนครบ 2 ปี ตามสญั ญาที่ผกู มดั อยกู่ บั รัฐบาลแลว้ กล็ าออกมา ต้งั โรงงานรับซ่อมเคร่ืองยนตอ์ ยทู่ ี่แพร่งสรรพศาสตร์ ขณะท่ีต้งั โรงงานซ่อมรถอยนู่ ี่เองความคิดอนั หน่ึงก็วบู ข้ึนมาในสมอง คือความคิดที่จะฝึกคนไทยใหม้ ีความรู้ในเร่ืองเครื่องจกั รตามความเจริญกา้ วหนา้ ของ บา้ นเมืองในยคุ วทิ ยาศาสตร์ น.อ.เลื่อนจึงไดเ้ ปิ ด โรงเรียนช่างกลพงษโ์ สภณ ที่บา้ นตาบลบางขนุ พรหม จงั หวดั พระนคร โรงเรียนช่างกลพงษโ์ สภณ จดั อยใู่ นประเภทโรงเรียนสอนวชิ าชีพระยะส้ัน เพราะโรงเรียน น้ีสอน ๒ วชิ า คือสอนซ่อมรถยนต์ และสอนขบั รถ ไม่มีการเรียนวชิ าอ่ืน ๆ ประกอบ เช่นคานวน ภาษาองั กฤษ ช่างฝีมือพ้นื บาน เช่นงานตะไบ กลึง เชื่อม เป็นตน้ และกาหนดคุณวฒุ ิการศึกษาของผทู้ ี่จะเขา้ เรียนเพียงอา่ นออกเขียนได้ ถือวา่ เป็นโรงเรียนสอนวชิ าชีพระยะส้ันแห่งแรกของไทย เม่ือเปิ ดโรงเรียนใหม่ ๆ ปรากฏวา่ ไมม่ ีคนเรียนเพราะขณะน้นั คนไทยส่วนมากยงั เชื่อถือกนั อยวู่ า่ อาชีพช่างกลเป็นอาชีพช้นั ต่า ไม่ควรแก่การเรียน ความนิยมในการเป็นเสมียนยงั ฝังอยใู่ นจิตใจของคนไทย โรงเรียนช่างกลพงษโ์ สภณจึง ประสบอุปสรรคสาคญั คือไม่มีนกั เรียนสมคั รเขา้ เรียนเลย แต่ น.อ.เล่ือนกไ็ มล่ ะความพยายาม เขาไดด้ าเนิน กิจการของโรงเรียนไปโดยไมย่ อมทอ้ ถอย คือการขอแรงคนใหเ้ ขา้ มาเรียน และสอนใหฟ้ รี จนในภายหลงั ความนิยมในอาชีพช่างกลมีมากข้ึน นกั เรียนช่างกลของเขากเ็ พม่ิ จานวนข้ึนเรื่อย ๆ จึงไดม้ าคิดเก็บเงินค่าเล่า เรียน จากน้นั โรงเรียนช่างกลพงษโ์ สภณก็ดาเนินกิจการกา้ วหนา้ ต่อมา กลายเป็นโรงเรียนที่มีช่ือเสียงดีมา เป็นเวลาถึง 30 ปี เศษ จึงเลิกกิจการไป
5 รูปท่ี 2 ครูอาจารยแ์ ละนกั เรียนโรงเรียนไปรษณียโ์ ทรเลข ที่ตึกไปรษณียาคาร ปากคลองโอง่ อ่าง สะพานหนั ถูกทุบทิง้ เมื่อ พ.ศ. 2525 เพือ่ เปิ ดทางใหก้ บั การก่อสร้างสะพานพระปกเกลา้ ซ่ึงเป็นสะพานคูข่ นานอยทู่ าง ทิศใตข้ องสะพานพุทธ ปัจจุบนั ถูกสร้างข้ึนใหม่ตามแบบเดิม ในตาแหน่งใกลเ้ คียงกบั ท่ีต้งั เดิม เพื่อใชเ้ ป็น พิพธิ ภณั ฑก์ ิจการไปรษณียไ์ ทย รูปที่ 3 คณะอาจารยแ์ ละนิสิตโรงเรียนยนั ตรศึกษา รุ่นท่ี 1 และ 2 ของแผนกวศิ วกรรมศาสตร์ถ่ายที่หอวงั (วงั วนิ เซอร์) พ.ศ. 2457
6 รูปท่ี 4 วงั วนิ เซอร์ , วงั ใหม่ หรือวงั กลางทุ่ง เป็นวงั ซ่ึงพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ร้างข้ึนเพอ่ื พระราชทานสมเด็จพระเจา้ ลูกยาเธอ เจา้ ฟ้ ามหาวชิรุณหิศ สยาม มกุฎราชกุมารพระองคแ์ รกแห่งกรุงสยาม ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่ 6 ไดท้ รง พระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ปิ ดโรงเรียนยนั ตรศึกษาเพอ่ื จดั การเรียนการสอนวชิ าอินเจอร์เนีย วศิ วกรรมศาสตร์) และวชิ าเกษตร พ.ศ. 2478 ถูกร้ือเพ่ือสร้างกรีฑาสถานแห่งชาติ (สนามศุภชลาศยั ) รูปที่ 5 อาคารเรียนคณะวศิ วกรรมศาสตร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั เม่ือยา้ ยออกจาก วงั วนิ เซอร์
7 รูปที่ 6 น.อ.เลื่อน พงษโ์ สภณ พ.ศ. 2450 นายพลเรือโท สมเด็จพระเจา้ ลูกยาเธอ เจา้ ฟ้ าบริพตั รสุขมุ พนั ธุ์ กรมขนุ นครสวรรคว์ รพิ นิต ขณะน้นั ดารงตาแหน่งผบู้ ญั ชาการกรมทหารเรือ (พ.ศ. 2447 - 2453) ไดท้ รงใหป้ รับปรุงการเรียนการ สอนในโรงเรียนนายเรือซ่ึงเริ่มมีมาต้งั แต่ พ.ศ. 2442 ข้ึนใหม่ ใหส้ ามารถผลิตนายทหารเรือท่ีมีความสามารถ พอเพียงท่ีจะเดินเรือออกจากอา่ วสยามได้ เขา้ แทนที่นายทหารเรือต่างชาติที่ทรงมีพระดาริท่ีจะระบายออกไป ใหห้ มดสิ้นตามพระราชประสงคใ์ นสมเด็จพระราชบิดา (รัชกาลท่ี 5) โดยการวางระบบการศึกษาของ ทหารเรือไทยเป็นโรงเรียน 7 โรงเรียน ไดแ้ ก่ โรงเรียนประถมทหารเรือ (สอนต้งั แต่หดั อ่านหดั เขียน) โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนช่างกล โรงเรียนอาวธุ โรงเรียนช้นั สูงนายเรือ โรงเรียนช้นั สูงช่างกล และโรงเรียน เสนาธิการ ในเวลาน้นั มีคนไทยท่ีรู้หนงั สือจานวนนอ้ ย โรงเรียนนายเรือเร่ิมตน้ รับนกั เรียนท่ีพอจะเรียนรู้ได้ มาสอนอ่านเขียนต้งั แต่ ก ข ก กา จนสาเร็จเป็นนายทหาร
8 พ.ศ. 2466 โรงเรียนนายทหารเรือ แบง่ การศึกษาออกเป็น 2 แผนก คือ แผนกพรรคนาวนิ ท่ีเรียนใน เรื่องการบงั คบั บญั ชาและการควบคุมการเดินเรือ แผนกพรรคกะสิน (กลิน) เรียนในเร่ืองวชิ าช่างกลเรือ พ.ศ. 2467 ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทวั่ โลกหลงั สงครามโลก คร้ังที่ 1 ตอ่ ประเทศไทย ทาใหเ้ งิน งบประมาณในการบริหารประเทศขาดแคลน จึงมีการลดจานวนขา้ ราชการ และควบรวมหน่วยงานราชการ ใหล้ ดนอ้ ยลง เพอ่ื ลดรายจา่ ยของรัฐ ทางกองทพั เรือไดง้ ดรับนกั เรียนนายเรือท้งั พรรคนาวนิ และพรรคกะลิน จนกระทงั่ ปี พ.ศ. 2471 กองทพั เรือเปิ ดรับนกั เรียนนายเรืออีกแต่รับเฉพาะพรรคนาวนิ ถึงปี พ.ศ. 2473 ยงั ไม่ มีนโยบายจากกองทพั ที่จะเปิ ดรับนกั เรียนนายเรือพรรคกะลิน อีก นาวาตรีหลวงประกอบกลกิจ (เจ๋อ จนั ทร เวคิน) ซ่ึงดารงตาแหน่งอาจารยใ์ หญ่ โรงเรียนนายเรือแผนกพรรคกะลิน เกิดความรู้สึกห่วงใยวา่ วชิ าช่างของ คนไทยจะไมเ่ จริญกา้ วหนา้ ต่อไปในกาลขา้ งหนา้ และคนไทยท่ีรู้วชิ าช่างยอ่ มร่อยหรอหมดสิ้นไปทีละนอ้ ย ๆ เพราะการเรียนฝ่ ายช่าง ท่ีพอจะเป็นท่ีเชื่อถือไดใ้ นเวลาน้นั ไม่มีที่ใดอีก ท่านมีความคิดที่จะจดั ต้งั โรงเรียน อาชีพช่างกล ดว้ ยเหตุผลท่ีตอ้ งการปลูกฝังอาชีพช่างใหก้ บั เยาวชนไทยเพ่ือเป็นกาลงั ในการพฒั นาประเทศ ท่านจึงไดห้ ารือกบั เรือโททิพย์ ประสานสุข ร.น. และเรือโทสงบ จรูญพร ร.น. ถึงความประสงคแ์ รงกลา้ ท่ีจะ จดั ต้งั โรงเรียนอาชีพช่างกล และขอใหช้ ่วยกนั ชกั ชวนบรรดาเพ่อื นทหารใหช้ ่วยกนั เสียสละเงินคนละ 100 บาท เพ่ือจดั ต้งั โรงเรียนอาชีพช่างกล โดยเกบ็ เงินเป็นรายเดือน ๆ ละ 5 บาท เก็บจนกวา่ จะครบ 100 บาท มี คณะทหารเรือผรู้ ่วมสนบั สนุน 111 ท่าน และเม่ือวนั ที่ 1 สิงหาคม 2475 โรงเรียนอาชีพช่างกล เปิ ดทาการ สอนท่ี ตรอกกปั ตนั บุช ถนนเจริญกรุง ตาบลส่ีพระยา อาเภอบางรัก เป็นโรงเรียนช่างกลเอกชนแห่งแรกของ ประเทศไทย มีนกั เรียนรุ่นแรก 34 คน พ.ศ. 2477 กระทรวงธรรมการหรือกระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบนั ใคร่จะขยายการศึกษาวชิ าอาชีพ ตา่ ง ๆ ใหด้ าเนินไปตามแผนการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2475 ท่ีไดก้ าหนดวา่ วสิ ามญั ศึกษา ไดแ้ ก่ การศึกษา วชิ าชีพซ่ึงจดั ใหเ้ หมาะสมกบั ภูมิประเทศ เช่น กสิกรรม หตั ถกรรม พาณิชยการและอุตสาหกรรม เพื่อเป็น พ้ืนฐานความรู้สาหรับประกอบการเกษตรกรรมและ อุตสาหกรรม ตา่ ง ๆ วชิ าช่างกล เป็นวชิ าชีพแขนงหน่ึง ที่กระทรวงธรรมการเห็นวา่ มีความสาคญั และมีนโยบายท่ีจะส่งเสริมอยแู่ ลว้ เพราะกระทรวงธรรมการตอน น้นั ยงั ไมม่ ีโรงเรียนสอนช่างกลเลย จึงไดท้ าบทามขอโอนโรงเรียนอาชีพช่างกลที่อยใู่ นความดูแล ของนาวา เอกพระประกอบกลกิจ ร.น. ใหม้ าอยใู่ นสังกดั กระทรวงธรรมการเสีย นาวาเอกพระประกอบกลกิจ ร.น. ผอู้ านวยการโรงเรียนมีความยนิ ดีที่จะมอบใหก้ ระทรวงธรรมการ แตท่ วา่ ในปี น้นั กระทรวงธรรมการยงั ไม่มี งบประมาณพอท่ีจะรับมอบ จึงขอใหช้ ะลอเรื่องไวก้ ่อน
9 พ.ศ. 2478 กระทรวงธรรมการ รับโอนโรงเรียนอาชีพช่างกลมาสังกดั เปล่ียนชื่อใหมเ่ ป็นโรงเรียน มธั ยมอาชีพช่างกล (โรงเรียนช่างกลรัฐบาลแห่งแรก) พ.ศ. 2482 ยา้ ยโรงเรียนมธั ยมอาชีพช่างกลมาอยทู่ ี่ดินของวงั กรมพระสวสั ดิวตั นวศิ ิษฎ์ ซ่ึงอยตู่ รงกนั ขา้ มกบั สนามศุภศลาศยั (สนามกีฬาแห่งชาติ) และเปลี่ยนช่ือเป็นโรงเรียนช่างกลปทุมวนั จดั การเรียนการ สอนในหลกั สูตรอาชีวศึกษาช้นั สูง แผนกช่างกล รูปท่ี 7 นายพลเรือโท สมเด็จพระเจา้ ลูกยาเธอ เจา้ ฟ้ าบริพตั รสุขมุ พนั ธุ์ กรมขนุ นครสวรรคว์ รพนิ ิต รูปท่ี 8 โรงเรียนนายเรือปัจจุบนั
10 รูปที่ 9 โรงเรียนนายเรือสมยั แรก
11 รูปท่ี 10 อาจารยแ์ ละนกั เรียนโรงเรียนอาชีพช่างกลรุ่นแรก รูปท่ี 11โรงเรียนมธั ยมอาชีพช่างกลท่ีปากคลองตลาด
12 พ.ศ. 2430 พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 5 โปรดเกลา้ ใหต้ ้งั กรมศึกษาธิการข้ึน เพอ่ื ดูแลการจดั การศึกษาของชาติในระบบสมยั ใหม่ พ.ศ. 2435 ไดย้ กฐานะกรมศึกษาธิการข้ึนเป็นกระทรวงธรรมการ สาหรับการจดั การศึกษาดา้ นอาชีพ เริ่มตน้ เม่ือ พ.ศ. 2441จากผนการศึกษาฉบบั แรกโดยไดแ้ บ่งการ จดั การศึกษาใหเ้ ป็น 2 ลกั ษณะคือ 1 การเล่าเรียนสามญั เป็นการศึกษาวชิ าการต่าง ๆ ทว่ั ไป 2 การเล่าเรียนพิเศษเป็นการศึกษาสาหรับ ใหม้ ีความรู้ไปประกอบอาชีพ การจดั การศึกษาที่เป็นการ เล่าเรียนพิเศษ เป็นการเรียนสาหรับความรู้เฉพาะอยา่ งใหชานาญ ไดแ้ ก่ ศิลปะศาสตร์ กฎหมายการแพทย์ การช่าง หตั ถกรรม การคา้ การเพาะปลูกโดยมีการจดั ต้งั โรงเรียนจาเพาะความรู้ข้ึนหลายโรงในสมยั น้นั เช่น โรงเรียนกฎหมาย โรงเรียนแพทย์ โรงเรียนการเพาะปลูกโรงเรียนช่างศิลป์ และโรงเรียนการช่างและหตถั กรรม เป็นตน้ โดยในปี พ.ศ. 2450 ไดจ้ ดั ต้งั โรงเรียน ช่างศิลปหตั ถกรรม แห่งแรก ในกองช่าง กระทรวงธรรมการ คือโรงเรียนสโมสรช่าง เปิ ดสอนวชิ าช่างช่างเขียน และแกะสลกั ตอ่ มา ปี พ.ศ. 2552 เปิ ดสอนเพิม่ แผนกป้ัน กลึงและเคร่ืองรัก ในปี พ.ศ. 2453 เปิ ดโรงเรียนพานิชยการแห่งแรกโดยเปิ ดสอน เพ่ิมวชิ าพนกั งานเสมีย นวชิ าคา้ ขาย และการบญั ชี ที่โรงเรียนองั กฤษวดั มหาพฤฒาราม (มธั ยม)) และเปล่ียนช่ือโรงเรียนเป็น โรงเรียนพณิชยการ วดั มหาพฤฒธาราม และเปิ ดเพมิ่ โรงเรียนพานิชยการในเครืออีกแห่งคือ โรงเรียนพณิชยการวดั ราชบูรณะ (ปี 2459 โรงเรียนพานิชยการท้งั 2 โรงเรียนยา้ ยมารวมกนั ที่วดั แกว้ ฟ้ าล่าง และเปลี่ยนช่ือโรงเรียนเป็น โรงเรียน พณิชยการวดั แกว้ ฟ้ าล่างปัจจุบนั คือมหาวทิ ยาลยั ราชมงคลพระนคร วทิ ยาเขตพาณิชยการพระนคร) ปี พ.ศ. 2454 จดั ต้งั โรงเรียน โรงเรียนหตั ถกรรม วดั ราชบูรณะ (คือมหาวทิ ยาลยั ราชมงคล รัตนโกสินทร์ วทิ ยาลยั เพาะช่าง ปัจจุบนั ) พระราชดาริในอนั ท่ีจะทรงทานุบารุงศิลปะการช่าง และ หตั ถกรรมไทยใหเ้ จริญพฒั นาถาวรของพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 5 โดยรวม โรงเรียนสโมสรช่าง โรงเรียนพณิชยการวดั ราชบรู ณะและโรงเรียนฝึกหดั ครูประถมกสิกรรมวดั ราชบูรณะ
13 พ.ศ. 2456 พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้ าเจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 6 จึงทรงสืบทอดพระราชดาริของ สมเดจ็ พระบรมชนกนาถตอ่ มา ประจวบกบั บรรดาขา้ ราชการในกระทรวงธรรมการ ไดเ้ ร่ียไรกนั สร้างอาคาร เรียน 2 ช้นั ข้ึนในโรงเรียนหตั ถกรรมราชบรู ณะเป็นถาวรวตั ถุอุทิศเกลา้ ถวายเป็นพระราชกศุ ลแด่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และไดน้ าความข้ึนกราบบงั คมทลู ทราบฝ่ าละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั จึงเสดจ็ พระราชดาเนินมาทรงเปิ ดอาคารเรียน และพระราชทานวา่ “โรงเรียนเพาะช่าง”เพือ่ ส่งเสริมวชิ าช่าง หตั ถกรรมตา่ งๆ ดงั ปรากฏความตอนหน่ึงของคากราบบงั คมทลู ตอ่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ในพระราชพธิ ีเปิ ดโรงเรียนเพาะช่างวา่ “หวงั ดว้ ยเกลา้ ฯ วา่ วชิ าช่างที่ ไดเ้ พาะปลูกข้ึนในโรงเรียน คงจะแตกดอกออกผลงอกงามใหเ้ ป็นประโยชน์แก่ประชาชน...ประดุจนาม โรงเรียนซ่ึงโปรดเกลา้ พระราชทานน้นั ” พ.ศ. 2475 มีการกาหนดการศึกษาอาชีพชดั เจนยงิ่ ข้ึน ในแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2475 ได้ กาหนดเป็น 2 ประเภทคือ ประเภทวสิ ามญั ศึกษา สาหรับการศึกษาสามญั ในสมยั น้นั มีการแบง่ ระดบั การศึกษา เป็น 4 ระดบั คือ ระดบั ประถมศึกษา 4 ช้นั เรียน ป.1 – ป.4 , ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ม. 1 – ม.3 (เทียบปัจจุบนั คือ ป. 5 – ม.1) , ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ม.4 – ม.6 (เทียบปัจจุบนั คือ ม. 2 – ม.4) , ระดบั เตรียมอุดมศึกษา ม. 7 – ม. 8 (เทียบปัจจุบนั คือ ม.5 – ม.6) ปี การศึกษา 2500 เปลี่ยนการจดั แบ่งการศึกษา ใหม่คือ ระดบั ประถมศึกษา ป.1 - ป. 7 ระดบั มธั ยมศึกษา ม.ศ. 1 - ม.ศ. 5 โดยปกติเดก็ จบ ป. 4 ท่ีศึกษาต่อจะข้ึนช้นั ม. 1 เปล่ียนเป็น ข้ึนช้นั ป. 5 ตามหลกั สุตรใหมต่ อนน้นั ปี การศึกษา 2521 เปลี่ยนการจดั แบ่งการศึกษา ใหม่คือ ระดบั ประถมศึกษา ป. 1 - ป. 6 ระดบั มธั ยมศึกษา ม. 1 - ม. 6 เด็กจบ ป. 6 จะข้ึนช้นั ม. 1 ในหลกั สูตรใหม่ (ม. 1 รุ่นแรก) เดก็ จบ ป. 7 จะข้ึนช้นั ป. 7 (ป. 7 รุ่น สุดทา้ ย) หลกั สูตรเก่า จนถึงปัจจุบนั สาหรับการเรียนประเภท วสิ ามญั ศึกษา คือการศึกษาวชิ าชีพซ่ึงจดั ใหเ้ หมาะสมกบั ภูมิประเทศ เช่น กสิกรรม หตั ถกรรม และพาณิชยการ เพอื่ เป็นพ้นื ฐานความรู้สาหรับประกอบการเกษตรกรรมและ อาชีพต่าง ๆ และในแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2479 ได้ ปรากฏคาวา่ \"อาชีวศึกษา\" เป็นคร้ังแรกในระบบการศึกษา ของประเทศไทย
14 ในช่วงเร่ิมตน้ การจดั การศึกษา ดา้ นอาชีวศึกษา มีการจดั การสอน สาขางานไมแ้ ละช่างก่อสร้าง ใน โรงเรียนช่างไม้ หรือโรงเรียนการช่าง เปิ ดสอนสาขา ช่างทอผา้ ช่างตดั เส้ือ ช่างประดิษฐ์ ในโรงเรียนการช่าง สตรีเปิ ดสอนสาขางานช่างศิลป์ ในโรงเรียนศิลปหตั ถกรรม เป็นตน้ สาหรับสาขาช่างกลตอนน้นั มีทีเดียวใน ประเทศไทยคือที่โรงเรียนช่างกลปทุมวนั ท่ีไม่สามารถเปิ ดโรงเรียนช่างกลเพม่ิ เพราะขาดครูท่ีมีความรู้ และ การลงทุนในการจดั หาเครื่องมือและวสั ดุอุปกรณ์ในการเรียนการสอนตอ้ งใชง้ บประมาณสูง สาหรับการเรียนในระดบั อาชีวะศึกษา จะแบ่งเป็น 3 ระดบั คือ มธั ยมอาชีวะศึกษาตอนตน้ รับผจู้ บ ประถมศึกษาปี ท่ี 4 (ป.4) มาเรียน 3 ปี (เทียบปัจจุบนั คือ ป. 5 – ม.1) มธั ยมอาชีวะศึกษาตอนปลาย รับผจู้ บ มธั ยมอาชีวะศึกษาตอนตน้ หรือผทู้ ี่จบการศึกษาสามญั ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ม.1 – ม.3 (เทียบปัจจุบนั คือ ป.5 – ม.1) เรียน 3 ปี (เทียบปัจจุบนั คือ ม. 2 – ม.4) ประโยคอาชีวะศึกษาช้นั สูง รับผจู้ บ มธั ยมอาชีวะศึกษา ตอนปลาย หรือผจู้ บการศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลายสายสามญั ม. 6 เรียน 3 ปี (เทียบปัจจุบนั คือระดบั ปวช.) สาหรับระดบั อนุปริญญา (ปวส) ยงั ไม่มีในตอนน้นั จนกระทง่ั ปี พ.ศ. 2495 เปิ ดการเรียนการสอนระดบั อนุปริญญาท่ีเทคนิคกรุงเทพ ฯ โดยรับจากผทู้ ่ี จบการศึกษาระดบั ประโยคอาชีวะศึกษาช้นั สูง เรียน 2 ปี ซ่ึงถา้ ใครตอ้ งการเรียนจนไดป้ ริญญาตรีจะตอ้ งไป เรียนต่อตา่ งประเทศ ท่ีใกลท้ ่ีสุดและคา่ ใชจ้ า่ ยต่าคือไปเรียนตอ่ ที่ฟิ ลิปปิ นส์ รูปท่ี 12 อาชีวศึกษา ท่ีมาแห่งความสมบูรณ์
15 รูปที่ 13 นกั เรียนในยคุ แรก พ.ศ. 2483 กรมรถไฟ เปิ ดโรงเรียนวศิ วกรรมรถไฟ เพอ่ื ผลิตบุคลากรมาทางานใหก้ รมรถไฟ ปี พ.ศ. 2489 โรงเรียนอาชีวะ ดอนบอสโก ( วทิ ยาลยั เทคโนโลยดี อนบอสโกเป็นวทิ ยาลยั สังกดั มูลนิธิคณะซาเลเซียนแห่งประเทศไทย อยใู่ นความอุปการะของกรมประชาสงเคราะห์ ) และดาเนินกิจการ โดยคณะนกั บวชซาเลเซียนเปิ ดดาเนินกิจการ โดยเช่าวงั ของพระองคเ์ จา้ บวรเดช ท่ีถนนวทิ ยุ (สถานทูต เนเธอร์แลนดใ์ นปัจจุบนั ) และเปิ ดสอนแผนกวชิ าชีพช่างตดั เยบ็ เส้ือผา้ ช่างพิมพแ์ ละช่างไม้ แก่นกั เรียนที่ เป็นเด็กกาพร้าและยากจน กลุ่มแรกจานวน 35 คน โดยไม่เกบ็ ค่าเล่าเรียนแตอ่ ยา่ งใด ซ่ึงถือเป็นนโยบายของ โรงเรียนต้งั แตบ่ ดั น้นั เป็นตน้ มา เวลาน้นั มีครูสอน 2 คน และบาทหลวงมารีโอ รูเซดดู เป็นอธิการชาวอิตา เลียนองคแ์ รก ปี พ.ศ. 2492 โรงเรียนไดย้ า้ ยมาอยสู่ ถานที่ปัจจุบนั ท่ีถนนเพชรบุรี และไดเ้ ปิ ดหลกั สูตร อาชีวศึกษา ช้นั สูง สาขาวชิ าช่างกลโรงงาน ช่างไฟฟ้ ากาลงั ช่างยนต์ และการพมิ พ์ โรงเรียนยงั มุ่งเนน้ ใหค้ วามช่วยเหลือ แก่เดก็ กาพร้า เดก็ ยากจน และผดู้ อ้ ยโอกาส ใหไ้ ดร้ ับการศึกษาวชิ าชีพจนจบหลกั สูตร โดยไมเ่ ก็บค่าเล่าเรียน พ.ศ. 2492 กองบริการส่งเสริมอาชีวศึกษา กรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมมือกบั กรม โยธาเทศบาล เปิ ดโรงเรียนช่างกลางคืน กรมโยธาเทศบาล หลกั สูตรช่างตรี (ชาวบา้ นมกั เรียกวา่ โรงเรียนช่าง ตรี เรียนจนั ทร์ – เสาร์ ช่วงเวลา 17.30 – 19.30) โดยอาศยั บุคลากรของกรมโยธาเทศบาล (คือกรมโยธาธิการ และผงั เมืองในปัจจุบนั ) เป็นผสู้ อน เรียนท่ีอาคารกรมโยธาเทศบาล ตรงแถวสะพานผา่ นฟ้ า (ปัจจุบนั คือ อาคารพพิ ิธภณั ฑเ์ ฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ สถาบนั พระปกเกลา้ ฯ) เพ่อื ผลิตบุคลากร ดา้ นช่างที่มีความสามารถตรงตามที่ราชการตอ้ งการ หลกั สูตร 2 ปี สอนวชิ าช่างสาขาก่อสร้าง สาขาไฟฟ้ า สาขาช่างกล ช่างทาง ช่างประปา ช่างสุขา และช่างสารวจ วฒุ ิที่ไดร้ ับเทียบ ปวส (เพราะสมยั น้นั ยงั ไม่
16 กาหนดเป็นวฒุ ิ ปวส) จบแลว้ ถา้ รับราชการจะไดช้ ้นั ตรี เงินเดือน 750 บาท (ถา้ จบอาชีวศึกษาช้นั สูง (เทียบ เท่าปวชในปัจจุบนั ) รับราชการจะไดช้ ้นั จตั วา ข้นั 2 เงินเดือน 600 บาท ทองสมยั น้นั บาทละ 300 บาท) เป็น โรงเรียนท่ีรับผจู้ บอาชีวศึกษาช้นั สูงจากโรงเรียนช่างกลปทุมวนั และโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย หรือ หรือขา้ ราชการช้นั จตั วาที่ทางานแลว้ มาเรียน เพราะสมยั น้นั บา้ นเรายงั ไม่มีโรงเรียนท่ีสอนระดบั น้ี จบแลว้ สามารถเลือกเขา้ รับราชการกบั กรมโยธาเทศบาลก็ได้ รับที่ละรุ่น ๆ ละ 100 คน จบรุ่นหน่ึงก่อนจึงรับรุ่น ใหม่ เปิ ดได้ 5 รุ่น (รุ่น 1 2492 - 2493 รุ่น 2 2494 - 2495 รุ่น 3 2496 - 2497 รุ่น 4 2498 - 2499 รุ่น 5 2500 – 2501)เมือกองบริการส่งเสริมอาชีวศึกษาถูกยบุ เลิกทาใหโ้ รงเรียนถูกยบุ ไปดว้ ย พ.ศ. 2492 โรงเรียนช่างกลปทุมวนั เปิ ดหลกั สูตรนกั เรียนช่างฝึกฝีมือ สาหรับนกั ศึกษาผใู้ หญ่ รับผู้ จบการศึกษาต้งั แตช่ ้นั ประถมปี ที่ 4 ข้ึนไป เพ่ือสร้างโอกาสใหก้ บั ผทู้ ี่สนใจวชิ าช่างกลทว่ั ไปเขา้ มาฝึกหดั งาน พ้นื ฐานทางช่าง และเป็นการสร้างโอกาสใหเ้ ขาเหล่าน้นั มีรายไดเ้ พ่มิ ข้ึน นกั เรียนรุ่นแรกเปิ ดเรียน 17 พฤษภาคม 2492 โดยสอนเนน้ งานภาคปฎิบตั ิและพ้นื ฐานงานช่าง เช่นช่างพะเนิน (งานตีเหล็ก) , ช่างตะไบ , ช่างสกดั , ช่างเคร่ืองมือวดั , ช่างเคร่ืองยนต์ เป็นตน้ มีนกั เรียนรุ่นแรก 87 คน และรับนกั เรียนช่างฝึกหดั ฝีมือ รุ่นสุดทา้ ย ปี 2498 ท่ีหยดุ รับเพราะเปลี่ยนมาขยายการรับนกั เรียนภาคปกติแทน มีนกั เรียนช่างฝึกฝีมือ ท้งั หมด 636 คน ไมก่ าหนดเวลาเรียน เม่ือลาออกจะมีใบประกาศรับรองวา่ ไดเ้ รียนรู้วชิ าใดไปบา้ ง ส่วนใหญ่ เรียนเพียงปี เดียวก็สามารถออกไปหางานไดแ้ ลว้ หรือหน่วยราชการหรือหา้ งร้านส่งมาเรียนเพอ่ื เพ่มิ ประสิทธิภาพใหก้ บั พนกั งาน และในปี น้นั เอง กรมอาชีวศึกษามีนโยบายส่งเสริมการเรียนวชิ าชีพแก่ผใู้ หญ่ โดยมีความมุ่งหมาย ใหผ้ ใู้ หญ่ไดม้ ีโอกาสศึกษาหาความรู้ทางวชิ าชีพเพิ่มเติม เพ่อื นาวชิ าชีพท่ีไดร้ ับไปใชใ้ หเ้ ป็นประโยชน์แก่ ตนเองครอบครัวและประเทศชาติ จึงไดจ้ ดั การเปิ ดหลกั สูตรอาชีวศึกษาผใู้ หญ่ สาขาช่างกลท่ีโรงเรียนช่างกล ปทุมวนั 3 ประเภท คือ ประเภทช่างขบั รถยนต์ เป็นหลกั สูตร 3 เดือน เรียน จนั ทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 – 15.00 น. ประเภทช่างเคร่ืองยนต์ เป็นหลกั สูตร 1 ปี เรียน จนั ทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 – 15.00 น. ประเภทช่างวทิ ยุ เป็นหลกั สูตร 1 ปี เรียน จนั ทร์ – ศุกร์ เวลา 17.00 – 19.00 น. เร่ิมเปิ ดการสอนต้งั แต่วนั ท่ี 1 ธนั วาคม พ.ศ. 2492 รับผทู้ ่ีมีอายตุ ้งั แต่ 20 ปี ข้ึนไป ความรู้เพยี งอา่ น ออกเขียนได้
17 รูปที่ 14 โรงเรียนวศิ วกรรมรถไฟ มกั กะสัน รูปที่ 15 นกั ศึกษาโรงเรียนช่างกลางคืน กรมโยธาเทศบาล หลกั สูตรช่างตรี รุ่น 3 ปี 2496 – 2497
18 รูปท่ี 16 อาคารพิพิธภณั ฑเ์ ฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ สถาบนั พระปกเกลา้ ฯ รูปท่ี 17 วทิ ยาลยั เทคโนโลยดี อนบอสโก พ.ศ. 2495 รัฐบาลไทยโดย ฯพณฯ จอมพล ป.พบิ ูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ไดท้ าความตกลงกบั องคก์ ารส่งเสริมความมน่ั คงร่วมกนั ของสหรัฐอเมริกา ( Mutual Security Agency; M.S.A.) ส่งเสริมการ อาชีวศึกษาของชาติใหด้ ียง่ิ ข้ึน จึงเห็นวา่ ควรจดั ต้งั วทิ ยาลยั เทคนิคในจงั หวดั พระนครสักแห่งหน่ึง โดยมี วตั ถุประสงคท์ ่ีจะใหเ้ ยาวชนของชาติ ไดม้ ีโอกาสฝึกฝนอบรมวชิ าชีพอยา่ งกวา้ งขวางและ ยกระดบั มาตรฐาน การศึกษาใหส้ ูงกวา่ ที่เป็นอยใู่ นขณะน้นั จึงจดั ต้งั วทิ ยาลยั เทคนิคกรุงเทพข้ึน (มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าช มงคลกรุงเทพ) เมื่อทางคณะ รัฐบาลฯ ไดเ้ ห็นประโยชนข์ องการจดั ต้งั วทิ ยาลยั เทคนิคกรุงเทพฯ จึงไดใ้ ห้ กระทรวงศึกษาธิการจดั ต้งั วทิ ยาลยั เทคนิคในส่วนภมู ิภาคที่ วทิ ยาลยั เทคนิคภาคใต้ - สงขลา (พ.ศ. 2497
19 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ยั ) วทิ ยาลยั เทคนิคภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ-นครราชสีมา (พ.ศ. 2499 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน) และวทิ ยาลยั เทคนิคภาคเหนือ- เชียงใหม่ (พ.ศ. 2500 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ภาคพายพั เชียงใหม่) ต้งั แตป่ ี 2496 มีการขยายการเรียนวชิ าช่างกลไปตามตา่ งจงั หวดั ซ่ึงส่วนใหญจ่ ะไปขยายสาขาใน โรงเรียนการช่าง (ช่างไมห้ รือช่างก่อสร้าง) ประจาจงั หวดั เช่นเปิ ดแผนกช่างโลหะท่ีโรงเรียนช่างไม้ ฉะเชิงเทรา ในปี น้ี พ.ศ. 2500 เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนไปยงั รัฐบาลใหข้ ยายการรับนกั เรียนของโรงเรียนช่างกล ปทุมวนั ใหเ้ พียงพอกบั ความตอ้ งการของผอู้ ยากเรียน แตด่ ว้ ยขอ้ จากดั ของสถานท่ีเครื่องมือฝึกและความ ตอ้ งการคุณภาพของอาจารยส์ ิทธิผล พลาชีวนิ จึงรับงานจากรัฐบาลไปเปิ ดโรงเรียนช่างกลเพิม่ อีก 3 แห่งคือ 2500 เปิ ดเป็นโรงเรียนช่างกลลพบุรี (วทิ ยาลยั เทคนิคลพบุรี) ในปี น้ี ดว้ ยเหตุท่ีรัฐบาลมีนโยบายขยายโรงเรียนช่างกลไปตามภมู ิภาค ทา่ นอาจารยส์ ิทธิผล พลา ชีวนิ ครูใหญโ่ รงเรียนช่างกลปทุมวนั เล็งเห็นวา่ จะมีปัญหาเร่ืองการขาดแคลนครู จึงเปิ ดหลกั สูตรฝึกหดั ครู ประถมช่างกล รับผทู้ ่ีจบอาชีวศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนการช่างต่าง ๆ มาเรียน 3 ปี ไดว้ ฒุ ิอาชีวะช้นั สูง แผนกฝึกหดั ครู เร่ิมรับรุ่นแรกปี น้ี (พ.ศ. 2500) จานวน 36 คน และรับนกั เรียนฝึกหดั ครูประถมช่างกลรุ่น สุดทา้ ย ปี 2503 เพราะไม่มีการสานต่อหลงั จากที่อาจารยส์ ิทธิผล ยา้ ยเขา้ กระทรวงศึกษาธิการ ขณะเดียวกนั ท้งั วทิ ยาลยั เทคนิคกรุงเทพ ฯ และวทิ ยาลยั ครูอาชีวศึกษา เทเวศร์ ไดเ้ ร่ิมเปิ ดสอนในหลกั สูตรน้ีเช่นกนั มี นกั เรียนฝึกหดั ครูประถมช่างกลท้งั หมด 159 คน 2501 เปิ ดโรงเรียนช่างกลนนทบุรี(มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ นนทบุรี) และ โรงเรียนช่างกลพระนครเหนือ (คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร) โดยโรงเรียนช่างกลปทุมวนั ช่างกลลพบุรี ช่างกลพระนครเหนือ และช่างกล นนทบุรี ในตอนแรกมีอาจารย์ สิทธิผล พลาชีวนิ เป็นครูใหญ่ท้งั ๔ โรงเรียน ท่านจึงไดส้ อนอบรมใหน้ กั เรียนท้งั ๔ โรงเรียนรักและ ช่วยเหลือกนั ดงั พี่นอ้ ง ซ่ึงเหล่าลูกศิษยก์ ร็ ักและเคารพท่านดงั คุณพอ่ อีกทา่ นหน่ึง โดยเรียกตวั เองวา่ ลูกป๋ า สิทธ์ิ ดงั น้นั จึงเกิดความรักใคร่สมคั รสมานกนั ของนกั เรียนโรงเรียนช่างกลท้งั ๔ แห่งขา้ งตน้ จนไดส้ มญา นามวา่ ๔ เฟื องทอง หรือที่มาของตานาน ๔ เฟื องทองไทย ปี พ.ศ. 2501 - 2504 ซีโต้ (SEATO) ใหเ้ งินทุนสนบั สนุนรัฐบาลไทยในการขยายโรงเรียนช่างกล ออกสู่ภมู ิภาค เพ่อื ใหก้ ารขยายไดเ้ ร็วจึงไปพฒั นาโรงเรียนช่างไม้ ใหเ้ ป็นโรงเรียนเทคนิค โดยเปิ ดแผนกดา้ น ช่างกลเพ่มิ ทาได้ 20 กวา่ แห่ง พ.ศ. 2502 เปิ ดโรงเรียนเทคนิคพระนครเหนือ (มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนคร เหนือ) ไดเ้ ริ่มเปิ ดการสอน โดยไดร้ ับความช่วยเหลือจากรัฐบาลเยอรมนั
20 พ.ศ. 2503 เปิ ดศูนยฝ์ ึกโทรคมนาคมนนทบุรี ไดร้ ับการสนบั สนุนจากประเทศญี่ป่ ุน โดยวทิ ยาลยั ต้งั อยตู่ ิดกบั วดั ลานนาบุญ ถนนประชาราษฏร์ ต.ตลาดขวญั อ.เมืองนนทบุรี ปี 2507 ยกฐานะเป็น วทิ ยาลยั โทรคมนาคมนนทบุรี พ.ศ. 2514 ไดย้ า้ ยสังกดั มาเป็นคณะหน่ึงของ สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ เจา้ คุณ ทหารลาดกระบงั (มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ เจา้ คุณทหารลาดกระบงั ) ประมาณปี พ.ศ. 2540 จึง ยบุ การเรียนการสอนท่ี นนทบุรี ปี น้ียงั เปิ ด วทิ ยาลยั เทคนิคท่ีธนบุรี (มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี) ไดร้ ับความ ช่วยเหลือจาก ยเู นสโก (UNESCO) และ กองทุนพเิ ศษ สหประชาชาติ และปี การศึกษา พ.ศ. 2503 น้ี ไดป้ รับหลกั สูตรในระดบั ประโยคอาชีวศึกษาช้นั สูง แยกการเรียนใน แผนกช่างกลออกเป็น 4 แผนก คือแผนกช่างกลโรงงาน แผนกช่างเคร่ืองยนต์ แผนกช่างไฟฟ้ า และแผนก ช่างวทิ ยแุ ละโทรคมนาคม ซ่ึงแต่เดิมไปแยกแผนกเมื่อเขา้ เรียนท่ีเทคนิคกรุงเทพ ฯสาหรับนกั เรียนสูงกวา่ ประโยคอาชีวะช้นั สูง เรียกคุณวฒุ ิผทู้ ่ีจบ เป็นประโยควชิ าชีพช้นั สูง แผนกช่าง ............. (ตามแผนกท่ีจบ) รูปที่ 18 วทิ ยาลยั เทคนิคกรุงเทพ ฯ (มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลกรุงเทพ) รูปท่ี 19 วทิ ยาลยั เทคนิคกรุงเทพ ฯ (มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลกรุงเทพ) ปี 2500 ตน้ ๆ
21 รูปท่ี 20 วทิ ยาลยั เทคนิคที่ธนบุรี(มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี) รูปท่ี 21 วทิ ยาลยั เทคนิคท่ีธนบุรี(มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี)ในยคุ บุกเบิก
22 รูปที่ 22 วทิ ยาลยั เทคนิคที่ธนบุรี(มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี)ในยคุ บุกเบิก
23 รูปที่ 23 วทิ ยาลยั เทคนิคภาคใต้ – สงขลา(มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ยั วทื ยาเขตสงขลา) รูปท่ี 24 วทิ ยาลยั เทคนิคภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ-นครราชสีมา(มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน ศูนยก์ ลางนครราชสีมา) รูปที่ 25 วทิ ยาลยั เทคนิคภาคเหนือ- เชียงใหม่(มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนาวทิ ยาเขตภาคพายพั )
24 รูปที่ 26 โรงเรียนช่างกลลพบุรี ปี ๒๕๐๑ (วทิ ยาลยั เทคนิคลพบุรี) รูปท่ี 27 ช่างกลนนทบุรี (มหาวทิ ยาลยั ราชมงคลสุวรรณภมู ิ วทิ ยาเขตนนทบุรี)
25 รูปที่ 28 ช่างกลพระนครเหนือ (มหาวทิ ยาลยั ราชมงคลพระนคร วทิ ยาเขตพระนครเหนือ)
26 รูปที่ 29 ช่างกลพระนครเหนือ (มหาวทิ ยาลยั ราชมงคลพระนคร วทิ ยาเขตพระนครเหนือ) รูปที่ 30 โรงเรียนเทคนิคพระนครเหนือ (มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ)
27 รูปที่ 31 วทิ ยาลยั โทรคมนาคมนนทบุรี (มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ลาดกระบงั ) พ.ศ. 2504 วทิ ยาลยั ครูอาชีวศึกษา เทเวศร์ (เดิมคือโรงเรียนฝึกหดั ครูอาชีวศึกษา ปัจจุบนั คือ มหาวทิ ยาลยั ราชมงคลพระนคร (ศนู ยเ์ ทเวศร์) ) เปิ ดสอนเพ่มิ หลกั สูตรครูอาชีวศึกษาดา้ นช่างกล กรมอาชีวศึกษาจดั ต้งั โรงเรียนสารพดั ช่าง โดยเปลี่ยนโรงเรียนช่างไมว้ ดั สระเกศเป็นโรงเรียน สารพดั ช่างพระนคร ท่ีจดั การเรียนการสอนวชิ าชีพหลกั สูตรวชิ าชีพระยะส้ันแตเ่ พยี งอยา่ งเดียว โดยเนน้ ประชาชนที่ดอ้ ยโอกาสทางการศึกษา และประชาชนทว่ั ไป ไดม้ ีโอกาสฝึกอบรมวชิ าชีพ เพอื่ การประกอบ อาชีพ เพอ่ื เป็นอาชีพเสริม และการเปล่ียนอาชีพจากอาชีพที่ใชแ้ รงงานเป็นอาชีพท่ีใชท้ กั ษะฝีมือ รูปที่ 32 วทิ ยาลยั ครูอาชีวศึกษา เทเวศร์ (มหาวทิ ยาลยั ราชมงคลพระนคร วทิ ยาเขตเทเวศร์)
28 รูปที่ 33 วทิ ยาลยั ครูอาชีวศึกษา เทเวศร์ (มหาวทิ ยาลยั ราชมงคลพระนคร วทิ ยาเขตเทเวศร์)
29 รูปที่ 34 วทิ ยาลยั ครูอาชีวศึกษา เทเวศร์ (มหาวทิ ยาลยั ราชมงคลพระนคร วทิ ยาเขตเทเวศร์) ใน พ.ศ. 2504 จากแผนพฒั นาเศรษฐกิจ ฉบบั ท่ี 1 (พ.ศ. 2504-2509) รัฐมีเป้ าหมายในการพฒนา ประเทศ ใหเ้ ป็นประเทศอุตสาหกรรม จึงจาเป็นตอ้ งสร้างบุคคลากรทางดา้ นอุตสาหกรรมเพ่ิมเป็นจานวน มาก ไดห้ มอบหมายใหอ้ าจายอ์ ุดม จโนภาส อาจารยแ์ ผนกช่างวทิ ยุ วทิ ยาลยั เทคนิคกรุงเทพ ฯ เป็นหวั หนา้ คณะดาเนินการ ในที่ประชุมสรุปวา่ ถา้ จะสร้างโรงเรียนช่างกลข้ึนใหม่ทว่ั ประเทศจะตอ้ งใชเ้ วลาและ งบประมาณมากในการต้งั โรงเรียนช่างกลแต่ละโรงเรียน วธิ ีท่ีจะประหยดั งบประมาณและใชเ้ วลาส้นั ในการ เปิ ดการสอนวชิ าช่างกล คือไปเปิ ดแผนกการสอนดา้ นช่างกลในโรงเรียนช่างไม้ , โรงเรียนช่างก่อสร้าง หรือ โรงเรียนการช่าง ท่ีสอนวชิ าช่างไมช้ ่างก่อสร้างมาก่อน กบั โรงเรียนที่พร้อม แลว้ ค่อยเปิ ดขยายเพม่ิ ต่อไป จึง ไดเ้ ปลี่ยนช่ือโรงเรียนการช่างเหล่าน้นั เป็นโรงเรียนเทคนิค , วทิ ยาลยั เทคนิค พ.ศ. 2505 เปล่ียนช่ือวฒุ ิการศึกษาจาก ระดบั ประโยคอาชีวะช้นั สูงแผนก ช่าง ......... (ตามแผนกที่ จบ)เป็นประโยคมธั ยมศึกษาตอนปลาย สายอาชีพ แผนกช่าง ...........(ตามแผนกที่จบ) พ.ศ. 2507 กรมอาชีวศึกษาไดร้ ับความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหพนั ธ์สาธารณรัฐเยอรมนั ในการ ก่อต้งั วทิ ยาลยั เทคนิคขอนแก่น ปัจจุบนั คือ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่น (สาหรับวทิ ยาลยั เทคนิคขอนแก่นในปัจจุบนั อดีตคือโรงเรียนการช่างขอนแก่นเดิม) พ.ศ. 2508 เร่ิมมีโรงเรียนช่างกลเอกชนเกิด เพราะประชาชนนิยมใหบ้ ุตรหลานเรียนทางน้ีจบมามี งานทาแน่นอนและโรงเรียนรัฐบาลมีไม่เพยี งพอ เกิดข้ึน 2 โรงเรียน คือ โรงเรียนช่างกลสยาม จดทะเบียน สอนวชิ าอุตสาหกรรมไฟฟ้ า.วทิ ย.ุ ช่างยนต์ วนั ที่ 7 มิถุนายน 2508 ทาพธิ ีเปิ ดโรงเรียน เม่ือวนั ท่ี 12 มิถุนายน 2508 โดย ม.ล.ป่ิ น มาลากลุ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการขณะน้นั เป็นประธานในพธิ ีเปิ ด และ โรงเรียนช่างกลกนก (กนกอาชีวศึกษา) (จดทะเบียนวนั ที่ 28 เม.ย 2508 เปิ ดสอนวชิ าพาณิชย์ แลว้ วนั ท่ี 11 มิ.ย 2508 จดทะเบียนสอนวชิ าช่างกลเพมิ่ ) ปัจจุบนั คือที่ต้งั วทิ ยาลยั เทคโนโลยสี ารสาสน์กนกอนุสรณ์ ซ่ึง ไดร้ ับความนิยมส่งบุตรหลานไปเรียนกนั มากเช่นเดียวกบั โรงเรียนรัฐบาล จากน้นั ก็มีการเปิ ดโรงเรียน อาชีวศึกษาเอกชนเพิม่ ข้ึนอีกมากมายท้งั ใน กทม และ ภมู ิภาค
30 พ.ศ. 2513 ปรับเปลี่ยนหลกั สูตรประโยควชิ าชีพช้นั สูง แผนกช่าง ใหเ้ ปิ ดสอนเป็นระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ (ปวช.) และระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้นั สูง (ปวส.) เร่ิมจดั การวดั ผลแบบหน่วย กิจ พ.ศ. 2514 ไดม้ ีพระราชบญั ญตั ิจดั ต้งั สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ โดยรวมวทิ ยาลยั เทคนิค ธนบุรี วทิ ยาลยั เทคนิคพระนครเหนือ วทิ ยาลยั โทรคมนาคม นนทบุรี โรงเรียนเกษตรกรรมนครปฐม และ วทิ ยาลยั การก่อสร้าง(ไปรวมเปิ ดสอนท่ีอาเภอลาดกระบงั ในสมยั น้นั ) ในสงั กดั กรมอาชีวศึกษาไปรวมเป็น สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ และเปิ ดสอน ถึงระดบั ปริญญาตรี มี 3 วทิ ยาเขต คือ วทิ ยาเขตพระนคร เหนือ(มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ ) วทิ ยาเขตลาดกระบงั (มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี พระจอมเกลา้ เจา้ คุณทหารลาดกระบงั ) วทิ ยาเขตธนบุรี (มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี)ในปี พ.ศ. 2529 แต่ละวทิ ยาเขต ไดแ้ ยกการบริหารเป็นอิสระต่อกนั ปี พ.ศ. 2518 ไดม้ ีพระราชบญั ญตั ิจดั ต้งั วทิ ยาลยั เทคโนโลยแี ละอาชีวศึกษา ข้ึนโดยแยกวทิ ยาลยั 28 แห่งออกจาก กรมอาชีวศึกษา เปิ ดสอนถึงระดบั ปริญญาตรี ที่วทิ ยาลยั ครูอาชีวศึกษา เทเวศร์ เปลี่ยนช่ือเป็น วทิ ยาลยั เทคโนโลยแี ละอาชีวศึกษา วทิ ยาเขตเทเวศร์(มหาวทิ ยาลยั ราชมงคลพระนคร (ศูนยเ์ ทเวศร์) เป็นที่ แรก 2 หลกั สูตร คือ หลกั สูตรวศิ วกรรมศาสตร์ และหลกั สูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2522 ประกาศใชห้ ลกั สูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพเทคนิค (ปวท.) รับนกั เรียนผจู้ บมธั ยมศึกษา ตอนปลาย โปรแกรมวชิ าสามญั เขา้ เรียนวชิ าชีพ เป็นเวลา 2 ปี พ.ศ. 2530 ไดม้ ีการจดั ต้งั \"วทิ ยาลยั การอาชีพ\" โดยมีเป้ าหมายท่ีจะจดั การศึกษาทุกประเภทวชิ าชีพ ลงสู่ระดบั อาเภอ ในช่วงน้ีความตอ้ งการแรงงานวศิ วกรเพิ่มข้ึนอยา่ งมากมาย ทาใหม้ หาวทิ ยาลยั รัฐและเอกชนต่าง ๆ พากนั ขยายการศึกษาในคณะวศิ วกรรมศาสตร์ พ.ศ. 2531 พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ภมู ิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯพระราชทาน ชื่อวทิ ยาลยั เทคโนโลยแี ละอาชีวศึกษาใหมเ่ ป็น “สถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล ” ในวนั ท่ี 15 กนั ยายน 2531 ปี พ.ศ. 2532 สถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล เริ่มขยายการจดั การศึกษาปริญญาตรี ไปตามวทิ ยาเขตทวั่ ประเทศ เช่น สถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล วทิ ยาเขตเทคนิค กรุงเทพ ฯ (วทิ ยาลยั เทคนิคกรุงเทพ ฯ) สถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล วทิ ยาเขตเทคนิคช่างกลพระนครเหนือ , สถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล วทิ ยาเขตเทคนิค นนทบุรี และจดั ต้งั ศนู ยก์ ลางการจดั การศึกษาระดบั ปริญญาตรี ท่ีตาบลคลองหก อาเภอคลองหลวง จงั หวดั ปทุมธานี ปัจจุบนั คือมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี ปี พ.ศ. 2533 ไดป้ ระกาศใชห้ ลกั สูตรประกาศนียบตั ร ครูเทคนิคช้นั สูง (ปทส.) เริ่มการเรียนการ สอนท่ีวทิ ยาลยั ช่างกลปทุมวนั
31 ปี พ.ศ. 2537 วทิ ยาลยั ช่างกลปทุมวนั ไดร้ ับความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ป่ ุน เปิ ดการเรียนการสอน สาขาวชิ าแมคคาทรอนิกส์เป็นแห่งแรกของประเทศไทย และปี น้ี กรมอาชีวศึกษาขยายหลกั สูตรการศึกษาของวทิ ยาลยั สารพดั ช่าง จากสอนวชิ าชีพระยะส้นั เป็นหลกั สูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพ (ปวช) พ.ศ. 2540 มีพระราชกฤษฏีกาแบง่ ส่วนราชการกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (ฉบบั ท่ี 2) กาหนดให้ สถาบนั เทคโนโลยปี ทุมวนั เป็นส่วนราชการของกรมอาชีวศึกษา และกาหนดอานาจหนา้ ที่ให้ กรมอาชีวศึกษาจดั และส่งเสริม การศึกษาวชิ าชีพ ในระดบั ปริญญาตรี อนุปริญญา ประกาศนียบตั รหลกั สูร ระยะส้ันและหลกั สูตรพิเศษ รวมถึงพระราชบญั ญตั ิการจดั การศึกษาในสถาบนั เทคโนโลยปี ทุมวนั พ.ศ. 2541 ไดก้ าหนดใหส้ ถาบนั เทคโนโลยปี ทุมวนั มีอานาจจดั การศึกษาระดบั ปริญญาตรี ดา้ น วทิ ยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี และสถานศึกษาที่จดั หลกั สูตรระดบั ปริญญาหรือเทียบเทา่ ไดแ้ ก่หลกั สูตร ประกาศนียบตั รครูวชิ าชีพช้นั สูง (ปทส.) และ ปริญญาตรี ในการเปิ ดสอนเป็นไปตามเกณฑ์ มหาวทิ ยาลยั กาหนด พ.ศ. 254 5 สถาบนั เทคโนโลยปี ทุมวนั ไดย้ า้ ยมาสังกดั สานกั งานคณะกรรมการอุดมศึกษา (กระทรวงการอุดมศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม) ปี พ.ศ. 2546 กระทรวงศึกษาธิการ ไดม้ ีการปรับปรุงโครงสร้างทาให้ กรมอาชีวศึกษา เปลี่ยน สถานะเป็น \"สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา\" พ.ศ. 2548 ยกฐานะสถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล วทิ ยาเขต ต่าง ๆ เป็นระดบั อุดมศึกษา ตาม พระราชบญั ญตั ิมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล พ.ศ. 2548 ซ่ึงไดป้ ระกาศใชใ้ นราชกิจจานุเบกษา เม่ือ วนั ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 มีผลใหส้ ถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคลเดิม ตามพระราชบญั ญตั ิสถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล พ.ศ. 2518 ปรับเปลี่ยนเป็นมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล 9 แห่ง 1. มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรีมี 2 วทิ ยาเขตคือ คลองหก และศนู ยร์ ังสิต 2. มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลกรุงเทพ มี 3 วทิ ยาเขตคือ ศนู ยเ์ ทคนิคกรุงเทพฯศูนยบ์ พติ รพมิ ุข มหาเมฆศูนยพ์ ระนครใต้ 3. มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลตะวนั ออก มี 4 วทิ ยาเขตคือวทิ ยาเขตบางพระ วทิ ยาเขตอุเทนถวาย วทิ ยาเขตจกั รพงษภูวนารถวทิ ยาเขตจนั ทบุรี 4. มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร มี 4 วทิ ยาเขตคือ ศูนยเ์ ทเวศร์ศูนยโ์ ชติเวชศูนยพ์ ณิชยการ พระนครศนู ยพ์ ระนครเหนือ 5. มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์ มี 4 วทิ ยาเขตคือมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล รัตนโกสินทร์ศาลายา วทิ ยาลยั เพาะช่างบพิตรพิมุข จกั รวรรดิวทิ ยาเขตวงั ไกลกงั วล
32 6. มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา มี 6วทิ ยาเขตคือสานกั งานอธิการบดี เชียงใหม่เขตพ้นื ท่ีตาก เขตพ้ืนที่น่านเขตพ้ืนท่ีลาปางเขตพ้ืนที่เชียงรายเขตพ้นื ที่พิษณุโลก 7. มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวชิ ยั มี 5วทิ ยาเขตคือวทิ ยาเขตสงขลา วทิ ยาเขตนครศรีธรรมราช ทุ่งใหญ่วทิ ยาเขตนครศรีธรรมราช ไสใหญ่วทิ ยาเขตนครศรีธรรมราช ขนอมวทิ ยาเขตตรัง 8. มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ มี 4 วทิ ยาเขตคือ ศนู ยพ์ ระนครศรีอยธุ ยา หนั ตราศนู ย์ พระนครศรีอยธุ ยา วาสุกรีศูนยน์ นทบุรีศนู ยส์ ุพรรณบุรี 9. มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน มี 5วทิ ยาเขตคือ ศนู ยก์ ลางนครราชสีมา วทิ ยาเขตขอนแก่น วทิ ยาเขตกาฬสินธุ์วทิ ยาเขตสุรินทร์วทิ ยาเขตสกลนคร
33 รูปที่ 35 โรงเรียนช่างกลสยาม
34
35 รูปท่ี 36 โรงเรียนช่างกลกนก (กนกอาชีวศึกษา) รูปที่ 37 วทิ ยาลยั เทคนิคขอนแก่น (มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่น) พ.ศ. 2555 สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิ ดสถาบนั การอาชีวศึกษาตามภูมิภาคภาค สอนในระดบั ปริญญาตรี 19 สถาบนั มีดงั น้ี 1.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคกลาง 1 ประกอบดว้ ย วทิ ยาลยั เทคนิค(วท.)นนทบุรี วท.ปทุมธานี วท. ธญั บุรี วทิ ยาลยั อาชีวศึกษา(วอศ.)ปทุมธานี วท.สระบุรี วอศ.สระบุรี วท.พระนครศรีอยธุ ยา วท.
36 อุตสาหกรรมยานยนต์ วทิ ยาลยั เทคโนโลยอี ุตสาหกรรมการตอ่ เรือพระนครศรีอยธุ ยา และ วอศ. พระนครศรีอยธุ ยา 2.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคกลาง 2 ประกอบดว้ ย วท.ชยั นาท วท.ลพบุรี วอศ.ลพบุรี วท.สิงห์บุรี วท.สิงห์บุรี แห่งที่ 2 วอศ.สิงห์บุรี และ วท.อา่ งทอง 3.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคกลาง 3 ประกอบดว้ ย วท.ฉะเชิงเทรา วท.จุฬาภรณ์(ลาดขวาง) วอศ. ฉะเชิงเทรา วท.สมุทรปราการ วท.นครนายก วอศ.นครนายก วท.ปราจีนบุรี วท.บรู พาปราจีน และ วท. สระแกว้ 4.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคกลาง 4 ประกอบดว้ ย วท.นครปฐม วอศ.นครปฐม วท.กาญจนบุรี วอ ศ.กาญจนบุรี วทิ ยาลยั การอาชีพ(วก.)กาญจนบุรี วท.สุพรรณบุรี วอศ.สุพรรณบุรี วท.ราชบุรี และ วท.โพ ธาราม ราชบุรี 5.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคกลาง 5 ประกอบดว้ ย วท.สมุทรสาคร วท.สมุทรสงคราม วท.เพชรบุรี วอศ.เพชรบุรี วก.วงั ไกลกงั วล ประจวบคีรีขนั ธ์ วท.ประจวบคีรีขนั ธ์ และ วก.บางสะพาน ประจวบคีรีขนั ธ์ 6.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคใต้ 1 ประกอบดว้ ย วท.สุราษฎร์ธานี วอศ.สุราษฎร์ธานี วท.นครศรีธรรมราช วท.สิชล นครศรีธรรมราช วท.ทุ่งสง นครศรีธรรมราช วทิ ยาลยั เทคโนโลยอี ุตสาหกรรมการตอ่ เรือ นครศรีธรรมราช วอศ.นครศรีธรรมราช วทิ ยาลยั ศิลปหตั ถกรรมนครศรีธรรมราช วก.นครศรีธรรมราช วท. ชุมพร และ วท.พทั ลุง 7.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคใต้ 2 ประกอบดว้ ย วท.ระนอง วท.พงั งา วท.ภูเกต็ วอศ.ภเู กต็ วท. กระบ่ี วท.ตรัง และ วก.ตรัง 8.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคใต้ 3 ประกอบดว้ ย วท.ปัตตานี วอศ.ปัตตานี วก.ปัตตานี วท.ยะลา วอ ศ.ยะลา วท.หาดใหญ่ วอศ.สงขลา และ วท.สตูล 9.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคตะวนั ออก ประกอบดว้ ย วท.ชลบุรี วท.สัตหีบ ชลบุรี วอศ.ชลบุรี วอศ. เทคโนโลยฐี านวทิ ยาศาสตร์ชลบุรี วท.ระยอง วท.มาบตาพดุ ระยอง วท.บา้ นค่ายระยอง วท.จนั ทบุรี และ วท.ตราด 10.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 1 ประกอบดว้ ย วท.หนองคาย วอศ.หนองคาย วทิ ยาลยั เทคโนโลยอี ุตสาหกรรมการตอ่ เรือหนองคาย วก.บึงกาฬ วท.หนองบวั ลาพู วท.เลย วอศ.เลย วท. อุดรธานี วอศ.อุดรธานี และ วท.กาญจนาภิเษกอุดรธานี 11.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 2 ประกอบดว้ ย วท.สกลนคร วทิ ยาลยั เทคโนโลยแี ละการจดั การนครพนม วท.บา้ นแพง นครพนม และ วก.นวมินทราชินีมุกดาหาร 12.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 3 ประกอบดว้ ย วท.กาฬสินธุ์ วท.มหาสารคาม วอศ. มหาสารคาม วท.ขอนแก่น วอศ.ขอนแก่น วก.ขอนแก่น วท.ร้อยเอด็ วอศ.ร้อยเอด็ และ วก.ร้อยเอด็
37 13.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 4 ประกอบดว้ ย วท.อุบลราชธานี วอศ. อุบลราชธานี วท.ศรีสะเกษ วก.ศรีสะเกษวท.ยโสธร วท.อานาจเจริญ และ วท.เดชอุดม อานาจเจริญ 14.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 5 ประกอบดว้ ย วท.นครราชสีมา วอศ. นครราชสีมา วท.หลวงพอ่ คูณ นครราชสีมา วท.สุรนารี นครราชสีมา วท.คูเมือง นครราชสีมา วท.ชยั ภมู ิ วท. บุรีรัมย์ วท.สุรินทร์ และ วอศ.สุรินทร์ 15.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคภาคเหนือ 1 ประกอบดว้ ย วท.เชียงใหม่ วอศ.เชียงใหม่ วท.ลาพนู วท.ลาปาง วอศ.ลาปาง และ วก.นวมินทราชินีแมฮ่ อ่ งสอน 16.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคเหนือ 2 ประกอบดว้ ย วท.เชียงราย วอศ.เชียงราย วท.กาญจนาภิเษ กเชียงราย วท.พะเยา วท.น่าน วท.แพร่ และ วอศ.แพร่ 17.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคเหนือ 3 ประกอบดว้ ย วท.พิษณุโลก วอศ.พิษณุโลก วทิ ยาลยั พณิชย การ(วพณ.)บึงพระพิษณุโลก วท.เพชรบรู ณ์ วท.สุโขทยั วอศ.สุโขทยั วท.อุตรดิตถ์ และ วอศ.อุตรดิตถ์ 18 สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคเหนือ 4 ประกอบดว้ ย วท.นครสวรรค์ วอศ.นครสวรรค์ วก.นครสวรรค์ วท. กาแพงพชรวท.พิจิตร และ วท.อุทยั ธานี 19.สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคกรุงเทพมหานคร ประกอบดว้ ย วท.มีนบุรี วท.กาญจนาภิเษกมหา นคร วท.ดอนเมือง วท.ดุสิต วท.ราชสิทธาราม วอศ.เสาวภา วอศ.ธนบุรี วพณ.อินทราชยั วพณ.บางนา วพณ. เชตุพน กาญจนาภิเษกวทิ ยาลยั ช่างทองหลวง และ วก.กาญจนาภิเษกหนองจอก พ.ศ.2556 สถาบันเทคโนโลยปี ทมุ วนั เปิ ดหลกั สูตรระดบั บัณฑิตศึกษา หลกั สูตรวศิ วกรรมศาสตรมหาบัณฑติ ปริญญาโท 1. หลกั สูตรวศิ วกรรมศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าวศิ วกรรมไฟฟ้ า ( Master of Engineering Program in Electrical Engineering) 2. หลกั สูตรวศิ วกรรมศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าปิ โตรเคมีและการจดั การส่ิงแวดลอ้ ม ( Master of Engineering Program in Petrochemicals and Environmental Management) 3. หลกั สูตรวศิ วกรรมศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าเทคโนโลยกี ารผลิตข้นั สูง ( Master of Engineering Program in Advanced Manufacturing Technology) หลกั สูตรวศิ วกรรมศาสตรดุษฎบี ณั ฑติ ปริญญาเอก 1. หลกั สูตรวศิ วกรรมศาสตรดุษฎีบณั ฑิต สาขาวชิ าวศิ วกรรมไฟฟ้ า ( Doctor of Engineering Program in Electrical Engineering) 2. หลกั สูตรวศิ วกรรมศาสตรดุษฎีบณั ฑิต สาขาวชิ าปิ โตรเคมีและการจดั การสิ่งแวดล้ อม ( Doctor of Engineering Program in Petrochemicals and Environmental Management)
38 3. หลกั สูตรวศิ วกรรมศาสตรดุษฎีบณั ฑิต สาขาวชิ าเทคโนโลยกี ารผลิตข้นั สูง ( Doctor of Engineering Program in Advanced Manufacturing Technology) รูปที่ 38 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรีคลองหก ขอ้ มลู อา้ งอิง - ประวตั ิกรมอาชีวศึกษา - ประวตั ิกระทรวงศึกษาธิการ - ประวตั ิโรงเรียนนายเรือ - ประวตั ิการศึกษาของทหารเรือ - ประวตั ิโรงเรียนไปรษณียแ์ ละโทรคมนาคม - ประวตั ิช่างกลปทุมวนั - ประวตั ิวทิ ยาลยั เทคนิคกรุงเทพ ฯ - ประวตั ิคณะวศิ วกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั สืบคน้ เร่ืองราวและเรียบเรียงโดย นายประเสริฐ แซ่อ๊ึงปวช. ช่างวทิ ยแุ ละโทรคมนาคม รุ่น 50 เลขประจาตวั 15697 Update 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
Search
Read the Text Version
- 1 - 40
Pages: