Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 337_ภาษาไทย ป4 หน่วยที่7 ชีวิตที่ถูกเมิน

337_ภาษาไทย ป4 หน่วยที่7 ชีวิตที่ถูกเมิน

Published by krupom61, 2020-05-05 09:53:13

Description: 337_ภาษาไทย ป4 หน่วยที่7 ชีวิตที่ถูกเมิน

Search

Read the Text Version

๑ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 7 เรอ่ื ง ชวี ิตทีถ่ กู เมิน กล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๑๔๑๐๑ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๔ นางอรวรรณ ปานจำรญู ครูผู้สอน โรงเรยี นวดั พืชนมิ ติ (คำสวสั ดิ์ราษฎรบ์ ำรงุ ) ตำบลคลองหนงึ่ อำเภอคลองหลวง จังหวดั ปทุมธานี สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาปทมุ ธานี เขต ๑

๒ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๗ เรอื่ ง ชวี ิตที่ถกู เมนิ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย รายวิชา ภาษาไทย รหสั ท ๑๔๑๐๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ เวลา 6 ชัว่ โมง ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ ตวั ชี้วัด สาระที่ ๑ การอา่ น มาตรฐานการเรียนรู้ ท๑.๑ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้ และความคดิ เพอื่ นำไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปญั หาในการดำเนนิ ชวี ติ และมนี สิ ัยรักการอ่าน ตัวชี้วัด ป ๔/๑ อา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถกู ต้อง ป ๔/๓ อ่านเรอ่ื งสั้นๆ ตามเวลาทก่ี ำหนดและตอบคำถามจากเร่อื งท่ีอา่ น ป ๔/๖ สรปุ ความรแู้ ละข้อคดิ จากเรอ่ื งท่อี ่านเพอื่ นำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ป. ๔/๘ มมี ารยาทในการอา่ น สาระที่ ๒ การเขียน มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๒.๑ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นส่อื สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราวในรูปแบบตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ตัวชว้ี ัด ป ๔/๒ เขยี นสอ่ื สารโดยใชค้ ำได้ถกู ตอ้ งชัดเจน และเหมาะสม ป.๔/๓ เขยี นแผนภาพโครงเรื่องและแผนภาพความคดิ เพ่ือใช้พัฒนางานเขยี น ป.๔/๔ เขยี นย่อความจากเร่ืองส้ันๆ ป. ๔/๘ มีมารยาทในการเขยี น สาระที่ ๓ การฟงั การดู และการพดู มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟงั และดูอยา่ งมีวิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด และความร้สู กึ ใน โอกาสต่างๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวช้วี ัด ป.๔/๒ พูดสรุปความจากการฟงั และดู ป.๔/๖ มมี ารยาทในการฟังการดูและการพูด สาระท่ี ๔ หลกั การใชภ้ าษาไทย มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ

๓ ตัวชวี้ ัด ป.๔/๒ ระบชุ นิดและหน้าที่ของคำในประโยค ป.๔/๔ แต่งประโยคไดถ้ ูกต้องตามหลักภาษา สาระที่ ๕วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วิจารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็นคณุ คา่ และนำมา ประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จริง ตัวชี้วัด ป๔/๒อธิบายขอ้ คิดจากการอา่ นเพ่อื นำไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ป ๔/๔ท่องจำบทอาขยานตามท่ีกำหนด และบทร้อยกรองทีม่ ีคณุ คา่ ตามความสนใจ ๒. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การศึกษาคำศัพท์และความหมายของคำทำให้เราเกิดความเข้าใจได้ถูกต้องและชัดเจนนำไปใช้ได้ ถกู ตอ้ งเหมาะสมกับบริบทของคำศพั ท์ การจับใจความสำคญั ของเรือ่ งท่อี ่านทำให้สามารถเก็บสาระสำคัญหรือ ใจความสำคัญของเรื่องได้ การอ่านออกเสียงได้ถูกต้องตามอักขรวิธี หากรู้หลักการอ่านจะทำให้อ่านได้อย่าง คลอ่ งแคลว่ และชว่ ยให้เกดิ ความเพลดิ เพลนิ สามารถถ่ายทอดอารมณต์ ามเรือ่ งทอี่ ่านเปน็ การสอื่ ความหมายไปสู่ ผูฟ้ งั ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ การเขียนแผนภาพโครงเร่อื งเป็นวิธกี ารกำหนดทศิ ทางการอ่านซึ่งสามารถนำมาใช้ ในการพฒั นาการอ่านไดอ้ ย่างดีและนำแนวคิดจากเร่ืองไปใช้ในชีวิตประจำวนั คำนาม คำสรรพนาม ทำให้เกิด ความรคู้ วามเข้าใจลกั ษณะหน้าท่ีและนำไปใชไ้ ด้อย่างถกู ต้อง ประโยคส่ือสารเป็นการเรียบเรียงคำหรือกลุ่มคำ มาเรียบเรียงเป็นประโยคเพื่อสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจชัดเจนตามที่เราต้องการ การเขียนเรียงความเป็นการนำ เรื่องราว ข้อเท็จจริง ขอ้ คดิ เห็น ความรสู้ ึกมาเรยี บเรียงดว้ ยภาษาท่ถี ูกต้อง ชัดเจน สละสลวย เพื่อส่ือให้ผู้อ่าน เข้าใจตามท่ีผู้เขียนตอ้ งการ บทร้อยกรอง เป็นบทท่มี ีความไพเราะ สละสลวย มกี ารเออ้ื นเสยี งในการอ่านและ มฉี ันทลักษณ์ของบทรอ้ ยกรองแตล่ ะประเภท ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ (K) ๑. หลักการอ่าน เขียนคำศพั ท์และความหมาย ๒. หลกั การอา่ นจับใจความ ๓. หลกั การอา่ นออกเสียง ๔. หลักการเขียนแผนภาพโครงเร่อื ง ๕. ลกั ษณะคำนาม ๖. ลกั ษณะคำสรรพนาม ๗. ลักษณะประโยคสือ่ สาร ๘. หลักการเขยี นเรียงความ ๙. หลักการอา่ นบทรอ้ ยกรอง ๓.๒ ทกั ษะกระบวนการ(P) ๑. อ่านจับใจความ ๒. อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง ๓. เขียนแผนภาพโครงเรือ่ ง ๔. เขียนเรียงความ

๔ ๓.๓ เจตคติ (A) ๑. มมี ารยาทการอ่านการเขยี น ๔. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน ๑. มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร ๒. มีความสามารถในการคดิ ๓. มีความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต ๕. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑. มีวินัย ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๓. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน ๖. ช้ินงาน/ภาระงาน ๑. การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรอง ๒. แผนภาพโครงเรือ่ งชวี ิตทถี่ ูกเมิน ๓. การเขยี นเรียงความ ๗. การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เครื่องมอื เกณฑ์การผ่าน ๑.การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรอง ๑. แบบประเมนิ การอา่ น ๑. เกณฑ์การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง ออกเสียงบทรอ้ ยกรอง ๑๐ – ๑๒ ระดับคณุ ภาพ ดี ๖ – ๙ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ๒.การเขยี นแผนภาพโครงเรือ่ ง ๒.แบบประเมนิ การเขียน ต่ำกว่า ๕ ระดับคณุ ภาพ ปรบั ปรงุ ๒. เกณฑก์ ารเขยี นแผนภาพโครงเร่อื ง ชวี ติ ท่ถี ูกเมนิ แผนภาพโครงเรอ่ื งชวี ติ ที่ถูก ชว่ งคะแนน ๑๔ - ๑๘ระดบั คณุ ภาพ ดี ช่วงคะแนน ๘ – ๑๒ระดบั คุณภาพ พอใช้ เมนิ ช่วงคะแนน ตำ่ กว่า ๘ ระดับคุณภาพ ปรับปรงุ ๓. เกณฑก์ ารเขยี นเรียงความ ๓.การเขียนเรยี งความ ๓.แบบประเมินการเขยี น ๑๐ – ๑๒ ระดับคุณภาพ ดี เรียงความ ๖ – ๙ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ตำ่ กวา่ ๕ ระดับคณุ ภาพ ปรับปรุง

๕ เกณฑก์ ารประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน แบบประเมนิ การอ่านบทร้อยกรอง กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ โรงเรียน...................................................... สำนกั งานเขตการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน...................................... ภาคเรยี นที่..........ปกี ารศึกษา ......................... เร่ือง .......................................................................... ประเมินครั้งท่ี ……. วันท่ี ................... เดือน .............................................. พ.ศ...................... ___________________________________________________________ คำชแ้ี จง ครูประเมินพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ให้คะแนนลงในชอ่ งทต่ี รงกบั พฤตกิ รรมของนักเรียน เลขที่ ชอื่ -สกุล ่อานออกเ ีสยง สรุปผล รวม การประเมิน การเ ื้ออนการทอดเ ีสยง ูถก ้ตองตามประเภท ของคำประ ัพน ์ธ การเ ้วนวรรคตอน ูถก ้ตอง น้ำเ ีสยงไพเราะ สละสลวยและ ีลลา ไ ่ทม่า ่อทาางนใข้นากม/าร ่ออ่าานนเเ ิพ่หมม/าะ ู่ตสคมำ อ่านค ่ลองแค ่ลวและแม่นยำ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ดี พอใช้ ปรับ ปรงุ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ลงชือ่ ............................................................ผูป้ ระเมนิ (.....................................................)

๖ รายละเอยี ดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบประเมนิ การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรอง กล่มุ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ โรงเรยี น.......................................................................... ภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ................... รายการประเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ๓ ๒๑ ๑.อา่ นออกเสยี ง อ่านออกเสียง ร ล และคำ อ่านออกเสียง ร ล และคำ อ่านออกเสียง ร ล และ ควบกล้ำ ร ล ว ถูกต้อง ควบกลำ้ ร ล ว ถูกต้อง คำควบกล้ำ ร ล ว ไม่ ชัดเจน ชดั เจนเป็นบางคร้ัง ถกู ตอ้ งและไมช่ ัดเจน ๒.การเอื้อนการทอดเสยี ง การเออ้ื น การทอดเสียง การเอื้อน การทอดเสยี ง การเออื้ น การทอดเสยี ง ถกู ต้องตามประเภทของคำ ถกู ต้องตามท่วงจังหวะ ถกู ต้องตามท่วงจงั หวะ ไม่ถกู ตอ้ งตามท่วง ประพันธ์ ทำนองถูกตอ้ งตาม ทำนองถูกต้องตาม จังหวะทำนองถูกต้อง ประเภทของคำประพนั ธ์ ประเภทของคำประพันธ์ ตามประเภทของคำ เป็นบางครัง้ ประพันธ์ ๓.การเวน้ วรรคตอนถูกตอ้ ง อา่ นเวน้ วรรคตอนได้ อา่ นเวน้ วรรคตอนถกู ตอ้ ง อา่ นเว้นวรรคตอนไม่ ถูกตอ้ งชัดเจน ๔.นำ้ เสียงไพเราะ สละสลวย บางครัง้ ถูกต้อง และลลี าท่าทางในการอา่ น อ่านเสยี งดงั ชัดเจน เหมาะสม นำ้ เสยี งและลลี าเหมาะสม อ่านเสยี งดังชดั เจน อา่ นเสยี งไม่ดงั ชัดเจน กบั บทรอ้ ยกรองทอี่ า่ น นำ้ เสียงและลีลาเหมาะสม น้ำเสียงไม่เหมาะสมและ เปน็ บางคร้ัง ลลี าทา่ ทางไมเ่ หมาะสม ๕.ไม่อ่านขา้ ม/ อ่านเพ่มิ / ตู่ อา่ นออกเสียงไดถ้ ูกตอ้ ง อ่านออกเสยี งได้ถกู ต้อง อ่านออกเสียงไมถ่ กู ตอ้ ง คำ ชัดเจนทกุ คำทกุ ขอ้ ความ ชัดเจนเป็นบางคำ มกี ารตู่ ไม่ชดั เจนทุกคำ อ่านขา้ ม ทกุ ประโยค คำเพ่มิ คำและตู่คำเปน็ คำ อ่านเพมิ่ คำ และตู่คำ ๕.อา่ นคล่องแคลว่ และ บางครง้ั มาก แม่นยำ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ย กรองด้วยความ อ่านออกเสียงบทรอ้ ย อ่านออกเสียงบทรอ้ ย คลอ่ งแคล่วและแม่นยำมี กรองด้วยความ กรองไมค่ ลอ่ งแคล่วและ ความมัน่ ใจสูง คลอ่ งแคลว่ และแม่นยำ ไมแ่ มน่ ยำไม่มีความ เป็นบางครง้ั ยงั ขาดความ ม่ันใจ มั่นใจ เกณฑ์การประเมนิ ๑๔ – ๑๘ ระดับคุณภาพ ดี ช่วงคะแนน ๘ – ๑๒ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ช่วงคะแนน ต่ำกวา่ ๘ ระดับคุณภาพ ปรับปรุง ช่วงคะแนน

๗ แบบประเมนิ การเขยี นเรียงความ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ โรงเรียน.................................... สำนกั งานเขตการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน........................................................ ภาคเรียนท่ี..............ปีการศึกษา ........................................... เร่อื ง....................................................... ประเมินคร้งั ที่ ……. วันท่ี ................... เดือน .............................................. พ.ศ...................... ___________________________________________________________ คำชแ้ี จง ครปู ระเมินพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขียนเรยี งความใหค้ ะแนนลงในช่องทตี่ รงกบั พฤติกรรม ของนักเรียน เลขที่ ช่อื -สกุล ความ ูถก ้ตองของรูปแบบการเ ีขยน สรปุ ผล เรียงความ การประเมนิ การใช้ ้ถอยคำและสำนวนในการเ ีขยน เรียงความ รวม ความเป็นระเ ีบยบเรียบร้อย ทำงานไ ้ด ัทนเวลา ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ลงช่ือ............................................................ผปู้ ระเมนิ (.....................................................)

๘ เกณฑก์ ารประเมินการเขียนเรยี งความ รายการ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเมนิ ๑.ความถูกตอ้ ง ๓๒ ๑ ของรูปแบบ การเขยี น รปู แบบการเขียนเรยี งความถูกตอ้ ง รปู แบบการเขียนเรียงความ รปู แบบการเขยี นเรียงความไม่ เรียงความ ถกู ต้องขาดสว่ นนำ และการสรปุ ครบถว้ นทั้งส่วนนำ เนือ้ เร่อื ง และ ถูกต้องแต่ไม่ครบถว้ นท้ังสว่ นนำ ใช้ย่อหน้ากำกับเนือ้ ความแตล่ ะ ๒.การใช้ สว่ น ๆ มใึ จความสำคัญทไี่ ม่ ถอ้ ยคำและ การสรุป ใช้ยอ่ หน้า เนื้อเรอื่ ง และการสรุป ใช้ยอ่ หน้า เหมาะสม สำนวนในการ เขยี นเรียงความ กำกับเน้ือความแต่ละส่วน ๆ มึ กำกับเนือ้ ความแต่ละสว่ น ๆ มึ เลือกใช้ถอ้ ยคำทไ่ี ม่ค่อยถกู ตอ้ ง ตามความหมาย เรยี บเรียง ใจความสำคัญท่ีเหมาะสม ใจความสำคัญที่เหมาะสม ประโยคไม่คอ่ ยสัมพันธ์กัน ตามลำดบั เชื่อมโยงกันตงั้ แตต่ ้น เลือกใช้ถอ้ ยคำทถ่ี ูกตอ้ งตาม เลอื กใช้ถ้อยคำที่ถกู ต้องตาม จนจบไม่มีการนำสำนวน สภุ าษิต คำพังเพย หรือคำประพนั ธท์ ่ี ความหมายชัดเจน เรยี บเรยี ง ความหมายชัดเจน เรยี บเรยี ง เกีย่ วข้องกับเรือ่ งทเี่ ขยี นมากล่าว ไว้ ประโยคตามลำดับเช่อื มโยงกนั ต้งั แต่ ประโยคตามลำดบั เชื่อมโยงกัน ตน้ จนจบ มีการนำสำนวน สภุ าษิต ตัง้ แต่ตน้ จนจบ มกี ารนำสำนวน คำพงั เพย หรอื คำประพันธ์ท่ี สุภาษิต คำพงั เพย หรือคำ เก่ยี วข้องกับเร่ืองที่เขยี นมากลา่ วไว้ ประพันธท์ เ่ี กีย่ วข้องกบั เร่ืองที่ ในสว่ นนำเรื่องและสว่ นสรปุ เร่ือง เขียนมากล่าวไวแ้ ตน่ ำไปกล่าวใน สว่ นของเน้ือเรื่อง ๓.ความเปน็ เขยี นดว้ ยตัวบรรจง อา่ นงา่ ย เขยี นดว้ ยตัวบรรจง อ่านง่าย แตม่ ี เขยี นด้วยตัวหวดั อา่ นยาก มรี อย ระเบียบ สะอาด ไม่มรี อยลบขีดฆา่ ต้งั แตต่ ้น เรียบรอ้ ย จนจบ รอยลบขีดฆ่า ในบางสว่ น ลบขดี ฆ่า ในบางส่วน สกปรก ๔. ทำงานได้ ทำงานได้ทนั ตามเวลาทก่ี ำหนด ทำงานเกนิ เวลาเลก็ นอ้ ย ทำงานเกนิ เวลาไปมาก ทันเวลา เกณฑก์ ารประเมนิ ๑๐ – ๑๒ ระดับคุณภาพ ดี ชว่ งคะแนน ๖–๙ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ตำ่ กว่า ๕ ระดบั คณุ ภาพ ปรับปรุง ช่วงคะแนน ช่วงคะแนน

๙ ๘. กิจกรรมการเรยี นรู้ ช่วั โมงท่ี ๑ การศึกษาคำศัพท์ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. สามารถอ่านและเขียนคำศัพท์จากบทเรยี นเรื่อง ชวี ติ ท่ถี กู เมนิ ได้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ครใู ห้นักเรยี นทำข้อสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรียนรู้เร่ือง ชวี ิตทีถ่ กู เมิน ขน้ั นำ ๒. ครูสนทนากบั นกั เรียนเก่ยี วกับสัตวท์ ่นี กั เรยี นเหน็ ในบรเิ วณบา้ นเรอื น ว่ามีอะไรบ้างชนดิ ใดมี อนั ตราย ไม่มอี นั ตราย ชนิดใดท่นี ักเรียนชอบและไมช่ อบ พร้อมทง้ั เหตผุ ลที่รสู้ ึกต่อสัตวช์ นิดนั้น ๆ ๓.ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทราบและแนะนำใหเ้ ข้าใจความสำคญั ของการเรียนรู้ คำศัพทแ์ ละความหมาย ขนั้ สอน ๑. ครูให้นักเรยี นอ่านคำศพั ท์จากบตั รคำที่เตรียมไว้คือ เกือ้ กูล อา่ นวา่ เก้ือ- กูน ขยะแขยงอา่ นว่า ขะ-หยะ-ขะ-แหยง ใจเสีย อา่ นวา่ ใจ-เสยี ชอบกล อ่านว่า ชอบ-กน ระรวย อ่านว่า ระ-รวย สบประมาท อา่ นวา่ สบ-ประ-หมาด แมงปอ่ ง อา่ นวา่ แมง-ป่อง ตะขาบ อา่ นวา่ ตะ-ขาบ มดคนั ไฟ อา่ นวา่ มด-คนั -ไฟ คางคก อา่ นวา่ คาง-คก ปลงิ อ่านว่า ปลิง ๒. เลอื กสุม่ นกั เรียนอ่านคำศพั ท์เปน็ รายบุคคลใหเ้ พื่อนฟัง และใหเ้ พ่ือนอา่ นตามคำละ ๒ คร้ัง เนน้ การอา่ นออกเสยี งถกู ต้อง และชัดเจนมาก ๓. ครูให้นกั เรียนช่วยกันบอกความหมายของคำศัพท์แต่ละคำหากไมถ่ กู ต้องครูแนะนำให้ นักเรยี นคน้ หาความหมายของคำศัพทจ์ ากพจนานุกรมเพม่ิ เติม ๔. นักเรยี นชว่ ยกันอ่านคำในบตั รคำจนครบ ๕. นกั เรียนเปดิ หนังสือเรยี นภาษาไทย ภาษาพาทชี ั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ เรื่องชวี ิตที่ ถูกเมนิ หน้า ๘๒ แลว้ อา่ นออกเสยี งคำศพั ท์และความหมายพร้อม ๆ กนั ๖. ครคู อยสังเกตการอา่ นของเด็ก ๆ เพ่อื นำไปเปน็ ข้อมูลในการพัฒนาต่อไป ขัน้ สรปุ ๑. นกั เรียนชว่ ยกันสรปุ ความหมายจากคำศัพทอ์ ีกครัง้ ๒. ครอู ธบิ ายให้นกั เรียนเกิดความเขา้ ใจวา่ การนำพยญั ชนะ สระ และวรรณยกุ ตม์ าประสมรวมกนั จะทำให้เกิดเปน็ คำต่างๆซึ่งนักเรยี นควรอา่ นและเขียนคำให้ถูกตอ้ งและร้คู วามหมายเพือ่ จะได้ใช้ภาษาไทยได้ ถกู ต้องตอ่ ไป ๓. ครูใหน้ ักเรียนบนั ทกึ คำศพั ท์ลงสมดุ บนั ทึก

๑๐ ๔. ครูแนะนำส่งเสรมิ ใหน้ กั เรยี นอา่ นหนงั สือตา่ ง ๆ เพอ่ื สรา้ งนสิ ัยรกั การอา่ นให้ตดิ เปน็ นสิ ัย สอื่ และแหล่งเรยี นรู้ ๑. บตั รคำศัพท์จากบทเรยี นที่ ๕เรือ่ งชีวิตที่ถูกเมิน หนงั สอื เรยี นภาษาไทย ภาษาพาทชี ั้น ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ การวดั ผลประเมินผล เครือ่ งมือ เกณฑ์ วธิ กี าร ๑. แบบสงั เกตการอา่ นออก ๑. เกณฑ์การอ่านออกเสยี ง และเขียนคำศพั ท์ ๑. สังเกตการณ์อ่านออก เสียงและเขยี นคำศัพท์ ๙ – ๑๒ ระดับคณุ ภาพ ดี เสยี งเขียนคำศัพท์ ๕ – ๘ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ต่ำกวา่ ๕ระดับคุณภาพ ปรับปรุง ชว่ั โมงที่ 2 คำนาม จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นกั เรยี นรจู้ ักคำนามและใช้คำนามในการสอ่ื สารได้ถูกต้อง กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นำ ๑. ครยู กตวั อยา่ งบตั รคำต่าง ๆ เชน่ พอ่ แม่ ครู นกั เรียน ชาวนา ต้นไม้ ดอกไม้ ผัก เป็ด ไก่ ชา้ ง มา้ เสอื หนังสอื สมุด กระเป๋า พดั ลม บ้าน วัด โรงเรยี น โรงพยาบาล ใหน้ กั เรยี นอา่ นพร้อม ๆ กัน ๒. ครถู ามนกั เรยี นวา่ คำที่นกั เรยี นอา่ นทง้ั หมด ทราบหรอื ไมว่ า่ เป็นคำชนิดใด ๓. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรูใ้ หน้ กั เรียนทราบ ข้ันสอน ๑. ครูและนักเรยี นร่วมกันทบทวนชนดิ ของคำ เร่ืองคำนามว่าเปน็ คำท่ีใช้เรยี ก คน พืช สตั ว์ สง่ิ ของ สถานที่ ๒. ครูซักถามนกั เรียนวา่ คำนามมกี ช่ี นดิ อะไรบ้างหากนกั เรยี นตอบไมไ่ ด้ หรอื ไมแ่ น่ใจ ครูให้ นกั เรยี นอ่านชนิดของคำนามและสงั เกตประโยคหน้า ๘๓ จากหนังสือภาษาพาที ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ ๓. ครใู ห้นกั เรียนสงั เกตว่าคำนามจะมลี กั ษณะช้เี ฉพาะและไม่ช้ีเฉพาะโดยสังเกตลักษณะของ คำครูอธบิ ายเพิม่ เตมิ ว่าคำนามไมช่ ี้เฉพาะมีชอ่ื เรียกอีกอยา่ งวา่ สามญั นาม (สามานยนาม) และคำนามช้ีเฉพาะมี ช่อื เรยี กอกี อย่างว่าวิสามญั นาม (วสิ ามานยนาม) ๔. นักเรยี นศึกษาใบความรู้ที่ครูเตรียมไวเ้ รื่องชนิดของคำนามตามเวลาทค่ี รกู ำหนดไว้ ๕. ครเู ขียนแผนภูมชิ นิดของคำนามไวบ้ นกระดาน ขออาสาสมัครมาเขียนคำนามลงบนกระดาน

๑๑ ข้ันสรุป ๑. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ความรู้เร่อื งคำนามและชนดิ ของคำนามโดยนักเรียนชว่ ยกัน เสนอชนดิ ของคำนามเพ่ือให้เพ่อื นทีเ่ ป็นอาสาสมคั รเขียนลงบนกระดานและนำคำนามท่ีรวบรวมไดไ้ ปแต่ง ประโยค คนละ ๕ ประโยคเป็นการบ้าน ๒. ครูให้นกั เรยี นทำกจิ กรรมจากใบกิจกรรมเร่ืองคำนามและตกแตง่ ให้สวยงามส่งครู สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้ ๑. หนงั สอื เรยี นภาษาไทยภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ๒. ใบความรู้เรื่องคำนาม ๓. ใบกจิ กรรม การวัดผลประเมินผล เกณฑ์ วธิ ีการ เคร่ืองมอื ๑.เกณฑ์สงั เกตพฤตกิ รรมความสนใจในการเรียน ปฏิบัตไิ ด้ ๕ – ๗ รายการ ผลการประเมนิ อย่ใู นระดับ ดี ๑.การสังเกตความ ๑.แบบสังเกต ปฏิบัติได้ ๓ – ๔ รายการ ผลการประเมินอยใู่ นระดบั พอใช้ สนใจในการเรียน พฤติกรรมความ ปฏบิ ัตไิ ด้ ๐ – ๒ รายการ ผลการประเมิน ควรปรับปรงุ สนใจในการเรียน ช่ัวโมงท่ี 3 คำสรรพนาม จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นักเรียนรจู้ ักคำสรรพนามและใช้คำสรรพนามในการสื่อสารได้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำ ๑.ครูยกตวั อยา่ งข้อความท่เี ตรียมไวใ้ ห้นักเรยี นอ่านดงั นี้ ๑. หนขู อบพระคณุ ทา่ นมากที่เมตตา ๒. คุณเปน็ คนมนี ้ำใจมาก ๓. เธอไปเรยี นหนังสอื ทโ่ี รงเรยี น ๔. เรารกั โรงเรียนของเรา ๕. ฉันอยากไปเทยี่ วกบั เขา ๒. ครูแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรใู้ ห้นกั เรยี นทราบ

๑๒ ขัน้ สอน ๑. ครูใหน้ ักเรียนสังเกตขอ้ ความท่ีอ่าน และช่วยกนั วเิ คราะห์ว่ามีคำใดบา้ งทเี่ ป็นสรรพนามใช้ แทนผูพ้ ูด สรรพนามามใช้แทนผู้ฟัง และสรรพนามใช้แทนผู้ท่ถี ูกกล่าวถงึ (นักเรียนวิเคราะห์และไดค้ ำตาม วตั ถปุ ระสงคแ์ ลว้ ) คือ หนู เรา เปน็ สรรพนามท่ีใชแ้ ทนผู้พูด คุณ เธอ เปน็ สรรพนามทใ่ี ช้แทนผ้ฟู งั เขา ทา่ น เปน็ สรรพนามท่ใี ชแ้ ทนผทู้ ถี่ ูกกล่าวถึง ๒. ครอู ธิบายเพิ่มเติมว่าสรรพนาม คอื คำทีใ่ ช้แทนคำนาม มีหลายชนดิ ทร่ี ้จู กั กนั ทั่วไปคือ บุรุษ สรรพนามซง่ึ ใช้แทนคำนามในการสนทนากัน มี ๓ ชนดิ คือ ๑. สรรพนามบุรษุ ท่ี ๑ เป็นสรรพนามท่ใี ชแ้ ทนผพู้ ดู ๒. สรรพนามบรุ ษุ ท่ี ๒ เป็นสรรพนามท่ีใชแ้ ทนผู้ฟัง ๓. สรรพนามบรุ ษุ ท่ี ๓ เป็นสรรพนามทีใ่ ช้แทนผทู้ ถ่ี กู กล่าวถึง ๓. ครูใหน้ ักเรียนศกึ ษาใบความรูเ้ รอ่ื งชนิดของคำสรรพนาม ๔. ครูใหน้ ักเรียนปฏบิ ัติกจิ กรรมจากใบกิจกรรมเรอ่ื งชนิดของคำสรรพนาม ข้ันสรุป ๑. นกั เรียนและครูรว่ มกันสรุปความรเู้ ร่ืองชนิดของคำสรรพนามอกี ครั้ง ๒. ใหน้ ักเรียนแต่งประโยคท่มี ีคำสรรพนามชนดิ ละ ๑ ประโยคส่งครู ส่ือและแหล่งเรียนรู้ ๑. หนังสือเรยี นภาษาไทย ภาษาพาที ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ๒. ตัวอยา่ งขอ้ ความ ๓. ใบความรู้ ๔. ใบกิจกรรม การวัดผลประเมินผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วธิ กี าร ๑.แบบสงั เกตพฤติกรรม ๑.เกณฑ์สังเกตพฤติกรรมความสนใจในการเรียน ๑.การสังเกตความ ความสนใจในการเรียน ปฏิบตั ิได้ ๕ – ๗ รายการ ผลการประเมินอยู่ในระดบั ดี สนใจในการเรียน ปฏิบัตไิ ด้ ๓ – ๔ รายการ ผลการประเมนิ อยู่ในระดับ พอใช้ ปฏิบตั ิได้ ๐ – ๒ รายการ ผลการประเมนิ ควรปรบั ปรงุ ๒.ตรวจใบกิจกรรม ๒.แบบตรวจใบกิจกรรม ๒. นักเรียนผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ ๖๐

๑๓ ช่ัวโมงท่ี 4 ประโยคสอื่ สาร จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นักเรียนใช้ภาษาในการสือ่ สารไดถ้ กู ต้อง กระบวนการจดั การเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครซู ักถามนกั เรยี นว่าในชีวิตประจำวันนกั เรียนได้ใชป้ ระโยคใดบ้างในการส่ือสารกับบุคคลอืน่ (ครู พยายามพดู นำให้นักเรยี นตอบในแนวคำตอบวา่ ประโยคท่นี กั เรยี นใชพ้ ดู เป็นประโยคชนิดใด เช่น ประโยคบอก เล่า ประโยคปฏิเสธ ประโยคคำถาม ประโยคคำส่งั ประโยคแสดงแสดงความต้องการ ประโยคขอรอ้ ง) ๒. ครแู จง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ให้นักเรียนทราบ ข้ันสอน ๑. ครยู กตวั อยา่ งประโยคใหน้ ักเรียนอา่ นพร้อมกนั ดงั น้ี ๑. พ่อของครูเปน็ ตำรวจ ๒. ครูไม่เคยไปเทยี่ วต่างประเทศ ๓. ใครตอ้ งการเรยี นพิเศษชว่ งปดิ ภาคเรยี นบา้ ง ๔. ห้ามนกั เรียนเขา้ ไปในบริเวณทีเ่ ขากอ่ สร้างโดยเดด็ ขาด ๕. ครตู ้องการให้นักเรยี นเปน็ เดก็ ดแี ละตง้ั ใจเรยี น ๖. กรุณางดใช้โทรศัพทใ์ นหอ้ งเรยี นเพอื่ ไม่ใหร้ บกวนผอู้ นื่ ๒. เม่อื นักเรียนอ่านจบ ครทู วนประโยคที่ ๑-๖ ว่าเปน็ ประโยคท่ีส่อื ความหมายอย่างไร และ นักเรียนทราบหรอื ไมว่ า่ เปน็ ประโยคชนิดใด จากนนั้ ครเู ฉลยใหน้ กั เรียนทราบว่าประโยคท่ี ๑ เปน็ ประโยค บอกเลา่ ประโยคที่ ๒ เปน็ ประโยคปฏิเสธ ประโยคท่ี ๓ เป็นประโยคคำถาม ประโยคท่ี ๔ เปน็ ประโยคคำสง่ั ประโยคที๕่ เปน็ ประโยคแสดงแสดงความต้องการ และประโยคท่ี ๖ เปน็ ประโยคขอรอ้ ง จากนั้นครูอธบิ ายให้ นักเรียนฟงั เพมิ่ เติมถงึ ลกั ษณะของประโยคส่อื สารทชี่ ดั เจนเกิดจากการใชค้ ำ กลมุ่ คำ และการเรยี บเรียง ประโยคอยา่ งถูกวิธี ๓. ครใู หน้ กั เรียนศกึ ษาใบความรเู้ ร่ืองประโยคสอื่ สารที่แจกให้ ๔. ครใู ห้นกั เรียนทำใบกิจกรรมท่ีกำหนดให้ ส่งครตู รวจ ขน้ั สรปุ ๑. ครูและนักเรียนร่วมกนั สรปุ ชนิดของประโยคสอื่ สาร รว่ มกันอกี ครงั้ สอ่ื และแหลง่ เรยี นรู้ ๑. ตัวอยา่ งประโยคสอ่ื สาร ๒. ใบความรู้ ๓. ใบกจิ กรรม

๑๔ การวดั ผลประเมินผล เคร่ืองมอื เกณฑ์ วิธกี าร ๑.แบบสังเกตพฤติกรรม ความสนใจในการเรยี น ๑.เกณฑ์สงั เกตพฤติกรรมความสนใจในการเรยี น ๑.การสังเกตความสนใจใน ปฏบิ ัติได้ ๕ – ๗ รายการ ผลการประเมินอยใู่ นระดบั ดี การเรียน ๒.ใบกจิ กรรม ปฏิบตั ไิ ด้ ๓ – ๔ รายการ ผลการประเมินอยใู่ นระดับ พอใช้ ปฏิบัตไิ ด้ ๐ – ๒ รายการ ผลการประเมิน ควรปรบั ปรงุ ๒.ตรวจผลงานในใบ ๒. นักเรียนผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ ๖๐ ข้ึนไป กจิ กรรม ช่วั โมงท่ี 5 การเขยี นเรยี งความ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. เขียนเรยี งความได้ถกู ต้อง กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ขนั้ นำ ๑. ครูซักถามนกั เรยี นว่าเคยเขยี นเรียงความหรือไมอ่ ย่างไร ถา้ เคย เรื่องทเี่ คยเขียน เกีย่ วกับ อะไรบา้ ง ๒. ครแู จง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ กั เรยี นทราบ ขนั้ สอน ๑. ครนู ำแผนภูมิตัวอยา่ งการเขยี นเรียงความ เรือ่ ง ครอบครวั ของฉนั ตดิ ทห่ี นา้ กระดานใหน้ ักเรียนดูและ ร่วมกนั อภิปรายว่า ตวั อยา่ งแผนภมู ิเรียงความ มีส่วนสำคญั กส่ี ่วน อะไรบ้าง ๒. ครูยกตวั อย่างการวางโครงเรื่องการเขียนเรียงความด้วยรูปแบบกา้ งปลา โดยแยกสว่ นนำเรื่อง ส่วน เนอื้ เร่ือง และส่วนสรปุ เรอ่ื งใหน้ กั เรยี นดูและอธบิ ายวา่ แต่ละส่วนมีความสำคัญอย่างไร ๓. ครูเสนอหวั ขอ้ การเขียนเรียงความ ใหน้ กั เรียนเลือกวา่ จะเขียนเร่อื งใด ถ้าหวั ขอ้ ใดที่มีคนสนใจจะ เขยี นเรยี งความมากท่สี ดุ นำมากำหนดช่ือเรือ่ งการเขยี นเรียงความ เชน่ สตั ว์เล้ียงทฉ่ี นั รัก อาชพี ทอ่ี ยากเป็น ในอนาคต สงิ่ ที่ฉันประทับใจมากที่สดุ โรงเรยี นของฉัน ครูดีในดวงใจ ๔. ใหน้ กั เรียนศึกษาใบความรูเ้ พิม่ เตมิ ก่อนลงมอื เขยี นเรยี งความเปน็ การบ้านส่งครู ๕. นักเรยี นรับใบกิจกรรมจากครเู พ่อื นำไปปฏบิ ตั ิ ขัน้ สรุป ๑. ครแู ละนกั เรยี นสรปุ ความรู้เร่อื งความหมายและรปู แบบการเรยี งความและขน้ั ตอนการเขยี นเรยี งความ ตลอดถึงเทคนิคในการเขยี นเรียงความให้ประทบั ใจแกผ่ อู้ ่าน สอ่ื และแหล่งเรียนรู้ ๑. แผนภมู ิตัวอยา่ งการเขยี นเรียงความ ๒. ใบความรู้การเขยี นเรียงความ ๓. ใบกิจกรรม ๔. หนังสือเรยี นภาษาไทย ภาษาพาที ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๔

๑๕ การวดั ผลประเมินผล เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน วธิ กี าร ๑.แบบสังเกตพฤตกิ รรม ความสนใจในการเรยี น ๑.เกณฑ์สังเกตพฤติกรรมความสนใจในการเรียน ๑.การสงั เกตความสนใจ ปฏบิ ัติได้ ๕ – ๗ รายการ ผลการประเมนิ อยใู่ นระดบั ดี ในการเรียน ๒.เกณฑ์การเขยี น ปฏิบตั ิได้ ๓ – ๔ รายการผลการประเมนิ อยใู่ นระดบั พอใช้ เรียงความ ปฏิบตั ิได้ ๐ – ๒ รายการ ผลการประเมิน ควรปรบั ปรุง ๒.ตรวจผลงานการเขียน ๒. เกณฑก์ ารเขยี นเรียงความ เรียงความในใบกิจกรรม ๑๐ – ๑๒ ระดับคุณภาพ ดี ๖ – ๙ ระดับคุณภาพ พอใช้ ต่ำกว่า ๕ ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรงุ ช่วั โมงท่ี 6 บทร้อยกรอง จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อ่านบทรอ้ ยกรองได้ถูกต้องตามฉนั ทลักษณ์ ๒. ระบุข้อคดิ ทไ่ี ด้จากการอ่านบทรอ้ ยกรอง กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ข้นั นำ ๑. ครนู ำแผนภมู บิ ทรอ้ ยกรองประเภทกลอนส่ี กลอนแปด และกาพย์ยานี ๑๑ ให้นักเรยี นดู และสนทนาวา่ แผนภมู ิบทรอ้ ยกรองทง้ั สามประเภทมคี วามเหมือนและแตกตา่ งกนั อย่างไร แผนภมู บิ ทร้อยกรองประเภทกลอนสี่

๑๖ แผนภูมิบทร้อยกรองประเภทกลอนแปด แผนภูมิบทรอ้ ยกรองประเภทกาพยย์ านี ๑๑ ฉนั ทลักษณก์ าพยย์ านี ๑๑

๑๗ ข้ันสอน ๑.นกั เรียนอ่านบทร้อยกรองทคี่ รเู ตรียมไว้เปน็ ทำนองธรรมดาหนง่ึ รอบ จากนนั้ ครอู ่านเปน็ ทำนอง เสนาะใหน้ กั เรียนอ่านตามบทร้อยกรองท้ังสามบท บทร้อยกรองประเภทกลอนสี่ วิชาหาไว้ ไดใ้ ช้ภายหนา้ พากเพยี รศกึ ษา ปญั ญาเพ่มิ พูน ไมห่ ายสาบสูญ ความรู้คูก่ าย ดีแท้แกต่ น เชิดชูตระกลู บทรอ้ ยกรองประเภทกลอนแปด ดว้ ยชนกชนนนี น้ั มีคุณ ไดก้ ารญุ เล้ยี งรกั ษามาจนใหญ่ อุ้มอทุ รปอ้ นข้าวมาเท่าไร หมายจะไดพ้ ง่ึ พาธดิ าดวง ถ้าเรามีจิตคิดอุปถมั ภ์ กศุ ลล้ำเลิศเท่าภูเขาหลวง จะปรากฏยศย่ิงสงิ่ ท้งั ปวง กวา่ จะล่วงลถุ ึงซงึ่ พมิ าน เทพไทในหอ้ งสิบหกช้ัน จะชวนกนั สรรเสริญเจรญิ สาร ว่าสตรนี ี้เปน็ ยอดยุพาพาล ไดเ้ ลีย้ งทา่ นชนกชนนี บทรอ้ ยกรองประเภทกาพย์ยานี ๑๑ ชวี ิตจะมคี ่า เมื่อเกดิ มาทำหนา้ ที่ สร้างสุขประโยชน์มี เป็นศกั ด์ิศรีทกุ เวลา หนา้ ทตี่ ่อตนเอง ต้องรบี เร่งการศึกษา รักเรยี นเพียรคน้ ควา้ สรา้ งปัญญาวชิ าชาญ ฝึกฝนและคน้ คิด ให้ชวี ิตเปน็ แก่นสาร ใจสมัครรักการงาน เปน็ พน้ื ฐานการสรา้ งตน ๒. ครูถามนำเก่ยี วกบั เนื้อหาของบทรอ้ ยกรองแต่ละบทวา่ มคี วามหมายอย่างไรและใหข้ ้อคดิ ใดบ้างแกน่ กั เรียนและนกั เรียนชว่ ยกนั วเิ คราะหเ์ นอ้ื หาของบทรอ้ ยกรองและสรปุ ความหมายของบทร้อยกรอง รว่ มกัน ๒. นักเรยี นฝกึ อ่านบทรอ้ ยกรองพร้อมกันทั้งชัน้ ๓. ใหน้ ักเรยี นแบง่ กลมุ่ เปน็ ๓ กลุ่มเพอ่ื ฝึกอา่ นบทรอ้ ยกรองแตล่ ะประเภทเป็นทำนองเสนาะใน ภายหลงั ๔. ครแู ละนกั เรียนสรุปความเหมือนและแตกตา่ งของบทรอ้ ยกรองวา่ การอา่ นบทรอ้ ยกรองตอ้ งร้จู กั แบง่ จังหวะการอ่านให้ถกู ต้องตามฉันทลกั ษณ์หรอื ลกั ษณะคำประพนั ธ์ของบทรอ้ ยกรองประเภทนน้ั ๆ และอา่ น ออกเสยี งให้ไพเราะ ท้งั อ่านแบบธรรมดาทต่ี อ้ งมีการเว้นวรรคแบง่ จังหวะการอา่ น หรืออ่านแบบทำนองเสนาะ ซง่ึ ต้องมเี สยี งสูงตำ่ หนักเบา ส้นั ยาว เอ้ือนเสยี งและเน้นสัมผัสใหช้ ัดเจน แสดงอารมณ์ตามเนอ้ื หาของบทร้อย กรอง

๑๘ ขั้นสรุป ๑. มอบหมายให้นักเรียนฝกึ อา่ นบทรอ้ ยกรองท่ีกลุ่มของตนได้รบั มอบหมายนอกเวลา เรียน ๒. นกั เรียนปฏิบัติตามใบกจิ กรรมทีก่ ำหนดให้ สอ่ื และแหล่งเรียนรู้ ๑. แผนภูมิบทร้อยกรองประเภทกลอนสี่ ๒. แผนภูมิบทรอ้ ยกรองประเภทกลอนแปด ๓. แผนภมู ิบทรอ้ ยกรองประเภทกาพยย์ านี ๑๑ ๔ บทร้อยกรองประเภทกลอนสี่ ๕ บทรอ้ ยกรองประเภทกลอนแปด ๖. บทร้อยกรองประเภทกาพยย์ านี ๑๑ ๗. หนงั สือเรยี นภาษาไทย ภาษาพาที ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ การวดั ผลประเมินผล วธิ กี าร เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมนิ ๑.การสังเกตความ ๑.แบบสังเกต สนใจในการเรียน พฤติกรรมความสนใจ ๑.เกณฑ์สังเกตพฤติกรรมความสนใจในการเรียน ในการเรียน ปฏิบตั ไิ ด้ ๕ – ๗ รายการ ผลการประเมินอยู่ในระดับ ดี ๒.สังเกตการอา่ น ปฏิบัตไิ ด้ ๓ – ๔ รายการ ผลการประเมินอย่ใู นระดบั พอใช้ บทรอ้ ยกรอง ๒.แบบบนั ทกึ การอ่าน ปฏิบัติได้ ๐ – ๒ รายการ ผลการประเมิน ควรปรบั ปรงุ บทรอ้ ยกรอง ๒.แบบบนั ทึกการอ่านบทร้อยกรอง ๓.ตรวจใบกจิ กรรม ชว่ งคะแนน ๑๒ – ๑๕ ระดับคุณภาพ ดี ๓.แบบตรวจใบ ชว่ งคะแนน ๘ – ๑๑ ระดับคุณภาพ พอใช้ กิจกรรม ช่วงคะแนนตำ่ กวา่ ๘ ระดับคุณภาพปรับปรุง ๓. นักเรียนผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ ๖๐

๑๙ บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1) สรุปผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนร้.ู .................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรยี นนไ่ี ม่ผา่ น มดี งั น้ี 1............................................. 2......................................................... 3............................................. 4......................................................... แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นท่ีไม่ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู้................................................................... 2. นกั เรยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจ (K).................................................................................................... 3. นักเรียนมีความรเู้ กิดทักษะ (P)...................................................................................................... 4. นกั เรยี นมีเจตคติ คา่ นยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A).......................................................................... 2) ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3) ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ .................................................. (นางอรวรรณ ปานจำรูญ) ตำแหนง่ ครู ความเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา/ผูท้ ไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจดั การเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มีความเห็นดงั น้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง 2. การจดั กิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม  ยังไมเ่ นน้ ผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี  นำไปใช้ไดจ้ รงิ  ควรปรับปรุงกอ่ นนำไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (นางสาวกนั ยาภัทร ภัทรโสตถิ) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนวดั พืชนิมิต (คำสวสั ดร์ิ าษฎร์บำรงุ )


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook