Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

Published by s.pannawitt, 2020-07-17 01:05:01

Description: พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

Search

Read the Text Version

ดว้ ยเกล้าดว้ ยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจา้ ผู้บรหิ าร ขา้ ราชการ พนักงานราชการและเจา้ หน้าท่ี ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งชลบรุ ี

คานา E-book ฉบบั นีจ้ ดั ทาขน้ึ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัว เพอื่ รว่ มแสดงความจงรักภกั ดแี ละสานกึ ในพระมหากรณุ าธิคุณ ทีไ่ ด้ทรงปฏิบตั พิ ระราชกรณียกิจนานัปการ เพือ่ ประโยชนส์ ุขแห่งอาณาราษฎร และเป็นสว่ นหน่งึ ในการจดั กิจกรรม เฉลมิ พระเกียรตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เน่ืองในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๓ หอ้ งสมุดประชาชนจงั หวดั ชลบรุ ี

ตราพระปรมาภไิ ธย

ตราพระปรมาภิไธย สมเด็จพระเจ้าอย่หู ัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู รัชกาลที่ ๑๐ ออกแบบโดย นายสนุ ทร วิไล จากกรมศลิ ปากร ณ พระทีน่ ั่งอมั พรสถาน พระราชวงั ดสุ ิตวันที่ ๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ซึง่ มีการออกแบบ เช่นเดยี วกับ ตราพระปรมาภไิ ธยของ พระมหากษตั รยิ ์รัชกาลกอ่ น ๆ ประกอบด้วย พระมหาพิชยั มงกุฎเปลง่ รัศมี : พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รชั กาลท่ี ๑องคพ์ ระปฐมบรมมหากษัตรยิ ใ์ นพระบรมมหาราชจักรวี งศ์ ทรงพระกรณุ า โปรดเกล้าโปรดกระหมอ่ มให้สร้างขึน้ เป็นราชศิราภรณ์ หนึ่งในเครื่องราชกกุธภัณฑ์ สาหรบั สมเดจ็ พระมหากษัตรยิ าธิราชเจ้า แสดงถึงการเป็นพระมหากษตั ริยโ์ ดย สมบูรณ์ที่ได้รับการกราบบังคมทลู ถวาย เม่อื เสดจ็ ประทับเหนือพระท่ีนง่ั ภัทรบิฐ ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร (ฉัตรขาว ๙ ชั้น) ตามแบบอยา่ งโบราณคร้ังกรุงศรี อยธุ ยา อนั แสดงถึงพระบรมเดชานภุ าพ แผก่ ระจายไปไกลทว่ั ทุกหนแหง่ เพอื่ ปกป้อง คุ้มครองและช่วยเหลอื ประชาชนของพระองค์ทั่วทั้งแผ่นดนิ เลข ๑๐ ภายใตพ้ ระมหาพชิ ัยมงกฎุ หมายถึง พระมหากษตั รยิ ใ์ นรัชกาลที่ ๑๐ ว.ป.ร. ย่อมาจาก “วชริ าลงกรณ ปรมราชาธริ าช” อกั ษรพระปรมาภิไธย “สมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวมหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู ” ว. สีขาวนวล แสดงถงึ วันพระราชสมภพ (วนั จันทร์ นบั ตามคติมหาทักษา) ป. สเี หลอื ง แสดงถึง วนั พระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ภูมิพลอดลุ ย เดช รชั กาลที่ ๙ ร. สฟี ้า แสดงถึง วนั พระราชสมภพสมเดจ็ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินนี าถ ใน รชั กาลท่ี ๙

พระราชประวตั สิ มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกูร รชั กาลท่ี ๑๐ พระปรมาภไิ ธย สมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั มหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกูร พระปรมาภไิ ธย อา่ นว่า สม-เดด็ -พระ-เจ้า-อยู่-หัว-มะ-หา-วะ-ชิ-รา-ลง-กอน-บอ-ดนิ -ทระ-เทบ- พะ-ยะ-วะ-ราง-กูน ภาษาองั กฤษว่า “His Majesty King Maha Vajiralongkorn Bodindradebayavarangkun สมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั มหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู พระราชสมภพ ณ พระท่ีนงั่ อัมพรสถาน พระราชวังดสุ ติ เมอื่ วันจนั ทรท์ ี่ ๒๘ กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๕ เวลา ๑๗.๔๕ น. ทรงเป็นพระราชโอรส เพยี งพระองค์เดียว ในพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร รชั กาลท่ี ๙ และ สมเด็จพระนางเจ้าสริ กิ ิติ์ พระบรมราชนิ นี าถ นับเปน็ ปีท่ี ๗ แห่งการเสด็จขึน้ ทรงราชยข์ องรัชกาลท่ี ๙

พระราชประวตั สิ มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู รัชกาลที่ ๑๐ พระเชษฐภคินีและพระขนิษฐา รัชกาลที่ ๑๐ สมเด็จพระเจา้ อยู่หวั มหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู ทรงมี พระเชษฐภคินี คือ สมเดจ็ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอบุ ลรตั นราชกญั ญา สริ ิวฒั นาพรรณวดี และพระขนษิ ฐา ๒ พระองค์ คอื สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจกั รีสริ นิ ธร รฐั สีมาคณุ ากรปิย ชาติ สยามบรมราชกุมารี สมเดจ็ พระเจ้าลูกเธอ เจา้ ฟา้ จุฬาภรณวลยั ลักษณ์ อคั รราชกุมารี

พระราชประวตั สิ มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกูร รชั กาลท่ี ๑๐ พระราชโอรสและพระราชธิดา รชั กาลที่ ๑๐ สมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู ทรงมีพระราชธิดา ๒ พระองค์ และ พระราชโอรส ๑ พระองค์ ดังน้ี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพชั รกิตยิ าภา ประสตู ิ เมอ่ื วันท่ี ๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๑ ณ พระท่นี ั่งอัมพรสถาน พระราชวงั ดสุ ิต พระเจ้าหลานเธอ พระองคเ์ จ้าสริ ิวณั ณวรีนารรี ตั น์ ประสูติ เมอื่ วนั ที่ ๘ มกราคม พุทธศกั ราช ๒๕๓๐

พระราชประวตั สิ มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ ๑๐ พระราชโอรสและพระราชธิดา รชั กาลท่ี ๑๐ พระเจา้ หลานเธอ พระองคเ์ จา้ ทปี งั กรรัศมโี ชติ ประสูติ เมอื่ วนั ที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๘

พระราชประวตั สิ มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู รชั กาลท่ี ๑๐ พระนามรัชกาลท่ี ๑๐ เมอ่ื พระชนมายุ ๑ พรรษา เมอ่ื คร้ัง รชั กาลท่ี ๑๐ พระชนมายุ ๑ พรรษา พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชบรมนาถบพติ ร ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานพระ นาม โดยสมเด็จพระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เป็นผู้ตง้ั พระนามถวาย วา่ “สมเดจ็ พระเจา้ ลูกยาเธอ เจา้ ฟา้ วชริ าลงกรณ บรมจักรยาดศิ รสนั ตตวิ งศ เทเวศร ธารงสบุ ริบาลอภิคุณปู ระการมหิตลาดลุ เดช ภูมพิ ลนเรศวรางกรู กิตตสิ ริ สิ มบรู ณ์ สวางควฒั น์ บรมขัตติยราชกมุ าร” ซงึ่ เป็นพระมงคลนามตามพระราชตระกลู โดย “วชริ าลงกรณ” มาจาก “วชิรญาณ” พระนามฉายาขณะทรงพระผนวชในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหามงกฎุ พระจอมเกล้าเจา้ อยู่หัว ผู้ทรงเป็นพระไปยกิ าธิราช ผนวกกับ “อลงกรณ”์ จากพระนาม “จฬุ าลงกรณ์” ของพระบาทสมเด็จพระ ปรมนิ ทรมหาจฬุ าลงกรณพ์ ระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัว รัชกาลท่ี ๕

พระราชประวตั สิ มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกูร รชั กาลที่ ๑๐ การศกึ ษา รชั กาลที่ ๑๐ เดอื นกนั ยายน พทุ ธศักราช ๒๔๙๙ ขณะที่ สมเด็จพระเจา้ ลูกยาเธอ เจา้ ฟ้ามหาวชริ าลงกรณ มีพระชนมายุ ๔ พรรษา ทรงเข้าศึกษาชน้ั อนบุ าลปที ี่ ๑ ณ โรงเรยี นจิตรลดา ที่ตั้งอยู่ ณ พระท่นี ั่งอดุ ร ในพระราชวงั ดสุ ิต ตอ่ มาพุทธศกั ราช ๒๕๐๙ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอ ดุลยเดช บรมนาถบพติ ร จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหไ้ ปทรงเข้ารบั การศึกษา ตอ่ ระดบั ประถมศกึ ษา ณ ประเทศองั กฤษ ทีโ่ รงเรียนคงิ ส์มีด เมืองซีฟอร์ด แคว้น ซสั เซ็กส์ และในเดือนกนั ยายนปีเดยี วกัน ไดเ้ สด็จพระราชดาเนนิ ไปทรงศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาท่ีโรงเรยี นมิลลฟ์ ลิ ด์ เมืองสตรีท แควน้ ซมั เมอรเ์ ซต จนถงึ เดอื น กรกฎาคม พทุ ธศักราช ๒๕๑๓ ในเดอื นสิงหาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๓ ได้เสดจ็ พระราชดาเนนิ จาก ประเทศองั กฤษไปทรงศกึ ษาวชิ าการทหารทีโ่ รงเรยี นคิงส์ เขตพารามตั ตา นคร ซดิ นีย์ ประเทศออสเตรเลีย ซ่ึงเปน็ โรงเรยี นเตรียมทหาร หลังทรงแสดงความสน พระราชหฤทยั ในกจิ การเกยี่ วกับกองทพั และกิจการทหาร พระบาทสมเดจ็ พระ ปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ เสดจ็ พระราชดาเนินไปศกึ ษาเปน็ เวลา ๕ สัปดาห์

พระราชประวตั สิ มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู รัชกาลที่ ๑๐ พุทธศักราช ๒๕๑๕ ทรงเข้าศึกษาในวทิ ยาลยั การทหารชั้นสูงที่ วทิ ยาลยั การทหารดันทรูน กรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย ซงึ่ หลกั สตู รของ วทิ ยาลัยการทหารแหง่ น้ีแบ่งออกเป็น ๒ ภาค คอื ภาควิชาการทหาร รบั ผดิ ชอบ และดาเนนิ การโดยกองทัพบก ออสเตรเลีย นกั เรียนท่สี าเรจ็ ตามหลกั สูตรนี้จะได้ เปน็ นายทหารยศรอ้ ยโท ส่วนอกี ภาคหน่งึ เปน็ การศกึ ษาวิชาสามัญ ระดับปรญิ ญา ตรี มหาวทิ ยาลยั นิวเซาท์เวลส์ รบั ผดิ ชอบการวางหลักสตู ร แบ่งออกเป็นสาขาวิชา วศิ วกรรมศาสตร์ อกั ษรศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ นักเรยี นนายร้อยท่ีผ่านหลกั สูตร ดงั กล่าวจะได้รบั ปริญญาตรีตามสาขาวชิ าทเ่ี ลอื กศึกษา โดยพระองคท์ รงเลือก ศกึ ษาในสาขาวิชาอกั ษรศาสตร์ ทรงสาเร็จการศึกษา พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๙ เม่ือเสดจ็ นิวตั ประเทศไทย ทรงรบั ราชการทหารและทรงศกึ ษาต่อท่ี โรงเรยี นเสนาธิการทหารบก ร่นุ ที่ ๔๖ พุทธศกั ราช ๒๕๒๐ ทรงเข้าศกึ ษาใน สาขาวิชานิติศาสตร์ ร่นุ ที่ ๒ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช พุทธศักราช ๒๕๒๕ ทรงสาเร็จการศกึ ษานติ ศิ าสตรบัณฑิต (เกยี รตนิ ิยมอนั ดับ ๒) นอกจากน้ี ยังทรงศึกษาต่อยงั วิทยาลยั ปอ้ งกนั ราชอาณาจกั ร และทรง รับการฝกึ อบรมหลกั สตู รทางการทหาร การบนิ อกี หลายหลักสตู ร ทรงผ่านการ ฝึกอบรมเคร่อื งบนิ รบจนมีพระปรีชาสามารถและมีจานวนชั่วโมงบนิ สงู มาก รวมท้ัง ทรงศกึ ษาหลักสูตรนักบนิ พาณชิ ย์ จากสถาบนั การบินพลเรือน ทรงสอบได้ ใบอนญุ าตนักบินพาณชิ ย์ตรี

พระราชประวตั สิ มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลท่ี ๑๐ เม่ือพุทธศกั ราช ๒๕๔๗ ทรงเขา้ ศึกษาหลักสูตรนักบินพาณิชย์เอก จากบริษัท การบินไทย และทรงสาเรจ็ การศกึ ษาและการบนิ ด้วยเครื่องบินพาณิชย์จรงิ ทรง ไดร้ ับใบอนญุ าตเป็นกัปตันเคร่ืองบนิ โบอง้ิ ๗๓๗ ด้วยความสนพระราชหฤทยั และ วริ ยิ อุตสาหะทาใหพ้ ระองคท์ รงมีพระปรชี าชาญด้านการบนิ รอบร้ทู ง้ั ภาคทฤษฎี และภาคปฏิบตั ิ จนไดร้ บั พระนามใหเ้ ป็น “เจา้ ฟา้ นกั บิน”

พระราชประวตั สิ มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกูร รชั กาลท่ี ๑๐ สมเด็จพระยุพราช วนั ที่ ๒๘ ธนั วาคม พทุ ธศักราช ๒๕๑๕ ขณะทรงดารงพระอิสรยิ ยศ สมเดจ็ พระเจา้ ลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชริ าลงกรณ พระชนมายุ ๒๐ พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดชบรมนาถบพิตร ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ้ังการพระราชพิธสี ถาปนาเฉลิม พระนามาภิไธย ให้ดารงพระอสิ รยิ ยศเปน็ สมเดจ็ พระยุพราช มกฎุ ราชกุมาร หรอื สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลง กรณ สยามมกฎุ ราชกุมาร ในการนี้ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหา ภูมิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร

พระราชประวตั สิ มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู รชั กาลที่ ๑๐ ทรงหลั่งนา้ พระมหาสังข์ทักษิณาวฏั พระราชทานแด่ สมเด็จพระบรม โอรสาธิราช เจา้ ฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกฎุ ราชกุมาร จากนั้นพระราชทาน พระสุพรรณบัฏ พระนามาภิไธย พระราชลัญจกร พระแสงดาบ ฝกั ทองเกลีย้ ง เครือ่ งราชอิสรยิ าภรณ์ และเครือ่ งราชอสิ ริยยศ ตามลาดบั และใน พระสุพรรณบฏั จารกึ พระนามไว้วา่ “สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู สิริ กติ ยสมบรู ณสวางควัฒน์ วรขตั ติยราชสันตติวงศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช จกั รีนเรศ ยุพราชวสิ ุทธิ สยามมกุฎราชกุมาร” ซง่ึ เปน็ พระรัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลวา่ ด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศกั ราช ๒๔๖๗ และในมงคลวาระน้ัน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกมุ าร ได้ทรงมพี ระราชดารัสถวายสตั ยป์ ฏญิ าณ ในการพิธถี ือ นา้ พพิ ฒั นส์ ัตยา ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งแสดงถึงพระราช ปณิธานท่ีทรงมงุ่ ม่นั จะบาเพ็ญพระราชกรณียกจิ เพื่อชาตบิ า้ นเมืองและประชาชน ชาวไทย ดังความสาคญั ว่า “ขา้ พระพทุ ธเจา้ ขอพระราชทานกระทาสตั ย์ปฏญิ าณ ตอ่ ประเทศชาติและ ประชาชนชาวไทยพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เฉพาะพระพุทธมหามณีรัตน ปฏมิ ากร ทา่ มกลางสันนบิ าตน้ีว่า ขา้ พเจา้ ผูเ้ ป็น สยามมกฎุ ราชกุมาร จะรกั ษา เกยี รตยิ ศและอรยิ ศักดิ์ ซ่งึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหมอ่ ม พระราชทาน ไวด้ ว้ ยชวี ติ จะภกั ดีตอ่ ชาติบา้ นเมือง จะซอ่ื สัตย์ต่อประชาชน จะปฏบิ ัติ ภาระหนา้ ทที่ ุกอยา่ ง โดยเตม็ กาลงั สติปญั ญาความสามารถ และโดยความเสียสละ เพื่อความเจริญสงบสขุ และความมัน่ คงไพบูลย์ ของประเทศไทย จนตราบเท่า ชีวติ ร่างกายจะหาไม”่

พระราชประวตั สิ มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู รชั กาลที่ ๑๐ วันท่ี ๖ พฤศจกิ ายน พทุ ธศักราช ๒๕๒๑ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราช เจา้ ฟ้ามหาวชิราลงกรณสยามมกฎุ ราชกมุ าร ทรงผนวชเพ่อื บาเพญ็ พระราชกศุ ล ในพระศาสนา และสนองพระเดชพระคณุ สมเด็จพระบรมราชบุพการีตามจารีต นิยม ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวังโดยมสี มเด็จ พระอรยิ วงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) วัดราชบพิธ เปน็ พระ ราชอปุ ธั ยาจารย์ และสมเดจ็ พระญาณสังวร สมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหาสงั ฆป ริณายก(เจริญ สุวฑฒฺ โน) เปน็ พระกรรมวาจาจารย์ ได้รับถวายสมณนาม ว่า “วชริ าลงกรโณ” ประทับ ณวัดบวรนเิ วศราชวรวหิ าร เมือ่ ครบ ๑๕ วัน ทรงลาสิกขา

พระราชประวตั สิ มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู รชั กาลที่ ๑๐ ทรงราชย์ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราช เจา้ ฟา้ มหาวชริ าลงกรณ สยาม มกฎุ ราชกุมาร ขึ้นทรงราชยเ์ ป็นพระมหากษตั ริย์ รัชกาลใหม่ ตัง้ แตว่ นั ท่ี ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ตามบทบัญญตั ิของรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั ร ไทย (ฉบบั ชัว่ คราว) พทุ ธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๒ วรรค ๒ ประกอบกับ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๓ วรรค ๑ ไดบ้ ญั ญตั ิเรอ่ื งการสบื ราชสันตตวิ งศว์ า่ ในกรณีทรี่ าชบลั ลงั ก์หากว่างลง และเป็นกรณที พี่ ระมหากษัตรยิ ์ได้ทรงแตง่ ต้ังพระรัชทายาทไวต้ ามกฎ มณเฑยี รบาลวา่ ดว้ ยการสบื ราชสนั ตติวงศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ แลว้ ใหค้ ณะรฐั มนตรแี จ้งใหป้ ระธานรัฐสภาทราบ และให้ประธานรฐั สภาเรยี ก ประชมุ รฐั สภาเพ่อื รบั ทราบและให้ประธานรัฐสภาอัญเชญิ องค์พระรัช ทายาทขน้ึ ทรงราชย์เปน็ พระมหากษัตริย์สืบไป แลว้ ให้ประธานรฐั สภา ประกาศใหป้ ระชาชนทราบ โดยทีพ่ ระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช มหิต ลาธเิ บศรรามาธบิ ดี จกั รีนฤบดินทร สยามนิ ทราธิราช บรมนาถบพติ ร ได้ ทรงแต่งตง้ั สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจา้ ฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยาม มกุฎราชกมุ าร เป็นพระรชั ทายาทไวต้ ามกฎมณเฑยี รบาลวา่ ดว้ ยการสืบ ราชสันตติวงศ์ พระพุทธศกั ราช ๒๔๖๗ แล้ว เมอื่ วนั ท่ี ๒๘ ธนั วาคม พุทธศกั ราช ๒๕๑๕

พระราชประวตั สิ มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รชั กาลท่ี ๑๐ สภานติ ิบญั ญัตแิ ห่งชาติ จงึ ได้มีการประชมุ และประธานสภานิติบญั ญัตแิ ห่งชาติได้ นาความกราบบงั คมทูลอัญเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้ มหาวชริ าลงกรณ สยามมกฎุ ราชกมุ าร ข้ึนทรงราชย์เปน็ พระมหากษัตรยิ ์ และเม่อื วนั ที่ ๑ ธันวาคม พทุ ธศักราช ๒๕๕๙ ทรงมพี ระมหากรุณาธคิ ุณและยังความปล้มื ปตี ิแกป่ ระชาชนชาวไทย เปน็ อย่างย่ิงด้วยพระองคม์ พี ระราชดารสั ตอบรับการขึ้นทรงราชยค์ วามวา่ ... “ตามทีป่ ระธานสภานติ บิ ญั ญัตแิ ห่งชาติ ปฏิบตั หิ น้าท่ีประธานรฐั สภาไดก้ ล่าว ในนามของปวงชนชาวไทย เชญิ ข้าพเจา้ ขึน้ ครองราชยเ์ ป็นพระมหากษตั รยิ ์ วา่ เป็นไป ตามพระราชประสงคข์ องพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช บรมนาถ บพติ ร และเป็นไปตามบทบัญญตั ิของกฎมณเฑียรบาล วา่ ดว้ ยการสบื ราชสันตตวิ งศ์กบั รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยน้นั ข้าพเจา้ ขอตอบรบั เพือ่ สนองพระราชปณธิ าน และ เพอ่ื ประโยชนข์ องประชาชนชาวไทยทั้งปวง” ณ บัดนี้ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟา้ มหาวชิราลงกรณ สยาม มกฎุ ราชกมุ าร ท่ที รงสถิตอยใู่ นพระราชฐานะองคพ์ ระรัชทายาท มาตง้ั แตพ่ ุทธศักราช ๒๕๑๕ นับเปน็ เวลาถึง ๔๔ ปี จึงทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั พระมหากษัตรยิ ์ รชั กาลที่ ๑๐ แหง่ ราชวงศ์จกั รี และมีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหมอ่ มใหเ้ ฉลิมพระ ปรมาภไิ ธยว่า “สมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั มหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกูร”สาหรบั พระราชพธิ บี รมราชาภิเษกน้ัน รชั กาลท่ี ๑๐ มีพระราชดาริวา่ ควรดาเนินการเม่ือเสรจ็ สน้ิ การพระราชพธิ ถี วายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอ ดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร แลว้

พระราชประวตั สิ มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู รัชกาลที่ ๑๐ “รวงผ้งึ ” หรอื ช่ือภาษาพ้ืนเมอื ง “นา้ ผงึ้ ” หรือ “สายน้าผ้งึ ” ตน้ ไมม้ งคลอนั ทรงคุณค่าและมีเกยี รตทิ ่ีถกู ยกใหเ้ ปน็ พรรณไม้ประจาพระองค์ สมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั มหา วชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู รัชกาลที่ ๑๐ เน่ืองจากผลดิ อกในชว่ งเดอื นพระบรม ราชสมภพ เดอื นกรกฎาคม-สงิ หาคม สว่ นสีเหลืองของดอกรวงผึ้งยงั เป็นสีประจาวนั พระบรมราชสมภพ (วันจนั ทร์ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศกั ราช ๒๔๙๕) รวมถงึ ยงั ทรงปลูก ต้นรวงผ้งึ ไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ ทีเ่ สด็จพระราชดาเนนิ ไปประกอบพระราชกรณยี กจิ เพื่อพระราชทานไว้ให้เปน็ ตัวแทนพระองค์และเป็นสริ มิ งคลแกป่ ระชาชน สาหรบั “รวงผ้งึ ” ไมย้ นื ตน้ ขนาดกลาง ท่ีมีถนิ่ กาเนดิ ในประเทศไทย พบมากในปา่ ทางภาคเหนือทนแดดและชอบขน้ึ ในทแ่ี ล้ง ลาตน้ แตกก่ิงตา่ ลกั ษณะลาต้นเป็นทรงพมุ่ มน ออกใบเดย่ี วเรยี งสลับกนั ด้านหนา้ ใบจะเป็นสเี ขียวและหลังใบเปน็ สีนา้ ตาลนวล ดอก รวงผึง้ ผลดิ อกนาน ๗-๑๐ วนั ส่งกลนิ่ หอมตลอดทัง้ วัน และมสี เี หลอื งอร่ามดโู ดดเด่น ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ ลักษณะดอกมกี ลีบเล้ยี ง ๕ แฉกตดิ กับโคนกลีบและเปน็ ฐานรองกระจกุ เกสรตัวผู้ ไมม่ กี ลีบดอก ส่วนผลของต้นรวงผงึ้ มีลกั ษณะเปน็ ทรงกลม ผลแห้ง และมขี น ประโยชน์ของต้นรวงผึ้ง แมจ้ ะไมใ่ ชไ่ มย้ นื ต้นขนาดใหญ่ แต่กช็ ่วยบงั แดดและให้ ร่มเงาได้ เปน็ ไมม้ งคลท่เี หมาะจะนามาปลกู ประดบั สวนภายในบา้ นและตามสถานทตี่ า่ ง ๆ โดยเฉพาะบ้านที่มคี นธาตุไฟ ตน้ รวงผ้ึงกจ็ ะช่วยเสริมความเป็นสริ มิ งคลให้มากย่งิ ขนึ้ รวมถึงดอกรวงผ้ึงมกี ลนิ่ หอมซง่ึ ชว่ ยปรบั บรรยากาศให้สดชน่ื อกี ด้วย

พระราชประวตั สิ มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกูร รชั กาลท่ี ๑๐ วัดวชิรธรรมสาธติ วรวิหาร หรือ วัดท่งุ สาธิต วดั ประจารชั กาลที่ ๑๐ ต้ังอยู่ แขวง บางจาก เขตพระโขนง กรงุ เทพฯ สรา้ งขึ้นประมาณพุทธศักราช ๒๓๙๙ โดยคหบดีชาว ลาวชื่อ นายวันดี ทอ่ี พยพมาจากเวยี งจันทน์ แต่เมือ่ คหบดีท่านนถ้ี งึ แก่กรรม รวมถงึ เจ้า อาวาสรปู สุดทา้ ยมรณภาพ ทาให้ไมม่ ีใครสบื สานตอ่ จนกลายเป็นวัดรา้ ง ตอ่ มา พระอาจารยส์ าธติ ฐานวโร (หลวงพอ่ ศรนี วล) ไดร้ ับการนิมนต์มาบูรณะวดั ท่งุ สาธติ ทา่ นกไ็ ด้ไปเรียนปรกึ ษาหารือผู้ทเี่ กี่ยวขอ้ งหลายฝา่ ย ท้ัง เจ้าคณะจังหวดั พระ นคร เจ้าคณะอาเภอพระโขนง รวมถงึ ฝ่ายฆราวาส เลขานกุ ารกรมศาสนา รองอธบิ ดกี รม ศาสนา ซึ่งไดร้ บั การสนบั สนุนด้วยดี และในที่สุดมหาเถรสมาคมไดอ้ นุมตั ใิ ห้ทาการบูรณะ วดั ทุ่งสาธติ ข้ึนเปน็ วดั ทม่ี ีพระสงฆ์ เมอ่ื วันท่ี ๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๐๖ และกระทรวงศกึ ษาธกิ ารได้มกี าร ประกาศต้ังวัดทงุ่ เป็นวัดสมบรู ณ์ ต้งั แตว่ นั ที่ ๓๐ ธนั วาคม พทุ ธศักราช ๒๕๐๖ จากวดั รา้ งกลางท่งุ มีแตก่ องอฐิ กองปนู ซากปรักหักพงั ภายในเวลา ๒ ปี กลับกลายเปน็ วัดที่ สวยงาม สงบ รม่ รืน่ ทาใหเ้ ป็นทเี่ คารพและเลื่อมใสของชาวพระโขนงเป็นอย่างมาก ดว้ ย พระอาจารย์สาธติ ฐานวโร มีใจเคารพใน พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอ ดุลยเดชบรมนาถบพิตร ผทู้ รงเปน็ องคเ์ อกอคั รศาสนูปถัมภก และเพอ่ื เปน็ การถวายความ จงรักภักดี ท่านจึงขอพระราชทานพระบรมราชานญุ าตถวายวดั ทุ่งสาธิต แดส่ มเด็จพระ เจ้าลกู ยาเธอ เจ้าฟา้ วชิราลงกรณ(พระยศรชั กาลที่ ๑๐ ในขณะนั้น) และเมอื่ วันท่ี ๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๐๘ รัชกาลท่ี ๙ ทรงโปรดเกลา้ ฯ ให้สมเด็จพระเจา้ ลกู ยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ทรงรบั วดั ทงุ่ สาธติ ไว้ในพระอุปถมั ภ์ พร้อมไดพ้ ระราชทานนามวัด ใหม่ว่า “วดั วชิรธรรมสาธิตวรวหิ าร”

ขอขอบคณุ ข้อมูลจาก ราชกจิ จานเุ บกษา สารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน โดยพระราชประสงคใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั กาชาดสมั พันธ์ฉบับพเิ ศษ โดยสภากาชาดไทย สถานวี ทิ ยกุ ระจายเสียงและวทิ ยุโทรทัศนร์ ฐั สภา ไทยพบี ีเอส หอ้ งสมุดสานกั งานเศรษฐกิจการเกษตร กรมปา่ ไม้ - กองพัฒนาศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลยั นเรศวร ประตสู ู่ธรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏราไพพรรณี https://king.kapook.com/kingrama10/index.html

คณะท่ปี รึกษา นายอนชุ า พงษ์เกษม ผูอ้ านวยการสานักงาน กศน.จงั หวดั ชลบรุ ี นางสาวอไุ รรัตน์ ชนะบารุง รองผอู้ านวยการสานักงาน กศน.จงั หวดั ชลบุรี นายไพรตั น์ เนอ่ื งเกตุ ผูอ้ านวยการ กศน.อาเภอเมอื งชลบรุ ี คณะผจู้ ดั ทา นายปัณณวิชญ์ สุขทวี บรรณารักษป์ ฏบิ ตั กิ าร นายเสกสรรค์ พรมศักด์ิ บรรณารกั ษ์อัตราจ้าง

หอ้ งสมุดประชาชนจงั หวัดชลบรุ ี