เทคโนโลยสี ารสนเทศ คอื การประยุกต์ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์มาใช้ในระบบสารสนเทศ ตงั้ แต่กระบวนการจดั เก็บ ประมวลผล และการเผยแพรส่ ารสนเทศ เพ่อื ช่วยใหไ้ ดส้ ารสนเทศทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพและรวดเรว็ ทนั ต่อเหตุการณ์ โดยเทคโนโลยสี ารสนเทศอาจประกอบดว้ ย 1. เคร่อื งมอื และอปุ กรณ์ต่างๆ เชน่ เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ เครอ่ื งใชส้ านกั งาน อปุ กรณ์สอ่ื สารโทรคมนาคมต่างๆ รวมทงั้ ซอฟท์แวร์ทงั้ แบบสาเรจ็ รูปและแบบพฒั นาข้นึ เพ่ือใช้ในงานเฉพาะด้าน ซ่ึงเคร่ืองมอื เหล่าน้ีจัดเป็น เคร่อื งมอื ทนั สมยั และใชเ้ ทคโนโลยรี ะดบั สงู (High Technology) 2. กระบวนการในการนาอุปกรณ์เคร่ืองมือต่างๆ ข้างต้นมาใช้งาน เพ่ือรวบรวม จัดเก็บ ประมวลผล และแสดงผลลพั ธเ์ ป็นสารสนเทศในรปู แบบตา่ งๆ ทส่ี ามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ไดต้ อ่ ไป
ความหมายของสารสนเทศ สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลท่ผี ่านการประมวลผลด้วยวธิ ีการท่เี หมาะสมและถูกต้อง เพ่อื ใหไ้ ด้ผลลัพธ์ ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ อยู่ในรูปแบบท่ีใช้งานได้ และจะต้องอยู่ในช่วงเวลาท่ีต้องการข้ อมูล ซง่ึ สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ตามตอ้ งการ เชน่ สรุปยอดขายเพ่อื นาไปใชใ้ นการวเิ คราะห์ วางแผนและตัดสนิ ใจ ในการกาหนดเป้าหมายต่อไป
องคป์ ระกอบของสารสนเทศ ข้อมูล คอื ขอ้ เทจ็ จรงิ ท่เี ป็นตวั เลข ขอ้ ความ หรอื รายละเอยี ดซ่งึ อาจอยู่ในรูปแบบต่างๆ เช่น ภาพ เสยี ง วดิ โี อ หรอื ขอ้ มลู ขอ้ เทจ็ จรงิ ของสงิ่ ทส่ี นใจ ไมว่ า่ จะเป็นคน สตั ว์ สง่ิ ของ หรอื เหตุการณ์ต่างๆ ดงั นัน้ ขอ้ มลู จงึ เป็น การเกบ็ รวบรวมเกย่ี วกบั ขอ้ เทจ็ จรงิ ของสงิ่ ทส่ี นใจเพอ่ื ทจ่ี ะนาไปใชป้ ระโยชน์ตอ่ ไป การประมวลผลข้อมูล คอื กระบวนการย่อยหลายกระบวนการ ตงั้ แต่การรวบรวมข้อมูล การแยกแยะ การตรวจสอบความถูกตอ้ ง การคานวณ การจดั ลาดบั การรายงานผล รวมถงึ การสง่ ขอ้ มลู หรอื การแจกจ่ายขอ้ มลู นัน้ สารสนเทศ คอื สงิ่ ทไ่ี ดจ้ ากการนาขอ้ มลู ทเ่ี กบ็ รวบรวมไวม้ าประมวลผล เพอ่ื นามาใชป้ ระโยชน์ตามจุดประสงค์
โดยพ้นื ฐานของเทคโนโลยี มีประโยชน์ต่อการพฒั นาประเทศชาติให้เจรญิ ก้าวหน้า สาหรบั เทคโนโลยี สารสนเทศเป็นเร่ืองท่ีเก่ียวข้องกับวิถีความเป็นอยู่ของสงั คมสมยั ใหม่ ลักษณะเด่นท่สี าคัญของเทคโนโลยี สารสนเทศ มดี งั น้ี 1. เทคโนโลยสี ารสนเทศช่วยใหก้ ารทางานรวดเรว็ ถูกต้อง และแมน่ ยา ในระบบการจดั การขององคก์ รทุก แห่งต้องใช้ข้อมลู เพ่อื การดาเนินการและตดั สนิ ใจ ระบบธุรกิจจงึ ใชเ้ ทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์และเทคโนโลยกี าร สอ่ื สารเป็นเคร่อื งมอื ชว่ ยในการดาเนินการเพอ่ื ใหก้ ารทางานมคี วามรวดเรว็ ถกู ตอ้ ง และแมน่ ยา 2. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยทาให้การบริการกว้างขวางข้ึน เม่ือมีการพัฒนาระบบเก็บและใช้ข้อมู ล ทาให้การบริการต่างๆ อยู่ในรูปแบบการบริการแบบกระจาย ผู้ใช้สามารถสงั่ ซ้ือสนิ ค้าจากท่ีบ้านสามารถ ถามขอ้ มลู ผา่ นทางโทรศพั ท์ 3. เทคโนโลยสี ารสนเทศช่วยดาเนินการในหน่วยงานต่างๆ ปัจจุบนั ทุกหน่วยงานต่างพฒั นาระบบจัดเก็บ ข้อมูลและรวบรวมขอ้ มูลเพ่อื ใชใ้ นองคก์ ร ประเทศไทยมรี ะบบทะเบยี นราษฎรทจ่ี ดั ทาดว้ ยระบบคอมพิวเตอร์ ระบบเวชระเบยี นในโรงพยาบาล ระบบการจดั เกบ็ ขอ้ มูลภาษี ในปัจจุบนั องคก์ รทุกระดบั เหน็ ความสาคัญทจ่ี ะนา เทคโนโลยสี ารสนเทศมาใช้
ระบบสารสนเทศมกี ารนาเทคโนโลยีหลายดา้ นมาใช้ประโยชน์ในการนาข้อมูลมาประมวลผลและส่อื สาร สารสนเทศไปยงั ผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ องคป์ ระกอบทส่ี าคญั คอื ฮารด์ แวร์ (Hardware) ซอฟตแ์ วร์ (Software) บคุ ลากรทางคอมพวิ เตอร์ (Peopleware) ขอ้ มูล (Data) ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั งิ าน (Procedure) และระบบการสอ่ื สารขอ้ มลู (Data Communication System) ฮารด์ แวร์ Hardware ฮาร์ดแวร์เป็นองค์ประกอบสาคญั ของระบบสารสนเทศ หมายถึง เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ อุปกรณ์รอบข้าง รวมทงั้ อุปกรณ์ส่อื สารสาหรบั เช่อื มโยงคอมพวิ เตอรเ์ ขา้ เป็นเครอื ข่าย ซ่งึ ถอื ว่าเป็นองค์ประกอบท่สี าคญั ของ ระบบสารสนเทศ
Microcomputer หรือ Personal Computer (PC) คอมพวิ เตอรข์ นาดเลก็ แบบตัง้ โต๊ะ (Desktop Computer) ใช้กันแพร่หลายทัง้ ในบ้าน โรงเรียน และสานักงาน Macintosh (Macintosh) หรอื ทร่ี ู้จกั ในช่อื ย่อว่า แมค (Mac) เป็นช่อื ของผลิตภณั ฑ์ เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ทพ่ี ฒั นา ออกแบบ และจาหน่ายโดยบรษิ ทั แอปเปิล แมคอินทอช เป็นระบบคอมพวิ เตอรส์ ว่ นบคุ คลทส่ี ว่ นใหญ่ใชใ้ นสานกั พมิ พ์ นิตยสาร โรงพมิ พ์ บรษิ ทั ออกแบบ และบรษิ ทั โฆษณา Laptop หรือNotebook โน้ตบ๊กุ คอื คอมพวิ เตอรท์ ม่ี ขี นาดเลก็ กวา่ ไมโครคอมพวิ เตอร์ ถกู ออกแบบไวเ้ พอ่ื พกพาไปใชต้ ามทต่ี ่างๆ มขี นาดเลก็ และน้าหนักเบา ความสามารถ ในการทางานเทยี บเท่ากบั เคร่อื งพซี ที วั่ ไป ในปัจจุบนั มหี ลายขนาดใหเ้ ลือกตามความ ตอ้ งการใชง้ าน
Ultrabook เป็นการนาเอา Notebook และ Tablet ผนวกรวมเข้าด้วยกัน มีความบาง และน้าหนักเบาใกล้เคยี งกบั Tablet ทางานไดใ้ กลเ้ คยี งกบั Notebook มคี ยี บ์ อรด์ Hard Disk จะใชเ้ ป็น SSD (Solid-State Drive) หน้าจอสมั ผสั แบบ Multi Touch ไดเ้ หมอื น Tablet Tablet PC คอื เคร่อื งคอมพิวเตอร์ท่ใี ช้งานโดยใช้น้ิวสมั ผสั หรือปากกาเขียนลง บนจอภาพได้โดยตรงแทนการใช้เมาส์และคยี ์บอร์ด ซ่ึงมีซอฟต์แวร์ท่พี ฒั นาข้นึ มา เป็นพเิ ศษเพ่อื ใชก้ บั เคร่อื ง ในปัจจุบนั มกี ารใชง้ านกนั อย่างแพร่หลาย และมกี ารพฒั นา กนั มากเพราะมผี ใู้ ชง้ านเพมิ่ ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ นิยมใชใ้ นการเล่นอนิ เทอรเ์ น็ต ตดิ ต่อสอ่ื สาร ผา่ นระบบเครอื ขา่ ย การศกึ ษาและความบนั เทงิ
สว่ นประกอบของคอมพวิ เตอร์ 1. หน่วยรบั ขอ้ มลู (Input Unit) 2. หน่วยประมวลผลขอ้ มลู (Central Processing Unit : CPU) 3. หน่วยเกบ็ ขอ้ มลู (Memory Unit) 4. หน่วยตดิ ตอ่ สอ่ื สาร (Communication Unit) 5. หน่วยแสดงผล (Output Unit) ส่วนประกอบภายนอกท่สี าคัญของคอมพวิ เตอร์คอื อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ท่ีนามาประกอบกนั แล้วจะได้ คอมพวิ เตอรช์ นิดตงั้ โต๊ะทส่ี มบูรณ์ 1 เคร่อื ง ควรประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบทส่ี าคญั หลายอย่าง เช่น กล่องซพี ยี ู แป้นพมิ ม์ เมาส์ จอภาพ ลาโพง
1. กล่องซีพียู (Case) เป็ นองค์ประกอบคอมพิวเตอร์ท่ีภายในบรรจุแผงเมนบอร์ด แหล่งจ่ายไฟแล ะ หน่วยความจาต่างๆ เช่น รอม (ROM) แรม (RAM) ฮาร์ดดิสก์ ดิสก์ไดร์ฟ และซีดรี อม เป็นต้น ท่เี รียกว่า กล่องซีพียู เพราะภายในเคร่ืองบริเวณแผงวงจรหลัก (Main board) เป็นท่ีติดตัง้ ซีพียู (CPU) ซ่ึงถือว่าเป็ นมันสมอง ของเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ สว่ นรายละเอยี ดจะกล่าวถงึ ตอ่ ไปในเน้ือหาของบทเรยี นในหน่วยน้ี 2. แป้นพิมพ์ (Keyboard) คือ อุปกรณ์ทใ่ี ช้ในการพมิ พ์ข้อมูลเข้าสู่เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ เพ่อื ให้หน่วยประมวลผล ข้อมูลกลาง (CPU) ทาการประมวล แป้นพมิ พ์จดั เป็นอุปกรณ์ด้านหน่วยป้อนข้อมูล (Input Unit) ท่ีทาหน้าท่ี ในการป้อนขอ้ มลู เขา้ สเู่ คร่อื งคอมพวิ เตอร์
3. เมาส์ (Mouse) คอื อุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการเลือกและเล่อื นตาแหน่งลูกศรเพ่อื สงั่ งาน ใหค้ อมพิวเตอรท์ างาน เมาส์จัดเป็นอุปกรณ์ด้านหน่วยป้อนข้อมูลเช่นเดียวกับแป้นพิมพ์ แต่ใช้งานในลักษณะท่ีแต กต่างกนั เมาส์ ในปัจจบุ นั มที งั้ แบบมสี ายและแบบไรส้ าย 4. จอภาพ (Monitor) คอื อปุ กรณ์ทใ่ี ชใ้ นการแสดงผลขอ้ มลู ทผ่ี า่ นการประมวลผลจากซพี ยี มู าแล้ว เพ่อื ทาให้ ผู้ใช้มองเห็นผลลัพธ์ของข้อมูลและสามารถติดต่อกับเคร่ืองคอมพิวเตอร์ได้ จอภาพจัดเป็ นอุปก รณ์ ดา้ นหน่วยแสดงผล (Output Unit) 5. ลาโพง (Speaker) คอื อุปกรณ์ทใ่ี ช้ในการแปลงสญั ญาณไฟฟ้าเป็นสญั ญาณเสยี งและแสดง เสยี งออก ทางลาโพงทาให้ผู้ใชไ้ ด้ยนิ สญั ญาณเสยี งในรูปแบบต่างๆ เช่น เสยี งเพลง และเสยี งพูดต่างๆ ลา โพงจดั เป็น อปุ กรณ์ ดา้ นหน่วยแสดงผล (Output Unit) 6. หน่วยความจาสารอง (Secondary memory unit) หน่วยความจาสารองเป็นสว่ นเพม่ิ หน่วยความจา ใหม้ ขี นาดใหญ่ มคี วามจุมาก มรี าคาถูก ในระบบคอมพวิ เตอร์จึงมกั ตดิ ตงั้ หน่วยความจาสารองเพ่ือนามาใช้ เก็บขอ้ มูลจานวนมาก เป็นการเพมิ่ ขดี ความสามารถด้านการจดจาของคอมพวิ เตอรใ์ หม้ ากยง่ิ ข้นึ หน่วยความจาสารอง มหี ลายชนิดดงั ต่อไปน้ี
ฮารด์ ดิสก์ (Hard Disk) เป็นท่สี าหรบั เก็บขอ้ มูลขนาดใหญ่ Hard Disk จะประกอบไปด้วยจาน Disk หรอื ทเ่ี รยี กว่า Platters หลายๆ แผ่น มารวมกนั Hard Disk สว่ นมากจะอยภู่ ายในเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ ซ่งึ ไมส่ ะดวกในการเคล่อื นยา้ ย บางทีถูกเรยี กวา่ Fixed Disk ในปัจจุบนั ได้มกี ารนาฮาร์ดดิสก์ของคอมพิวเตอร์ใส่ในเคสเล็กๆ ใช้สาย USB ในการเช่อื มต่อเข้ากบั คอมพิวเตอร์ ซง่ึ ทาใหส้ ามารถจดั เกบ็ ขอ้ มลู ไดม้ ากและพกพาสะดวกเป็นทน่ี ิยมกนั มากในปัจจบุ นั เรยี กวา่ External Hard Disk แผน่ ขอ้ มลู แบบบนั ทึกด้วยแสง (Optical Disc) แบง่ ออกเป็น 2 ประเภทดว้ ยกนั คอื 1. CD ROM ซีดี (Compact Disk) เป็นส่อื บนั ทึกข้อมูลท่มี คี วามจุสูง โครงสร้างเป็นแผ่นพลาสติกทรงกลมบาง ท่ฉี าบด้วยโลหะ metallic หลักการทางานจะใช้แสงเลเซอร์ (Laser) ฉายลงไปบนพ้นื ผวิ ของแผ่น ทาใหเ้ กิดหลุมรหสั เป็น 0 และ 1 การอา่ นขอ้ มลู กใ็ ชแ้ สงเลเซอรก์ วาดไปบนพน้ื ผวิ ของแผน่ แลว้ ใชแ้ สงสะทอ้ นกลบั แปลงไปเป็นขอ้ มลู ทค่ี อมพวิ เตอรส์ ามารถอา่ นเขา้ ใจได้ มคี วามจุประมาณ 600 - 700 MB มกี ารเขา้ ถงึ ขอ้ มูลแบบ Random Access มกี ารพฒั นาให้เขยี นอ่านไดห้ ลายๆ ครงั้ เรยี กว่า Erasable Optical Disks การใชง้ านตอ้ งใช้ร่วมกบั CD-Writer มรี าคาถกู และใชง้ านแทนซดี รี อมทวั่ ไปได้
2. DVD (Digital Versatile Disc) เป็นสอ่ื บนั ทกึ ขอ้ มลู ทม่ี คี วามจุสงู มากกว่าซดี ี โครงสร้างของแผ่นเป็นแผ่นพลาสติกทรงกลมบางท่ีฉาบด้วยโลหะ Metallic สามารถเก็บข้อมูลได้มากสุดถึง 8.5 GB ซ่ึงเหมาะสาหรับการเก็บข้อมูล, ภาพยนตรห์ รอื ไฟลม์ ลั ตมิ เี ดยี จานวนมาก ภาพและเสยี งของดวี ดี จี ะมีความคมชดั มากกวา่ ซดี ี แตแ่ ผน่ ดวี ดี จี ะตอ้ งใชง้ านรว่ มกบั อปุ กรณ์ ดวี ดี รี อมไดรฟ์ ซ่งึ อปุ กรณ์ ดวี ดี รี อมไดรฟ์ สามารถอา่ นแผน่ ไดท้ กุ ประเภท หน่ วยความจาแฟลช (Flash Memory) ยูเอสบีไดร์ฟ (USB Drive) แฮนดี้ไดรฟ์ (Handy Drive)หรือทมั พไ์ ดรฟ์ (Thumb Drive) คอื สอ่ื ท่ใี ชบ้ นั ทกึ ข้อมูลอีกชนิดหน่ึงท่ปี ัจจุบนั ได้รบั ความนิยมใช้กันมาก ส่อื บันทึกข้อมูลชนิดน้ี สามารถอา่ นและเขยี นขอ้ มลู ไดเ้ หมอื นกบั แผน่ CD, DVD และฮารด์ ดสิ ก์ แต่มขี อ้ ดี ตรงท่วี ่าพกพาได้สะดวก เพราะมีขนาดเล็ก มีความจุหลายขนาดตงั้ แต่ 2 GB, 4 GB, 8 GB, 16 GB หรอื มากกว่า พอรต์ ทใ่ี ชเ้ ช่อื มต่อกบั สอ่ื บนั ทกึ ขอ้ มูลชนิดน้ี คือพอร์ต USB (Universal Serial Bus) สามารถทางานได้ในหลายระบบปฏิบัติการ เชน่ Windows, Macintosh, Linux
หน่วยความจาแฟลชประเภทการ์ด (Memory Card) หน่วยความจาชนิดน้ีนิยมใช้ในปัจจุบนั อย่างแพร่หลาย เพราะสามารถนาไปใชก้ บั อุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกสอ์ ่นื ๆ เพ่อื เกบ็ สารองขอ้ มูลต่างๆ เช่น กล้องดจิ ทิ ลั , โทรศพั ท์ ประเภท Smartphone, เครอ่ื งเลน่ MP3 แบบพกพา หรอื กลอ้ งวดิ โี อรนุ่ ใหมๆ่ ชนิดหน่วยความจาประเภทน้ี เช่น - PC Card - Compact Flash - Smart Media - Multimedia Memory Card (MMC) - Secure Digital (SD) - Memory Stick
7. อปุ กรณ์ต่อพ่วง อุปกรณ์ต่อพ่วง คอื อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ท่นี ามาต่อพ่วงกบั คอมพิวเตอร์เพ่อื ทาให้เกิดประโยชน์อยา่ งใดอย่างหน่ึง เชน่ นาอปุ กรณ์มาต่อพว่ งกบั คอมพวิ เตอรเ์ พอ่ื พมิ พข์ อ้ มลู เพ่อื สแกนรปู ภาพ เป็นตน้ หลกั การทางานของอุปกรณ์ ต่อพ่วงแต่ละชนิด จะแตกต่างกันข้นึ อยู่กบั ว่าจะให้อุปกรณ์ต่อพ่วงชนิดนัน้ ทางานแบบใด แต่อุปกรณ์ท่นี ามาต่อพ่วง กบั คอมพวิ เตอร์จะต้องต่อสายเคเบลิ หรอื สายนาสญั ญาณเขา้ กบั พอรต์ ของเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ ซ่ึงอาจจะเป็น พอร์ตขนาน พอร์ตอนุกรม หรือพอร์ต USB ก็แล้วแต่ท่ีจะกาหนด หรืออาจใช้วิธีการเช่ือมต่อแบบไร้สาย เชน่ Wireless LAN หรอื บลูทธู (Bluetooth) เป็นต้น และโดยทวั่ ไปจะตอ้ งมโี ปรแกรมหรอื ซอฟต์แวรท์ ่ีใชค้ วบคุม การทางานของอปุ กรณ์ตอ่ พว่ ง ในทน่ี ้ีจะกล่าวถงึ อปุ กรณ์ต่อพว่ งประเภทเคร่อื งพมิ พ์ อปุ กรณ์ต่อพ่วงประเภทเครื่องพิมพ์ เคร่อื งพมิ พ์ (Printer) เป็นอปุ กรณ์ต่อพ่วงกบั คอมพิวเตอร์ เพ่อื พมิ พ์ ข้อมูลออกทางกระดาษพิมพ์ โดยรับข้อมูลจากคอมพวิ เตอร์ ผ่านสายเคเบิลหรือระบบเครือข่าย เช่น LAN หรอื Wireless LAN ไปยงั เคร่อื งพมิ พ์
ประเภทของเครื่องพิมพ์ 1. เครื่องพิมพด์ อตเมตริก (Dot Matrix) เป็นเคร่อื งพมิ พ์ทใ่ี ชห้ วั เขม็ กระแทกลงไปบนผ้าหมึก เพ่อื ใหต้ วั อกั ษร ทจ่ี ะพมิ พไ์ ปปรากฏบนกระดาษพมิ พ์ ตวั เคร่อื งพมิ พจ์ ะมรี าคาแพงสว่ นผา้ หมกึ จะมรี าคาถูก ปัจจุบนั ใชใ้ นงานพมิ พเ์ อกสาร ทต่ี อ้ งการสาเนาหลายชดุ เชน่ ใบสงั่ ซอ้ื บลิ เงนิ สด ใบเสรจ็ รบั เงนิ หรอื ใบสง่ ของ เป็นหลกั หวั พมิ พจ์ ะประกอบดว้ ยเขม็ โลหะเล่มเลก็ ๆ วางเรยี งกนั เป็นแถวจานวน 9 เขม็ หรอื 24 เขม็ เขม็ แต่ละเล่ม จะรบั สญั ญาณ ควบคุมใหพ้ ุ่งผ่านผ้าหมกึ (Ribbon) ไปตกกระทบบนกระดาษซ่ึงมลี ้อยางรองรบั อยู่ด้านหลงั ใหเ้ รยี งจุดเป็นตวั อกั ษรหรอื ภาพ
2. เคร่ืองพิมพ์แบบพ่นหมึก (InkJet Printer) เป็นเคร่อื งพมิ พท์ ่อี าศยั หลกั การพ่นหมกึ ออกมาบนกระดาษพมิ พ์ โดยมหี วั พมิ พเ์ คล่อื นทบ่ี นแกนโลหะ การทางานของหวั พมิ พใ์ ชว้ ธิ กี ารฉีดพน่ น้าหมกึ เป็นจุดขนาดเลก็ ๆ จากกลกั น้าหมกึ ให้เป็นตวั อกั ษรหรอื รูปภาพ แทนลงบนกระดาษ ความละเอยี ดของการพมิ พ์วดั เป็นจานวนจุดต่อตารางน้ิว ขนาดกระดาษ ท่ีใช้มักเป็ นขนาด A4 หรือขนาดท่ีเล็กกว่า ความเร็วในการพิมพ์นับเป็นจานวนหน้าต่อนาที ก ารพิมพ์สี จะใชห้ ลกั การพน่ หมกึ 3 สคี อื น้าเงนิ แดง และเหลอื งผสมกนั 3. เคร่ืองพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer) มหี ลักการทางานคล้ายกบั เคร่อื งถ่ายเอกสาร โดยจะทาการแปลงข้อมูล จากคอมพวิ เตอรใ์ ห้เป็นรหสั แล้วใชล้ าแสงเลเซอร์ยงิ เป็นรูปภาพต้นแบบลงบนแท่นพมิ พท์ เ่ี ป็นล้อยาง (Drum) แลว้ ทาการใชค้ วามรอ้ นดดู ผงหมกึ จากกลกั (Toner) เขา้ มาตดิ กบั ล้อยางตามแบบพมิ พ์ จากนัน้ กระดาษจะถูกรดี ด้วยล้อยาง ผ่านแม่พิมพ์ท่ีมีผงหมึกติดอยู่ทาให้เกิดเป็นตัวอกั ษรหรือภาพบนกระดาษ ความละเอียดของก ารพมิ พ์วดั เป็นจานวนจุดต่อตารางน้ิว (Dot Per Inch : DPI) ขนาดกระดาษทใ่ี ชม้ กั เป็นกระดาษขนาด A4 หรอื ขนาดอ่นื กไ็ ด้ ขน้ึ อย่กู บั คณุ สมบตั ขิ องเคร่อื งพมิ พ์ ความเรว็ ในการพมิ พน์ ับเป็นจานวนหน้าต่อนาที คุณภาพในการพิมพม์ คี วามคมชดั สงู กวา่ เครอ่ื งพมิ พ์ Inkjet
ซอฟแวร์ Sofeware ซอฟตแ์ วร์ หมายถงึ โปรแกรมหรอื ชุดคาสงั่ ท่สี งั่ ใหค้ อมพวิ เตอร์ทางาน เป็นตวั สงั่ การให้อุปกรณ์เช่อื มต่อทางานได้ โดยโปรแกรมจะเขยี นใหท้ างานเป็นขนั้ ตอนโดยจะครอบคลุมการดาเนินการทงั้ หมดว่าจะให้ผลลพั ธ์ออกมาในลกั ษณะใด โดยผู้เขยี นโปรแกรมหรอื โปรแกรมเมอร์จะเป็นผู้เขยี นโปรแกรมกาหนดให้โปรแกรมรบั อะไรมาประมวลผล แลว้ ใหผ้ ลลพั ธแ์ สดงออกมาในรปู แบบใดแบง่ เป็น 2 ประเภทคอื ซอฟตแ์ วรร์ ะบบ และซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ต์
ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) คือ ชุดคาสงั่ หรือโปรแกรมท่ีถูกเขยี นข้ึนทางานกับฮาร์ดแวร์ เพอ่ื สงั่ การควบคุมการทางาน อานวยความสะดวกใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถตดิ ต่อกบั เคร่อื งคอมพวิ เตอรแ์ ละคอมพวิ เตอร์ ทกุ เคร่อื งจะตอ้ งมรี ะบบปฏบิ ตั กิ าร (Operating System : OS) ระบบปฏบิ ตั กิ ารทใ่ี ชก้ นั ทวั่ ไป เช่น Windows XP, Windows 7, Windows 8 สาหรบั เคร่อื ง Macintosh เชน่ ระบบปฏบิ ตั กิ าร Snow Leopard, Lion Mountain, Lion และยงั มรี ะบบปฏบิ ตั กิ ารเปิด เชน่ Linux Ubuntu เป็นตน้ ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) คือ ชุดคาสงั่ หรือโปรแกรมท่ีถูกสร้างข้ึนให้ใช้งานด้านต่าง ๆ ใหไ้ ดป้ ระโยชน์สงู สดุ ตามความตอ้ งการของผใู้ ชง้ านโดยแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คอื
ซอฟตแ์ วรส์ าเรจ็ รปู (Package Program) หรอื ซอฟตแ์ วรใ์ ชง้ านทวั่ ไป (General Purpose Software) เป็นโปรแกรมท่ีสามารถนามาประยุกต์ใช้กับงานได้หลายๆ แบบ ทงั้ งานส่วนตัวและงานแบบองค์กร ในปัจจุบนั มผี ู้ทจ่ี ดั ทาซอฟต์แวร์สาเรจ็ รปู ขน้ึ มามากมายทงั้ โปรแกรมทส่ี รา้ งโดยบรษิ ทั ใหญ่ๆ ท่ีสรา้ งขน้ึ สาหรบั จาหน่าย ไปจนถงึ ผทู้ ห่ี ดั สรา้ งโปรแกรมสาเรจ็ รปู ขน้ึ ใชง้ านแล้วเปิดใหใ้ ชง้ านไดฟ้ รี ทงั้ หมดน้ีถอื เป็นซอฟตแ์ วรส์ าเรจ็ รูปได้ ซง่ึ สามารถจาแนกออกเป็นกล่มุ ต่าง ๆ ได้ 10 ประเภท
1. ซอฟต์แวร์ประมวลผลคา (Word Processing Software) ใช้สาหรบั สร้างเอกสารข้อความตวั อักษร ภาพ จดั การรปู แบบไดง้ า่ ยและสะดวกต่อการทางาน เชน่ Microsoft Word, OpenOffice Writer, WordPad เป็นตน้ 2. ซอฟต์แวรด์ ้านการคานวณ วิเคราะห์แบบตารางการทางาน (Spreadsheet Software) ใช้สาหรบั งานด้านการคานวณ วิเคราะห์หาผลลัพธ์ งานลักษณะท่ีต้องสร้างตาราง เช่น Microsoft Excel, OpenOffice Calc, Lotus 1-2-3 เป็นตน้ 3. ซอฟต์แวรด์ ้านการนาเสนอข้อมูล (Presentation Software) ใชส้ าหรบั การนาเสนอข้อมูลในรูปแบบ ต่างๆ ในการประชมุ สมั มนา เชน่ Microsoft PowerPoint, OpenOffice Impress เป็นตน้ 4. ซอฟต์แวร์ด้านการจัดการฐานข้อมูล (Database Management Software) ใช้สาหรับจัดเก็บข้อมูล จานวนมาก สามารถเรียกใช้งานได้ สร้างตัวติดต่อกับฐานข้อมูลเพ่ือเรียกใช้ทางานได้ เช่น Microsoft Access, OpenOffice Base เป็นตน้ 5. ซอฟต์แวร์ด้านงานพิ มพ์ (Publishing Software) ใช้สาหรับสร้างเอกสารสาหรับงานพิมพ์แผ่นพับ หนังสอื นามบตั ร สอ่ื ประชาสมั พนั ธต์ ่าง ๆ เชน่ Microsoft Publisher, Adobe InDesign เป็นตน้
6. ซอฟตแ์ วรด์ ้านสื่อรปู ภาพ (Graphic Software) ใชส้ าหรบั ออกแบบตกแต่งภาพ สามารถแบง่ ออกเป็น ประเภทต่างๆ เช่น Adobe Photoshop, Adobe Illustrator, Paint, CorelDraw, SketchUp Pro เป็นต้น ซอฟต์แวร์ สาหรบั ออกแบบ เขยี นแบบ 2D, 3D เชน่ AutoCAD และประเภทออกแบบภาพ Diagram ต่างๆ เชน่ Microsoft Visio 7. ซอฟต์แวร์ด้านส่ือผสม (Multimedia Software) เป็นโปรแกรมท่ีรวบรวมทงั้ ข้อความ รูปภาพ เสียงวิดีโอ ภาพเคล่ือนไหว ให้สามารถทางานร่วมกนั ได้แสดงออก เพ่มิ ความน่าสนใจของผลงาน เช่น Windows Movie Maker, Proshow, Corel VideoStudio Pro X5, Adobe Premiere Pro เป็นตน้ 8. ซอฟต์แวรด์ ้านการติดต่อส่ือสาร (Telecommunication Software) เป็นโปรแกรมทใ่ี ชใ้ นการติดต่อ พูดคุย แลกเปลย่ี นสอ่ื ต่างๆ ผา่ นสงั คมออนไลน์ เชน่ facebook, Line, Skype เป็นตน้ 9. ซอฟต์แวรเ์ กี่ยวกบั เบราวเ์ ซอร์ (Web Browser Software) ใชแ้ สดงขอ้ มูลทแ่ี สดงผา่ นเครอื ขา่ ยต่างๆ ทวั่ โลก เชน่ Internet Explorer, Google Chrome, Mozilla Firefox, Safari เป็นตน้ 10.ซอฟต์แวร์อรรถประโยชน์ในการใช้งาน (Utility Software) เป็นโปรแกรมท่สี ร้างข้นึ เพ่ือเพ่ิมความสะดวก รวมไปถงึ ความบนั เทงิ ใหก้ บั ผใู้ ชง้ าน เชน่ WinRAR, Nero, Anti-Virus เป็นตน้
ซอฟตแ์ วรเ์ ฉพาะด้าน (Special Purpose Software) ถงึ แม้ว่าซอฟต์แวร์ทวั่ ไปนัน้ จะสามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ แต่หน่วยงานธุรกิจหลายๆ ประเภทนั้น มขี อ้ มูลรบั เข้านาออกมากเกนิ กว่าทจ่ี ะใช้งานซอฟต์แวรท์ วั่ ไปในการจดั การบรหิ ารงาน และเพ่อื ให้งานออกมาเป็นระบบ มแี บบแผนมากยงิ่ ขน้ึ หน่วยงานกจ็ าเป็นตอ้ งสรา้ งงานซอฟตแ์ วรเ์ ฉพาะธรุ กจิ หรอื หน่วยงานขน้ึ เพอ่ื ใชง้ านเอง เช่น งานรบั จองตวั ๋ เคร่อื งบนิ งานโรงแรม งานธนาคาร งานบญั ชบี รษิ ทั เป็นตน้
บคุ ลากรทางคอมพวิ เตอร์ (Peopleware) องค์ประกอบสาคญั ในความสาเรจ็ ของระบบสารสนเทศ บุคลากรมคี วามรูค้ วามสามารถทางคอมพวิ เตอรม์ ากเท่าใด โอกาสท่ีจะใช้งานระบบสารสนเทศและระบบคอมพวิ เตอร์ได้เต็มศักยภาพและคุ้มค่าย่ิงมากข้ึนเท่านัน้ ผู้ใช้มีโอกาส พฒั นาความสามารถของตนเองและพฒั นาระบบงานไดเ้ องตามตอ้ งการ บคุ ลากรทางคอมพวิ เตอร์ เชน่ - นักวเิ คราะหร์ ะบบ (System Analysis) - โปรแกรมเมอร์ (Programmer) - วศิ วกรระบบ (System Engineer) - ผบู้ รหิ ารระบบงาน (Administrator) - พนักงานปฏบิ ตั กิ าร (Operator) - ผใู้ ช้ (End-User)
ขอ้ มลู (Data) เป็นองคป์ ระกอบทส่ี าคญั อกี ประการหน่ึงของระบบสารสนเทศ การเกบ็ ขอ้ มูลจากแหล่งกาเนิดขอ้ มูลจะต้อง มีความถูกต้อง มีการตรวจสอบแล้วเท่านัน้ จึงจะมปี ระโยชน์ ข้อมูลจาเป็นจะต้องมีมาตรฐานเม่อื ใช้งานในระดับกลุ่ม หรอื ระดบั องคก์ ารขอ้ มลู ตอ้ งมโี ครงสรา้ งในการจดั เกบ็ ทเ่ี ป็นระบบระเบยี บเพ่อื การสบื คน้ ทร่ี วดเรว็ มปี ระสทิ ธภิ าพ ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั งิ าน (Procedure) ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั ิงานของผูใ้ ชห้ รอื ของบุคลากรท่เี ก่ยี วข้องเป็นเร่อื งสาคญั เม่อื ไดพ้ ฒั นาระบบงานแล้ว ขณะทใ่ี ช้งานก็จาเป็นต้อง คานึงถึงลาดบั ขนั้ ตอนของคนและความสมั พนั ธ์กบั เคร่อื ง ทงั้ ในกรณีปกติและกรณีฉุกเฉิน เช่น การบนั ทกึ ข้อมูล การประมวลผล การปฏบิ ตั ิงานเม่อื เคร่อื งชารุดหรอื ข้อมูลสูญหาย และการทาสาเนาข้อมูลสารอง เพอ่ื ความปลอดภยั และการทาเอกสารคมู่ อื การใชง้ านทช่ี ดั เจน
ระบบการสอ่ื สารขอ้ มลู (Data Communication System) ระบบสอ่ื สารขอ้ มลู เป็นปัจจยั สาคญั ในการเชอ่ื มต่อสารสนเทศ ทาใหม้ กี ารใชง้ านสารสนเทศไดม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านน้ีทาให้ทุกภาคส่วนต้องมกี ารปรบั ตัวเพ่อื รองรบั กบั ความเปล่ียนแปลงอย่างรวดเรว็ และนามาใช้ประโยชน์กับองค์กร ระบบเครือข่ายและระบบโทรคมนาคมช่วยทาให้การติดต่อส่อื สาร การแลกเปล่ียน ข้อมูลง่าย สะดวก รวดเร็ว ค่าใช้จ่ายน้อยลง เช่น มกี ารใช้สญั ญาน Wifi ระบบ 4G ซ่ึงกาลงั จะเปล่ียนเป็น 5G ในไม่ช้า อนิ เทอรเ์ น็ตกเ็ ป็นชอ่ งทางหน่ึงทม่ี คี วามสาคญั ในการใชร้ ะบบสารสนเทศ
ปัจจบุ นั คอมพวิ เตอรแ์ ละระบบสอ่ื สารไดส้ รา้ งประโยชน์อยา่ งมากต่อวงการธุรกจิ ทาใหท้ ุกธรุ กจิ มกี ารลงทุน ขยายขอบเขตการให้บริการโดยใช้ระบบสารสนเทศกันมาก กลไกเหล่าน้ีทาให้โอกาสในการขยายตัว ของเทคโนโลยีสารสนเทศกว้างขวางเพม่ิ ขน้ึ นอกจากน้ีการเช่อื มโยงเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ทาให้สังคมโลก เป็นสงั คมแบบไร้พรมแดน การใช้งานเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ เช่น อินเทอร์เน็ตมีอัตราการขยายตัวสู งมาก ผคู้ นบนโลกสามารถตดิ ต่อสอ่ื สารกนั ผา่ นทางเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ น็ตไดห้ มด ผลกระทบในทางบวก ปัจจุบนั กาลงั ก้าวเขา้ สกู่ ารปฏวิ ตั ิเพ่อื เขา้ สยู่ ุคสารสนเทศ การสอ่ื สารทใ่ี หข้ า่ วสารได้อย่างรวดเรว็ จนทาให้ โลกมลี กั ษณะไรพ้ รมแดน สงิ่ เหล่าน้ีจะมผี ลกระทบในทางทด่ี หี รอื ทางบวกตอ่ สงั คมโดยตรง เชน่
1. ช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายของมนุษย์ เทคโนโลยสี ารสนเทศช่วยทาใหม้ นุษยม์ คี วามเป็นอยดู่ ขี น้ึ ชว่ ยสง่ เสรมิ ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพในการทางาน มเี คร่อื งมอื สอ่ื สารโทรคมนาคมสมยั ใหม่ ทาใหต้ ดิ ต่อถงึ กนั ไดส้ ะดวก มีระบบคมนาคมขนส่งท่รี วดเร็ว สามารถใช้โทรศัพท์ในขณะเดินทางไปมายงั ท่ีต่างๆ มีอุปกรณ์อานวยความสะดวก ทค่ี วบคมุ ดว้ ยคอมพวิ เตอร์ เช่น ลิฟต์ เคร่อื งซกั ผา้ เคร่อื งปรบั อากาศ มเี คร่อื งช่วยให้เกดิ การพกั ผ่อนหยอ่ นใจ เช่น วทิ ยุ โทรทศั น์ มีการแพร่กระจายสญั ญาณ โทรทศั น์ผ่านดาวเทยี ม สามารถรบั รู้ข่าวสารต่างๆ จากทวั่ ทุกมุมโลก ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ 2. ช่วยทาให้การผลิตในอตุ สาหกรรมดีขึน้ ระบบการผลติ สนิ คา้ ในปัจจุบนั เป็นระบบทต่ี ้องการผลติ สนิ คา้ จานวนมาก มคี ุณภาพมาตรฐาน การผลิตในสมยั ปัจจุบนั ใชเ้ คร่อื งจกั รทางานอย่างอตั โนมตั ิ สามา รถทางาน ได้ตลอดย่ีสบิ ส่ชี วั่ โมง ปัจจุบันมีการนาหุ่นยนต์เข้ามาช่วยในอุตสาหกรรมการผลิตเทคโนโลยี สารสนเทศ จงึ มผี ลตอ่ การผลติ มาก
3. ช่วยส่งเสริมการค้นคว้าวิจยั สิ่งใหม่ เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์และระบบส่อื สาร เช่น เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ช่วยให้งานคน้ คว้าวจิ ยั ในห้องปฏิบตั ิการวจิ ัยต่างๆ มคี วามก้าวหน้ายงิ่ ข้นึ ปัจจุบนั งานค้นคว้าวิจัยทุกแขนง จาเป็นต้องใช้คอมพวิ เตอร์ช่วยในการคานวณต่างๆ นักวจิ ยั นักวทิ ยาศาสตร์ ใช้ประโยชน์จากคอม พวิ เตอร์ ในการจาลองรูปแบบของสงิ่ ท่มี องไม่เหน็ ตัว ใช้ในการค้นหาขอ้ มูลทม่ี จี านวนมากและแพร่กระจายอยู่ทวั่ โลก สามารถคน้ หารายงานวจิ ยั ทม่ี ผี เู้ คยทาไวแ้ ลว้ และทเ่ี กบ็ ไวใ้ นหอ้ งสมดุ ตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว 4. ช่วยส่งเสริมสขุ ภาพและความเป็นอยใู่ ห้ดีขึน้ คอมพวิ เตอรแ์ ละอปุ กรณ์ทเ่ี กย่ี วกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศ ทาใหก้ จิ การทางดา้ นแพทย์เจรญิ กา้ วหน้าขน้ึ อกี มาก ปัจจุบนั เคร่อื งมอื เคร่อื งใช้ทางการแพทยล์ ว้ นแล้วแต่ใชค้ อมพวิ เตอร์ ชว่ ยในการดาเนินการ 5. ช่วยส่งเสริมสติปัญญาของมนุษย์ คอมพวิ เตอรเ์ ป็นเคร่อื งมอื ทช่ี ว่ ยในการเรยี นรขู้ องมนุษยไ์ ดด้ ี ปัจจุบนั มกี ารนาบทเรยี นมาไวใ้ นคอมพวิ เตอรเ์ รยี กว่า คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน (Computer Assisted Instruction : CAI) คอมพวิ เตอร์ยงั เป็นเคร่อื งมอื ทใ่ี หน้ ักเรยี น นิสติ นักศึกษาเช่อื มโยงติดต่อกนั ทางอนิ เทอร์เน็ต สามารถศึกษา คน้ ควา้ ขอ้ มลู ขา่ วสารผา่ นทางเครอื ขา่ ย สามารถเรยี นรกู้ ารใชค้ อมพวิ เตอรห์ รอื เรยี นจากทห่ี า่ งไกลได้
6. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง การใช้เทคโนโลยเี ป็นเร่ืองท่ีจาเป็นต่ออุตสาหกรรม กจิ การค้า ธุรกิจต่างๆ กิจการทางด้านธนาคาร ช่วยสง่ เสรมิ งานทางดา้ นเศรษฐกิจ ทาใหก้ ระแสเงนิ ห มนุ เวยี น ไดอ้ ย่างกว้างขวาง ผูผ้ ลติ ในสายอุตสาหกรรมจะผลิตสนิ คา้ ได้มาก ลดต้นทุน ธุรกิจโดยรวมจาเป็นต้องอาศยั การแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ระหวา่ งกนั มกี ารสอ่ื สารเกย่ี วขอ้ งกนั เกดิ ระบบการแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ทางอิเลก็ ทรอนิกส์ 7. ช่วยให้เกิดความเข้าใจอนั ดีระหว่างกนั การส่อื สารโทรคมนาคมสมยั ใหม่ช่วยย่นย่อโลกให้เล็กลง โลกมสี ภาพไร้พรมแดน มกี ารเรยี นรู้วฒั นธรรมซ่งึ กนั และกันมากข้นึ เกิดความเขา้ ใจซ่งึ กนั และกนั ได้ดี ทาใหล้ ดปัญหา ในเร่อื งความขดั แยง้ สงั คมไรพ้ รมแดนทาใหม้ คี วามเป็นอยแู่ บบรวมกล่มุ ประเทศมากขน้ึ 8. ช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย ในการเลือกตัง้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกครงั้ มีการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ เพ่อื กระจายขา่ วสาร เพ่อื ใหป้ ระชาชนได้เหน็ ความสาคญั ของระบบประชาธปิ ไตย แมแ้ ต่การเลือกตั้งกม็ กี ารใช้ คอมพวิ เตอรร์ วมผลคะแนน ใชส้ อ่ื โทรทศั น์ วทิ ยุ แจง้ ผลการนับคะแนนทท่ี าใหท้ ราบผลไดอ้ ยา่ งรวดเรว็
ผลกระทบในทางลบ ตงั้ แต่เทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามบี ทบาทในชวี ติ ประจาวนั มากข้นึ การใช้เทคโนโลยเี ป็นไปอย่างกว้างขวาง การใชเ้ ทคโนโลยไี ปในดา้ นต่างๆ ซ่งึ แน่นอนย่อมต้องมที งั้ คณุ และโทษ ภาพยนตรห์ ลายเร่อื งไดส้ ะทอ้ นความคดิ ของการนาเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใชใ้ นทางลบ ผลกระทบในทางลบเหล่าน้ีบางอย่างเป็นเพยี งการคาดคะเนเท่านัน้ อาจไมไ่ ดเ้ กดิ ขน้ึ จรงิ แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามยอ่ มมโี อกาสเกดิ ขน้ึ ได้ เชน่ 1. ทาให้เกิดอาชญากรรม เทคโนโลยสี ารสนเทศสามารถนามาใช้ในการก่อให้เกิดอาชญากรรมได้ มกี ารลกั ลอบ ใช้ข้อมูลข่าวสาร มกี ารโจรกรรมหรอื แก้ไขตัวเลขบญั ชี การแก้ไขระดบั คะแนนผู้เรียน การแก้ไขข้อมูลในโรงพยาบาล เพอ่ื ใหก้ ารรกั ษาพยาบาลคนไขผ้ ดิ ซง่ึ เป็นการทารา้ ยหรอื ฆาตกรรม 2. ทาให้เกิดความสมั พนั ธ์ของมนุษยเ์ ส่ือมถอย การใชค้ อมพวิ เตอรแ์ ละอุปกรณ์ส่อื สารทาใหส้ ามารถ ตดิ ต่อส่อื สารกนั ได้โดยไม่ต้องเหน็ ตวั การใช้งานคอมพวิ เตอรห์ รอื แมแ้ ต่การเล่นเกม มลี กั ษณะการใชง้ านเพียงคนเดยี ว ทาให้ความสมั พนั ธ์กบั ผู้อ่นื ลดน้อยลง ผลกระทบน้ีทาให้มคี วามเช่อื ว่า มนุษยสมั พนั ธ์ขอบุคคลจะลดน้อยลง สงั คมใหม่ จะเป็นสงั คมทไ่ี มต่ อ้ งพง่ึ พากนั มาก
3. ทาให้เกิดความวิตกกงั วล ผลกระทบน้ีเป็นผลกระทบทางดา้ นจติ ใจของกลุ่มบุคคลบางกลุ่มทม่ี คี วามวิตกกงั วล ว่าคอมพวิ เตอร์อาจทาให้เกิดการว่าจ้างงานน้อยลง มกี ารนาเอาหุ่นยนต์มาใช้งานมากข้นึ มีระบ บการผลิต ทอ่ี ตั โนมตั มิ ากขน้ึ ทาใหผ้ ใู้ ชแ้ รงงานอาจตกงาน หรอื หน่วยงานอาจเลกิ วา่ จา้ งได้ 4. ทาให้เกิดการเส่ียงภยั ทางด้านธุรกิจ ธุรกิจในปัจจุบนั จาเป็นต้องพง่ึ พาอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศมากข้นึ ข้อมูลข่าวสารทงั้ หมดของธุรกิจฝากไว้ในศูนย์ข้อมูล เช่น ข้อมูลลูกหน้ีการค้า ข้อมูลสนิ ค้าและบรกิ ารต่างๆ หากเกดิ การสญู หายของขอ้ มลู อนั เน่ืองมาจากเหตอุ บุ ตั ภิ ยั เชน่ ไฟไหม้ น้าท่วม หรอื ดว้ ยสาเหตุใดกต็ ามทท่ี าให้ ขอ้ มลู สญู หายหมด ยอ่ มทาใหเ้ กดิ ผลกระทบต่อธุรกจิ ได้ 5. ทาให้การพฒั นาอาวุธมีอานาจทาลายสูงมากขึ้น ประเทศท่ีเป็นต้นตารบั ของเทคโนโลยี สามารถนาเอา เทคโนโลยไี ปใชใ้ นการสรา้ งอาวธุ ทม่ี อี านุภาพการทาลายสงู อาจมผี ลต่อสงครามทม่ี กี ารทาลายลา้ งสงู เกดิ ขน้ึ ได้ 6. ทาให้เกิดการแพร่วฒั นธรรมและกระจายข่าวสารท่ีไม่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว คอมพวิ เตอร์เป็นอุปกรณ์ ทท่ี างานตามคาสงั่ การนามาใช้ในทางใดจงึ ขน้ึ อยู่กบั ผใู้ ช้ จรยิ ธรรมการใชค้ อมพวิ เตอรซ์ ง่ึ เป็นเร่อื งสาคญั ผู้สรา้ งเวบ็ ไซต์ หรอื สร้างขอ้ มูลข่าวสารในเร่อื งภาพทไ่ี ม่เหมาะสม เช่น ภาพอนาจาร หรอื ภาพท่ที าใหผ้ อู้ ่นื เสยี หาย การดาเนินการเช่นน้ี ย่อมขน้ึ อยู่กบั จรยิ ธรรมของผดู้ าเนินการ นอกจากน้ียงั มกี ารปลอมแปลงระบบจดหมาย เพ่อื สง่ จดหมายถงึ ผอู้ ่นื โดยมเี จตนากระจายขา่ วทเ่ี ป็นเทจ็
จริยธรรม หมายถงึ หลกั ศลี ธรรมจรรยาท่กี าหนดข้นึ เพ่อื ใช้เป็นแนวทางปฏบิ ตั ิ หรอื ควบคุมการใช้ระบบ คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ ซง่ึ เมอ่ื พจิ ารณาจรยิ ธรรมเกย่ี วกบั การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและคอมพวิ เตอรแ์ ล้ว สามารถสรปุ ได้ 4 ประเดน็ ไดแ้ ก่ 1. ความเป็นส่วนตวั (Information Privacy) ความเป็นสว่ นตวั ของขอ้ มลู และสารสนเทศ โดยทวั่ ไปหมายถงึ สทิ ธทิ จ่ี ะอยตู่ ามลาพงั และเป็นสทิ ธทิ เ่ี จา้ ของ สามารถทจ่ี ะควบคุมข้อมูลของตนเองในการเปิดเผยให้กบั ผูอ้ ่นื ปัจจุบนั มปี ระเด็นเก่ียวกบั การละเมดิ ความเป็นส่วนตัว ทเ่ี ป็นขอ้ น่าสงั เกตดงั น้ี » การเข้าไปดูข้อความในจดหมายอิเล็กทรอนิกส์และการบนั ทกึ ข้อมูลในเคร่อื งคอมพิวเตอร์ รวมทงั้ การบนั ทกึ - แลกเปลย่ี นขอ้ มลู ทบ่ี คุ คลเขา้ ไปใชบ้ รกิ ารเวบ็ ไซตแ์ ละกลุม่ ขา่ วสาร » การใช้เทคโนโลยใี นการตดิ ตามความเคล่อื นไหวหรอื พฤตกิ รรมของบุคคล เช่น บรษิ ทั ใช้คอมพวิ เตอร์ ในการตรวจจบั หรอื เฝ้าดกู ารปฏบิ ตั งิ าน/การใหบ้ รกิ ารของพนกั งาน » การใชข้ อ้ มลู ของลูกคา้ จากแหล่งตา่ งๆ เพอ่ื ผลประโยชน์ในการขยายตลาด » การรวบรวมหมายเลขโทรศพั ท์ ทอ่ี ยู่อเี มล์ หมายเลขบตั รเครดติ และข้อมลู สว่ นตวั อ่นื ๆ เพ่อื นาไปสร้างฐานข้อมูล ประวตั ลิ ูกคา้ ใหมข่ น้ึ มาแลว้ นาไปขายใหก้ บั บรษิ ทั อ่นื
2. ความถกู ต้อง (Information Accuracy) ในการใชค้ อมพวิ เตอรเ์ พ่อื การรวบรวม จดั เกบ็ และเรยี กใชข้ อ้ มูลนัน้ คุณลกั ษณะท่สี าคญั ประการหน่ึงคอื ความน่าเช่ือถือได้ของข้อมูล ทงั้ น้ีข้อมูลจะมีความน่าเช่ือถือมากน้อยเพียงใดย่อมข้ึนอยู่ กับความถูกต้อง ในการบนั ทกึ ข้อมูลดว้ ย ประเดน็ ดา้ นจรยิ ธรรมทเ่ี กย่ี วกบั ความถูกต้องของข้อมูล โดยทวั่ ไปจะพจิ ารณาว่าใคร จะเป็นผรู้ บั ผดิ ชอบตอ่ ความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู ทจ่ี ดั เกบ็ และเผยแพร่ 3. ความเป็นเจ้าของ (Information Property) ในสงั คมของเทคโนโลยีสารสนเทศมกั จะกล่าวถึงการละเมดิ ลิขสทิ ธิซ์ อฟต์แวร์ เม่อื ท่านซ้ือโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ทม่ี กี ารจดลขิ สทิ ธิ ์ นนั่ หมายความวา่ ทา่ นจา่ ยคา่ ลขิ สทิ ธใิ ์ นการใชซ้ อฟตแ์ วรน์ นั้ ซง่ึ ลขิ สทิ ธใิ ์ นการใชจ้ ะแตกต่างกนั ไปในแต่ละสนิ คา้ และบรษิ ทั บางโปรแกรมอนุญาตใหต้ ดิ ตงั้ ไดเ้ พยี งเคร่อื งเดยี ว ในขณะท่บี างโปรแกรมอนุญาต ใหใ้ ชไ้ ดห้ ลายเคร่อื ง ตราบใดทท่ี า่ นยงั เป็นบคุ คลทม่ี สี ทิ ธใิ นโปรแกรมคอมพวิ เตอรท์ ซ่ี ้อื มา การคดั ลอกโปรแกรม ใหก้ บั บคุ คลอน่ื เป็นการกระทาทต่ี อ้ งพจิ ารณาใหร้ อบคอบก่อนวา่ ทา่ นมสี ทิ ธใิ นโปรแกรมนนั้ ในระดบั ใด
4. การเขา้ ถึงขอ้ มูล (Data Accessibility) คอื การป้องกนั การเข้าไปดาเนินการกบั ขอ้ มูลของผู้ใช้ทไ่ี ม่มสี ่วนเก่ียวข้อง และเป็นการรกั ษาความลบั ของข้อมูล ตวั อย่างสทิ ธิในการใช้งานระบบ เช่น การบนั ทกึ การแก้ไข/ปรับปรุง และการลบ เป็นต้น ดังนัน้ ในการพฒั นาระบบ คอมพวิ เตอร์จึงไดม้ กี ารออกแบบระบบรกั ษาความปลอดภยั ในการเขา้ ถึงข้อมูลของผู้ใช้ และการเข้าถึงข้อมูล ของผู้อ่นื โดยไม่ได้รบั ความยินยอมนัน้ ถือว่าเป็นการผดิ จริยธรรมเช่นเดียวกับการละเมิดข้อมูลส่วนตวั ในการใช้งาน คอมพวิ เตอรแ์ ละเครอื ขา่ ยรว่ มกนั หากผใู้ ชร้ ว่ มใจกนั ปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บและขอ้ บงั คบั ของแตล่ ะหน่วยงานอย่างเครง่ ครดั แลว้ การผดิ จรยิ ธรรมตามประเดน็ ทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ กค็ งจะไมเ่ กดิ ขน้ึ
จรรยาบรรณการใช้เครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ 1. ใหร้ ะมดั ระวงั การละเมดิ หรอื สรา้ งความเสยี หายใหผ้ อู้ น่ื 2. ใหแ้ หล่งทม่ี าของขอ้ ความ ควรอา้ งองิ แหลง่ ขา่ วได้ 3. ไมก่ ระทาการรบกวนผอู้ น่ื ดว้ ยการโฆษณาเกนิ ความจาเป็น 4. ดแู ลและแกไ้ ขหากตกเป็นเหยอ่ื จากโปรแกรมอนั ไมพ่ งึ ประสงค์ เพอ่ื ป้องกนั มใิ หค้ นอ่นื เป็นเหยอ่ื
บญั ญตั ิ 10 ประการ 1. ตอ้ งไมใ่ ชค้ อมพวิ เตอรท์ ารา้ ยหรอื ละเมดิ ผอู้ น่ื 2. ตอ้ งไมร่ บกวนการทางานของผอู้ ่นื 3. ตอ้ งไมส่ อดแนม แกไ้ ข หรอื เปิดดแู ฟ้มขอ้ มลู ของผอู้ น่ื 4. ตอ้ งไมใ่ ชค้ อมพวิ เตอรเ์ พ่อื การโจรกรรมขอ้ มลู ขา่ วสาร 5. ตอ้ งไมใ่ ชค้ อมพวิ เตอรส์ รา้ งหลกั ฐานทเ่ี ป็นเทจ็ 6. ตอ้ งมจี รรยาบรรณการใชเ้ ครอื ขา่ ยสงั คมออนไลน์ 7. ใหร้ ะมดั ระวงั ในการละเมดิ หรอื สรา้ งความเสยี หายใหผ้ อู้ น่ื 8. ใหแ้ หล่งทม่ี าของขอ้ ความ ควรอา้ งองิ แหล่งขา่ วได้ 9. ไมก่ ระทาการรบกวนผอู้ น่ื ดว้ ยการโฆษณาเกนิ ความจาเป็น 10.ดแู ลและแกไ้ ขหากตกเป็นเหย่อื จากโปรแกรมอนั ไมพ่ งึ ประสงค์ เพ่อื ป้องกนั มใิ หค้ นอ่นื เป็นเหยอ่ื
การประยุกต์ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์มาใช้ในระบบสารสนเทศ ตัง้ แต่กระบวนการจัดเก็บ ประมวลผล และการเผยแพรส่ ารสนเทศ เพ่อื ชว่ ยใหไ้ ดส้ ารสนเทศทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพและรวดเรว็ ทนั ต่อเหตุการณ์ ประกอบดว้ ย ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั ิ และระบบการส่อื สารข้อมูล มีลกั ษณะท่ดี คี ือ ถูกต้องแม่นยา ครบถ้วน ตรงประเด็นท่ตี ้องการ รวดเร็วทนั เวลา และเช่อื ถือได้ ในปัจจุบนั การเข้าถึงการใช้งานทา ได้ง่าย ทงั้ ดา้ นการดาเนินชวี ติ ธุรกิจ สงั คม ความมนั่ คง ดงั นัน้ อาจเกิดผลกระทบทงั้ ด้านบวกและดา้ นลบ ผู้ใช้งานสารสนเทศ จงึ ตอ้ งมคี วามรบั ผดิ ชอบ และอยใู่ นกรอบของกฎหมาย จรรยาบรรณ จรยิ ธรรมในการใชง้ าน
Search
Read the Text Version
- 1 - 38
Pages: