Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้หน่วยที่ 3

ใบความรู้หน่วยที่ 3

Published by suwin300461, 2018-05-01 03:24:45

Description: ใบความรู้หน่วยที่ 3

Search

Read the Text Version

บทที่ 3โครงสร้าง ส่วนประกอบเคร่ืองทาํ ความเยน็ ระบบอดั ไอส่ือชุดน้ีเป็นลิขสิทธ์ิของสาํ นกั พมิ พว์ งั อกั ษรใชป้ ระโยชนเ์ พอ่ื การศึกษาเท่าน้นั

คอมเพรสเซอร์ คอมเพรสเซอร์ (Compressor) มีหนา้ ที่ อดั แก๊สความดนั ต่าํ ใหก้ ลายเป็ นแก๊สความดนั สูง เพื่อส่งตอ่ ไปยงั เคร่ืองควบแน่นหรือคอนเดนเซอร์ ชนดิ ของคอมเพรสเซอร์ เราสามารถแบ่งคอมเพรสเซอร์ได้เป็ น 2 ชนิด คือ แบ่งตามลักษณะโครงสร้าง และแบ่งตาม วธิ ีการอดั ไอ แบ่งตามลกั ษณะโครงสร้าง แบ่งได้ 3 แบบ ดงั น้ี 1. คอมเพรสเซอร์ แบบเปิ ดหมายถึง ตวั คอมเพรสเซอร์ กับตวัขับ (มอเตอร์ หรื อเคร่ื องยนต์)แยกกนั อยหู่ รือเป็ นอิสระต่อกนั

2 . ค อ ม เ พ ร ส เ ซ อ ร์ แ บ บ กึ่ ง ปิ ดหมายถึง ตัวคอมเพรสเซอร์ และตวั ขบัรวมอยู่ในโครงสร้างหรื อเปลือกอันเดียวกนั โดยใชน้ ๊อตหรือสลกั เกลียว เป็ นตวั ขนั ยดึ 3. คอมเพรสเซอร์แบบปิ ด หมายถึงตวั คอมเพรสเซอร์และตัวขับรวมอยู่ในโครงสร้างหรือเปลือกอนั เดียวกนั และถูกเชื่อมปิ ดหมด โดยจะโผลท่ ่อออกมา 3 ท่อคือ ท่อทางดูด ท่อทางอดั และท่อบริการ(ท่อชาร์จน้าํ ยา)

แบ่งตามวธิ ีการอดั ไอคอมเพรสเซอร์ที่ใชก้ นั ทว่ั ไป มีหลายแบบ ดงั น้ี 1. คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ (Reciprocating Type Compressor)คอมเพรสเซอร์ แบบน้ีนิยมใชก้ นั อย่างแพร่หลาย ท้งั เครื่องทาํ ความเยน็ ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ การทาํ งานจะมี ลกั ษณะเช่นเดียวกบั ลูกสูบรถยนต์

2. คอมเพรสเซอร์แบบโรตาร่ี (Rotary Type Compressor) เป็ นคอมเพรสเซอร์ ท่ีนิยมใช้กันอย่างกวา้ งขวาง ใช้งานไดด้ ีในเคร่ืองทาํ ความเยน็ขนาดเล็ก การดูดอดั น้าํ ยาจะอาศยั การหมุนกวาดรอบแกนโรเตอร์ โดยออกแบบให้มีใบมีด (Blade) เป็ นตวั แบ่งก้นั ระหว่างห้องดูดกบั ห้องอดั แบ่งออกได้ 2แบบ คือ 2.1 แบบใบมีดอยู่กับที่ จะออกแบบให้ใบมีดฝังตัวอยู่กับกระบอกสูบขณะที่แกนหมุนที่เรียกวา่ Roller หมุนไป สปริงจะดนั ใหใ้ บมีดสัมผสั กบั แกนหมุนตลอดเวลาเช่นกนั จึงทาํ ใหเ้ กิดหอ้ งดูดกบั หอ้ งอดั แยกออกจากกนั 2.2 แบบใบมีดเคล่ือนที่ จะออกแบบให้ใบมีดฝังตวั อยูใ่ นตวั หมุน ขณะที่Roller หมุนไป สปริงจะดนั ใหใ้ บมีดสมั ผสั กบั กระบอกสูบตลอดเวลา

ก. เป็นตาํ แหน่งเร่ิมตน้ ภายในกระบอกสูบจะ ข. เมื่อตวั หมุนเร่ิมหมุน จะเป็นการเร่ิมตน้ การ มีน้าํ ยาสถานะเป็นแกส๊ บรรจอุ ยเู่ ตม็ ดูด และการอดั แกส๊ ไปพร้อม ๆ กนัค. อยใู่ นตาํ แหน่งก่ึงกลาง จงั หวะการดูดและการอดั จะเกิดข้นึ เทา่ กนั

ง. ทางอดั มีแรงดนั สูงข้นึ ขณะเดียวกนั ทางดูด จะดูดแกส๊ เขา้ มาในกระบอกสูบมากข้นึจ. เป็นจงั หวะสุดทา้ ยของจงั หวะอดั และจงั หวะดูด ซ่ึงเป็นจงั หวะทาํ งานครบรอบพอดีในกระบอกสูบจะมีน้าํ ยาสถานะเป็นแก๊สบรรจุอยเู่ ตม็ เช่นเดียวกบั สภาวะเร่ิมตน้

3. คอมเพรสเซอร์แบบแรงเหว่ียงหนีศูนย์กลาง (Centifugal TypeCompressor) เหมาะสาํ หรับเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ เช่น 50 ตนั 200 ตนั700 ตนั หรือเครื่องปรับอากาศ แบบซิลเลอร์ (Chiller) การทาํ งานจะอาศยั การหมุนของใบพดั หมุน ทาํ ใหเ้ กิดแรงเหวย่ี งอดั และดูดน้าํ ยา จนมีความดนั เพิม่ สูงข้ึน

4. คอมเพรสเซอร์แบบสวอชเพลท (Swash Plate Type Compressor) ถือวา่ เป็ น คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ แต่มีโครงสร้างต่างกนั คือ ลูกสูบของแบบสวอชเพลทจะวางใน แนวนอนไม่ตอ้ งใช้เพลาขอ้ เหว่ียง แต่ลูกสูบจะเคลื่อนที่ในกระบอกสูบไดด้ ว้ ยการหมนุ ของแผน่ เพลทเอียงหรือสวอชเพลท

5. คอมเพรสเซอร์แบบก้นหอย (Scroll Type compressor) เป็ นคอมเพรสเซอร์ ชนิดใหมท่ ี่ออกแบบใหม้ ีการทาํ งานท่ีนุ่มนวล ลดการสน่ั สะเทือนและเสียงดังจากการทาํ งาน โครงสร้างท่ีสําคญั ประกอบด้วยส่วนที่อยู่กับที่มีลกั ษณะคลา้ ยกน้ หอย และส่วนที่เคลื่อนท่ีแบบเย้อื งศูนย์ ซ่ึงแตกต่างกบั แบบโรตาร่ีที่อาศัยการหมุนรอบแกนโรเตอร์ นอกจากน้ียงั สามารถผลิต ท่ีกําลงั สูงข้ึนสามารถใชก้ บั เครื่องปรับอากาศขนาดกลางได้

6. คอมเพรสเซอร์แบบสกรู (Screw Type Compressor) โครงสร้างประกอบดว้ ยเกลียว ตวั ผแู้ ละเกลียวตวั เมียขบกนั อยู่ เกลียวตวั ผูจ้ ะพาเกลียวตวั เมียให้หมุนตามไป แต่ทิศทางตรงขา้ มกนั โดยที่สันเกลียว โหนกของเกลียวตวั ผูจ้ ะทาํ หนา้ ที่รีดสารทาํ ความเยน็ ใหไ้ หลไปตามร่องของเกลียว ตวั เมียออกสู่ท่อทางอดัต่อไป คอมเพรสเซอร์แบบน้ีมกั ใชก้ บั เครื่องทาํ ความเยน็ ขนาดใหญ่

คอนเดนเซอร์ คอนเดนเซอร์ (Condenser) ทาํ หน้าท่ีระบายความร้อน ออกจากน้ํายาเพือ่ ใหก้ ลนั่ ตวั กลายเป็ นของเหลว โดยทวั่ ไปคอนเดนเซอร์สามารถแบ่งออกได้ 3ชนิด คือ 1. ชนิดระบายความร้อนด้วยอากาศ (Air Cooled Condenser)คอนเดนเซอร์ชนิดน้ี จะใช้อากาศเป็ นตัวกลางในการระบายความร้อน แบ่งออกเป็ น 3 ชนิด คือ 1.1 แบบใช้พัดลม (Fan Condenser) คอนเดนเซอร์แบบน้ีจะใชพ้ ดั ลมช่วยในการเพ่มิ ความแรงและปริมาณลมท่ีพดั หรือเป่ าผา่ นผวิ ของคอนเดนเซอร์

1 . 2 แ บ บ แ ผ ง ร้ อ น (StaticCondenser) คอนเดนเซอร์ชนิดน้ีจะไม่มีพดั ลมเป่ าระบายอากาศ โครงสร้างจะทําด้วยท่อเหล็กดัดโค้งขนานกลบั ไปกลบั มา โดยมีลวดเหล็กเช่ือมพาดผ่านเรียกวา่ ครีบ (Finned Tubing) เพ่ือเพิ่มพ้ืนท่ีผวิ ในการระบายความร้อน 1 . 3 แ บ บ แ ผ่ น โ ล ห ะ (PlateCondenser) ลกั ษณะคลา้ ยกบั แบบแผงร้อน แตจ่ ะใชแ้ ผน่ โลหะวางทาบไวบ้ นท่ อ ข อ ง ค อ น เ ด น เ ซ อ ร์ ซ่ึ ง ข ด ก ลับ ไ ปกลบั มา

2. ชนดิ ระบายความร้อนด้วยนาํ้ (Water Cooled Condenser) จะใชน้ ้าํ เป็ นตวั กลางในการระบายความร้อน นิยมใชก้ บั เครื่องทาํ ความเยน็ ขนาดใหญ่ แบ่งออกเป็ น 3 ชนิด คือ 2.1 แบบท่อสองช้ัน (Double Tube Condenser) ประกอบดว้ ยท่อสองท่อคือ ท่อเล็กเป็ นท่อน้าํ จะสอดอย่ภู ายในท่อใหญ่ซ่ึงเป็ นท่อน้าํ ยา โดยออกแบบให้น้าํ และน้าํ ยาไหล สวนทางกัน ท้งั น้ีเพื่อให้น้าํ สามารถถ่ายเทความร้อนออกจากน้าํ ยาใหไ้ ดม้ ากที่สุด

2.2 แบบขดท่อมีเปลือกหุ้ม (Shell and Coil Condenser) คอนเดนเซอร์แบบน้ี มักใช้กับระบบเคร่ืองทําความเย็นขนาดไม่เกิน 10 ตัน โครงสร้างประกอบดว้ ยท่อน้าํ ท่ีขดเป็ น วงซอ้ นกนั หลายขด จากน้ันจึงบรรจุไวภ้ ายในท่อใหญ่ ซ่ึงเป็ นท่อน้าํ ยาและเสมือนเป็ นเปลือก หุม้ ขดท่อเอาไว้ จึงเรียกวา่ แบบขดท่อมีเปลือกหุม้ น้าํ ที่หมุนเวียนผา่ นเขา้ มาในขดท่อจะทาํ หนา้ ที่ระบายความร้อนออกจากน้าํ ยาที่อยดู่ า้ นนอกขดท่อ

2.3 แบบท่อตรงมีเปลือกหุ้ม (Shell and Tube Condenser) คอนเดนเซอร์น้ีเหมาะสาํ หรับระบบปรับอากาศขนาดเล็กจนกระทงั่ เป็ นร้อย ๆ ตนั โครงสร้างประกอบดว้ ย ท่อเหล็กขนาดใหญ่ ซ่ึงอยู่ภายนอกและเป็ นเปลือกหุ้มท่อตรงท่ีมีขนาดเลก็ กวา่ จาํ นวนหลายท่อ สอดเรียงขนานกนั อยภู่ ายใน

หอทําความเย็น (Cooling Tower) โดยทวั่ ไปนิยมเรียกกนั หลายช่ือ เช่นหอคอยน้าํ หอระบายความเยน็ หอผ่ึงน้าํ คูลล่ิงทาวเวอร์ เป็ นตน้ หนา้ ที่ของหอทาํ ความเยน็ คือ นาํ เอาน้าํ ท่ีผา่ นการระบายความร้อนออกจากคอนเดนเซอร์ ซ่ึงมีอณุ หภูมิมาผา่ นกระบวนการ จนมีอณุ หภูมิ ลดต่าํ ลง และสามารถนาํ น้าํ กลบั มาใช้งานไดอ้ ีก หอทาํ ความเยน็ เม่ือแบ่งตามการหมุนเวยี นของอากาศ แบ่งได้ 2 แบบคือ 1. แบบใช้แรงลมธรรมชาติ หอทาํ ความเยน็ แบบน้ีจะส่งน้าํ อุ่นที่ระบายความร้อนใหก้ บั คอนเดนเซอร์แลว้ ข้ึนไปยงั ดา้ นบนของหอทาํ ความเยน็ เม่ือผ่านหัวฉีดจะเป็ นฝอยตกลงสู่ดา้ นล่าง ของหอทาํ ความเยน็

2. แบบใช้พดั ลม แบ่งออกเป็ น 2 แบบ คือ 2.1 แบบใช้พัดลมเป่ า หมายถึง ใชพ้ ดั ลมเป่ าอากาศเขา้ ไปในหอทาํ ความเยน็ท่ีดา้ นบน จะติดต้งั อุปกรณ์ป้ องกนั ละอองน้าํ สูญหาย (Spray Eliminators) ตรงกลางจะวางช้นั ไม้ (Wood Fill) เอาไวเ้ พือ่ ช่วยทาํ ใหน้ ้าํ มีอุณหภูมิต่าํ ลง เม่ือตกลงสู่เบ้ืองล่าง 2.2 แบบใช้พัดลมดูด จะติดต้งั พดั ลมไวด้ า้ นบนเพอ่ื ดูดอากาศออกแบบใชพ้ ดั ลมเป่ า แบบใชพ้ ดั ลมดูด

3. ชนิดระบายความร้ อนด้ วยนํ้าและอากาศ (EvaporativeCondenser) คอนเดนเซอร์ ชนิดน้ีเรียกอีกอยา่ งวา่ อีแวปปอเรตีปคอนเดนเซอร์(Evaporative Condenser) หลกั การทาํ งาน จะเป็ นการรวมกันระหว่างคอนเดนเซอร์ชนิดระบายความร้อนดว้ ยน้าํ กบั หอทาํ ความเยน็

เอกซ์แพนชันวาล์ว เอกซ์แพนชันวาล์ว (Expansion Valve) โดยทว่ั ไป จะเรียกชื่อต่างกนั เช่นอุปกรณ์ ควบคุมการไหลของน้าํ ยา (Refrigerant Control) หรือ ตวั ควบคุมน้าํ ยาหรือลิน้ ลดความดนั หรือ วาลว์ ลดแรงดนั ทาํ หนา้ ท่ีลดความดนั ของน้าํ ยาเหลวให้ต่าํ ลงเพื่อใหเ้ กิดการเดือดในอีแวปปอเรเตอร์ อปุ กรณ์ควบคุมการไหลของน้าํ ยา แบ่งออกได้ 6 ชนิด ดงั น้ี 1. ชนิดปรับด้วยมือ (Hand Expansion Valve) จะอาศยั มือของผูค้ วบคุมคอยปรับแต่ง ให้วาลว์ เปิ ดออกมากหรือน้อยตามตอ้ งการ แต่อตั ราการไหลของน้าํ ยาข้ึนอยกู่ บั ค่าความดนั ท่ีแตกต่าง กนั ระหวา่ งทางเขา้ และทางออกของระบบ เอกซ์แพนชนั วาล์วชนิดน้ีจึงเหมาะสําหรับระบบเครื่องทาํ ความเย็นขนาดใหญ่ที่มีโหลด ค่อนขา้ งคงท่ีและมีคนคอยดูแลตลอดเวลา ถา้ หากโหลดมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ควรเปลี่ยนชนิดของ เอกซ์แพนชนั วาลว์

2. ชนิดปรับความดนั อัตโนมัติ (Automatic Expansion Valve ; AEV)ตวั ควบคุม น้าํ ยาแบบ AEV. ทาํ หนา้ ท่ีควบคุมและปรับอตั ราการไหลของน้าํ ยาอยา่ งอตั โนมตั ิ ดว้ ยการป้ อน น้าํ ยาเหลวเขา้ ไปในอีแวปปอเรเตอร์ให้มีปริมาณมากนอ้ ยตามสภาพของโหลด

3. ชนดิ เทอร์โมสะแตติก (Thermostatic Expansion Valve ; TEV) นิยมเรียกอีกอย่างวา่ เอกซ์แพนชนั วาลว์ แบบความร้อน เนื่องจากการทาํ งานจะอาศยัความร้อนท่ีออกจากอีแวปปอเรเตอร์ เป็ นตัวควบคุม นิยมใช้กับระบบเครื่องปรับอากาศรถยนต์ ส่วนประกอบที่สาํ คญั ไดแ้ ก่ เขม็ ปิ ดเปิ ด ไดอะแฟรมกระเปาะน้าํ ยา ซ่ึงต่อเขา้ กับไดอะแฟรม และสปริง (สามารถปรับไดด้ ้วยสกรู)การทาํ งาน เพอ่ื ปิ ดเปิ ดลิ้นของ TEV จะอาศยั องคป์ ระกอบ 3 อยา่ ง คือ 3.1 แรงดันของนา้ํ ยาในอีแวปปอเรเตอร์ (Evaporator Pressure ; P1) 3.2 แรงดันของสปริง (Spring Pressure ; P2) 3.3 แรงดันของนา้ํ ยาในกระเปาะ (Bulb Pressure ; P3) เอกซ์แพนชนั วาลว์ แบบน้ีจะไม่ Balance Pressure เนื่องจากลิ้นจะถูกปิ ดขณะที่ คอมเพรสเซอร์หยุดทาํ งาน ดังน้ัน มอเตอร์ที่ใชข้ บั จะตอ้ งมีกาํ ลงั ช่วงเริ่มตน้ สูง TEV แบ่งตาม ลกั ษณะการทาํ งานมี 2 แบบ คือ แบบ InternalEqualizer และแบบ External Equalizer

แบบ Internal Equalizer แบบน้ีใชก้ นั ทว่ั ไปในเคร่ืองปรับอากาศรถยนต์เครื่องปรับ อากาศขนาดเล็ก ซ่ึงไม่มีแรงดนั ลด (Pressure Drop) ในท่อทางดูดและแรงดนั ของน้าํ ยา ในอีแวปปอเรเตอร์ (P1) ไม่มีผลต่อ การทาํ งานของ TEV

แบบ External Equalizer ใชก้ บั เคร่ืองปรับอากาศขนาดใหญ่ ที่มีแรงดนั ลดในท่อทางดูด เนื่องจากขดท่ออีแวปปอเรเตอร์มีความยาวมาก ทาํ ให้ลิ้น TEV เปิ ดไดน้ อ้ ยหรือเกิดความเยน็ ไม่มากพอตามที่ควรจะเป็ น โดยการต่อท่อเชื่อมต่อกบัท่อทางออกของอีแวปปอเรเตอร์อีกหน่ึงท่อ เรียกวา่ ท่ออีควอไลท์เซอร์ เพ่ือไปควบคุมการทาํ งานของลิ้น

4. ชนิดท่อรูเข็ม (Capillary Tube) โดยทว่ั ไปจะนิยมเรียกวา่ ท่อแคปทิ้ว(Cap Tube) เป็ นท่อท่ีมีรูขนาดเลก็ มาก ไมม่ ีลิน้ ปิ ดเปิ ดใด ๆ ทาํ หนา้ ที่ลดความดนัและควบคุมปริมาณของ น้าํ ยาเหลวท่ีจะเขา้ ไปยงั อีแวปปอเรเตอร์

5. ชนิดใช้ลูกลอยด้านความดันต่าํ (Low Pressure Float) การควบคุมแบบน้ีจะใช้ ลูกลอยติดต้งั ไวท้ ่ีดา้ นความดนั ต่าํ เพื่อควบคุมปริมาณน้าํ ยาท่ีจะไหลเขา้ไปในอีแวปปอเรเตอร์ หลกั การทาํ งานจะใชว้ ธิ ีการควบคุมระดบั ของน้าํ ยาในห้องลูกลอยให้คงที่ โดยมีเข็มลูกลอย (ลิ้นลูกลอย) ทาํ หนา้ ที่ปิ ดเปิ ดรูทางเดินของน้าํ ยาที่จะผา่ นเขา้ ไปในอีแวปปอเรเตอร์ 6. ชนดิ ใช้ลูกลอยด้านความดนั สูง (High Pressure Float) การควบคุมแบบน้ีคลา้ ยกบั ชนิดใชล้ กู ลอยดา้ นความดนั ต่าํ คือ ควบคุมระดบั น้าํ ยาเหลวท่ีไหลเขา้สู่อีแวปปอเรเตอร์ใหม้ ี ปริมาณท่ีพอเหมาะกบั การระเหยกลายเป็ นไอ อนั เป็ นผลมาจากความร้อนของโหลด

อแี วปปอเรเตอร์ อแี วปปอเรเตอร์ (Evaporator) หรือ คอยล์เย็น ทาํ หนา้ ที่ดูดความร้อนในบริเวณ ใกลเ้ คียงให้เกิดความเยน็ อีแวปปอเรเตอร์สามารถแบ่งออกได้ 2 ชนิดคือ แบ่งตามวธิ ีป้ อนสารทาํ ความเยน็ และแบ่งตามลกั ษณะโครงสร้าง 1. แบ่งตามวธิ ีป้ อนสารทาํ ความเยน็ สามารถแบ่งออกได้ 2 แบบ คือ 1.1 อีแวปปอเรเตอร์ แบบแห้ง (Dry Expansion Evaporator) เรียกอีกอยา่ งวา่Direct Expansion Evaporator อีแวปปอเรเตอร์แบบน้ี ปริมาณน้าํ ยาท่ีเป็ นของเหลวจะเดือดและกลาย เป็ นไอจนหมดพอดีภายในอีแวปปอเรเตอร์ 1.2 อีแวปปอเรเตอร์แบบเปี ยก (Flooded Evaporator) อีแวปปอเรเตอร์แบบน้ีจะ ออกแบบมาเพื่อให้มีสารทาํ ความเย็นบางส่วนไหลผ่านอีแวปปอเรเตอร์ตลอดเวลา จึงมีสารทาํ ความเยน็ หรือน้าํ ยาเหลวไหลรวมกบั น้าํ ยาท่ีเป็ นไอ

2. แบ่งตามลกั ษณะโครงสร้าง สามารถแบ่งออกได้ 4 แบบ คือ 2.1 อีแวปปอเรเตอร์ แบบเปลือย (Bare Type Evaporator) มีลกั ษณะเป็ นท่อทองแดง หรือท่อเหลก็ เปลือย ขดขนานไปมา กล่าวคือ ระบบที่ใชแ้ อมโมเนียเป็ นสารทาํ ความเยน็ จะใช้ ท่อเหลก็ ขดขนานไปมา เช่นโรงน้าํ แข็ง สาํ หรับงานขนาดเลก็ จะใชท้ ่อทองแดง

2.2 อีแวปปอเรเตอร์ แบบเพลท (Plate Surface Evaporator) อีแวปปอเรเตอร์แบบเพลท มีหลายลกั ษณะ ออกแบบตามจุดประสงคก์ ารใชง้ าน ตวั อยา่ งเช่นอีแวปปอเรเตอร์ของตูเ้ ย็น จะนํา เอาแผ่นอะลูมิเนียมแบนมาอดั ข้ึนรูปให้มีร่องทางเดินน้าํ ยาอยภู่ ายใน และมีความแข็งแรงมากพอ ที่จะรับน้าํ หนักส่ิงของท่ีจะนาํ มาวาง

2.3 อีแวปปอเรเตอร์ แบบขดท่อและครีบ (Finned - tube Evaporator)อีแวปปอเรเตอร์ แบบน้ี จะมีครีบอะลูมิเนียมประกอบเขา้ กบั ท่อ เป็ นการเพิ่มพ้ืนท่ีผิวการถ่ายเทความร้อนของน้าํ ยาใน อีแวปปอเรเตอร์ ทาํ ใหป้ ระสิทธิภาพการทาํความเยน็ ดียงิ่ ข้ึน

2.4 อีแวปปอเรเตอร์ แบบซิลเลอร์ อีแวปปอเรเตอร์แบบน้ี จะใชก้ ับระบบปรับอากาศ ขนาดใหญ่ ต้งั แต่ 100 ตนั ข้ึนไป เรียกอีกอยา่ งว่าเครื่องทาํ น้าํ เยน็(Water Chiller) โครงสร้าง ภายในประกอบดว้ ยท่อน้าํ ขดสลบั ไปมาภายในเคร่ืองทาํ น้าํ เยน็ เครื่องทาํ น้าํ เยน็ ที่ใชก้ นั ทว่ั ไปมี 2 แบบ คือ - แบบระบายความร้อนดว้ ยอากาศ (Air Cooled Water Chiller) เครื่องทาํน้ําเย็น แบบน้ีจะใช้อากาศเป็ นตัวกลางในการถ่ายเทความร้อนออกจากคอนเดนเซอร์

- แบบระบายความร้อนดว้ ยน้าํ (Water Cooled Water Chiller) เคร่ืองทาํน้าํ เยน็ แบบน้ีจะใชน้ ้าํ เป็ นตวั กลางในการถ่ายเทความร้อนออกจากคอนเดนเซอร์ซ่ึงจาํ เป็ นตอ้ งใช้ Cooling Tower และเคร่ืองสูบน้าํ หล่อเยน็


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook