คมู่ ือ การประยุกตใ์ ชร้ ะบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ (GIS) เพือ่ การนาเสนอขอ้ มลู อตุ ุนิยมวทิ ยา การจดั การความรู้ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2560 โดย ศูนย์อตุ นุ ิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
คานา ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System : GIS) เป็นวิธีการและเครื่องมือที่ นาเอาระบบกราฟิกแผนท่ี (Geographic) มาทางานร่วมกับระบบฐานข้อมูล (database) ให้กลายเป็นข้อมูลเชิง พ้ืนที่ (Spatial Data) ท่ีสามารถใช้ในการจัดเก็บ แก้ไข ปรับปรุง สืบค้น จัดการ วิเคราะห์ แสดงผล และรายงาน ผลข้อมูลเชิงพื้นท่ีด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจึงได้นาระบบ สารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) มาประยุกต์ใช้ในการนาเสนอข้อมูลสารสนเทศอุตุนิยมวิทยาในรูปแบบเชิงพื้นท่ี เพื่อ ปรับปรุงและพัฒนาการนาเสนอข่าวพยากรณ์อากาศ และข้อมูลอุตุนิยมวิทยาให้เป็นรูปแบบกราฟฟิก ให้ง่ายต่อ การเข้าใจของประชาชนผ้รู ับบริการ คู่มอื การประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ (GIS) เพ่ือการนาเสนอขอ้ มูลอตุ นุ ยิ มวิทยา เล่มน้ีเป็น การรวบรวมความรู้พื้นฐานของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) การจัดการแผนที่เวคเตอร์ การใช้โปรแกรม Arcgis 10.1 เพ่ือวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่โดยวิธีการประมาณค่าช่วง (Interpolation) การวิเคราะห์ข้อมูล อุตนุ ยิ มวิทยาดว้ ยโปรแกรม Surfer 10 การประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรม Arcgis 10.1 เพ่ือการพยากรณ์โอกาสการเกิดฝน หรือฝนฟ้าคะนองบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และการจัดทา Layout เพื่อการนาเสนอ คณะกรรมการจัดการความรู้หวังว่าคู่มือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ใช้ในการนาไปประยุกต์ใช้ในการจัดทาแผนท่ี ขอ้ มูลอุตุนยิ มวทิ ยาเชิงพน้ื ทใ่ี นการนาเสนอตอ่ ไป นายสามารถ ปลอดกระโทก ผู้อานวยส่วนสารสนเทศอตุ ุนิยมวทิ ยา กันยายน 2560
-1- 1. ความรู้พนื้ ฐานระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ (GIS) เทคโนโลยภี มู สิ ารสนเทศ (Geo – Informatic/Geomatics) เทคโนโลยภี มู สิ ารสนเทศ (Geo – Informatic/Geomatics) เป็นศาสตร์และศลิ ป์ที่เก่ียวขอ้ งกับ ข้อมลู เชงิ พน้ื ท่ี ซึง่ สามารถระบตุ าแหน่งอ้างอิงบนพ้นื ผิวโลก (Geospatial data) ได้ ประกอบด้วยเทคโนโลยี 3S คอื RS, GPS และ GIS คอื 1. ระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ (Geographic Information System ) : GIS 2. การรับร้จู ากระยะไกล (Remote Sensing) : RS 3. ระบบกาหนดตาแหนง่ บนโลก Global Positioning System : GPS
-2- 1.ความหมายของระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ ระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์ (Geographic Information System: GIS) หมายถงึ เคร่อื งมือที่ใช้ ระบบคอมพวิ เตอร์ เพ่อื ช่วยในการนาเข้า จดั เกบ็ จัดเตรียม ดดั แปลง แก้ไข จัดการ และวิเคราะห์ พรอ้ มทัง้ แสดงผลขอ้ มูลเชิงพืน้ ท่ี ตามวัตถปุ ระสงคต์ ่างๆ ท่ีกาหนดไว้ ดงั นั้น GIS จงึ เปน็ เครื่องมือทม่ี ีประโยชนเ์ พื่อใช้ในการ จดั การ และบรหิ ารการใชท้ รัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมและสามารถตดิ ตามการเปลย่ี นแปลงข้อมลู ดา้ นพื้นท่ี ใหเ้ ปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ เนื่องจากเป็นระบบที่เกยี่ วข้องกบั ระบบการไหลเวียนของขอ้ มูล และการผสมผสาน ข้อมูลจากแหลง่ ต่างๆ เชน่ ขอ้ มลู ปฐมภมู ิ (Primary Data) หรอื ขอ้ มลู ทตุ ิยภมู ิ (Secondary Data) เพือ่ ให้ได้ สารสนเทศท่มี ีคุณค่าและสามารถนาไปใชใ้ นการบริหารจดั การได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ
-3- 2.องค์ประกอบของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ มีองค์ประกอบทส่ี าคัญอยู่ 5 ส่วน คือ ข้อมูล/สารสนเทศ (Data/Information), เคร่ืองคอมพิวเตอร์และอุปกรณต์ า่ งๆ (Hardware), โปรแกรม (Software), และบคุ ลากร (User/People), และขนั้ ตอนการทางาน (Process)
-4- 2.1 ข้อมลู (Data/Information) ข้อมูลท่ีจะนาเข้าสู่ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ควรเป็นข้อมูลเฉพาะเร่ือง (Theme) และเป็นข้อมูลที่ สามารถนาไปใช้ในการตอบคาถามต่างๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ เป็นข้อมูลที่มีความถูกต้องและเช่ือถือได้ และ เป็นปัจจุบันมากท่ีสุด โดยข้อมูลในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ ข้อมูลเชิงพ้ืนที่ (Spatial Data) และขอ้ มลู อธบิ าย (non-Spatial Data or Attribute Data) ข้อมูลเชิงพ้ืนท่ี (Spatial Data) เป็นข้อมูลท่ีแสดงตาแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ (Geo-Reference Data) ของรูปลักษณ์ของพื้นที่ (Graphic Feature) ซ่ึงมีอยู่ 2 แบบ คือ ข้อมูลที่แสดงทิศทาง (Vector Data) และข้อมูล ท่ีแสดงเปน็ ตารางกริด (Raster Data) โดยขอ้ มลู ท่มี ีทิศทาง ประกอบดว้ ยลักษณะ 3 อยา่ ง คอื - ข้อมลู จดุ (Point) เช่น ท่ตี ัง้ หมบู่ ้าน โรงเรยี น หรือวดั เปน็ ต้น - ขอ้ มูลเสน้ (Line) เช่น ถนน แม่น้า เป็นตน้ - ข้อมูลพื้นที่ หรือเสน้ รอบรปู (Polygon) เชน่ แหลง่ นา้ ผิวดนิ เปน็ ตน้
-5-
-6- 2.2 เครื่องคอมพวิ เตอร์และอปุ กรณต์ า่ งๆ เครอื่ งคอมพิวเตอร์ รวมกันเรียกว่า ระบบฮาร์ดแวร์ (Hardware) จะประกอบด้วย คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ การนาเข้า เช่น Digitizer, Scanner, Global Positioning System (GPS), อุปกรณ์อ่านข้อมูล เก็บรักษาข้อมูล และแสดงผลขอ้ มูล เชน่ Printer Plotter เปน็ ต้น ซ่ึงอปุ กรณ์แต่ละชนิดจะมหี นา้ ที่และคุณภาพแตกต่างกนั ออกไป 2.3 โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ (Software) Software หมายถึง โปรแกรมที่ใชใ้ นการจดั การระบบ และสั่งงานตา่ งๆ เพ่ือให้ระบบฮารด์ แวร์ ทางาน หรอื เรยี กใชข้ ้อมูล ทจี่ ัดเกบ็ ในระบบฐานข้อมูลมาทางานตามวัตถปุ ระสงค์ โดยทั่วไปชดุ คาส่งั หรอื โปรแกรม ของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ จะประกอบดว้ ย หน่วยนาเข้าข้อมลู หน่วยเก็บข้อมูลและการจดั การข้อมูล หน่วย วเิ คราะห์ หน่วยแปลงข้อมลู หน่วยแสดงผลและหนว่ ยตอบโต้กบั ผ้ใู ช้ (User Interface) 2.4 บคุ ลากร (Human Resource) บคุ ลากร จะประกอบดว้ ยนักวิเคราะหห์ รอื สรา้ งระบบ (Analyst) และผ้ใู ชส้ ารสนเทศ (User) โดย ผูใ้ ช้ระบบหรอื ผู้ชานาญการ GIS จะต้องมีความชานาญในหน้าที่ และได้รับการฝึกฝนมาแลว้ เป็นอยา่ งดี พร้อมทจ่ี ะ ทางานได้เต็มความสามารถ โดยทั่วไปผใู้ ชร้ ะบบจะเปน็ ผ้เู ลือกระบบฮาร์ดแวรแ์ ละซอฟต์แวร์ เพ่ือให้ตรงตาม วตั ถุประสงค์ และสนองตอบความตอ้ งการของหนว่ ยงาน สว่ นผู้ใชส้ ารสนเทศ (User) คอื นักวางแผน หรือผู้มี อานาจตดั สินใจ (Decision-maker) เพ่ือนา ขอ้ มลู มาใชใ้ นการแก้ไขปญั หาตา่ งๆ 2.5 ขน้ั ตอนการดาเนินงาน (Procedure) ในระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร์ ความถูกต้องของขอ้ มูลเปน็ ส่งิ สาคญั ที่สุด เพราะการวิเคราะห์และตัดสินใจ จากขอ้ มูลท่ผี ดิ พลาดสามารถจะทาให้เกดิ ผลเสียอย่างใหญห่ ลวง ท้งั แรงงาน ความพยายาม และค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ที่ลงทุนไปจะกลายเป็นความสูญเปล่า ในการสร้างฐานข้อมูลที่ดีจึงต้องมีข้ันตอนการทางานท่ีละเอียดถูกต้อง เพอื่ ใหเ้ ป็นการประหยดั ฐานข้อมูลควรไดร้ บั การออกแบบโดยคานงึ ถงึ เป้าหมายให้สามารถใช้ร่วมกันได้ในกิจกรรม หลากหลาย
-7- 3. ระบบพกิ ดั (Coordinate System) โลกของเราประกอบด้วยข้อมูลจานวนมหาศาลทั้งส่ิงมีชีวิตและไม่มีชีวิต การจาแนกประเภทและ กาหนดตาแหนง่ พกิ ัด (coordinate) ของแต่ละประเภท ทาโดยการย่อส่วนของสิ่งต่าง ๆ บนพ้ืนโลกลงในกระดาษ แผนท่ี เช่น แผนท่ีโลก แผนท่ีประเทศ แผนท่ีจังหวัด อาเภอ ตาบล และหมู่บ้าน แผนท่ีถนน แหล่งน้า ป่าไม้ เป็น ต้น ซ่ึงแผนที่กระดาษเหล่าน้ีจะใช้มาตราส่วนการย่อส่วน (scale) แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ ในระบบ สารสนเทศภมู ิศาสตรจ์ ะนาแผนท่เี หล่านีเ้ ก็บเข้าเครือ่ งคอมพิวเตอร์อย่างเป็นระบบ โลกของเรามีรูปร่างลักษณะเป็นรูปทรงรี (Oblate Ellipsoid) คือ มีลักษณะป่องตรงกลาง ขั้วเหนือ – ใต้ แบนเล็กน้อย แต่ผิวโลกที่แท้จริงมีลักษณะขรุขระ สูง ต่า ไม่ราบเรียบ สม่าเสมอ พื้นผิวโลกจะมีพื้นท่ี ประมาณ 509,450.00 ตารางกิโลเมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางท่ีศูนย์สูตรยาว 12,757 กิโลเมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลาง จากขั้วโลกเหนือถึงข้ัวโลกใต้ 12,714 กิโลเมตร จะเห็นว่าระยะทางระหว่างแนวนอน (เส้นศูนย์สูตร) ยาวกว่า แนวต้ัง (ขว้ั โลกเหนือ-ใต้)
-8- จากลักษณะรูปทรงของโลก ทาให้ไม่สามารถใช้รูปทรงเรขาคณิตอย่างง่ายในการแสดงขนาดและ รูปร่างของโลกได้อย่างถูกต้อง ดังน้ันเพ่ือความสะดวกต่อการพิจารณาลักษณะรูปทรงสัณฐานของโลก ในการทา แผนทจ่ี ึงมกี ารแบ่งลกั ษณะรูปทรงสณั ฐานของโลกออกเป็น 3 แบบ คอื 1. ลักษณะรูปทรงกลม (spheroid) เป็นรูปทรงท่ีง่ายท่ีสุด เหมาะสาหรับใช้เป็นสัณฐานของโลก โดยประมาณ ใช้กับแผนที่มาตราส่วนเล็กที่มีขอบเขตกว้าขวาง เช่นแผนที่โลก แผนที่ทวีป หรือแผนท่ีอ่ืน ๆ ที่ไม่ ตอ้ งการความละเอียดถกู ต้องสงู 2. ลักษณะรูปทรงวงรี (ellipsoid) โดยทั่วไปมีลักษณะรูปทรงท่ีแตกต่างกับรูปทรงกลมเพียง เล็กน้อย ซ่ึงจะมีลักษณะใกล้เคียงกับสัณฐานจริงของโลกมาก เหมาะสาหรับใช้เป็นพ้ืนผิวในการรังวัดและการทา แผนท่ีท่ีต้องการความละเอียดถูกต้องสูง เช่น แผนท่ีระดับชุมชนเมือง แผนท่ีภูมิประเทศมาตราส่วนใหญ่ท่ัวไป แผนทนี่ ารอ่ งเปน็ ต้น 3. ลักษณะรูปทรงจีออยด์ (geoid) เป็นรูปทรงที่เหมือนกับสัณฐานจริงของโลกมากท่ีสุด เกิดจาก การสมมติระดับน้าในมหาสมุทรขณะทรวงตัวอยู่น่ิง เชื่อมโยงให้ทะลุไปถึงกันทั่วโลก จะเกิดเป็นพื้นผิ วซึ่งไม่ ราบเรียบตลอด มีบางส่วนที่ยุบต่าลง บางส่วนสูงข้ึน ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นและแรงโน้มถ่วงของโลก ทุก ๆ แนวด่ิง (plumb line) จะตั้งฉากกับจีออยด์ มีบทบาทสาคัญในงานรังวัดชั้นสูง (geodesy) แต่กลับไม่มีบทบาท โดยตรงกบั วิชาการแผนที่ นอกจากจะใชใ้ นการคานวณแผนทีป่ ระกอบกบั รูปทรงรี
-9- แนวคดิ ของระบบพกิ ัด ในความเป็นจริง รูปทรงของโลกเป็นรูปทรงรี (spheroid/ellipsoid) และมีพื้นผิวไม่ราบเรียบ การ ถ่ายทอดหรือจาลองรูปลักษณต์ า่ งๆ บนพนื้ ผวิ โลกลงไปบนกระดาษแผ่นราบหรือบนแผนท่ี รูปลักษณ์เหล่าน้ีจะเกิด การบิดเบยี้ ว (distortion) ขน้ึ จากขอ้ เทจ็ จริงนี้ จึงไมม่ แี ผนท่ีใดสามารถ จาลองรปู ทรงรีของโลกตามลักษณะความ เปน็ จริงไดอ้ ย่างสมบรู ณ์ ดงั นนั้ หากตอ้ งการจาลอง รูปลักษณ์บนผิวโลกให้แม่นยามากท่ีสุดจะต้องรักษาคุณสมบัติ เก่ียวกับทศิ ทาง พื้นท่ี หรือรปู รา่ ง ไวบ้ น พ้ืนผิวทรงกลมทใ่ี กล้เคียงกับพ้ืนผิวโลกมากท่ีสุด ด้วยเหตุนี้ จึงมีแนวคิดใน การสร้างระบบพิกัดและ การฉายภาพแผนทีข่ ึ้นมาเพือ่ ช่วยลดปัญหาในการผลติ แผนทที่ ี่เกดิ ขึน้ ดงั กล่าว
- 10 -
- 11 -
- 12 -
- 13 -
- 14 -
- 15 - เป็นระบบพิกัดท่ีกาหนดตาแหน่งต่างๆ บนพื้นโลก ด้วยวิธีการอ้างอิงบอกตาแหน่งเป็นค่าระยะ เชิงมุมของละติจูด (Latitude) และลองจิจูด (Longitude) ตามระยะเชิงมุมที่ห่างจากศูนย์กาเนิดของละติจูดและ ลองจิจูดท่ีกาหนดขึ้นสาหรับศูนย์กาเนิดของละติจูด (Origin of latitude) นั้น กาหนดข้ึนจากแนวระดับที่ตัดผ่าน ศูนย์กลางของโลกและต้ังฉากกับแกนหมุน เรียกแนวระนาบศูนย์กาเนิดน้ันว่า เส้นระนาบศูนย์สูตรซ่ึงแบ่งโลก ออกเปน็ ซีกโลกเหนือและซกี โลกใต้ ฉะน้นั ค่าระยะเชิงมุมของละติจูด จะเป็นคา่ เชิงมุมที่เกิดจากมุมที่ศูนย์กลางของ โลก กับแนวระดบั ฐานกาเนดิ มมุ ทเ่ี ส้นระนาบศูนย์สูตร โดยวัดค่าของมุมออกไปทางซีกโลกเหนือและทางซีกโลกใต้ คา่ ของมมุ จะสน้ิ สุดที่ข้ัวโลกเหนือและข้ัวโลกใต้ มีค่าเชิงมุม 90 องศาพอดี ดังนั้นการใช้ค่าระยะเชิงมุมของละติจูด อ้างองิ บอกตาแหน่งตา่ งๆ นอกจากจะกาหนดเรยี กคา่ วัดเปน็ องศา ลปิ ดา และพิลิปดา แล้ว จะกากับด้วยตัวอักษร บอกทิศทางเหนอื หรอื ใตเ้ สมอ เชน่ ละติจดู ท่ี 30 องศา 20 ลปิ ดา 15 พิลิปดาเหนอื ส่วนศูนย์กาเนิดของลองจิจูด (Origin of longitude) น้ัน กาหนดข้ึนจากแนวระนาบทางต้ังที่ผ่านแกน หมุนของโลกตรงบริเวณตาแหน่งบนพ้ืนโลกที่ผ่านหอสังเกตการณ์ดาราศาสตร์ เมืองกรีนิช (Greenwich) ประเทศ อังกฤษ เรียกศูนย์กาเนิดน้ีว่า เส้นเมริเดียนแรก (Prime meridian) เป็นเส้นท่ีแบ่งโลกออกเป็นซีกโลกตะวันตก และซีกโลกตะวันออก ค่าระยะเชิงมุมของลองจิจูดเป็นค่าท่ีวัดมุมออกไปทางตะวันตก และตะวันออกของเส้น เมริเดียนแรกวัดจากศนู ยก์ ลางของโลกตามแนวระนาบท่ีมีเส้นเมริเดียนแรกเป็นฐานกาเนิดมุม ค่าของมุมจะสิ้นสุด ท่ีเส้นเมริเดียนตรงข้ามกับเส้นเมริเดียนแรกซึ่งมีค่าของมุมซีกโลกละ 180 องศา การใช้ค่าอ้างอิงบอกตาแหน่งใช้ เรียกกาหนดเช่นเดียวกับละติจูด แต่ต่างกันท่ีต้องบอกเป็นซีกโลกตะวันตก หรือซีกโลกตะวันออกแทน เช่ น ลองจิจดู ท่ี 90 องศา 20 ลิปดา 45 พิลปิ ดาตะวันตก
- 16 -
- 17 -
- 18 -
- 19 -
- 20 - ประเทศไทยอยู่ในโซน GZD 47N 47P 47Q 48N 48P และ 4 Q
- 21 -
- 22 - การวิเคราะห์แผนทเ่ี วคเตอร์ (Vector Analysis Tools) การวิเคราะห์หรือการจัดการแผนท่ีเวคเตอร์ สามารถกระทาได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับเราจะปรับใช้ให้ เหมาะสมกับงาน เช่น การใชค้ าส่งั Clip (ตดั ) , Dissolve (การสลาย) , Erase (ลบ) , Intersect (หาพ้ืนท่ีทับซ้อน) , Union (การรวมพ้ืนท่ี) , Merge (การรวมช้ันข้อมูล) , Append (การเพิ่มข้ันข้อมูล) , Selection (การเลือก) เปน็ ตน้
- 23 - เป็นฟังช่ันสาหรับตัดข้อมูลที่ต้องการตามขอบท่ีกาหนด โดยตัดข้อมูลแผนที่ออกจากชั้นข้อมูลที่ ต้องการ (Input Feature) ด้วยแผนที่หรือพ้ืนที่ที่เป็นขอบตัด (Clip Feature) เช่นต้องการขอบเขตพื้นท่ีแสดง ปรมิ าณนา้ ฝนเฉพาะจงั หวัดท่ีตอ้ งการเทา่ น้ัน (Output feature) ท้งั น้จี ะใชข้ อบเขตจงั หวัดเป็นขอบในการตัดพื้นที่ แสดงปรมิ าณนา้ ฝน ตามรปู ภาพ Input Feature Clip Feature Output Feature คาอธิบายรูปภาพ : เราต้องการตัดแผนท่ีจังหวัดกาฬสินธ์ จากแผนที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(รายอาเภอ) เราใช้ แผนทีจ่ งั หวดั กาฬสินธ์เป็นขอบในการตดั และจะไดผ้ ลลพั ธ์ เป็นแผนทจี่ งั หวัดกาฬสนิ ธ์ที่เป็นรายอาเภอ
- 24 - Clip Feature Output Feature Input Feature คาอธิบายรปู ภาพ : เราตอ้ งการตดั แผนที่ (จดุ ) สถานตี รวจวดั ฝน ทัว่ ประเทศโดยใชข้ อบภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตัด จะได้ผลลัพธ์เปน็ สถานีตรวจวดั ฝนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนอื Clip Feature Output Feature Input Feature คาอธิบายรูปภาพ : เราตอ้ งการตัดแผนทแี่ มน่ ้าทวั่ ประเทศไทย โดยใชข้ อบภาคตะวันออกเฉียงเหนือตัด จะได้ ผลลัพธเ์ ป็น แผนท่ีแมน่ า้ บรเิ วณภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ
- 25 - คาสั่ง Dissilve คือ คาส่ังใช้สาหรับการรวมกลุ่มข้อมูลพ้ืนที่ท่ีมีคุณสมบัติหรือ ค่า Attribute เหมือนกันที่อยู่ติดกันเข้าด้วยกัน เพื่อลดความซ้าซ้อนของช้ันข้อมูล ซึ่งเป็นการเอาเส้นขอบเขตของพ้ืนที่ที่มีค่า เหมือนกันในหน่ึงหรือหลายฟิวส์ออกไป เช่น แผนที่ขอบเขตตาบลและอาเภอ แต่ต้องการใช้ข้อมูลเพียงขอบเขต อาเภอ เราก็จะทาการ Dissilve เพื่อลบฟิวส์ขอบเขตตาบลออก และรวมฟิวส์ขอบเขตอาเภอเข้าด้วยกัน ดัง รปู ภาพ คาอธบิ ายรปู ภาพ : การใช้คาสง่ั Dissolve เพ่ือทาแผนทภ่ี าคตะวันออกเฉียงเหนือทีม่ ีข้อมลู ขอบเขตตาบล อาเภอ และจังหวดั รวมกนั อยู่ ให้เป็นแผนทภี่ าคตะวันออกเฉียงเหนือเฉพาะขอบเขตรายอาเภอ และรายจังหวดั
- 26 - คาสั่ง Merge เป็นการรวมฟเี จอรจ์ ากหลายช้นั ข้อมูลเข้าเป็นช้ันข้อมลู เดยี วกัน คาสั่ง Merge สามารถดาเนนิ การได้ท้ังข้อมูลที่เป็น Point , Line หรอื Polygon เพอื่ เปน็ การเชอ่ื มตอ่ แผนท่ที ีม่ รี ะบบพิกดั ภูมศิ าสตรอ์ ย่ใู นพ้นื ท่ีใกล้เคียงกนั หรือต่อกนั ผลลัพธ์ท่ีไดจ้ ะสร้างช้ันข้อมูลใหม่ท่มี ีขอ้ มูลต่อกนั ดังนน้ั จึงไม่ เปล่ยี นแปลงไฟลต์ ้นฉบบั เดมิ คาอธิบายรูปภาพ : จากรูปภาพเราต้องการรวมแผนท่ี 3 ช้ันข้อมูล คือ แผนที่จังหวัดหนองคาย (1 )แผนที่จังหวัด บึงกาฬ (2) และแผนที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนไม่มีจังหวัดหนองคายและบึงกาฬ (3) เป็นแผนที่เดียวคือ แผนทภี่ าคตะวนั ออกเฉียงเหนือตอนบน 11 จังหวัด (รวมหนองคายและบึงกาฬ) โดยใช้คาสั่ง Merge ผลลัพธ์จะได้ คือแผนที่ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ตอนบนซ่งึ มีจังหวดั หนองคายและบงึ กาฬ
- 27 - การ Selection เป็นเคร่ืองมือหน่ึงที่ใช้ในการสอบถามข้อมูล เพ่ือให้ได้ข้อมูลพ้ืนท่ีที่เราต้องการ สามารถกระทาได้ 3 วิธี คอื 1. การ Select จากพนื้ ท่ี (Features) 2. การ Select จากตารางขอ้ มูล (Attribute) 3. การ Select สอบถามโดยใชค้ าสงั่ (Query Builder) การ Selection จากพืน้ ที่ (Features) เป็นการใชค้ าสั่ง Selection กระทาบนพน้ื ท่ี (Features) ท่ี ต้องการ โดยใช้เมาสค์ ล๊ิกบนพน้ื ท่ี เชน่ ตามตัวอยา่ งดงั รปู ภาพเราต้องการสอบถามข้อมลู อาเภอในจังหวดั ขอนแก่น เราสามารถนาเมาส์คลิ๊กท่ีขอบเขตพนื้ ที่อาเภอท่ีเราต้องการไดเ้ ลย
- 28 - การ Selection จากตารางข้อมลู (Attribute) เปน็ การใช้คาส่งั Selection กระทาทต่ี ารางข้อมูล (Attribute) โดยใช้เมาส์เลือกไปทแ่ี ถวของข้อมลู ทีต่ ้องการ เช่น ต้องการเลือกพ้นื ทจ่ี งั หวัดนครพนม กาฬสนิ ธ์และ เลย เราก็ใช้เมาสค์ ลก๊ิ เลือกทแี่ ถวที่ตารางข้อมูลจังหวดั นัน้ ๆ ตามรูปภาพ ผลลพั ธท์ ไ่ี ด้กจ็ ะเห็นแผนที่แสดงพืน้ ที่ ขอบเขตจังหวัดที่ถูกเลือกไว้ (สีฟ้า)
- 29 - เปน็ การใชค้ าสง่ั สอบถามไปยังฟวิ ส์ข้อมูล โดยเลือกฟิวส์ข้อมลู ท่ตี ้องการแล้วกาหนดความต้องการ ผา่ นคาสัง่ ตวั ดาเนินการเปรยี บเทียบ เช่น = , > , < , >< ตวั เชือ่ มนิพจน์ เชน่ And Or Not Is เพื่อใหไ้ ด้ผลลพั ธ์ ตามทเ่ี ราต้องการ เช่น ตอ้ งการสอบถามข้อมลู แผนท่ี จังหวดั ขอนแก่น ชยั ภูมิ นครพนม จากแผนทภี่ าคตะวนั ออกเฉียงเหนือ เราก็ใชค้ าส่งั เลอื กฟวิ ส์ “Prov_NAMT” = “ขอนแก่น” Or “Prov_NAMT” = “ชัยภมู ิ Or “Prov_NAMT” = นครพนม แล้วกด Apply , ok ผลลัพธ์ท่ีไดค้ ือ แผนท่ภี าคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ท่ีสอบถาม ข้อมลู จงั หวัดทั้ง 3 จงั หวดั ดงั กล่าว
- 30 - ฝึกปฏิบัติ (WORKSHOP) การจัดทาแผนที่ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือตอนบน (เพมิ่ จังหวัดบงึ กาฬ) โดยใช้โปรแกรม Arcgis 10.1 1. เปิดโปรแกรม Arcgis 10.1 1.1 ทาการ Add Data แผนท่ี Ne_lat ซง่ึ เปน็ แผนท่ภี าคตะวนั ออกเฉียงเหนอื มีฟวิ สข์ อบเขตการ ปกครองระดบั ตาบล อาเภอ และจังหวัด 1.2 เปดิ ตาราง (Attribute) โดยคล๊กิ ขวาท่ี Ne_lat แล้วเลอื ก Open Attribute Table ของข้อมูล แผนทภ่ี าคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
- 31 - 1.3 ผลลพั ท์ทไ่ี ด้จะเหน็ วา่ มีฟิวสข์ อบเขตการปกครอง 3 ฟิวส์ ระดับตาบล อาเภอ และจงั หวัด 2. ทาการ Dissolve เพ่ือจดั เตรียมแผนที่ขอบเขตอาเภอ และจงั หวัด 2.1 ทาการ Dissolve แผนท่ีขอบเขตระดับอาเภอ ไปที่แถบเมนู Geoprocessing เลือก Dissolve
- 32 - 2.2 Input Features เลอื ก Ne_lat , Output Feature class ต้งั ชื่อไฟล์แล้วกาหนดที่อย่ขู อง ไฟล์ไว้ในทนี่ ี้จะตั้งชอ่ื ไฟลว์ า่ Ne_amp กาหนดท่ีอย่ขู องไฟล์ Dissole_Field (s) (option) ตก๊ิ ถูกเพื่อเลือกฟิลด์ AMP_NAMT แล้วคลกิ๊ ok 2.3 ผลลพั ทท์ ไ่ี ด้ คือ แผนท่ีภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ขอบเขตระดับอาเภอ ตามรูปภาพ
- 33 - 2.4 ทาการ Dissole แผนท่ีใหเ้ ป็นแผนท่ีรายจังหวดั ขน้ั ตอนทาเหมือน 2.1 แตใ่ นขั้นตอนท่ี 2.2 ที่ Dissole_Field (s) (option) ให้ตกิ๊ ถูกเพ่ือเลือกฟิลด์ PROV_NAMT แล้วคลก๊ิ ok ตาม รูปภาพ 2.4 ผลลพั ธท์ ีไ่ ด้คือ แผนทคี่ ือ แผนทภ่ี าคตะวนั ออกเฉียงเหนือขอบเขตระดบั จังหวดั ตามรูปภาพ
- 34 - 3. การจดั ทาแผนท่ภี าคตะวันออกเฉียงเหนอื ตอนบน รายจงั หวดั 3.1 ทาการ Seclect เพอื่ เลือกแผนทีข่ อบเขตพื้นที่จงั หวดั 9 จังหวัด ได้แก่ เลย อุดรธานี หนองบวั ลาภู สกลนคร นครพนม กาฬสนิ ธ์ มหาสารคาม ขอนแกน่ และชัยภมู ิ ยกเวน้ หนองคาย โดยการใช้วิธี Selection บนพืน้ ที่ (Features) ไปท่ี Select Features เลือก Select by Rectangle จากน้นั กด Shift คา้ งไว้ แลว้ ใช้เมาส์เลอื กขอบเขตพน้ื ท่จี งั หวดั ทัง้ 9 จังหวดั ตามรปู ภาพ 3.2 ทาการ Save แผนท่ีให้เป็น Shape File (ไฟล์ถาวร) โดยไปท่ีชื่อแผนท่ี (Ne_prov) ที่ Table Of Contents เลือก Data>Export Data ตงั้ ชอื่ ไฟล์ (Neupper_nonongkai) กาหนดทจี่ ดั เก็บแล้วคลิ๊ก ok
- 35 - 3.3 ผลลพั ธ์ท่ีไดค้ ือ แผนท่ขี อบเขตพ้ืนท่จี งั หวดั 9 จงั หวดั ตามรูปภาพ 3.4 ทาการแยกแผนทีจ่ ังหวดั หนองคาย ออกเป็น 2 จงั หวัด คือ หนองคาย และบึงกาฬ ขั้นตอนคือ เปดิ แผนท่ีภาคตะวันออกเฉยี งเหนือรายจงั หวดั ท่ีไดจ้ ัดเตรยี มไวแ้ ล้วและทาการ Select Features เลอื กแผนท่ี ขอบเขตจังหวัดหนองคาย -
- 36 - 3.5 ทาการ Save แผนท่ใี ห้เปน็ Shape File (ไฟล์ถาวร) โดยไปที่ชื่อแผนที่ (Ne_prov) ที่ Table Of Contents เลอื ก Data > Export Data ตัง้ ชอ่ื ไฟล์ (Nongkai_prov_old) กาหนดที่จัดเกบ็ แลว้ คลิ๊ก ok ผลลพั ธ์ที่ไดต้ ามรูปภาพ 3.6 ทาการ clip เพื่อตัดแผนท่ีจังหวัดหนองคายให้เป็นรายอาเภอ โดยใช้คาส่ัง clip ไปท่ี Geoprocessing > clip
- 37 - 3.7 Input Features เลือกแผนท่ีจังหวัดหนองคายขอบเขตจังหวัด (Nongkai_prov_old) Clip Features เลือกแผนท่ีภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอบเขตอาเภอ (Ne_amp) Output Feature Class กาหนดทอ่ี ยู่ของไฟลแ์ ละตง้ั ช่อื ไฟล์ (Nongkai_amp_old) คลิ๊ก ok 3.8 ผลลพั ธ์ทไี่ ดค้ ือแผนทจี่ ังหวดั หนองคาย (เดิม) ขอบเขตอาเภอ (Nongkai_amp_old)
- 38 - 3.9 ทาการ select อาเภอของจงั หวดั หนองคาย (เดมิ ) ออกมา 8 อาเภอ ได้แก่ เซกา โซ่พสิ ัย พรเจริญ บุ่งคล้า บงึ โขงหลง ศรวี ไิ ล ปากคาด และบงึ กาฬ 3.10 ทาการ Save แผนที่ใหเ้ ป็น Shape File (ไฟลถ์ าวร) โดยไปที่ชื่อแผนที่ (Nongkai_amp_old) ที่ Table Of Contents เลือก Data > Export Data ตง้ั ช่อื ไฟล์ (buengkan_amp) กาหนดท่จี ดั เก็บแล้วคล๊ิก ok ผลลพั ธท์ ่ไี ด้ตามรปู ภาพ
- 39 - 3.11 ทาแผนท่ีจังหวัดบึงกาฬขอบเขตอาเภอ ให้เป็นขอบเขตจังหวัด โดยวิธีการใช้คาส่ัง clip ไปที่ Geoprocessing เลือก Clip , Input Features เลือก Nongkai_prov_old > Clip Features เลือก buengkan_amp > Output Feature Class กาหนดทอี่ ยูแ่ ละตง้ั ชื่อไฟล์เปน็ buengkan_prov คลิก๊ ok 3.12 ผลลพั ท์ทไ่ี ดค้ ือแผนท่ีจังหวดั บงึ กาฬขอบเขตจงั หวดั (ตามรปู ภาพ)
- 40 - 3.13 จดั ทาแผนท่จี งั หวัดหนองคาย (ใหม่) วธิ ีการทาเหมือนขน้ั ตอนที่ 3.9 แตเ่ ปล่ียนการ Select Feature อาเภอ เป็น ทา่ บ่อ เฝา้ ไร่ โพธิ์ตาก โพนพิสยั เมืองหนองคาย รัตนวาปี ศรีเชยี งใหม่ สระใคร และสังคม จากน้ันทาเหมือนขนั้ ตอนที่ 3.10 – 3.11 จะไดผ้ ลลพั ธ์ คือ แผนทจ่ี ังหวดั หนองคายขอบเขตจังหวดั (ตามรูปภาพ) 3.14 ทาการรวมแผนท่ี 3 สว่ น คือ แผนทจ่ี ังหวัด 9 จังหวัด + แผนที่จงั หวดั บึงกาฬ + แผนที่ จงั หวดั หนองคาย เข้าด้วยกันตามรปู ภาพ 3 2 1
- 41 - 3.15 ใช้คาสั่ง Merge รวมแผนท่ี 3 ส่วนเข้าด้วยกันให้เป็น Shape file เดียวกัน โดยไปท่ี Geoprocessing เลอื ก Merge > Input Datasets ใหเ้ ลือกแผนที่ทง้ั 3 ส่วน Output Dataset หาท่ีอยู่และต้ังช่ือ ไฟลว์ า่ Neupper_new.shp คลก๊ิ ok 3.16 ผลลพั ธ์ทีไ่ ด้คือแผนท่ีภาคตะวันออกเฉยี งเหนือตอนบน 11 จังหวัด ตามรปู ภาพ เพ่อื นาไปใช้ งานในขัน้ ตอนต่อไป
- 42 - 2. การประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรม Arcgis 10.1 เพ่ือการประมาณคา่ ช่วง ( Interpolation )
- 43 - การประมาณค่าชว่ ง (Interpolation) เปน็ การทานายคา่ ตัวเลขบรเิ วณทไ่ี ม่มีข้อมลู เพื่อให้มคี วามต่อเนอ่ื ง ของข้อมูลในทกุ พนื้ ที่ โดยการประมาณค่าข้อมลู เชิงพนื้ ทดี่ ้วยเทคนิคทางระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตรจ์ ะให้ผลลัพธ์ ออกมาเปน็ ขอ้ มลู แบบราสเตอร์ (Raster Format) รูปภาพท่ี 1. แสดงการประมาณคา่ ชว่ งจากจดุ ท่ีทราบค่า (ซ้ายมอื ) ทานายข้อมูลพื้นทท่ี ่ีไม่ทราบค่า (ขวามอื ) รปู ภาพท่ี 2 แสดงการประมาณค่าชว่ งจากจุด (สีแดง) ทท่ี ราบค่า ทานายคา่ พนื้ ที่ที่ไมท่ ราบค่าโดยใชเ้ ทคนิคทาง ระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์ (GIS) ไดผ้ ลลัพธเ์ ป็นข้อมลู แบบราสเตอร์ (Raster Format)
- 44 - ขอ้ มูลที่นยิ มใช้ในการประมาณค่า ( Interpolation ) ได้แก่ • ข้อมูลอุตนุ ยิ มวทิ ยา (Meteorological Data) เชน่ น้าฝน อณุ หภมู ิและการระเหย • ภูมปิ ระเทศ (Topography) เชน่ ความสูงต่าของพน้ื ท่ี • การสะสมของหมิ ะ (Snow Accumulation) • ระดับน้า (Water Table) • ความหนาแน่นประชากร (Population Densit) วธิ ีทใ่ี ช้ในการประมาณค่าชว่ ง เทคนคิ วธิ ีที่ใช้ในการประมาณคา่ ชว่ งมแี ต่ในทน่ี ้จี ะขอกลา่ วถงึ เพียง 2 วิธซี ่งึ เป็นวธิ ที ี่เหมาะสมกับ การประมาณค่าข้อมูลอุตุนิยมวิทยา คือ 1. การประมาณค่าชว่ ง วธิ ี IDW ( Inverse Distance Weight ) 2. การประมาณค่าช่วง วธิ ี Kriging 1. การประมาณค่าชว่ ง วิธี IDW ( Inverse Distance Weight ) เป็นการประมาณค่าโดยทาการสมุ่ จดุ ตวั อยา่ งแต่ละจุดจากตาแหน่งทสี่ ามารถสง่ ผลกระทบไปยัง เซลล์ที่ตอ้ งประมาณคา่ ได้ ซ่งึ จะมีผลกระทบ นอ้ ยลงเรื่อย ๆ ตามระยะทางท่ีไกลออกไปเหมาะกับตวั แปรท่ีอา้ งอิง กบั ระยะทางในการคานวณ ย่ิงใกลย้ ิ่งมีอิทธิพล มาก เชน่ ความดงั ของเสยี ง ความเขม้ ขน้ ของสารเคมี
- 45 - 2. การประมาณคา่ ชว่ ง วิธี Kriging
- 46 - ขน้ั ตอนการประมาณค่าชว่ ง (Interpolation) ขอ้ มลู ปรมิ าณนา้ ฝนดว้ ยโปรแกรม Arcgis 10.1 1. การจัดเตรยี มตารางข้อมูลด้วยโปรแกรม Ms excel โดยสรา้ งฟิลด์กาหนดคา่ X=st_long y=st_lat และ z=ra 1.1 กาหนดค่าของ Lat , long ให้ใชค้ า่ ที่มีหน่วยเป็น Decimal degree (DD) Y=st_lat x=st_long Z=ra Decimal degree (DD) 1.2 ตั้งค่าจัดรปู แบบเซลล์ Z (ปริมาณน้าฝน) เป็นตวั เลขทศนิยม 1 ตาแหนง่
- 47 - 2. ทาการ add data เพอื่ นาเขา้ แผนท่ขี อบเขตพน้ื ท่ีการปกครอง (Shape file) ในท่นี ี้จะใช้แผนทพ่ี ้นื ท่ีความ รับผิดชอบภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ตอนบน 11 จังหวดั ทไ่ี ด้จดั เตรยี มไว้แล้ว 2.1 add data เลอื กแผนท่ีขอบเขตพ้ืนท่ีการปกครอง ne_upper_new a. ทาแผนทีใ่ หโ้ ปร่งใส ดับเบิล้ คล๊กิ ที่กรอบสี่เหลย่ี ม เลอื ก hollow คลิก๊ ok
- 48 - b. ทาการใส่ label ป้ายชื่อจังหวัด ดับเบ้ิลคลิ๊กที่แผนที่ ne_upper_new เลือก label ติ๊กถูกท่ี Label features in this layer ที่ Label field เลือก PROV_NAMT เลือกชนิดขนาดและสีของ font คลิ๊ก Apply คลิก๊ ok ผลลัพธ์ที่ไดต้ ามรูปภาพ
Search