หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 14 เรือ่ ง มารว่ มเลา่ เรื่องจากเมืองใต้ กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทยรายวิชา ภาษาไทยรหสั วชิ า ท ๑๔๑๐๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ นางอรวรรณ ปานจำรญู ครูผู้สอน โรงเรียนวดั พืชนมิ ติ (คำสวสั ดิร์ าษฎร์บำรุง) ตำบลคลองหน่งึ อำเภอคลองหลวง จังหวดั ปทมุ ธานี สำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาปทมุ ธานี เขต ๑
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 14 เรื่อง มารว่ มเลา่ เรื่องจากเมืองใต้ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย รายวิชา ภาษาไทย รหัส ท ๑๔๑๐๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ เวลา ๑๓ ชว่ั โมง .................................................................................................................................................. แผนการเรยี นรทู้ ่ี ๑ อ่านมากรูม้ ากวิเคราะห์ถูก เวลา ๒ ช่ัวโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้ีวัด มาตรฐาน ท๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคดิ เพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ญั หาในการ ดำเนนิ ชีวติ และมนี สิ ัยรกั การอ่าน ตวั ชี้วดั ท ๑.๑ ป.๔/๑ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทรอ้ ยกรองไดถ้ ูกต้อง มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดอุ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และ ความรู้สกึ ในโอกาสต่างๆอยา่ งมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์ ตัวชว้ี ดั ท ๓.๑ ป. ๔/๑ จำแนกขอ้ เทจ็ จริงและข้อคดิ เหน็ จากเรื่องทีฟ่ ังและดู ๒. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง สามารถแยกขอ้ เท็จจริงคาดคะเนเหตุการณ์จากเรอ่ื งที่อ่านและสรปุ ข้อคิด เพ่อื นำไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ นกั เรยี นสามารถสรปุ ใจความสำคัญและสรุปข้อคิดจากบทรอ้ ยกรองได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ การแยกข้อเท็จจรงิ ๓.๒ การคาดคะเนเหตกุ ารณ์ ๓.๓ การสรปุ ข้อคิด ๔. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ๔.๑ ความสามารถในการคิด ๔.๒ ความสามารถในการส่อื สาร ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต ๕. ลกั ษณะอนั พึงประสงค์/ ค่านิยม ๕.๑ มวี นิ ัย ๕.๒ ใฝเ่ รียนรู้ ๕.๓ ม่งุ มัน่ ในการทำงาน ๖. ช้ินงาน/ภาระงาน การสรุปขอ้ คดิ
๗. การวัดประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารผ่าน วธิ กี าร ๑. แบบทดสอบจำนวน ๑๐ ข้อ นกั เรยี นจะตอ้ งผ่านเกณฑ์ ๑. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น ๒.แบบประเมินการสรปุ ข้อคิด ร้อยละ ๖๐ ๒. ประเมนิ การสรปุ ข้อคดิ ๘. กจิ กรรมการเรียนรู้ (ใชก้ ระบวนการสรา้ งความรู้) ชั่วโมงที่ ๑ ขั้นท่ี ๑ ขน้ั แนะนำ ทดสอบก่อนเรยี น จำนวน ๑๐ ข้อ 1. ครูแจง้ จดุ ประสงคใ์ นการเรียนให้นักเรยี นทราบ ข้ันที่ ๒ ขัน้ ทบทวนความรเู้ ดิม 2. นกั เรยี นอ่านออกเสียงทีละคน เพื่อดทู ักษะการอา่ นของนกั เรียนแตล่ ะคน 3. ครูสาธติ การอ่าน ร้อยแก้วให้นกั เรยี นฟงั 4. นกั เรยี นซักถามกันเกย่ี วกับเนื้อเร่ือง เพอ่ื ให้เข้าใจเนอื้ เรอ่ื งท่อี า่ นมากขน้ึ โดยใชแ้ นวคำถาม ต่อไปน้ี ๑) ใคร ๒) ทำอะไร ๓) ทีไ่ หน ๔) ผลเป็นอย่างไร ๕) นกั เรียนอา่ นเรอ่ื งน้ีแลว้ รูส้ กึ อยา่ งไร ได้ขอ้ คิดอะไรบ้าง 5. ให้นักเรียนชว่ ยกันสรปุ สาระสำคัญในการอ่าน 6. นกั เรียนอาสาสมคั ร ๒–๓ คน ออกมาเลา่ เรือ่ งทอ่ี า่ นให้เพือ่ นฟงั หนา้ ชัน้ เรยี น เพือ่ น ๆ ช่วยกนั สรปุ โดยเขียนเปน็ แผนภาพความคิด ชัว่ โมงที่ ๒ ขน้ั ท่ี ๓ ขน้ั ปรบั เปล่ียนความคิด 7. นักเรียนจับคู่ฝกึ อา่ นออกเสยี งคำใหม่ในบทเรยี น จำนวน ๑๐ คำ โดยอ่านแบบสะกดคำจน คลอ่ ง 8. นักเรียนเขยี นตามคำบอกจากคำใหม่ในบทเรยี นตามทค่ี รกู ำหนดให้ แลว้ สลับกันตรวจกับ เพ่อื น 9. นกั เรยี นจับคู่แตล่ ะคชู่ ่วยกนั เปิดหาความหมายของคำในข้อ 7 จากพจนานกุ รมและ ชว่ ยกนั เขยี นอธบิ ายความหมายของแต่ละคำโดยคัดตัวบรรจงครึ่งบรรทัดพรอ้ มบอกความหมาย 10. นักเรยี นทำกจิ กรรมทเ่ี ก่ยี วกับเนือ้ เร่อื งท่ีอา่ นจากหนังสือเรยี นภาษาไทยชัน้ ประถมศกึ ษา ปีที่ ๔ 11. นกั เรียนฝึกอา่ นบทรอ้ ยกรองจากบทเรยี น โดยอ่านเป็นกลุ่ม และอ่านทลี ะคน
ขั้นที่ ๔ ขัน้ ทบทวน 12. นกั เรยี นนำความร้แู ละขอ้ คดิ จากเรอ่ื ง ในหนังสือเรียนภาษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน 13. นักเรียนช่วยกันสรุปสาระสำคัญเร่อื งที่อ่านในหนังสือเรียนภาษาไทย และบอกขอ้ คดิ ท่ไี ด้ จากเร่ืองทอ่ี า่ น ๙. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ ๑. แบบทดสอบกอ่ นและหลังเรยี น ๒. พจนานุกรม 3. หนงั สือเรยี น รายวชิ าพื้นฐาน ภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๔ 4.แบบฝกึ ทกั ษะ รายวิชาพ้นื ฐาน ภาษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ ๑๐. ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………
แบบประเมินการอ่านและสรปุ ขอ้ คดิ ประเมินครั้งท่.ี ...................ภาคเรียนที.่ ......................................ปีการศึกษา...................... ช่อื ..................................................................เลขท.่ี ......................ช้นั .............................. กลมุ่ สาระการเรยี นร.ู้ ....................................................................................................... ระดับการปฏบิ ัติ พฤตกิ รรมบง่ ช้ี 12 3 4 5 1. ร้จู กั คิดดว้ ยตนเอง 2. คดิ ในสง่ิ ทถี่ กู ที่ควร 3. คดิ ในเชิงสรา้ งสรรค์ 4. เหน็ คณุ ค่าและนำไปใชป้ ระโยชน์ 5. รูจ้ ักการแยกขอ้ มลู และการเกบ็ ขอ้ มูล 6. สามารถแยกแยะผลดีผลเสยี ของข้อมูล 7. สามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชนไ์ ด้ สรุปภาพรวม รวม เฉล่ีย ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ วันท.่ี ......................เดือน................................................พ.ศ............................ (ลงชอื่ ).......................................................................ผปู้ ระเมิน (.......................................................................)
แผนการเรียนรทู้ ่ี ๒ สรุปเรอ่ื งทอ่ี า่ นผา่ นแผนภาพโครงเร่ือง เวลา ๒ ชั่วโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชีว้ ัด มาตรฐาน ท.๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรแู้ ละความคดิ เพอ่ื นำไปใชต้ ดั สนิ ใจ แก้ปัญหาในการ ดำเนินชีวติ และมนี สิ ยั รักการอ่าน ตวั ชว้ี ัด ท ๑.๑ ป.๔/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ประโยคและสำนวนจากเรือ่ งท่อี ่าน ท ๑.๑ ป.๔/๗ อ่านหนังสือท่ีมีคุณค่าตามความสนใจอยา่ งสม่ำเสมอและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรือ่ งทีอ่ า่ น มาตรฐาน ท. ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขียนสื่อสารเขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราวใน รูปแบบตา่ งๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นควา้ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ตัวชวี้ ดั ท ๒.๑ ป.๔/๓ เขยี นแผนภาพโครงเร่อื งและแผนภาพความคิดเพื่อใช้พฒั นางานเขียน ๒. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด อา่ นหนังสอื ทีม่ คี ณุ ค่าและบอกความหมายของคำประโยคและสำนวนจากเรือ่ งทีอ่ ่าน ใชก้ ระบวนการ เขยี นสามารถเขียนแผนภาพความคิดเพือ่ ใช้พัฒนางานเขียน จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑ อธบิ ายความหมายของคำ ประโยคและสำนวนจากเรอ่ื งทอ่ี ่านถกู ตอ้ งชดั เจน ๒ เขยี นบันทึกและสรปุ ใจความสำคัญโดยใช้แผนภาพโครงเร่อื งได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความหมายของคำ ประโยคและสำนวน ๓.๒ การสรปุ ใจความสำคัญ ๓.๓ การทำแผนภาพโครงเรือ่ ง ๔. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ๔.๑ ความสามารถในการคดิ ๔.๒ ความสามารถในการสื่อสาร ๕. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์/ค่านยิ ม ๕.๑ ใฝเ่ รยี นรู้ ๕.๒ มงุ่ มั่นในการทำงาน ๖. ชิน้ งาน/ภาระงาน เขียนแผนภาพโครงเรื่อง ๗. การวัดประเมนิ ผล วิธกี าร เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารผ่าน ๑. ตรวจผลงานนกั เรยี น ๑. แบบประเมนิ ผลงานนักเรียน นกั เรยี นจะต้องผา่ นเกณฑ์ ๒. ตรวจผลงานการทำแผนภาพ ๒. แบบประเมนิ การทำแผนภาพ ร้อยละ ๖๐ โครงเรือ่ ง โครงเรื่อง
๘. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (ใชก้ ระบวนการเรียนรู้จากประสบการณจ์ รงิ ) ชั่วโมงที่ ๑ ข้ันท่ี ๑ ขั้นเรียนรจู้ ากประสบการณ์ 1. ครูนำนกั เรียนศกึ ษาแหล่งเรยี นร้ทู ่ีหอ้ งสมุดโรงเรยี น 2. ให้นักเรยี นเลอื กอ่านหนังสือตามความสนใจ พรอ้ มบันทกึ เรือ่ งทีอ่ ่าน ขั้นท่ี ๒ ขน้ั ศกึ ษาแนวคดิ 3. นกั เรยี นศึกษาใบความรเู้ ร่ืองการเขยี นสรุปเรอ่ื งเปน็ แผนภาพโครงเร่ือง 4. นกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายเพอ่ื สรุปความรู้และบนั ทึกการอา่ นลงในใบงาน 5. แบ่งกลมุ่ นักเรียนออกเป็น ๕ กลมุ่ โดยใช้เพลงรวมเงนิ 6. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่ม อา่ นหนงั สอื กลมุ่ ละประเภท เช่น นิทาน สารคดี วรรณคดี ฯ 7. แต่ละกลุ่มรว่ มกันต้งั คำถาม และตอบคำถามจากเรือ่ งท่อี ่าน 8. เขียนคำถามและคำตอบลงในกระดาษเอ ๔ ทีค่ รูแจกให้ ชั่วโมงที่ ๒ ขั้นที่ ๓ ขั้นฝกึ ปฏบิ ัติ 9. ระดมความคิดเกีย่ วกบั คำถามและคำตอบวา่ คำถามใดซำ้ กัน คำถามไหนแตกตา่ งจาก เพือ่ นๆ 10. นำคำถามคำตอบทรี่ ่วมกนั วิเคราะหแ์ ลว้ เขยี นลงในการดาษชาร์ทท่ีครูแจก 11. นำคำถามและคำตอบสรุปเปน็ แผนภาพโครงเร่อื ง โดยเขียนลงในกระดาษชาร์ท 12. ตัวแทนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอหน้าช้ันเรยี น ขั้นท่ี ๔ ขั้นนำไปใช้ 13. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ฝกึ การสรุปเรื่องโดยการทำแผนภาพโครงเรอื่ งสง่ เปน็ การบา้ นคนละ หนึ่งเรื่อง 14. นกั เรียนนำความรู้และข้อคดิ จากเรอ่ื งในหนังสอื ท่นี ักเรยี นอา่ นไปใช้ในชวี ติ ประจำวัน 15. นกั เรียนช่วยกนั สรปุ สาระสำคญั เรอ่ื งทอ่ี ่านจากแผนภาพโครงเรอื่ ง ๙. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ 9.๑. ใบงาน เรอื่ ง การสรปุ ความโดยใชแ้ ผนภาพโครงเร่อื ง '9.๒. ใบความรู้เรื่อง แผนภาพโครงเรื่อง 9.๓. ห้องสมุดโรงเรียน 9.๔. กระดาษชารท์ 9.๕. กระดาษ เอ ๔ ๑๐. ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบความรเู้ ร่อื ง การเขยี นแผนภาพโครงเรื่อง การเขยี นแผนภาพโครงเรอื่ ง เป็นการเขียนท่ีแสดงให้เห็นโครงเรือ่ งโดยรวมทัง้ เรื่อง ทำให้ จบั ใจความสำคัญของเรอื่ งทีอ่ า่ นได้ดยี ิง่ ขึน้ การเขียนแผนภาพโครงเร่อื ง ต้องอาศยั การต้งั คำถามและ ตอบคำถามจากเร่อื งทีอ่ ่านว่า ตวั ละครในเร่ืองมใี ครบ้าง สถานท่เี กิดเหตกุ ารณค์ อื ท่ีไหน มีเหตุการณ์ อะไรเกิดขนึ้ ผลของเหตุการณน์ ั้นคืออะไร ตัวอยา่ ง การเขยี นแผนภาพโครงเรื่อง เร่ือง กากบั สนุ ัขจ้ิงจอกเจา้ เล่ห์ อีกาตวั หนง่ึ กำลังหวิ มันจึงบินออกหาอาหาร มนั เหลอื บไปเหน็ เน้อื ช้ินหนึ่งหลน่ อยู่มนั จงึ ใชป้ ากคาบเนื้อช้ินนน้ั ข้ึนมา แลว้ บนิ ไปเกาะทตี่ ้นไม้ต้นหนงึ่ สุนขั จง้ิ จอกตัวหนึ่งเดนผา่ นมาเห็น อีกาคาบเนอื้ อยู่ในปาก มนั อยากกินเน้ือชิ้นนน้ั มนั จึงเอย่ ปากทักอกี าวา่ \\\"สวัสดีครับคณุ กา คุณช่างสง่างามอะไรอยา่ งนี้ ขนของคุณกด็ ูสวยงามมาก\\\" อกี ารสู้ ึก ชอบใจมาก มนั มองดูขนของตวั เองอย่างภูมใิ จ สนุ ัขจ้ิงจอกจึงพดู ตอ่ ไปวา่ \\\"คุณคงมีเสียงท่ไี พเราะมาก คุณคงรอ้ งเพลงเพราะด้วยใชไ่ หม\\\" อกี ารีบผงกหัวรับ \\\"ถา้ อย่างน้นั คณุ ช่วยร้องเพลงใหผ้ มฟงั สักหน่อยเถิดครับ\\\" อีกาจึงอ้าปากจะรอ้ งเพลง พอมันอา้ ปาก เนอ้ื กห็ ลดุ จากปากตกลงทีพ่ นื้ สุนขั จง้ิ จอกจงึ รบี คาบเนื้อช้ินนั้นแลว้ วิ่งหนีไป แผนภาพโครงเรือ่ ง ของนทิ านเร่อื ง กากับสนุ ขั จิ้งจอกเจ้าเลห่ ์ ตัวละครในเร่อื ง : อีกา และสนุ ัขจง้ิ จอก สถานที่ : ต้นไม้ต้นหน่งึ เหตุการณ์ท่เี กดิ ขึ้น : อีกาซงึ่ กำลงั คาบเนอ้ื อย่ใู นปาก หลงเชื่อคำพูดของสนุ ขั จง้ิ จอกที่ชมว่าอีกามี เสียงไพเราะ จงึ อา้ ปากจะรอ้ งเพลงใหส้ ุนขั จิง้ จอกฟัง ผลของเหตุการณ์ : ทำให้ชิน้ เนื้อทอ่ี กี าคาบมาหล่นจากปาก สนุ ัขจง้ิ จอกจงึ มาคาบเน้ือไปกนิ แทน ทีม่ าและไดร้ ับอนุญาตจาก :เอกรนิ ทร์ ส่ีมหาศาล และคณะ. ภาษาไทย ป.๕. พิมพค์ รั้งที่ ๓. กรงุ เทพฯ: อักษรเจรญิ ทัศน์.
การเขยี นแผนภาพโครงเรื่อง ใคร……………………………………………………………………………………………................................................................................... ท่ไี หน ……………………………………………………..................................................................................................... เหตกุ ารณ์ เหตกุ ารณ์ที่ ๑ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... เหตุการณ์ที่ ๒ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... เหตกุ ารณท์ ่ี ๓ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... เหตกุ ารณท์ ่ี ๔ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ผลของเหตุการณ์ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ข้อคิดจากเรื่อง ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ช่ือ........................................นามสกุล..........................................เลขท.่ี .....................
แบบประเมนิ การเขียนแผนภาพโครงเร่อื ง คำชแี้ จง ครปู ระเมินพฤติกรรมของนกั เรยี นในการทำกจิ กรรม และให้คะแนนลงในช่องท่ตี รงกบั พฤติกรรม ของนกั เรียน รายการประเมิน เลขที่ ชอื่ – สกลุ ลำดับความ ิคด เห ุตการ ์ณอย่าง ่ตอเน่ือง รวม สรุปผล จับประเ ็ดนสำคัญของเ ่ืรองไ ้ด ูถก ้ตอง การประเมิน การใช้ภาษากระ ัชบ ัชดเจน ุสภาพ ูถก ้ตอง การเขียนสะกด ูถก ้ตอง การเ ้วนวรรคตอน ูถก ้ตอง ความสะอาด สวยงาม เรียบ ้รอย ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๘ ผา่ น ไมผ่ า่ น ๑ ร้อยละ ๖๐ ขน้ึ ไป (๑๑ คะแนนขน้ึ ไป) ๒ ๑๕ – ๑๘ คะแนน ๓ ๑๑ – ๑๔ คะแนน ๐ – ๑๐ คะแนน ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ เกณฑก์ ารประเมิน ระดับ ดี ระดับ พอใช้ ระดับ ปรบั ปรุง ลงช่อื ................................................ผูป้ ระเมิน ( ........................................)
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบประเมนิ การเขยี นแผนภาพโครงเรอื่ ง (Rubrics) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ขัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ ประเดน็ การประเมิน ๓ เกณฑ์การประเมนิ ๑ ลำดับความคิด ลำดับ ๑. ลำดับความคิด ลำดับความคิด ลำดับ ๒ เหตุการณไ์ ม่ตอ่ เนื่อง วกวน เหตุการณอ์ ย่างต่อเนอื่ ง เหตกุ ารณ์ได้อยา่ ง ลำดบั ความคิด ลำดับ บกพร่องเกนิ ตอ่ เนอ่ื ง เหมาะสม เหตกุ ารณไ์ ม่ต่อเนอื่ ง ๒ ตำแหนง่ บกพรอ่ ง ๒ ตำแหน่ง ๒. จับประเด็นสำคัญของ จับประเด็นสำคัญของ จบั ประเด็นสำคัญของเร่อื ง จับประเด็นสำคัญของเร่ือง ไมถ่ กู ตอ้ ง เรอ่ื งได้ถูกต้อง เรือ่ งได้ถกู ตอ้ ง ได้ถกู ต้องเปน็ บางส่วน การใชภ้ าษา ไมก่ ระชับ ไม่ ๓. การใชภ้ าษากระชบั การใช้ภาษา กระชบั การใช้ภาษา กระชบั ชดั เจน ไมส่ ภุ าพและไม่ ชัดเจน สุภาพถูกต้อง ชดั เจน สุภาพถกู ต้อง ชัดเจน สภุ าพถูกต้องเป็น ถกู ต้อง เหมาะสมตลอดท้ังเร่อื ง บางสว่ น เขียนคำ ประโยค และ เขียนคำ ประโยค และ ๔. การเขยี นคำ ประโยค เขียนคำ ประโยค และ ข้อความ ไม่ถกู ต้องตาม ข้อความ ไมถ่ กู ต้องตาม อกั ขรวธิ ี ๒ ตำแหน่ง อกั ขรวิธี ๓ ตำแหนง่ ขึน้ ไป และข้อความ ข้อความ ไดถ้ กู ตอ้ งตาม เขียนเว้นวรรคตอน เขียนเวน้ วรรคตอนไม่ ไม่ถูกตอ้ ง ๒ ตำแหนง่ ถูกต้องเกิน ๓ ตำแหน่ง อักขรวธิ ีตลอดทง้ั เรือ่ ง ข้ึนไป ลายมอื ไม่เปน็ ระเบยี บ ๕. การเวน้ วรรคตอน เขียนเวน้ วรรคตอน ผลงานมีรอยลบ ขีดฆา่ ลายมอื ไม่เป็นระเบียบ ถกู ต้อง ถูกต้องตลอดเรื่อง ไมส่ ะอาด ๒ ตำแหน่ง ผลงานมรี อยลบ ขีดฆ่า ไมส่ ะอาด ๓ ตำแหนง่ ข้นึ ๖. ความสะอาด ผลงานสะอาด เปน็ ไป สวยงาม เปน็ ระเบยี บ ระเบียบ ลายมอื เป็น เรยี บร้อย แบบเดยี วกันตลอดทง้ั เรือ่ ง
แผนการเรียนรูท้ ี่ ๓ เรอื่ ง อา่ นมากร้คู วามหมายรายงานถูก เวลา ๒ ชั่วโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชีว้ ัด มาตรฐาน ท. ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสอื่ สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรอื่ งราวใน รปู แบบต่างๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ตัวชี้วัด ท. ๒.๑ ป.๔/๓ เขยี นแผนภาพโครงเร่อื งและแผนภาพความคิดเพื่อใชพ้ ฒั นางานเขยี น ท. ๒.๑ ป๔/๖ เขยี นบนั ทึกและเขยี นรายงานจากการศกึ ษาคน้ ควา้ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดอู ยา่ งมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และ ความร้สู กึ ในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวช้วี ดั ท ๓.๑ ป.๔/5 รายงานเร่อื งหรือประเดน็ ท่ศี ึกษาค้นควา้ จากการฟงั การดูและการสนทนา ๒. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การเขียนรายงานต้องปฏิบตั ิให้ถูกตอ้ งและมมี ารยาทในการเขยี นเพ่อื จะได้รายงานท่ีสมบูรณ์เม่ือเขยี น เสรจ็ ต้องมีการพูดรายงาน ซงึ่ การพดู รายงานตอ้ งมีหลกั ในการพูด จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. เขยี นรายงานไดต้ ามหลักการเขยี นและมีมารยาทในการเขียน ๒. พูดนำเสนอรายงานในเร่อื งท่เี ขยี นได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ หลกั การเขยี นบันทกึ ๓.๒ หลักการพดู รายงาน ๔. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน ๔.๑ ความสามารถในการคิด ๔.๒ ความสามารถในการส่อื สาร ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๕. ลักษณะอันพึงประสงค์/ค่านยิ ม ๕.๑ มีวินยั ๕.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๕.๓ ม่งุ มนั่ ในการทำงาน ๖. ช้นิ งาน/ภาระงาน ๖.๑ เขยี นบันทึกความรู้ ๖.๒ การพูดรายงาน ๗. การวัดประเมินผล วิธีการ เครื่องมอื เกณฑก์ ารผา่ น ประเมินการบนั ทึกความรู้ แบบประเมนิ บันทึกความรู้ นกั เรียนจะตอ้ งผา่ นเกณฑ์ ร้อยละ ๖๐ ประเมนิ การพดู รายงาน แบบประเมนิ การพดู รายงาน ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
๘. กิจกรรมการเรียนรู้(กระบวนการสร้างความรู้) ชั่วโมงที่ ๑ ข้นั ที่ ๑ ขัน้ แนะนำ ๑. ครสู นทนาซักถามเกี่ยวกับประสบการณใ์ นการเขยี นของนักเรยี น โดยครใู ช้คำถามกระต้นุ ให้นกั เรียนตอบ โดยครูอาจสมุ่ เรียกถามทีละคน เชน่ - นกั เรยี นเคยเขียนงานประเภทใดบา้ ง (เรยี งความ คำอวยพร เขยี นจดหมาย) - นักเรยี นมขี ้อปฏิบัตใิ นการเขยี นอย่างไรบ้าง ข้ันที่ ๒ ขนั้ ทบทวนความรูเ้ ดิม ๒. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาเก่ยี วกบั การเขียน และการเขียนรายงาน ๓. นกั เรยี นศึกษาความรู้เรื่องการเขยี นรายงานและการพดู รายงาน จากหนงั สอื เรียนแลว้ ครู อธบิ ายให้นกั เรยี นฟงั เพ่ิมเติม ขัน้ ท่ี ๓ ขน้ั ปรบั เปลยี่ นความคิด ๔. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสนทนาเกีย่ วกับแหล่งข้อมูลต่างๆ ท่เี ราสามารถใช้ในการศึกษาเพ่ือ ทำรายงาน โดยใช้คำถามกระตุน้ ใหน้ กั เรยี นตอบ เชน่ - เราจะค้นควา้ ขอ้ มลู จากแหล่งการเรียนรใู้ ดไดบ้ ้าง (ห้องสมุด อนิ เตอร์เนต็ ) ๕. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ สาระสำคญั ของเรอ่ื ง การเขียนรายงานและการพูดรายงาน และใหน้ ักเรียนชว่ ยกันบอกขั้นตอนในการเขียนและการพดู รายงาน ๖. นักเรยี นทำแบบฝกึ หัดในหนงั สือแบบฝกึ หดั โดยเขียนขัน้ ตอนการเขยี นรายงาน และข้อ ควรปฏิบัติของการพูดรายงาน ช่ัวโมงท่ี 2 ขน้ั ที่ ๔ ขนั้ ประเมินความคิดใหม่ ๗. นกั เรียนเขา้ กลมุ่ ตามความเหมาะสม เพ่อื ทำชิ้นงาน/ภาระงานเรื่องการเขียนบนั ทึกและ การพดู รายงาน โดยให้แตล่ ะกลุ่มเลอื กหวั ข้อเร่ืองเพื่อทำรายงาน กลุม่ ละ ๑ เรอ่ื ง ตามท่ีกำหนด จัดทำเป็น รปู เล่มใหเ้ รยี บร้อย พรอ้ มส่งตัวแทนออกมาพูดรายงานท่หี น้าช้ันเรยี น หวั ขอ้ รายงานมีดงั นี้ - มาตราตวั สะกด - สำนวนไทย - การแต่งคำประพันธ์ - เพลงพ้นื บา้ น ๘. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ ค้นควา้ หาข้อมูล และเขียนรายงานเพ่ือจดั ทำเป็นรูปเล่ม ขน้ั ที่ ๕ ขัน้ นำความคิดไปใช้ ๙. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สนทนาเก่ยี วกบั เรื่อง หลกั ปฏิบตั ใิ นการพูดนำเสนอรายงาน ๑๐. ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกนั เตรียมขอ้ มูล และสอ่ื ประกอบการพูดรายงาน พรอ้ มทั้ง ใหต้ วั แทนของกล่มุ ซกั ซอ้ มการพูดรายงานหน้าช้ันเรียนใหเ้ พอื่ นในกล่มุ ฟงั เพ่ือใหเ้ พอื่ นในกลุ่มให้คำแนะนำใน การปรับปรุงแก้ไข ๑๑. ตัวแทนของแตล่ ะกลมุ่ ออกมาพูดรายงานเรอ่ื งท่ีศึกษาทหี่ น้าชั้นเรยี น และส่งรูปเล่ม รายงานให้ครตู รวจ เพือ่ นกลมุ่ อืน่ ร่วมกันแสดงความคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะเกีย่ วกับรายงานทีเ่ พ่อื นนำเสนอ ๑๒. นักเรยี นทำกิจกรรมรวบยอดในหนงั สือแบบฝึกหดั โดยเขยี นอธบิ ายสว่ นประกอบของ รายงานตามที่กำหนดให้
๙. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้ 9.๑ หนังสอื เรียนรายวิชาพืน้ ฐานภาษาไทย ชุดภาษาเพอ่ื ชวี ิต ภาษาพาที ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ 9.๒ ใบความรู้ 9.๓ ห้องสมดุ โรงเรียน 9.4 ใบงาน 9.5 กระดาษ เอ ๔ ๑๐. ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
การเขยี นบันทกึ ความรู้ การเขยี นบันทกึ ความรู้แบ่งออกเป็น ๒ ลกั ษณะ คือ ๑. การเขยี นบันทกึ จากการอ่าน ๒. การเขียนบันทึกจากการฟัง การเขยี นบนั ทกึ จากการอา่ น ควรจดั ทำอย่างเปน็ ระเบยี บ เพือ่ สะดวกในการค้นคว้า จงึ ควรใช้กระดาษขนาดเดียวกนั อาจใช้ กระดาษสมุดธรรมดาตดั คร่งึ หรือซ้อื จากที่เขาตัดไว้แล้ว ซงึ่ มหี ลายขนาด และหนากว่ากระดาษสมดุ การ บนั ทึกหวั ข้อหนง่ึ ควรใชก้ ระดาษแผ่นหนึ่ง โดยเขยี นด้านเดียว ถ้าแผ่นหนงึ่ ไม่พอกต็ ่อแผน่ ตอ่ ไป ส่วนประกอบของใบบนั ทกึ จากการอ่าน ประกอบดว้ ย ๑. หวั ขอ้ เรื่องท่บี ันทกึ ใหเ้ ขียนไว้มมุ ขวาของกระดาษ ๒. แหลง่ ทม่ี าของความรู้ ให้เขียนตามแบบบรรณานุกรม ๓. เนื้อหาสาระของความรู้ ซึ่งอาจบันทกึ ในลกั ษณะใดลกั ษณะหน่ึงดงั นี้ ๓.๑ คดั ลอก ใหใ้ สไ่ ว้ในเครอื่ งหมายอัญประกาศ “ ” โดยขอ้ ความนั้น ตอ้ งเหมือนตน้ ฉบับเดมิ ทกุ ประการ โดยคัดลอกมาเฉพาะสว่ นท่ีเหน็ วา่ จำเป็นเทา่ นั้น ๓.๒ ย่อ ต้องไดใ้ จความเหมอื นเดมิ ๓.๓ สรปุ เอามาเฉพาะหวั ขอ้ สำคัญ ตวั อยา่ งท่ี ๑ การบนั ทกึ โดยการคดั ลอก ความสำคัญของการอ่าน ชุติมา สจั จานนั ท.์ “การสง่ เสรมิ การอา่ นแก่เด็ก,” ประชากรศกึ ษา. ๓๔(๒) : ๘ ; พฤศจกิ ายน ๒๕๒๕. “การอา่ นทำใหเ้ กิดพัฒนาการ ไมว่ ่าจะเป็นในดา้ นสตปิ ญั ญา ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ พฤติกรรม และการดำเนินชวี ติ ศีลธรรมจริยธรรม คา่ นิยม ฯลฯ การอ่านมสี ว่ นช่วยปรบั ปรุงชวี ิตให้สดใส สมบูรณ์” แหล่งท่มี า : http://krukaimwit.blogspot.com/ “การอา่ นทำใหเ้ กิดพัฒนาการ ไม่ว่าจะเปน็ ในดา้ นสตปิ ัญญา ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ พฤติกรรม และการดำเนินชีวติ ศีลธรรมจริยธรรม คา่ นยิ ม ฯลฯ การอ่านมีสว่ นชว่ ยปรบั ปรุงชีวิตให้สดใส
ใบความรู้ เรอ่ื ง การเขยี นรายงาน การเขยี นรายงานเป็นการบันทกึ ความรูท้ ่ไี ดจ้ ากการศึกษาคน้ ควา้ ในเร่อื งใดเร่ืองหนง่ึ แล้วราบรวม ความรทู้ ี่ได้ นน้ั มาเขียนเรยี บเรียงใหม่อย่างมีระบบแบบแผน เพื่อเสนอเป็นสว่ นประกอบของการศึกษาวชิ า ต่างๆการทำรายงานจงึ เปน็ การศกึ ษาดว้ ยตนเองอันจะทำให้มีความรคู้ วามเข้าใจในเร่ืองท่ีศกึ ษาได้ดียงิ่ ขนึ้ สว่ นประกอบของรายงาน ๑ ) ส่วนนำเรือ่ ง ประกอบด้วย ๑. ปกนอก มีวิธีการเขยี นดังน้ี ๑.๑ สว่ นบน เขยี นช่อื รายงาน ๑.๒ สว่ นกลาง เขยี นชอ่ื นามสกุลผู้ทำรายงานโดยไม่ตอ้ งเขยี นคำนำหน้าชอ่ื นาย หรือ นางสาว อาจเขียน ชนั้ ท่ศี กึ ษา เลขที่ของผทู้ ำรายงานไว้บรรทัดถดั ไปด้วยก็ได้และถา้ เปน็ รายงานกลุ่ม ให้ เขยี นชอื่ เรยี งไวค้ นละ บรรทัด ๑.๓ ส่วนล่าง แบ่งออกเป็น ๓ บรรทดั - บรรทัดแรก เขียนชื่อ รหสั วิชา และรายวิชาท่ี เขียนรายงาน โดยใชค้ ำว่า “รายงานน้ีเปน็ สว่ นหนง่ึ ของ การศึกษาวิชา.......” - บรรทดั ที่ ๒ เขยี นชอื่ โรงเรยี น - บรรทัดท่ี ๓ เขียนภาคเรยี น และปี การศึกษา ที่เขียนรายงาน การเขียนหน้าปก ควรกะระยะตวั อกั ษรที่จะ เขียนใหอ้ ยกู่ งึ่ กลางหนา้ กระดาษ โดยเวน้ ที่ว่างทางด้านซา้ ยและ ขวาใหเ้ ทา่ กันและเวน้ ชอ่ งว่างส่วนบน กลาง และล่างให้เท่า ๆ กนั ดว้ ย ๒. ใบรองปก เป็นกระดาษเปล่าหนง่ึ แผน่ ต่อจากปกนอก ๓. ปกใน เขยี นข้อความเชน่ เดยี วกับปกนอก ๔. คำนำควรแบ่งเปน็ ๓ ยอ่ หนา้ และควรกลา่ วถงึ รายละเอยี ด ดงั นี้ ยอ่ หน้าท่ี ๑ กล่าวถึง จุดมงุ่ หมายของการเขียนรายงาน เป็นการเกรน่ิ นำถึงสาเหตุหรอื แรงบนั ดาลใจท่ี ศึกษาคน้ ควา้ ในการทำ รายงานคร้งั น้ยี อ่ หน้าท่ี ๒ กลา่ วถึงขอบเขตของเน้ือหาในรายงานอย่างยอ่ ๆ ว่ากลา่ วถึงอะไรบ้าง ยอ่ หน้าที่ ๓ กล่าวขอบคุณผู้ทใ่ี ห้ความรว่ มมือ ให้ความชว่ ยเหลอื หรอื ให้ความสนับสนุนอันมสี ่วนทำให้ รายงานฉบบั น้ี สมบูรณ ๕. สารบัญ หมายถงึ บัญชีหัวข้อสำคญั และหวั ข้อย่อยในรายงานทง้ั หมด โดยเขยี นเรยี งลำดบั ตามท ปรากฏในรายงานตั้งแต่หนา้ แรกจนถึงหน้าสดุ ท้ายพร้อมท้งั บอกเลขหน้าด้วยวา่ หวั ข้อน้นั ๆ อย่หู นา้ ใดเพือ่ สะดวกในการ คน้ คว้า (คำว่า “สารบัญ” ใหเ้ ขียนไวก้ ลางหน้ากระดาษไม่ตอ้ งขดี เสน้ ใต้ สว่ นหวั ขอ้ สำคัญและ หวั ขอ้ ย่อยใหเ้ ขยี นไว้ทาง ซ้ายมือ สว่ นตวั เลขบอกหนา้ ใหเ้ ขียนไว้ทางขวามือ ถ้าเป็นรายงานสัน้ ๆ อาจจะไม่ ตอ้ งมสี ารบญั ก็ได้) ๒) สว่ นเน้ือเรอ่ื ง ๓) สว่ นทา้ ย ประกอบดว้ ย บรรณานกุ รม ภาคผนวก
เกณฑ์การใหค้ ะแนนความสามารถในการเขยี นรายงาน ระดับคะแนน ประเดน็ 1 2 3 4 น้ำหนัก คะแนน ความสำคัญ จรงิ การประเมิน เน้อื หาการ เนือ้ หาที่เขยี น เนอ้ื หาทเี่ ขยี น เนื้อหาท่ี เนอ้ื หาท่ี 5 20 เขยี น มคี วาม มีความ เขียนมขี ้อผดิ เขยี นมขี ้อผิด ถูกตอ้ ง ถูกต้อง บ้างและไม่ มากและให้ ครอบคลุม ครอบคลุม ครอบคลุม ขอ้ มลู น้อย อย่างสมบรู ณ์ เนื้อหาส่วน ใหญ่ คำศัพท์ ใชค้ ำศัพท์ ใช้คำศัพท์ ใช้คำศพั ท์ ใชค้ ำศพั ท์ 4 16 สำนวนและ สำนวนและ สำนวนและ สำนวนและ สำนวนและ โครงสรา้ ง โครงสร้าง โครงสร้าง โครงสร้าง โครงสร้าง ภาษา ภาษาถูกต้อง ภาษาถูกต้อง ภาษาแบบ ภาษาแบบ เหมาะสม มขี ้อผดิ นอ้ ย งา่ ย ๆ และมี ง่าย ๆ และมี และ ขอ้ ผิดบ้าง ขอ้ ผิดมาก หลากหลาย องค์ประกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ 1 4 ของงานเขยี น ของงานเขียน ของงานเขยี น ของงาน ของงาน (เชน่ การเขียน ถูกตอ้ ง มีข้อผิดน้อย เขยี นมีข้อผดิ เขียนมีขอ้ ผิด รายงาน สมบรู ณ์ หลายแห่ง มาก e-mail) รวม 10 40 เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ระดับคุณภาพ ช่วงคะแนน ดมี าก 36-40 ดี 28-35 ปานกลาง 20-27 ปรบั ปรุง 1-19
เกณฑ์การให้คะแนนความสามารถในการพูดรายงาน ระดับคะแนน น้ำหนัก คะแน น ประเด็น 4 3 2 1 ความส จรงิ การประเมิน ำคัญ 4 การออกเสยี ง ออกเสียงถูกต้อง ออกเสยี ง ออกเสียงถกู ออกเสียงไม่ 1 12 ตามหลักการออก ถูกต้องตาม ตอ้ งเปน็ ถกู ต้องทำให้ไม่ 12 8 เสียง มีเสยี งเนน้ - หลักการออก บางส่วน เข้าใจ 4 หนักในคำ/ เสยี งเป็นสว่ น 40 ประโยคอย่าง ใหญ่ สมบรู ณ์ คำศัพท์ ใชค้ ำศพั ท์ ใช้คำศพั ท์ ใชค้ ำศพั ท์ ใช้คำศพั ท์ 3 สำนวนและ สำนวนและ สำนวนและ สำนวนและ สำนวนและ โครงสรา้ ง โครงสรา้ งภาษา โครงสร้าง โครงสรา้ ง โครงสรา้ ง ภาษา ถูกตอ้ งและ ประโยค ประโยคแบบ ประโยคแบบ เหมาะสม ถูกตอ้ งเปน็ ง่าย ๆ และมี ง่าย ๆ และมี สว่ นใหญแ่ ตไ่ ม่ ข้อผิดบา้ ง ข้อผดิ มาก หลากหลาย เนือ้ หา เนือ้ หาถกู ต้องมี เนอื้ หาถกู ตอ้ ง เนอ้ื หาถูกต้อง เน้อื หาไม่ 3 รายละเอียด เปน็ สว่ นใหญ่ เป็นบางส่วน ถูกตอ้ งหรอื มี ครบถว้ นสมบูรณ์ ข้อผิดมาก ความ พดู ได้อย่างเป็น พูดตดิ ขัด พูดคล้ายแบบ พูดเป็นแบบ 2 คลอ่ งแคลว่ ธรรมชาติ บางคร้งั แต่ยงั ทอ่ งจำพอ ท่องจำ คลอ่ งแคลว่ สามารถ สอ่ื สารไดบ้ า้ ง ตะกุกตะกัก สื่อสารไดช้ ดั เจน ส่อื สารได้ ส่อื สารได้นอ้ ย ชดั เจน มากหรือไมไ่ ด้ เลย การแสดง แสดงท่าทางและ แสดงทา่ ทาง พูดโดยไม่ พดู โดยไม่แสดง 1 ท่าทาง พดู ด้วยนำ้ เสียงที่ และพดู ด้วย แสดงท่าทาง ท่าทาง นำ้ เสียง เหมาะสมกับ นำ้ เสียงท่ี ประกอบ ประกอบ ประกอบการ บทบาทและ เหมาะสมกบั น้ำเสยี งคล้าย นำ้ เสยี งเป็น พูด สถานการณด์ มี าก บทบาทและ การอ่านหรอื การพูดแบบ สถานการณใ์ น ทอ่ งจำ ท่องจำ ระดบั ดี รวม 10 เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 36-40 ดมี าก 28-35 ดี 20-27 ปานกลาง 1-19 ปรบั ปรงุ
แผนการเรยี นรู้ท่ี ๔ วิเคราะห์เปน็ เนน้ ใจความสำคญั เวลา ๒ ชัว่ โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้วี ัด มาตรฐาน ท.๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรแู้ ละความคิดเพือ่ นำไปใช้ตดั สนิ ใจ แก้ปัญหาในการ ดำเนนิ ชีวิต และมลี ักษณะนสิ ัยรักการอ่าน ตวั ชว้ี ดั ท ๑.๑ ป.๔/๗ อ่านหนงั สอื ทม่ี ีคุณค่าตามความสนใจอยา่ งสมำ่ เสมอและแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับ เรอ่ื งทอี่ ่าน มาตรฐาน ท. ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขยี นเรื่องราวใน รปู แบบตา่ งๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ตวั ช้วี ัด ท ๒.๑ ป๔/๖ เขียนบันทกึ และเขยี นรายงานจากการศึกษาคน้ คว้า ๒. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพอื่ นำไปใชต้ ัดสินใจ อ่านหนังสือทม่ี คี ณุ ค่าตามความ สนใจอยา่ งสมำ่ เสมอ ใชก้ ระบวนการเขียนสือ่ สาร สามารถจำแนกข้อเท็จจริงขอ้ คิดเห็นและจบั ใจความสำคัญ จากเรือ่ งท่ฟี ังและดูทำให้ไดข้ ้อมูลถกู ต้อง จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. แยกขอ้ คดิ เหน็ เลอื กขอ้ มลู จากการอ่าน การฟงั การดู ๒. สรปุ ใจความสำคญั ได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ การจับใจความสำคัญ ๓.2 การจำแนกขอ้ เทจ็ จริง ๔. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น ๔.๑ ความสามารถในการสรปุ ความ ๔.๒ ความสามารถในการสอ่ื สาร ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต ๕. ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๕.๑ มีวินยั ๕.๒ ใฝเ่ รยี นรู้ ๕.๓ มุง่ ม่นั ในการทำงาน ๖. ชิ้นงาน/ภาระงาน การจับใจความจากเพลงสยามานสุ สติ ๗ .การวัดประเมินผล เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารผ่าน วิธีการ ๑.แบบประเมินการอา่ นจบั นกั เรียนจะต้องผา่ นเกณฑ์รอ้ ย ๑.ประเมนิ การอ่าน ใจความ ละ ๖๐
๘. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (ใช้กระบวนการสรา้ งความรู้) ชว่ั โมงที่ 1 ขน้ั ที่ ๑ ขน้ั แนะนำ 1. แจง้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ใหน้ ักเรยี นทราบ 2. นกั เรียนผอ่ นคลายเพือ่ เตรยี มพร้อมทจี่ ะเรยี นดว้ ยเพลง ตบมือ ข้นั ท่ี ๒ ขั้นทบทวนความรู้ 3. นกั เรียนอ่าน เรื่อง ชาวซาไก จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้นื ฐานภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อ ชีวิต วรรณคดีลำนำ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ หนา้ ๑๑๒ 4. นกั เรียนอาสาสมัคร ๒ คน ช่วยกนั เลา่ เรอ่ื งชาวซาไก จากเรอ่ื งท่ีอ่าน และใหเ้ พ่ือนนักเรยี น ในชนั้ สงั เกตการลำดับเรือ่ งและการเลา่ วา่ เน้ือเร่อื งครบถ้วน หรือมีเนื้อเร่ืองทชี่ ัดเจนหรือไม่ หากยงั มี ข้อบกพรอ่ งใหน้ กั เรียนอาสาสมัคร ๑ คน ออกมาเล่าหนา้ ช้นั เรียน เพื่อให้นักเรียนเปรยี บเทยี บและเหน็ ความ แตกต่างของการเลา่ เรอ่ื งของเพ่อื นท้ังสองคน 5. นักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายวา่ การเล่าเรื่องของตวั แทนนกั เรยี นทั้ง ๒ คน เป็นการนำเนื้อ เรื่องทเ่ี ปน็ ใจความสำคญั มาเลา่ หรือถา่ ยทอดเรอื่ งราวโดยไมเ่ กบ็ เอารายละเอียดเลก็ ๆน้อยๆท่อี ยใู่ นเรอื่ งมาเลา่ ด้วย 6. นักเรียนทกุ คนอ่านเรื่องชาวซาไกและขีดเสน้ ใต้ข้อความที่คิดวา่ เป็นใจความสำคัญ 7. ครูใหข้ ้อสงั เกตเกย่ี วกบั ลักษณะของใจความสำคัญวา่ เปน็ ข้อความทีเ่ ปน็ ใจความหลกั ของ ข้อความแต่ละย่อหน้า หากขาดข้อความส่วนนไี้ ปจะทำให้ผูอ้ ่านไมเ่ ขา้ ใจเร่ืองท่ีอา่ น ชั่วโมงท่ี ๒ ขัน้ ท่ี ๓ ขัน้ ประเมนิ ความคิดใหม่ 8. นักเรยี นศกึ ษาความรู้เกีย่ วกับหลักการอ่านจับใจความสำคญั จากหนังสอื เรยี นรายวชิ า พืน้ ฐานภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ 9. นกั เรยี นทบทวนความร้เู ก่ียวกับหลกั การอ่านจบั ใจความสำคญั 10. ครูเขยี นเพลงสยามานสุ สติ บนกระดานหนา้ ชน้ั เรียน แล้วให้นักเรยี นร่วมกนั จับใจความ สำคัญของเพลงสยามาสสุ ติท่ี(ท้ายแผน) 11. นักเรียนรว่ มกนั บอกใจความสำคญั และใจความรองของเพลงสยามานุสสติ แล้วครู เสนอแนะเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียนมีความรูค้ วามเข้าใจมากย่ิงขึน้ ข้นั ท่ี ๔ ขั้นนำไปใช้ 12. นกั เรยี นทำใบงาน เร่อื ง ใจความสำคัญ เม่ือเสรจ็ แลว้ ใหน้ กั เรียนและครูรว่ มกันเฉลย คำตอบ 13. ใหน้ กั เรยี นบอกความสำคัญของการอ่านจับใจความสำคญั โดยให้ตวั แทน รวบรวมคำตอบจากเพ่ือนๆในห้องเขยี นบนกระดานหนา้ ช้ันเรยี น 14. ครเู สนอแนะเพ่ิมเตมิ ใหน้ กั เรียนเห็นความสำคญั ของการอา่ นทีช่ ่วยใหผ้ ู้อ่านมีความรู้ กว้างมากย่งิ ข้ึน ๙. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ 9.๑ ใบงาน 9.๒ ใบความรู้ 9.๓ หอ้ งสมุดโรงเรียน
๑๐. ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เพลงสยามานุสสติ ใครรานใครรกุ ด้าว แดนไทย ไทยรบจนสดุ ใจ ขาดด้นิ เสียเนอื้ เลอื ดหล่งั ไหล ยอมสละ สน้ิ แล เสยี ชีพไป่เสียสิน้ ชื่อกอ้ งเกียรติงาม หากสยามยงั อยยู่ ง้ั ยนื ยง เรากเ็ หมอื นอยคู่ ง ชีพด้วย หากสยามพินาศลง ไทยอยู่ ไดฤ้ า เรากเ็ หมือนมอดมว้ ย หมดสนิ้ สกุลไทย แบบฝกึ ทกั ษะการอ่านจบั ใจความ ให้นักเรียนอ่านข้อความจากเพลงสยามานสุ ติท่กี ำหนดใหแ้ ลว้ สรปุ จบั ใจความสำคัญให้ถกู ต้อง 1. สรุปใจความสำคญั จากบทเพลง 2. ความคดิ เห็นจากบทเพลง ชื่อ ................................................................... เลขท่ี .................ช้ัน ................
แบบประเมนิ การอา่ นจบั ใจความ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ขน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ คำชี้แจง ครูประเมนิ พฤตกิ รรมของนักเรยี นในการอา่ นจับใจความและให้คะแนนลงในชอ่ งทต่ี รงกบั พฤตกิ รรม เลขท่ี ชื่อ - สกุล ๑. บุค ิลกในการอ่าน สรปุ ๒. การกวาดสายตา รวม ผลการประเมนิ ๓. ไ ่มใ ้ช ืมอช้ีตาม ัตวอักษร ๔. ไ ่ม ่สายหน้าไปมาในขณะ ี่ทอ่าน ๕. ัจบใจความสำ ัคญของเ ื่รองท่ีอ่าน ๖. การ ั้ตงคำถามและตอบคำถามจากเ ื่รอง ๗. การส ุรปเ ่ืรอง แนว ิคดและข้อ ิคดของเ ื่รอง ๑ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๒๑ ผ่าน ไม่ผา่ น ๒ ๓ ร้อยละ ๖๐ ขนึ้ ไป (๑๓ คะแนนขึ้นไป) ๔ ๑๘ – ๒๑ คะแนน ระดบั ดี ๕ ๑๓ – ๑๗ คะแนน ระดบั พอใช้ ๖ ๐ – ๑๒ คะแนน ระดับ ปรับปรงุ ๗ ๘ ๙ ๑๐ เกณฑก์ ารประเมนิ ลงช่ือ................................................ผ้ปู ระเมนิ ( ...............................................)
รายละเอียดเกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมินการอา่ นจับใจความ(rubrics) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ ประเดน็ การประเมิน ๓ เกณฑ์การให้คะแนน ๑. บุคลิกในการอ่าน น่ังตัวตรง วางและเปิด ๒๑ หนังสือถูกตอ้ ง น่งั ตวั ตรง วางหรอื เปดิ น่งั ตัวไมต่ รง วางและเปิด หนงั สอื ไมถ่ กู ต้อง ๑ อย่าง หนังสือไม่ถกู ตอ้ ง ๒. การกวาดสายตา กวาดสายตาจากซา้ ยไป กวาดสายตาจากซ้ายไป กวาดสายตาจากซ้ายไป ขวาได้ถกู ตอ้ ง รวดเรว็ ขวาได้ถูกต้อง แตช่ ้าและ ขวาไดถ้ ูกตอ้ งแต่ชา้ มาก และต่อเนอ่ื ง ต่อเน่ือง และไม่ตอ่ เน่อื ง ๓. ไม่ใช้มือช้ีตามตวั อกั ษร ไม่ใช้มือชีต้ ามตวั อักษร ใชม้ อื ชตี้ ามตัวอักษร ใชม้ ือชตี้ ามตวั อักษร ขณะทอ่ี ่านตลอดทั้งเรื่อง ๒ ครงั้ ขณะที่อา่ น มากกวา่ ๒ ครั้ง ขณะที่ ตัง้ แต่ตน้ จนจบ อา่ น ๔. ไมส่ ่ายหนา้ ไปมาใน ไมส่ ่ายหน้าไปมาในขณะ ส่ายหนา้ ไปมา ๒ ครงั้ ส่ายหน้าไปมา มากกวา่ ขณะที่อา่ น ๒ คร้งั ในขณะอา่ น อา่ นตลอดทง้ั เรื่องตง้ั แต่ตน้ ในขณะอา่ น จนจบ ๕. จับใจความสำคญั ของ ระบตุ วั ละคร เหตุการณ์ ระบตุ วั ละคร เหตกุ ารณ์ ระบตุ ัวละคร เหตกุ ารณ์ เรอื่ งที่อา่ น สถานที่ เวลา และผลท่ี สถานที่ เวลา และผลท่ี สถานที่ เวลา และผลที่ เกิดข้ึน โดยเรยี งลำดับ เกดิ ขึน้ ได้ แต่เรียงลำดบั เกดิ ขึน้ ได้ แตเ่ รียงลำดับ เหตุการณ์ไดอ้ ย่างต่อเนอื่ ง เหตุการณผ์ ิด ๑ ตำแหนง่ เหตกุ ารณ์ผิด ๒ ตำแหน่ง เหมาะสม ข้ึนไป ๖. การต้ังคำถามและตอบ ต้ังคำถามและตอบ ตัง้ คำถามและตอบ ตง้ั คำถามและตอบ คำถามจากเรื่อง คำถามจากเรือ่ งทอ่ี ่านได้ คำถามจากเร่ืองทอี่ ่านไม่ คำถามจากเรอ่ื งทอ่ี า่ นไม่ ถูกต้อง ๑ข้อ ถูกต้อง ๒ขอ้ ขึ้นไป ถกู ต้องทกุ เรื่อง ทุก ประเดน็ ๗. การสรุปเร่ือง แนวคิดและ สรุปเรอ่ื ง แนวคิดและ สรปุ เรื่องได้ แต่บอก สรปุ เรือ่ ง บอกแนวคิดและ แนวคิดหรอื ข้อคิดอยา่ งใด ขอ้ คิดไมได้ ข้อคิดของเรอื่ ง ข้อคิดของเร่ืองได้ครบ อยา่ งหนง่ึ ไม่ได้ สมบูรณ์
แผนการเรยี นรทู้ ี่ ๕ สะกดคำได้ความหมายถูกตอ้ ง เวลา ๑ ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคิดเพือ่ นำไปใช้ตดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการ ดำเนินชวี ิต และมนี สิ ัยรักการอ่าน ตวั ชีว้ ัด ท ๑.๑ ป.๔/๒ อธิบายความหมายของคำ ประโยคและสำนวนจากเรอื่ งทอี่ า่ น มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดูอยา่ งมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และ ความรู้สกึ ในโอกาสต่างๆอยา่ งมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ ตัวช้วี ัด ท 3.๑ ป.๔/๑ จำแนกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรอื่ งที่ฟงั และดู ท 3.๑ ป.๔/๔ ตง้ั คำถามและตอบคำถามเชิงเหตุผลจากเรอ่ื งทฟ่ี งั และดู ๒. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การอา่ น และเขยี นคำใหถ้ ูกตอ้ งมีประโยชนต์ ่อการศึกษาและการส่อื สารในชีวิตประจำวนั เราจึงตอ้ ง หมน่ั ศกึ ษาการอ่านและพจนานุกรมใช้สำหรบั ค้นหาความหมายของคำทีเ่ รียงลำดับตามตัวอักษร การใช้ พจนานกุ รมช่วยใหน้ กั เรยี นรู้ความหมายของคำ ทำให้อา่ นและเขยี นคำไดอ้ ย่างถูกต้อง จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑.บอกประโยชนข์ องพจนานกุ รม ๒.ใชพ้ จนานกุ รมตรวจสอบคำศพั ท์ ๓.กระตอื รือรน้ ในการรว่ มกจิ กรรมกลุม่ ได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ การคน้ หาความหมายของคำในบริบทตา่ งๆ ๓.๒ หลกั การใชพ้ จนานุกรม ๔. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน ๔.๑ ความสามารถในการคดิ ๔.๒ ความสามารถในการสือ่ สาร ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต ๕. ลักษณะอันพึงประสงค์/ค่านิยม ๕.๑ มีวนิ ยั ๕.๒ ม่งุ ม่นั ในการทำงาน ๖. ชิน้ งาน/ภาระงาน สมดุ คำศพั ท์ ๗.การวัดผลประเมินผล เคร่อื งมอื เกณฑ์การผ่าน แบบประเมนิ ผลงานนกั เรยี น วธิ ีการ นักเรียนจะตอ้ งผา่ นเกณฑ์รอ้ ย ละ ๖๐ ตรวจสรปุ ผลงานจากคำศพั ท์คำ ยากทอ่ี ่าน
๘. กิจกรรมการเรียนรู้ ( ใช้กระบวนการสรา้ งความร)ู้ ขนั้ ท่ี ๑ ขัน้ แนะนำ 1. นักเรียนร่วมกนั เล่าเรอ่ื ง ชาวซาไก เพอ่ื ทบทวนบทเรียนจากชวั่ โมงทผ่ี ่านมา 2. นักเรียนอา่ นบทรอ้ ยกรองจากแผนภมู บิ ทร้อยกรอง “เร่ืองเลา่ เร่ืองจากพทั ลงุ จากหนังสอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย ชดุ ภาษาเพือ่ ชีวิต ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ หน้า ๑๐๒ ” โดยอา่ นเปน็ ทำนอง ธรรมดาดังๆ พรอ้ มกัน แลว้ สนทนาเกีย่ วกับเนอ้ื หา ใจความสำคัญและความหมายของบทร้อยกรอง โดยครูช่วย ถามนำ เพอื่ กระตุ้นใหน้ กั เรยี นตอบ ขน้ั ท่ี ๒ ข้ันบททวนความรู้เดิม 3. นกั เรียนศึกษาบตั รคำศัพท์ ทค่ี รยู กแสดงใหศ้ ึกษา แลว้ ร่วมกนั สนทนา แสดงความคดิ เหน็ และอภิปรายถงึ คำ ความหมายของคำ ตลอดจนเปดิ พจนานุกรมเพื่อหาคำตอบ 4. ครถู ามนำเพอ่ื กระตนุ้ ใหเ้ กดิ การอยากรู้ และจดุ ประกายความคิดให้นกั เรียนตอบและ แข่งขนั กันหาความหมายของคำศพั ท์คำใหมใ่ นบทเรยี น นักเรียนรว่ มกนั ตอบปากเปล่าตามความเข้าใจ ความรู้สึกนกึ คดิ ของนกั เรียน 5. นกั เรียนร่วมกนั ทบทวนบทเรียน เรอ่ื ง เลา่ เรอื่ งจากเมอื งพทั ลงุ โดยอา่ นในใจในบทเรยี น จากหนงั สอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย ชุดภาษาเพื่อชวี ติ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔ หน้า ๙๔ – ๑๐๖ ขน้ั ที่ ๓ ข้นั ปรบั เปลยี่ นความคิด 6. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม ให้นักเรียนทำใบงาน (งานกลมุ่ ) และปฏิบตั ิตามขัน้ ตอนในใบงาน 7. นกั เรยี นนำความรู้ คำศพั ท์ คำยากจาก เรื่อง มาร่วมเลา่ เรอ่ื งจากเมอื งใต้ ในหนงั สือเรียน ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ไปใชใ้ นชีวติ ประจำวัน ข้นั ที่ 4 ขัน้ ทบทวน 8. มอบหมายใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หัดทกั ษะภาษา ชุดภาษาเพอ่ื ชวี ติ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔ 9. นกั เรียนรว่ มกนั สรปุ เนอ้ื หาจากบทเรียน ๙. ส่อื / แหล่งการเรียนรู้ 9.๑. พจนานกุ รม 9.๒. แบบเรียนภาษาไทย ชดุ วรรณคดลี ำนำช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๔ 9.๓. แบบฝกึ หดั ทักษะภาษา ชุด ภาษาเพื่อชวี ติ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ 9.๔. ใบงาน ๑๐.ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
คำศัพท์ คำช้แี จง ให้นกั เรียนนำคำศพั ท์ยากจากบทเรยี นเรือ่ ง เล่าเรอ่ื งจากเมืองพทั ลงุ ไปค้นหาความหมายจาก พจนานุกรมแล้วรวบรวมเป็นสมดุ คำศพั ท์ ท่ี คำศัพท์ ความหมาย
แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัตงิ านรายบคุ คล พฤตกิ รรม การแสดง การตอบ การยอมรบั ทำงาน หมาย ท่ี คำถาม ฟงั คนอน่ื เหตุ ความสนใจ ความ ตามท่ไี ด้รบั ชื่อ-สกุล คดิ เห็น มอบหมาย 43214321432143214321 เกณฑ์การวัดผล ให้คะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดงั น้ี 4 = ดมี าก(สนใจฟงั ไมห่ ลับ ไม่พดู คุยในชั้น มคี ำถามที่ดี ตอบคำถามถกู ต้อง ทำงานส่งครบ ตรงเวลา) 3 = ดี (การแสดงออกอย่ใู นเกณฑ์ประมาณ 70%) 2 = ปานกลาง(การแสดงออกอย่ใู นเกณฑป์ ระมาณ 50%) 1 = ปรับปรงุ (เข้าชั้นเรยี น แต่การแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไม่ครบ ไมต่ รงเวลา) ลงช่อื ……………………………….ผสู้ งั เกต (……………………………….) …………/…………/………..
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม กลมุ่ ที่…………..ช้นั ……………… พฤติกรรม ลำดับ ชื่อ-สกลุ ความ การแสดง การรบั ฟงั ความต้ังใจ การมีสว่ น รวม ท่ี สมาชิกกลุ่ม ร่วมมอื ความ ความ ในการ รว่ มในการ 1 คิดเห็น คดิ เหน็ ทำงาน อภปิ ราย 2 3 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20 4 5 6 7 8 9 10 เกณฑก์ ารให้คะแนน 4 ประสทิ ธิภาพอยใู่ นเกณฑ์ 90-100% หรอื ปฏิบตั ิบอ่ ยครงั้ ดีมาก = 3 ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ 70-89% หรอื ปฏิบตั บิ างครั้ง ดี = 2 ประสิทธภิ าพอยู่ในเกณฑ์ 50-69% หรือปฏิบตั ิคร้งั เดียว ปานกลาง= ปรบั ปรงุ = 1 ประสทิ ธภิ าพต่ำกว่าเกณฑ์ 50% หรือไมป่ ฏิบัติเลย ลงชอื่ ………………………………ผู้สังเกต (…………………………….) ………./……………/………
แผนการเรียนรู้ท่ี ๖ ภาษาไทยภาษาถ่นิ เวลา ๒ ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชวี้ ัด มาตรฐาน ท. ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสอื่ สาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขียนเรือ่ งราวใน รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ตัวชว้ี ดั ท ๒.๑ ป.๔/๒ เขียนส่อื สารโดยใชค้ ำได้ถูกตอ้ ง ชัดเจน และเหมาะสม มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาและพลงั ของ ภาษาภูมิปญั ญาทางภาษา และรักภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ งิ ชาติ ตวั ชีว้ ัด ท 4.๑ ป.๔/๑ สะกดคำและบอกความหมายของคำใบบรบิ ทต่างๆ ท 4.๑ ป.๔/๖ บอกความหมายของสำนวน ท 4.๑ ป.๔/๗ เปรยี บเทียบภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถ่นิ ๒. สาระสำคญั / ความคดิ รวบยอด ภาษาถนิ่ เปน็ ภาษาพ้นื เมือง เปน็ ภาษาดง้ั เดิมของชาวบ้านทใ่ี ชส้ อื่ สารกันในหม่คู ณะของตน แตล่ ะทอ้ งถนิ่ ใชต้ ่างกนั และมีสำเนยี งเฉพาะประจำถน่ิ จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑.บอกความหมายของภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถ่ิน ๒. ยกตัวอยา่ งคำในภาษาถ่นิ ต่าง ๆได้ ๓. เหน็ คุณคา่ ของการใชภ้ าษาถ่ิน ๓. สาระการเรียนรู้ 3.๑. การเขียนส่ือสาร 3.2. การใชภ้ าษาในการสื่อสาร ๔. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น ๔.๑ ความสามารถในการคิด ๔.๒ ความสามารถในการส่อื สาร ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๕. ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์/ ค่านิยม ๕.๑ ใฝเ่ รียนรู้ ๕.๒ รกั ความเป็นไทย ๖. ชิ้นงาน/ภาระงาน บันทึกคำภาษาถนิ่ ของภาคเหนือ ภาคอสี าน ภาคกลางและภาคใต้ ๗. การวัดและการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผา่ น วิธกี าร ๑.แบบประเมนิ ความรู้ นกั เรียนจะต้องผ่านเกณฑ์ร้อย ตรวจบันทกึ ภาษาถนิ่ ละ ๖๐
๘. กจิ กรรมการเรียนร(ู้ ใชก้ ระบวนการเรยี นรูจ้ ากประสบการณ์จริง) ช่ัวโมงท่ี ๑ ขน้ั ท่ี ๑ ขัน้ กระตุ้นแนะนำ 1. นกั เรยี นทายคำจากปริศนาคำทาย ดังน้ี บัก...........อะไร ใคร ๆ รูจ้ กั อรอ่ ยดนี กั เม่อื นำมาทำสม้ ตำ(บกั หงุ่ มะละกอ) แม่..........อะไร คล้ายเสียงอทุ าน อายทุ ่านยืนนาน ลูกหลานเคารพรัก (แมอ่ ุ๊ย) คนถ่นิ อสี านเรียก ฝรง่ั มะละกอ ฟกั ทองว่าอย่างไร (บักสีดา, บักห่งุ , บกั อึ) ข้ันท่ี ๒ ขั้นศึกษาแนวคดิ เชื่อมโยงความรู้ 2. นกั เรียนอ่านบท กลอ่ มน้องนอน(ท้ายแผน) แลว้ สังเกตคำภาษาถ่ิน(ภาคอีสาน) แล้ว ชว่ ยกนั บอกคำภาษาถ่ินจากบทเพลง 3. ครูอธิบายเพ่มิ เติมให้นักเรียนเขา้ ใจถงึ ภาษาถ่นิ และนักเรียนแขง่ ขนั กนั เขียนคำภาษาถิ่น ตา่ ง ๆ จากภาษาไทยมาตรฐานทบี่ นกระดาน ทุกคนรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้องของคำท่เี พอ่ื น ๆ เขียนบน กระดานในภาษาถิ่นต่าง ๆ เช่น คำว่า ช้าง ภาคเหนอื จ๊าง ภาคอสี าน ซา่ ง ภาคใต้ ช้าง คำว่า ย่ีสบิ ภาคเหนอื ซาว ภาคอสี าน ซาว ภาคใต้ ย่ีสิบ ขั้นที่ ๓ ข้ันฝึกปฏิบตั ิ 4. นักเรียนเขียนคำภาษาถ่ินตา่ ง ๆ คนละ ๑ คำ ใหบ้ อกด้วยวา่ เป็นภาษาถนิ่ ใดและเขียนคำ ภาษาไทยมาตรฐาน หรือวาดภาพประกอบวา่ เป็นคำอะไร เชน่ ลอกอ (มะละกอ) ถิ่นใต้ เฮอื น อๆ(สีเกราบัือนคนำ)ในถภนิ่ าษาไทยมาจตอ้ รงฐเาหน(รนม่เอืช)่นถิ่น 5. นักเรียนเปรยี บเทียบคำภาษาถ่นิ ต่าง - ถิ่นเหนือ เปลีย่ นเสียง ชเป็นจ เช่น จ๊าง - ถิน่ อีสาน เปลยี่ นเสยี ง ชเปน็ ซ เช่น ซ่าง (ภาษาถิ่นใต้ เรียกว่า ชา้ ง เหมอื นภาษาไทย มาตรฐาน) - ถิน่ เหนอื และอีสาน เปลย่ี นเสยี ง รเป็นฮ เช่น เฮอื น (เรอื น) ฮกั (รกั ) เฮา (เรา) (ภาษาถนิ่ ใต้ใชเ้ หมอื นภาษาไทยมาตรฐาน คอื รกั เรอื น เรา) 6. นักเรยี นสงั เกตคำวา่ ตลาด ท่ีนักเรยี นไดเ้ คยเรยี นมาแลว้ ครูใชค้ ำถามดงั น้ี - ภาษาถิน่ เหนือกบั ถิน่ อีสาน เรยี กตลาดอยา่ งไร เหมอื นกันหรอื ไม่ (ถ่ินเหนือ เรียก กาด ถิน่ อสี าน เรยี ก ตลาด เหมือนภาษาไทยมาตรฐาน) - ภาษาถิ่นใต้ เรยี กตลาดว่าอย่างไร (หลาด) - มขี อ้ สังเกตการใชค้ ำ สำเนยี งของภาษาถนิ่ ใต้อย่างไรบา้ ง (คนถ่นิ ใต้มักออกเสยี งส้นั กว่า ภาษาไทยมาตรฐาน แต่ใชค้ ำเดมิ โดยตัดพยางคห์ น้าออกไป เชน่ ตะไคร้เปน็ ไคร้ / มะพรา้ วเป็นพร้าว / มะปราง เป็นปราง / สะเดาเปน็ เดา / ตลาดเปน็ หลาด) ขนั้ ที่ ๔ ขั้น นำไปใช้ 7. นักเรยี นเลือกคำไปเตมิ ใหต้ รงกบั ภาพท่ีกำหนด เช่นภาพ ตลาด ดวงอาทติ ย์ สับปะรด มะละกอ กุญแจ และคำเชน่ บะกว้ ยเตด้ บกั นดั แจ กาด
8. นักเรยี นร่วมกนั พจิ ารณาความถูกต้องของคำใตภ้ าพ แล้วชว่ ยกันแยกวา่ คำใดเป็นภาษาถ่ิน ใด 9. นกั เรียนรว่ มกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี ภาษาถ่ินเป็นภาษาพ้ืนเมอื ง เปน็ ภาษาดัง้ เดมิ ของ ชาวบ้านท่ีใชส้ อ่ื สารกันในหมูค่ ณะของตนแตล่ ะท้องถิ่นใช้ตา่ งกนั และมีสำเนียงเฉพาะประจำถน่ิ 10. นักเรียนรวบรวมคำภาษาถิ่น ของภาคเหนอื ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคอีสาน จำนวน ๑๐ คำ ลงในแบบบันทึกภาษาถนิ่ ๙. สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้ 9.๑. บทกลอ่ มน้องนอน 9.๒. ปรศิ นาคำทาย ๑๐. ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เพลงแมห่ มา้ ยกล่อมลกู เอ๋อ....เออ...เออ...นอนสาหลา่ หลบั ตาแมส่ ิกลอ่ มนอนตื่นแลวจะเอาแก้วใส่มอื ออื ...อือม.์ .เออ ฮือ .. อือ นอนสาหล่าแม่สิกล่อม แมไ่ ป”ฮ่สปิ ้งิ ไกม่ าหา แมไ่ ปนาสิปิง้ ปลามาป้อน แมเ่ ล้ียงหม่อนให้นอนอ่สู าย ไหม ออื ...อือม์..เออ ฮอื .. อือ นอนสาหล่าหลับตาอยา่ ฟ่าวตื่น แมส่ ิข้นึ โคกคอยเก็บผักหวานมาแลกเขา้ เอา หน่อไม้แลกเขา้ เผ่ิน สิหาเงินมาเลย้ี งเจ้า ถนอมไวใ้ ห้ใหญส่ งู อาว์ อา ลูล น้า ป้าเหลยี วหาบ่เอิน้ ใสย่ ้อนนางทุก ๘ยากไฮ้ ลงุ ปา้ เผ่ินกะซังเสียใจเด้เฮอื นกะเพพอล้ืออยู่ มบี ่มเี ข้าอย่หู ้องสนิ อนลีอ้ ยู่จงั ได๋ เหลือใจเด๋นอหลา้ คำ แพงบ่มีพ่อ มแี ตแ่ ม่คอ้ ม่อ ทอนท่อพ่อบ่มี ส่ีปนี อหลา่ พ่อไปคา้ บ่คนื หลัง ไปหว่ังๆ ตายยังบ่ไดข้ ่าว ถม้ิ นางเล้ียง ลกู นอ้ ย ถ้ิมนางเลยี้ งลูกนอ้ ย ปรศิ นาคำทาย 1. อะหยงั เอ้าะ มาจากเมอื งจนี ถอื ศีลในเมืองไทย (เทยี นไข) 2. อะหยังเอา๊ ะ จ้างแมเ่ ฒา่ พับหูเบือ้ งเดยี ว (ประตู) 3. อะหยงั เอ๊าะ หวั สองหวั ตัว๋ มตี ๋วั เดยี ว (ไมค้ าน) 4. อะหยงั เอ๊าะ เก๊าเท่าเล่มป่ี ปลายมนั ตี่โยง ๆ จอ้ ง (รม่ ) 5. อะหยังเอ๊าะ แปดหู สองขา วิบากหนักหนา เอาขาซุกหู (ป่นิ โต) 6. อะไรเอย่ สบี าทฟาดหา (ผักตำลึง) 7. อะไรเอย่ ผักหนึง่ อยู่หนอง ผักสองอยู่วดั ผกั สามอยปู่ ่าช้า ผกั ส่ีอย่นู า (ผักเป็ด , ผกั ช,ี ผักแวน่ ) 8. อะไรเอ่ย กอเท่าครกใบปกดิน (ตะไคร้) 9. อะไรเอ่ยตน้ เท่าน้วิ กอ้ ย ใบยอ้ ยถึงดิน เดก็ เก็บมากิน ร้องใหร้ ่ำไร (พรกิ ) 10.อะไรเอย่ ฝนตกสิบห่า หลังคาไมเ่ ปยี ก (ผักกระเฉด)
แบบบนั ทึกภาษาถิน่ ชอื่ .............................................. สกลุ ................................. คำชแี้ จง นกั เรยี นเลอื กคำภาษาถ่ินจากเรื่องท่อี ่านแล้วนำมาเขยี นเป็นภาษาถ่ินประจำภาคทงั้ 4 ภาค จำนวน 10 คำ คำภาษาถ่นิ ภาคเหนอื ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคอสี าน
ตารางบนั ทึกคะแนนการรวบรวมคำภาษาถนิ่ ท่ี ชือ่ สกลุ ภาษาถน่ิ รวม หมายเหตุ เหนือ กลาง ใต้ อสี าน คะแนน เขยี นภาษาถิ่น แตล่ ะภาคๆละ 10 คำ รวม 40 คำ เกณฑ์การให้คะแนน ภาษาถ่ินทั้งหมดจำนวน 40 คำ ๆละ 1 คะแนน รวมคะแนนเต็มท้ังสน้ิ 40 คะแนน ลงชอื่ ................................................ () ครผู ู้สอน / ผู้ประเมิน
แบบบนั ทึกการสงั เกตและประเมินผลพฤตกิ รรมรายบุคคล ครั้งท่ี ………… เรอ่ื ง ................................................................ รหสั วิชา .......................... ภาคเรียนที่…....ปกี ารศึกษา………… ช้ัน................ โรงเรียน .................................. พฤติกรรม / ระดบั คะแนน ความ การมีสว่ น การตอบ การ ทำงาน ลำดับ ชอื่ – สกุล สนใจใน รว่ มใน คำถาม ยอมรับฟงั ตามท่ี รวม ท่ี การทำ การแสดง ความ ไดร้ ับ กจิ กรรม ความ คดิ เหน็ มอบหมาย คดิ เหน็ ผูอ้ ่นื 321321321321321 เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารประเมิน คะแนนเตม็ 15 คะแนน ระดบั 3 หมายถงึ มพี ฤติกรรมในระดบั ดี คะแนน 13 - 15 หมายถงึ ดี ระดับ 2 หมายถึง มีพฤติกรรมในระดบั ปานกลาง คะแนน 9 - 12 หมายถงึ ปานกลาง ระดบั 1 หมายถึง มพี ฤติกรรมในระดบั ปรับปรุง คะแนน 5 - 8 หมายถึง ปรับปรุง เกณฑ์การผา่ น รอ้ ยละ 60 ( 9 คะแนน ) ลงชือ่ ................................................ () ครผู สู้ อน / ผู้ประเมิน
แผนการเรยี นร้ทู ี่ ๗ ร้องเพลงพน้ื บ้านสนุกสนานกนั ทุกคน เวลา ๑ ชว่ั โมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คณุ ค่า และนำมาประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจรงิ ตวั ช้วี ัด ท ๕.๑ ป.๔/๑ อธิบายขอ้ คิดจากเพลงพืน้ บา้ น ท ๕.๑ ป.๔/๒ อธิบายข้อคดิ จากการอา่ นเพือ่ นำไปใชใ้ นชีวิตประจำวัน ท ๕.๑ ป.๔/๓ รอ้ งเพลงพนื้ บ้าน ๒. สาระสำคญั เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคณุ ค่า อธิบายขอ้ คิดจาก เพลงพน้ื บ้าน ร้องเพลงพน้ื บ้านทำให้เกิดความชืน่ ชมในวฒั นธรรมไทย จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรยี นสามารถร้องเพลงพ้นื บ้านได้ ๒. นกั เรียนวเิ คราะห์คุณค่าของเพลงพื้นบา้ นได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ การวจิ ารณเ์ รอ่ื งจากวรรณคดีและวรรณกรรม ๔. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ๔.๑ ความสามารถในการคิด ๔.๒ ความสามารถในการสือ่ สาร ๔.๓ ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต ๕. ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๕.๑ มุ่งม่นั ในการทำงาน ๕.๒ รกั ความเปน็ ไทย ๕.๓ รจู้ ักพอเพียง ๖. ชิ้นงาน/ภาระงาน ๖.๑ การวเิ คราะห์คณุ ค่าเพลงพื้นบ้าน ๗. การวัดประเมินผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์การผ่าน วิธกี าร ๑. แบบประเมนิ วเิ คราะห์คณุ ค่า นกั เรยี นจะตอ้ งผา่ นเกณฑร์ ้อย ๑. การวิเคราะห์คณุ ค่าเพลง พืน้ บา้ น เพลงพ้ืนบ้าน ละ ๖๐ ๘. กจิ กรรมการเรียนรู้ (ใชก้ ระบวนการเรียนรู้จากกระบวนการคิด) ข้ันที่ ๑ ขั้นสง่ เสริมให้ผเู้ รยี นคดิ 1. ให้นักเรียนรว่ มกันสนทนาเกย่ี วกับความรู้ในเรือ่ ง เพลงพน้ื บา้ น
ขน้ั ที่ ๒ ข้นั กระตุ้นความคิด ๒. ใหน้ กั เรียนอ่านเนื้อเพลงพ้นื บา้ นภาคอีสานทีค่ รนู ำมา ๓. ใหน้ ักเรียนรว่ มกันสนทนาใจความสำคัญของเพลง ๔. ใหน้ กั เรียนฝกึ รอ้ งเพลงโดยร้องตาม VCDทคี่ รูนำมา ๕. ขออาสาสมคั รออกมารอ้ งเพลงพืน้ บา้ นใหเ้ พอื่ นฟัง ขั้นท่ี ๓ ขั้นฝกึ ทกั ษะการคดิ ๖. ให้นักเรยี นแบ่งกล่มุ หาคำศัพท์ความหมายและใจความสำคญั ของเพลงจากนน้ั ออกมา นำเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรยี นครูและเพ่อื นกลุ่มอนื่ ร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้อง 7. ให้นกั เรยี นแบ่งกลุม่ ช่วยกันคดิ คำถามพร้อมคำตอบจากเน้อื เพลงเพอ่ื นำไปถาม หนา้ ชนั้ เรยี นและให้เพอื่ นกล่มุ อื่นๆช่วยกนั ค้นหาคำตอบ ขั้นท่ี 4 ขนั้ แลกเปลย่ี นกระบวนการคิด 8. ให้นักเรียนแบง่ กลุม่ อภิปรายเกย่ี วกับเน้ือเพลงในหวั ขอ้ ทค่ี รกู ำหนดจากนน้ั ออกมานำเสนอ ผลการอภิปรายหน้าชน้ั เรียน ขั้นท่ี 5 ขน้ั สรุป 9. ใหน้ ักเรียนวเิ คราะหค์ ุณค่าของเพลงในด้านอารมณ์ดา้ นสังคมและวัฒนธรรมและดา้ น ทักษะเชงิ วิจารณ์ ๑0. นักเรยี นและครูร่วมกนั สรปุ ข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวนั ๙. สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ 9.๑. กระดาษเปลา่ 9.๒. บัตรคำ 9.๓. แถบประโยค ๑๐. ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แบบบนั ทึกการวิเคราะห์คณุ คา่ เพลงพืน้ บา้ น ชอ่ื .............................................. สกลุ ................................. คำชแ้ี จง นกั เรียนเลอื กเพลงพื้นบา้ นมา 1 เพลง ตามความสนใจแลว้ นำมาวเิ คราะห์ตามหวั ข้อทีก่ ำหนด ช่อื เพลงพนื้ บา้ น ด้านอารมณ์ ด้านวัฒนธรรม ดา้ นสงั คม ด้านทกั ษะเชงิ วิจารณ์
การประเมนิ ผลงานนักเรยี น/ใบงาน ผ้ปู ระเมิน : ครูผู้สอนเปน็ ผปู้ ระเมิน และ ผู้เรยี นประเมนิ ตนเอง สิง่ ท่ีตอ้ งประเมนิ วิธีการวดั ผล ประเด็นท่ปี ระเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน ๑. ผลงาน แบบประเมนิ - การคดิ วิเคราะห์ ๓ คะแนน = มกี ารจบั ประเดน็ สำคญั ขยาย นกั เรยี น/ ผลงาน ความยกตวั อยา่ งเปรียบเทียบและสรปุ ใบงาน ความคดิ รวบยอดได้ดี ๒ คะแนน = มีการจับประเดน็ สำคัญได้แต่ ขยายความหรือยกตัวอยา่ งไม่ได้ ๑ คะแนน = มีการจับประเด็นสำคญั ได้นอ้ ย - การเขียนสื่อความ ๓ คะแนน = เขียนส่ือความได้ถกู ต้องตาม อกั ขรวิธตี รงประเด็นและเข้าใจงา่ ย ๒ คะแนน = เขียนสอื่ ความไม่ถกู ต้องตาม อักขรวธิ ี 2-3 แห่งตรงประเดน็ ๑ คะแนน = เขียนสอ่ื ความได้นอ้ ยไมต่ รง ประเด็น - มีความคดิ ๓ คะแนน = ผลงานมรี ปู แบบนา่ สนใจมี สรา้ งสรรค์ ความสัมพนั ธก์ บั หวั ขอ้ ที่กำหนดระบายสไี ด้ สวยงาม ๒ คะแนน = ผลงานมคี วามสัมพันธ์กับหัวข้อ ทกี่ ำหนดแตไ่ ม่ดึงดดู ความสนใจ ๑ คะแนน = ผลงานมีความสมั พนั ธก์ ับหวั ข้อ ท่กี ำหนดน้อยมาก - ประโยชนข์ องการ ๓ คะแนน = สามารถนำไปประยุกต์กบั นำข้อมลู ไปใช้ สถานการณ์ในชวี ติ ประจำวนั ไดอ้ ย่าง เหมาะสม ๒ คะแนน = สามารถนำไปประยกุ ต์กับ สถานการณ์ในชีวิตประจำวนั ได้บา้ ง ๑ คะแนน = สามารถนำไปใช้ประโยชนไ์ ด้ นอ้ ยมาก การประเมินผล คะแนน ๑๒ – ๙ = ดี (๓) คะแนน ๘ – ๕ = พอใช้ (๒) คะแนน ๔ – ๐ = ควรปรับปรงุ (๑)
การประเมินพฤตกิ รรมขณะรว่ มกจิ กรรมของนกั เรียน ๒. พฤติกรรมขณะ แบบบันทกึ การ ความมงุ่ มั่นในการทำงาน เกณฑก์ ารให้คะแนน ร่วมกจิ กรรมของ สังเกตและ - ความสนใจในการทำ ระดับ ๓ หมายถึง มี นักเรยี น ประเมินผล กจิ กรรม พฤตกิ รรมในระดบั ดี พฤติกรรม - การมีส่วนรว่ มในการ ระดบั ๒ หมายถึง มี รายบคุ คล แสดงความคิดเห็น พฤตกิ รรมในระดับปานกลาง - การตอบคำถาม ระดับ ๑ หมายถงึ มี - การยอมรับฟังความ พฤตกิ รรมในระดบั ปรับปรงุ คิดเหน็ ผอู้ ่ืน - ทำงานตามท่ไี ดร้ บั มอบหมาย เกณฑก์ ารประเมนิ ผล คะแนน๑๕ –๑๓ = ดี (๓) คะแนน๑๒ – ๙ = ปานกลาง (๒ ) คะแนน๘ – ๕ = ควรปรบั ปรุง (๑) เกณฑ์การประเมนิ ความรับผิดชอบ ๓. ความรบั ผิดชอบ แบบประเมนิ ความ ๑. ความรบั ผดิ ชอบต่อการ เกณฑ์การให้คะแนน ตระหนักรดู้ ้าน เรยี น ระดบั ๓ หมายถึง คณุ ธรรมและความ ๒. ความรับผิดชอบตอ่ การ มีพฤตกิ รรมในระดบั ดี รับผิดชอบ ปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีและงานที่ ระดับ ๒ หมายถึง ไดร้ บั มอบหมาย มีพฤติกรรมในระดับปาน ๓. ความรับผิดชอบตอ่ การ กลาง กระทำของตน ระดบั ๑ หมายถึง ๔. ความรบั ผิดชอบตอ่ มพี ฤตกิ รรมในระดับ เพอ่ื น ปรบั ปรุง (คำอธบิ ายคณุ ภาพตาม ตารางดงั แนบ) เกณฑก์ ารประเมนิ ผล คะแนน๒.๕ – ๓.๕๐= ดี คะแนน๑.๕๑ – ๒.๕๐ = พอใช้คะแนน๑.๐๐– ๑.๕๐= ควรปรบั ปรงุ
แผนการเรียนรทู้ ่ี ๘ เรื่อง การอา่ นออกเสียงและเขยี นตามคำบอก เวลา ๑ ช่ัวโมง ๑.มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลัง ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ ตวั ช้วี ัด ท ๔.๑ ป. ๔/๑ สะกดคำและบอกความหมายของคำในบรบิ ทต่างๆ ท ๔.๑ ป. ๔/๓ ใชพ้ จนานุกรมคน้ หาความหมายของคำ ๒.สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การอ่านออกเสยี ง เปน็ ทักษะการสื่อสารท่ที ำใหค้ นอ่นื สามารถรับรเู้ ร่อื งราว เนือ้ หาสาระจากผ้อู ่านได้ ด้วย ดังนัน้ ควรอ่านให้ถกู ตอ้ งตามหลกั การอ่าน จึงจะทำใหก้ ารอ่านประสบความสำเรจ็ กระทำได้โดยฝึกอา่ นคำ ยาก ฝกึ อ่านตามลักษณะของเสยี งและคำประพันธ์ รูจ้ ักใช้น้ำเสยี งตามอารมณ์ของตัวละคร เน้นจงั หวะหนกั เบา เหมือนเสียงพูด จะทำให้อ่านได้ถกู ต้อง คลอ่ งแคลว่ และชว่ ยให้สอ่ื สารไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑.อ่านออกเสยี งคำได้ถกู ต้อง ๒. เขียนตามคำบอกคำพน้ื ฐานและสามารถใชพ้ จนานุกรมคน้ หาความหมายได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ 3.๑. การใชพ้ จนานุกรม 3.๒. การเขา้ ใจความหมายของเรอ่ื งทอี่ ่าน ๔. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๔.๑ ความสามารถในการส่อื สาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๕. คุณลักษณะอันพึงประสงค/์ ค่านิยม ๕.๑ ใฝ่เรียนรู้ ๕.๒ มุ่งมน่ั ในการทำงาน ๖.ช้นิ งาน/ภาระงาน สมดุ คำศพั ท์ ๗.การวัดผลประเมนิ ผล เครื่องมอื เกณฑ์การผ่าน วิธีการ ๑. คำศัพท์ในบทเรียน นักเรียนจะตอ้ งผา่ นเกณฑ์ร้อย ๑.ตรวจสมุดคำศัพท์ ละ ๖๐ ๘.กจิ กรรมการเรียนรู้ (กระบวนการสรา้ งความรู้) ข้ันท่ี ๑ ขน้ั แนะนำ ๑.ทดสอบหลังเรยี น ๒. นักเรียนรว่ มกนั สนทนาทบทวนบทเรียนจากชัว่ โมงที่ผ่านมา ๓. นกั เรียนฝกึ อา่ นคำยากในบทเรียนจากบัตรคำทค่ี รูเตรยี มมา
ขนั้ ที่ ๒ ขัน้ ทบทวนความรเู้ ดิม ๔. สนทนาความหมายของคำยากโดยให้นกั เรยี นคน้ คว้าหาความหมายจากพจนานกุ รมแล้ว ทำลงในใบงาน ขัน้ ท่ี ๓ ข้นั กิจกรรมการเรียนรู้ ๕. นกั เรยี นอา่ นออกเสียงจากแถบประโยค หรือแผนภมู ปิ ระโยคที่ครเู ขียนบนกระดานดำโดย สงั เกตคำที่ขดี เส้นใต้ ๖. นกั เรียนฝึกอ่านออกเสยี งในบทเรยี น โดยครอู ่านใหน้ ักเรียนฟงั เปน็ ตวั อยา่ งแล้วให้ นักเรียนอา่ นตาม จากนัน้ ใหน้ ักเรียนฝึกอา่ นคนละ ๑ ยอ่ หน้า ขน้ั ที่ ๔ ขน้ั ปรบั เปลี่ยนความคดิ ๗. นักเรียนฝกึ อ่านในกลมุ่ ของตนเองจนคลอ่ ง ๘. นักเรยี นคนใดทีอ่ ่านบกพร่อง ใหม้ าอา่ นกบั ครูเป็นรายบคุ คล ๙. นกั เรียนเขยี นตามคำบอก เสรจ็ แลว้ ตรวจคำตอบจากบัตรเฉลยท่ีครูแสดงให้ดู ขน้ั ที่ ๕ ขน้ั นำไปใช้ ๑๐. นักเรยี นนำคำศัพท์ท่เี ป็นคำยากจากเรอื่ ง มารว่ มเลา่ เรอื่ งจากเมอื งใต้ ในหนงั สอื เรียน ภาษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ นำไปหาความหมายของคำศพั ท์ ๑๑. นกั เรยี นทำใบงาน คอื รวบรวมคำศพั ท์ จดั ทำเป็นรูปเล่มสมดุ คำศัพท์ ๑๒. นักเรยี นร่วมกนั สรุปบทเรยี น ๙. ส่ือ / แหล่งการเรยี นรู้ 9.๑. บตั รคำยาก 9.๒. พจนานุกรม 9.๓. หนงั สือเรียนภาษาไทย ชดุ ภาษาเพอ่ื ชวี ิต ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ชดุ วรรณคดีลำนำ 9.๔. แบบฝึกหัดทักษะภาษา ชดุ ภาษาเพื่อชวี ติ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ๑๐. ขอ้ เสนอแนะ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
คำศัพท์ คำช้แี จง ให้นกั เรียนนำคำศพั ท์ยากจากบทเรยี นเรือ่ ง เล่าเรอ่ื งจากเมืองพทั ลงุ ไปค้นหาความหมายจาก พจนานุกรมแล้วรวบรวมเป็นสมดุ คำศพั ท์ ท่ี คำศัพท์ ความหมาย
ภาคผนวก
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น – หลงั เรียน หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๒ เรือ่ ง มาร่วมเล่าเร่อื งจากเมืองใต้ คำช้แี จงใหน้ กั เรยี นทำเครอื่ งหมาย × ทับตวั อักษร ก ข ค ง ทถี่ ูกท่ีสดุ เพยี งข้อเดยี ว ๑. ข้อใดเป็นจงั หวะในการอ่านกลอนสี่ ๖. คางคกขนึ้ วอ มคี วามหมายคล้ายกบั สำนวนใด ก. เดก็ เอ๋ย/เด็กไทย// ตั้งใจ/ศึกษา// ข. เติบ/ใหญ่ภายหนา้ // วิชา/เลยี้ งตน// ก.คอทองแดง ข.นำ้ ตาตกใน ค. แสงแห่ง/ปัญญา// มคี า่ มาก/ลน้ // ง.สอ่ งทางให/้ คน//พน้ /ความลำเคญ็ // ค.กง้ิ ก่าได้ทอง ง.นกสองหวั ๒. งานเขียนในขอ้ ใดไมใ่ ชก่ ารเขียนเรื่องตาม ๗. ใครปฎบิ ตั ิตนไมเ่ หมาะสมในการเขยี นรายงาน จินตนาการ ก. แอน คัดลอกขอ้ ความจากหนังสืออื่นโดยไม่ ก.เรื่องสัน้ บอกทมี่ าของข้อความ ข นิทาน ข. อ้งุ ตรวจทานรายงานทเี่ ขียนเสรจ็ แล้วปรบั ปรงุ ค. นวนิยาย ง. ขา่ วการเมอื ง แกไ้ ขใหส้ มบูรณ์ ค. ออ๋ ม นำขอ้ มูลทคี่ ้นคว้ามาเขยี นเรยี บเรียงใหม่ ๓. พ่อบอกว่าไมต่ อ้ งการนำเรื่องนี้ไปแพรง่ พราย ขอ้ ดว้ ยภาษาของตนเอง ใดมีความหมายใกล้เคียงกับคำว่า แพร่งพราย ง. เอย๋ วางแผนการเขยี นรายงานกอ่ นจะเขียน ก. ค้นคว้า ข. แยกแยะ รายงานทุกครง้ั ค. พูดคุย ง. เปิดเผย ๘.ขอ้ ใดปฏิบัติตนในการคัดลายมอื ไม่ถูกตอ้ ง ก.วางรูปสระ และวรรณยุกตใ์ หถ้ ูกที่ ๔.ผูร้ า้ ยพอเห็นตำรวจกโ็ กยอา้ วไปเลย คำวา่ โกย ข.ทำเครื่องหมายลอ้ มรอบคำท่ีเขียนผิด แลว้ เขียน อา้ ว หมายความว่าอย่างไร ก.ว่งิ หนโี ดยเร็ว ใหม่ ข.พดู แก้ตัวทนั ที ค.เว้นระยะชอ่ งไฟให้เท่ากนั ค.หลบซ่อนตัวอยา่ งเงยี บๆ ง.เขยี นตวั อกั ษรใหถ้ ูกตอ้ ง ง.ตกใจจนทำอะไรไม่ถกู ๙.อ้อมตอ้ งการอ่านขา่ วสาร บทความ และเรื่องราว ๕. ขอ้ ใดมีความหมายตรงกับสำนวน รักดังแกว้ ตา เก่ียวกบั วงการบนั เทิง อ้อมควรเลอื กอ่านหนังสือใด ก.แม่สวมแว่นตากันแดดเพ่ือทะนุถนอมสายตา ก. นติ ยสารการเมืองการปกครอง ข.แมเ่ ล้ยี งดูลูกอยา่ งทะนุถนอม ข. หนังสือเรยี นวิชาสงั คมศึกษา ค.พี่ถือแกว้ อยา่ งทะนุถนอม ค. หนังสือพมิ พร์ ายวัน ง.ฉนั ล้างแกว้ สะอาด ง. นิตยสารซุบซิบดารา ๑๐. ใครไมม่ ีมารยาทในการอา่ น ก.อุ๋ยอา่ นหนงั สือให้เพื่อนฟงั ในห้องสมดุ ข.อ๋วิ ไม่ขีดเขยี น หรอื ทำลายหนงั สือที่ยมื เพอ่ื นมา อ่าน ค.เอไ๋ ม่อา่ นสมุดบันทึกสว่ นตัวของโอ๋ ง.เอกอ่านหนงั สืออยา่ งตั้งใจ
มีการวางแผน แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ทำตามแผน ีมความค ่ลองแค ่ลวหน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๒ เรื่อง มาร่วมเล่าเรอ่ื งจากเมอื งใต้ ทำงานร่วมกับ ู้ผอ่ืนไ ้ดช่อื ช้ินงาน/ภาระงาน การทำงานเป็นกระบวนการกลมุ่ ................................................................................ ทำงานเสร็จตามกำหนด___________________________________________________________________________ สนใจและ ้ัตงใจทำงานคำช้ีแจง ๑. เขียนเครื่องหมาย ในช่องรายการประเมนิ ทต่ี รงกับพฤติกรรมนักเรียน รักความสะอาดเ ็ปนระเ ีบยบ ข ัยนอดทน๒. เขียนเครอื่ งหมาย ในชอ่ งรายการประเมนิ ท่นี กั เรยี นไม่แสดงพฤตกิ รรม ีมความรับ ิผดชอบเกณฑ์การประเมิน การผ่านการประเมนิ ต้องผา่ นทุกรายการ แล้วใช้อักษร ผ (ผ่าน) มผ (ไมผ่ ่าน) มีความ ิคดริเร่ิมสร้างสรร ์ค สรุปผลรายการประเมนิ เลข ท่ี ช่ือ – สกลุ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕
แบบประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๒ เรอ่ื ง มาร่วมเล่าเรอื่ งจากเมอื งใต้ คำช้แี จง ๑. เขียนเคร่ืองหมาย ในช่องรายการประเมนิ สมรรถนะทผี่ ่านการประเมิน ๒. เขยี นเครอ่ื งหมาย ในช่องรายการประเมนิ ที่นกั เรียนไม่ผ่านการประเมิน ๓. ช่องสรุปทำเครอ่ื งหมาย ✓ ลงในชอ่ ง ผ่าน เมื่อนักเรยี นผา่ นการประเมินสมรรถนะครบทกุ ขอ้ ทำเครอื่ งหมาย ✓ ในช่อง ไมผ่ า่ น กรณีนกั เรยี นไม่ผ่านการประเมินขอ้ ใดขอ้ หนง่ึ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน สรุป เลขท่ี ชื่อ - สกุล ๑. ความสามารถ ผ่าน ไม่ผ่าน ในการ ่ืสอสาร ๒. ความสามารถ ในการ ิคด 3. ความสามารถใน การแก้ ัปญหา ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕
แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรอ่ื ง มาร่วมเล่าเรอื่ งจากเมืองใต้ คำชีแ้ จง ๑. ทำเคร่ืองหมาย ✓ ในช่องรายการคุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงคใ์ นช่องรายการใหต้ รงกบั ระดับ คุณภาพ ที่ประเมนิ ๒. ชอ่ งสรปุ ทำเครอื่ งหมาย ✓ ลงในช่อง (ผ่าน) เมื่อนกั เรยี นมผี ลการประเมินคณุ ลักษณะระดับผ่าน ขนึ้ ไปทกุ ข้อ ทำเครอ่ื งหมาย ✓ ในช่อง (ไม่ผา่ น) กรณีนักเรยี นไม่ผ่านการประเมินขอ้ ใดขอ้ หน่งึ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ สรุป ๑.มวี ินยั ๒.ใฝ่ 3.ม่งุ มน่ั ใน เลข เรยี นรู้ การทำงาน ่ผาน ท่ี ระดับ ระดบั ระดับ ระดับ ระดับ ระดบั ระดบั ไ ่ม ่ผาน คุณภาพ คณุ ภาพ คณุ ภาพ คุณภาพ คุณภาพ คุณภาพ คณุ ภาพ ๐๑๒๓๐๑๒๓๐๑๒๓๐๑๒๓๐๑๒๓๐๑๒๓๐๑๒๓ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ คำอธบิ าย ระดับ ๓ = ดเี ย่ยี ม , ระดบั ๒ = ดี , ระดับ ๑ = ผ่าน , ระดบั ๐ = ไมผ่ ่าน หมายเหตุ ใหศ้ ึกษาแนวทางการวดั และประเมินผลคุณลกั ษณะอันพึงประสงคป์ ระกอบการประเมิน
แบบสรุปคะแนนตามตวั ชวี้ ดั ประจำหน่วย หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เร่อื ง มาร่วมเล่าเรอ่ื งจากเมืองใต้ มฐ. ท ๑.๑ มฐ. ท ๒.๑ มฐ. ท ๓.๑ มฐ. ท ๔.๑ มฐ. ท ๕.๑ เลขท่ี ตชว. ที่ ...... ตชว. ท่ี ตชว. ที่ ตชว. ท่ี ตชว. ท่ี คะแนน สรุป คะแนน สรปุ คะแนน สรุป คะแนน สรุป คะแนน สรปุ ผ/มผ. ผ/มผ. ผ/มผ. ผ/มผ. ผ/มผ. ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ๑๘ ๑๙ ๒๐ หมายเหตุ ให้นำผลคะแนนตามตวั ชวี้ ดั ที่ได้รบั การประเมินจากชิน้ งานและภาระงานประจำหน่วยการเรยี นรู้มากรอก เพื่อนำไปเปน็ ข้อมูลสรปุ การประเมนิ แต่ละตัวช้ีวัดปลายปี สรปุ ลงใน ปพ.๕ ตอ่ ไป
Search