42 หนว่ ยที่ 7 การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู ในการพิมพเ์ อกสาร การจดั การเกย่ี วกบั ยอ่ หนา้ (Paragraph) 1. สรา้ งแถบสยี ่อหนา้ ท่ตี อ้ งการก่อน 2. คลกิ ป่มุ Paragraph 3. ในสว่ น Alignment สาหรบั การจดั ตาแหน่งของขอ้ ความหรอื ย่อหนา้ ใหอ้ ยูด่ า้ นซา้ ย ตรงกลาง หรอื ดา้ นขวา โดยปกตจิ ะคลิกท่ีป่มุ แถบเคร่อื งมือ เพราะสะดวกกว่า 4. ในสว่ น Indentation Left สาหรบั กาหนดใหข้ อ้ ความหรอื ย่อหนา้ อยูห่ ่างจากขอบซา้ ย (Left) หรอื ขอบขวา (Right) เช่น กาหนดให้ Left = 1 cm. ขอ้ ความกจ็ ะอยูห่ ่างจากขอบซา้ ย 1 เซนติเมตร 5. ในสว่ น Special จะมอี ยู่ 2 แบบดว้ ยกนั - First line เป็นการกาหนดใหบ้ รรทดั แรกของย่อหนา้ น้นั ๆ อยูห่ า่ งจากขอบดา้ นซา้ ยเท่าใด - Hanging กาหนดใหบ้ รรทดั ท่ี 2 เป็นตน้ ไปของย่อหนา้ อยู่หา่ งจากขอบซา้ ยเท่าใด 6. ในสว่ น Spacing สาหรบั กาหนดระยะห่างระหว่างแต่ละย่อหนา้ - Before กาหนดระยะห่างระหวา่ งยอ่ หนา้ ทเ่ี ลือกกบั ยอ่ หนา้ ก่อนหนา้ น้ัน - After กาหนดระยะห่างระหว่างย่อหนา้ ท่เี ลอื กกบั ยอ่ หนา้ ถดั ไป - Line spacing เป็นการกาหนดระยะห่างของแตล่ ะบรรทดั ในยอ่ หนา้ 7. เม่อื กาหนดเสรจ็ แลว้ ใหค้ ลกิ OK ออกมา เสรจ็ แลว้ คลกิ ทว่ี ่าง ๆ เพ่อื ใหแ้ ถบสหี ายไป
43 การกาหนดกน้ั หนา้ หรอื กน้ั หลงั (Indents) การกาหนดกน้ั หนา้ หรอื กน้ั หลงั เป็นการกาหนดขอบเขตของขอ้ ความในเอกสารไม่ใหเ้ กนิ ขอบเขตท่ี กาหนดไว้ ขอบเขตต่าง ๆ การกาหนดกน้ั หนา้ มขี น้ั ตอนดงั น้ี 1. ใหค้ ลกิ บรรทดั ใดกไ็ ดข้ องยอ่ หนา้ ทตี่ อ้ งการกาหนดกน้ั หนา้ 2. ช้ีทป่ี ่มุ (กน้ั หนา้ ลอย) กดเมาสค์ า้ งไวแ้ ลว้ ลากไปยงั ตาแหน่งทีต่ อ้ งการ
44 3. จะไดข้ อ้ ความตามระยะกน้ั หนา้ ที่ลากป่มุ กน้ั หนา้ ลอยไว้ การกาหนดกน้ั หลงั มีขน้ั ตอนดงั น้ี 1. ใหค้ ลกิ บรรทดั ใดก็ไดข้ องย่อหนา้ ท่ีตอ้ งการกาหนดกน้ั หลงั
45 2. ช้ีทีป่ ่มุ (เย้ืองขวา) กดเมาสค์ า้ งไวแ้ ลว้ ลากไปยงั ตาแหน่งทต่ี อ้ งการ 3. จะไดข้ อ้ ความตามระยะกน้ั หลงั ทล่ี ากป่มุ เย้ืองขวาไว้
46 การกาหนด Tab รูปแบบตา่ ง ๆ ในนการพิมพ์ข้อความลงไปในเอกสารน้ัน หากเราทาการเว้นวรรคข้อมูลโดยที่ใช้ปุ่ม สแปซบาร์ และขอ้ มูลน้ันมหี ลายบรรทดั นับเป็ นเร่อื งยากท่ีจะใหบ้ รรทดั ทส่ี องน้ันเวน้ วรรคตรงกนั กบั บรรทดั แรก ฉะน้ันวิธีที่สามารถทาใหก้ ารเวน้ วรรคขอ้ ความของทุกๆบรรทดั ในหน้าเอกสารเท่ากนั ก็คือการใชป้ ุ่ม Tab ในการเล่ือนเคอรเ์ ซอร์ ซ่ึงแท็บ (Tab) ก็คือ ตาแหน่งที่เคอรเ์ ซอรจ์ ะยา้ ยจากตาแหน่งเดิมไปอยู่ที่ ตาแหน่งอ่ืนในเอกสาร ทนั ทีท่ีกดป่ ุม Tab บนแป้ นพิมพ์ โดยปกติจะมีการเวน้ ย่อหน้าประมาณคร่ึงน้ิวต่อ การกดป่มุ Tab 1 ครง้ั แต่ถา้ เราตอ้ งการกาหนดระยะของการกดป่มุ Tab แตล่ ะครง้ั เอง กส็ ามารถทาได้ โดย รายละเอยี ดของแทบ็ แต่ละแบบมดี งั น้ี การกาหนดคอลมั น์ (Column) ใหก้ บั เอกสาร การแบ่งเอกสารเป็นหลายสดมภว์ ิธีท่งี ่ายทสี่ ดุ คอื ควรกาหนดคอลมั น์เสยี กอ่ นท่เี ราจะพมิ พข์ อ้ มลู ลง ไป มวี ิธกี ารดงั น้ี หรอื ทาตามขน้ั ตอนดงั น้ี 1. คลกิ เมาส์ เลอื กคาสงั่ รูปแบบ 2. คลกิ เมาส์ เลอื กคาสงั่ สดมภ์ จะปรากฎเคร่อื งมือแสดงการแบ่งจานวน สดมภ์ 3. คลกิ เมาส์ เลอื กจานวน สดมภ์ ท่ตี อ้ งการ 4. เอกสารจะถกู แบ่งเป็นหลาย สดมภ์ ตามท่ีไดเ้ ลอื กไว้
47 การแบ่งเอกสารเป็นหลาย สดมภ์ น้ันจะมีผลทง้ั เอกสาร แต่ถา้ ตอ้ งการแบ่งใหเ้ ป็นหลาย สดมภใ์ น เอกสารบางสว่ นก็ สามารถ ทาไดโ้ ดยการกาหนด การนาไปใช้ (5) ทาใหเ้ อกสารถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ ซ่ึง การแบ่งเอกสารเป็นหลาย สดมภน์ ้ันจะมี ผลเฉพาะพ้นื ที่ ทเ่ี ลอื กไวเ้ ทา่ น้ัน การสรา้ งรูปทรงเรขาคณิตลงในเอกสาร รูปทรงของช้ินงานทีน่ ามาเขยี นเป็นแบบงานในงานเขยี นแบบเทคนิคลว้ นแลว้ แต่มีการนาเอารูปทรง เรขาคณิตมาใชแ้ ละนามาประยุกตเ์ พ่ือเขียนเป็ นรูปทรงของแบบงาน ดงั น้ัน ผูท้ ี่จะทาการเขียนแบบงานจงึ จาเป็ นท่ีจะตอ้ งเรียนรูแ้ ละฝึ กหดั การเขียนรูปทรงทางเรขาคณิตพรอ้ มทง้ั การนาเอารูปทรงต่าง ๆ ทาง เรขาคณิตมาประยุกตใ์ ชใ้ นการเขียนแบบงาน รูปทรงเรขาคณิตที่นามาประยุกตใ์ ชใ้ นงานเขียนแบบมีอยู่ มากมายหลายแบบดว้ ยกนั ซ่งึ ในแต่ละชนิดจะมวี ธิ ีการเขยี นและการสรา้ งทแ่ี ตกต่างกนั ออกไป เราสามารถที่ จะแบง่ ชนิดและวธิ ีในการสรา้ งรูปทรงทางเรขาคณิต ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. การสรา้ งเสน้ ในรูปต่าง ๆ 2. การสรา้ งรูปสามเหล่ยี มดา้ นเท่า 3. การสรา้ งรูปสเ่ี หล่ยี มจตั รุ สั 4. การสรา้ งรูปหา้ เหลย่ี มดา้ นเท่า 5. การสรา้ งรูปหกเหลย่ี มดา้ นเทา่ 6. การสรา้ งรูปแปดเหล่ยี มดา้ นเทา่ 7. การสรา้ งรูปวงรี การใสส่ ญั ลกั ษณพ์ เิ ศษ (Symbol) ลงในเอกสาร สญั ลกั ษณต์ า่ งๆท่ีอยู่ในโปรแกรม Word มีใหเ้ ลอื กใสห่ ลายรอ้ ยรูปแบบ และอนั ไหนทใี่ ชบ้ อ่ ยคุณ สามารถกาหนดคียล์ ดั ได้ 1. เขา้ เมนู แทรก > สญั ลกั ษณ์ จะมีสญั ลกั ษณ์พ้นื ฐาน 20 แบบใหเ้ ลอื ก
48 2. ถา้ ตอ้ งการรูปแบบอน่ื ๆใหค้ ลกิ ท่ี สญั ลกั ษณ์เพม่ิ เติม.. จะมใี หเ้ ลอื กอกี หลายรอ้ ยแบบ เช่น ละติน อาหรบั สทั ศาสตร์ ตวั เลข ฯลฯ
49
50 หน่วยท่ี 8 การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมดา้ นงานคานวณ เพ่ือจดั การสารสนเทศ การใชโ้ ปรแกรมตารางคานวณ โปรแกรมตารางคานวณ (Spreadsheet) เป็นโปรแกรมที่มีความ สามารถ และเหมาะสาหรบั ใช้ใน งานอาชีพท่ีสาคญั มากประเภทหน่ึง โปรแกรมประเภทน้ีมีประโยชน์เป็นอย่างมาก เพราะสามารถ สรา้ ง สูตร คานวณค่าต่าง ๆ ท่ีซบั ซอ้ น เป็ นผลลพั ธไ์ ดอ้ ย่างรวดเร็ว และ ถูกตอ้ งแม่นจา นอกจากน้ันยงั อาจจดั ทา คาตอบ ไดโ้ ดยอตั โนมตั ิ ทนั ที หลงั จากเปล่ยี นค่าขอ้ มูลเป็นค่าใหม่แลว้ จึงมกั นามาใชใ้ นงาน ที่เกย่ี วขอ้ งกบั ตวั เลขจานวนมาก ซ่งึ เป็นทนี่ ิยมกวา้ งขวางเป็นอย่างมากในปจั จุบนั 1. สามารถใชง้ านทางดา้ นการคานวณตวั เลขตา่ ง ๆ 2. สามารถใชส้ ูตรและฟงั กช์ นั ในการคานวณและหาคา่ ต่าง ๆ 3. สามารถใชเ้ คร่ืองมอื ในการจดั การกบั ตารางขอ้ มลู ได้ 4. สามารถสรา้ งงานตารางไดส้ ะดวกรวดเร็ว 5. สามารถจดั เกบ็ ขอ้ มลู เป็นฐานขอ้ มูลได้ 6. สามารถสรา้ งแผนภมู ไิ ด้ 7. สามารถสรา้ งชดุ คาสงั่ ใชง้ านเองได้ 8. สามารถจดั เรยี งขอ้ มลู และกรองขอ้ มลู ได้ 9. สามารถตกแตง่ ตารางขอ้ มลู และแผนภมู ไิ ด้ 10. สามารถตกแตง่ รูปแบบตวั อกั ษรไดต้ ามตอ้ งการ การสรา้ งงานดว้ ยโปรแกรมตารางคานวณ รูปแบบการคานวณดว้ ย Excel เราสามารถใช้โปรแกรม Excel สรา้ งตารางคานวณไดห้ ลาย รูปแบบ ตวั ท่ีจะช่วยเราคงหนีไม่พน้ การนาสูตรและฟังกช์ นั มาใช้ ดงั น้ันเราควรรูค้ วามสามารถในการ คานวณของ Excel สามารถทาอะไรไดบ้ า้ ง เก่ียวกบั การคานวณอตั โนมัติ การสรา้ งสูตร การใช้
51 ฟังกช์ นั หรือการแกป้ ญั หาในกรณีที่เกิดความผิดพลาดในการเขียนสูตร ซ่ึงถา้ เราเขา้ ใจหลกั การต่าง ๆ แลว้ Excel จะช่วยใหเ้ ราทางานไดส้ ะดวกข้ึน และการคานวณอตั โนมตั ิ บางขณะท่ีเราป้ อนตวั เลขใน ตาราง เราอาจจาเป็ นที่จะตอ้ งตรวจสอบตวั เลขหรือดูผลลพั ธว์ ่าถูกตอ้ งหรือไม่ โดยไม่ตอ้ งการใหแ้ สดงผล ลพั ธใ์ นตารางน้ัน ๆ เราสามารถใชก้ ารคานวณอตั โนมตั ิ ซ่ึงจะทาใหส้ ามารถทราบผลลพั ธไ์ ดท้ นั ที โดยท่ีไม่ ตอ้ งป้ อนสูตรหรอื ฟงั กช์ นั ใด ๆ ดว้ ยการดูผลลพั ธท์ ่ี Status Bar (แถบสถานะ) ซ่ึงมีวิธกี ารใชด้ งั น้ี 1. แดรกเมาสเ์ ลอื กช่วงเซลลท์ ีต่ อ้ งการใหค้ านวณ 2. คลกิ ขวาที่ แถบสถานะ จะปรากฎกล่องแสดงคาสงั่ 3. เลอื กคาสงั่ ที่ตอ้ งการ (ในท่นี ่ีเลอื กคาสงั่ ผลรวม) การนาเสนอขอ้ มูลสารสนเทศประเภทตวั เลขและตารางคานวณ ฟงั กช์ นั่ Count, Counta, Countif, If เป็นฟังกชื นั่ ทีจ่ ะปฏบิ ตั ิเป็นตวั อยา่ ง เพอ่ื เป็ นแนวทางในการ ใชฟ้ ังกช์ นั่ ตา่ ง ๆ ของโปรแกรมตารางคานวนแตก่ ่อนที่จะเรยี นรูฟ้ งั กช์ นั่ ต่าง ๆ ในโปรแกรม Microsoft Excel ใหป้ ้ อนขอ้ มลู ดงั ตวั อย่าง
52
53 หน่วยที่ 9 การประยกุ ต์ ใชโ้ ปรแกรมดา้ นงานนาเสนอขอ้ มลู ความหมายของการนาเสนอขอ้ มลู และส่อื สารสนเทศ การนาเสนอขอ้ มูล (Presentation) หมายถึง การสอ่ื สารเพ่อื เสนอขอ้ มูล ความรู้ ความคดิ เหน็ หรอื ความตอ้ งการไปสูผ่ ูช้ ม ผูฟ้ ังโดยใชเ้ ทคนิคหรอื วธิ ีการต่าง ๆ อนั จะทาใหบ้ รรลผุ ลสาเรจ็ ตามจุดมงุ่ หมายของ การนาเสนอ หลกั การนาเสนอพ้นื ฐานและการส่อื สารขอ้ มลู สารสนเทศ 1. การดึงดูดความสนใจ โดยการออกแบบใหส้ ่งิ ที่ปรากฎต่อสายตาน้นั ชวนมอง และมคี วามสบายตา สบายใจข้ึนเม่ือชมการนาเสนอ ดงั น้ัน การเลือกองคป์ ระกอบต่าง ๆ เช่น สีพ้ืน แบบสี และขนาดของ ตวั อกั ษรรูปประกอบตอ้ งเหมะสมและความสวยงาม 2. ความชดั เจนและความกระชบั ของเน้ือหา ส่วนที่เป็ นขอ้ ความตอ้ งสน้ั แต่ไดใ้ จความชดั เจน สว่ นที่ เป็นภาพประกอบตอ้ งมสี ว่ นสมั พนั ธอ์ ยา่ งสรา้ งสรรคก์ บั ขอ้ ความท่ีตอ้ งการส่อื ความหมาย การใชภ้ าพประกอบ มีประโยชน์มาก 3. ความเหมาะสมกบั กลุ่มเป้ าหมาย การสรา้ งจุดเน้นตามขอ้ 1 และ ขอ้ 2 ขา้ งตน้ ตอ้ งคานึงถึง กลุ่มเป้ าหมายดว้ ย เช่น กลุ่มเป้ าหมายเป็ นเด็ก การใชส้ ีสด ๆ และภาพการต์ ูนมีความเหมาะสม แต่ถา้ กลมุ่ เป้ าหมายเป็นผูใ้ หญแ่ ละเน้ือหาทน่ี าเสนอเป็นเร่อื งวชิ าการหรอื ธุรกจิ หลกั การเลอื กใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รูปเพ่อื การนาเสนอและสอ่ื สารขอ้ มูลสารสนเทศ 1. ทาความเขา้ ใจกบั งานที่ตอ้ งการนาเสนอ ก่อนการเลือกระบบสารสนเทศมาใชใ้ นการนาเสนองาน น้ัน ตอ้ งเขา้ ใจถงึ ลกั ษณะงานท่ีตอ้ งการนาเสนอก่อนว่าเป็ นงานในลกั ษณะใด เช่น เป็ นขอ้ ความ หรอื มีการ คานวณหรอื เป็ นงานท่ีเก่ยี วกบั การคน้ การเก็บรกั ษาขอ้ มูล เพ่ือเป็ นแนวทางในการเลือกระบบสารสนเทศท่ี เหมาะสมกบั งานน้ัน 2. เลือกโปรแกรมสาเร็จรูปมาใช้ เม่ือทราบลกั ษณะของงานท่ีตอ้ งการนาเสนอแลว้ จะเลือกระบบ สารสนเทศท่ีเหมาะสมกบั การนาเสนองานน้ัน งานบางอย่างอาจใชร้ ะบบสารสนเทศในการนาเสนอไดห้ ลาย
54 อยา่ ง อาจตอ้ งเลอื กว่าจะใชร้ ะบบใด ผูใ้ ชต้ อ้ งมีความเขา้ ใจในความสามารถของระบบน้นั โดยเฉพาะในส่วน ขอ้ งโปรแกรมว่าแต่ละโปรแกรมมีความสามารถใดบา้ ง เราอาจจะตอ้ งทาการประเมินว่าโปรแกรมใดมีความ เหมาะสมเพยี งใด แลว้ จงึ เลอื กโปรแกรมท่เี หน็ ว่าเหมาะสมทส่ี ุด 3. จดั หาเคร่ืองมิตามความตอ้ งการของโปรแกรม โปรแกรมแต่ละโปรแกรมมีความสามารถไม่ เหมือนกนั ขนาดของโปรแกรมกไ็ ม่เท่ากนั ทาใหค้ วามตอ้ งการของฮารด์ แวรใ์ นการทางานตามโปรแกรมน้ัน แตกต่างกนั ในคู่มือการใชง้ านโปรแกรมหรือซอฟตแ์ วรน์ ้ันจะบอกขอ้ กาหนดของฮารด์ แวรท์ ่ีตอ้ งการสาหรบั การใชง้ านไวว้ า่ จะตอ้ งมสี ว่ นประกอบอะไรบา้ ง จะตอ้ งจดั หาฮารด์ แวรใ์ หไ้ ดต้ ามขอ้ กาหนดน้นั เพ่อื ใหส้ ามารถ ใชง้ านซอฟตแ์ วรไ์ ดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพสาหรบั ระบบโปรแกรมสาเร็จ สาหรบั ระบบโปรแกรมสาเร็จรูปท่ีใช้ กบั ไมโครคอมพิวเตอรน์ ้ัน ส่วนใหญ่สามารถนามาใชก้ บั ไมโครคอมพวิ เตอรม์ าตรฐานท่ีมีขายทวั่ ไปไดเ้ ลย ยกเวน้ อปุ กรณ์ประเภทเคร่ืองพิมพท์ ี่อาจเลอื กไดต้ ามความตอ้ งการว่าเป็ นเคร่อื งพมิ พส์ ขี าว/ดา หรอื หลายสี จอภาพจะใชข้ นาดใหญ่ก่ีน้ิว หรือฮารด์ ดิสกท์ ่ีอาจตอ้ งดูขนาดความตอ้ งการซอฟตแ์ วรม์ ีขนาดเท่าใด และ ฮารด์ ดสิ จะพอใชห้ รอื ไม่ เพราะในไมโครคอมพิวเตอรห์ น่ึงเคร่ืองน้ันเรามกั จะบรรจโุ ปรแกรมหรอื ซอฟตแ์ วร์ ไวห้ ลายชนิด และปริมาณแฟ้ มขอ้ มูลท่ีมีอยู่เดิมอาจมากจนกระทงั่ พ้ืนที่เหลือไม่เพียงพอต่อการใชง้ าน โปรแกรมสาเรจ็ รูปใหม่น้ัน 4. การใช้งานโปรแกรม ในการใชง้ านน้ัน นอกจากผูใ้ ช้จะตอ้ งทาความเขา้ ใจการทางานของ ฮารด์ แวรว์ ่าใชง้ านอน่างไรแลว้ รายละเอยี ดการใชง้ านซอฟตแ์ วร์ ก็เป็ นส่งิ ที่สาคญั ท่ีผูใ้ ชจ้ ะตอ้ งทาความ เขา้ ใจใหช้ ดั เจนก่อนการใชง้ าน ส่วนใหญ่จะศึกษาจากคู่มือของโปรแกรมสาเร็จรูปน้ันเพ่ือความเขา้ ใจใน ความสามารถก่อน ปกตแิ ลว้ คู่มือการใชง้ านมาจากเจา้ ของผูผ้ ลติ ซอฟตแ์ วร์ ซ่งึ มกั จะอธบิ ายถงึ ความสามารถ ตามฟังกช์ นั ท่ีมีอยู่ แต่มกั จะไม่ค่อยมีตวั อย่างการประยุกตใ์ ช้ ผูใ้ ชต้ อ้ งทดลองเอง จงึ ไดม้ ีผูท้ ี่มีความรูค้ วาม สามารในโปรแกรมน้นั ๆ
55 รูปแบบการนาเสนอและส่อื สารขอ้ มลู สารสนเทศโดยใช้ คอมพวิ เตอร์ 1. การนาเสนอแบบ Web Page เป็นรูปแบบการนาเสนอท่ีใชบ้ นอนิ เตอรเ์ น็ต การนาเสนอแบบน้ี สามารถสรา้ งการเช่ือมโยงที่สลบั ซบั ซอ้ นระหว่างสว่ นต่าง ๆ ตลอดจนสามารถสรา้ งการเช่ือมโยงเอกสารที่ตา่ ง รูปแบบกนั ได้ 2. การนาเสนอแบบ Slide Presentation เป็ นการนาเสนอโดยใชโ้ ปรแกรมนาเสนอ ซ่ึงเป็ น โปรแกรมที่ใชง้ ่ายมาก มีรูปแบบการนาเสนอใหเ้ ลอื กใชห้ ลายแบบ สามารถเรยี กใชต้ าราง แผนภูมิ หรอื รูป ภาพประกอบ และตกแต่งดว้ ยสสี นั ทง้ั สพี ้ืน สขี องตวั อกั ษร รูปแบบฟอนตข์ องตวั อกั ษรไดง้ ่ายและสะดวก ในปัจจุบนั ส่ือนาเสนอรูปแบบ Slide Presentation หรือสไลด์ ดิจิทัล มักจะสรา้ งด้วยโปรแกรมใน กล่มุ Presentation เช่น Microsoft PowerPoint. OfficeTLE Impress เทคนิคการออกแบบส่อื นาเสนอ ส่ือนาเสนอท่ีดี ควรมีความโดดเด่น น่าสนใจ จะเน้นความคิด “หน่ึงสไลดต์ ่อหน่ึงความคิด” มีการสรุป ประเดน็ หรอื สาระสาคญั โดยมแี นวทาง 3 ประการในการออกแบบ ไดแ้ ก่
56 1. ส่อื ความหมายไดร้ วดเร็ว ส่อื นาเสนอท่ีดีตอ้ งสามารถส่อื ความหมายใหผ้ ูฟ้ งั ผูช้ มไดอ้ ยา่ ง รวดเรว็ การออกแบบส่ือนาเสนอในประเด็นน้ีผูอ้ อกแบบจะตอ้ งทราบกล่มุ เป้ าหมาย เน้ือหาสาระท่ีตอ้ งการ นาเสนอ สถานที่และเวลาที่ตอ้ งการนาเสนอเพ่อื ประกอบการออกแบบส่อื เช่น กล่มุ เป้ าหมายขนาดเล็ก ส่อื ควรมีใหค้ วามสาคญั กบั ผูฟ้ ังมากกว่าเน้ือหา สามารถนาเทคนิค หรอื Effect ต่างๆของโปรแกรมสรา้ งส่อื มา ใชไ้ ดอ้ ย่างเต็มท่ี กล่มุ เป้ าหมายที่มลี กั ษณะโตต้ อบ เช่น การนาเสนอทางวิชาการ การบรรยาย หรือฝึกอบรม ส่อื นาเสนอควรใหค้ วามสาคญั กบั เน้ือหา รวมทง้ั ยงั สามารถนาเทคนิค หรือ Effect ต่างๆของโปรแกรมสรา้ ง ส่ือมาใชไ้ ดอ้ ย่างเต็มท่ีเช่นกนั กลุ่มเป้ าหมายเฉพาะกิจ เช่น ผูบ้ ริหาร นักวิชาการ ส่ือนาเสนอจะตอ้ งให้ ความสาคญั กบั เน้ือหาและตวั ผูน้ าเสนอเป็ นสาคญั เน้ือหาควรมุ่งเฉพาะเป้ าหมายของการนาเสนอ ไม่ เน้น Effect มากนัก กลุ่มเป้ าหมายขนาดใหญ่ การนาเสนอมกั ใหค้ วามสาคญั กบั ผูบ้ รรยายมากว่าเน้ือหาท่ี นาเสนอ ดงั น้ัน ส่อื นาเสนอไม่ควรเน้นที่ Effect แต่ควรใหค้ วามสาคญั กบั ขนาดตวั อกั ษร สตี วั อกั ษร และ ลกั ษณะของสพี ้นื สไลด์ 2. เน้ือหาเป็ นลาดบั ส่อื นาเสนอที่ดีควรมีการจดั ลาดบั เน้ือหาเป็ นลาดบั ระเบียบ ดูงา่ ย ไม่ สบั สนส่งิ ทจ่ี ะช่วยใหก้ ารออกแบบสอ่ื นาเสนอท่ีตอ้ งการจดั ลาดบั เน้ือหาใหเ้ ป็นระเบียบและดูงา่ ย คอื 2.1 รูปแบบเน้ือหา ส่ือนาเสนอแต่สไลด์ ควรหลีกเล่ียงการนาเสนอแบบย่อหน้า หากไม่สามารถหลีกเล่ยี งได้ ควรใชเ้ ทคนิคการเนน้ แนวคิดหลกั (Main Idea) ในแต่ละย่อหน้าดว้ ยสที ่ีโดด เด่น เช่น พ้ืนหลงั สขี าว ตวั อกั ษรสดี า ควรเนน้ แนวคิดหลกั (Main Idea) ดว้ ยสแี ดง เป็นตน้ แต่ละสไลด์ เน้ือหาไม่ควรเกิน 6-8 บรรทดั ควรสรุปเน้ือหาใหเ้ ป็ นหวั เร่ือง (Title) และหวั ขอ้ (Topic) หรือแนวคิด หลกั (Main Idea) 2.2 แบบอกั ษร การควบคมุ การแสดงขอ้ ความในแตล่ ะสไลด์ ควรใหค้ วามสาคญั กบั ขนาดตวั อกั ษรดง้ั น้ี • หวั ขอ้ ใหญก่ าหนดขนาดตวั อกั ษรใหญ่กว่าหวั ขอ้ ย่อย • เลอื กใชแ้ บบอกั ษรทเี่ หมาะสม • เปล่ยี นลกั ษณะของตวั อกั ษรน้นั ใชต้ วั หนาใชข้ อ้ ความท่ตี อ้ งการเนน้ • ใชช้ ่องวา่ งในการจดั กล่มุ ของเน้ือหา • ขอ้ ความท่ีตอ้ งการใหอ้ า่ นกอ่ น ควรจดั ไวท้ ่ีตาแหน่งมมุ ซา้ ยบนของหนา้
57 • พมิ พต์ วั อกั ษรลงกรอบทว่ี างแบบไวแ้ ลว้ • ข้นึ หวั ขอ้ กอ่ นแลว้ จงึ อธิบายอยา่ งละเอยี ด • ใชส้ ที แี่ ตกต่างกนั หรอื ตวั อกั ษรสสี ลบั กนั 3. ส่ือนาเสนอตอ้ งสะดุดตาและน่าสนใจ ส่ือนาเสนอท่ีดีน้ันจะตอ้ งมีจุดเด่นน่าสนใจ สามารถดึงดูดสายตายของผูด้ ู ผูฟ้ ังได้ ซ่ึงจุดเด่นน้ีไดม้ าจากขนาดของตวั อกั ษรที่ใหญ่ หรือจากการใชส้ ีที่ แตกต่างออกไป รวมถึงการเลือกใชภ้ าพ การใชส้ ี และการใช้ Effect ควบคุมการนาเสนอท่ีเหมาะสม ประกอบการนาเสนอ 3.1 การใชภ้ าพ เน่ืองจากภาพจะช่วยใหผ้ ูช้ ม ผูฟ้ ัง สามารถจดจาไดน้ านกว่า ตวั อกั ษร ดงั น้ี การแปลงเน้ือหาใหเ้ ป็ นรูปภาพหรือผงั ภาพก็เป็ นเทคนิคหน่ึงที่สามารถสรา้ งความน่าสนใจ ใหก้ บั ส่อื ท่นี าเสนอ การเลอื กใชภ้ าพกค็ วรเลอื กใชภ้ าพท่ีมลี กั ษณะท่ีเหมาะสมกนั และกนั คอื ถา้ ในสไลดน์ ้ัน เลือกใชภ้ าพถ่ายก็ควรใชภ้ าพถ่ายกบั ภาพทุกภาพในสไลด์ แต่ถา้ เลือกใชภ้ าพวาด ก็ควรเลือกภาพวาดทง้ั สไลดเ์ ช่นกนั ดงั น้ัน จงึ ไม่ควรใชภ้ าพวาดผสมกบั ภาพถ่าย ใสเ่ ทคนิคท่ีน่าสนใจใหก้ บั ภาพเพ่อื สรา้ งจุดเด่น การเอยี งภาพ การเวน้ ช่องว่างรอบภาพ การเปล่ยี นสภี าพใหแ้ ตกต่างจากปกติ ควรระวงั การเลือกใชภ้ าพเป็น พ้นื หลงั สไลด์ เพราะอาจจะทาใหผ้ ูช้ มสนใจพ้นื สไลดม์ ากกวา่ เน้ือหาท่ีตอ้ งการนาเสนอ หรอื อาจทาใหผ้ ูช้ มไม่ สนใจมองสไลดเ์ ลยกไ็ ด้ เน่ืองจากภาพทาใหต้ วั อกั ษรไมโ่ ดดเดน่ ไมน่ ่ามองหรอื อา่ นยาก 3.2 การใชส้ ี การเลอื กใชส้ ี ควรเลอื กใชส้ ที ่ีตดั กนั ระหวา่ งสตี วั อกั ษร สวี ตั ถแุ ละสพี ้นื เช่น เลือกใชพ้ ้ืนสไลดเ์ ป็ นสชี าวหรือสีอ่อนๆ สตี วั อกั ษรก็ควรจะเป็ นสีดา สีน้าเงนิ เขม้ หรือสแี ดงเลือดหมู กรณีเลือกใชพ้ ้ืนสไลดเ์ ป็ นสเี ขม้ ควรเลือกใชส้ ตี วั อกั ษรที่มองเป็ นไดช้ ดั ในระยะไกล เช่น สีขาว สฟี ้ าอ่อน ควรหลกี เลย่ี งการใชส้ ใี นโทนรอ้ น เช่น สแี ดงสด สเี หลอื งสด สเี ขียวสด สวี ตั ถุ สแี ท่งกราฟหรอื สขี องงตาราง กค็ วรเลอื กใหเ้ หมาะสมกบั สตี วั อกั ษร และสพี ้นื ดว้ ยการเลอื กใชส้ ดี ๆ กค็ วรเป็นสใี นชดุ เดียวกนั สาหรบั สไลด์ ทง้ั หมด ไมค่ วรใชห้ น่ึงสหี น่ึงสไลด์ 3.3 การใช้ Effect ควบคุมการนาเสนอ ไม่ควรใส่ Effect มากเกินไป เพราะจะ ส่งผลใหผ้ ูช้ ม ผูฟ้ ังสนใจ Effect มากกว่าเน้ือหาที่นาเสนอ หรืออาจไม่สนใจการนาเสนอเลยก็ได้ เละ Effect ที่มากน้ีจะเป็นการรบกวนการจดจา การอา่ นหรอื การชม เลอื กใช้ Effect ไม่ควรเกนิ 3 แบบ ใน
58 แต่ละสไลดค์ วรเลอื กใช้ Effect แสดงขอ้ ความทเ่ี ล่อื นจากขอบซา้ ยมาขอบขวาของจอ เน่ืองจากธรรมชาติการ อา่ นของคนไทยจะอา่ นขอ้ ความจากกรอบบนลงมา และอา่ นจากดา้ นซา้ ยไปดา้ นขวา 3. การนาเสนอในรูปแบบเอกสาร ซ่ึงการนาเสนอน้ี จะมีหลายรูปแบบด้วยกัน คือ ใช้ โปรแกรม Microsoft Word, Microsoft Excel และ Microsoft PowerPoint ข้ึนอยู่กันลักษณะการ นาเสนอแบบใดทจ่ี ะสะดวกและเขา้ ใจงา่ ย หรือเหมาะสมกบั สถานการณน์ ้นั ๆ ทง้ั น้ี สามารถท่ีจะนาโปรแกรม ดังกล่าวมาประยุกตใ์ ช้ในการนาเสนอและส่ือสารขอ้ มูลตามลกั ษณะงานอาชีพไดเ้ ป็ นอย่างดีและมี ประสทิ ธภิ าพ
59 การนาเสนอขอ้ มลู ในรูปแบบของ Google Sites 1. คลกิ ป่มุ “แกไ้ ขหนา้ เว็บ” 2. จากน้นั ใหต้ ง้ั คา่ การแสดงผลของเอกสาร แลว้ คลกิ ป่มุ “บนั ทึกตรงมมุ บนขวาของหนา้ จอ เพ่อื บนั ทกึ หนา้ เพจท่ีไดส้ รา้ งข้ึน
60
เอกสารอา้ งอิง คน้ หาขอ้ มูลทางเว็บไซตท์ างอินเทอรเ์ น็ต ➢ https://sites.google.com/site/somedayto1gomailcom/neuxha/hnwy-thi-1-khwam-ru- keiyw-kab-khxmphiwtexr-laea-xupkrn-thorkhmnakhm ความรู้เบือ้ งต้นเกีย่ วกบั สารสนเทศและอุปกรณโ์ ทรคมนาคม (สืบค้นวันที่ 13 มกราคม 2564) ➢ http://csmju.jowave.com/cs100_v2/lesson4.html ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (สืบค้นวันที่ 13 มกราคม 2564 ) ➢ https://sites.google.com/site/aminunokprojectadvance/thekhnoloyi-sarsnthes-pheux-kar- suksa/khwam-ru-beuxng-tn-keiyw-kab-khxphiiw-texr-laea-sarsnthes/khwam-ru-beuxng-tn- keiyw-kab-khxmphiwtexr/khxmul-laea-kar-cadkar-khxmul ข้อมูลและการจดั การขอ้ มูล (สืบคน้ วันท่ี 15 มกราคม 2564) ➢ http://ongosk.blogspot.com/2010/08/search-engine.html เครื่องมือและการสืบค้นข้อมูล (สบื คน้ วนั ที่ 15 มกราคม 2564) ➢ https://sites.google.com/site/jaaopattamawan/bth-reiyn-wicha-rabb-kherux-khay- khxmphiwtexr-beuxng-tn/bth-thi-6-kar-subkhn-sarsnthes-thang-xinthexrnet การสืบค้นขอ้ มูลบนอนิ เทอรเ์ นต็ (สืบคน้ วันที่ 17 มกราคม 2564) ➢ https://sites.google.com/a/srp.ac.th/rabb-sarsnthes/ ระบบสารสนเทศ (สบื ค้นวันที่ 18 มกราคม 2564) ➢ https://sites.google.com/site/rhaswicha300120011/ bth-thi-4-kar-prayukt-chi-porkaerm- sarecrup-dan-ngan-xeksar-dwy-porkaerm-microsoft-word การประยกุ ต์ใช้โปรแกรมสำเร็จรปู ในการพมิ พ์เอกสาร (สบื คน้ วันที่ 20 มกราคม 2564) ➢ http://sutthida5464.blogspot.com/p/2007-1.html การประยุกต์ใชโ้ ปรแกรมดา้ นงานคำนวณเพื่อ จดั การสารสนเทศ (สบื คน้ วันท่ี 20 มกราคม 2564) ➢ https://sites.google.com/site/somedayto1 gomailcom/neuxha/hnwy-thi-5 - kar-prayukt-chi- porkaerm-sarecrup-ni-karna-senx-laea-suxsar-snthes-tam-laksna-ngan-xachiph การประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรมดา้ นงานนำเสนอข้อมลู (สบื ค้นวันท่ี 20 มกราคม 2564)
Search