Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงการห้องสมุดเคลื่อนที่ (ชาวตลาด) 64

โครงการห้องสมุดเคลื่อนที่ (ชาวตลาด) 64

Published by s.pannawitt, 2021-11-11 04:58:50

Description: โครงการห้องสมุดเคลื่อนที่ (ชาวตลาด) 64

Search

Read the Text Version

สรปุ โครงการส่งเสริมการอ่านหอ้ งสมุดเคล่ือนที่ หอ้ งสมดุ ชาวตลาด ประจาปี 2564 หอ้ งสมุดประชาชนจงั หวดั ชลบรุ ี ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองชลบุรี สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั ชลบุรี

ก คำนำ การอา่ นมีความสำคัญต่อชวี ิตมนุษย์ต้ังแต่เกิดจนโต และจนกระทง่ั ถึงวัยชรา การอ่านทำให้ รู้ข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันเป็นโลกของข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้ผู้อ่านมีความสุข มีความหวัง และมีความอยากรู้อยากเห็น อันเป็นความต้องการของมนุษย์ทุกคน การอ่านมีประโยชน์ใน การพัฒนาตนเอง คือ พัฒนาการศึกษา พัฒนาอาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิต ทำให้เป็นคนทันสมัย ทันต่อ เหตุการณ์ และมีความอยากรู้อยากเห็น การที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าได้ต้องอาศัย ประชาชนที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งความรู้ต่าง ๆ ก็ได้มาจากการอ่านนั่นเอง (ฉวีวรรณ คูหาภินนท์ , ๒๕๔๒ ) จากแนวการดำเนินงานโครงการห้องสมุดเคลื่อนที่สำหรับชาวตลาด ตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯสยามบรมราชกุมารี เน้นหลักการมสี ว่ นรว่ มจากทุกภาคส่วน และมีเป้าหมาย ให้ชุมชนชาวตลาด ได้มีหนังสืออ่านเป็นประจำ สร้างวัฒนธรรมการอ่าน และทรงเล็งเห็นช่องทางในการ พัฒนาอาชพี ส่กู ารมีคุณภาพชวี ติ ที่ดีขึ้นนัน้ ห้องสมดุ ประชาชนจงั หวัดชลบรุ ี เป็นสว่ นหนึ่งในการขับเคลือ่ นนโยบายส่งเสริมการอ่านให้ เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมการอ่านเปน็ นิสัยใหม่ถาวรของคนในชุมชน จึงดำเนินโครงการส่งเสริมการ อ่านเคล่ือนท่ีสำหรบั ชาวตลาด ฯ เพ่อื นำหนังสือ/ส่ือการเรียนรู้ผ่านกจิ กรรมส่งเสริมการอ่าน เป็นกิจกรรม เชิงรุกร่วมกับเครือข่ายห้องสมดุ เพื่อหากลุ่มเป้าหมายตามสถานที่ตา่ ง ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างนิสัย รกั การอ่านของคนในชมุ ชนต่อไป รายงานฉบับนี้เป็นการสรุปผลการดำเนินโครงการห้องสมุดเคลื่อนที่สำหรับชาวตลาด ประจำปี 2564 ของห้องสมุดประชาชนจังหวัดชลบุรี กศน.อำเภอเมืองชลบุรี ประจำปีงบประมาณ 2564 ซึ่งคณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างว่า รายงานสรุปฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนางานด้าน การศึกษาตามอัธยาศัย และมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนนโยบายในการส่งเสริมการอ่านและปลูกฝังการ เรียนร้ตู ลอดชีวติ สำหรับประชาชน ปัณณวชิ ญ์ สขุ ทวี กนั ยายน 2564

ข -ข- สารบญั หน้า คำนำ......................................................................................................................... ..................................ก สารบญั ........................................................................................................................................................ข สารบัญตาราง.................................................................................................................. ............................ค สารบัญภาพ.................................................................................................................................................ง บทท่ี 1 บทนำ ความเปน็ มาและความสำคัญ ......................................................................................................1 วตั ถปุ ระสงค์ ...............................................................................................................................2 เปา้ หมาย....................................................................................................................................2 ระยะเวลาดำเนินงาน ..................................................................................................................2 ผลลพั ธ์ .......................................................................................................................................2 ดชั นวี ัดผลสำเรจ็ ของโครงการ.....................................................................................................2 บทที่ 2 เอกสารการศกึ ษาและบทความที่เก่ียวขอ้ ง ...............................................................................3 ยุทธศาสตรแ์ ละจดุ เน้นการดำเนินงาน สำนักงาน กศน.ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ........3 แนวทางการดำเนนิ งานของ กศน.อำเภอเมืองชลบรุ ี....................................................................15 กรอบการจดั กจิ กรรมเพื่อพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น ..........................................................................23 แนวทางการจดั การศึกษาและการเรียนรู้ กศน ในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้ือ ไวรัสโคโรน่า ( COVID – 19 ).....................................................................................................25 เอกสาร/บทความที่เก่ียวข้อง.......................................................................................................28 บทท่ี 3 วธิ ดี ำเนินงาน.............................................................................................................................33 ประชุมบุคลากรกรรมการสถานศึกษา .........................................................................................33 จัดตัง้ คณะทำงาน........................................................................................................................33 ประสานงานกับผเู้ รยี น/วทิ ยากรผสู้ อน........................................................................................33 ดำเนนิ การตามแผนงานโครงการ.................................................................................................34 สรุปผลและรายงาน.....................................................................................................................34

ค สารบัญ(ต่อ) หน้า บทที่ 4 ผลการดำเนนิ งานและการวเิ คราะหข์ ้อมูล ................................................................................35 ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลส่วนตวั ผ้แู บบสอบถามโครงการสง่ เสรมิ การอ่าน/หน่วยบริการเคลื่อนที่ (รถโมบาย) ประจำปี 2564 .................................................................................................................35 ตอนท่ี 2 ข้อมูลเกยี่ วกบั ความคดิ เห็นทีม่ ีตอ่ โครงการส่งเสริมการอ่าน/หน่วยบรกิ ารเคล่ือนที่ (รถโมบาย) ประจำปี 2564 ……………………...................................................................................….….37 บทท่ี 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ...........................................................................................39 สรปุ ผล.................................................................................................................................39 อภปิ รายผล..........................................................................................................................40 ปัญหาและอุปสรรค ..............................................................................................................40 ข้อเสนอแนะ.........................................................................................................................41 บรรณานุกรม...........................................................................................................................................42 ภาคผนวก.................. ..............................................................................................................................43 คณะผูจ้ ัดทำ

ง -ค- สารบัญภาพ หน้า ภาพที่ 1. หนังสือ Nationnal Geographic ..........................................................................................28 2. การอ่านหนงั สือในครอบครวั ..................................................................................................29 3. Bill Gates นง่ั อา่ นหนงั สือ...................................................................................................... 29 4. ภาพวาดสมอง ........................................................................................................................30 5. เด็กอ่านหนังสอื .....................................................................................................................32

จ -ง- สารบญั ตาราง ตารางที่ 1. แสดงคา่ ร้อยละของผ้ตู อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามเพศ.................................................35 2. แสดงคา่ รอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามอายุ.................................................35 3. แสดงคา่ รอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามอาชีพ ..............................................36 4. แสดงคา่ ร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามการศึกษา........................................ 36 5. ผลการประเมินความพึงพอใจเขา้ รว่ มกจิ กรรมในโครงการสง่ เสรมิ การอา่ นเคลอ่ื นท่ี (ชาวตลาด) ปงี บประมาณ 2564 ..........................................................................................37

บทท่ี 1 บทนำ ความเป็นมา การอา่ นมคี วามสำคญั ต่อชวี ติ มนุษยต์ ง้ั แต่เกดิ จนโต และจนกระทงั่ ถึงวยั ชรา การอา่ นทำให้รู้ ขา่ วสารขอ้ มลู ต่าง ๆ ทัว่ โลก ซ่งึ ปจั จุบันเปน็ โลกของข้อมลู ขา่ วสารตา่ ง ๆ ท่ัวโลก ทำให้ผู้อ่านมคี วามสุข มี ความหวงั และมีความอยากรู้อยากเห็น อนั เปน็ ความต้องการของมนุษย์ทุกคน การอ่านมปี ระโยชนใ์ นการ พัฒนาตนเอง คือ พฒั นาการศกึ ษา พฒั นาอาชพี พัฒนาคุณภาพชวี ติ ทำให้เปน็ คนทนั สมยั ทนั ต่อเหตุการณ์ และมคี วามอยากรู้อยากเห็น การทจี่ ะพัฒนาประเทศใหเ้ จริญรุ่งเรอื งก้าวหน้าไดต้ ้องอาศัยประชาชนที่มีความรู้ ความสามารถ ซึ่งความรู้ตา่ ง ๆ ก็ได้มาจากการอา่ นนนั่ เอง (ฉวีวรรณ คูหาภินนท์, ๒๕๔๒ ) จากแนวการดำเนินงานโครงการห้องสมดุ เคลือ่ นทสี่ ำหรบั ชาวตลาด ตามพระราชดำริสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกมุ ารี เนน้ หลักการมีส่วนร่วมจากทุกภาคสว่ น และมเี ป้าหมายใหช้ ุมชน ชาวตลาด ไดม้ ีหนงั สอื อ่านเป็นประจำ สร้างวัฒนธรรมการอา่ น และทรงเล็งเห็นช่องทางในการพฒั นาอาชีพสู่ การมีคุณภาพชีวิตท่ดี ขี ึน้ นัน้ ห้องสมดุ ประชาชนจังหวดั ชลบรุ ี เปน็ ส่วนหน่ึงในการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสรมิ การอ่านใหเ้ ป็น วาระแห่งชาติ เพ่ือส่งเสรมิ การอ่านเป็นนสิ ัยใหม่ถาวรของคนในชุมชน จึงดำเนินโครงการสง่ เสริมการอา่ น เคล่ือนท่สี ู่ชุมชน (ห้องสมดุ ชาวตลาด) เพ่อื นำหนังสอื /สอื่ การเรียนร้ผู ่านกิจกรรมสง่ เสรมิ การอ่าน เป็นกิจกรรม เชงิ รกุ ร่วมกบั เครือขา่ ยห้องสมดุ เพ่ือหากลุม่ เปา้ หมายตามสถานทตี่ ่าง ๆ ซ่ึงเป็นส่วนหนง่ึ ในการสรา้ งนสิ ยั รกั การอา่ นของคนในชุมชนต่อไป วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือให้ส่งเสริมใหป้ ระชาชนตระหนกั ถงึ ความสำคญั ของการอ่านและมีนิสัยรักการอา่ น 2. เพอื่ สรา้ งเครือขา่ ยส่งเสรมิ การอา่ นของชมุ ชน 3. เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมหอ้ งสมดุ ประชาชนจังหวดั ชลบรุ ี เป้าหมาย เชงิ ปรมิ าณ - นกั ศึกษา กศน.อำเภอเมืองชลบุรี จำนวน 520 คน เชิงคุณภาพ - นักศึกษา กศน. อำเภอเมืองชลบรุ ตี ระหนักถึงความสำคัญของแหลง่ การเรยี นรแู้ ละการศกึ ษา ตลอดชวี ติ ผลลัพธ์ - สามารถสรา้ งแหล่งการเรียนรูเ้ พื่อให้ ให้กับกลุ่มเปา้ หมายและผเู้ ขา้ รว่ มโครงการ - สามารถสรา้ งครือขา่ ยและสรา้ งชุมชนการอ่านเพอ่ื การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ - สามารถจัดกิจกรรมทห่ี ลากหลายสชู่ มุ ชน

๒ ดชั นีตัวชว้ี ดั ผลสำเร็จของโครงการ ตวั ชวี้ ัดผลผลิต - ผเู้ ข้าร่วมโครงการ ฯ รอ้ ยละ 100 ของเป้าหมาย - ร้อยละ 80 ของผ้เู ขา้ รว่ มโครงการได้รบั โอกาสและการเรียนรทู้ างดา้ นกจิ กรรมสง่ เสริมการเรียนรู้ และรปู แบบการศึกษาตามอธั ยาศัยท่ีมีคุณภาพ ตัวช้ีวัดผลลัพธ์ - ผู้เข้าร่วมโครงการ ฯ ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 สามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจำวนั ได้ขอ เปา้ หมาย - ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการ ฯ สามารถนำไปขยายผลไดไ้ มน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 5 ของเป้าหมาย

บทท่ี 2 เอกสารการศึกษาและบทความท่เี ก่ียวข้อง ในการจดั ทำรายงานโครงการสง่ เสรมิ การอา่ นเคลื่อนท่สี ู่ชมุ ชน (หอ้ งสมดุ ชาวตลาด)ประจำปี ประมาณ 2564 ครัง้ นี้ ผู้จัดทำได้ศกึ ษาค้นคว้าเน้ือหาเอกสารการศกึ ษาทเี่ กี่ยวขอ้ ง ดงั นี้ 1. ยุทธศาสตรแ์ ละจุดเนน้ การดำเนนิ งาน สำนกั งาน กศน.ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 2. แนวทาง/กลยุทธก์ ารดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของ กศน. อำเภอเมืองชลบรุ ี 3. กรอบ/แนวทางการจัดกิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี น 4. บทความทีเ่ ก่ียวข้อง 1. ยทุ ธศาสตรแ์ ละจดุ เนน้ การดำเนนิ งาน สำนักงาน กศน.ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 วิสัยทศั น์ คนไทยทกุ ช่วงวยั ได้รับโอกาสทางการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชวี ิตอย่างมีคุณภาพ มีทักษะท่ีจําเป็น และสมรรถนะที่สอดรับกับทิศทางการพัฒนาประเทศ สามารถดาํ รงชวี ิตได้อย่างเหมาะสมบนรากฐานของหลัก ปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพยี ง พันธกิจ ๑. จัดและสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ท่ีมีคุณภาพ สอดคล้อง กบั หลัก ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และความเปลยี่ นแปลงทางเศรษฐกจิ และสงั คม เพอื่ ยกระดบั การศึกษา และ พัฒนาสมรรถนะ ทักษะการเรียนร้ขู องประชาชนกลุม่ เปา้ หมายใหเ้ หมาะสมในแต่ละช่วงวยั ให้พร้อมรบั การ เปล่ียนแปลงและการปรบั ตัวในการดาํ รงชีวติ ได้อยา่ งเหมาะสม กา้ วสกู่ ารเปน็ สังคมแหง่ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ อย่างย่งั ยืน ๒. พัฒนาหลักสูตร รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื และนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการศกึ ษา การ วัดและประเมินผลในทุกรูปแบบให้มีคุณภาพและมาตรฐานสอดคล้องกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้และบริบท ในปัจจบุ นั ๓. สง่ เสรมิ และพัฒนาเทคโนโลยที างการศึกษา และนําเทคโนโลยมี าพัฒนาเพอ่ื เพิ่มชอ่ งทางและโอกาส การเรียนรู้ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดและให้บริการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศยั ให้กบั ประชาชนกลมุ่ เป้าหมายอย่างทัว่ ถงึ ๔. ส่งเสริมสนับสนุน แสวงหา และประสานความร่วมมือเชิงรุกกับภาคีเครือข่าย ให้เข้ามามีส่วนร่วม ในการสนับสนุนและจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และการเรียนรู้ตลอดชีวิตในรูปแบบ ต่าง ๆ ให้กับประชาชน ๕. ฒนาระบบการบริหารจัดการภายในองค์กรให้มีเอกภาพ เพื่อการบริหารราชการที่ดี บนหลัก ของ ธรรมาภิบาล มปี ระสิทธิภาพ ประสทิ ธผิ ล และคลอ่ งตวั มากยิง่ ขึ้น ๖.ยกระดับการบริหารและการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีความรู้ ทักษะ สมรรถนะ คุณธรรม และ จริยธรรมที่ดี เพือ่ เพิ่มประสทิ ธภิ าพของการใหบ้ ริการทางการศึกษาและการเรยี นรู้ทีม่ คี ุณภาพมากยิง่ ข้ึน

๔ เป้าประสงค์ 1. ประชาชนผดู้ อ้ ย พลาด และขาดโอกาสทางการศึกษารวมทัง้ ประชาชนท่ัวไปไดร้ บั โอกาส ทาง การศึกษาในรปู แบบการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน การศึกษาต่อเนื่อง และการศกึ ษา ตาม อธั ยาศัยทม่ี ีคณุ ภาพอย่างเทา่ เทียมและทว่ั ถงึ เปน็ ไปตามบริบท สภาพปัญหาและความต้องการของแตล่ ะ กลมุ่ เปา้ หมาย 2. ประชาชนไดร้ บั การยกระดับการศกึ ษา สร้างเสริมและปลกู ฝังคณุ ธรรม จริยธรรม หน้าทีค่ วามเป็น พลเมืองทดี่ ีภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์เป็นประมุข ทสี่ อดคล้องกบั หลัก ปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง อันนําไปสู่การยกระดับคุณภาพชวี ิตและเสรมิ สร้างความเขม้ แข็งใหช้ ุมชน เพ่ือ พฒั นา ไปสคู่ วามมัน่ คงและยั่งยนื ทางด้านเศรษฐกจิ สังคม วฒั นธรรม ประวตั ิศาสตร์ และส่ิงแวดลอ้ ม 3. ประชาชนไดร้ บั การพฒั นาทักษะการเรยี นรู้และแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองผ่านแหลง่ เรยี นรู้ ช่อง ทางการเรยี นรู้ และกจิ กรรมการเรยี นรู้รูปแบบตา่ ง ๆ รวมทั้งมเี จตคติทางสงั คม การเมือง วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยที ่ีเหมาะสม สามารถคดิ วเิ คราะห์ แยกแยะอย่างมเี หตผุ ล และนําไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจําวนั รวมถงึ การแกป้ ัญหาและพฒั นาคณุ ภาพชีวิตไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์ 4. หน่วยงานและสถานศกึ ษา กศน. มหี ลักสตู ร สอื่ นวตั กรรม ช่องทางการเรยี นรู้ และกระบวนการ เรยี นรใู้ นรปู แบบท่ีหลากหลาย ทนั สมยั และรองรบั กบั สภาวะการเรียนรู้ในสถานการณต์ ่าง ๆ เพอื่ แก้ปัญหา และพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ตามความตอ้ งการของประชาชนและชมุ ชน รวมทั้งตอบสนองกับการเปลย่ี นแปลง บริบท ด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วฒั นธรรม ประวัตศิ าสตร์ และสิ่งแวดลอ้ ม 5. หนว่ ยงานและสถานศกึ ษา กศน. สามารถนําเทคโนโลยีทางการศกึ ษา และเทคโนโลยดี จิ ิทัล มา พัฒนาเพื่อเพม่ิ ช่องทางการเรียนรู้ และนาํ มาใช้ในการยกระดับคุณภาพในการจดั การเรยี นรแู้ ละโอกาสการ เรียนรู้ ใหก้ บั ประชาชน 6. ชมุ ชนและภาคีเครือขา่ ยทุกภาคส่วน มีสว่ นร่วมในการจัด ส่งเสรมิ และสนบั สนุนการศกึ ษา นอก ระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย รวมทั้งการขับเคล่ือนกิจกรรมการเรียนรู้ของชมุ ชน 7. หน่วยงานและสถานศกึ ษามรี ะบบการบริหารจดั การองค์กรท่ีทันสมัย มีประสทิ ธิภาพ และเป็นไป ตามหลกั ธรร-มาภบิ าล 8. บคุ ลากร กศน. ทกุ ประเภททกุ ระดับได้รบั การพฒั นาเพื่อเพ่ิมทกั ษะและสมรรถนะในการปฏิบตั ิงาน และการให้บริการทางการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย รวมถึงการปฏิบตั ิงานตามสายงานอยา่ ง มี ประสทิ ธภิ าพ





๗ จดุ เน้นการดาํ เนินงานประจําปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 1. นอ้ มนําพระบรมราโชบายด้านการศกึ ษาสกู่ ารปฏบิ ตั ิ 1.1 สืบสานศาสตร์พระราชา โดยการสร้างและพัฒนาศูนย์สาธติ และเรียนรู้ “โคก หนอง นา โมเดล” เพื่อเป็นแนวทางในการจัดการบริหารทรัพยากรรูปแบบต่าง ๆ ทั้งดิน น้ำ ลม แดด รวมถึงพืชพันธุ์ต่าง ๆ และ สง่ เสริม การใช้พลงั งานทดแทนอย่างมปี ระสิทธิภาพ 1.2 จัดใหม้ ี “หนึง่ ชมุ ชน หน่งึ นวัตกรรมการพัฒนาชุมชน” เพื่อความกนิ ดี อยู่ดี มีงานทาํ 1.3 การสร้างกลุ่มจิตอาสาพัฒนาชุมชน รวมทั้งปลูกฝังผู้เรียนให้มีหลักคิดที่ถูกต้องด้านคุณธรรม จริยธรรม มีทัศนคติที่ดีต่อบ้านเมือง และเป็นผู้มคี วามพอเพียง ระเบียบวินยั สุจริต จิตอาสา ผ่านกิจกรรมการ พฒั นา ผู้เรยี นโดยการใชก้ ระบวนการลกู เสอื และยวุ กาชาด 2. สง่ สรมิ การจดั การศึกษาและการเรียนร้ตู ลอดชีวติ สําหรับประชาชนท่เี หมาะสมกับทุกช่วงวัย 2.1 ส่งเสริมการจัดการศึกษาอาชีพเพื่อการมีงานทํา ในรูปแบบ Re-Skill& Up-Skill และการสร้าง นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีความหลากหลาย ทันสมัย และตอบสนองความต้องการของประชาชน ผู้รับบรกิ าร และสามารถออกใบรับรองความรคู้ วามสามารถเพื่อนาํ ไปใชใ้ นการพฒั นาอาชพี ได้ 2.2 ส่งเสริมและยกระดบั ทกั ษะภาษาอังกฤษให้กบั ประชาชน (English for ALL) 2.3 ส่งเสริมการเรียนการสอนที่เหมาะสมสําหรับผู้ที่เข้าสู่สังคมสูงวัย อาทิ การฝึกอบรมอาชีพ ท่ี เหมาะสมรองรับสังคมสูงวัย หลักสูตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมสมรรถนะผู้สูงวัย และหลักสูตร การ ดูแลผูส้ งู วัย โดยเน้นการมีสว่ นร่วมกบั ภาคีเครอื ข่ายทุกภาคสว่ นในการเตรียมความพร้อมเขา้ ส่สู ังคมสงู วัย 3. พฒั นาหลกั สตู ร สื่อ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมทางการศึกษา แหล่งเรียนรู้ และรปู แบบ การจดั การศึกษา และการเรียนรู้ ในทุกระดบั ทกุ ประเภท เพื่อประโยชน์ต่อการจดั การศึกษาท่ีเหมาะสม กบั ทกุ กลุ่มเปา้ หมาย มีความทนั สมัย สอดคลอ้ งและพรอ้ มรองรับกับบรบิ ทสภาวะสงั คมปัจจบุ ัน ความต้องการ ของผูเ้ รยี น และ สภาวะการเรยี นรู้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ท่จี ะเกิดข้นึ ในอนาคต 3.1 พ ั ฒ น า ร ะ บ บ ก า ร เ ร ี ย น ร ู ้ ONIE Digital Leaming Platform ท ี ่ ร อ ง ร ั บ DEEP ข อ ง กระทรวงศกึ ษาธกิ าร และชอ่ งทางเรยี นรรู้ ูปแบบอ่ืน ๆ ทง้ั Online On-site และ On-air 3.2 พัฒนาแหล่งเรียนรู้ประเภทต่าง ๆ อาทิ Digital Science Museum/ Digital Science Center/ Digital Library ศูนย์การเรียนรู้ทุกช่วงวัย และศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบ กศน. (Co-Learning Space) เพื่อให้ สามารถ “เรยี นรไู้ ดอ้ ย่างทั่วถึง ทกุ ท่ี ทกุ เวลา” 3.3 พัฒนาระบบรับสมัครนักศึกษาและสมัครฝึกอบรมแบบออนไลน์ มีระบบการเทียบโอนความรู้ ระบบสะสมหน่วยการเรียนรู้ (Credit Bank System) และพัฒนา/ขยายการให้บริการระบบทดสอบ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (E-exam) 4. บรู ณาการความรว่ มมอื ในการสง่ เสริม สนบั สนนุ และจดั การศึกษาและการเรียนรใู้ ห้กับ ประชาชนอยา่ ง มีคุณภาพ 4.1 ร่วมมอื กบั ภาคีเครือข่ายท้ังภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน รวมท้ัง ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชน อาทิ การส่งเสริมการฝึกอาชีพที่เป็นอัตลักษณ์และบริบทของ ชุมชน ส่งเสรมิ การตลาดและขยายชอ่ งทางการจาํ หน่ายเพอ่ื ยกระดบั ผลติ ภณั ฑ์/สินค้า กศน. 4.2 บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งในส่วนกลาง และ ภมู ภิ าค

๘ 5. พฒั นาศักยภาพและประสิทธภิ าพในการทาํ งานของบุคลากร กศน. 5.1 พัฒนาศักยภาพและทักษะความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy & Digital Skills) ให้กับบุคลากรทุกประเภททุกระดับ รองรับความเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งพัฒนา ครูให้มีทักษะ ความรู้ และความชํานาญในการใช้ภาษาอังกฤษ การผลิตสื่อการเรียนรู้และการจดั การเรียนการ สอนเพ่ือฝกึ ทักษะ การคิดวเิ คราะห์อยา่ งเป็นระบบและมเี หตผุ ล เป็นข้ันตอน 5.2 จัดกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ ของบุคลากร กศน.และกิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพ ในการ ทํางานร่วมกันในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การแข่งขันกีฬา การอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาประสิทธิภาพ ในการ ทาํ งาน 6. ปรับปรงุ และพฒั นาโครงสรา้ งและระบบบรหิ ารจดั การองค์กร ปจั จัยพนื้ ฐานในการจดั การศกึ ษา และ การประชาสัมพันธส์ ร้างการรบั รูต้ อ่ สาธารณะชน 6.1 เร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. ... ให้สําเร็จ และปรับโครงสร้าง การ บรหิ ารและอัตรากําลังให้สอดคล้องกับบรบิ ทการเปลย่ี นแปลง เร่งการสรรหา บรรจุ แตง่ ต้งั ทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ 6.2 นํานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการ พัฒนาระบบการทํางานและข้อมูล สารสนเทศด้านการศึกษาที่ทันสมัย รวดเร็ว และสามารถใช้งานทันที โดยจัดตั้งศูนย์ข้อมูลกลาง กศน. เพื่อ จัดทํา ข้อมลู กศน. ทงั้ ระบบ (ONE ONIE) 6.3 พัฒนา ปรับปรุง ซ่อมแซม ฟื้นฟูอาคารสถานที่ และสภาพแวดล้อมโดยรอบของหน่วยงาน สถานศึกษา และแหลง่ เรยี นร้ทู ุกแหง่ ใหส้ ะอาด ปลอดภยั พร้อมใหบ้ ริการ 6.4 ประชาสมั พันธ/์ สรา้ งการรับร้ใู ห้กับประชาชนท่วั ไปเกี่ยวกับการบริการทางวิชาการ/กิจกรรม ด้าน การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และสร้างช่องทางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวิชาการ ของ หนว่ ยงานและสถานศกึ ษาในสังกัด อาทิ ข่าวประชาสัมพนั ธ์ ผา่ นสื่อรปู แบบตา่ ง ๆ การจัดนทิ รรศการ/มหกรรม วชิ าการ กศน. การจัดการศกึ ษาและการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ของสาํ นักงาน กศน. จากสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID - 19) เมอ่ื เดอื นธนั วาคม 2562 ส่งผลกระทบต่อระบบการจัดการเรียนการสอนของไทยในทุกระดับช้ัน ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงศกึ ษาธิการ ได้ ออกประกาศและมีมาตรการเฝ้าระวังเพ่ือป้องกันการแพร่กระจายของเช้ือไวรสั ดังกล่าว อาทิ กาํ หนดให้มี การ เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ห้ามการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษา ทุก ประเภท เพื่อจัดการเรียนการสอน การสอบ ฝึกอบรม หรือการทํากิจกรรมใด ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจํานวนมาก การปิดสถานศึกษาด้วยเหตุพิเศษ การกําหนดให้ใช้วิธีการจัดการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ อาทิ การจัดการ เรียนรู้ แบบออนไลน์ การจัดการเรียนรู้ผ่านระบบการออกอากาศทางโทรทัศน์ วิทยุ และโซเซียลมีเดีย ต่าง ๆ รวมถึง การสือ่ สารแบบทางไกลหรือด้วยวิธอี เิ ลก็ ทรอนิกส์ ในสว่ นของสํานกั งาน กศน. ได้มีการพฒั นา ปรบั รปู แบบ กระบวนการ และวธิ ีการดําเนินงานในภารกิจ ต่อเนื่องต่าง ๆ ในสถานการณ์การใช้ชีวิตประจําวัน และการจัดการเรียนรูเ้ พื่อรองรับการชีวิตแบบปกติวถิ ีใหม่ (New Normal) ซึ่งกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ได้ให้ความสําคัญกับการดําเนินงานตามมาตรการการป้องกัน การแพรร่ ะบาดของเช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COMID - 19) อาทิ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ทุกประเภท หากมี ความจาํ เป็นต้องมาพบกลุ่ม หรอื อบรมสมั มนา ทางสถานศึกษาต้องมมี าตรการป้องกันท่ีเข้มงวด มีเจล แอลกอ ฮอลล้างมือ ผ้รู ับบรกิ ารต้องใส่หน้ากากอนามยั หรือหน้ากากผ้า ตอ้ งมกี ารเวน้ ระยะห่างระหว่างบุคคล เน้นการ ใช้ส่อื ดิจิทลั และเทคโนโลยีออนไลนใ์ นการจัดการเรียนการสอน

๙ ภารกิจต่อเนอื่ ง ๑. ด้านการจดั การศึกษาและการเรยี นรู้ 1.1 การศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน 1) สนับสนุนการจัดการศึกษานอกระบบตั้งแต่ปฐมวัยจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยดําเนินการ ให้ ผู้เรียนได้รับการสนับสนุนค่าจัดซื้อหนังสือเรียน ค่าจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผูเ้ รียน และค่าจัดการเรียน การ สอนอย่างท่วั ถึงและเพียงพอเพ่ือเพ่ิมโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการศึกษาที่มีคณุ ภาพโดยไม่เสียค่าใชจ้ า่ ย 2) จัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานให้กับกลุ่มเป้าหมายผู้ด้อย พลาด และขาด โอกาสทางการศึกษา ผ่านการเรียนแบบเรียนรู้ด้วยตนเอง การพบกลุ่ม การเรียนแบบชั้นเรียน และการจัด การศกึ ษาทางไกล 3) พัฒนาประสิทธิภาพ คุณภาพ และมาตรฐานการจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษา ขั้น พื้นฐาน ทั้งด้านหลักสูตรรูปแบบ/กระบวนการเรียนการสอน สื่อและนวัตกรรม ระบบการวัดและประเมินผล การเรยี น และระบบการให้บรกิ ารนักศึกษาในรูปแบบอ่ืน ๆ 4) จดั ใหม้ กี ารประเมนิ เพื่อเทยี บระดับการศกึ ษา และการเทียบโอนความร้แู ละประสบการณ์ ทม่ี คี วาม โปร่งใส ยุติธรรม ตรวจสอบได้ มีมาตรฐานตามที่กําหนด และสามารถตอบสนองความต้องการ ของ กลุม่ เป้าหมายได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 5) จัดให้มีกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนที่มีคุณภาพที่ผู้เรียนต้องเรียนรู้และเข้าร่วมปฏิบัติ กิจกรรม เพอ่ื เปน็ ส่วนหนึ่งของการจบหลักสตู ร อาทิ กจิ กรรมเสริมสร้างความสามคั คี กจิ กรรมเก่ียวกับการป้องกัน และ แกไ้ ขปญั หายาเสพติดการแข่งขนั กีฬา การบาํ เพ็ญสาธารณประโยชนอ์ ย่างต่อเนื่อง การสง่ เสรมิ การปกครอง ใน ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมุข กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด กิจกรรม จิตอาสา และการจดั ต้งั ชมรม/ชุมนมุ พรอ้ มท้งั เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรียนนาํ กจิ กรรมการบาํ เพ็ญประโยชน์อ่ืน ๆ นอก หลักสตู รมาใช้เพมิ่ ชว่ั โมงกิจกรรมให้ผู้เรียนจบตามหลกั สตู รได้ 1.2 การสง่ เสรมิ การรู้หนังสือ 1) พัฒนาระบบฐานข้อมูลผู้ไม่ร้หู นังสือ ใหม้ ีความครบถ้วน ถูกต้อง ทนั สมยั และเปน็ ระบบเดยี วกัน ท้ัง สว่ นกลางและสว่ นภูมิภาค 2) พัฒนาและปรับปรุงหลักสูตร สื่อ แบบเรียนเครื่องมือวัดผลและเครื่องมือการดําเนินงานการ สง่ เสรมิ การรหู้ นังสอื ทสี่ อดคลอ้ งกับสภาพและบริบทของแตล่ ะกลมุ่ เป้าหมาย 3) พัฒนาครู กศน. และภาคเี ครือขา่ ยทรี่ ว่ มจัดการศึกษา ให้มคี วามร้คู วามสามารถ และทักษะการ จัด กระบวนการเรียนรู้ใหก้ ับผู้ไม่รู้หนงั สืออย่างมีประสิทธิภาพ และอาจจัดให้มีอาสาสมัครส่งเสริมการรู้หนังสือใน พืน้ ทีท่ ี่มีความต้องการจาํ เปน็ เปน็ พิเศษ 4) ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมส่งเสริมการรู้หนังสือ การคงสภาพการรู้หนังสือ การ พัฒนาทักษะการรู้หนังสือให้กับประชาชนเพื่อเป็นเครื่องมือในการศึกษาและเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ของประชาชน 1.3 การศกึ ษาตอ่ เน่อื ง 1) จัดการศึกษาอาชีพเพื่อการมีงานทาํ อย่างยั่งยืน โดยให้ความสําคัญกับการจัดการศึกษาอาชีพ เพื่อ การมีงานทําในกลุ่มอาชีพเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม คหกรรม และอาชีพเฉพาะทางหรือการ บริการ รวมถึงการเน้นอาชีพช่างพื้นฐาน ที่สอดคล้องกับศักยภาพของผู้เรียน ความต้องการและศักยภาพของ แต่ละพื้นที่ มีคุณภาพได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ สอดรับกับความต้องการของตลาดแรงงาน และการพัฒนา ประเทศ ตลอดจน สร้างความเข้มแข็งให้กับศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน โดยจัดให้มีการส่งเสริมการรวมกลุม่ วิสาหกิจ

๑๐ ชุมชน การพัฒนา หนึ่งตําบลหนึ่งอาชีพเด่น การประกวดสินค้าดีพรีเมี่ยม การสร้างแบรนด์ของ กศน. รวมถึง การส่งเสริมและจัดหาช่องทางการจําหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ และให้มีการกํากับ ติดตาม และรายงานผล การจัดการศึกษาอาชีพ เพอ่ื การมีงานทําอยา่ งเป็นระบบและตอ่ เนื่อง 2) จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตให้กับทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะคนพิการ ผู้สูงอายุ ท่ี สอดคล้องกับความต้องการจําเป็นของแต่ละบุคคล และมุ่งเน้นให้ทุกกลุ่มเป้าหมายมีทักษะการดํารงชีวิต ตลอดจน สามารถประกอบอาชีพพึ่งพาตนเองได้มีความรูค้ วามสามารถในการบริหารจัดการชีวติ ของตนเองให้ อยู่ในสังคม ได้อย่างมีความสุขสามารถเผชิญสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวันได้อย่างมี ประสิทธิภาพ และเตรียมพร้อมสําหรับการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของข่าวสารข้อมูลและเทคโนโลยี สมัยใหม่ในอนาคต โดยจัดกิจกรรมที่มีเนื้อหาสําคัญต่าง ๆ เช่น การอบรมจิตอาสา การให้ความรู้เพื่อการป้อง การการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COMID - 19) การอบรมพัฒนาสุขภาพกายและสุขภาพจติ การอบรมคุณธรรม และจริยธรรม การป้องกันภัยยาเสพติด เพศศึกษา การปลูกฝังและการสร้างค่านิยมที่พึง ประสงค์ ความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน ผ่านการอบรมเรียนรู้ในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ ค่ายพัฒนาทักษะ ชวี ติ การจดั ตง้ั ชมรม/ชมุ นมุ การอบรมสง่ เสริมความสามารถพิเศษต่าง ๆ เป็นตน้ 3) จัดการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาสงั คมและชุมชน โดยใช้หลักสตู รและการจดั กระบวนการเรียนรู้ แบบบูรณา การในรปู แบบของการฝึกอบรมการประชมุ สมั มนา การจดั เวทแี ลกเปล่ียนเรียนรกู้ ารจดั กจิ กรรม จติ อาสา การ สร้างชมุ ชนนกั ปฏิบัติ และรูปแบบอื่นๆ ที่เหมาะสมกบั กลุม่ เป้าหมาย และบริบทของชุมชน แต่ละพื้นท่ี เคารพ ความคิดของผู้อื่น ยอมรับความแตกต่างและหลากหลายทางความคิดและอุดมการณ์ รวมทั้งสังคม พหุ วัฒนธรรม โดยจัดกระบวนการให้บุคคลรวมกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้รว่ มกันสร้างกระบวนการจติ สาธารณะ การสร้างจิตสํานึกความเป็นประชาธิปไตย การเคารพในสิทธิและเสรีภาพ และรับผิดชอบต่อหน้าที่ความเป็น พลเมือง ที่ดีภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม การเป็นจติ อาสา การบาํ เพญ็ ประโยชน์ในชมุ ชนการ บริหารจดั การนํ้า การรบั มือกับสาธารณภัย การ อนรุ กั ษพ์ ลงั งาน ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม การชว่ ยเหลือซึ่งกันและกันในการพัฒนาสังคมและชุมชน อย่างย่ังยนื 4) การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงผ่านกระบวนการเรยี นร้ตู ลอดชีวิต ใน รูปแบบต่าง ๆ ให้กับประชาชน เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง และมีการบริหาร จดั การ ความเส่ียงอย่างเหมาะสม ตามทศิ ทางการพัฒนาประเทศสคู่ วามสมดุลและยั่งยนื 1.4 การศกึ ษาตามอัธยาศยั 1) พฒั นาแหลง่ การเรยี นรูท้ ่มี บี รรยากาศและสภาพแวดลอ้ มท่เี อื้อต่อการอ่านและพฒั นาศกั ยภาพ การ เรียนรู้ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและทั่วถึง เช่น การพัฒนา กศน. ตําบล ห้องสมุด ประชาชนทุกแห่งให้มีการบริการที่ทันสมัย ส่งเสริมและสนับสนุนอาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน การสร้าง เครือข่าย ส่งเสริมการอ่าน จัดหน่วยบริการห้องสมุดเคลื่อนที่ ห้องสมุดชาวตลาด พร้อมหนังสือและอุปกรณ์ เพ่อื จดั กิจกรรม ส่งเสริมการอา่ นและการเรียนรูท้ ี่หลากหลายให้บริการกับประชาชนในพื้นท่ีต่าง ๆ อย่างทั่วถึง สม่ำเสมอ รวมทงั้ เสรมิ สรา้ งความพรอ้ มในดา้ นบุคลากร สือ่ อุปกรณ์เพอ่ื สนบั สนุนการอา่ น และการจัดกิจกรรม เพ่อื สง่ เสรมิ การอา่ น อยา่ งหลากหลายรูปแบบ 2) จัดสร้างและพัฒนาศูนยว์ ทิ ยาศาสตรเ์ พ่ือการศึกษา ให้เป็นแหลง่ เรียนร้วู ิทยาศาสตรต์ ลอดชวี ิต ของ ประชาชน เปน็ แหลง่ สร้างนวัตกรรมฐานวิทยาศาสตร์และเปน็ แหล่งท่องเท่ียวเชิงศลิ ปะวทิ ยาการประจําท้องถ่ิน โดยจัดทําและพัฒนานิทรรศการสื่อและกิจกรรมการศึกษาที่เน้นการเสริมสร้างความรู้และสร้างแรงบันดาลใจ ด้านวิทยาศาสตร์สอดแทรกวิธีการคิดเชิงวิเคราะห์ การคิดเชิงสร้างสรรค์ และปลูกฝังเจตคติทางวิทยาศาสตร์

๑๑ ผ่านการกระบวนการเรียนรู้ที่บูรณาการความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ควบคู่กับเทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์และ คณิตศาสตร์ รวมทั้งสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง บริบทของชุมชน และประเทศ รวมทั้ง ระดับภูมิภาค และระดับโลกเพื่อให้ประชาชนมีความรู้และสามารถนําความรู้และทักษะไปประยุกต์ใช้ในการ ดําเนินชีวิต การพัฒนา อาชีพ การรักษาสิ่งแวดล้อม การบรรเทาและป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ รวมทั้งมี ความสามารถในการปรับตัวรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง (Disruptive Changes) ไดอ้ ยา่ ง มีประสทิ ธภิ าพ 3) ประสานความร่วมมือหน่วยงาน องค์กร หรือภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ เพื่อส่งเสริม การจัดการศึกษาตามอัธยาศัยให้มีรูปแบบที่หลากหลาย และตอบสนองความต้องการของประชาชน เช่น พิพิธภณั ฑ์ ศูนยเ์ รยี นรู้ แหล่งโบราณคดี วัด ศาสนาสถาน ห้องสมุด รวมถงึ ภูมิปญั ญาท้องถนิ่ เป็นตน้ 2. ดา้ นหลกั สตู ร สือรปู แบบการจดั กระบวนการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลงานบรกิ าร ทางวชิ าการ และ การประกันคณุ ภาพการศกึ ษา 2.1 ส่งเสริมการพัฒนาหลักสูตร รูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้และกิจกรรมเพื่อส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยที่หลากหลาย ทันสมัย รวมถึงการพัฒนาหลักสูตรฐาน สมรรถนะ และ หลกั สูตรท้องถนิ่ ทส่ี อดคล้องกบั สภาพบริบทของพ้ืนที่และความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและ ชมุ ชน 2.2 ส่งเสริมการพัฒนาสื่อแบบเรียน สื่ออิเล็กทรอนิกส์และสื่ออื่น ๆ ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน กล่มุ เป้าหมายท่วั ไปและกลมุ่ เป้าหมายพิเศษ เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นสามารถเรยี นรู้ได้ทกุ ที่ ทุกเวลา 2.3 พัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาทางไกลให้มีความทันสมัย หลากหลายช่องทางการเรียนรู้ ด้วย ระบบห้องเรยี นและการควบคมุ การสอบรูปแบบออนไลน์ 2.4 พัฒนาระบบการประเมินเพื่อเทียบระดับการศึกษา และการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ เพื่อให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทัง้ มกี ารประชาสัมพนั ธใ์ หส้ าธารณชนได้รบั รแู้ ละสามารถเข้าถงึ ระบบการประเมินได้ 2.5 พัฒนาระบบการวัดและประเมินผลการศึกษานอกระบบทุกหลักสูตร โดยเฉพาะหลักสูตร ใน ระดบั การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐานใหไ้ ดม้ าตรฐานโดยการนาํ แบบทดสอบกลาง และระบบการสอบอิเล็กทรอนกิ ส์ (e-Exam) มาใชอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ 2.6 ส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาวิจยั เพื่อพัฒนาหลกั สูตร รูปแบบการจัดกระบวนการเรยี นรู้ การ วัดและประเมินผล และเผยแพร่รูปแบบการจัด ส่งเสริม และสนับสนุนการจัดการศึกษานอกระบบและ การศึกษา ตามอัธยาศัย รวมทั้งให้มีการนําไปสู่การปฏิบัติอย่างกว้างขวางและมีการพัฒนาให้เหมาะสมกับ บรบิ ทอย่างตอ่ เน่ือง 2.7 พัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาให้ได้มาตรฐาน มีการพัฒนาระบบการประกัน คุณภาพ ภายในที่สอดคล้องกับบริบทและภารกิจของ กศน. มากขึ้น เพื่อพร้อมรับการประเมินคุณภาพภายนอก โดย พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักถึงความสําคัญของระบบการประกันคุณภาพ และสามารถ ดําเนนิ การประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาได้อย่างต่อเนอ่ื งโดยใช้การประเมินภายในดว้ ยตนเอง และจัด ให้มี ระบบสถานศึกษาพี่เลี้ยงเข้าไปสนับสนุนอย่างใกล้ชิด สําหรับสถานศึกษาที่ยังไม่ได้เข้ารับการประเมิน คณุ ภาพ ภายนอก ใหพ้ ฒั นาคุณภาพการจัดการศึกษาใหไ้ ดค้ ุณภาพตามมาตรฐานท่กี าํ หนด

๑๒ 3. ดา้ นเทคโนโลยเี พอ่ื การศกึ ษา 3.1 ผลิตและพัฒนารายการวิทยุและรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาเพื่อให้เชื่อมโยงและตอบสนอง ต่อการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของสถานศึกษาเพื่อกระจายโอกาสทาง การศกึ ษา สาํ หรบั กลุ่มเป้าหมายตา่ ง ๆ ให้มที างเลือกในการเรยี นรู้ทห่ี ลากหลายและมีคุณภาพ สามารถพัฒนา ตนเองให้รู้เท่าทัน สื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสาร เช่น รายการพัฒนาอาชีพเพื่อการมีงานทํา รายการติวเขม้ เติมเต็มความรู้ รายการ รายการทํากินก็ได้ ทําขายก็ดี ฯลฯ เผยแพร่ทางสถานวี ิทยุศึกษา สถานี วิทยโุ ทรทัศนเ์ พอ่ื การศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ (ETV) และทางอนิ เทอร์เนต็ 3.2 พัฒนาการเผยแพร่การจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยโดยผ่านระบบ เทคโนโลยดี จิ ิทลั และชอ่ งทางออนไลนต์ ่าง ๆ เชน่ Youtube Facebook หรือ Application อื่น ๆ เพื่อสง่ เสริม ให้ครู กศน. นําเทคโนโลยดี ิจทิ ลั มาใช้ในการสรา้ งกระบวนการเรียนรดู้ ้วยตนเอง (Do It Yourself : DIY) 3.3 พัฒนาสถานีวิทยุศึกษาและสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษาเพื่อเพิม่ ประสทิ ธิภาพการผลติ และการ ออกอากาศให้กลมุ่ เป้าหมายสามารถใชเ้ ปน็ ช่องทางการเรยี นรทู้ ี่มคี ุณภาพได้อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวติ โดยขยาย เครือข่ายการรับฟังให้สามารถรับฟังได้ทุกที่ ทุกเวลา ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศและเพิ่มช่องทาง ให้สามารถ รับชมรายการโทรทัศนไ์ ด้ทั้งระบบ Ku - Band C - Band Digital TV และทางอินเทอร์เน็ต พร้อมที่จะ รองรับ การพฒั นาเป็นสถานีวทิ ยโุ ทรทศั น์เพ่อื การศึกษาสาธารณะ (Free ETV) 3.4 พัฒนาระบบการใหบ้ รกิ ารสอื่ เทคโนโลยีเพือ่ การศกึ ษาเพ่ือให้ได้หลายชอ่ งทางทั้งทาง อินเทอรเ์ น็ต และรูปแบบอืน่ ๆ อาทิ Application บนโทรศัพท์เคล่ือนท่ี และ Tablet รวมท้ังสือ่ Offline ในรูปแบบ ต่าง ๆ เพือ่ ให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเลือกใชบ้ รกิ ารเพ่ือเขา้ ถงึ โอกาสทางการศึกษาและการเรยี นรไู้ ด้ตามความต้องการ 3.5 สาํ รวจ วจิ ัย ตดิ ตามประเมินผลด้านการใชส้ ือ่ เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอย่างต่อเน่ืองเพ่ือนําผล มา ใช้ในการพัฒนางานให้มีความถูกต้อง ทันสมัยและสามารถส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต ของ ประชาชนได้อย่างแท้จริง 4. ด้านโครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดาํ ริ หรือโครงการอันเกีย่ วเนื่องจากราชวงศ์ 4.1 ส่งเสริมและสนับสนุนการดําเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริหรือโครงการ อัน เกี่ยวเนอื่ งจากราชวงศ์ 4.2 จัดทาํ ฐานขอ้ มลู โครงการและกิจกรรมของ กศน.ท่ีสนองงานโครงการอนั เนอื่ งมาจาก พระราชดําริ หรือโครงการอันเกีย่ วเนื่องจากราชวงศ์เพื่อนําไปใช้ในการวางแผน การติดตามประเมินผลและการ พัฒนางาน ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 4.3 ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายการดําเนินงานเพื่อสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ เพ่ือใหเ้ กดิ ความเข้มแข็งในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 4.4 พัฒนาศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง”เพื่อให้มีความพร้อมในการจัดการศึกษา นอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยตามบทบาทหนา้ ท่ที ก่ี ําหนดไว้อย่างมีประสทิ ธิภาพ 4.5 จัดและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของประชาชนบนพื้นที่สูง ถ่ิน ทุรกันดาร และพื้นทช่ี ายขอบ 5. ดา้ นการศกึ ษาในจังหวดั ชายแดนภาคใต้ พ้นื ทเี่ ขตเศรษฐกจิ พเิ ศษและพื้นทบี่ รเิ วณ ชายแดน 5.1 พัฒนาการจัดการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ในจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ 1) จัดและพัฒนาหลักสูตร และกิจกรรมส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ที่ตอบสนองปัญหา และ ความตอ้ งการของกลุ่มเป้าหมายรวมทงั้ อตั ลกั ษณ์และความเปน็ พหวุ ัฒนธรรมของพ้นื ที่

๑๓ 2) พัฒนาคุณภาพการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องเพื่อให้ ผเู้ รียนสามารถนําความร้ทู ไ่ี ด้รบั ไปใช้ประโยชนไ์ ดจ้ รงิ 3) ให้หน่วยงานและสถานศึกษาจัดให้มีมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยแก่บุคลากรและ นักศึกษา กศน.ตลอดจนผมู้ าใชบ้ รกิ ารอย่างทัว่ ถงึ 5.2 พฒั นาการจัดการศึกษาแบบบูรณาการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 1) ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทําแผนการศึกษาตามยุทธศาสตร์ และ บรบิ ทของแต่ละจงั หวดั ในเขตพัฒนาเศรษฐกจิ พเิ ศษ 2) จัดทําหลักสูตรการศึกษาตามบริบทของพื้นที่ โดยเน้นสาขาที่เป็นความต้องการของตลาด ให้เกิด การพัฒนาอาชีพไดต้ รงตามความตอ้ งการของพนื้ ท่ี 5.3 จดั การศกึ ษาเพ่ือความมนั่ คงของศูนย์ฝกึ และพัฒนาอาชพี ราษฎรไทยบรเิ วณชายแดน(ศฝช.) 1) พัฒนาศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดน เพื่อให้เป็นศูนย์ฝึกและสาธิต การ ประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม และศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบการจัดกิจกรรมตามแนวพระราชดําริปรัชญา เศรษฐกิจพอเพยี ง สาํ หรบั ประชาชนตามแนวชายแดนด้วยวิธีการเรียนรทู้ ่หี ลากหลาย 2) มุ่งจัดและพัฒนาการศึกษาอาชีพโดยใช้วิธีการหลากหลายใช้รูปแบบเชิงรุกเพื่อการเข้าถึง กลุ่มเป้าหมาย เช่น การจัดมหกรรมอาชีพ การประสานความร่วมมือกับเครือข่าย การจัดอบรมแกนนําด้าน อาชีพ ท่ีเนน้ เร่อื งเกษตรธรรมชาตทิ ่สี อดคล้องกับบริบทของชุมชนชายแดน ใหแ้ ก่ประชาชนตามแนวชายแดน 6. ด้านบคุ ลากรระบบการบรหิ ารจดั การ และการมสี ว่ นรว่ มของทุกภาคส่วน 6.1 การพฒั นาบคุ ลากร 1) พัฒนาบุคลากรทุกระดับทุกประเภทให้มีสมรรถนะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งก่อนและระหว่าง การ ดํารงตําแหน่งเพื่อให้มีเจตคตทิ ี่ดีในการปฏิบัติงานให้มีความรู้และทักษะตามมาตรฐานตําแหน่ง ให้ตรงกับสาย งาน ความชํานาญ และความต้องการของบุคลากรสามารถปฏิบัติงานและบริหารจัดการการดําเนินงานของ หน่วยงานและ สถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพรวมทั้งส่งเสริมให้ข้าราชการในสังกัดพัฒนาตนเองเพ่ือเลื่อน ตําแหนง่ หรือเล่อื นวิทยฐานะโดยเนน้ การประเมนิ วทิ ยฐานะเชิงประจักษ์ 2) พัฒนาศึกษานิเทศก์ กศน. ให้มีสมรรถนะที่จําเป็นครบถ้วน มีความเป็นมืออาชีพ สามารถ ปฏิบัติการนิเทศได้อย่างมีศักยภาพ เพื่อร่วมยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตาม อธั ยาศยั ในสถานศกึ ษา 3) พัฒนาหัวหน้า กศน.ตําบล/แขวงให้มีสมรรถนะสูงขึ้น เพื่อการบริหารจัดการ กศน.ตําบล/แขวง และการปฏิบัติงานตามบทบาทภารกิจอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการเป็นนักจัดการความรู้และผู้อํานวย ความสะดวกในการเรียนรเู้ พือ่ ใหผ้ ้เู รียนเกิดการเรียนรู้ทีม่ ีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง 4) พัฒนาครู กศน. และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาให้สามารถจัดรูปแบบการเรียนรู้ ได้ อย่างมีคุณภาพโดยส่งเสริมให้มีความรคู้ วามสามารถในการจัดทําแผนการสอน การจดั กระบวนการเรียนรู้ การ วัด และประเมินผล และการวจิ ยั เบ้อื งตน้ 5) พัฒนาศักยภาพบุคลากร ที่รับผิดชอบการบริการการศึกษาและการเรียนรู้ ให้มีความรู้ ความสามารถและมคี วามเปน็ มืออาชีพในการจดั บรกิ ารส่งเสรมิ การเรยี นร้ตู ลอดชีวิตของประชาชน 6) สง่ เสรมิ ให้คณะกรรมการ กศน. ทกุ ระดบั และคณะกรรมการสถานศึกษา มสี ว่ นร่วมในการ บริหาร การดําเนินงานตามบทบาทภารกจิ ของ กศน.อย่างมปี ระสิทธิภาพ 7) พัฒนาอาสาสมัคร กศน. ให้สามารถทาํ หน้าที่สนับสนุนการจดั การศึกษานอกระบบและ การศึกษา ตามอธั ยาศยั ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

๑๔ 8) พัฒนาสมรรถนะและเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรรวมทั้งภาคีเครือข่ายทั้งใน และ ต่างประเทศในทุกระดับ โดยจัดให้มีกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างสัมพันธภาพและเพิ่มประสิทธิภาพในการทํางาน รว่ มกันในรปู แบบทห่ี ลากหลายอยา่ งต่อเนื่องอาทิ การแขง่ ขันกฬี า การอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารพฒั นาประสิทธิภาพ ในการทํางาน 6.2 การพฒั นาโครงสร้างพืน้ ฐานและอตั รากาํ ลงั 1) จดั ทาํ แผนการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานและดาํ เนินการปรบั ปรงุ สถานท่ีและวัสดุอุปกรณ์ ใหม้ ี ความ พร้อมในการจดั การศึกษาและการเรยี นรู้ 2) สรรหา บรรจุ แต่งตั้ง และบริหารอัตรากําลังที่มีอยู่ทั้งในส่วนที่เป็นข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้าง ให้เป็นไปตามโครงสร้างการบริหารและกรอบอัตรากําลัง รวมท้ังรองรับกับบทบาทภารกิจตามท่ี กาํ หนดไว้ ให้เกดิ ประสทิ ธภิ าพสูงสุดในการปฏบิ ัติงาน 3) แสวงหาความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในการระดมทรัพยากรเพื่อนํามาใช้ ในการ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้มีความพร้อมสําหรับดําเนินกิจกรรมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตาม อัธยาศัย และการสง่ เสริมการเรยี นรูส้ ําหรับประชาชน 6.3 การพัฒนาระบบบรหิ ารจดั การ 1) พัฒนาระบบฐานข้อมูลใหม้ ีความครบถ้วน ถูกต้อง ทันสมัย และเชื่อมโยงกันทั่วประเทศ อย่างเปน็ ระบบเพื่อให้หนว่ ยงานและสถานศกึ ษาในสังกัดสามารถนาํ ไปใชเ้ ปน็ เคร่ืองมือสําคญั ในการบริหาร การวางแผน การปฏิบตั งิ าน การตดิ ตามประเมินผล รวมท้ังจดั บรกิ ารการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย อย่าง มปี ระสทิ ธิภาพ 2) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการงบประมาณ โดยพัฒนาระบบการกํากับ ควบคุม และเร่งรัด การเบกิ จา่ ยงบประมาณใหเ้ ปน็ ตามเปา้ หมายท่ีกาํ หนดไว้ 3) พฒั นาระบบฐานข้อมูลรวมของนักศึกษา กศน. ให้มีความครบถว้ น ถูกตอ้ ง ทันสมัย และ เชื่อมโยง กนั ทว่ั ประเทศ สามารถสืบคน้ และสอบทานได้ทันความต้องการเพ่ือประโยชน์ในการจดั การศึกษาให้กับ ผู้เรียน และการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ 4) ส่งเสริมให้มีการจัดการความรู้ในหน่วยงานและสถานศึกษาทุกระดับ รวมทั้งการศึกษาวิจัย เพื่อ สามารถนํามาใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพการดําเนินงานที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และ ชมุ ชนพรอ้ มทงั้ พฒั นาขีดความสามารถเชิงการแข่งขันของหนว่ ยงานและสถานศึกษา 5) สร้างความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคมทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อสร้างความเข้าใจ และให้เกิดความ รว่ มมอื ในการสง่ เสรมิ สนับสนนุ และจัดการศึกษาและการเรียนรใู้ ห้กับประชาชนอย่างมคี ุณภาพ 6) ส่งเสริมการใช้ระบบสํานักงานอิเล็กทรอนิกส์ (e-office) ในการบริหารจัดการ เช่น ระบบการ ลา ระบบสารบรรณอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ระบบการขอใชร้ ถราชการ ระบบการขอใช้หอ้ งประชมุ เป็นตน้ 7) พัฒนาและปรับระบบวิธีการปฏิบัติราชการให้ทันสมัย มีความโปร่งใส ปลอดการทุจริต และ ประพฤตมิ ชิ อบ บรหิ ารจัดการบนขอ้ มูลและหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ม่งุ ผลสมั ฤทธิ์มคี วามโปรง่ ใส 6.4 การกํากับ นเิ ทศตดิ ตามประเมิน และรายงานผล 1) สร้างกลไกการกํากับ นิเทศ ติดตาม ประเมิน และรายงานผลการดําเนินงานการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศยั ให้เช่ือมโยงกบั หน่วยงาน สถานศกึ ษา และภาคีเครือข่ายท้งั ระบบ

๑๕ 2) ให้หน่วยงานและสถานศึกษาที่เกี่ยวข้องทุกระดับ พัฒนาระบบกลไกการกํากับ ติดตามและ รายงานผลการนํานโยบายสู่การปฏิบัติ ใหส้ ามารถตอบสนองการดาํ เนนิ งานตามนโยบายในแต่ละเร่ืองได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ 3) สง่ เสริมการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร และสือ่ อ่ืน ๆ ท่ีเหมาะสม เพอื่ การกํากับ นเิ ทศ ติดตาม ประเมนิ ผล และรายงานผลอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 4) พัฒนากลไกการติดตามประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคํารับรองการปฏิบัติราชการประจําปี ของหน่วยงาน สถานศึกษา เพื่อการรายงานผลตามตัวชี้วัดในคํารับรองการปฏิบัติราชการประจําปี ของ สํานกั งาน กศน.ให้ดาํ เนนิ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ เปน็ ไปตามเกณฑ์ วธิ กี าร และระยะเวลาทกี่ ําหนด 5) ให้มีการเชื่อมโยงระบบการนิเทศในทุกระดับ ทั้งหน่วยงานภายในและภายนอกองค์กร ตั้งแต่ ส่วนกลาง ภูมิภาค กลุ่มจังหวัด จังหวัด อําเภอ/เขต และตําบล/แขวง เพื่อความเป็นเอกภาพในการใช้ข้อมูล และการพฒั นางานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั 2. แนวทาง/กลยทุ ธ์การดำเนินงานการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ของ กศน. อำเภอเมืองชลบุรี ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอเมอื งชลบรุ ีได้กำหนดทิศทางการดำเนนิ งาน ตามแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา และแผนปฏบิ ัติการประจำปี โดยมีรายละเอียด ดังน้ี ทิศทางการดำเนนิ งานของสถานศึกษา ปรชั ญา “คิดเปน็ ทำเปน็ เน้น ICT” วสิ ยั ทศั น์ “จัดการศึกษาตลอดชีวิต ผูกมิตรกับเครือขา่ ย กระจายความรู้ส่ชู ุมชน ทกุ ที่ทุกเวลาดว้ ย ICT มี อาชีพและแข่งขนั ในประชาคมอาเซียนอยา่ งยั่งยนื ” อตั ลักษณ์ “ก้าวไปในยุคดจิ ทิ ัล” เอกลกั ษณ์ “องค์กรออนไลน์” พนั ธกิจ 1. จดั และส่งเสริมใหผ้ ู้เรียน มคี วามร้กู ารศึกษาขัน้ พืน้ ฐานอยา่ งมคี ุณภาพ 2. จดั การศกึ ษาอาชีพใหผ้ เู้ รียนมอี าชีพทำได้ ขายเปน็ และมีทักษะชวี ิตที่เหมาะสมทกุ ชว่ งวัย 3. จดั และส่งเสริมให้ประชาชนนำเทคโนโลยดี จิ ิทลั เพื่อพัฒนาตนเองและสร้างช่องทางการจำหนา่ ย สินคา้ 4. จดั และสง่ เสรมิ การศึกษาตามอัธยาศยั ทม่ี งุ่ ใหผ้ รู้ บั บริการมีนิสยั รกั การอ่าน และพฒั นาแหลง่ เรยี นรู้ ในชมุ ชน 5. จดั และสง่ เสรมิ สนับสนุน พัฒนาแหลง่ เรียนรู้ สอ่ื และภมู ิปญั ญาท้องถ่ิน 6. จดั และส่งเสริมการศึกษาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เพ่ือพฒั นาสังคมและชมุ ชนให้มี ความเข้มแข็งอยา่ งย่งั ยนื

๑๖ 7. จดั และส่งเสริมประชาชนใหเ้ ปน็ พลเมอื งดีตามวิถีประชาธิปไตย 8. สง่ เสริม สนบั สนุน ภาคีเครอื ข่าย ใหม้ สี ว่ นรว่ มในการจัดการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตาม อธั ยาศยั เพื่อให้เกิดการเรยี นรู้ตลอดชวี ิต 9. พัฒนารปู แบบการจดั กจิ กรรมการเรยี นรใู้ หส้ อดคล้องกับพื้นท่รี ะเบยี งเศรษฐกิจพิเศษภาค ตะวันออก (EEC) และความต้องการของกลมุ่ เป้าหมาย 10. พฒั นาบคุ ลากรใหม้ สี มรรถนะในการปฏบิ ัติงานตามบทบาทหนา้ ท่ีอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพและ ต่อเนอื่ งโดยเน้นการนำเทคโนโลยดี จิ ทิ ัลมาใชใ้ นการบริหารจัดการ 11. สถานศึกษามรี ะบบการบริหารจัดการตามหลกั ธรรมมาภิบาล 12. ปฏบิ ตั งิ านอ่นื ๆ ท่ีได้รบั มอบหมาย  เปา้ ประสงค์ และตัวชี้วัดความสำเร็จ เป้าประสงค์ ตวั ชว้ี ัดความสำเร็จ ประชาชนได้รับโอกาสทางการศกึ ษาในรูปแบบ รอ้ ยละของประชากรกลุ่มตา่ งๆ (กลมุ่ ประชากรวยั ของการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตาม แรงงานปกติท่ัวไป กลมุ่ ประชากรวยั แรงงานท่เี ปน็ ผู้ อัธยาศัยท่มี ีคณุ ภาพอย่างทว่ั ถึงและเป็นธรรม ยากไร้ ผูด้ อ้ ยโอกาส ผพู้ ิการ และกล่มุ ผู้สูงอายุ) ท่ี ไดร้ ับบริการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยอย่างทว่ั ถึง ครอบคลมุ และเป็นธรรม ผเู้ รียนทเ่ี ข้ารับการฝึกอาชีพมีสมรรถนะในการ ร้อยละของผเู้ รียนทเ่ี ข้ารบั การศึกษาอาชพี เพื่อการมี ประกอบอาชีพ สามารถประกอบอาชีพที่สรา้ ง งานทำท่ีมีสมรรถนะในการประกอบอาชีพที่เพม่ิ ขน้ึ รายได้ใหก้ ับตนเองและครอบครัวได้ องค์กรภาคส่วนต่างๆรว่ มเป็นภาคีเครอื ข่ายใน จำนวนของภาคีเครือขา่ ยในการดำเนินงานการศกึ ษา การดำเนินงานการศึกษานอกระบบและ นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั เพ่ิมมากข้นึ การศกึ ษาตามอัธยาศยั อย่างกวา้ งขวาง สถานศึกษานำเทคโนโลยดี จิ ิทลั มาใชใ้ นการเพิม่ ร้อยละของของผเู้ รียนทมี่ คี วามพึงพอใจต่อการใช้ ประสิทธภิ าพการจดั การศึกษานอกระบบและ เทคโนโลยดี ิจิทลั ของสถานศกึ ษา การศึกษาตามอธั ยาศยั อย่างท่ัวถึง บุคลากรของสถานศึกษาไดร้ บั การพัฒนาเพอื่ เพิม่ ร้อยละของบุคลากรของสถานศกึ ษาท่ไี ด้รบั การพัฒนา สมรรถนะในการปฏบิ ตั งิ านการศกึ ษานอกระบบ เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการปฏบิ ัตงิ านการศึกษานอก และการศกึ ษาตามอัธยาศยั อย่างทั่วถงึ ระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั โดยเนน้ การนำ เทคโนโลยีดจิ ิทลั มาใชใ้ นการบริหารจดั การ สถานศกึ ษามีการพัฒนาระบบการบริหาร รอ้ ยละของสถานศกึ ษามีการพฒั นาระบบการบรหิ าร จดั การเพ่ือเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพโดยเน้นการนำ จดั การเพ่ือเพมิ่ ประสิทธภิ าพโดยเน้นการนำเทคโนโลยี เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ในการดำเนินงานการศึกษา ดจิ ิทัลในการดำเนินงานการศึกษานอกระบบและ นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั การศกึ ษาตามอธั ยาศัย บุคลากรของหน่วยงานปฏบิ ตั ิงานตามท่ีไดร้ ับ รอ้ ยละของบุคลากรของสถานศึกษาปฏิบัติงานไดเ้ ตม็ มอบหมายอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ประสิทธิภาพ

๑๗  กลยุทธ์ กลยทุ ธ์ที่ 1 ส่งเสริม และพฒั นาคณุ ภาพการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย ให้เป็นไป ตามนโยบายและมาตรฐานการศกึ ษาอยา่ งต่อเน่ือง กลยทุ ธท์ ่ี 2 ส่งเสรมิ ใหผ้ รู้ บั บรกิ ารไดร้ ับการพัฒนาคุณภาพชวี ิตโดยใช้กระบวนการคดิ เป็นตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กลยทุ ธท์ ่ี 3 สง่ เสริม สนบั สนนุ ใหภ้ าคเี ครือขา่ ยมีสว่ นรว่ มในการจัดการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษา ตามอธั ยาศยั เพือ่ ให้เกิดการเรียนรตู้ ลอดชวี ิต กลยุทธ์ที่ 4 พฒั นาหลักสตู รและรปู แบบการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ให้สอดคล้องกบั พน้ื ท่ีเขตพัฒนา พเิ ศษภาคตะวันออก (EEC) และความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยการมีสว่ นร่วมของภมู ิปญั ญาท้องถิ่น และแหลง่ เรยี นรู้ท้ังภาครัฐและเอกชน กลยุทธท์ ี่ 5 ส่งเสริมใหม้ กี ารประชาสัมพันธ์ ในรูปแบบทหี่ ลากหลาย กลยทุ ธ์ที่ 6 พฒั นาระบบการนเิ ทศภายในสถานศึกษาโดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน กลยทุ ธ์ท่ี 7 พฒั นาระบบคุณภาพการศึกษาโดยใชว้ งจรการพัฒนาคุณภาพ (PDCA) เปน็ หลกั ในการ จดั การศกึ ษา กลยทุ ธ์ที่ 8 พฒั นาบุคลากรของสถานศึกษาให้มีความสามารถใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ทิ ัลเพื่อการจัด กระบวนการเรยี นรู้ การบรหิ ารจัดการ และส่งเสริมการทำงานเปน็ ทีม เขม็ มุ่งสูค่ วามสำเรจ็ 1. มี กศน.ตำบลเป็นหลักแหลง่ 2. มีคอมฯ/อุปกรณ์ครบทุก กศน.ตำบล 3. ให้ทุกคนมีความรู้ ICT 4. มีระบบจัดเก็บ/รายงานผ่านออนไลน์ 5. ภายใน1-2 ปีต้องเป็น 1 ใน กศน.จงั หวดั 6. ภายใน 3 ปีต้องเป็น 1-5 ของสำนักงาน กศน. การบรหิ ารนำ ICT สู่การปฏิบตั ิ 1.การจดั หาคอมฯ/อปุ กรณ์ 2.ขัน้ การพัฒนา 3.การประเมินผล/รายงาน 1. การจัดหาคอมฯ/อุปกรณ์ 1.1 การเปดิ ตวั กศน.ตำบล โดย 1) เชิญสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.),สมาชิกวฒุ สิ ภา (ส.ว.) เปน็ ต้น 2) นำนักศึกษา กศน. หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ปจั จุบันมีทั้งสิ้น 4,621 คน 3) เชญิ ภาคีเครือขา่ ย อาทิเช่น โรงเรียน, อบต., เทศบาล, อบจ. , อำเภอ เป็นต้น 4) เสนอโครงการพัฒนา กศน.ตำบล ให้เปน็ แหล่งเรยี นรูด้ า้ นดจิ ิทลั 1.2 เชิญส.ส./ส.ว. เข้ารว่ มทุกกิจกรรม 1) โครงการเขา้ ค่ายต่าง ๆของนกั ศึกษา กศน. 2) โครงการวันวชิ าการ ของนักศึกษา กศน. 3) โครงการ อน่ื ๆ

๑๘ 2. ขั้นการพัฒนา 2.1 พัฒนาระบบ จะพัฒนาระบบการจัดเก็บ/รายงานต่างๆผา่ นออนไลน์ 2.2 พัฒนาคน 1) ครู กศน./จนท.ทุกคน 2) นักศึกษา กศน.หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ทั้ง 2 กลุ่มเป้าหมาย ต้องมีความรู้ ด้าน ICT และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ สำหรับในสว่ นของนักศึกษา กศน. หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 กศน.อำเภอเมืองชลบรุ ี จะต้องประกาศเปน็ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ พร้อมท้ังใชง้ บอดุ หนุน (กิจกรรมพัฒนาคุณภาพผเู้ รียน) ในการ ขับเคล่ือน โดยจัดโครงการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี น ด้าน ICT พรอ้ มทั้งจัดทำสรุปเป็นรปู เล่ม ( 5 บท) 3.การประเมนิ ผล/รายงาน 3.1 รายงานผ่านออนไลน์ โดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เนต็ http://118.172.227.194:7003/choncity/ และจดั ทำ Application รายงานผ่านทางสมาร์ทโฟน 3.2 รายงานสรุปผลเปน็ รูปเล่ม (5 บท) จดั ทำสรุปผลโครงการ/กจิ กรรม เปน็ รูปเล่ม (5บท) เพื่อรองรับการประเมนิ คณุ ภาพโดยตน้ สังกัด และภายนอก

๑๙  แผนพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา(เฉพาะปี 2564) เป้าประสงค์ กลยุทธ์ โครงการ/กิจกรรม เปา้ หมาย ตัวชว้ี ัด เกณฑค์ วามสำเร็จ ความสำเร็จ (ร้อยละ) 1. กลุ่มเปา้ หมาย กลยทุ ธท์ ่ี 1 1. โครงการยกระดับ 8,000 1. กลุ่มเป้าหมาย 1. รอ้ ยละของ ไดร้ บั โอกาสทาง สง่ เสรมิ จัดการศึกษานอก การศึกษาข้ัน และพัฒนา ระบบระดับการศกึ ษา คน ได้รบั โอกาสทาง กลุ่มเป้าหมายไดร้ บั พ้ืนฐาน คุณภาพ ข้นั พ้ืนฐานให้มี การศกึ ษาตอ่ เน่อื ง การศกึ ษา คุณภาพ การศึกษาแตล่ ะ โอกาสทางการศกึ ษา และการศึกษา นอกระบบ 2. โครงการพัฒนา ตามอัธยาศยั ทม่ี ี และ คณุ ภาพผเู้ รยี น กศน. ประเภทของ กศน. แต่ละประเภทของ คุณภาพใหเ้ ป็นไป การศึกษา ตามหลักสูตร ตามความต้องการ ตาม การศึกษานอกระบบ 2. ผจู้ บหลกั สตู ร กศน. และสอดคล้องกบั อัธยาศัย ให้ ระดับการศึกษาขั้น สภาพปัญหาของ เป็นไปตาม พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช การศึกษาขน้ั 2. ร้อยละของผู้จบ กล่มุ เป้าหมาย นโยบาย 2551 และ 3. โครงการส่งเสรมิ 8,000 พ้ืนฐานแตล่ ะระดับ หลกั สตู รการศกึ ษาข้นั มาตรฐาน การรู้หนังสอื สำหรบั การศึกษา ประชาชนอำเภอเมอื ง คน มีผลสัมฤทธ์ิ พื้นฐานแต่ละระดับมี อย่าง ชลบุรี ต่อเนื่อง 4. โครงการจดั ทางการเรียนเฉล่ยี ผลสมั ฤทธิ์ทางการ การศกึ ษาเพอ่ื พัฒนา อาชีพ > 2.00 เรยี นเฉลยี่ > 2.00 (ศูนย์ฝกึ อาชพี ชุมชน) 3. กลมุ่ เป้าหมาย 3. รอ้ ยละของ รว่ มกิจกรรมพฒั นา กลมุ่ เป้าหมายร่วม คณุ ภาพผูเ้ รยี น กจิ กรรมพัฒนา 4. กลุ่มเปา้ หมาย คณุ ภาพผ้เู รยี น 27 คน เข้าร่วมกจิ กรรม 4.ร้อยละของ ส่งเสรมิ การรู้ กลมุ่ เปา้ หมายเขา้ ร่วม หนังสือ กจิ กรรมส่งเสริมการรู้ 5. กลมุ่ เปา้ หมาย หนังสือ 1,020 ทกุ ประเภท 5. ร้อยละของ คน สามารถนำความรู้ กลุ่มเป้าหมายทุก ไปใช้ในการพฒั นา ประเภทสามารถนำ อาชพี หรอื คุณภาพ ความรูไ้ ปใช้ในการ ชีวติ ได้ พัฒนาอาชีพหรอื 6. กลุม่ เป้าหมายมี คณุ ภาพชีวติ ได้ คุณลกั ษณะที่พึง 6. ร้อยละของ ประสงคต์ าม กลุ่มเป้าหมายมี จดุ มงุ่ หมายของ คณุ ลักษณะทพ่ี ึง หลักสตู ร ประสงคต์ าม 7. กลมุ่ เปา้ หมายมี จดุ ม่งุ หมายของ ความพึงพอใจตอ่ หลกั สตู ร การร่วมกจิ กรรม 7. ร้อยละของ การเรยี นรูท้ กุ กลมุ่ เปา้ หมายมคี วาม ประเภท พึงพอใจต่อการรว่ ม กิจกรรมการเรยี นรู้ทกุ ประเภท

๒๐ เปา้ ประสงค์ กลยุทธ์ โครงการ/กจิ กรรม เปา้ หมาย ตัวชว้ี ดั เกณฑค์ วามสำเรจ็ 285 คน ความสำเรจ็ (รอ้ ยละ) 5.กลมุ่ เปา้ หมาย กลยุทธ์ที่ 2 1. โครงการเรยี นรู้ ได้รับการสง่ เสรมิ สง่ เสรมิ ให้ ปรัชญาของเศรษฐกิจ 1. กลมุ่ เปา้ หมาย 1. ร้อยละ 80 ของ และสนบั สนุนการ ผรู้ บั บริการ พอเพียงและเกษตร ได้รับการสง่ เสรมิ กลุ่มเปา้ หมายไดร้ บั พฒั นาคุณภาพ ไดร้ บั การ ทฤษฎีใหม่ การเรยี นรู้ทางด้าน การส่งเสริมการเรียนรู้ ชวี ิตตามหลกั พัฒนา 2.โครงการเสริมสรา้ ง หลักปรชั ญาของ ทางด้านหลักปรัชญา ปรัชญาของ คณุ ภาพ คุณภาพชวี ติ ทเี่ ปน็ มิตร เศรษฐกิจพอเพยี ง ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกจิ พอเพยี ง ชีวิตโดยใช้ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม 2. กลมุ่ เปา้ หมาย 2. รอ้ ยละ 80 ของ เพอ่ื พัฒนาสังคม กระบวนกา 3.โครงการเกษตรยคุ นำความรไู้ ปใชใ้ น กลมุ่ เปา้ หมายนำ และชมุ ชนให้มี รคดิ เปน็ ใหมต่ ามวิถีความ การพัฒนาอาชพี ความรไู้ ปใช้ในการ ความเขม้ แขง็ ตามหลัก พอเพยี ง และพฒั นาคณุ ภาพ พฒั นาอาชพี และ อย่างยง่ั ยืน ปรัชญาของ 4.โครงการอบรมเชิง ชวี ิตได้ พฒั นาคุณภาพชีวติ ได้ เศรษฐกจิ ปฏิบัตกิ ารด้าน 3. กลมุ่ เป้าหมายมี 3. รอ้ ยละ 90 ของ พอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง ความพงึ พอใจใน กลมุ่ เป้าหมายมคี วาม 5.โครงการปรัชญาของ ระดับดีขึ้นไป พงึ พอใจในระดบั ดขี น้ึ เศรษฐกิจพอเพียง นำ ไป วิถีพอเพียงสชู่ ุมชน 6.โครงการอบรมและ เรียนรตู้ ามรอยพระ ยุคลบาทดว้ ยหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 7.โครงการเรียนรู้ เศรษฐกิจพอเพียงและ การพฒั นาท่ีย่ังยนื \"วิถี ไทย วถิ ีพอเพยี ง\"

๒๑ เปา้ ประสงค์ กลยทุ ธ์ โครงการ/กิจกรรม เปา้ หมาย ตัวชีว้ ัด เกณฑค์ วามสำเรจ็ 3.กลมุ่ เป้าหมาย ความสำเร็จ (ร้อยละ) ได้รบั การสร้าง กลยทุ ธ์ที่ 3 1. โครงการสง่ เสรมิ และสง่ เสรมิ ให้ สง่ เสริม การอ่านเพอ่ื พฒั นา 11,500 1. กลุ่มเปา้ หมาย 1. รอ้ ยละ 80 ของ เป็นผรู้ ักการอา่ น สนับสนนุ ให้ บ้านหนังสือชมุ ชน และใฝร่ ใู้ ฝเ่ รียน ภาคี 2. โครงการหอ้ งสมดุ คน ภาคีเครอื ข่ายมี เปา้ หมายภาคเี ครอื ข่าย อย่างต่อเน่อื ง เครอื ข่ายมี เคลอื่ นทส่ี ำหรับชาว ตลอดชีวิต ส่วนรว่ มใน ตลาด ส่วนร่วมในการจดั มีสว่ นร่วมในการจดั การจดั 3.โครงการเมอื งนัก เป้าประสงค์ การศกึ ษา อา่ น การศึกษานอก การศกึ ษานอกระบบ 9.สถานศึกษา นอกระบบ 4.โครงการอา่ นสร้าง พฒั นาสือ่ แหล่ง และ งานผา่ น ระบบและการจัด และการจดั การศกึ ษา เรียนรแู้ ละภูมิ การศึกษา QRCode ปญั ญาทอ้ งถิ่น ตาม การศึกษาตาม ตามอธั ยาศัย ดว้ ยการจดั อธั ยาศัย กระบวนการ เพือ่ ให้เกดิ อัธยาศัย 2. มบี า้ นหนังสือชุมชน เรียนร้ทู ่ี การเรยี นรู้ ตอบสนองกับการ ตลอดชีวิต 2. มบี า้ นหนงั สอื ท่ีเป็นไปตามเกณฑ์ เปลี่ยนแปลง บรบิ ทด้าน กลยุทธ์ โครงการ/กิจกรรม ชมุ ชนท่ีเป็นไปตาม ครบทุกตำบลอยา่ ง เศรษฐกิจ สงั คม การเมอื ง ใน กลยทุ ธ์ท่ี 4 1. โครงการ English เกณฑ์ครบทุก นอ้ ยตำบลละ 1 แห่ง รปู แบบที่ พฒั นา น่ารู้ คู่ Service หลากหลาย หลกั สตู ร โรงแรม ตำบลอยา่ งน้อย 3. มมี มุ หนังสอื เพื่อ และรปู แบบ 2.โครงการ Smart การจัด ONIE เพอื่ สรา้ ง ตำบลละ 1 แหง่ ชุมชนอยา่ งน้อยตำบล กจิ กรรม Smart farmers การเรยี นรู้ 3.โครงการ 3. มมี มุ หนังสอื เพื่อ ละ 1 แหง่ ให้ Digtalteracy (เพอ่ื สอดคล้อง สรา้ งสงั คมออนไลน)์ ชุมชนอยา่ งนอ้ ย 4. รอ้ ยละ 80 ของ กับพ้ืนท่เี ขต 4.โครงการการคา้ พฒั นา ออนไลน์ สสู่ ังคม ตำบลละ 1 แห่ง กลุ่มเปา้ หมายมีความ พิเศษภาค Digital ตะวนั ออก 5.โครงการเพิ่ม 4. กลุ่มเป้าหมายมี พงึ พอใจในระดบั ดีขน้ึ (EEC) ประสิทธภิ าพการ และความ บรหิ ารจดั การขยะมลู ความพึงพอใจใน ไป ตอ้ งการ ฝอย ของ 1. โครงการพัฒนา ระดับดีขึน้ ไป กลมุ่ เปา้ หม ระบบประชาสมั พันธ์ าย โดยการ ของสถานศกึ ษา เป้าหมาย ตวั ชว้ี ัด เกณฑค์ วามสำเร็จ มสี ว่ นรว่ ม ความสำเรจ็ (รอ้ ยละ) ของภูมิ 800 คน 1.กลมุ่ เปา้ หมาย 1. ร้อยละ 75 ของ ได้รับการพฒั นา กลุม่ เป้าหมายไดร้ ับ ชีวติ ใหส้ อดคลอ้ ง การพัฒนาชีวิตให้ กับพน้ื ที่เขตพฒั นา สอดคลอ้ งกับพนื้ ทเี่ ขต พิเศษภาค พัฒนาพเิ ศษภาค ตะวนั ออก (EEC) ตะวนั ออก (EEC) 4. กลุม่ เป้าหมายมี 2. ร้อยละ 80 ของ ความพงึ พอใจใน กลมุ่ เป้าหมายมีความ ระดับดีข้นึ ไป พึงพอใจในระดบั ดขี ้ึน ไป 17 ตำบล 1. กศน.อำเภอ 1. รอ้ ยละ 100 ของ และกศน.ตำบลมี กศน.อำเภอและ กศน. การอพั เดทข้อมลู ตำบลมีการอัพเดท การประชาสมั พนั ธ์ ข้อมูลการ กจิ กรรมทางเว็บ ประชาสมั พันธก์ จิ กรรม

๒๒ ปัญญา ไซด์เป็นประจำทกุ ทางเวบ็ ไซดเ์ ปน็ ประจำ ทอ้ งถ่ินและ เดอื น ทกุ เดือน แหล่งเรยี นรู้ ทงั้ ภาครฐั และเอกชน กลยุทธท์ ่ี 5 ส่งเสริมให้มี การ ประชาสมั พั นธ์ ใน รูปแบบที่ หลากหลาย เป้าประสงค์ กลยทุ ธ์ โครงการ/กิจกรรม เป้าหมาย ตวั ชีว้ ดั เกณฑค์ วามสำเรจ็ 17 ตำบล ความสำเรจ็ (รอ้ ยละ) 7.ชมุ ชนและภาคี กลยทุ ธ์ท่ี 6 1. โครงการพฒั นา เครือขา่ ยร่วมจัด พัฒนา บุคลากรการนเิ ทศ 1. สถานศึกษามี 1. รอ้ ยละ 100 ของ สง่ เสรมิ และ ระบบการ ภายในสถานศึกษา คู่มอื ระบบการ สถานศึกษามีคมู่ ือ สนับสนุนการ นิเทศ กศน.อำเภอเมอื งชลบรุ ี นเิ ทศภายใน ระบบการนเิ ทศภายใน ดำเนนิ งาน ภายใน 2. ผ้นู ิเทศมกี าร 2. รอ้ ยละ 80 ของผู้ การศึกษานอก สถานศึกษา นเิ ทศการจดั นิเทศมีการนิเทศการ ระบบและ โดยใช้ กจิ กรรมและ จัดกิจกรรมและ การศึกษาตาม กระบวนกา รายงานผลเปน็ รายงานผลเป็นประจำ อธั ยาศัย รมสี ่วนร่วม ประจำทกุ เดอื น ทุกเดอื น จากทุกภาค สว่ น 10.สถานศกึ ษามี กลยทุ ธ์ท่ี 7 1. โครงการบริหาร 39 คน 1. สถานศึกษามี 1. สถานศกึ ษามีคู่มือ ระบบการบรหิ าร พฒั นา ความเสยี่ งของ คมู่ อื การบรหิ าร การบรหิ ารความเส่ยี ง จัดการตามหลัก ระบบ สถานศกึ ษา กศน. ความเสยี่ ง 2. รายงานสถานะ ธรรมาภิบาล คุณภาพ อำเภอเมอื งชลบรุ ี 2. รายงานสถานะ ทางการเงนิ เปน็ ประจำ การศึกษา 2. โครงการพฒั นา ทางการเงนิ เปน็ ทุกเดือน โดยใชว้ งจร ระบบประกนั คณุ ภาพ ประจำทุกเดอื น การพัฒนา การศึกษา กศน.อำเภอ คุณภาพ เมืองชลบรุ ี (PDCA) เป็นหลกั ใน การจดั การศึกษา

๒๓ 8. บคุ ลากรของ กลยุทธท์ ี่ 8 1.โครงการพฒั นา 39 คน 1.บคุ ลากรของ 1. รอ้ ยละ 80 ของ สถานศึกษาไดร้ ับ พฒั นา บคุ ลากรดา้ น การพัฒนาเพอื่ บคุ ลากร วิชาการ:Google สถานศึกษาทุกคน บุคลากรของ เพิ่มสมรรถนะใน ของ Form การปฏิบตั ิงาน สถานศึกษา 2.โครงการพัฒนา ได้รบั การพฒั นา สถานศึกษาทกุ คน ตามบทบาท ให้มี บคุ ลากรดา้ นวิชาการ: หน้าท่ีอยา่ งมี ความสามาร การจัดทำสื่อการเรยี น เพื่อเพิ่มสมรรถนะ ไดร้ บั การพัฒนาเพอื่ ประสิทธภิ าพและ ถใช้ การสอน Clip Video ตอ่ เนือ่ ง เทคโนโลยี 3.โครงการบรหิ าร ในการปฏบิ ตั ิงาน เพม่ิ สมรรถนะในการ ดจิ ิทัลเพ่อื จดั การขอ้ มลู ข่าวสาร การจดั กศน.ฝา่ กระแส Social ตามบทบาทหน้าท่ี ปฏิบตั ิงานตามบทบาท กระบวนกา Network รเรียนรู้ 4.โครงการประชุม อย่างมี หนา้ ที่อย่างมี การบรหิ าร บคุ ลากรเพ่อื เพ่ิม จัดการ และ ประสทิ ธภิ าพในการ ประสทิ ธภิ าพและ ประสิทธภิ าพและ ส่งเสรมิ การ ปฏบิ ัติงาน ทำงานเป็น 5.โครงการประชมุ เชงิ ตอ่ เนื่อง ต่อเนอ่ื ง ทมี ปฏิบัตกิ ารการจดั กระบวนการเรยี นการ 2.บคุ ลากรของ 2. รอ้ ยละ 80 ของ สอนและการจดั ทำ สรุปผลโครงการ(5บท) สถานศกึ ษา บุคลากรของ สามารถนำความรู้ สถานศกึ ษาสามารถนำ ไปใช้ในการ ความรูไ้ ปใชใ้ นการ พฒั นาการ พฒั นาการปฏบิ ัติงาน ปฏิบัตงิ านตาม ตามบทบาทหน้าที่ บทบาทหน้าท่อี ยา่ ง อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ มีประสทิ ธิภาพ 3. ร้อยละ 90 ของ 3. บคุ ลากรของ บุคลากรของ สถานศกึ ษามคี วาม สถานศึกษามคี วามพงึ พึงพอใจในระดับดี พอใจในระดับดขี ้ึนไป ขน้ึ ไป 3. กรอบการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผูเ้ รียนตามนโยบายการจดั การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ัน พ้นื ฐานสำนักงาน กศน. (เอกสารแนบทา้ ยหนังสือ สำนักงาน กศน. ด่วนทส่ี ุด ที่ 0210.04/475 ลงวันท่ี 2 กมุ ภาพนั ธ์ 2558) ----------------------------- 1. หลักการ ตามที่รัฐบาลมีนโยบายด้านการศึกษา เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาและกระจายโอกาส ทางการศึกษาในสังคมไทย โดยคำนึงถึงการสร้างความเสมอภาค ความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นแก่ประชากร ทุกกลุ่ม รวมถึงผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้บกพร่องทางกาย/ทางการเรียนรู้ ชนกลุ่มน้อย โดยสนับสนุน การจัดการศึกษาตามวัยและพัฒนาการอย่างมีคุณภาพตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ การจัดการศึกษาชมุ ชนเพอื่ มุ่งให้เกดิ สงั คมแห่งการเรียนรแู้ ละการศึกษาตลอดชวี ติ นั้น สำนกั งาน กศน. ได้กำหนดนโยบายดา้ น การจดั การศึกษานอกระบบ แผนงานสนบั สนุนการ จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยสนับสนุน 1) ค่าเล่าเรียน 2) ค่าหนังสือเรียน 3) ค่าจัดกิจกรรมพัฒนา คุณภาพผูเ้ รียนอยา่ งท่ัวถึง เพ่ือเพิ่มโอกาสในการรับการศึกษาท่มี ีคณุ ภาพโดยไมเ่ สยี ค่าใชจ้ ่าย เพื่อให้การจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวอย่างมี ประสิทธิภาพ สำนักงาน กศน.จึงกำหนดกรอบการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ตามนโยบายการจัด

๒๔ การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงาน กศน. ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ให้สถานศึกษาจัดเพิ่มเติม จากการเรยี นปกติ ให้กับนกั ศกึ ษา กศน.ตามหลักสตู รการศึกษานอกระบบขนั้ พ้ืนฐาน 2. กรอบการจัดกิจกรรมเพ่ือพัฒนาคณุ ภาพผ้เู รียน เพ่ือให้สถานศึกษาได้จัดกิจกรรมพฒั นาคุณภาพผ้เู รยี น เปน็ ไปในแนวทางเดยี วกนั อย่างมีประสิทธิภาพ ประสทิ ธผิ ล เกดิ ความคุ้มคา่ ประหยดั เกิดประโยชน์ตอ่ ผูเ้ รียนและทางราชการสูงสดุ สำนักงาน กศน. จึงได้กำหนดกรอบการจดั กจิ กรรมพัฒนาคุณภาพผูเ้ รียน 2.1 กจิ กรรมพฒั นาวชิ าการ เป็นการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนมีพื้นฐานความรู้เพียงพอกับการศึกษาในแต่ละระดับ และพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ความสามารถทางด้านวิชาการเพิ่มมากขึ้นในรายวิชาตามหลักสูตรสถานศึกษา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือวิชาอื่นๆ ตามความต้องการของนักศึกษา กศน. โดยมีรูปแบบการดำเนนิ งาน ดงั นี้ 2.1.1วิทยากรหรือผู้สอน ควรเป็นผู้ที่มีความรู้หรือประสบการณ์ในการสอนวิชานั้นๆ โดยตรง ซึง่ อาจจะเปน็ บคุ คลภายนอก หรอื ครู กศน. ได้ตามความเหมาะสม 2.1.2 จำนวนนกั ศึกษา กศน. ท่ีรว่ มกจิ กรรม ให้อย่ใู นดลุ ยพินจิ ของผบู้ ริหารสถานศึกษา 2.2 กจิ กรรมพัฒนาทักษะชีวิต เป็นการจัดกิจกรรมเสริมเพิ่มเติมจากการเรียนปกติในสาระทักษะการดำเนินชีวิต หลักสูตร การศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพื้นฐาน เนื่องจากสังคมปัจจุบนั มีการเปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเร็วทั้งดา้ น เศรษฐกิจ สังคมข่าวสารข้อมูล และเทคโนโลยี มีการแข่งขันและความขัดแย้งมากขึ้น จึงมีความจำเป็นที่ สถานศึกษาต้องจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตให้กับ นักศึกษา กศน. โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อให้มี ความรู้ ความเข้าใจ มีเจตคติ ค่านิยมที่ถูกต้อง และมีทักษะ หรือความสามารถพื้นฐานที่จำเป็นในการเผชิญ ปัญหาที่เกิดขึน้ ในชีวิต เช่น ปัญหายาเสพติด การตั้งครรภไ์ ม่พึงประสงค์ เพศสัมพันธ์ ทะเลาะวิวาท ครอบครัว แตกแยก ความรุนแรง ภัยพิบัติ ความเครียด ฯลฯ รวมทั้งมีคุณสมบัติที่พึงประสงค์ในการอยู่ร่วมกับผูอ้ ื่นใน สังคมได้อย่างมีความสุข และสามารถนำความรู้จากการเข้าร่วมกิจกรรมไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่าง เหมาะสม ทักษะชีวิต 10 ประการ (ขององค์การอนามัยโลก) ที่นักศึกษา กศน.ทุกคนจำเป็นต้องมี คือ 1) ทักษะการตัดสินใจ 2) ทักษะการแก้ปัญหา 3) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ 4) ทักษะการคิดอย่างมี วิจารณญาณ 5) ทักษะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 6) ทักษะการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น 7) ทักษะ การตระหนักร้แู ละเห็นคุณค่าในตนเอง 8) ทักษะการเข้าใจผู้อื่น 9) ทักษะการจัดการกับอารมณ์ 10) ทักษะ การจดั การกับความเครียด

๒๕ แนวทางการจดั การศึกษาและการจดั การเรียนรู้ กศน. ในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรค ตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19)

๒๖

๒๗

๒๘ บทความทเี่ กย่ี วข้อง การอ่านหนังสือชว่ ยพัฒนาสมองอยา่ งไร ภาพที่ 1 หนังสือ Nationnal Geographic บทความนเี้ ปน็ ส่วนหนึ่งในโครงการ “ส่งความรู้สร้างความสขุ ” เปน็ อีกหนึง่ โครงการดๆี ของ ความรว่ มอื ระหวา่ ง บรษิ ัท อมรินทร์พรน้ิ ต้งิ แอนด์พับลชิ ช่ิง จำกดั (มหาชน) และ บรษิ ัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) รวมไปถึงหนว่ ยงานภาครัฐ คือกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐานทเี่ ลง็ เหน็ ความสำคญั ของการอ่าน เพราะการอ่าน ถือเป็นรากฐานท่สี ำคญั ของการเรยี นร้แู ละการพัฒนา ทกั ษะของเด็กและเยาวชน ในแต่ละวนั เราอ่านหนังสือมากมาย ไม่วา่ จะเป็นการอ่านหนงั สือผ่านอนิ เตอร์เน็ต ส่ือสังคมออนไลน์ หรือแม้กระท่ังหนงั สอื กระดาษหลากหลายแนว หนงั สอื พิมพ์ นติ ยสารต่างๆ หลายคนเลือกให้การอ่านหนงั สือ เปน็ งานอดเิ รกสดุ รกั ที่ขาดไม่ได้ในชีวิต และเปน็ ทยี่ อมรับกันมาอย่างยาวนานวา่ การอา่ นหนงั สือมีประโยชน์ต่อ การสรา้ งสตปิ ญั ญาและชว่ ยพัฒนาสมอง ซึ่งเราจะเหน็ ไดจ้ ากกระบวนการเรยี นรู้ต้งั แต่เด็กจนโตลว้ นมกี ารอ่าน หนังสอื เปน็ วิธีการสำคญั หรือแม้กระทั่งการอ่านหนังสอื แนวบนั เทิงคดีก็ลว้ นมสี ่วนชว่ ยสง่ เสรมิ จนิ ตนาการ ทง้ั ส้ิน โดยผูท้ ีอ่ ่านหนงั สอื จะมีการพฒั นาในสมองสว่ นกลีบท้ายทอย (Occipital Lope) ซึ่งเป็นสว่ น ประมวลผลกลางของการสรา้ งภาพในสมองท่ีมากขน้ึ ซึ่งหมายความวา่ ผู้ที่เป็นนักอา่ นสามารถประมวลความคดิ เปน็ ภาพได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ และมลี ักษณะสมองทสี่ ามารถแปลและเพ่ิมจนิ ตนาการและความคดิ สร้างสรรค์ รวมไปถึงมีความสามารถในการสร้างภาพอนาคตในสมองเพ่ือใชส้ ำหรับการสนิ ใจในสิง่ ต่างๆ ไดด้ ี ในสว่ นของ สมองกลบี ข้าง (Parietal Lobe) ก็มีการพัฒนาท่ีดีเช่นกนั โดยสมองสว่ นน้ีมีหนา้ ท่ีเปลี่ยนตัวอกั ษรเป็นคำ และ เปลย่ี นคำให้เปน็ ความคิดในสมอง ซ่ึงเปน็ สิง่ จำเปน็ สำหรบั การเขยี นและการอ่านเพื่อทำความเขา้ ใจ

๒๙ ภาพท่ี 2 การอ่านหนังสอื ในครอบครัว นอกจากน้ี การอา่ นหนงั สือมีคณุ ประโยชนก์ ับสมองในด้านต่างๆ ดังนี้ – การกระต้นุ ทางจิตใจ (Mental Stimulation) งานวจิ ัยหลายช้นิ แสดงใหเ้ ห็นวา่ การกระต้นุ จิตใจช่วยลดภาวะความจำและสมองเสอื่ มได้มากข้นึ ซึ่งสามารถทำ ได้โดยการใชง้ านสมองอยา่ งต่อเนอื่ งโดยการต่อจิกซอว์ เลน่ เกมปรศิ นา และแน่นอน การอ่านหนงั สือ – ลดความเครยี ด มีหลายคนท่ีใชก้ ารอา่ นหนังสือ โดยเฉพาะการอ่านนวนยิ ายเพื่อผ่อนคลายความเครยี ด โดยจากงานวิจยั เมื่อปี 2009 ค้นพบวา่ การอ่านสามารถลดความเครยี ดได้มากถงึ ร้อยละ 68 ซ่ึงมากกว่าการฟังเพลง ด่มื ชา เลน่ วิดีโอ เกมหรือการเดินเล่น นักวจิ ัยใหร้ ายละเอยี ดว่า ผู้เข้าร่วมงานวจิ ัยท่มี ีประสบการณก์ ารอา่ นหนังสือเพยี ง 6 นาที ตอ่ วันจะมีอัตราการเต้นของหัวใจชา้ ลงและลดความตึงตัวของกล้ามเน้ือ (Muscle Tension) โดยเนื้อหาของ หนงั สือท่อี ่านไม่ได้มผี ลเป็นพิเศษ แค่เพียงได้อ่านหนงั สอื ท่ีพาคุณหมกหมนุ่ ไปกบั มนั และพาคุณออกจากความ กงั วล ความเครียด ไปสัมผสั จนิ ตนาการของผู้แตง่ ซึ่งในระหวา่ งทเี่ ราอ่าน สมองในสว่ นร่องกลาง (Central Sulcus) ท่ที ำหน้าที่ในการเคล่อื นไหวและทรงตวั ของเราก็ไดร้ ับการกระตนุ้ ไปด้วย นน่ั หมายความวา่ สมองทำ ให้เราได้เหน็ ภาพในหวั แจม่ ชัดราวกบั ได้เคลื่อนไหวในโลกของหนงั สือจริงๆ ภาพที่ 3 Bill Gates นง่ั อ่านหนงั สอื

๓๐ - เพิ่มทกั ษะการเข้าสังคม แมก้ ารอ่านหนังสือจะทำให้คุณได้ออกจากโลกแห่งความเป็นจรงิ บา้ ง แต่ก็มผี ลการวจิ ัยท่ีน่าสนใจวา่ การอา่ น ชว่ ยเพ่มิ ทกั ษะทางสงั คมซ่ึงมีส่วนช่วยเม่ือคุณต้องเจรจาตดิ ตอ่ กบั ผู้คน มีงานศึกษาหนึ่งพบว่าผทู้ ี่อ่านหนังสือ เรือ่ งแตง่ (fiction) จะมสี ิ่งที่เรียกวา่ ทฤษฎีจติ (Theory of mind) คือความสามารถในการจำแนกสภาพจติ เชน่ ความเชื่อ ความตัง้ ใจ ความต้องการ การเลน่ บทบาท (role-playing) ความรู้ วา่ เป็นของตนเองหรือของ ผู้อนื่ และสามารถเขา้ ใจว่า คนอื่น ๆ มีความเชื่อ ความต้องการ และความตั้งใจ ท่ตี ่างจากของตน ซ่งึ เป็นส่วน สำคัญในการสร้างความสมั พันธ์กับผู้อ่ืนในสงั คม และมีอีกงานศึกษาหน่งึ พบว่าผทู้ ่ีอา่ นนวนิยายจะมีคะแนนใน การทดสอบวดั ความเหน็ อกเห็นใจผู้อ่นื มากกวา่ ผู้ที่อา่ นหนงั สอื ที่ไมใ่ ช่เรื่องแตง่ non-fiction อกี ด้วย – พฒั นาความจำ เมือ่ เราอาจหนงั สือ ส่ิงทส่ี มองเราทำงานไมไ่ ด้มีแคก่ ารถอดรหสั คำทอ่ี ย่บู นหนา้ กระดาษ เพราะในระหว่างที่เรา อ่านหนงั สือ สมองจะทำหน้าทีท่ ั้งประมวลผลภาพในหัว ภาษา และการเรียนร้เู ชอื่ มโยง (associative learning) ไปพร้อมกนั มงี านศึกษาหนง่ึ พบว่าการกระต้นุ ทางจิตใจเช่นการอา่ นหนงั สือสามารถชว่ ยในเรื่อง ความจำและทกั ษะการคิด ซ่ึงผู้เขยี นงานวิจยั ระบุว่าการอ่านหนงั สือทกุ วนั สามารถลดการเสอื่ มถอยทาง สตปิ ญั ญาสำหรบั ผสู้ งู อายุ (late-life cognitive decline) ดว้ ย ภาพที่ 4 ภาพวาดสมอง – พัฒนาการเชื่อมโยงและการทำงานของสมอง มงี านศึกษาหนึง่ ท่ีสรปุ วา่ ความชอบในการอา่ นนวนยิ ายอย่างยิง่ สามารถเพ่ิมสภาวะการพกั เชื่อมตอ่ ของสมอง (the brain’s resting state connectivity) และการทำงานโดยรวม โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง การอ่านนวนยิ ายจะ ชว่ ยพฒั นาการเห็นอกเหน็ ใจผูอ้ ื่นของผอู้ ่าน และชว่ ยพฒั นาเรอื่ งของจินตนาการ ความเชอ่ื มโยงของสมอง แมแ้ ต่ตอนท่เี ราเลิกอ่านไปแล้ว ทีม่ า 7 Ways Reading Benefits Your Brain

๓๑ การอ่านอย่างมีประสิทธภิ าพ การอา่ นนบั ว่าเปน็ ทักษะที่สำคัญอยา่ งมากสำหรับนกั ศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช เพราะนักศึกษาจะต้องศึกษาหาความร้ดู ้วยตนเองจากสอื่ หลกั คือ เอกสารการสอนเปน็ สำคญั ในเรอ่ื งการอ่านนี้ นกั ศึกษาคงจะเคยเหน็ ว่าบางคนมคี วามสามารถในการอ่านไดเ้ ร็วและยังเข้าใจในเน้ือหาที่อ่านได้ด้วย แตบ่ าง คนอา่ นไดช้ ้าและบางครัง้ ยงั ไมค่ อ่ ยเขา้ ใจในสิง่ ทอี่ ่านไปดว้ ย ถา้ คนใดมีความสามารถในการอา่ นดีแล้วจะได้ ประโยชนจ์ ากการอ่านมาก ถ้าสามารถอ่านไดเ้ รว็ ก็จะทำให้มีเวลามากกวา่ คนอ่ืน ๆ ในการทบทวนตำราก่อน สอบหรือมีเวลาสำหรบั ทำกิจกรรมอยา่ งอ่ืนได้มากขึ้นกวา่ คนทอ่ี า่ นได้ช้ากว่า การอ่านหนังสือไมใ่ ช่เพยี งแค่อา่ นข้อความตามตัวหนงั สอื ท่ีมไี ว้ในหนงั สอื ใหจ้ บเล่มเทา่ น้ัน แตก่ ารอา่ นน้ันมี จุดประสงค์สำคัญคือการรบั รู้ความหมาย และทำความเข้าใจกบั ขอ้ ความทเี่ ขียนเป็นตวั หนังสือ การจะอา่ นหนังสือให้มีประสิทธิภาพ นกั ศึกษาต้องรู้วา่ ก่อนว่า อะไรเป็นสาเหตทุ ี่ทำให้อ่านหนงั สือได้ขาด ประสิทธภิ าพ และ พยายามแกไ้ ขตามสาเหตเุ หล่าน้ัน สาเหตทุ ีท่ ำให้การอ่านหนังสอื ขาดประสิทธิภาพ มดี งั น้ี การอา่ นทีละคำ การอา่ นออกเสียง ปัญหาเกยี่ วกับศัพท์เฉพาะ การใชว้ ธิ ีเดยี วกันตลอดในการอา่ นทุกประเภท การใชน้ ว้ิ ชีข้ อ้ ความตามไปด้วยในขณะอ่าน การอา่ นซ้ำไปซ้ำมา การขาดสมาธใิ นการอา่ น ขอ้ เสนอแนะท่ีช่วยให้นักศกึ ษาอา่ นอย่างมีประสทิ ธิภาพ ไมอ่ า่ นทีละคำ การอ่านทลี ะคำทำให้อ่านหนังสือได้ช้า เพราะมุง่ หาความหมายของคำทีละคำ สามารถแกไ้ ขได้โดยตงั้ ใจไวว้ ่า เมือ่ อ่านหนังสือทุกคร้งั จะจับใจความสำคัญของประโยคด้วยการใช้สายตาเพียงครัง้ เดียว และได้ความหมาย ทันที ไม่อ่านออกเสียง การอ่านหนังสือออกเสียงไปทีละตัว โดยท่ัวไปตดิ มาจากนสิ ัยการอา่ นสมยั ช้ันประถม การอา่ นออกเสยี งไม่วา่ จะ มเี สียงออกมาหรือมเี สียงในคอ การอ่านแบบนี้อ่านไดช้ ้าทั้งส้นิ เพราะมุ่งแต่ออกเสียงตามตัวหนงั สอื ท่ปี รากฎ การอา่ นไดเ้ ร็วสามารถแก้ไขได้โดยพยายามทำใหก้ ารมอง เห็นรปู ทรง และการประสมคำของตวั หนงั สือ สามารถผา่ นข้นั ตอนการรบั รู้ของเราไปสสู่ มองไดเ้ ลย โดยไม่ตอ้ งเสียเวลาพินิจพเิ คราะห์ว่า มันมเี สียงอะไรการ แกไ้ ขใหใ้ ชน้ ้วิ ปิดปากในขณะอ่านตลอดเวลาจะทำให้อา่ นได้ดีขน้ึ และเมอ่ื ปฏบิ ตั ิเชน่ นจี้ นตดิ เปน็ นสิ ัยแล้ว จะ พบวา่ ทำให้อา่ นไดร้ วดเรว็ ย่ิงขึ้น ไมม่ ีกังวลเกีย่ วกับศพั ท์เฉพาะ การหยุดและกังวลเกีย่ วกบั คำศพั ท์ทไ่ี ม่เคยเหน็ มาก่อนจะทำให้จังหวะในการอา่ นและแนวคดิ ในการอา่ น ประโยคนน้ั หายไป ดังนั้นแมว้ ่าจะไม่รศู้ พั ท์บางคำก็สามารถหาความหมายของศพั ท์นน้ั ได้ โดยดจู ากขอ้ ความใน ประโยค ถา้ ใชค้ วามคดิ คิดตามตลอดเร่ือง ไมใ่ ชว้ ิธเี ดียวกันตลอดในการอ่านทกุ ประเภท

๓๒ นักศกึ ษาควรใชว้ ิธีการอา่ นที่แตกตา่ งกนั ในแต่ละเรือ่ งท่ีอ่าน เชน่ อา่ นเรอ่ื งเบาสมองกอ็ ่านเร็วได้ ถา้ อ่านตำรา วิชาการต้องใชค้ วามคิดพิจารณาเนือ้ เร่ืองก็ใชเ้ วลาอา่ นนานขน้ึ น้ันคือผู้อ่านต้องรจู้ ุดประสงคข์ องเรื่องทีจ่ ะอา่ น ดว้ ย จึงจะได้ประโยชนท์ ่ีแทจ้ รงิ ไมใ่ ช้นว้ิ ชี้ข้อความตามไปด้วยในขณะอ่าน จะทำให้อา่ นไดช้ า้ ลง การใช้สายตากวาดไปตามบรรทดั จะเร็วกว่าการใชน้ ว้ิ ชี้เพราะสายตาเคล่ือนท่เี รว็ กวา่ น้ิว วิธแี ก้นิสยั นอ้ี าจทำไดโ้ ดยใชม้ ือจบั หนงั สือหรือประสานมือกันไวใ้ นขณะอ่านหนังสือ ไม่อ่านซำ้ ไปซำ้ มา การอา่ นเน้ือเรื่องที่ไม่เข้าใจ เปน็ การชีใ้ ห้เห็นว่านกั ศึกษาไม่มนั่ ใจที่จะดึงเอาความสำคัญของเนอ้ื ความน้นั ออกมาได้ดว้ ยความสามารถของตนเอง เหตุน้ีจึงทำให้อ่านช้าลงเพราะคอยคดิ แตจ่ ะกลบั ไปอา่ นใหม่ แทนท่จี ะ อ่านไปทงั้ หนา้ เพ่ือหาแนวคดิ ใหม่ จงพยายามอ่านครงั้ เดยี วอย่างต้ังใจความคิดทั้งหลายจะค่อย ๆ มาเอง ไม่ ตอ้ งกังวลวา่ ตนเองอา่ นไมร่ ู้เรื่อง มสี มาธิในการอา่ น การปลอ่ ยให้ความต้งั ใจและความคงท่ีของอารมณล์ อ่ งลอยไปกับความคิดทส่ี อดแทรกเข้ามาขณะอ่าน จะทำให้ ไม่ได้รบั ความรู้อะไรจากการอ่านเลย นกั ศกึ ษาจะต้องพัฒนาความสามารถ โดยฝึกจติ ให้แนว่ แนม่ ุง่ ความสนใจ อยทู่ ่หี นงั สือเพียงอย่างเดียว ความสามารถในการอ่านสามารถพัฒนาไดโ้ ดยการฝึกฝน ทำตาม ข้อเสนอแนะในการอา่ นข้างตน้ ถ้านักศึกษา พยายามฝึกฝนการอ่านให้มีประสทิ ธิภาพสงู ขึ้น อา่ นใหไ้ ด้เร็วขึ้น ตอ่ ไปนักศึกษาก็จะเปน็ ผทู้ ม่ี ปี ระสิทธภิ าพใน การเรยี นและประสบผลสำเรจ็ ในการศึกษา [จาก การอา่ นอย่างมีประสทิ ธิภาพ ขา่ ว มสธ. กันยายน 2539] ภาพท่ี 5 ภาพเด็กอ่านหนังสอื

บทที่ 3 วิธีการดำเนนิ งาน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองชลบุรี ได้เล็งเห็นความสำคัญ ของการส่งเสริมการอ่านเพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักศึกษา กศน.อำเภอเมืองชลบุรีและแประชาชนในพื้นที่ อำเภอเมืองชลบุรี มีนิสัยรักการอ่านและใช้เวลาว่างเหมาะสมจึงได้จัดโครงการส่งเสริมการอ่านเคลื่อนที่สู่ ชมุ ชน (หอ้ งสมดุ ชาวตลาด) ปงี บประมาณ 2564 โดยมีขน้ั ตอนดังนี้ 1.ประชมุ ผ้ทู ีเ่ ก่ียวข้อง 2.จดั ตัง้ คณะทำงานเพือ่ ดำเนินการจดั โครงการ 3.ประสานงาน/ประชาสัมพันธ์ 4.ดำเนินงานตามแผน 5.วดั ผล/ประเมนิ ผล/สรปุ ผลและรายงาน 1.ประชมุ ผทู้ เี่ ก่ยี วข้อง กศน.อำเภอเมืองชลบรุ ีและห้องสมดุ ประชาชนจงั หวัดชลบุรี ได้วางแผนประชุมผู้ที่เก่ียวข้องเพื่อ หาแนวทางในการดำเนนิ งานและกำหนดวตั ถุประสงค์ร่วมกนั 2. จัดต้งั คณะทำงานเพอ่ื ดำเนินการจัดโครงการ จัดทำคำส่ังแต่งตง้ั คณะทำงานโครงการฯ เพื่อมอบหมายหน้าทใี่ นการทำงานใหช้ ัดเจน อาทิเช่น 2.1 คณะกรรมการท่ปี รึกษา/อำนวยการ มีหน้าทีอ่ ำนวยความสะดวก และใหค้ ำปรึกษาแกไ้ ข ปญั หา ทีเ่ กิดข้ึน 2.2 คณะกรรมการฝา่ ยจดั สถานท่ี มีหนา้ ที่ จดั โต๊ะ เกา้ อี้ หอ้ งสตดู ิโอสำหรบั การเรยี นการสอน ผา่ นระบบ Meet ใหเ้ รียบร้อยรวมท้ังจดั หาเคร่ืองเสยี ง อำนวยความสะดวก ตลอดการจัดกจิ กรรม 2.3 คณะกรรมการฝ่ายบนั ทึกภาพและประชาสัมพันธ์ มีหนา้ ทีบ่ นั ทกึ ภาพกจิ กรรมตลอด โครงการฯ และประชาสมั พนั ธ์กจิ กรรมให้สาธารณชนได้ทราบ 2.4 คณะกรรมการฝ่ายรับลงทะเบยี นและประเมินผลหน้าทจี่ ัดทำหลกั ฐานการลงทะเบียน ผู้เขา้ ร่วม โครงการและรวบรวมการประเมินผล และรายงานผลการดำเนินการ 3.ประสานงาน/ประชาสัมพันธ์ ประสานงานกับผู้เรยี น วทิ ยากร และคณะครู เชน่ ประสานเร่ืองสถานท่ีใชท้ ำกจิ กรรม รูปแบบ การจัดกจิ กรรมโครงการ วัน เวลา สถานท่ี รายละเอียดการเขา้ ร่วมกิจกรรม พร้อมทงั้ ประชาสมั พันธก์ ารจัด กิจกรรม

๓๔ 4.ดำเนนิ งานตามแผน โครงการส่งเสริมการอ่านเคลื่อนที่สู่ชุมชน (ห้องสมุดชาวตลาด) ปีงบประมาณ 2564 ในเขตอำเภอเมืองชลบุรี อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี มีผู้เข้าร่วมโครงการฯจำนวน 930 คน จากเปา้ หมายทต่ี งั้ ไว้ 520 คน โดยการจัดกจิ กรรม ประกอบดว้ ย กจิ กรรมนกั อา่ นแบ่งปัน (หนงั สือแจกฟรี), จิตรกรน้อย และเกมต่างๆ เป็นตน้ 5.วดั ผล/ประเมนิ ผล/สรุปผลและรายงาน โครงการสง่ เสรมิ การอา่ นเคลอ่ื นที่สชู่ ุมชน (หอ้ งสมุดชาวตลาด) ปีงบประมาณ 2564 ในเขตอำเภอเมืองชลบุรี อำเภอเมอื งชลบรุ ี จังหวัดชลบุรี มผี เู้ ข้ารว่ มโครงการฯ ทัง้ สนิ้ จำนวน 930 คน ภายในโครงการประกอบดว้ ยกิจกรรมต่างๆ เชน่ กิจกรรมนักอา่ นแบ่งปัน (หนังสือแจกฟรี),จิตรกรนอ้ ย และเกมต่างๆ เปน็ ต้น เพ่ือมุง่ การสง่ เสริมการอ่านและใช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ กศน.อำเภอเมืองชลบรุ แี ละห้องสมดุ ประชาชนจังหวดั ชลบุรี ได้ดำเนินการตามข้นั ตอนและได้ รวบรวมข้อมลู จากแบบสำรวจสถติ ิท่ีใชใ้ นการวเิ คราะห์ คือโดยกำหนดคา่ ลำดับความสำคญั ของการ ประเมินผลออกเป็น 5 ระดบั ดังน้ี มากทีส่ ุด ใหค้ ะแนน 5 มาก ใหค้ ะแนน 4 ปานกลาง ให้คะแนน 3 นอ้ ย ให้คะแนน 2 นอ้ ยท่ีสดุ ใหค้ ะแนน 1 ในการแปลผล ผู้จัดทำได้ใชเ้ กณฑก์ ารพิจารณาจากคะแนนเฉลยี่ ตามแนวคิดของ บญุ ชม ศรีสะอาด และบญุ สง่ นิวแก้ว (2535,หนา้ 22-25) 4.51-5.00 หมายความว่า ดีมาก 3.51-4.50 หมายความวา่ ดี 2.51-3.50 หมายความว่า ปานกลาง 1.51-2.50 หมายความวา่ นอ้ ย 1.00-1.50 หมายความวา่ ต้องปรบั ปรุง ผเู้ ข้าร่วมโครงการ จะตอ้ งกรอกข้อมูลตามแบบสอบถาม เพ่ือนำไปใช้ในการประเมินผลของการ จดั กจิ กรรมดงั กลา่ ว และจะได้นำไปเปน็ ข้อมูล ปรบั ปรุง และพฒั นา ตลอดจนใช้ในการจดั ทำแผนการ ดำเนินการในปตี ่อไป

บทท่ี 4 ผลการดำเนินงานและการวเิ คราะหข์ อ้ มลู โครงการสง่ เสรมิ การอ่านเคลือ่ นทีส่ ูช่ มุ ชน (หอ้ งสมดุ ชาวตลาด) ปีงบประมาณ 2564 ในเขตอำเภอเมืองชลบุรี อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี มีผู้เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้นจำนวน 930 คน เลือกสุ่มตัวอย่างจากมีผู้เข้าร่วมทำแบบประเมินโครงการฯจำนวน 98 คน (ขนาดของกลุ่ม ตัวอย่างท่เี หมาะสม ตารางสำเรจ็ รูปของ ทาโร ยามาเน่ (Yamane) ) และได้สรุปผลจากแบบสอบถาม และนำเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมลู จำนวน 98 ชุดดงั น้ี ตอนที่ 1 ข้อมูลส่วนตัวผู้ตอบแบบถามของผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการส่งเสริมการอ่าน เคลื่อนที่สู่ชุมชน (ห้องสมุดชาวตลาด) ปีงบประมาณ 2564 นำมาจำแนกตามเพศ อายุ และอาชีพ ผูจ้ ัดทำไดน้ ำเสนอจำแนกตามขอ้ มลู ดังปรากฏตามตารางท่ี 1 ดงั นี้ ตารางท่ี 1 แสดงค่าร้อยละของผ้ตู อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามเพศ เพศ ชาย หญิง ความคดิ เห็น จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ ผเู้ ข้ารว่ มกจิ กรรมโครงการสง่ เสริมการอ่านเคลื่อนทสี่ ู่ 32 32.7 66 67.3 ชมุ ชน (หอ้ งสมดุ ชาวตลาด) ปีงบประมาณ 2564 จากตารางที่ 1 แสดงว่า ผ้ตู อบแบบสอบถามของผเู้ ข้าร่วมกิจกรรมโครงการสง่ เสรมิ การ อ่านเคลื่อนท่ีสู่ชุมชน (ห้องสมุดชาวตลาด) ปีงบประมาณ 2564 เป็นชาย 32 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 32.7 เปน็ หญงิ 66 คนคิดเป็นร้อยละ 67.3 ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามอายุ อายุ ต่ำกว่า 15 ปี 15-29 ปี 30-39 ปี 40-59ปี 60ปีขน้ึ ไป ความคิดเหน็ จำ รอ้ ย จำ ร้อย จำ รอ้ ยละ จำ รอ้ ย จำ รอ้ ย นวน ละ นวน ละ นวน นวน ละ นวน ละ ผู้เขา้ รว่ มโครงการ สง่ เสริมการอ่าน 10 10.2 27 27.6 7 12.96 53 54.1 8 8.2 เคล่ือนทส่ี ชู่ มุ ชน (ห้องสมดุ ชาว ตลาด) ปีงบประมาณ 2564

๓๖ จากตารางที่ 2 แสดงว่า ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการอ่านเคลื่อนที่สู่ชุมชน (ห้องสมุดชาวตลาด) ปีงบประมาณ 2564 พบว่า ในช่วงอายุ15-29 ปี มีจำนวนสูงสุด98 คน คิด เป็นรอ้ ยละ 74.2 ในช่วงอายุ 30-39 ปีมจี ำนวน 25 คน คิดเปน็ ร้อยละ 18.9 ในชว่ งอายุ 40-59 ปมี จี ำนวน 7 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 5.3 ในชว่ งอายุ ตำ่ กวา่ 15 ปี มจี ำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.8 เทา่ กนั กบั ในชว่ งอายุ 60 ปีข้นึ ไปมีจำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.8 ตามลำดับ ตารางที่ 3 แสดงคา่ ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามอาชพี อาชพี รับจ้าง ค้าขาย นักเรียน/ เกษตรกรรม พนกั งาน ธรุ กิจส่วนตัว นกั ศกึ ษา บรษิ ทั ความคดิ เหน็ จำ ร้อย จำ รอ้ ย จำ ร้อย จำ รอ้ ย ผู้เข้าร่วม นวน ละ นวน ละ จำ ร้อย นวน ละ จำ รอ้ ย นวน ละ กจิ กรรม 12 12.2 18 18.4 นวน ละ 5 5.1 นวน ละ 22 22.4 โครงการ สง่ เสรมิ การ 17 17.3 24 24.5 อา่ นเคลอื่ นที่สู่ ชมุ ชน (หอ้ งสมุดชาว ตลาด) จากตารางท่ี 3 แสดงวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามของผูเ้ ข้ารว่ มกจิ กรรมโครงการสง่ เสริมการ อา่ นเคล่ือนทส่ี ู่ชุมชน (หอ้ งสมุดชาวตลาด) ปงี บประมาณ 2564 พบวา่ เป็นผู้เขา้ รว่ มมากทส่ี ุดมี อาชพี พนักงานบริษทั จำนวน 24 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 24.5 อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว จำนวน 22 คน คิดเปน้ ร้อยละ 22.4 อาชีพ ค้าขาย 18 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 18.4 อาชีพ นกั เรยี น/นกั ศึกษา จำนวน 17 คน คิดเปน็ ร้อยละ 17.3 อาชพี รับจา้ ง จำนวน 12 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 12.2 และ อาชีพ เกษตรกรรม จำนวน 5 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 5.1 ตามลำดบั ตารางที่ 4 แสดงค่ารอ้ ยละของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามระดบั การศกึ ษา การศกึ ษา ประถมฯ ม.ตน้ ม.ปลาย/ปวช ปวส.- สูงกวา่ ปริญญาตรี ปรญิ ญาตรี ความคิดเหน็ จำ ร้อย จำ ร้อย จำ ร้อย นวน ละ นวน ละ นวน ละ จำ รอ้ ย จำ ร้อย ผูเ้ ข้ารว่ มกจิ กรรม 13 13.3 16 16.3 36 36.7 นวน ละ นวน ละ โครงการส่งเสริมการ 29 29.6 อ่านเคล่ือนที่สู่ชุมชน 4 4.1 (ห้องสมุดชาวตลาด) ปงี บประมาณ 2564

๓๗ จากตารางท่ี 4 แสดงว่า ผตู้ อบแบบสอบถามของผู้เข้ารว่ มกจิ กรรมโครงการสง่ เสริมการ อ่านเคลื่อนทส่ี ชู่ มุ ชน (หอ้ งสมุดชาวตลาด) ปีงบประมาณ 2564 พบวา่ มกี ารศึกษาระดับ ประถมศึกษา จำนวน 13 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 13.3 ระดับ ม.ตน้ จำนวน 16 คน คิดเปน็ ร้อยละ 16.3 ระดบั ม.ปลายจำนวน 36 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 36.7 ระดบั ปวส.-ปรญิ ญาตรี จำนวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ29.6 และสงู กว่าปรญิ ญาตรี 4 คน รอ้ ยละ 4.1 ตอนท่ี 2 ข้อมลู เกี่ยวกบั ความคิดเห็นของผู้เข้ารว่ มโครงการ 2 เมษายน วันรกั การอ่านและส่งเสรมิ การเรียนรปู้ ้องกันไวรสั โควิด-19 ประจำปี 2564 ดงั ปรากฏในตารางที่ 5 ตารางที่ 5 ผลการประเมนิ ความพึงพอใจในโครงการสง่ เสริมการอ่านเคลอ่ื นทส่ี ชู่ มุ ชน (ห้องสมุดชาวตลาด) ปีงบประมาณ 2564 N = 98 รายการประเมินความพึงพอใจ x̄ S.D. อันดบั ระดับ ที่ ผลการ 1. เนอ้ื หาตรงตามความตอ้ งการ ประเมิน 2.เน้ือหาเพียงพอตอ่ ความตอ้ งการ 3. เน้ือหาปจั จบุ ันทันสมยั 4.54 0.54 4 ดมี าก 4.เนอ้ื หามีประโยชนต์ อ่ การนำไปใชใ้ นการพัฒนาคณุ ภาพชีวติ 5. การเตรยี มความพร้อมกอ่ นจัดกิจกรรม 4.55 0.56 3 ดมี าก 6. การออกแบบกจิ กรรมเหมาะสมกับวตั ถุประสงค์ 7. การจดั กจิ กรรมเหมาะสมกบั เวลา 4.57 0.57 2 ดมี าก 8. การจดั กจิ กรรมเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย 9. วธิ ีการวัดผล/ประเมินผลเหมาะสมกับวตั ถุประสงค์ 4.53 0.60 5 ดมี าก 10. วทิ ยากรมีความรู้ความสามารถในเรือ่ งท่ีถา่ ยทอด 4.22 0.77 16 ดี 11. วิทยากรมเี ทคนิคการถา่ ยทอดใชส้ ือ่ เหมาะสม 4.35 0.75 12 ดี 12. วิทยากรเปดิ โอกาสใหม้ สี ่วนรว่ มและซกั ถาม 4.37 0.68 11 ดี 13. สถานท่ี วสั ดุ อปุ กรณ์และสงิ่ อำนวยความสะดวก 4.44 0.66 8 ดี 14. การสอ่ื สาร การสรา้ งบรรยากาศเพื่อให้เกดิ การเรยี นรู้ 15. การบริการ การชว่ ยเหลอื และการแกป้ ัญหา 4.40 0.72 10 ดี 16. ความพึงพอใจในภาพรวมของผู้เข้ารว่ มโครงการ รวม 4.33 0.74 13 ดี 4.63 0.54 1 ดี 4.29 0.75 14 ดี 4.42 0.70 9 ดี 4.27 0.81 15 ดี 4.48 0.63 6 ดี 4.46 0.63 7 ดมี าก 4.43 ดี

๓๘ จากตาราง 5 พบวา่ โดยเฉลี่ยแลว้ ผูเ้ ข้ารับการอบรมใน โครงการสง่ เสรมิ การอ่านเคลอื่ นที่ สชู่ ุมชน (ห้องสมดุ ชาวตลาด) ปีงบประมาณ 2564 มีความพึงพอใจในภาพรวมอยูใ่ นระดบั ดี (x=̄ 4.43) เมอ่ื วเิ คราะห์เป็นรายขอ้ พบว่า ลำดับท่ี 1 วิทยากรมีเทคนคิ การถ่ายทอดใชส้ ่อื เหมาะสม (x=̄ 4.63 ) ลำดับที่ 2 เนอื้ หาปจั จุบันทันสมัย (x=̄ 4.57) ลำดบั ที่ 3 เนื้อหาเพียงพอต่อความตอ้ งการ (x̄=4.55) ลำดับที่ 4 เน้อื หาตรงตามความตอ้ งการ (x̄= 4.54 ) ลำดบั ท่ี 5 เน้ือหามปี ระโยชน์ตอ่ การนำไปใชใ้ นการพฒั นาคุณภาพชวี ติ (x=̄ 4.53 ) ลำดบั ท่ี 6 การบรกิ าร การช่วยเหลอื และการ แกป้ ญั หา (x=̄ 4.48 ) ลำดบั ท่ี 7 ความพึงพอใจในภาพรวมของผู้เข้าร่วมโครงการ (x̄= 4.46) และลำดบั ที่ 8 การจดั กิจกรรมเหมาะสมกบั กล่มุ เป้าหมาย (x̄=4.44 )ลำดับท่ี 9 สถานท่ี วัสดุ อุปกรณ์และส่ิงอำนวยความสะดวก (x̄= 4.42) ลำดับที่ 10 วธิ ีการวดั ผล/ประเมินผลเหมาะสมกบั วตั ถุประสงค์ (x=̄ 4.40 ) ลำดบั ท่ี 11 การจดั กิจกรรมเหมาะสมกบั เวลา (x=̄ 4.7) ลำดบั ท่ี 12 การออกแบบกิจกรรมเหมาะสมกับวตั ถุประสงค์ (x=̄ 4.35 ) ลำดบั ที่ 13 วทิ ยากรมี ความรคู้ วามสามารถในเรื่องที่ถา่ ยทอด (x=̄ 4.33 ) ลำดบั ท่ี 14 วทิ ยากรเปดิ โอกาสให้มีสว่ นร่วมและ ซักถาม (x̄= 4.29 ) ลำดับที่ 15 การสื่อสาร การสรา้ งบรรยากาศเพ่ือใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ (x=̄ 4.20) ลำดับที่ 16 การเตรยี มความพรอ้ มก่อนจดั กิจกรรม (x̄=4.22) ตามลำดบั

บทท่ี 5 สรปุ อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ โครงการส่งเสริมการอ่านเคล่อื นทสี่ ่ชู ุมชน (หอ้ งสมดุ ชาวตลาด) ปีงบประมาณ 2564 ในเขตอำเภอเมืองชลบุรี อำเภอเมอื งชลบรุ ี จังหวัดชลบรุ ี มผี ้เู ข้ารว่ มโครงการฯ ท้ังส้นิ จำนวน 930 คน เลอื ก สุ่มตัวอย่างจากมีผู้เข้าร่วมทำแบบประเมินโครงการฯจำนวน 98 คน (ขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่เหมาะสม ตารางสำเร็จรูปของ ทาโร ยามาเน่ (Yamane) ) และได้สรุปผลจากแบบสอบถามและนำเสนอผลการ วเิ คราะหข์ ้อมลู จำนวน 98 ชุดดงั นี้ ชดุ ดังน้ีงนขี้ อสรปุ และอภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะดังนี้ 1. สรุปผล 1.1 ผู้ตอบแบบสอบถามของผ้เู ขา้ ร่วมกจิ กรรมโครงการสง่ เสรมิ การอ่านเคลือ่ นที่สู่ชุมชน (หอ้ งสมดุ ชาวตลาด) ปีงบประมาณ 2564 เปน็ ชาย 32 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 32.7 เปน็ หญิง 66 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 67.3 ผตู้ อบแบบสอบถามของผูเ้ ขา้ รว่ มโครงการส่งเสรมิ การอ่านเคลอ่ื นที่สูช่ ุมชน (ห้องสมดุ ชาว ตลาด) ปงี บประมาณ 2564 พบวา่ ในช่วงอายุ15-29 ปี มีจำนวนสูงสดุ 98 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 74.2 ในช่วงอายุ 30-39 ปีมีจำนวน 25 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 18.9 ในช่วงอายุ 40-59 ปมี ีจำนวน 7 คน คิด เป็นรอ้ ยละ 5.3 ในช่วงอายุ ตำ่ กว่า 15 ปี มีจำนวน 1 คน คิดเปน็ ร้อยละ 0.8 เท่ากนั กับในชว่ งอายุ 60 ปีข้ึนไปมีจำนวน 1 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 0.8 ตามลำดบั ด้านอาชีพ พบว่าเป็นผู้เข้าร่วมมากที่สุดมีอาชีพ พนักงานบริษัท จำนวน 24 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 24.5 อาชีพ ธรุ กิจส่วนตวั จำนวน 22 คน คดิ เป้นร้อยละ 22.4 อาชพี คา้ ขาย 18 คน คิดเป็น ร้อยละ 18.4 อาชีพ นักเรียน/นักศึกษาจำนวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 17.3 อาชีพ รับจ้าง จำนวน 12 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 12.2 และอาชีพ เกษตรกรรม จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 5.1 ตามลำดบั ด้านการศึกษา พบว่ามีการศึกษาระดับประถมศกึ ษา จำนวน 13 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 13.3 ระดับ ม.ต้น จำนวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 16.3 ระดับ ม.ปลายจำนวน 36 คน คิดเป็นร้อยละ 36.7 ระดับ ปวส.-ปริญญาตรี จำนวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ29.6 และสูงกว่าปริญญาตรี 4 คน ร้อยละ 4.1 1.2 ข้อมูลเกี่ยวกับความคิดเห็นของผู้เข้ารับการอบรมในโครงการส่งเสริมการอ่านเคลื่อนที่สู่ ชุมชน (ห้องสมดุ ชาวตลาด) ปงี บประมาณ 2564 มคี วามพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดบั ดี (x=̄ 4.43) เมื่อวิเคราะห์เป็นรายข้อพบว่า ลำดับที่ 1 วิทยากรมีเทคนิคการถ่ายทอดใช้สื่อเหมาะสม ( x̄= 4.63 ) ลำดบั ที่ 2 เน้อื หาปจั จุบนั ทันสมัย (x=̄ 4.57) ลำดับที่ 3 เนื้อหาเพียงพอต่อความต้องการ(x̄=4.55) ลำดับที่ 4 เนื้อหาตรงตามความต้องการ (x̄= 4.54 ) ลำดับที่ 5 เนื้อหามีประโยชน์ต่อการนำไปใช้ในการ พฒั นาคุณภาพชวี ติ (x̄= 4.53 ) ลำดับท่ี 6 การบรกิ าร การชว่ ยเหลือและการแกป้ ัญหา (x=̄ 4.48 ) ลำดับ ที่ 7 ความพึงพอใจในภาพรวมของผู้เข้าร่วมโครงการ (x̄= 4.46) และลำดับที่ 8 การจัดกิจกรรมเหมาะสม กับกลุ่มเป้าหมาย (x=̄ 4.44 )ลำดับที่ 9 สถานที่ วัสดุ อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก (x=̄ 4.42) ลำดับที่ 10 วิธีการวัดผล/ประเมินผลเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ (x=̄ 4.40 ) ลำดับที่ 11 การจัดกิจกรรม เหมาะสมกบั เวลา (x=̄ 4.7)

๔๐ ลำดบั ที่ 12 การออกแบบกจิ กรรมเหมาะสมกับวัตถปุ ระสงค์ (x̄=4.35 ) ลำดบั ที่ 13 วทิ ยากรมีความรู้ ความสามารถในเรือ่ งท่ถี ่ายทอด (x=̄ 4.33 ) ลำดบั ที่ 14 วิทยากรเปดิ โอกาสให้มีสว่ นรว่ มและซกั ถาม (x̄= 4.29 ) ลำดับที่ 15 การสอ่ื สาร การสร้างบรรยากาศเพื่อให้เกิดการเรยี นรู้ (x=̄ 4.20) ลำดับท่ี 16 การ เตรยี มความพรอ้ มก่อนจัดกิจกรรม (x=̄ 4.22) ตามลำดับ 2. อภิปรายผล จากโครงการสง่ เสริมการอา่ นเคลอื่ นท่สี ูช่ มุ ชน (ห้องสมดุ ชาวตลาด) ปงี บประมาณ 2564 ได้ ดำเนนิ การเสรจ็ สน้ิ แลว้ ขออภปิ ลายผลเป็นหวั ข้อดงั น้ี.- 1. ประชมุ ผูท้ ่เี กีย่ วข้อง พบวา่ ...ไม่พบสภาพปัญหา................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................ .......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................. ซ่งึ หากมีการจัดโครงการฯในลกั ษณะน้ี ควรดำเนนิ การ.......................-.......................................... .................................................................................................................. ........................................................ ............................................................................................................................. ............................................. ......................................................................................................................................................... ................. 2. จัดต้ังคณะทำงานเพอ่ื ดำเนนิ การจัดโครงการฯ พบว่า ...ไมพ่ บสภาพปญั หา................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................ ............................................................................................................................................................. ............. ..................................................................................................................... ..................................................... ซึง่ หากมีการจดั โครงการฯในลักษณะน้ี ควรดำเนนิ การ........................-......................................... ...................................................................................... .................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................. ............................................. 3.ประสานงาน/ประชาสัมพันธ์ พบว่า ...ไมพ่ บสภาพปัญหา ........................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................... ....................................................................................... ................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................. ซึง่ หากมีการจดั โครงการฯในลกั ษณะนี้ ควรดำเนนิ การ.......................-.......................................... ............................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................. ............................................. ..........................................................................................................................................................................

๔๑ 4.ดำเนินงานตามแผน พบว่า ..เนอื่ งจากจงั หวัดชลบรุ เี จอสภานการณป์ ญั หาของการระบาดของโควิด-19 รนุ แรงทำให้ การจดั กิจกรรมเป็นไปด้วยความลำบากและบางช่วงเวลาไม่สามารถจดั กิจกรรมได้....................................... ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................. ............................................. ซึ่งหากมีการจดั โครงการฯในลักษณะนี้ ควรดำเนนิ การ......ใช้มาตราการคมุ เข้มและการงด กิจกรรมในบางช่วงเวลา ................................................................................................................................... .............................................................................................. ............................................................................ ............................................................................................................................. ............................................. 5. วดั ผล/ประเมนิ ผล/สรปุ ผลและรายงาน พบวา่ ...ไม่พบสภาพปญั หา................................................................................................. ......................................................................................................... ................................................................ ............................................................................................................................. ............................................. ................................................................................................................................................. ......................... ซึง่ หากมีการจัดโครงการฯในลกั ษณะนี้ ควรดำเนินการ......................-........................................... ............................................................................................................................. ............................................. .......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................. 3. ข้อเสนอแนะ (ในภาพรวม) ......................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ............................. ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................. .............................. ...........................................................................................................................................................................

บรรณานุกรม ข่าว มสธ. (2539) .การอ่านอย่างมปี ระสิทธิภาพ. ค้นเม่ือ กันยายน 20, 2564 https://www.stou.ac.th/Thai/Offices/Oes/Guide/article/read2.html บญุ ชม ศรสี ะอาด และบุญส่ง นลิ แก้ว. (2535). การอา้ งอิงประชากรเม่ือใช้เครื่องมือแบบ มาตราสว่ นประมาณค่ากับกลุ่มตวั อยา่ ง. วารสารการวดั ผลทางการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ มหาสารคาม. 3 (1) : 22 - 25. สำนักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั . (2551). พระราชบญั ญตั ิ การศกึ ษาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย. กรงุ เทพมหานคร : สำนักงาน กศน. สำนักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย. (2564). นโยบายและ จดุ เน้นการดำเนนิ งานการศึกษานอระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ประจำปี งบประมาณ 2564. กรงุ เทพมหานคร : สำนกั งาน กศน. NG THAI (2563). การอ่านหนังสอื ชว่ ยพัฒนาสมองอย่างไร..ค้นเมื่อ กันยายน 20, 2564 https://ngthai.com/news-activity/27514/readingimprovesbrain/

ภาคผนวก

แผนการดำเนนิ งานและโครงการส่งเสรมิ การอา่ นเคล่อื นท่ี(ชาวตลาด) ปงี บประมาณ 2564


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook