Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 417_ภาษาไทย ป4 หน่วยที่8 ระบำสายฟ้า

417_ภาษาไทย ป4 หน่วยที่8 ระบำสายฟ้า

Published by krupom61, 2020-05-06 09:39:17

Description: 417_ภาษาไทย ป4 หน่วยที่8 ระบำสายฟ้า

Search

Read the Text Version

๑ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 8 เรื่อง ระบำสายฟา้ กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวชิ า ภาษาไทย รหัส ท๑๔๑๐๑ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ นางอรวรรณ ปานจำรญู ครูผู้สอน โรงเรียนวดั พืชนมิ ติ (คำสวสั ดิ์ราษฎร์บำรงุ ) ตำบลคลองหน่ึง อำเภอคลองหลวง จงั หวัดปทมุ ธานี สำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาปทมุ ธานี เขต ๑

๒ หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๘ เร่อื ง ระบำสายฟ้า กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย รายวิชา ภาษาไทย รหสั ท ๑๔๑๐๑ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔ เวลา 6 ช่ัวโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชี้วดั สาระท่ี ๑ การอ่าน มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความร้แู ละความคิด เพือ่ นำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปญั หาใน การดำเนินชวี ิตและมนี สิ ยั รักการอา่ น ตวั ช้วี ัด ท ๑.๑ ป. ๔/๑ อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองไดถ้ ูกตอ้ ง ท ๑.๑ ป. ๔/๒ อธิบายความหมายของคำ ประโยค และสำนวนจากเรือ่ งที่อา่ น ท ๑.๑ ป. ๔/๓ อา่ นเรื่องสั้นๆ ตามเวลาที่กำหนดและตอบคำถามจากเรอ่ื งท่อี ่าน ท ๑.๑ ป. ๔/๖ สรปุ ความรคู้ วามคดิ จากเรอ่ื งทีอ่ า่ นเพื่อนำไปใช้ในชีวติ ประจำวัน ท ๑.๑ ป. ๔/๗ อา่ นหนังสือทม่ี คี ุณค่าตามความสนใจอย่างสม่ำเสมอและแสดงความคดิ เห็น เกย่ี วกับเร่ืองท่ีอา่ น ท ๑.๑ ป. ๔/๘ มมี ารยาทในการอ่าน สาระที่ ๒ การเขยี น มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนสอ่ื สาร เขียนเรยี งความ ย่อความและเขยี นเรอ่ื งราวใน รปู แบบต่างๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งมีประสิทธิภาพ ตัวชว้ี ัด ท ๒.๑ ป. ๔/๒ คดั ลายมือตวั บรรจงเตม็ บรรทดั และคร่งึ บรรทัด ท ๒.๑ ป. ๔/๓ เขียนสื่อสารโดยใช้ได้ถกู ตอ้ ง ชัดเจน และเหมาะสม ท ๒.๑ ป. ๔/๘ มีมารยาทในการเขียน สาระที่ ๓ การฟัง การดู และการพูด มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟงั และดูอยา่ งมวี ิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และ ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์ ตวั ชี้วัด ท ๓.๑ ป. ๔/๒ พูดสรปุ ความจากการฟังและดู ท ๓.๑ ป. ๔/๓ พดู แสดงความรู้ ความคิดเห็นและความรู้สึกเกย่ี วกบั เร่ืองที่ฟงั และดู ท ๓.๑ ป. ๔/๔ ต้ังคำถามและตอบคำถามเชิงเหตุผลจากเรอื่ งท่ีฟังและดู ท ๒.๑ ป. ๔/๖ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพดู สาระที่ ๔ หลกั การใช้ภาษาไทย มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษา และ พลังของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ขิ องชาติ ตัวชว้ี ัด ท ๔.๑ ป. ๔/๑ สะกดและบอกความหมายของคำในบรบิ ทต่างๆ ท ๔.๑ ป. ๔/๒ ระบชุ นิดและหน้าท่ขี องคำในประโยค

๓ สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็น คณุ ค่า และนำมาประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตจริง ตวั ชวี้ ัด ท ๕.๑ ป. ๔/๑ ระบขุ อ้ คิดนิทานพนื้ บา้ น หรือนิทานคตธิ รรม ท ๕.๑ ป. ๔/๒ อธิบายขอ้ คดิ จากการอ่านเพ่ือนำไปใชใ้ นชีวติ จริง ๒. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การอ่านออกเสียงที่ชัดเจนถกู ต้องตามหลักการอ่าน การอธบิ ายความหมายของคำ ประโยคและ ข้อความไดอ้ ย่างถกู ต้อง ผู้อา่ นต้องรับรแู้ ละเขา้ ใจ จึงจะสามารถส่ือสารกบั ผอู้ ่นื ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และ การต้ังจดุ หมายในการอา่ น อ่านอยา่ งพนิ ิจ พจิ ารณา จะทำใหจ้ ับใจความสำคญั ของเรอื่ งที่อา่ นไดด้ ี สามารถ ตอบคำถามลำดับเหตกุ ารณข์ องเรือ่ ง และนำไปเขียนเป็นแผนภาพโครงเรื่อง เพือ่ เล่าเรือ่ งและเขียนเรื่องได้ การรูห้ ลกั เกณฑ์ทางภาษาเร่ืองชนดิ ของคำและหนา้ ท่ีของคำทำให้สามารถนำคำมาเรียบเรียงเปน็ ประโยคได้ ถกู ตอ้ งตามหลักเกณฑท์ างภาษา ทำใหเ้ ขยี นสื่อความ เขยี นเร่ืองจากประสบการณ์ถ่ายทอดเร่อื งราวและ ความคดิ สผู่ ูอ้ ่านได้อยา่ งเหมาะสมชัดเจน ตลอดจนการการนำความรู้และขอ้ คิดท่ไี ดจ้ ากหนงั สอื หรือจาก ตำนานพ้นื บา้ น ไปประยกุ ต์ใชจ้ ะทำใหก้ ารสือ่ สารเกดิ ประโยชน์สงู สุด ต่อผสู้ ่งสารและผู้รับสาร ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ (K) ๑. หลักการศกึ ษาคำศัพท์ ๒. หลักการอ่านจบั ใจความ ๓. หลกั การเขียนแผนภาพโครงเร่อื ง ๔. หลักการอ่านออกเสยี ง ๕. หลักการใช้คำกริยา ๖. หลักการใช้คำวิเศษณ์ ๗. หลกั การอ่านหนงั สอื ๘. หลกั การเขยี นเร่อื งจากประสบการณ์ ๙. หลกั การอา่ นตำนานขวานฟา้ ๓.๒ ทักษะ/กระบวนการ (P) ๑. ศกึ ษาคำศพั ท์ ๒. อา่ นจบั ใจความ ๓. เขยี นแผนภาพโครงเรือ่ ง ๒. อา่ นออกเสียง ๓. การใชค้ ำกริยา ๔. การใชค้ ำวเิ ศษณ์ ๕. การอ่านหนังสอื ๖. การเขียนเร่อื งจากประสบการณ์ ๗. อา่ นตำนานขวานฟ้า

๓.๓ เจตคติ (A) ๔ ๑. รกั การอ่านการเขยี น เกณฑ์การประเมิน ผา่ นเกณฑ์ ร้อยละ ๘๐ ๒. มมี ารยาทในการอ่าน ๗ – ๙ คะแนน หมายถงึ ดี ๓. มมี ารยาทในการเขียน ๔ – ๖ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๑ – ๓ คะแนน หมายถึง ปรบั ปรงุ ๔. มมี ารยาทในการฟงั ดู พดู ๗ – ๙ คะแนน หมายถึง ดี ๔. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ๔ – ๖ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๑ – ๓ คะแนน หมายถึง ปรบั ปรุง ๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร ผา่ นเกณฑ์ รอ้ ยละ ๘๐ ๒. ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ ๓. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต - กระบวนการทำงานกลมุ่ - กระบวนการปฏิบตั ิ ๕. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. รักความเป็นไทย ๒. ซอ่ื สัตยส์ จุ รติ ๓. ใฝเ่ รียนรู้ ๖. ช้ินงาน/ภาระงาน ๑. การเขียนเร่ืองสัน้ ๒. รายงานตำนานพ้ืนบา้ นไทย ๗. การวัดและประเมนิ ผล วิธีการ เคร่ืองมอื -ทดสอบกอ่ นเรียน -ตรวจช้ินงานการเขยี นเรอื่ งส้ัน -แบบทดสอบ -แบบประเมนิ ผลงานการ เขยี นเร่ืองสนั้ -ตรวจรายงานตำนานพนื้ บา้ น -แบบประเมนิ การเขยี น ไทย รายงาน -ทดสอบหลังเรียน -แบบทดสอบ

๕ แบบประเมินการเขียนรายงาน กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียน.................................... สำนักงานเขตการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน.............................. ................................ ภาคเรยี นที่.....................ปกี ารศึกษา ........................................... เร่ือง ....................................................... ประเมนิ ครงั้ ที่ ............... วนั ที่ ................... เดอื น .............................................. พ.ศ...................... ___________________________________________________________ คำชีแ้ จง ครปู ระเมนิ พฤตกิ รรมของนกั เรียนในเขียน ให้คะแนนลงในชอ่ งท่ีตรงกับพฤติกรรมของนกั เรียน สรปุ ผล การประเมิน เลขท่ี ช่อื -สกุล การวางแผนเ ็ปนระบบ รูปเ ่ลมรายงาน เ ้นือหา รวม รวม ๓ ๓ ๓ ๙ ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ลงชื่อ............................................................ผู้ประเมิน (....................................................)

๖ เกณฑ์การประเมนิ การเขยี นรายงาน รายการประเมิน ๓ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ๑ ๑.การวางแผนเปน็ มกี ารวางแผนการทำงาน ๒ การทำงาน ระบบ เป็นระบบ ไมค่ รบถ้วน ขาด -สมาชกิ ทุกคนมสี ว่ นรว่ ม การทำงาน ไม่ครบถว้ น ๒ ประเดน็ ๒.รูปเล่มรายงาน -ปฏิบตั ิงานตามที่ไดร้ ับ ขาด ๑ ประเด็น มอบหมาย การทำรายงาน ๓.เนอ้ื หา -มีการตรวจสอบผลการ จัดทำรายงานไดถ้ กู ตอ้ ง มีขอ้ บกพร่อง ปฏิบตั งิ าน มีส่วนประกอบครบถว้ น สว่ นประกอบ -มกี ารประเมนิ ปรบั ปรงุ งาน น่าสนใจ รูปเลม่ สวยงาม ไม่ครบถ้วน สะอาดเป็นสว่ นใหญ่ จัดทำรายงานไดถ้ ูกต้องมี ส่วนประกอบครบถ้วน นา่ สนใจ รปู เลม่ สวยงาม สะอาดเรยี บรอ้ ย เน้ือหาของรายงานถกู ตอ้ ง เนอ้ื หาของรายงาน เนื้อหาของรายงานมี สมบรู ณ์ ถูกต้องคอ่ นขา้ งถูกต้อง ขอ้ บกพรอ่ งมาก สมบรู ณเ์ ปน็ ส่วนใหญ่ เกณฑก์ ารประเมนิ ๗ – ๙ คะแนน หมายถงึ ดี ๔ – ๖ คะแนน หมายถงึ พอใช้ ๑ – ๓ คะแนน หมายถึง ปรับปรงุ

๗ ชว่ั โมงท่ี ๑ ระบำสายฟา้ (การศกึ ษาคำศพั ท์) จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. สามารถอา่ นและเขียนคำศัพท์ได้ กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. นกั เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนเรื่องระบำสายฟา้ ๒. นักเรียนอา่ นบัตรคำศัพท์ท่ีครนู ำมาใหพ้ ร้อมๆ กนั โดยเนน้ การอา่ นออกเสียงให้ชัดเจน เชน่ วสนั ตฤดู อา่ นวา่ วะ – สัน – ตะ – รึ – ดู อินทนิล อา่ นวา่ อิน – ทะ – นิน คิมหนั ต์ อา่ นว่า คิม – หนั จักรราศี อา่ นว่า จกั – กะ – รา – สี ฯลฯ ๓. ครูชีแ้ จงให้นักเรียนทราบจุดประสงคก์ ารอ่านและเรียนรู้คำศพั ท์ และสนทนารว่ มกนั เรอื่ ง ฤดกู าลของประเทศไทย เพ่ือใหน้ กั เรียนทราบและเขา้ ใจความสำคญั ในการเรียนร้คู ำศพั ท์ ขั้นสอน ๔. นักเรยี นฝกึ อ่านบตั รคำศพั ท์จากเร่อื งระบำสายฟ้า ทค่ี รเู ตรียมไว้ติดบนกระดานดำ หรอื แผ่น กระเปา๋ ผนัง โดยฝึกอา่ นบัตรคำพรอ้ มกัน ๒ คร้ัง เน้นการอ่านออกเสียงท่ถี ูกต้องชัดเจนตามหลกั การอา่ น ๕. เมื่อนกั เรยี นฝึกอา่ นแล้ว ใหต้ ัวแทนนักเรยี นเลือกหยิบบัตรคำข้นึ มาอ่านและหาความหมาย ของคำศัพท์ จากพจนานกุ รม บอกความหมายให้เพอื่ นทราบ โดยให้เพื่อนอ่านบตั รคำ คำละ ๒ คร้ัง เน้น การอ่านออกเสียงถูกต้องชดั เจน ครูอธิบายความหมายของคำศัพท์เพิ่มเติม ๖. แบง่ กลุ่มนักเรยี นฝึกอ่านคำจากบัตรคำอกี ครั้งจนครบ โดยใหเ้ พ่อื นชว่ ยเพ่ือนนักเรียนในกลุ่ม ตนเอง ทีอ่ า่ นไม่ไดห้ รอื ไม่คล่อง ใหอ้ ่านได้หรอื อา่ นคลอ่ งขึ้น ตามศกั ยภาพของนกั เรยี น ๗. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ช่วยกันคน้ หาความหมายของคำศพั ทท์ มี่ ีในหนงั สอื เรียน ชดุ ภาษาเพื่อชวี ติ วรรณคดีลำนำ เร่ืองระบำสายฟ้า จากพจนานกุ รม ๘. ใหน้ กั เรยี นอ่านออกเสียงคำศพั ทพ์ ร้อมกันทัง้ ชั้นอีกคร้งั ครคู อยแกไ้ ข แนะนำเพิ่มเตมิ ข้นั สรุป ๙. นักเรยี นฝกึ อา่ นคำศัพท์จากหนังสอื เรียนตอ่ จากฝกึ ในชวั่ โมงเรียนจนคลอ่ ง แลว้ เขยี นคำศพั ท์ พรอ้ มความหมายใส่สมดุ บนั ทกึ คำศพั ท์ประจำตวั ของนักเรยี น สือ่ และแหลง่ เรียนรู้ ๑. บัตรคำศัพท์จากหนังสือเรยี น ชุดภาษาเพ่อื ชีวติ วรรณคดลี ำนำ เรอื่ งระบำสายฟา้ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ๒. หนังสือเรยี น ชุดภาษาเพอื่ ชวี ติ วรรณคดีลำนำ เรือ่ งระบำสายฟา้ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ ๓. พจนานุกรม

๘ การวดั ผลประเมนิ ผล วธิ กี าร เครอื่ งมือ เกณฑ์ ๑. ประเมินการอ่านออกเสียง ๑.แบบประเมินการอ่านออกเสียง ๑. เกณฑก์ ารประเมินการอ่านออกเสียงและ และเขยี นคำศัพท์ และเขยี นคำศพั ท์ เขยี นคำศพั ท์ ๗ – ๙ คะแนน หมายถงึ ดี ๔ – ๖ คะแนน หมายถงึ พอใช้ ๑ – ๓ คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรงุ ๒.เขียนคำศัพท์บนั ทึกลงสมดุ ๒.เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงาน ๒. ๑. เกณฑ์การประเมนิ ผลงานนกั เรยี น คำศพั ท์ นกั เรยี น สมุดบันทกึ คำศพั ท์ ๗ – ๙ คะแนน หมายถึง ดี ๔ – ๖ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๑ – ๓ คะแนน หมายถงึ ปรับปรงุ

๙ ชวั่ โมงที่ ๒ ระบำสายฟา้ (อ่านจบั ใจความ) จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. สามารถอา่ นจับใจความสำคญั ได้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำ ๑. ครูและนักเรยี นสนทนาเรื่องการเกดิ ฝน ฟ้ารอ้ ง ฟา้ ผา่ ท่ีอ่านพบในหนงั สอื เรยี น ชุดภาษาเพือ่ ชวี ติ วรรณคดีลำนำ เร่ืองระบำสายฟา้ ทีค่ รูมอบใหน้ ักเรยี นไปอา่ นเพมิ่ เติมท่บี า้ นในชว่ั โมงเรียนที่ผา่ นมา ๒. ครูชแี้ จงให้นักเรียนทราบจุดประสงคก์ ารอา่ นจับใจความสำคญั ของเรือ่ งที่อ่าน วา่ มปี ระโยชน์ อยา่ งไร เพ่อื ให้นักเรียนเข้าใจและเห็นความสำคัญของการอ่าน ขน้ั สอน ๓. นักเรยี นแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุม่ ละ ๔ – ๖ คน แต่ละกลุม่ เลือกประธาน รองประธาน และ เลขานุการกล่มุ ก่อนทำกจิ กรรมกลมุ่ ๔ นักเรียนรว่ มกนั สนทนาเกี่ยวกบั วธิ กี ารอา่ นในใจตามท่ีเคยปฏิบัติมาแล้ว ครูเสนอแนะหลักการอ่าน ในใจเพ่ิมเตมิ ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจตรงกัน จากนนั้ ครูชแี้ จงจดุ ประสงค์ในการอา่ นในใจอีกครงั้ เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นรูว้ า่ เม่อื อา่ นแลว้ นกั เรยี นควรร้เู ร่อื งใดและควรจับประเด็นของเรือ่ งอยา่ งไร เช่น - การตั้งคำถามและตอบคำถามจากเรอื่ งท่อี ่านว่าใคร ทำอะไร ทไี่ หน อย่างไร - การสรุปใจความสำคญั ของเรือ่ งทีอ่ ่านได้ ครยู กตัวอย่างคำถาม เพือ่ จุดประกายความคดิ ของนกั เรยี น ดังน้ี - นักเรียนเคยได้ฟงั เรอื่ งราวเก่ียวกบั เมขลาและรามสรู หรอื ไม่ - เมขลาและรามสรู เป็นใคร เก่ียวขอ้ งกบั เรอ่ื งฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่าอย่างไร - สุนทรภู่เคยแตง่ เรอื่ งราวที่เกีย่ วกบั เมขลาและรามสูรหรือไม่ ชือ่ เรื่องอะไร เปน็ ตน้ ๕. นกั เรยี นอ่านเร่ือง“ระบำสายฟ้า” ในหนังสือเรยี น วรรณคดลี ำนำ ป.๔ ในใจ เมื่ออ่านแล้ว ครูต้ัง คำถาม ๓ – ๕ คำถาม ให้นักเรียนช่วยกนั ตอบ ๖. นักเรยี นแต่ละกลุ่มผลัดกนั ตั้งคำถามให้เพ่อื นกลมุ่ อ่ืนตอบจากเรื่องระบำสายฟ้า กลุ่มละ ๓-๕ คำถาม จากนน้ั ใหแ้ ต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมาเล่าเรื่องเมฆขลาขว้างขวาน ๗. ให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันจบั ใจความสำคญั จากเรื่องระบำสายฟา้ แล้วเขียนบันทกึ ลงสมุด ข้ันสรุป ๘. นักเรียนเขยี นบันทกึ ใจความสำคญั เร่ืองระบำสายฟ้าลงสมุด ส่ือและแหล่งเรยี นรู้ ๑. หนังสือเรียน ชดุ ภาษาเพอื่ ชีวติ วรรณคดีลำนำ เรื่องระบำสายฟา้ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๔

๑๐ การวัดผลประเมนิ ผล เคร่อื งมือ เกณฑ์ วธิ ีการ ๑. เกณฑก์ ารประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ การอา่ นจบั ใจความ ๑. การอ่านจบั ใจความ ความสามารถในการอ่านจบั ๙ – ๑๒ คะแนน หมายถงึ ดี ใจความ ๕ – ๘ คะแนน หมายถงึ พอใช้ ๑ – ๔ คะแนน หมายถึง ปรับปรุง

๑๑ ชวั่ โมงท่ี ๓ ระบำสายฟา้ (แผนภาพโครงเรือ่ ง) จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. เขียนแผนภาพโครงเรื่องได้ถกู ต้อง ๒. มีมารยาทในการเขียน กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรยี น ๑. นักเรยี นดูภาพ แลว้ ตง้ั คำถาม ตอบคำถามจากภาพ เชน่ บุคคลในภาพเปน็ ใคร เขากำลังทำอะไร สาเหตุของปัญหาเกดิ จากอะไร ปญั หาในภาพคอื อะไร นกั เรยี นรสู้ ึกอย่างไร และการกระทำของบคุ คลในภาพ ส่งผลดีอยา่ งไร โดยครูและนกั เรยี นรว่ มกนั ตอบคำถามและครูอธิบายเพ่มิ เตมิ ขน้ั สอน ๓. ครนู ำเสนอแผนภูมแิ ผนภาพโครงเร่ืองบนกระดานดำแลว้ ฝึกตัง้ คำถาม ตอบคำถาม ดงั แผนภมู ิ แผนภาพโครงเร่ือง ใคร : ตัวละคร ท่ีไหน : สถานที่ เม่อื ไร : เวลาทเี่ กิดเหตุการณ์ เหตกุ ารณ์ : เหตุการณท์ ่ี ๑ เหตุการณท์ ี่ ๒ เหตุการณท์ ่ี ๓ เหตุการณท์ ่ี ๔ เหตกุ ารณท์ ี่ ๕ บทสรุป : ผลของเหตุการณ์ ขอ้ คดิ : สรปุ ข้อคดิ เช่นภาพนี้ มบี ุคคลใดบ้าง เขากำลงั ทำอะไร เหตุการณน์ ี้นา่ จะเกดิ ขนึ้ ทใี่ ด ส่งผลดีหรือร้ายอย่างไร เป็นตน้ แล้วช่วยกันเขียนเปน็ แผนภาพโครงเร่ืองดงั แผนภมู ิ โดยเน้นให้นกั เรียนคำนงึ ถงึ มารยาทในการเขยี น ๔. นักเรียนแบง่ กลมุ่ อา่ นเร่ืองระบำสายฟา้ แลว้ ฝึกตั้งคำถาม ตอบคำถาม เชน่ มีบุคคลใดบา้ งจาก เรื่องนี้ เขากำลงั ทำอะไร เหตุการณน์ ีน้ ่าจะเกิดขึ้นท่ใี ด ส่งผลดีหรอื ร้ายอยา่ งไร เป็นตน้ ช่วยกันเขียนเปน็ แผนภาพโครงเรื่องดังแผนภูมิ นำสง่ เปน็ ชิ้นงาน

๑๒ ขน้ั สรุป ๕. นักเรียนทุกคนทำแบบฝกึ หัดการเขียนแผนภาพโครงเรื่อง ในหนงั สอื แบบฝกึ หัด ทักษะภาษา หนา้ ๖๕- ๖๖ เป็นการบ้านและส่งเปน็ ชนิ้ งานรายบุคคล สอ่ื /อุปกรณ์ ๑. หนังสอื เรียน ชุดภาษาเพื่อชวี ิต วรรณคดีลำนำ เร่ืองระบำสายฟา้ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ ๒. หนงั สือแบบฝึกหดั ชดุ ภาษาเพอ่ื ชีวิต ทกั ษะภาษา ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ การวดั และประเมนิ ผล เคร่อื งมอื เกณฑ์ วิธีการ ๑. เกณฑ์การประเมินการ เกณฑ์การประเมนิ การเขียนแผนภาพโครงเรอ่ื ง เขยี นแผนภาพโครงเรื่อง ๗ – ๙ คะแนน หมายถึง ดี ๒. การเขยี นแผนภาพโครง ๔ – ๖ คะแนน หมายถึง พอใช้ เร่ือง ๑ – ๓ คะแนน หมายถงึ ปรับปรุง

๑๓ ชัว่ โมงที่ 4 ระบำสายฟ้า (คำกรยิ า) จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. บอกชนิดของคำกริยาได้ถกู ต้อง ๒. นำคำกริยาไปแตง่ ประโยคเพือ่ การสือ่ สารได้ถูกต้อง กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันนำ ๑. ครูนำแถบประโยคบอกเลา่ ประโยคปฏิเสธ ประโยคคำถาม ให้นกั เรยี นพจิ ารณาวา่ ในแต่ละ ประโยคนน้ั คำใดเปน็ คำนาม คำสรรพนาม และคำกรยิ า เพอื่ ทบทวนความรู้เดมิ เรื่องคำนาม คำสรรพนาม และ เรียนรู้คำกริยา ครูเฉลยคำตอบพร้อมอธบิ ายชนิดของคำในแถบประโยคให้นกั เรียนเข้าใจ เช่น ลุงบญุ เล่านิทาน ฉนั อ่านหนังสือทุกวนั ลงุ บญุ ไมไ่ ปตลาด เธอไมเ่ ลน่ ฟุตบอล ใครตัดกระดาษสีแดง ต๊กุ แกกนิ อะไร ขนั้ สอน ๒. นกั เรียนแบง่ กลุ่มออกเปน็ กลุ่มละ ๔ – ๖ คน ศกึ ษาใบความรู้ เร่อื ง คำกรยิ า ครูอธบิ ายเพิ่มเติม ให้นกั เรียนเข้าใจตามใบความรู้มากขึน้ แล้วนกั เรยี นแต่ละกลุ่ม ชว่ ยกันยกตวั อย่างคำกรยิ า พรอ้ มกบั แตง่ ประโยคหัวข้อละ ๓ ประโยค เขียนลงในแผ่นกระดาษสง่ ตวั แทนรายงานหน้าชั้น ดังหัวข้อข้างลา่ งนี้ ๑. กรยิ าทไี่ มต่ ้องมกี รรมมารับ (กริยาอกรรม) ๒. กรยิ าท่ีตอ้ งมีกรรมมารบั (กริยาสกรรม) ๓.ใหน้ ักเรยี นทุกคนแตง่ ประโยคที่ต้องมกี รรมมารบั ๑ ประโยคและประโยคท่ีไม่ต้องมกี รรม มารับ ๑ ประโยคโดยไมซ่ ้ำกนั เขียนลงในแผน่ กระดาษ และใหน้ กั เรยี นอา่ นประโยคของตนทีละคน ๔.นกั เรียนแต่ละกลุ่มชว่ ยกันทำใบงาน ทา้ ยแผน บอกชนดิ ของคำกรยิ าโดยเลือกคำกริยาเติมลงใน ช่องวา่ ง พร้อมบอกชนิดของคำกรยิ า ครเู ฉลยคำตอบบนกระดาน นกั เรยี นแลกเปลีย่ นกันตรวจความถกู ตอ้ ง ๕ นกั เรยี นทุกคนทำใบงานทา้ ยแผน เลือกคำกริยาอกรรมเติมลงในช่องว่างในประโยคให้ถกู ต้อง และ เลือกประโยคท่มี คี ำกรยิ าสกรรม เสร็จแลว้ นำส่งครตู รวจสอบและประเมินผลโดยการให้เป็นคะแนนตามระดบั คุณภาพ นักเรยี นเกบ็ รวบรวมในแฟม้ สะสมผลงาน ขน้ั สรปุ ๖. นกั เรียนทุกคนทำใบงาน เรื่อง แตง่ ประโยคจากคำกริยาทก่ี ำหนดให้ เปน็ การบ้าน สง่ ครูตรวจ รวบรวมเก็บในแฟ้มสะสมผลงาน

๑๔ สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้ ๑. แถบประโยค ๒. หนังสอื เรยี น ชุดภาษาเพอื่ ชวี ิต วรรณคดีลำนำ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ ๓. ใบความรู้เรอ่ื งคำกริยา ๔. ใบงานเรอื่ งคำกรยิ า การวดั ผลประเมนิ ผล วิธกี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์ ๑.เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานนกั เรียนผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ ๖๐ ๑.ตรวจผลงาน ๑.แบบประเมนิ ผลงาน ๒.เกณฑ์การสงั เกตพฤตกิ รรมความสนใจ เฉลยใบงาน ปฏิบตั ไิ ด้ ๕ – ๗ รายการผลการประเมนิ อยใู่ นระดบั ดี ปฏบิ ัติได้ ๓ – ๔ รายการผลการประเมินอยูใ่ นระดับ พอใช้ ๒.การสังเกตความสนใจ ๒.แบบสงั เกต ปฏบิ ตั ไิ ด้ ๐ – ๒ รายการผลการประเมิน ควรปรับปรุง ในการเรียน พฤติกรรมความสนใจ ในการเรียน

๑๕ ช่วั โมงที่ 5 ระบำสายฟา้ (คำวเิ ศษณ์) จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. บอกชนดิ ของคำวเิ ศษณ์ได้ถูกตอ้ ง ๒. นำคำวเิ ศษณ์ไปแต่งประโยคเพื่อการส่ือสารได้ถูกต้อง กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นำ ๑. ให้นกั เรียนเล่นเกม “ตามล่า หาคู่” (ภาคผนวกทา้ ยแผน) ขนั้ สอน ๒. ครวู างแถบประโยคทย่ี งั ไมม่ คี ำวิเศษณ์บนกระดานดำ ใหน้ กั เรยี นอ่านแถบประโยคพร้อมกนั จากนั้นให้นกั เรียนวางบัตรคำ ตอ่ ทา้ ยแถบประโยคเชน่ สขี าว วางตอ่ จาก แถบประโยค ฉนั ใส่เสอ้ื ฉันใส่เสื้อ สีขาว ม้าของฉนั ว่งิ เร็ว มาก สุดารอ้ งเพลง ไพเราะ ๓. ครสู รุปว่าคำท่ีมาตอ่ ทา้ ยแถบประโยคเหล่าน้ี เรียกว่า “คำวิเศษณ์” ๔. นักเรียนแบง่ กลุ่มออกเปน็ กล่มุ ละ ๔ – ๖ คน อ่านใบความรู้ เรื่อง คำวิเศษณ์ ครูอธิบายเพ่มิ เติม ความร้จู ากใบความรู้ แล้วให้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกนั หาคำวิเศษณ์ จากบทเรียนเรื่อง ระบำสายฟ้า แล้ว บันทึกคำวเิ ศษณ์ทห่ี าไดล้ งในสมุด ๕.นกั เรยี นนำคำวเิ ศษณ์ทห่ี าได้ มาแตง่ ประโยคใหม่ ๑ ให้ตัวแทนกลุ่มเขยี นประโยคบนกระดานดำ นักเรยี นทกุ คนอา่ นและสังเกตตำแหน่งของคำวเิ ศษณใ์ นประโยคนัน้ ๆ ๖.นักเรยี นแต่ละกลุ่มชว่ ยกนั ทำใบงาน ทา้ ยแผน หาคำวิเศษณจ์ ากประโยค จำแนกชนิดของคำ วิเศษณ์ ครูเฉลยคำตอบพรอ้ มอธบิ ายเพ่มิ เติม นักเรยี นเก็บรวบรวมในแฟ้มสะสมผลงาน ข้ันสรุป ๖. นักเรยี นทกุ คนทำใบงาน เรอื่ ง แตง่ ประโยคจากคำวเศษณ์ทีก่ ำหนดให้ เป็นการบา้ น ส่งครูตรวจ รวบรวมเก็บในแฟ้มสะสมผลงาน ส่ือและแหลง่ เรยี นรู้ ๑. แถบประโยค และบตั รคำวิเศษณ์ ๑. หนงั สือเรยี น ชุดภาษาเพ่ือชวี ิต วรรณคดีลำนำ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ๒. ใบความรู้เรอื่ งคำวเิ ศษณ์ ๓. ใบงานเรือ่ งคำวเิ ศษณ์

๑๖ การวัดผลประเมนิ ผล วิธีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์ ๑.นกั เรียนผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ ๖๐ ๑.ตรวจผลงาน ๑.แบบประเมนิ ผลงาน ๒.เกณฑ์การสังเกตพฤติกรรมความสนใจ เฉลยใบงาน ปฏิบัตไิ ด้ ๕ – ๗ รายการผลการประเมินอยู่ในระดบั ดี ปฏบิ ัติได้ ๓ – ๔ รายการผลการประเมินอยู่ในระดับ พอใช้ ๒.การสงั เกตความสนใจ ๒.แบบสังเกตพฤติกรรม ปฏบิ ตั ไิ ด้ ๐ – ๒ รายการผลการประเมิน ควรปรับปรุง ในการเรยี น ความสนใจในการเรยี น ช่วั โมงท่ี 6 ระบำสายฟ้า (ตำนานขวานฟ้า) จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อา่ นเรือ่ งที่กำหนดให้ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ๒. ตงั้ และตอบคำถามจากเรอื่ งท่อี า่ นได้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นำ ๑. สนทนาทบทวนบทเรยี นเรอื่ งระบำสายฟ้า จากประเด็นชวนคิดชวนคยุ เชน่ เมือ่ อ่านเรอ่ื งน้ีจบแล้ว นกั เรยี นเกดิ ความรู้ ความสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ และมคี วามคิดเห็นเพม่ิ เติมอยา่ งไรบ้าง ลองแสดงความคิดเห็น ขนั้ สอน ๒. นักเรียนอา่ นคำยากจากบัตรคำ ในบทกลอนชวนอ่าน ชวนคิดและบทอา่ นเสริมเพมิ่ ความรู้ กอ่ น อ่านเรื่องประกายแก้วมณขี องเมขลา และตำนานขวานฟา้ ๓. อา่ นเร่ืองประกายแกว้ มณขี องเมขลา แล้วตอบคำถาม สรปุ ใจความจากเรื่องทอี่ า่ นได้ แล้วชว่ ยกัน แสดงความคิดเหน็ และให้เหตุผลว่า การกระทำของเมขลาและรามสรู มีความเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร ครจู ะ ป้อนคำถามกระตนุ้ ให้นักเรียนคดิ วิเคราะห์ และแสดงเหตุผลใหม้ ากท่ีสุด ๔. นักเรยี นแบง่ กลุ่มสมาชกิ ตามความเหมาะสม แลว้ ใหน้ กั เรยี นอ่าน ตำนานขวานฟ้า โดยฝึกอ่านออก เสียงเป็นจังหวะจนคล่องหรือเปน็ อา่ นทำนองเสนาะอ่านในลกั ษณะเพ่อื นชว่ ยเพ่อื น คนเก่งชว่ ยพาอา่ น และ ถามตอบกันภายในกลมุ่ พรอ้ มแสดงความคิดเห็นว่าเช่อื เรอื่ งขวานฟา้ หรือไม่ ๕. นกั เรยี นทุกคนเขยี นคำถามและคำตอบลงในสมุด ๖. ใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ ทำรายงาน เรอื่ งฟ้าร้อง ฟา้ ผา่ โดยค้นหาขอ้ มลู จากเอกสารตา่ งๆ และข้อมลู ทางอินเทอร์เนต็ สง่ เปน็ ผลงาน ขั้นสรุป ๗. นักเรียนและครูช่วยกันสรปุ เนือ้ หาสาระการเรยี นรจู้ ากบทเรียนทง้ั หมดอกี คร้งั หนง่ึ ๘. มอบหมายใหน้ กั เรียนแบบฝึกหดั ทักษะภาษา หน้า ๖๓ (เป็นการบา้ น) ๙.นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังการเรยี นรู้ (ภาคผนวก) สื่อการเรียนรู้ - บัตรคำศัพท์ จากบทกลอนชวนอ่าน ชวนคิดและบทอา่ นเสรมิ เพิม่ ความรู้ จากเรือ่ งระบำสายฟา้ - หนังสือเรียน ชดุ ภาษาเพ่ือชีวิต วรรณคดีลำนำ - แบบฝกึ หดั ทกั ษะภาษา

๑๗ การวดั ผลประเมินผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วิธกี าร ๑.แบบประเมินผลงาน ๑.นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๖๐ เฉลยใบงาน ๑.ตรวจผลงาน ๒.แบบประเมนิ การตรวจ ๒.เกณฑก์ ารประเมินตรวจรายงาน รายงาน ๑๐ – ๑๒ คะแนน หมายถึง ดี ๒. ตรวจรายงาน ๖ – ๙ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๓.แบบสงั เกตพฤติกรรม ๑ – ๕ คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรงุ ๓.การสงั เกตความ ความสนใจในการเรยี น สนใจในการเรียน ๓.เกณฑ์การสังเกตพฤติกรรมความสนใจ ปฏบิ ตั ไิ ด้ ๕ – ๗ รายการผลการประเมินอยู่ในระดบั ดี ปฏบิ ตั ิได้ ๓ – ๔ รายการผลการประเมนิ อยู่ในระดับ พอใช้ ปฏบิ ตั ิได้ ๐ – ๒ รายการผลการประเมิน ควรปรับปรงุ

๑๘ ภาคผนวก

๑๙ หนว่ ยท่ี ๘ เรอ่ื ง ระบำสายฟ้า ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ศึกษาคำศพั ท์ แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยท่ี ๘ เรือ่ ง ระบำสายฟา้ คำชีแ้ จง เขยี นเครอ่ื งหมาย × ทับอักษรหน้าคำตอบที่ถูกตอ้ งที่สดุ อ่านข้อความแลว้ ตอบคำถามขอ้ ๑ “วนั หนง่ึ ๆ เราควรด่มื นำ้ มากๆ อย่างนอ้ ยวันละ 6 - 8 แก้ว ทบ่ี อกวา่ ให้ด่มื มากๆ นั้นไม่ใชด่ ่มื ทเี ดียวมาก ๆ แตห่ มายถงึ ดื่มทีละน้อยหรือมากพอสมควรแต่บ่อยครัง้ เมอ่ื รวมน้ำตลอด 24 ชัว่ โมง แล้วเป็นจำนวนมากๆ จะช่วยให้เซลล์ทัว่ รา่ งกายมีน้ำสมบูรณ์เตม็ ท”ี่ ๑. จากขอ้ ความ กล่าวถึงเร่ืองใด ๑. ประโยชนข์ องน้ำ ๒. การดื่มนำ้ ทถ่ี ูกวิธี ๓. การเลอื กน้ำด่มื ที่สะอาด ๔. ความต้องการน้ำของรา่ งกาย อ่านข้อความแล้วตอบคำถามขอ้ ๒ “อนิ เทอรเ์ นต็ มปี ระโยชน์มากมาย แต่ในทางกลับกัน กม็ ีภยั ทอ่ี าจเกิดขน้ึ ได้ เม่ือออนไลน์ เราควรเลือกใช้และรู้ให้ทนั ภัยจากอนิ เทอรเ์ นต็ เพราะมที ั้งขอ้ มลู ทม่ี ีเนือ้ หาไม่ถูกตอ้ ง ไมเ่ หมาะสมกับ เดก็ และเยาวชนและขัดต่อจรยิ ธรรม ” ๒. จากข้อความ ข้อใดกลา่ วถกู ต้อง ๑. การเลอื กใชแ้ ละร้ทู ันภยั อินเทอร์เนต็ ๒. การกำจัดภัยจากอนิ เทอร์เนต็ ๒. ประโยชน์ของอินเทอร์เนต็ ๔. ภยั จากอินเทอร์เน็ต ๓. ข้อใดใช้สำนวนการเขยี นไม่ถกู ต้อง ๑. เดินทางจากบ้านพกั ถงึ ทะเลเวลาเช้าตรู่มีความสขุ มาก ขณะน่ังรถเวียนหวั มากอยากกลบั ๒. ฉนั และนอ้ งไปเท่ียวกับเพอื่ นๆ สนุกดไี ด้เล่นนำ้ ทะเลสฟี ้า รถออกจากโรงเรยี นในตอนเชา้ ๓. ฉนั ไปเท่ียวกบั เพื่อนๆ หลายคนได้ชมปลาและสัตว์ทะเล แมฉ่ ันจะไม่ใหม้ าครูตอ้ งไปขอให้ ๔. ฉนั เดินทางไปเท่ียวกบั ครแู ละเพือ่ น รถออกแตเ่ ช้าตรู่ถึงทะเลตอนสายชายทะเลสวยมาก

๒๐ ๑. นอกเหนอื ไปจากบ้านและโรงเรียน ๒. เพราะเดก็ ไทยมีอยา่ งอื่นมาเย้ายวน ๓. ความขยนั ไดจ้ างหายจากเด็กไทยอย่างตอ่ เน่ือง ๔. ถา้ เด็กไทยรู้เลือกและรับขอ้ มูลคงมีประโยชน์ ๔. จากข้อความที่กำหนด ข้อใดนำมาเรยี งเป็นขอ้ ความทีส่ ื่อสารได้เหมาะสม ๑. ๑ ๒ ๓ ๔ ๒. ๔ ๑ ๓ ๒ ๓. ๒ ๓ ๑ ๔ ๔. ๓ ๒ ๑ ๔ ๕. ขอ้ ใดอา่ นออกเสียงไม่ถกู ต้อง ๑. กินรี อา่ นว่า กนิ – นะ – รี ๒. อินทนิล อ่านว่า อนิ – ทะ – นนิ ๓. รามสรู อ่านวา่ ราม – มะ – สนู ๔. จกั รราศรี อา่ นว่า จกั – กะ – รา - สี ๖. ขอ้ ใดใหค้ วามหมายของคำศัพท์ไม่ถกู ต้อง ๑. ปัจฉมิ = ขา้ งหลงั สุด ๒. คิมหันต์ = ฤดหู นาว ๓. จนิ ดา = แก้วมณี ๔. วสันตฤดู = ฤดฝู น ๗. ประโยคใดมกี รยิ าสกรรม ๑. ภเู ขาไฟระเบิดรนุ แรงมาก ๒. ฝนตกหนกั มากทกุ วนั ๓. รถไฟฟา้ แล่นเร็ว ๔. นอ้ งเลน่ ตุ๊กตา ๘. ประโยคใดใชก้ รยิ าอกรรม ๑. ฉันต่นื แตเ่ ชา้ ๒. พอ่ ขบั รถบรรทกุ ๓. ฉนั มาโรงเรียนเป็นคนแรก ๔. ชาวประมงจบั ปลาในแมน่ ำ้ ๙. ขอ้ ความใดมีคำวเิ ศษณ์แสดงจำนวนหรือปริมาณ ๑. นกั กีฬาคนน้นั เก่งจริงๆ ๒. หนอู อ้ ยรอ้ งเพลงไพเราะ ๓. นอ้ งชอบรับประทานขนมหวาน ๔. นักเรยี นคนเก่งจะทำการบา้ นครบถ้วน

๒๑ “ดวงอาทิตยด์ วงโตกำลงั เร่งรีบลอยตวั สูงขน้ึ สาดแสงอ่อนๆ ต้องตน้ ข้าวกำลงั ออกรวงเป็นสีทองมองดูสวยงาม” ๑๐. จากขอ้ ความขา้ งต้น คำใดไมใ่ ช่คำวิเศษณ์ ๑. สูงขึ้น ๒. สาดแสง ๓. สที อง ๔. สวยงาม เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยที่ ๘ เรอ่ื ง ระบำสายฟ้า ๑. ๒ ๒. ๑ ๓. ๔ ๔. ๔ ๕. ๔ ๖. ๒ ๗. ๔ ๘. ๑ ๙. ๔ ๑๐. ๒

๒๒ ระบำสายฟา้ (คำกรยิ า) ใบความรู้ เร่ือง คำกริยา คำกริยาเปน็ คำทบี่ อกอาการ หรอื บอกสภาพของคน สตั ว์ พชื ส่งิ ของ เคร่ืองใช้ เช่น ยมิ้ วง่ิ ล้ม กิน ตี เปน็ คำกริยาบอกอาการ อว้ น ผอม ฉลาด โง่ เกา่ ใหม่ เปน็ คำกริยาบอกสภาพ คำกริยาแบง่ ออกเปน็ ๕ ชนิด ดงั นี้ ๑. กรยิ าทมี่ คี วามหมายสมบูรณ์ ไม่ต้องมกี รรมมารบั เรียกว่า กริยาอกรรม เชน่ เดิน วง่ิ ร้องไห้ ๒. กรยิ าทต่ี ้องอาศัยกรรม มาทำให้สมบรู ณ์ เรียกวา่ กรยิ าสกรรม เช่น ทำ ซอื้ กิน ๓. กรยิ าทชี่ ว่ ยให้กริยาอนื่ มีความหมายชัดเจนข้ึน เรียกว่า กรยิ านุเคราะห์ เชน่ คง จะ นา่ แล้ว อาจ นะ ตอ้ ง ทำให้มีความหมายชดั เจนข้นึ ๔. กริยาท่ตี อ้ งอาศัยสว่ นเตมิ เตม็ เพื่อให้มีความหมายสมบรู ณ์ สว่ นเติมเต็มนี้ ไมใ่ ช่กรรม คำกรยิ าดังกล่า ได้แก่ เปน็ เหมอื น คล้าย เท่า คอื ๕. กริยาที่ทำหนา้ ท่คี ล้ายนาม อาจเปน็ ประธาน กรรม หรอื บทขยายประโยคคำ กรยิ าชนิดนมี้ ักละคำวา่ “การ” ไว้ เชน่ พูดอยา่ งเดยี วไม่ทำให้งานสำเร็จหรอก อ่านและพิจารณาประโยคต่อไปน้ี ๑) ภูเขาถลม่ เมอ่ื วานน้ี ๒) รถกระบะว่ิงลบั หายไป คำว่า ถล่ม วงิ่ ไม่ต้องมีกรรมตามหลงั กไ็ ด้ใจความ คำกรยิ าประเภทน้ี เรยี กว่า

๒๓ คำกริยาอกรรม ๑) คณุ ยายเย็บกระทง ๒) ช่างสลักกาบกล้วยให้เป็นลวดลาย คำว่า เยบ็ สลกั ต้องมกี รรม คือ คำ กระทง กาบกล้วย (คำท่ีพมิ พ์ ตัวเอนหนา) ตามหลัง จงึ จะได้ ใจความสมบูรณ์ คำกรยิ าประเภทน้เี รยี กว่า คำกริยาสกรรม ๑) เขาเหมือนฉัน ๒) ข้าวเป็นอาหารของคนไทย ๓) ผลกลว้ ยตานีแตกต่างจากผลกล้วยชนิดอืน่ คือ เมล็ดมาก คำวา่ เหมือน เปน็ คอื เป็นคำกริยาที่ต้องมีคำนาม หรอื สรรพนาม ซ่ึงทำหนา้ ทเี่ ป็นสว่ น เติมเตม็ ตามหลังเสมอ เรียกว่า คำกริยาเติมเตม็ คำกริยาประเภทน้ียงั มอี กี นักเรียนควรศกึ ษาเพิม่ เติม

๒๔ ใบงาน เรื่อง คำกริยา คำชี้แจง ตอนที่ ๑ หาคำกริยาจากประโยค แลว้ นำมาเขียนลงในชอ่ งว่าง ขอ้ ประโยค คำกรยิ า ๑ ชาวตา่ งชาติเล่นสงกรานตใ์ นเมอื งไทย ................................................. ๒ ป้าของฉนั ปลกู ผักสวนครวั ไวห้ ลังบา้ น ................................................. ๓ เดก็ ไทยอา่ นหนงั สือนอ้ ยมาก ................................................. ๔ แม่ซื้อผลไม้ท่ีตลาดขา้ งบ้าน ................................................. ๕ หลวงพ่อฉันภัตตาหารเมือ้ เดยี วทกุ วัน ................................................ ตอนที่ ๒ เลือกคำกริยาเติมลงในชอ่ งว่าง พรอ้ มบอกชนิดของคำกรยิ านั้น เก็บ ตก พดั สอน วิ่ง เป็น เล่า ปลูก จบั ทำ ขอ้ ประโยค ชนิดของคำกรยิ า ๑ นักเรยี น..............................การบา้ นเปน็ ประจำ ............................................ ๒ ชาวสวน.......................ผลไม้ ............................................ ๓ ชาวประมง......................ปลาในแม่นำ้ ............................................ ๔ ชาวบ้าน....................ผกั สวนครวั ............................................ ๕ พี่นาง.........................นทิ านให้นอ้ งฟงั ทุกคนื ............................................ ๖ มนัส...........................ปลาในใกลบ้ า้ น ............................................ ๗ ลมพายุ........................บา้ นเรอื นพังทัง้ หมู่บา้ น ............................................ ๘ สมชาย........................นกั มวยฝมี อื ดี ............................................ ๙ คุณคร.ู .........................ลูกศิษย์เปน็ จำนวนมาก ............................................ ๑๐ พ่ขี องฉัน.........................ออกกำลงั กายตอนเช้า ............................................

๒๕ ตอนที่ ๓ เลือกคำกรยิ าทีไ่ ม่ตอ้ งมกี รรมจากตัวเลอื กทก่ี ำหนดเตมิ ลงในชอ่ งว่างในประโยค ใหถ้ กู ต้อง ขอ้ ประโยค ตัวเลอื ก ๑. นกนางแอน่ .......................................................... ตวั เล็ก, บิน, มาก ๒. นักเรียน............................................................... เก่ง, สวดมนต์ , สวย ๓. นักกฬี า............................................................... หอม, ว่ายน้ำ , ดมื่ ๔. น้องเลก็ ................................................เสยี งดงั โต , มอง , รอ้ ง ๕. อาหารทะเล............................................................ สวย , สด , หล่น ตอนท่ี ๔ เลอื กประโยคท่ีมคี ำกริยาสกรรม โดยใส่เครอื่ งหมาย √ หนา้ ประโยค เติมเคร่อื งหมาย √ ขอ้ ประโยค .......................... ๑. นพพลเลน่ ดนตรีไทย .......................... ๒. นิภาชอบร้องเพลงเพราะ .......................... ๓. คุณลงุ วิ่งรอบสนามทุกเช้า .......................... ๔. ตำรวจจับผู้ร้ายกลางตลาด .......................... ๕. คณุ ยายทำขนมถ้วยฟูและขนมตาล

๒๖ ระบำสายฟา้ (คำวเิ ศษณ)์ ใบความรู้ คำวิเศษณ์ คำวิเศษณ์ คอื คำทีใ่ ช้ประกอบคำอน่ื ใหม้ ีเนอ้ื ความแปลกออกไป คำท่ีใช้ประกอบ ไดแ้ ก่ คำนาม คำสรรพนาม คำกริยา และคำวเิ ศษณ์ จำแนกออกเป็น ๑๐ ชนิด คอื ๑. ลกั ษณวเิ ศษณ์ คือ คำท่ีใชป้ ระกอบคำอน่ื เพื่อบอกลกั ษณะของคำนน้ั ๆ โดยมากใช้ประกอบคำนาม คำสรรพนามที่ใชป้ ระกอบคำกรยิ าและกรยิ าวิเศษณม์ ีนอ้ ย เชน่ ๑) บอกชนิด ไดแ้ ก่ ช่ัว เลว แก่ อ่อน หนุ่ม สาว ๒) บอกขนาด ได้แก่ สงู ใหญ่ เล็ก ยาว สน้ั โต แคบ ๓) บอกสณั ฐาน ได้แก่ กลม บาง แบน รี ๔) บอกสี ไดแ้ ก่ ดำ ขาว เหลือง แดง ๕) บอกเสยี ง ได้แก่ ดัง ค่อย เพราะ แหบ เครือ ๖) บอกกลน่ิ ได้แก่ เหม็น หอม ฉนุ คาว ๗) บอกรส ได้แก่ เปรีย้ ว ขม จดื เผ็ด หวาน เคม็ มัน ๘) บอกสมั ผัส ไดแ้ ก่ รอ้ น เยน็ นิม่ กระด้าง แข็ง ๙) บอกอาการ ได้แก่ ช้า เรว็ เอ่ือย ซมึ ฉลาด ซ่ือ ๒. กาลวิเศษณ์ คือคำท่ใี ชป้ ระกอบคำอน่ื เพอื่ บอกเวลาไดแ้ ก่ เด๋ียวนี้ เช้า เยน็ ชา้ ๓. สถานวิเศษณ์ คือคำท่ใี ชป้ ระกอบคำอนื่ เพ่ือบอกสถานท่ไี ดแ้ ก่ ใกล้ ไกล ห่าง ชดิ ๔. ประมาณวิเศษณ์ คอื คำท่ีใชป้ ระกอบคำอนื่ เพ่อื บอกจำนวนแบ่งเปน็ ๔ ชนิด คือ ๑) บอกจำนวนจำกดั ได้แก่คำว่า หมด ส้ิน ทัง้ หมด ทง้ั ปวง บรรดา ทั้งผอง ๒) บอกจำนวนไม่จำกดั ไดแ้ ก่ มาก นอ้ ย จุ หลาย ๆ ๓) บอกจำนวนแบ่งแยก ได้แก่ บาง บ้าง ต่าง สิ่งละ คนละ ๔) บอกจำนวนนบั แบ่งเป็น ๒ ชนดิ คือ บอกจำนวนเลข และจำนวนที่ ๕. ปฤจฉาวิเศษณ์ คือคำทใ่ี ชป้ ระกอบคำอ่ืนเป็นคำถาม ได้แก่ ใด อะไร ทำไม ๖. นิยมวิเศษณ์ คือ คำทใี่ ชป้ ระกอบคำอน่ื เพ่ือบอกความแน่นอน ความชัดเจน เชน่ น้ี นน้ั แท้ แบ่งเปน็ ๒ ชนดิ ๑) บอกความแน่นอนในความหมาย เช่น ฉันเอง ไปแน่ สวยแท้ ดที เี ดยี ว ๒) บอกความแน่นอนของสิง่ ใดส่ิงหนึ่ง เช่น คนนั้น ท่ีนั้น ที่น่ี

๒๗ ๗. อนยิ มวิเศษณ์ คอื คำทีใ่ ช้ประกอบคำอื่นโดยไม่บอกกำหนดแน่นอนเชน่ อ่นื ใด ๘. ประติชญาวิเศษณ์ คือคำท่ใี ชแ้ สดงรบั รอง โต้ตอบ รับขาน เช่น จ๋า ครบั เออ ๙. ประติเสธวเิ ศษณ์ คอื คำที่บอกความหา้ ม หรอื ไม่รับรอง เช่น ไม่ใช่ มิได้ บ่ ๑๐. ประพันธวเิ ศษณ์ คือคำประพันธสรรพนาม ซงึ่ เอามาใช้เหมอื นคำวิเศษณ์ ไดแ้ ก่ ท่ี ซึ่ง อนั เช่น เขาพูดอยา่ งท่ีฉันพดู ท่ี ซึ่ง อนั ถา้ อยูต่ ดิ กบั คำนาม หรอื สรรพนามจะ เปน็ ประพันธสรรพนาม ถา้ อยตู่ ิดกับกรยิ าหรอื กรยิ าวเิ ศษณจ์ ะเปน็ ประพันธวิเศษณ์

๒๘ ใบงาน เรอื่ ง คำวิเศษณ์ คำช้ีแจง ตอนที่ ๑ หาคำวิเศษณ์จากประโยค แล้วนำมาเขียนลงในชอ่ งวา่ ง ขอ้ ประโยค คำวิเศษณ์ ๑ มะมว่ งสกุ มีรสหวาน .................................................. ๒ คณุ ครมู าโรงเรียนเช้า .................................................. ๓ ดอกไมช้ ่อนม้ี ีกล่นิ หอม .................................................. ๔ แกงป่าปลากรายถ้วยนมี้ รี สเผ็ด .................................................. ๕ บา้ นหลังใหมข่ องฉนั ปลูกเสร็จแล้ว .................................................. ตอนที่ ๒ จำแนกชนดิ ของคำวเิ ศษณ์ท่กี ำหนดให้ แล้วเขียนลงในช่องว่าง เช้า กลม หนา้ หลาย ไกล สาย อ่อน นอ้ ย เตม็ เหนอื กอ่ น เคม็ ร้อน เดีย๋ วนี้ ซ้าย บาง บ่าย ขวา ทง้ั หมด กวา้ ง คำวิเศษณ์บอก คำวเิ ศษณบ์ อกเวลา คำวิเศษณบ์ อก คำวิเศษณ์บอก ลักษณะ สถานที่ จำนวน

๒๙ ตอนที่ ๓ แตง่ ประโยคจากคำวเิ ศษณท์ ่ีกำหนดให้ ท่ี คำวิเศษณ์ แตง่ ประโยค ๑ สีฟา้ ๒ จดื ๓ สวย ๔ ใกล้ ๕ หอม ๖ วอ่ งไว ๗ บาง ๘ บา่ ย ๙ เตม็ ๑๐ มาก

๓๐ ชวั่ โมงท่ี ๗ ระบำสายฟ้า (การอ่านหนงั สือ) สื่อข้ันนำเข้าสูบ่ ทเรยี น เร่ืองวิเคราะห์และสรุปความจากนทิ าน คำช้ีแจง อา่ นนทิ านและทำกจิ กรรมตอ่ ไปน้ี เรือ่ ง มดงา่ มกบั จักจั่น แสงแดดแผดจ้า ทอ้ งฟา้ โปร่งใส หนา้ หนาวยาวไกล กายใจหนาวนาน มดง่ามเตรียมพรอ้ ม ถนอมอาหาร ผงึ่ แดดมดงาน เกื้อการเกบ็ กนิ จกั จน่ั เผโผ ผอมโซพลดั ถิ่น ท้องรอ้ งเหงอื่ รนิ ถวลิ เวา้ วอน สหายมดงา่ ม ฟังความเราก่อน เราจนคนจร ขอก้อนของกิน เจ้าใยไมห่ า ใช่ข้าดูหมนิ่ ของเลยี้ งชวี นิ เกบ็ สินออมทรัพย์ ข้าตอ้ งร้องเพลง บรรเลงขานขบั ร้องเพลงเน่นิ นับ ถงึ กับผอมโซ สมน้ำสมเน้ือ ขาดเหยอ่ื ตาโหล ชอบร้องเพลงโชว์ เชิญโกต้ ่อไป เสยี งปังคลังปดิ หมดสิทธิอ์ าศัย จักจั่นตรอมใจ มดไม่

๓๑ กิจกรรมที่ ๑ ตอบคำถามจากนทิ านอสี ป เร่ือง จักจ่นั ๑. ตวั ละครทนี่ ิสยั ไมด่ ี และไมค่ วรเอาอยา่ ง คอื ใคร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๒. มดง่ามทำอะไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๓. นกั เรียนคดิ ว่าเหตกุ ารณข์ องเร่อื งนีเ้ กดิ ขน้ึ ทใี่ ด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๔. มดงา่ มตอ้ งเก็บสะสมอาหารไว้เพอื่ ใช้ในฤดกู าลใด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๕. ทำไมมดง่ามจึงไมใ่ ห้อาหารแกเ่ จ้าจักจน่ั ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๖. นักเรียนคดิ ว่านทิ านเรือ่ งนี้มคี ตสิ อนใจอยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๗. สรุปใจความสำคัญ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๓๒ ใบงาน อา่ นวิเคราะห์นิทานและเขียนสรปุ ความ คำชแ้ี จง อ่านนทิ านแล้วทำกจิ กรรมตามกำหนด กาลคร้ังหน่ึงนานมาแลว้ มสี องสามีภรรยาคู่หนง่ึ แต่งงานอยู่ด้วยกันมานาน แตพ่ วกเขาก็ไม่มี ลูก พวกเขาอยากมลี ูกมาก จึงสวดมนต์ตอ่ เทวดาวิงวอนขอให้ไดล้ ูกสักคน และแล้ววันหน่ึงความฝันของ ท้งั คูก่ ็เป็นจรงิ เมือ่ ทัง้ สองเปดิ ประตบู า้ นในตอนเช้า กพ็ บตะกร้าเลก็ ๆ ใบหน่ึงวางอยู่หนา้ บ้าน ในตะกร้า น้ันมกี บน้อยตัวหนง่ึ นอนตาใสแป๋วอยู่ สองสามภี รรยานึกเอน็ ดู จึงเล้ยี งดูกบตวั นัน้ เป็นลกู สาว และ ดแู ลส่ังสอนทกุ ส่ิงทกุ อยา่ งทม่ี นุษยท์ ำให้แก่เธอ กบสาวเธอชอบรอ้ งเพลงมาก ทน่ี ่ามหศั จรรยค์ อื เธอมี นำ้ เสียงไพเราะ หวานใส จนทำใหผ้ ู้คนละแวกนน้ั พากันคดิ วา่ เจ้าของเสียงตอ้ งเปน็ หญิงสาวแสนสวย แน่ๆ อยมู่ าวันหน่งึ มเี จ้าชายรูปงามข่ีม้าผ่านมา เจา้ ชายไดย้ นิ เสียงเพลงของกบสาวเขา้ พระองค์ตก หลมุ รักเจา้ ของเสยี งนัน้ ทนั ที เจา้ ชายหยดุ ม้าลงมาพบกบั สองสามภี รรยาเพอื่ ขอแต่งงานกบั ลกู สาวของ พวกเขา กบสาวทีแ่ อบดูอยกู่ ็หลงรักเจ้าชายในทันทเี ช่นกัน จึงรบี ซอ่ นตวั อยหู่ ลังผ้ามา่ น และสง่ เสียง ตอบไปว่า “หม่อมฉนั ยินดแี ตง่ งานกับเจ้าชาย แตม่ ีข้อแม้ว่าจะปรากฏตวั ใหพ้ ระองคเ์ ห็นในห้อง ท่ี จดั เตรียมไวเ้ ปน็ การส่วนตวั เท่านน้ั เพคะ” เมื่อวันแต่งงานมาถึง เจ้าสาวกบก็นั่งรถทป่ี ดิ มิดชิดมายังปราสาท เจา้ ชายตกใจแทบส้นิ สติ เม่อื รู้ว่าเจา้ สาวของพระองคค์ อื กบ พระองค์จึงจบั กบสาวโยนท้งิ ออกไปนอกปราสาททนั ที แตท่ ว่า พระองคไ์ ม่สามารถตดั ใจจากเสียงอนั ไพเราะของกบสาวได้ พระองค์จึงตดั สินใจขอเธอแต่งงานใหมอ่ ีก ครัง้ คราวนีก้ บสาวใชไ้ ก่โต้งเทียมรถเปดิ ประทุนของเธอ ขบั ไปยังปราสาท ระหวา่ งทางมนี างฟา้ สอง องคก์ ำลังชว่ ยกันหาวิธเี อากา้ งปลา ซง่ึ ติดคอเพ่ือนนางฟา้ อกี องคอ์ อกอยู่ เมอ่ื นางฟ้าองคน์ นั้ เหลอื บเหน็ เจ้าสาวกบขบั รถ เทียมไกโ่ ตง้ แลน่ ตะบึงผ่านไปกห็ วั เราะ เสยี งดัง ฮะ่ ฮ่ะ ฮ่า จนกา้ งปลากระเด็นหลุด จากคอ นางฟ้าทง้ั สามดีใจมากที่กบสาวมีส่วนสำคัญในการช่วยพวกนาง จึงใหร้ างวัลแก่กบสาว นางฟ้าผู้สวมชดุ สีชมพู พดู วา่ “ฉนั จะเนรมติ รรถมา้ สที องคนั งามให้แกเ่ ธอนะจะ๊ ” แล้วรถของ กบสาวกก็ ลายเป็นรถสีทองหรูหราสวยงามท่ีสดุ นางฟ้าผู้สวมชดุ สีฟา้ พดู ว่า “ฉันจะเนรมิตรชุดเจ้าสาว ท่ีสวยท่ีสุดให้แกเ่ ธอ” ทนั ใดชุดที่กบสาวสวมอยู่ก็กลายเป็นชุดเจ้าสาวแสนสวยและนางฟา้ ผู้สวมชดุ สี เหลอื ง ซ่งึ เปน็ องค์ท่ีกา้ งติดคอ พูดวา่ “สว่ นฉันผ้ทู ่ีเธอได้ช่วยเหลือมากท่ีสดุ ฉนั ก็จะมอบส่งิ ทว่ี ิเศษที่สุด ใหแ้ กเ่ ธอเชน่ กัน” แล้วนางฟา้ ก็โบกคทาดาว ประกายระยบิ ระยับพร่างพรมลงมาบนตวั ของกบสาว แลว้ กบสาวกก็ ลายร่างเปน็ หญงิ สาวผวิ เขม้ ที่สวยบาดตาบาดใจไปในทันที กบสาวไปถงึ พระราชวัง เจ้าชายแทบจะไมเ่ ชือ่ สายตาว่า เจ้าสาวกบของพระองค์กลายรา่ ง เป็นหญิงสาวท่ีสวยงามขนาดน้ี และทส่ี ำคัญเธอมเี สียงเพลงไพเราะท่ที ำให้ทุกคนทีไ่ ดฟ้ งั มคี วามสุข

๓๓ อ่านนิทานแลว้ ตอบคำถาม ๑. นทิ านเรือ่ งนคี้ วรตง้ั ขอื่ เร่ืองว่าอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. นิทานเร่อื งนี้กล่าวถงึ เร่อื งใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๓. นทิ านเรอ่ื งน้ีมีข้อคิดอยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………

๓๔ อ่านนทิ านแล้วเขยี นสรปุ ความ เรือ่ ง………………………………………………………………………………………………………… .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..ช...วั่ ..โ..ม..ง..ท...่ี .๘......ร..ะ..บ...ำ..ส..า..ย...ฟ...า้ .....(.เ.ข...ีย..น...เ.ร..อ่ื...ง..จ..า..ก...ป..ร..ะ...ส..บ...ก..า..ร..ณ....์)...-............................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................

๓๕ ระบำสายฟา้ (ตำนานขวานฟา้ ) แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยที่ ๘ เรื่อง ระบำสายฟา้ คำช้แี จง เขียนเคร่ืองหมาย × ทับอักษรหน้าคำตอบท่ถี กู ต้องทส่ี ดุ อา่ นขอ้ ความแล้วตอบคำถามข้อ ๑ “วนั หนงึ่ ๆ เราควรดม่ื น้ำมากๆ อย่างน้อยวนั ละ 6 - 8 แก้ว ท่ีบอกว่าใหด้ มื่ มากๆ น้นั ไม่ใช่ด่มื ทีเดยี วมาก ๆ แตห่ มายถงึ ด่มื ทลี ะนอ้ ยหรอื มากพอสมควรแตบ่ อ่ ยครัง้ เม่อื รวมนำ้ ตลอด 24 ชว่ั โมง แล้วเปน็ จำนวนมากๆ จะช่วยให้เซลล์ท่ัวร่างกายมีนำ้ สมบูรณ์เตม็ ท”่ี ๑. จากขอ้ ความ กลา่ วถงึ เรอ่ื งใด ๑. การดม่ื น้ำทีถ่ ูกวิธี ๒. ประโยชน์ของนำ้ ๓. การเลือกน้ำดมื่ ท่ีสะอาด ๔. ความตอ้ งการนำ้ ของร่างกาย อ่านขอ้ ความแล้วตอบคำถามข้อ ๒ “อินเทอรเ์ นต็ มีประโยชนม์ ากมาย แตใ่ นทางกลบั กัน ก็มภี ัยท่ีอาจเกดิ ขึน้ ได้ เมื่อออนไลน์ เราควรเลอื กใชแ้ ละรูใ้ หท้ นั ภยั จากอนิ เทอร์เนต็ เพราะมที ั้งขอ้ มลู ทมี่ เี นื้อหาไมถ่ ูกต้อง ไมเ่ หมาะสมกับ เด็กและเยาวชนและขดั ต่อจรยิ ธรรม ” ๒. จากข้อความ ขอ้ ใดกลา่ วถูกต้อง ๑. ภัยจากอินเทอร์เนต็ ๒. การเลือกใช้และรู้ทนั ภยั อินเทอรเ์ น็ต ๒. การกำจดั ภัยจากอินเทอร์เนต็ ๔. ประโยชนข์ องอินเทอรเ์ นต็ ๓. ข้อใดใช้สำนวนการเขียนไม่ถกู ตอ้ ง ๑. เดนิ ทางจากบา้ นพักถึงทะเลเวลาเชา้ ตรู่มีความสุขมาก ขณะน่ังรถเวยี นหวั มากอยากกลับ ๒. ฉันเดินทางไปเทีย่ วกบั ครูและเพอ่ื น รถออกแต่เชา้ ตรู่ถึงทะเลตอนสายชายทะเลสวยมาก ๓. ฉันไปเท่ยี วกับเพอ่ื นๆ หลายคนไดช้ มปลาและสัตว์ทะเล แมฉ่ ันจะไม่ให้มาครูต้องไปขอให้ ๔. ฉนั และน้องไปเที่ยวกับเพอ่ื นๆ สนกุ ดีได้เลน่ นำ้ ทะเลสฟี ้า รถออกจากโรงเรียนในตอนเชา้

๓๖ ๑. นอกเหนอื ไปจากบ้านและโรงเรยี น ๒. เพราะเดก็ ไทยมอี ยา่ งอน่ื มาเยา้ ยวน ๓. ความขยันไดจ้ างหายจากเดก็ ไทยอย่างต่อเนื่อง ๔. ถา้ เดก็ ไทยรู้เลือกและรบั ขอ้ มลู คงมีประโยชน์ ๔. จากข้อความท่ีกำหนด ขอ้ ใดนำมาเรียงเปน็ ขอ้ ความท่ีสือ่ สารไดเ้ หมาะสม ๑. ๑ ๒ ๓ ๔ ๒. ๔ ๑ ๓ ๒ ๓. ๒ ๓ ๑ ๔ ๔. ๓ ๒ ๑ ๔ ๕. ข้อใดอา่ นออกเสยี งไม่ถกู ต้อง ๑. กินรี อา่ นว่า กิน – นะ – รี ๒. อินทนลิ อา่ นวา่ อนิ – ทะ – นิน ๓. รามสูร อ่านว่า ราม – มะ – สูน ๔. จกั รราศรี อ่านวา่ จกั – กะ – รา - สี ๖. ข้อใดให้ความหมายของคำศพั ท์ไม่ถูกตอ้ ง ๑. ปจั ฉมิ = ข้างหลังสุด ๒. คิมหนั ต์ = ฤดูหนาว ๓. จินดา = แก้วมณี ๔. วสันตฤดู = ฤดูฝน ๗. ประโยคใดมกี ริยาสกรรม ๑. น้องเล่นตุ๊กตา ๒.รถไฟฟ้าแลน่ เร็ว ๓.ฝนตกหนักมากทุกวนั ๔.ภูเขาไฟระเบิดรุนแรงมาก ๘. ประโยคใดใชก้ รยิ าอกรรม ๑. ฉนั ตื่นแต่เช้า ๒. พอ่ ขับรถบรรทกุ ๓. ฉันมาโรงเรยี นเปน็ คนแรก ๔. ชาวประมงจบั ปลาในแม่น้ำ ๙. ข้อความใดมีคำวเิ ศษณแ์ สดงจำนวนหรอื ปรมิ าณ ๑. นกั กีฬาคนนัน้ เก่งจริงๆ ๒. หนอู อ้ ยรอ้ งเพลงไพเราะ ๓. นกั เรียนคนเกง่ จะทำการบา้ นครบถ้วน ๔. น้องชอบรบั ประทานขนมหวาน

๓๗ “ดวงอาทิตยด์ วงโตกำลงั เรง่ รีบลอยตวั สงู ขนึ้ สาดแสงอ่อนๆ ต้องตน้ ข้าวกำลังออกรวงเป็นสีทองมองดูสวยงาม” ๑๐. จากขอ้ ความขา้ งต้น คำใดไมใ่ ช่คำวเิ ศษณ์ ๑. สูงขนึ้ ๒. สีทอง ๓.สาดแสง ๔. สวยงาม เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยที่ ๘ เรอ่ื ง ระบำสายฟ้า ๑. ๑ ๒. ๒ ๓. ๒ ๔. ๔ ๕. ๔ ๖. ๒ ๗. ๑ ๘. ๑ ๙. ๓ ๑๐. ๓

๓๘ เกณฑ์การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน แบบประเมนิ การเขียนเรอ่ื งสนั้ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียน.................................... สำนกั งานเขตการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน.............................. ................................ ภาคเรียนที่.....................ปีการศึกษา ........................................... เรอ่ื ง ....................................................... ประเมินครั้งท่ี ............... วันที่ ................... เดอื น .............................................. พ.ศ...................... ___________________________________________________________ คำชแี้ จง ครปู ระเมินพฤตกิ รรมของนกั เรียนในเขียน ใหค้ ะแนนลงในช่องทตี่ รงกับพฤตกิ รรมของนกั เรียน สรุปผล การประเมิน เลขท่ี ช่ือ-สกลุ ั้ตง ่ืชอเ ่ืรอง เ ีขยนเ ืร่อง ้ัสน ๆ มารยาทในการเ ีขยน รวม รวม ๓ ๓ ๓ ๙ ดี พอใช้ ปรับปรงุ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ลงช่อื ............................................................ผูป้ ระเมิน (....................................................)

๓๙ เกณฑก์ ารประเมนิ การเขยี นเรอื่ งสน้ั ระดบั คะแนน รายการประเมิน ๓๒ ๑ ๑.ตัง้ ช่อื เรอ่ื ง มีชือ่ เรือ่ ง ช่อื เรื่อง มชี อ่ื เรอ่ื ง ช่อื เรือ่ ง มีช่ือเร่อื ง แตไ่ ม่เหมาะสม ๒.เขียนเรอ่ื งส้นั ๆ เหมาะสมกับเน้ือเร่ือง เหมาะสมแต่ไมก่ ะทัดรดั ใช้ถอ้ ยคำกะทดั รัด ได้ ใจความ ใชค้ ำที่กำหนดเขียนเร่ือง ใช้คำทก่ี ำหนดเขยี นเร่อื ง ใชค้ ำทก่ี ำหนดเขียนเร่อื ง สน้ั ๆโดยมี สนั้ ๆโดยมเี นอื้ เรือ่ ง สน้ั ๆโดยมเี น้อื เรอื่ ง และ เนอ้ื เรอ่ื ง และ นา่ สนใจแสดงถงึ การดำเนินเรื่อง การดำเนิน ตอ่ เนือ่ งกนั ความคดิ สร้างสรรค์ ต่อเนอ่ื งกนั ตง้ั แต่ต้นจน ใชภ้ าษาบกพร่องเลก็ นอ้ ย การดำเนินเร่อื ง และใช้ภาษากระชบั ต่อเนื่องกนั ต้งั แต่ตน้ จน สื่อความหมายได้ชัดเจน และใช้ภาษาไดถ้ กู ต้อง เหมาะสม ๓.มารยาทในการ มสี มาธิ และมคี วามต้ังใจ มีความตงั้ ใจ มคี วามต้งั ใจ เขยี น ในการเขียนอย่าง ในการเขยี นอยา่ ง ในการเขียนพอสมควร พูด เกณฑก์ ารประเมิน สมำ่ เสมอ ๗–๙ สม่ำเสมอ ไม่พดู คยุ เลน่ คุย เลน่ ระหวา่ งทำงาน ๔–๖ ๑–๓ ไม่พดู คุย เล่น ระหว่าง ระหว่างทำงานผลงาน เปน็ บางครั้งผลงานไม่มีรอย ทำงาน ความสะอาด ไมม่ รี อยลบ ลบขีดฆ่าเปน็ บางแหง่ เสรจ็ ขีดฆ่า เสร็จตามเวลาที่ ตามเวลาทกี่ ำหนด ผลงานความสะอาด กำหนด สวยงาม ไม่มีรอยลบขดี ฆา่ เสร็จตามเวลาที่ กำหนดผลงานเป็น ตวั อยา่ งตอ่ ผอู้ ่ืนได้ คะแนน หมายถึง ดี คะแนน หมายถงึ พอใช้ คะแนน หมายถงึ ปรับปรงุ

๔๐ แบบประเมินการเขียนรายงาน กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ โรงเรยี น.................................... สำนักงานเขตการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน.............................. ................................ ภาคเรียนที่.....................ปกี ารศกึ ษา ........................................... เร่ือง ....................................................... ประเมินคร้งั ที่ ............... วนั ที่ ................... เดือน .............................................. พ.ศ...................... ___________________________________________________________ คำชีแ้ จง ครปู ระเมินพฤตกิ รรมของนกั เรียนในเขยี น ใหค้ ะแนนลงในชอ่ งทีต่ รงกับพฤติกรรมของนักเรียน สรปุ ผล การประเมิน เลขที่ ชอ่ื -สกุล การวางแผนเ ็ปนระบบ รูปเ ่ลมรายงาน เ ้นือหา รวม รวม ๓ ๓ ๓ ๙ ดี พอใช้ ปรับปรงุ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ลงชอื่ ............................................................ผู้ประเมิน (....................................................)

๔๑ เกณฑก์ ารประเมินการเขียนรายงาน รายการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ๑.การวางแผนเปน็ ๓ ๒๑ ระบบ มกี ารวางแผนการทำงาน การทำงาน ไม่ครบถ้วน การทำงาน ไม่ครบถว้ น ขาด เป็นระบบ ขาด ๑ ประเดน็ ๒ ประเดน็ -สมาชกิ ทุกคนมีสว่ นร่วม -ปฏิบตั ิงานตามท่ีไดร้ ับ มอบหมาย -มกี ารตรวจสอบผลการ ปฏิบัติงาน -มกี ารประเมินปรับปรงุ งาน ๒.รูปเล่มรายงาน จดั ทำรายงานไดถ้ ูกต้องมี จดั ทำรายงานไดถ้ ูกตอ้ ง การทำรายงาน สว่ นประกอบครบถ้วน นา่ สนใจ รูปเลม่ สวยงาม มีสว่ นประกอบครบถ้วน มีขอ้ บกพร่อง สะอาดเรียบรอ้ ย นา่ สนใจ รปู เลม่ สวยงาม ส่วนประกอบ สะอาดเปน็ ส่วนใหญ่ ไม่ครบถ้วน ๓.เนอ้ื หา เน้ือหาของรายงานถูกตอ้ ง เนื้อหาของรายงาน เน้ือหาของรายงานมี สมบูรณ์ ถูกต้องคอ่ นข้างถูกต้อง ขอ้ บกพรอ่ งมาก สมบรู ณ์เปน็ สว่ นใหญ่ เกณฑ์การประเมิน ๗ – ๙ คะแนน หมายถงึ ดี ๔ – ๖ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๑ – ๓ คะแนน หมายถึง ปรับปรงุ

๔๒ แบบประเมนิ การอ่านออกเสียงและเขียนคำศัพท์ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียน.................................... สำนกั งานเขตการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน.............................. ................................ ภาคเรยี นท่ี.....................ปกี ารศึกษา ........................................... เร่ือง ....................................................... ประเมนิ ครัง้ ที่ ............... วนั ท่ี ................... เดอื น .............................................. พ.ศ...................... ___________________________________________________________ คำชแ้ี จง ครปู ระเมินพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการอ่านออกเสยี งและเขยี นคำศพั ท์ ใหค้ ะแนนลงในชอ่ งทต่ี รง กับพฤตกิ รรมของนักเรียน เลขท่ี ชือ่ -สกลุ ความ ูถกต้องในการอ่าน สรุปผล ุคณ ัลกษณะ รวม การประเมิน ( ีมความ ่ัมนใจในการใ ้ชภาษา ) การสะกดคำ ัศพ ์ท อธิบายความหมายของคำ ัศพ ์ท ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ลงช่ือ............................................................ผูป้ ระเมิน (....................................................)

๔๓ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบประเมนิ การอา่ นออกเสยี งและเขียนคำศพั ท์ กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ ประเด็นการประเมนิ ๓ เกณฑ์การให้คะแนน ๑.ความถกู ต้องในการอา่ น สามารถอา่ นไดถ้ ูกต้อง ๒๑ ทั้งหมด สามารถอ่านไดเ้ กือบ พยายามอา่ นไดบ้ า้ ง ถกู ตอ้ งท้งั หมด ผิดไม่เกิน ผดิ มากกว่า 3 คำ 3 คำ ๒.คณุ ลกั ษณะ มคี วามมนั่ ใจในการอ่าน มีความม่นั ใจในการอา่ น ขาดความมนั่ ใจใน (มีความมน่ั ใจในการอา่ น ) ดี มีการเตรียมตวั มา พอใช้ เตรียมตวั มาอย่าง ตนเอง เตรยี มตัวมา อย่างดี มน่ั ใจตนเอง ดี ยังประหม่า บ้างแตไ่ ม่มากนัก ๓. การสะกดคำศัพท์ การสะกด การสะกด สะกดคำผิดมาก คำศพั ท์ถูกตอ้ ง คำศัพท์ผิดเล็กนอ้ ย ๑. อธิบายความหมายของ อธิบายความหมายได้ อธิบายความหมายได้ อธิบายความหมาย คำศพั ท์ ถูกต้องสมบรู ณ์ เกือบถูกตอ้ ง ไมไ่ ด้ เกณฑ์การประเมิน ๙ – ๑๒ ระดับคณุ ภาพ ดี ช่วงคะแนน ๕–๘ ระดับคุณภาพ พอใช้ ช่วงคะแนน ตำ่ กวา่ ๕ ระดบั คณุ ภาพ ปรับปรงุ ชว่ งคะแนน

๔๔ แบบประเมินการอ่านจบั ใจความ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ โรงเรยี น.................................... สำนักงานเขตการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน.............................. ................................ ภาคเรียนที่.....................ปีการศกึ ษา ........................................... เร่อื ง ....................................................... ประเมนิ คร้งั ท่ี ............... วันท่ี ................... เดือน .............................................. พ.ศ...................... ___________________________________________________________ คำช้ีแจง ครปู ระเมินพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการอ่าน ให้คะแนนลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมของนกั เรยี น เลขท่ี ชอื่ -สกุล ตอบคำถามจากเรื่อง ่ทีอ่าน สรปุ ผล บอกความสำคัญของเรื่องที่อ่าน รวม การประเมนิ บอก ้ขอคิดจากเร่ือง ่ทีอ่าน แสดงความคิดเ ็หนจากเรื่อง ี่ท ่อาน ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ดี พอใช้ ปรับปรงุ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ลงช่อื ............................................................ผ้ปู ระเมิน (....................................................)

๔๕ เกณฑ์การประเมินความสามารถในการอา่ นจบั ใจความ รายการประเมิน ๓ เกณฑ์การให้คะแนน ๑ ตอบคำถามถกู ต้องทกุ ข้อ ๑. ตอบคำถามจาก ๒ ตอบผดิ มากกวา่ ๓ ข้อ เรอ่ื งทอี่ า่ น ใน ๕ ข้อ ตอบคำถามผดิ ไมเ่ กิน ๓ ขอ้ ใน ๕ ข้อ ๒. บอกความสำคัญ บอกเน้อื หาสาระถูกตอ้ งได้ บอกเน้ือหาสาระถกู ต้อง บอกเนื้อหาสาระไดบ้ ้าง ของเรอื่ งทอี่ า่ น ใจความต่อเนือ่ ง ได้แตว่ กวน ๓. บอกขอ้ คดิ จาก บอกข้อคดิ ได้ตรงประเดน็ บอกขอ้ คดิ ได้ตรง บอกข้อคดิ ไดบ้ ้างแต่ เรอื่ งท่อี ่าน สมบูรณ์ ประเดน็ แต่ไมต่ ่อเนื่อง วกวน ๔. แสดงความคดิ เห็น เสนอความคิดเห็นดว้ ย เสนอความคิดเหน็ ได้ เสนอความคิดเหน็ แตไ่ ม่ อย่างมีเหตผุ ล แสดงเหตุผล จากเรอ่ื งทอี่ ่าน เหตุผลและเป็นประโยชน์ แต่ไม่ครอบคลุมทุก ครอบคลุมทกุ ประเด็น ประเด็น เกณฑก์ ารประเมิน หมายถึง ดี ๙ – ๑๒ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๕ – ๘ คะแนน ๑ – ๔ คะแนน หมายถึง ปรับปรุง

๔๖ แบบประเมนิ การอ่านร้อยแก้ว กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ โรงเรยี น.................................... สำนักงานเขตการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน.............................. ................................ ภาคเรียนท่ี.....................ปกี ารศกึ ษา ........................................... เรื่อง ....................................................... ประเมนิ คร้ังที่ ............... วนั ที่ ................... เดอื น .............................................. พ.ศ...................... ___________________________________________________________ คำชี้แจง ครูประเมินพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขยี น ใหค้ ะแนนลงในชอ่ งทต่ี รงกบั พฤตกิ รรมของนกั เรียน เลขท่ี ชอ่ื -สกุล ัอกขรวิ ีธ สรุปผล รวม การประเมิน การแบ่งวรรคตอน ุบค ิลกภาพ ่ทาทางในการอ่าน น้ำเ ีสยงในการ ่อาน ๓ ๓๓ ๙ ดี พอใช้ ปรับปรงุ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ลงชอ่ื ............................................................ผ้ปู ระเมนิ (....................................................)

๔๗ เกณฑก์ ารประเมินการอ่านรอ้ ยแกว้ รายการประเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ๓ ๒๑ ๑.อกั ขรวิธี อ่านถกู ตอ้ งทุกคำ ออก อ่านผิดไมเ่ กนิ ๕ คำ ออก อา่ นผิดมากกวา่ ๕ คำ เสยี ง ร ล ชดั เจน เสียง ร ล ชัดเจน ๒.แบง่ วรรคตอน แบง่ วรรคตอนถกู ต้องทุก แบง่ วรรคตอนผิด แบง่ วรรคตอนผิด วรรค ๓ – ๔ แหง่ มากกวา่ ๔ แหง่ ๓.บุคลิกภาพ นั่งในท่าทเ่ี หมาะสม นงั่ ในท่าทเี่ หมาะสม น่งั ในท่าทีไ่ ม่เหมาะสม ท่าทางในการอ่าน ใช้สายตามองกวาด ใช้สายตามองกวาด ใช้นิ้วช้ีตามตวั อักษร ตวั หนังสอื ไมช่ ี้หรอื ตวั หนังสือ ถกู ตอ้ งเปน็ สว่ นใหญ่ และสา่ ยหน้าตาม ส่ายหนา้ ตามตัวอักษร ตัวอกั ษร ๔.นำ้ เสียงในการ น้ำเสียงชัดเจนนุ่มนวลน่า น้ำเสยี งชดั เจนนุ่มนวลนา่ น้ำเสียงไม่ชัดเจน ขาด อา่ น ฟัง ฟังเปน็ ส่วนใหญ่ ความมั่นใจในการอ่าน เกณฑก์ ารประเมิน หมายถึง ดี ๙ – ๑๒ คะแนน หมายถงึ พอใช้ ๕ – ๘ คะแนน ๑ – ๔ คะแนน หมายถึง ปรบั ปรุง

๔๘ แบบสงั เกตความสนใจและความต้งั ใจในการทำกจิ กรรมของนกั เรียน ชือ่ นักเรยี น....................................................................ชน้ั ..................... กิจกรรม......................................................................วนั ท่ี ............................................... รายการ ปฏิบตั ิ ไมป่ ฏบิ ัติ ๑. เริ่มต้นงานทไี่ ดร้ บั มอบหมายทนั ที ๒. ทำงานเสร็จเรียบร้อยตามเวลาที่กำหนด ๓. ขอคำแนะนำจากครูหรอื เพอื่ นเมื่อไมเ่ ขา้ ใจ ๔. ทำกจิ กรรมดว้ ยความสนุกสนานและเต็มใจ ๕. มีสว่ นร่วมในการทำกจิ กรรมอย่างสม่ำเสมอ ๖. ชว่ ยเหลอื แนะนำเพ่อื นในการทำกิจกรรมตามสมควร ๗. สนใจศึกษาหาความรเู้ พิม่ เติมดว้ ยตนเอง รวมคะแนน หมายเหตุ เกณฑ์การผ่านการทำกิจกรรมจากแบบสงั เกต ดังนี้ ปฏิบตั ิได้ ๕ – ๗ รายการ ผลการประเมนิ อยใู่ นระดบั ดี ปฏิบตั ไิ ด้ ๓ – ๔ รายการ ผลการประเมนิ อยู่ในระดับ พอใช้ ปฏบิ ตั ไิ ด้ ๐ – ๒ รายการ ผลการประเมิน ควรปรับปรงุ

๔๙ บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1) สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นกั เรียนนไ่ี ม่ผา่ น มีดังน้ี 1............................................. 2......................................................... 3............................................. 4......................................................... แนวทางแก้ไขนักเรียนทไ่ี ม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ................................................................... 2. นักเรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจ (K).................................................................................................... 3. นักเรียนมคี วามรู้เกดิ ทักษะ (P)...................................................................................................... 4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม (A).......................................................................... 2) ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………… .3) ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ.................................................. (นางอรวรรณ ปานจำรญู ) ตำแหนง่ ครู ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ.............................................................แล้วมีความเหน็ ดังนี้ 1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกิจกรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้  เนน้ ผู้เรียนเปน็ สำคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม  ยงั ไมเ่ นน้ ผู้เรียนเปน็ สำคัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่  นำไปใช้ไดจ้ รงิ  ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ ..................................................................... ลงช่ือ.................................................. (นางสาวกนั ยาภัทร ภัทรโสตถิ) ผู้อำนวยการโรงเรยี นวัดพชื นมิ ิต (คำสวัสด์ิราษฎร์บำรงุ )


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook