กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอา่ นออนไลน์ เนื่องในวันวสิ าขบูชา หอ้ งสมดุ ประชานจังหวดั ชลบรุ ี ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งชลบุรี สานักงาน กศน.จังหวัดชลบรุ ี
คานา วันวสิ าขบชู า นบั วา่ เปน็ วันสาคัญสากลทางพระพทุ ธศาสนา สาหรบั ชาวพทุ ธทุก นิกายทั่วโลก อีกทั้งยงั เปน็ วนั สาคัญในระดบั นานาชาติตามข้อมตขิ องสมชั ชาใหญแ่ หง่ สหประชาชาติ เน่อื งจากเปน็ วันคลา้ ยวันท่เี กิดเหตุการณส์ าคญั ที่สดุ ในพระพทุ ธศาสนา ๓ เหตกุ ารณ์ ได้แก่ การประสูติ ตรัสรู้ และปรนิ พิ พานของพระพุทธโคดม ซึ่งทงั้ ๓ เหตกุ ารณ์นไ้ี ดเ้ กดิ ข้ึนตรงกัน ณ วนั ขน้ึ ๑๕ คา่ เดอื น ๖ หรอื วนั เพญ็ แห่งเดอื นวสิ าขะ (ตา่ งปกี นั ) ชาวพุทธจงึ ถอื ว่าเป็นวันทร่ี วมการเกดิ เหตกุ ารณอ์ นั น่าอัศจรรย์ยิ่ง และเรยี กการบูชาในวันน้ีวา่ วสิ าขบูชา ย่อมาจาก วิสาขปุรณมบี ชู า หมายถึง การบูชาในวนั เพ็ญเดือนวิสาขะ E-book ฉบับนจ้ี ดั ทาขน้ึ เพอ่ื เป็นการสง่ เสริมการอ่านเนอ่ื งในวนั เนื่องวนั วสิ าขบูชา โดย รวบรวมเน้อื หาจากสื่อตา่ งๆ เพื่อใหค้ วามร้ใู นเรอ่ื งราวเก่ียวกับวันวสิ าขบชู า ต้งั แตป่ ระวัติ ความเปน็ มา ความสาคัญและเกรด็ ความรตู้ ่างๆทนี่ า่ สนใจ ผู้จดั ทาหวังเป็นอย่างยงิ่ วา่ E-book เล่มนจี้ ะใหค้ วามรู้แกผ่ ้อู า่ นไม่มากกน็ ้อย หากมี ขอ้ ผดิ พลาดประการใดทางคณะผู้จดั ทาขออภยั มา ณ โอกาสน้ี ห้องสมดุ ประชาชนจงั หวัดชลบุรี
วนั วสิ าขบชู า ตรงกบั วันข้นึ ๑๕ ค่า เดอื น ๖ ความหมาย คาว่า \"วสิ าขบูชา\" หมายถงึ การบูชาในวันเพญ็ เดือน ๖ วสิ าขบชู า ยอ่ มาจาก \" วิสาขปรุ ณมีบูชา \" แปลวา่ \" การบชู าในวันเพญ็ เดอื น วสิ าขะ \" ถ้าปใี ดมีอธกิ มาส คือ มเี ดือน ๘ สองหน ก็เลอื่ นไปเป็นกลางเดือน ๗ ความสาคัญ วันวสิ าขบชู า เปน็ วนั สาคญั ยง่ิ ทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันท่ี พระพทุ ธเจา้ ประสูติ คือเกิด ไดต้ รสั รู้ คอื สาเรจ็ ได้ปรนิ ิพพาน คือ ดับ เกดิ ขึ้น ตรงกันท้งั ๓ คราวคอื ๑. วันวิสาขบูชา เป็นวนั ท่พี ระพุทธเจ้าประสูติ เมือ่ พระนางสิริมหามายา พระมเหสีของพระเจ้าสทุ โธทนะ แหง่ กรงุ กบลิ พัสด์ุ ทรงพระครรภ์แกจ่ วนจะประสูติ พระนางแปรพระราชฐานไปประทับ ณ กรงุ เทวท หะ เพื่อประสตู ิในตระกลู ของพระนางตามประเพณีนิยมในสมยั น้ัน ขณะเสด็จแวะ พักผ่อนพระอิรยิ าบถใตต้ ้นสาละ ณ สวนลุมพินีวัน พระนางกไ็ ด้ประสูติพระโอรส ณ ใต้ต้นสาละน้ัน ซึ่งตรงกบั วนั เพญ็ เดือน 6 ก่อนพทุ ธศักราช 80 ปี ครน้ั พระ กมุ ารประสตู ไิ ด้ 5 วนั ก็ได้รบั การถวายพระนามวา่ \"สทิ ธัตถะ\" แปลว่า \"สมปรารถนา\"
เมื่อขา่ วการประสูติแพร่ไปถึงอสติ ดาบส 4 ผูอ้ าศยั อย่ใู นอาศรมเชงิ เขา หมิ าลยั และมคี วามคุ้นเคยกับพระเจ้าสุทโธทนะ ดาบสจึงเดินทางไปเขา้ เฝา้ และ เมือ่ เหน็ พระราชกมุ ารกท็ านายไดท้ ันทีว่า น่ีคือผู้จะตรัสรเู้ ป็นพระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ จงึ กล่าวพยากรณว์ า่ \"พระราชกุมารน้ีจักบรรลพุ ระสพั พัญญตุ ญาณ เหน็ แจ้งพระ นพิ พานอันบริสทุ ธิอ์ ย่างยง่ิ ทรงหวงั ประโยชน์แกช่ นเปน็ อนั มาก จะประกาศ ธรรมจักรพรหมจรรยข์ องพระกมุ ารนี้จกั แพร่หลาย\" แลว้ กราบลงแทบพระบาท ของพระกุมาร พระเจ้าสทุ โธทนะทอดพระเนตรเหน็ เหตกุ ารณ์น้นั ทรงรู้สกึ อัศจรรย์ และเป่ียมล้นด้วยปตี ิ ถึงกบั ทรดุ พระองค์ลงอภิวาทพระราชกมุ ารตามอย่างดาบส ลุมพินีวัน เปน็ พทุ ธสังเวชนียสถานท่ีสาคัญแห่งที่ 1 ใน 4 สงั เวชนียสถานของชาวพทุ ธ ๒. วนั วสิ าขบูชา เปน็ วันท่พี ระพทุ ธเจ้าตรสั ร้อู นุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ หลังจากออกผนวชได้ 6 ปี จนเม่ือพระชนมายุ 35 พรรษา เจา้ ชายสิทธัต ถะกท็ รงตรัสรู้เปน็ พระพทุ ธเจ้า ณ ใต้รม่ ไมศ้ รีมหาโพธ์ิ ฝงั่ แม่นา้ เนรญั ชรา ตาบล อุรุเวลาเสนานิคม ในตอนเช้ามดื ของวนั พธุ ขน้ึ 15 ค่า เดือน 6 ปีระกา ก่อน พุทธศกั ราช 45 ปี ปจั จุบนั สถานท่ีตรสั รู้แห่งนเ้ี รียกวา่ พทุ ธคยา เปน็ ตาบลหนึง่ ของเมืองคยา แห่งรัฐพิหาร ของอินเดยี
สง่ิ ท่ีตรัสรู้ คือ อรยิ สัจสี่ เปน็ ความจรงิ อนั ประเสริฐ 4 ประการของ พระพทุ ธเจา้ ซง่ึ พระพุทธเจา้ เสด็จไปที่ต้นมหาโพธ์ิ และทรงเจริญสมาธภิ าวนาจน จิตเปน็ สมาธิไดฌ้ านที่ 4 แลว้ บาเพ็ญภาวนาตอ่ ไปจนไดฌ้ าน 3 คือ - ยามตน้ : ทรงบรรลุ \"ปุพเพนวิ าสานุสสติญาณ\" คือ ทรงระลึกชาตใิ น อดีตทั้งของตนเองและผู้อ่นื ได้ - ยามสอง : ทรงบรรลุ \"จตุ ูปปาตญาณ\" คอื การรู้แจ้งการเกิดและดับของ สรรพสัตว์ทงั้ หลาย ด้วยการมีตาทพิ ย์สามารถเห็นการจุติและอุบัตขิ องวญิ ญาณ ท้งั หลาย - ยามสาม หรอื ยามสุดท้าย : ทรงบรรลุ \"อาสวักขยญาณ\" คอื รวู้ ธิ กี าจัด กิเลสด้วย อรยิ สจั 4 (ทกุ ข์ สมุทัย นโิ รธ มรรค) ไดต้ รัสรเู้ ป็นพระสมั มาสมั พทุ ธ เจ้า ในคนื วันเพญ็ เดือน 6 ซง่ึ ขณะน้นั พระพทุ ธองค์มพี ระชนมายุได้ 35 พรรษา สถานท่ตี รสั รขู้ องพระพทุ ธเจา้ หรอื “พุทธคยา” เปน็ 1 ใน 4 สังเวชนยี สถาน ๓. วันวสิ าขบชู า เปน็ วันทพ่ี ระพทุ ธเจ้าเสด็จเข้าสปู่ รินพิ พาน (ดับ สงั ขารไมก่ ลับมาเกดิ สร้างชาติ สร้างภพอกี ต่อไป)
เม่อื พระพุทธองค์ไดต้ รสั รู้และแสดงธรรมเป็นเวลานานถึง 45 ปี จนมพี ระชนมายุได้ 80 พรรษา ไดป้ ระทับจาพรรษา ณ เวฬุคาม ใกล้ เมืองเวสาลี แควน้ วชั ชี ในระหวา่ งนนั้ ทรงพระประชวรอย่างหนกั คร้ันเมอ่ื ถงึ วนั เพ็ญ เดอื น 6 พระพทุ ธองคก์ บั พระภกิ ษสุ งฆ์ทงั้ หลาย ก็ไปรบั ภัตตาหารบณิ ฑบาตท่บี า้ นนายจนุ ทะ ตามคากราบทูลนมิ นต์ พระองคเ์ สวย สกู รมัททวะท่ีนายจนุ ทะต้ังใจทาถวายก็เกดิ อาพาธลง แต่ทรงอดกลัน้ มุ่ง เสด็จไปยงั เมืองกสุ นิ ารา ประทับ ณ ปา่ สาละ เพือ่ เสด็จดับขันธป์ รนิ ิพพาน เมื่อถึงยามสุดทา้ ยของคืนน้ัน พระพุทธองค์ก็ทรงประทานปัจฉิม โอวาทว่า \"ดูกอ่ นภิกษุทัง้ หลายอันวา่ สงั ขารท้ังหลายยอ่ มมีความเสื่อมสลาย ไปเป็นธรรมดา ทา่ นท้งั หลายจงยังกจิ ทั้งปวงอนั เป็นประโยชน์ของตนและ ประโยชนข์ องผู้อืน่ ใหบ้ ริบรู ณด์ ว้ ยความไมป่ ระมาทเถดิ \" หลังจากนนั้ ก็เสดจ็ เข้าดบั ขันธ์ปรินพิ พาน ในราตรีเพญ็ เดอื น 6 นน้ั สถูปปรินิพพาน เมอื งกุสนิ าราย์ กสุ นิ าราเป็น 1 ใน 4 สงั เวชนียสถาน นับว่าเป็นเรื่องทน่ี ่าอศั จรรย์ยงิ่ ท่ีเหตุการณท์ ้งั ๓ เกย่ี วกับวิถชี ีวติ ของพระ สมั มาสมั พทุ ธเจา้ ซ่ึงมชี ่วงระยะเวลาห่างกันนับเวลาหลายสิบปี บังเอิญเกดิ ข้ึนใน วันเพญ็ เดอื น ๖ ดงั น้ันเมื่อถงึ วันสาคัญ เช่นน้ี ชาวพทุ ธทงั้ คฤหัสถ์ และบรรพชิต
ไดพ้ ร้อมใจกันประกอบพธิ ีบชู าพระพุทธองค์เป็นการพิเศษ เพอื่ น้อมราลกึ ถงึ พระ กรณุ าธิคุณ พระปญั ญาธคิ ุณ และพระบริสุทธคิ ณุ ของพระองค์ท่านผเู้ ปน็ ดวง ประทีปของโลก ประวตั ิความเป็นมาของวนั วิสาขบชู าในประเทศไทย วนั วสิ าขบชู าน้ี ปรากฏตามหลกั ฐานวา่ ไดม้ ีมาตั้งแต่ครงั้ กรงุ สุโขทัยเป็น ราชธานี ซง่ึ สนั นษิ ฐานว่า คงจะไดแ้ บบอย่าง มาจากลงั กา กล่าวคอื เมอื่ ประมาณ พ.ศ. ๔๒๐ พระเจ้าภาติกุราช กษตั รยิ ์แห่งกรงุ ลงั กา ได้ประกอบพิธวี สิ าขบูชาอยา่ ง มโหฬาร เพ่ือถวายเป็นพทุ ธบูชา กษัตรยิ ์ลังกาในรัชกาลตอ่ ๆ มา กท็ รงดาเนิน รอยตาม แมป้ ัจจบุ ันก็ยงั ถือปฏิบัตอิ ยู่ สมยั สโุ ขทัยนัน้ ประเทศไทยกับประเทศลงั กามีความสมั พนั ธด์ า้ น พระพทุ ธศาสนาใกลช้ ิดกนั มากเพราะพระสงฆช์ าวลังกา ไดเ้ ดินทางเข้ามาเผยแพร่ พระพทุ ธศาสนา และเช่ือว่าได้นาการประกอบพิธีวิสาขบูชามาปฏบิ ัตใิ นประเทศ ไทยดว้ ย ในหนังสอื นางนพมาศไดก้ ล่าวบรรยากาศการประกอบพิธีวสิ าขบูชาสมยั สโุ ขทยั ไว้ พอสรปุ ใจความได้ว่า \" เมื่อถงึ วันวิสาขบูชา พระเจา้ แผ่นดนิ ข้าราชบริพาร ทงั้ ฝ่ายหน้า และ ฝา่ ยใน ตลอดทัง้ ประชาชนชาวสโุ ขทยั ท่วั ทกุ หม่บู ้านทกุ ตาบล ตา่ งชว่ ยกันทา ความสะอาด ประดับตกแตง่ พระนครสุโขทัยเป็นการพเิ ศษ ด้วยดอกไมข้ องหอม จุดประทปี โคมไฟแลดูสว่างไสวไปทัว่ พระนคร เปน็ การอุทิศบูชาพระรัตนตรยั เปน็ เวลา ๓ วัน ๓ คืน พระมหากษตั รยิ ์ และบรมวงศานุวงศ์ กท็ รงศลี และทรง บาเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ ครนั้ ตกเวลาเยน็ ก็เสดจ็ พระราช ดาเนิน พร้อมดว้ ย พระบรมวงศานวุ งศ์ และนางสนองพระโอษฐ์ต ลอดจนขา้ ราชการทั้งฝา่ ยหน้า และ ฝ่ายใน ไปยงั พระ อารามหลวง เพอ่ื ทรงเวยี นเทยี นรอบพระประธาน
ส่วนชาวสุโขทัยชวนกนั รกั ษาศีล ฟงั ธรรมเทศนา ถวายสลากภตั ถวาย สังฆทาน ถวายอาหารบณิ ฑบาต แด่พระภิกษุ สามเณรบริจาคทรัพยแ์ จกเปน็ ทาน แก่คนยากจน คนกาพร้า คนอนาถา คนแก่ คนพิการ บางพวกก็ชวนกันสละ ทรัพย์ ปลอ่ ยสตั ว์ ๔ เท้า ๒ เทา้ และเต่า ปลา เพ่ือชีวิตสัตว์ใหเ้ ป็นอิสระ โดยเช่อื วา่ จะทาใหค้ นอายุ ยนื ยาวต่อไป ในสมยั อยธุ ยา สมัยธนบรุ ี และสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ ดว้ ยอานาจ อิทธพิ ลของศาสนาพราหมณ์ เข้าครอบงาประชาชนคนไทย และมอี ทิ ธพิ ลสูงกวา่ อานาจของพระพุทธศาสนา จึงไม่ปรากฎหลักฐานว่า ไดม้ กี ารประกอบพธิ ีบูชาใน วันวิสาขบชู า จนมาถงึ รชั สมัยพระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหล้านภาลยั รัชกาลท่ี ๒ แหง่ กรุงรตั นโกสินทร์ (พ.ศ. ๒๓๖๐) ทรงดารกิ บั สมเด็จพระสังฆราช (ม)ี สานกั วัดราชบรู ณะ มีพระราชประสงค์จะให้ฟ้นื ฟู การประกอบพระราชพิธีวนั วิสาขบชู าขึน้ ใหม่ โดย สมเด็จพระสงั ฆราช ถวายพระพรใหท้ รงทาขน้ึ เป็นครง้ั แรกในวนั ขึน้ ๑๔ ค่า ๑๕ ค่า และวันแรม ๑ ค่า เดอื น ๖ พ.ศ. ๒๓๖๐ และให้จัดทาตาม แบบอยา่ งประเพณีเดมิ ทกุ ประการ เพื่อมีพระประสงคใ์ หป้ ระชาชนประกอบการบุญ การกุศล เป็นหนทางเจรญิ อายุ และอยเู่ ญน็ เปน็ สุขปราศจากทุกข์โศกโรคภยั และอปุ ทั วันตรายต่างๆ โดยทั่วหน้ากนั ฉะนนั้ การประกอบพิธใี นวันวิสาขบชู าในประเทศไทย จงึ ได้รอ้ื ฟน้ื ใหม้ ี ขน้ึ อีกครง้ั หนึ่งในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลัย รัชกาลที่ ๒ และถือปฏิบัติมาจวบจนกระทงั่ ปัจจุบัน การจัดงานเฉลิมฉลองในวนั วสิ าขบชู าทยี่ ง่ิ ใหญ่กว่าทกุ ยุคทุกสมยั คง ไดแ้ ก่การจดั งานเฉลิมฉลอง วนั วิสาขบชู า พ.ศ.๒๕๐๐ ซ่ึงทางราชการเรียกว่างาน \" ฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ \" ตงั้ แต่วันที่ ๑๒ ถงึ ๑๘ พฤษภาคม รวม ๗ วนั ได้ จดั งานสว่ นใหญ่ขึ้นที่ท้องสนามหลวง ส่วนสถานท่ีราชการ และวัดอารามตา่ งๆ
ประดับธงทิวและโคมไฟสว่างไสวไปท่ัวพระ ราชอาณาจกั ร ประชาชนถอื ศลี ๕ หรือ ศลี ๘ ตามศรทั ธาตลอดเวลา ๗ วัน มีการอปุ สมบทพระภกิ ษุสงฆร์ วม ๒,๕๐๐ รูป ประชาชน งดการฆา่ สัตว์ และงดการดื่มสุรา ตงั้ แตว่ ันท่ี ๑๒ ถึง ๑๔ พฤษภาคม รวม ๓ วัน มีการก่อสร้าง พุทธมณฑล จดั ภัตตาหาร เลย้ี งพระภิกษุ สงฆ์วันละ ๒,๕๐๐ รปู ตงั้ โรงทานเลยี้ งอาหารแก่ประชาชน วนั ละ ๒๐๐,๐๐๐ คน เปน็ เวลา ๓ วัน ออกกฎหมาย สงวนสัตว์ป่าในบรเิ วณน้ัน รวมถึงการฆา่ สัตว์ และ จับสตั ว์ในบรเิ วณวดั และหนา้ วดั ด้วย และได้มกี ารปฏบิ ัติธรรมอันยิ่งใหญ่ อยา่ ง พร้อมเพรยี งกัน เป็นกรณีพิเศษ ในวันวิสาขบชู าปนี ้นั ด้วย หลักธรรมสาคัญทค่ี วรนามาปฏบิ ัติ ๑. ความกตัญญู คอื ความรู้อุปการคุณท่มี ีผู้ทาไวก่ อ่ น เป็นคณุ ธรรมคูก่ ับ ความกตเวที คือ การตอบแทนอปุ การคุณทผ่ี ู้อน่ื ทาไว้นัน้ • บดิ ามารดา มีอุปการคุณแกล่ ูก ในฐานะผู้ใหก้ าเนิดและเล้ียงดูจนเติบโต ใหก้ ารศึกษาอบรมสัง่ สอน ใหเ้ ว้นจากความชัว่ ม่นั คงในการทาความดี เมอ่ื ถงึ คราวมีค่คู รองไดจ้ ดั หาคคู่ รองทีเ่ หมาะสมให้ และมอบทรพั ย์สมบัติให้ไวเ้ ป็นมรดก • ลูกเมอ่ื รู้อปุ การะคณุ ทีบ่ ดิ ามารดาทาไว้ ย่อมตอบแทนด้วยการประพฤตติ ัว ดี สร้างชื่อเสยี งให้ แก่วงศต์ ระกูล เล้ยี งดูท่าน และช่วยทางานของ ทา่ น และเม่อื ทา่ นล่วงลับไปแลว้ ก็ทาบุญอุทศิ ส่วนกศุ ลให้ท่าน • ครูอาจารยม์ ีอปุ การคณุ แก่ศิษย์ ในฐานะเปน็ ผู้ประสาทความรใู้ ห้ ฝึกฝน แนะนาให้เป็นคนดี สอนศิลปวทิ ยาให้อยา่ งไมป่ ดิ บงั ยกย่องให้ปรากฎแก่คนอื่น และชว่ ยคุ้มครองให้ศิษยท์ ัง้ หลาย • ศิษยเ์ มอื่ รู้อุปการคณุ ทีค่ รอู าจารย์ทาไว้ ยอ่ มตอบแทนดว้ ยการต้ังใจเรียน ใหเ้ กียรติ และใหค้ วามเคารไมล่ ่วงละเมดิ โอวาทของครู • ความกตญั ญูและความกตเวทนี ้ี ถือวา่ เป็นเคร่อื งหมายของคนดี สง่ ผลให้
ครอบครวั และสังคมมีความสุขไดเ้ พราะ บิดามารดาจะรจู้ ักหนา้ ที่ของตนเอง ด้วย การทาอปุ การคุณให้ก่อน และลูกกจ็ ะร้จู กั หน้าทข่ี องตนเองด้วยการทาดีตอบแทน • นอกจากบิดากบั ลกู และครูอาจารย์กับศิษย์แล้ว คณุ ธรรมขอ้ นก้ี ็สามารถ นาไปใชไ้ ดแ้ ม้ระหวา่ ง นายจ้างกับลกู จ้าง อนั จะส่งผลใหส้ ังคมอยรู่ ว่ มกนั ไดอ้ ย่าง สงบสุข • ในทางพระพุทธศาสนาพระพุทธเจา้ ทรงเป็นบพุ การรใี นฐานะทีท่ รง สถาปนาพระพุทธศาสนา และทรงสอนทางพน้ ทุกข์ใหแ้ ก่เวไนยสัตว์ • พทุ ธศาสนิกชน รพู้ ระคุณอนั นจ้ี งึ ตอบแทนด้วยอามสิ บูชาและปฎบิ ัติบชู า กลา่ วคือการจัดกิจกรรม ในวนั วสิ าขบชู า เป็นส่วนหนง่ึ ทช่ี าวพุทธแสดงออก ซ่งึ ความกตัญญูกตเวที ต่อพระองค์ด้วยการทานุ บารงุ ส่งเสริมพระพทุ ธศาสนา และ ประพฤติปฎบิ ัติธรรม เพอ่ื ดารงอายพุ ระพทุ ธศาสนาสืบไป ๒. อริยสจั ๔ อรยิ สัจ ๔ คือ ความจรงิ อันประเสริฐ หมายถึงความจริงของชวี ติ ทไี่ มผ่ นั แปร เกดิ มีได้แกท่ ุกคน มี ๔ ประการ คอื • ทุกข์ ไดแ้ กป่ ัญหาของชีวิตพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ กเ็ พื่อใหท้ ราบวา่ มนุษย์ทุก คนมที กุ ขเ์ หมอื นกนั ท้ังทกุ ขข์ นั้ พ้ืนฐาน และทกุ ข์เกี่ยวกับการดาเนิน ชีวติ ประจาวนั ทุกข์ขัน้ พ้ืนฐานคือทกุ ขท์ เ่ี กดิ จาก การเกิด การแก่ และการตาย ส่วนทกุ ข์ที่เกย่ี วกับการดาเนินชีวิตประจาวัน คอื ทุกขท์ ่เี กิด จากการพลดั พรากจาก ส่งิ ที่รัก ทุกข์ที่เกิดจากการประสบกันส่ิงทไี่ ม่เป็นทร่ี ัก ทุกขท์ ่ีเกิดจากไมไ่ ดต้ ้ังใจ ปรารถนา รวมทงั้ ทุกขท์ ่ีเก่ยี วกับการดาเนินชีวิตด้านต่างๆ อาทิความ ยากจน • สมทุ ัย คือ เหตุแหง่ ปญั หาพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ก็เพอ่ื ใหท้ ราบวา่ ทกุ ข์ ทั้งหมดซ่งึ เป็นปญั หา ของชวี ิตล้วนมีเหตใุ ห้เกดิ เหตนุ ั้น คือ ตญั หา อนั ได้แก่ ความอยากไดต้ า่ งๆ ซึ่งประกอบไปด้วยความยดึ ม่ัน
• นโิ รธ คือ การแกป้ ัญหาได้ พระพุทธเจา้ ทรงแสดงไวก้ ็เพื่อใหท้ ราบว่า ทกุ ข์คอื ปัญหาของชวี ิต ทงั้ หมดที่สามารถแกไ้ ข ได้นั้นตอ้ งแก้ไขตามทางหรือวิธีแก้ ๘ ประการ ( ดมู ัชฌมิ าปฎปิ ทา ) • มรรค การปฏบิ ตั เิ พ่ือจากัดทุกข์ เพอ่ื หลุดพน้ จากทุกข์ การปฏิบัติเพือ่ แก้ปญั หา เพอ่ื บรรลุเปา้ หมายการแก้ปัญหาท่ตี ้องการ ๓. ความไม่ประมาท ความไม่ประมาทคือ การมสี ติเสมอทั้ง ขณะทาขณะพูด และขณะคดิ สติ คือการระลึกได้ ในภาคปฎิบตั เิ พอื่ นา มาใช้ในชีวิตประจาวัน หมายถึง การระลกึ รูท้ ันการเคลอื่ นไหว ของอรยิ าบท ๔ คอื เดิน ยืน นง่ั นอน การฝกึ ให้เกิดสติทา ได้โดยต้ังสติกาหนดการเคลื่อนไหวของอรยิ าบท กล่าวคอื ระลึกทันทง้ั ในขณะ ยืน เดิน น่งั และนอน รวมทั้ง ระลึกรูท้ นั ในขณะพูดคิด และขณะทางานต่างๆ เมอ่ื ทา ไดอ้ ยา่ งนกี้ ช็ ื่อวา่ มีความไมป่ ระมาท การทางานตา่ งๆ สาเรจ็ ได้ก็ดว้ ยความไมป่ ระมาท กล่าวคือผู้ทายอ่ มต้องมี สติระลึกรูอ้ ย่วู า่ ตนเองเป็นใครมีหนา้ ท่อี ะไร และกาลังทาอยา่ งไร หากมสี ติระลึกรู้ ได้อย่างนน้ั ก็ย่อมไมผ่ ิดพลาด
วนั วิสาขบชู าเป็นวันสาคญั สากลของสหประชาชาตคิ ือ\"วนั สาคญั ของโลก\" ภูมหิ ลัง ๑. ในการประชุม International Buddhist Conference ณ กรงุ โคลัมโบ ระหว่างวนั ท่ี ๙ - ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ซึ่งมีผูแ้ ทนจากประเทศทน่ี บั ถอื ศาสนา พุทธจานวนมากเข้าร่วม อาทิ บงั คลาเทศ จนี ลาว เกาหลีใต้ เวียดนาม ภฐู าน อินโดนีเซยี เนปาล กัมพูชา อินเดีย ปากีสถาน และไทย ได้ตกลงกนั ทีจ่ ะเสนอให้ สมชั ชาสหประชาชาตริ ับรองข้อมติประกาศวัน วสิ าขบชู าให้เป็นวนั หยดุ ของ สหประชาชาติ ๒. ในการเยอื นของประเทศตา่ งๆ ในอินโดจีนของรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการ ต่างประเทศศรลี งั กา ในปี ๒๕๔๒ ก็ได้มีการหยิบยกเร่ืองนข้ี น้ึ หารือ และได้รบั การ สนับสนนุ จากประเทศต่างๆ ไดด้ ้วยดี ๓. คณะทตู ถาวรศรลี ังกาประจาสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์กได้จัดเตรยี มร่างขอ้ มติ และได้ขอเสยี งสนับสนุนจากประเทศตา่ ง ๆ เพ่อื ใหม้ กี ารรับรองข้อมติเรื่อง การประกาศให้วนั วสิ าขบูชาเป็นวันหยุดของสหประชาชาตใิ นท่ปี ระชมุ สมชั ชา สหประชาชาติ สมยั สามัญ คร้ังที่ ๕๔
๔. โดยที่สหประชาชาติประกาศวันหยุดเป็นจานวนมากอยแู่ ล้ว และจะเป็นปญั หา ในเรือ่ งงบประมาณและการบริหารแก่ สหประชาชาติ หากประกาศให้วันวิสาขบูชา เป็นวันหยดุ ศรีลงั กาจึงได้ตดั สนิ ใจทจ่ี ะเสนอร่างขอ้ มติ ขอให้วันวิสาขบูชาเป็นวัน สาคัญสากลที่สหประชาชาติ ทงั้ ที่สานักงานใหญ่ และสานักงานตา่ ง ๆ แทนการ เสนอใหเ้ ปน็ วันหยุดซึ่ง ออท. ผู้แทนถาวรประเทศต่าง ๆ รวม ๑๖ ประเทศ ได้แก่ ศรีลงั กา บงั คลาเทศ ภูฐาน กมั พูชา ลาว มัลดีฟส์ มองโกเลยี พม่า เนปาล ปากีสถาน ฟิลปิ ปินส์ เกาหลใี ต้ สเปน อนิ เดยี ไทย และยูเครน ได้รว่ มลงนามใน หนังสือถึงประธานสมัชชาฯ เพ่ือให้นาเรอื่ งวันวสิ าขบูชาเข้าเป็นระเบยี บวาระการ ประชุมของสมชั ชาฯ ๕. ต่อมาเมอ่ื ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ General Committee ของสมชั ชาฯ ได้ พิจารณาเร่ืองดังกล่าว โดย ออท.ผู้แทน ถาวรศรลี งั กาได้กลา่ วถอ้ ยแถลง สนบั สนุนหนงั สือรอ้ งขอให้ทปี่ ระชุมบรรจรุ ะเบยี บวาระดังกล่าว เขา้ สู่การพิจารณา ของที่ประชมุ สมชั ชาเต็มคณะ ออท.ผูแ้ ทนถาวรไทย อนิ เดยี สเปน บงั คลาเทศ ปากีสถาน ไซปรัส ลาว และภูฐาน ไดก้ ล่าวถ้อย แถลงสนับสนุน ซึ่งทปี่ ระชุม General Committee ได้มมี ตใิ หบ้ รรจุเรื่องนเี้ ขา้ สูก่ ารพิจารณาของสมชั ชาเต็ม คณะ ปจั จบุ นั ๑. เม่อื ๑๕ ธนั วาคม ๒๕๔๒ ทปี่ ระชุมสมชั ชาสหประชาชาติ สมยั สามัญ ครง้ั ที่ ๕๔ ได้พจิ ารณาระเบยี บวาระที่ ๑๗๔ International recognition of the Day of Visak โดยการเสนอของศรีลังกา ๒. ในการพิจารณา ประธานสมชั ชาฯ ได้เชิญผแู้ ทนศรลี งั กาข้ึนกลา่ วนาเสนอร่าง ข้อมติ และเชิญผ้แู ทนไทย สงิ คโปร์ บงั คลาเทศ ภฐู าน สเปน พม่า เนปาล
ปากีสถาน อินเดียข้ึนกล่าวถ้อยแถลง สรปุ ความวา่ วันวิสาขบชู าเป็นวันสาคญั ของ พทุ ธศาสนกิ ชนท่วั โลก เพราะเปน็ วันท่พี ระพทุ ธเจ้าประสตู ิ ทรงตรัสรู้ เสดจ็ ดบั ขันธปรินพิ พาน พระพุทธเจา้ ทรงสั่งสอนให้มวลมนษุ ย์มเี มตตาธรรมและขันติ ธรรม ตอ่ เพอ่ื นมนษุ ย์ดว้ ยกนั เพอื่ ให้เกดิ สันตสิ ุขในสังคม อันเป็นแนวทางของ สหประชาชาติ จงึ ขอให้ทีป่ ระชมุ รบั รองข้อมติน้ี ซึ่งเทา่ กบั เปน็ การรับรอง ความสาคญั ของพทุ ธศาสนาในองคก์ ารสหประชาชาติ โดยถอื วา่ วันดงั กล่าวเปน็ ท่ี สานกั งานใหญ่องค์การสหประชาชาติและที่ทาการสมัชชาจะจดั ให้มีการระลึกถงึ (observance) ตามความเหมาะสม ๓. ทีป่ ระชุมฯ ไดร้ บั รองร่างขอ้ มติโดยฉันทามติ เหตผุ ลท่ี องค์การสหประชาชาติหนดให้ วันวสิ าขบูชา เป็นวันสาคญั ของโลก เนือ่ งจากคณะกรรมมาธิการองค์การสหประชาชาติ ได้รว่ มพิจารณาและมมี ตเิ ห็น พอ้ งต้องกันประกาศใหว้ นั วิสาขบชู า ถือเป็นวนั สาคญั วันหน่งึ ของโลกทงั้ นี้ ดว้ ย สานึกในพระมหากรุณาธคิ ุณ ขององคส์ มเด็จพระสมั มาสมั พุทธเจ้าว่า ทรงเปน็ มหาบรุ ษุ ผู้ให้ความเมตตาตอ่ หมมู่ วล มนุษยท์ ง้ั หลายในโลก จะเหน็ ไดจ้ ากการ ยกเลิกแบ่งชนชน้ั วรรณะ ซ่ึงเทา่ กับเป็นการเลกิ ทาสโดยไม่มีการเสยี เลือดเสียเน้ือ นอกจากน้พี ระองค์ยงั ทรงเป็นนกั อนรุ กั ษส์ ัตวป์ า่ อีกดว้ ย กล่าวคือ ทรงสอนใหไ้ ม่ ฆา่ สัตว์ ให้รู้จกั ช่วยเหลอื สตั ว์ เหตุผลสาคญั อกี ประการหนึ่งคอื พระองคท์ รงเปิด
โอกาสใหท้ ุกศาสนาสามารถเข้ามาศึกษาพุทธศาสนาเพื่อพิสจู น์หาขอ้ เท็จจริงได้ โดย ไม่จาเป็นต้องเปลย่ี นมานบั ถอื ศาสนาพุทธและทรงสั่งสอนทุกคนโดยใช้ ปัญญาธคิ ุณสอนโดยไมค่ ิดคา่ ตอบแทน เรยี บเรยี งจาก ความรเู้ กย่ี วกบั วันสาคัญไทย (เสฐยี รโกเศศ และ พระธรรมปฎิ ก (ป.อ.ปยุต โต) ,๒๕๔๑ : ๓๙ - ๕๙) คลิป : ประวตั ิวันวิสาขบชู า https://www.youtube.com/watch?v=vu4t9tOmQS0
บรรณานกุ รม ธรรมะไทย.//2564).//วันวิสาขบูชา.//สบื ค้นเมอ่ื 20 พฤษภาคม 2564,/ จาก http://www.dhammathai.org/day/visaka.php. Kapook.com.วนั วิสาขบูชา 26 พฤษภาคม 2564 วันสาคญั ทาพระพทุ ธศาสนา.สบื ค้นเม่อื 20 พฤษภาคม 2564,/ จาก https://hilight.kapook.com/view/23220 .
คณะผจู้ ดั ทา ทปี่ รึกษา นายอนุชา พงษ์เกษม ผู้อานวยการ สานักงาน กศน.จงั หวดั ชลบรุ ี นางสาวอุไรรตั น์ ชนะบารงุ รองผูอ้ านวยการ สานักงาน กศน.จังหวัดชลบุรี นายไพรัตน์ เนือ่ งเกตุ ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอเมอื งชลบุรี นางสาวเอมอร แกว้ กล่าศรี ครชู านาญการพเิ ศษ ผ้จู ัดทา นายปณั ณวิชญ์ สขุ ทวี บรรณารกั ษป์ ฏบิ ัติการ หอ้ งสมดุ ประชาชนจังหวดั ชลบุรี นายเสกสรรค์ พรมศักดิ์ บรรณารกั ษอ์ ตั ราจ้าง หอ้ งสมุดประชาชนจังหวดั ชลบุรี นางสาวรชั ดาภรณ์ ทองสนธิ พนักงานบรกิ าร ห้องสมุดประชาชนจังหวดั ชลบรุ ี
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: