๑ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๒ เรอ่ื ง ออมไว้ได้กำไรชวี ิต กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทยรายวิชา ภาษาไทยรหสั วิชา ท ๑๔๑๐๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ นางอรวรรณ ปานจำรญู ครผู สู้ อน โรงเรยี นวดั พชื นิมติ (คำสวัสด์ิราษฎรบ์ ำรุง) ตำบลคลองหนึง่ อำเภอคลองหลวง จงั หวัดปทุมธานี สำนักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาปทมุ ธานี เขต ๑
๒ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๒ เรอ่ื ง ออมไว้ได้กำไรชีวิต กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๑๔๑๐๑ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๔ เวลา 6 ชวั่ โมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวช้ีวัด สาระที่ ๑การอ่าน มาตรฐานการเรยี นรู้ ท๑.๑ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้ และความคิดเพ่ือนำไปใชต้ ัดสนิ ใจ แก้ปัญหาในการดำเนนิ ชวี ติ และมนี สิ ยั รกั การอ่าน ตวั ชว้ี ัด ป.๔/๑ อา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองไดถ้ ูกตอ้ ง ป.๔/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ประโยค และสำนวนจากเร่อื งท่อี า่ น ป.๔/๓ อ่านเร่ืองส้ันๆ ตามเวลาท่ีกำหนดและตอบคำถามจากเร่อื งทีอ่ า่ น ป.๔/๖ สรปุ ความรู้และข้อคิดจากเรอ่ื งท่ีอ่านเพอื่ นำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวัน ป.๔/๘ มมี ารยาทในการอา่ น สาระท่ี ๒ การเขยี น มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๒.๑ใชก้ ระบวนการเขยี นเขียนสือ่ สาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรอ่ื งราวในรูปแบบ ต่างๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าอย่างมีประสทิ ธิภาพ ตวั ช้ีวัด ป.๔/๑ คดั ลายมอื ตวั บรรจงเตม็ บรรทดั และครึง่ บรรทดั ป ๔/๒ เขยี นส่ือสารโดยใช้คำได้ถกู ต้องชัดเจน และเหมาะสม ป.๔/๓ เขียนแผนภาพโครงเรือ่ งและแผนภาพความคดิ เพื่อใช้พฒั นางานเขียน ป.๔/๔ เขยี นย่อความจากเรื่องสนั้ ๆ ป.๔/๘ มมี ารยาทในการเขียน สาระท่ี ๓ การฟัง การดู และการพดู มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดอู ย่างมวี จิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด และความรสู้ กึ ในโอกาสต่างๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์ ตัวชีว้ ัด ป.๔/๒ พูดสรุปความจากการฟงั และดู ป.๔/๓ พดู แสดงความรู้ ความคดิ เห็นและความรู้สึกเกยี่ วกับเรอื่ งท่ีฟงั และดู ป.๔/๔ ตั้งคำถามและตอบคำถามเชงิ เหตผุ ลจากเร่อื งทฟี่ ังและดู ป.๔/๖ มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด
๓ สาระท่ี ๔ หลักการใช้ภาษาไทย มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของ ภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ ตัวชว้ี ัด ป.๔/๖ บอกความหมายของสำนวน สาระที่ ๕ วรรณคดี และวรรณกรรม มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เห็น วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคณุ คา่ และ นำมาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตจรงิ ตัวช้วี ัด ป๔/๒อธิบายข้อคิดจากการอ่านเพื่อนำไปใช้ในชีวิตจริง ป ๔/๔ ทอ่ งจำบทอาขยานตามทกี่ ำหนดและบทร้อยกรองงท่มี คี ุณค่าตามความสนใจ ๒. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การอ่านเนื้อหาจะต้องฝึกจับใจความสำคัญ ของเรื่องที่อ่าน การอ่านออกเสียงได้ถูกต้องตาม อักขรวิธี และฉันทลักษณอ์ ย่างคล่องแคลว่ สามารถถ่ายทอดอารมณต์ ามเรื่องทีอ่ ่านเป็นการส่ือความหมาย ไปสู่ผู้ฟังไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ การศกึ ษาคำศัพท์ สำนวนและความหมายของคำ ทำใหเ้ ราเกดิ ความเข้าใจ ได้ถกู ต้องและชัดเจนนำใช้ได้ถูกตอ้ งเหมาะสมกับบริบทของคำศัพท์ ขอ้ ความ การคัดลายมือจากบทร้อย กรองได้ถกู ตอ้ งและสวยงามทำใหอ้ ่านงา่ ยข้ึนและน่าสนใจและการตง้ั คำถามจากนิทาน การเขียนแผนภาพ โครงเรื่อง การเรียนรู้เรื่องสำนวนเปรียบเทียบ ปริศนาคำทาย เป็นการฝึกจับใจความสำคัญและถอด ความหมายได้เปน็ อยา่ งดี ๓. สาระการเรียนรู้ ความรู้ (K) ๑. หลักการอ่านเขยี นคำศัพท์ ๒. หลกั การอา่ นจบั ใจความ ๓. หลกั การเขียนแผนภาพโครงเร่อื ง ๔. หลกั การอา่ นออกเสยี ง ๕. หลกั สำนวนเปรียบเทียบ ๖. หลักปริศนาคำทาย ๗. หลักการฝึกหดั คัดลายมอื ๘. การตั้งคำถามจากนิทาน ๙. หลกั การอา่ นบทรอ้ ยกรองเงนิ ตราน่ารู้ ทกั ษะ/กระบวนการ (P) ๑. เขยี นแผนภาพโครงเร่ือง ๒. อา่ นจบั ใจความ ๓. อา่ นออกเสยี ง
๔ ๔. คัดลายมือ ๕. ต้ังคำถาม เจตคติ (A) ๑. เห็นคุณค่าของการออม ๒. มมี ารยาทในการอ่าน ๓. มีมารยาทในการเขยี น ๔. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ๑. มีความสามารถในการสอื่ สาร ๒. มคี วามสามารถในการคดิ -ทักษะการคดิ วิเคราะห์ ๕. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. มีวินยั ๒. ซ่ือสตั ยส์ จุ ริต ๓. อยู่อย่างพอเพียง ๖.ช้ินงาน/ภาระงาน ๑. อา่ นออกเสยี งและจับใจความสำคัญเร่ืองออมไวก้ ำไรชีวิต ๒. จดั ทำสมดุ เล่มเล็กคำศพั ท์และความหมายเร่อื งออมไวก้ ำไรชวี ิต ๓. เขียนแผนภาพโครงเรอ่ื งออมไวไ้ ด้กำไรชวี ิต ๗. การวัดและประเมนิ ผล วิธกี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์การผา่ น ๑.ประเมนิ การอา่ นออกเสยี ง ๑. แบบประเมินการอา่ นออกเสยี ง ๑. เกณฑก์ ารอ่านออกเสยี ง ชว่ งคะแนน ๑๔ – ๑๘ ระดบั คุณภาพ ดี ชว่ งคะแนน ๘ – ๑๒ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ช่วงคะแนนต่ำกวา่ ๘ ระดบั คุณภาพ ปรับปรุง ๒. ประเมนิ การอา่ นจบั ๒. แบบประเมินการอ่านจบั ใจความ ๒. เกณฑ์การอา่ นจับใจความ ใจความ ช่วงคะแนน ๙ – ๑๒ ระดับคณุ ภาพ ดี ช่วงคะแนน ๕ – ๘ ระดับคุณภาพ พอใช้ ช่วงคะแนนตำ่ กว่า ๕ ระดับคุณภาพ ปรับปรุง ๓. ประเมินการทำสมุดเล่ม ๓. แบบประเมนิ การทำสมุดเลม่ เลก็ ๓. เกณฑ์การทำสมุดเล่มเล็กคำศัพท์และ เล็กคำศัพท์และความหมาย คำศพั ท์และความหมาย ความหมาย เรอ่ื งออมไว้กำไรชวี ติ ชว่ งคะแนน ๙ – ๑๒ ระดบั คณุ ภาพ ดี ชว่ งคะแนน ๕ – ๘ ระดับคุณภาพ พอใช้ ช่วงคะแนนต่ำกวา่ ๕ ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรุง ๔.การเขยี นแผนภาพโครง ๔.แบบประเมินการเขียนแผนภาพ ๔. เกณฑ์การเขียนแผนภาพโครงเร่ือง เรื่องเรื่องออมไวไ้ ด้กำไรชวี ติ โครงเรอื่ ง ชว่ งคะแนน ๑๔ – ๑๘ ระดับคุณภาพ ดี ช่วงคะแนน ๘ – ๑๒ ระดับคณุ ภาพ พอใช้
๕ วธิ ีการ เครื่องมอื เกณฑ์การผ่าน ช่วงคะแนนต่ำกวา่ ๘ ระดับคุณภาพ ปรบั ปรุง ๘. กิจกรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ ๑ การศกึ ษาคำศัพท์ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. อ่านและเขียนคำศัพท์ได้ถูกตอ้ ง กิจกรรมการเรยี นรู้ ครูให้นกั เรียนทำขอ้ สอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้เรื่อง ออมไวก้ ำไรชวี ติ (ภาคผนวก) ขน้ั นำ ๑. ครูยกบตั รคำศพั ท์ให้นักเรียนดู แลว้ ใหน้ ักเรยี นอา่ นออกเสยี งดังๆ พร้อมกัน เชน่ ธนบัตร อ่านว่า ท ะ – นะ – บัด กตญั ญู อ่านว่า กะ – ตนั – ยู สงั สรรค์ อา่ นว่า สัง – สนั ฯลฯ ๒. ครูแจ้งจดุ ประสงค์การเรยี นรใู้ หน้ กั เรยี นทราบและแนะนำให้เขา้ ใจความสำคัญของการออม เงนิ และประโยชน์ของการประหยดั อดออม ขน้ั สอน ๑. ตัวแทนนักเรียนนำบัตรคำศัพท์ที่ครูเตรียมไว้ติดบนกระเป๋าผนังพร้อมกับบัตรคำอ่านให้ นกั เรียนสงั เกตบัตรคำทปี่ รากฏ ๒. เลอื กสุม่ นักเรียนอา่ นคำศัพท์ให้เพือ่ นฟัง และให้เพอ่ื นอ่านตามคำละ ๒ คร้ัง เน้นการ อา่ นออกเสยี งถกู ตอ้ ง และชัดเจนจากน้ันครูอธิบายความหมายของคำศพั ทแ์ ต่ละคำให้นักเรียนเขา้ ใจ ๓. นักเรียนอ่านคำบนกระเป๋าผนังจนครบทุกกลุ่มใครอ่านไม่ได้หรือไม่คล่องให้เพื่อนช่วยจน สามารถอ่านคล่อง ๔. แต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมารับกระดาษแผน่ ใหญ่จากครู แลว้ ร่วมกันค้นหาความหมายของ คำศัพท์ทีม่ ใี นบทเรียนจากพจนานุกรมบนั ทกึ ลงในกระดาษแผ่นใหญ่
๖ ๕. นกั เรยี นเปิดหนงั สอื เรยี นสาระการเรยี นรพู้ ืน้ ฐานภาษา ช้ันประถมปที ี่ ๔ ภาษาพาที เล่ม ๑ บทที่ ๒ เรอ่ื ง ออมไวก้ ำไรชีวติ แล้วอา่ นออกเสียงบทเรยี นคนละ ๕ บรรทัด ตามลำดับเลขท่ี จาก หนา้ ๑๗ ถึงหน้า ๒๑ ตอ่ กนั จนจบ โดยอา่ นเวียนจนครบทกุ คน ๖. ใหน้ ักเรยี นอ่านออกเสยี งกนั เองอกี ครงั้ พรอ้ ม ๆกนั ครูคอยสงั เกตการอ่านของเด็ก ๆ เพ่อื นำไปเปน็ ขอ้ มูลในการพัฒนาต่อไป ขนั้ สรุป ๑. นักเรยี นชว่ ยกันสรปุ แนวคิดจากเร่ืองเมื่ออ่านจบแล้ว ๒. ครอู ธิบายใหน้ กั เรียนเกิดความเขา้ ใจวา่ การนำพยญั ชนะ สระ และวรรณยกุ ตม์ าประสมรวมกนั จะ ทำใหเ้ กิดเปน็ คำตา่ งๆ ซงึ่ นกั เรียนควรอา่ น และเขียนคำใหถ้ ูกตอ้ งและรคู้ วามหมาย เพือ่ จะได้ใชภ้ าษาไทยได้ ถูกตอ้ งต่อไป ๓. ครใู ห้นักเรยี นบนั ทกึ คำศัพท์ลงสมดุ บันทึก ๔. ครูแนะนำสง่ เสริมใหน้ กั เรียนอา่ นหนังสอื ตา่ ง ๆ เพ่อื สรา้ งนิสัยรักการอ่านใหต้ ดิ เปน็ นิสัย สือ่ และแหล่งเรยี นรู้ ๑. บตั รคำศพั ท์ จากบทเรยี นท่ี ๒ จากเร่ือง ออมไว้กำไรชีวิตหนงั สือเรยี นภาษาไทย ภาษาพาที ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ เร่อื ง ออมไว้ไว้กำไรชวี ติ การวัดผลประเมินผล วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์ ๑. สงั เกตการอ่านออกเสียง แบบสังเกตการอา่ นออกเสยี ง ๑. เกณฑก์ ารอ่านออกเสยี งและเขยี นคำศัพท์ และเขยี นคำศัพท์ และเขียนคำศพั ท์ ชว่ งคะแนน ๙ – ๑๒ ระดับคุณภาพ ดี ช่วงคะแนน ๕ – ๘ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ชว่ งคะแนนต่ำกวา่ ๕ ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรุง ชัว่ โมงท่ี ๒ การอ่านจบั ใจความ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อา่ นจับใจความสำคญั จากเรอ่ื งท่ีอา่ น กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั นำ ๑. ครพู ูดคยุ ทกั ทายนกั เรยี น จากน้ันครูถามนกั เรียนเกยี่ วกบั การออมทรัพย์ เช่น ใครมีการเก็บออม เงินทเ่ี หลือจากการใช้จา่ ยประจำวันบา้ งและซกั ถามว่าการออมทรพั ย์มีประโยชนอ์ ย่างไรต่อตนเอง ข้ันสอน ๑. ครอู ธบิ ายให้นกั เรียนเกดิ ความเขา้ ใจวา่ การอา่ นอะไรตอ้ งจับใจความให้ไดแ้ ละตอบคำถามได้ ตลอดถงึ การเรยี งลำดบั เหตกุ ารณต์ า่ ง ๆจะทำใหเ้ ขา้ ใจเรอ่ื งราวตา่ งๆไดด้ ี
๗ ๒. นักเรยี นอ่านในใจเรื่อง ออมไวไ้ ดก้ ำไรชวี ติ จากหนังสือภาษาพาที หน้า ๒๑ – ๒๗ ภายใน เวลาทก่ี ำหนดไว้และให้นักเรียนสรุปใจความสำคัญ โดยใช้คำถามดังน้ี ใคร ทำอะไร ทไี่ หน อย่างไร เมอ่ื ไร ๓. ครใู ห้นักเรียนสมคั รออกมาหน้าช้ันเรยี นเพ่อื เล่าเรื่องตามลำดับเหตกุ ารณห์ นา้ ชั้นเรียน ขน้ั สรุป ๑. นักเรยี นและครูช่วยกนั สรปุ หลักการจับใจความสำคญั ของการอ่านในเรื่องตา่ งๆรว่ มกนั โดยการ ใชค้ ำถามและตอบคำถาม ๒. นักเรยี นเขยี นเร่อื งราวยอ่ ของออมไวไ้ ดก้ ำไรชีวิตตามลำดบั เหตุการณท์ ี่เกิดขนึ้ ตามรูปแบบที่ นักเรยี นถนัด สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้ หนังสือเรยี นภาษาไทยภาษาพาที ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ การวัดผลประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์ วธิ กี าร แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการ ๒. เกณฑ์การอ่านจับใจความสำคัญ ๑. สังเกตการรว่ มกิจกรรม อ่านจบั ใจความสำคัญ ช่วงคะแนน ๙ – ๑๒ ระดบั คณุ ภาพ ดี การเรียนการสอนในชนั้ ชว่ งคะแนน ๕ – ๘ ระดับคุณภาพ พอใช้ เรยี นและการจับใจความ ชว่ งคะแนนตำ่ กวา่ ๕ ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรุง สำคญั ชั่วโมงที่ ๓ สำนวนเปรียบเทยี บ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรยี นบอกความหมายของสำนวนเปรียบเทียบได้ ๒. นกั เรียนบอกประเภทของสำนวนเปรียบเทียบได้ กิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ นำ ๑. ครยู กตัวอย่างสำนวนที่ใช้เปรยี บเทยี บใหน้ ักเรียนได้เข้าใจความหมายว่าเป็นสำนวนเพอื่ ให้เข้าใจ เรือ่ งที่พูดแฝงดว้ ยข้อคดิ ซ่งึ เรียกวา่ คำพังเพย เช่น เงยหนา้ อ้าปากหมายถึง มีฐานะดขี ้ึนกวา่ เดิมทัดเทยี มเพอื่ น น้ำพึง่ เรือ เสือพง่ึ ปา่ หมายถงึ การอาศัยซึง่ กันและกนั เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ หมายถงึ แสรง้ ทำเปน็ ไมร่ ู้ไม่เหน็ ไมส่ นใจให้นักเรียนฟงั ข้นั สอน ๑. ครูและนกั เรียนสนทนาเกยี่ วกบั สำนวนไทยจากบทเรยี นและความหมายของสำนวนภาษา เปรียบเทยี บจากบทเรยี นเรื่อง “ออมไวก้ ำไรชวี ติ ”จากน้ันครยู กตัวอย่างสำนวนประเภทตา่ งๆ ทใี่ ช้ เปรียบเทียบเพอ่ื สอนใหท้ ำหรือเว้นไมใ่ หท้ ำ เรยี กวา่ ภาษติ หรือสภุ าษติ เชน่ ตามใจปากมากหนี้ หมายถึง เหน็ แกก่ นิ ยอ่ มสิน้ เปลอื งมาก
๘ รไู้ วใ้ ชว่ ่าใส่บา่ แบกหาม หมายถงึ เรียนรู้ไว้ไม่หนักเรยี่ วหนกั แรงหรอื เสียหายอะไร นำ้ ขนุ่ ไวใ้ นนำ้ ใสไว้นอก หมายถึง แม้ไมพ่ อใจก็ยังแสดงสีหน้า ย้ิมแย้ม สำนวนทเ่ี ป็นความหมายเปรียบเทยี บหรอื ความหมายแฝง ไม่ได้มีความหมายตรงตามความหมาย เดมิ เชน่ ชักใย แมงมมุ ชักใย (ความหมายตรง) กลุ่มผู้ประทว้ งมีคนชักใยอยู่เบอ้ื งหลงั (ความหมายแฝง) หมายถึง มผี ้บู งการหรือกำกบั อยู่เบื้องหลัง ใต้ดิน กรงุ เทพฯ มีรถไฟฟา้ ใตด้ ิน (ความหมายตรง) เขาทำอาชีพใต้ดิน (ความหมายแฝง หมายถงึ ความลับไม่เปดิ เผยไมถ่ ูกกฎหมาย) ทางออก ประตทู างออกอยทู่ างโนน้ ครบั (ความหมายตรง) เขาเปน็ คนฉลาด ตอ้ งหาทางออกจน ได้ (ความหมายแฝงหมายถงึ มวี ธิ แี ก้ปัญหา) ๒. จากนั้นให้นักเรยี น ชว่ ยกนั หาสำนวนภาษาทปี่ รากฏในบทเรียนเรือ่ งนพี้ ร้อมท้งั ใหน้ ักเรียนฝึก ค้นหาความหมายจากพจนานกุ รมหรอื ส่ือแหลง่ อ่ืนๆ ให้แต่ละคนหาสำนวนคนละ ๕ สำนวน พร้อมทงั้ บอกความหมายของสำนวนทห่ี ามาได้ ๓. ครสู มุ่ ใหน้ กั เรยี นออกมาอ่านสำนวนภาษาที่ตนเองหามาไดท้ ี่หน้าชน้ั เรยี น ๔. นกั เรียนศกึ ษาใบความรเู้ ร่อื ง “สำนวนไทย” ๕. ครูให้นักเรยี นแบง่ กล่มุ และแจกกระดาษ A ๔ใหส้ มาชิกในกลมุ่ ทุกคน คนละ ๕ แผ่น จากนน้ั ให้แต่ละคนพบั คร่งึ แบง่ กระดาษออกเป็น ๖ ส่วนเท่าๆกนั แลว้ ออกแบบวาดลวดลายกรอบใน กระดาษแต่ละแผ่น เขียนสำนวนภาษา พรอ้ มทง้ั บอกประเภทของสำนวนและความหมายทงั้ ๕ สำนวน นำไปติดลงในสมดุ วาดเขียนเลม่ ใหญ่ ( ควรใชส้ มุดวาดเขียนท่มี ีขนาดเทา่ กันทกุ คน ) ใหแ้ ตล่ ะคนออกแบบ ทำปกเขยี นชอ่ื เลขท่ี ช้ันตดิ ทบั ปกสมุดวาดเขียนอีกครัง้ นำส่งครตู รวจสอบและเก็บผลงาน ๖. นักเรียนชว่ ยกันจับคู่คำสำนวนกับความหมายของคำและเขียนใสส่ มุด จากนั้นให้นกั เรยี นอา่ นคำ และความหมายของสำนวนพร้อมกนั ข้นั สรปุ ๑. ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกนั สรปุ เกย่ี วกับสำนวนไทยและความหมายของสำนวน สอื่ และแหล่งเรยี นรู้ ๑. หนังสือเรยี นภาษาไทยภาษาพาที ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ๒. หนงั สือสำนวนไทย ๓. ใบความรสู้ ำนวนไทย ๔. กระดาษ A4 การวดั ผลประเมนิ ผล วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์ ๑.การสังเกต ๑. แบบสงั เกต ๑. เกณฑ์สังเกตพฤตกิ รรมความสนใจในการเรยี น ความสนใจใน พฤติกรรมความสนใจ ปฏบิ ตั ิได้ ๕ – ๗ รายการ ผลการประเมนิ อย่ใู นระดับ ดี การเรยี น ในการเรยี น ปฏิบตั ิได้ ๓ – ๔ รายการ ผลการประเมินอยใู่ นระดับ พอใช้ ปฏิบัติได้ ๐ – ๒ รายการ ผลการประเมิน ควรปรบั ปรุง
๙ ชัว่ โมงที่ ๔ ปรศิ นาคำทาย จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรยี นบอกความหมายของปรศิ นาคำทายได้ ๒. นักเรยี นบอกประเภทของสำนวนเปรยี บเทียบได้ กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ครทู กั ทายกบั นักเรียนด้วยปริศนาคำทาย เช่น ครู : อะไรเอย่ แบ่งออกเสยี ครง่ึ ลกู จงึ เหมือนจมกู คนทาย นกั เรยี น : ชมพู่ ครู : อะไรเอย่ เขยี วชอ่มุ พ่มุ ไสว ไมม่ ใี บ แต่มีเมด็ นกั เรียน : ฝน ๒. ครแู นะนำ ใหค้ วามรู้เบอื้ งต้นเกีย่ วกับปรศิ นาคำทาย แจง้ ใหท้ ราบเรือ่ งทีจ่ ะเรยี น คือเรอ่ื ง ปรศิ นาคำทายและแนวทางการประเมิน ข้ันสอน ๑. นกั เรยี นเปดิ หนงั สอื เรยี นภาษาพาที หน้า ๔๗ เรื่อง “ชวนกันเล่นปรศิ นาคำทาย” ๒. นักเรียนอ่านตัวอย่างปรศิ นาคำทายในหนังสอื และในใบความรู้ ครใู หค้ วามรเู้ พ่มิ เตมิ ว่า ปริศนาคำทายเปน็ การนำคำมาแต่งในลกั ษณะคล้องจอง เพอ่ื ให้คนอืน่ ทาย โดยนำลักษณะเด่นท่ัวไปหรือ ด้อยของสงิ่ ท่จี ะทายหรือสิง่ ท่ีจะเฉลย ๓. ครนู ำนักเรยี นฝกึ แตง่ ปริศนาคำทาย โดยใช้พืชผกั มาเป็นแนวในการแต่ง และบอกคำเฉลย ไวก้ ่อน แล้วเขียนคำขึ้นต้นบนกระดาน จากนั้นให้นักเรยี นรว่ มกนั ต่อใหจ้ บ เช่น ครู : อะไรเอ่ย ............(เงาะ) นกั เรียน : .................................. ถา้ นักเรียนตอ่ ไมไ่ ด้ ครชู ว่ ยแตง่ ตอ่ จนจบ ๔. นกั เรยี นแต่ฝกึ แต่งปรศิ นาคำทาย คนใดแต่งไดม้ ากทีส่ ุดครูใหร้ างวัล ๕. นำปริศนาคำทายมาทายกบั เพ่ือน ๆ แลกเปลี่ยนกันทายไปเรอื่ ย ๆ ๖. นกั เรยี นแต่ละคนรบั ใบกิจกรรมทำตามขน้ั ตอนท่ปี รากฏในใบกิจกรรม เสรจ็ แล้วสง่ ครตู รวจ ขัน้ สรุป ๑. นักเรยี นและครูช่วยกันสรปุ บทเรยี นเกยี่ วกับปรศิ นาคำทาย ๒. นกั เรียนบันทกึ ปรศิ นาคำทายทีน่ ำมาทายลงสมุดบนั ทกึ สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้ ๑. ปรศิ นาคำทาย ๒. ใบความรู้ ๓. หนงั สอื เรียนภาษาไทย ภาษาพาที ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๔
๑๐ การวดั ผลประเมินผล เคร่อื งมือ เกณฑ์ วิธีการ ๑.แบบสังเกต พฤติกรรมความสนใจ ๑.เกณฑ์สังเกตพฤตกิ รรมความสนใจในการเรยี น ๑.การสังเกตความ ในการเรยี น ปฏบิ ัติได้ ๕ – ๗ รายการ ผลการประเมินอย่ใู นระดับ ดี สนใจในการเรียน ปฏิบตั ิได้ ๓ – ๔ รายการ ผลการประเมนิ อยใู่ นระดับ พอใช้ ๒.ใบกิจกรรม ปฏิบตั ิได้ ๐ – ๒ รายการ ผลการประเมนิ ควรปรบั ปรุง ๒.ตรวจผลงานในใบ ๒.นักเรยี นผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป กิจกรรม ชวั่ โมงท่ี ๕ การต้ังคำถามจากนทิ าน จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. ตัง้ คำถาม ตอบคำถามได้ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขน้ั นำ ๑. ครสู นทนากบั นักเรียนถึงนทิ านเรอ่ื ง หม้อวิเศษ ทน่ี ักเรียนอา่ นแลว้ ถามวา่ ใครเคยอา่ น นทิ าน เรอื่ งหม้อวเิ ศษบา้ ง มีตวั ละครอะไรบ้างทีท่ ำใหน้ ักเรยี นประทับใจ เพราะเหตใุ ด พร้อมทง้ั บอกจดุ ประสงค์ การเรยี นให้นักเรยี นทราบ ขน้ั สอน ๑. ครอู ธิบายวิธีการตั้งคำถาม และการตอบคำถามใหน้ กั เรียน และบอกนกั เรียนว่าในการต้งั คำถามทุกครัง้ เราควรใช้คำท่แี สดงการถามให้ชัดเจน ได้แก่ ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมอื่ ใด ทำไม ๒. ครใู หน้ กั เรยี นดูและอา่ นออกเสียงตวั อย่างการต้งั คำถามและตอบคำถามจากบทเรยี น ๓. ครอู ธบิ ายเพิม่ เตมิ ใหน้ กั เรยี นฟงั ว่า เมื่อต้งั คำถามจากเรื่องทอี่ า่ น ฟงั หรอื ดูแล้ว ควรสรปุ สาระสำคญั ของเร่อื งดังกลา่ ว คอื นำความคิดหลกั หรือประเดน็ สำคัญของเรอ่ื งมากลา่ วให้ได้ใจความท่ี กระชับ ชัดเจน โดยเรียบเรียงขอ้ มูลจากคำถามและคำตอบท่ีได้ ซึง่ อาจจะเพ่ิมเติม สาระสำคญั บางประการ เขา้ ไปดว้ ยก็ได้เน้ือหาที่สรุปมีความสมบรู ณ์มากยิ่งขน้ึ ขน้ั สรปุ ๑. ครูใหน้ ักเรยี นฝกึ ตง้ั คำถาม และตอบคำถามจากเรื่องทีฟ่ ังตามหลักปฏิบตั ทิ ไี่ ด้เรยี นร้มู า โดยครูและ นกั เรยี นช่วยกนั ประเมนิ วา่ ใชค้ ำถามตรงประเด็น และใช้คำสภุ าพหรอื ไม่ และมีการใช้คำท่ีแสดงการถาม หรือไม่ สื่อและแหลง่ เรยี นรู้ ๑. นิทาน ๒. ใบงาน ๓. หนงั สอื เรียนภาษาไทย ภาษาพาที ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔
๑๑ การวัดผลประเมินผล เครื่องมอื เกณฑ์ วิธกี าร ๑.แบบสงั เกตพฤติกรรม ความสนใจในการเรยี น ๑.เกณฑ์สังเกตพฤตกิ รรมความสนใจในการเรยี น ๑.การสังเกตความ ปฏิบตั ิได้ ๕ – ๗ รายการ ผลการประเมินอยู่ในระดับ ดี สนใจในการเรยี น ๒.ใบกจิ กรรม ปฏิบัติได้ ๓ – ๔ รายการ ผลการประเมินอยู่ในระดบั พอใช้ ปฏิบัติได้ ๐ – ๒ รายการ ผลการประเมนิ ควรปรบั ปรุง ๒.ตรวจผลงานใบ ๒.นักเรยี นผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ ๗๐ ขึน้ ไป กิจกรรม ช่ัวโมงท่ี ๖ บทรอ้ ยกรอง”เงนิ ตราน่ารู้” จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อ่านบทร้อยกรองเปน็ ทำนองธรรมดาและทำนองเสนาะได้ถูกต้อง กระบวนการจดั การเรียนรู้ ขน้ั นำ ๑. ครูนำแผนภูมบิ ทร้อยกรองให้นักเรยี นอา่ นเป็นร้อยแกว้ จากนน้ั ครอู า่ นเปน็ ทำนองเสนาะให้ นักเรียนอ่านตามบทรอ้ ยกรองมีดงั นี้ มีสลงึ พงึ ประจบให้ครบบาท อย่าใหข้ าดสงิ่ ของต้องประสงค์ จงมกั น้อยกินนอ้ ยคอ่ ยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน ขน้ั สอน ๑. ครูถามนำเกีย่ วกับเนือ้ หาของบทรอ้ ยกรองและแนะวิธีการอา่ นที่ถกู ตอ้ งพร้อมอธบิ าย ความหมาย ๒. นักเรยี นเปดิ หนงั สอื เรียนภาษาพาทหี นา้ ๒๕ – ๒๖ แล้วอ่านบทร้อยกรองเร่ือง “เงินตราน่าร”ู้ เปน็ รอ้ ยแก้ว ๓. ครูสอนอา่ นบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะและใหน้ กั เรยี นอ่านตามพร้อมกัน ถ้านกั เรียนอา่ นไม่ ถูกตอ้ ง ครูอา่ นนำให้ถกู ต้องอกี ครงั้ ๔. ให้นักเรยี นแบ่งกลมุ่ แยกชายหญงิ เปน็ กลมุ่ ใหญ่ท้ังหมด อา่ นบทร้อยกรองทำนองเสนาะ คนละ วรรคสลับกันจนจบ และอา่ นพร้อมกนั อีกหนงึ่ รอบ ๕. นกั เรียนช่วยกนั วเิ คราะหเ์ น้อื หาของบทรอ้ ยกรอง และสรุปในรปู ของแผนภาพความคดิ แล้วส่ง ครูตรวจ
๑๒ ขัน้ สรปุ ๑. มอบหมายใหน้ ักเรยี นอา่ นหนังสือสง่ เสรมิ การอ่านท่ีมกี ารแตง่ ในลักษณะบทร้อยกรองเพอื่ เสรมิ การเรียนและการอา่ น ๒. ครู และนกั เรยี นชว่ ยกนั สรุปบทเรียนเรอ่ื งความไพเราะของบทร้อยกรองและใจความสำคัญของ บทรอ้ ยกรองแตล่ ะบท ๓. ครูให้นักเรยี นทำข้อสอบหลังเรียน หน่วยการเรยี นรู้เร่อื ง ออมไว้กำไรชีวิต ส่ือและแหลง่ เรียนรู้ ๑. บทรอ้ ยกรองเรอ่ื ง เงนิ ตรานา่ รู้ ๒. ใบกิจกรรม ๓. หนงั สอื เรยี นภาษาไทย ภาษาพาที ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ การวดั ผลประเมินผล เครื่องมอื เกณฑ์ วธิ กี าร ๑.แบบประเมนิ การอ่าน ๑. เกณฑ์การอ่านออกเสียง ๑.การอ่านบทร้อยกรอง ออกเสียง(บทรอ้ ยกรอง) ชว่ งคะแนน ๑๔ – ๑๘ ระดับคณุ ภาพ ดี ชว่ งคะแนน ๘ – ๑๒ ระดับคุณภาพ พอใช้ ๒.การสังเกตความสนใจ ๒.แบบสงั เกตพฤติกรรม ช่วงคะแนนตำ่ กว่า ๘ ระดับคุณภาพ ปรบั ปรุง ๒. เกณฑ์สงั เกตพฤติกรรมความสนใจในการเรยี น ในการเรยี น ความสนใจในการเรียน ปฏบิ ตั ิได้ ๕ – ๗ รายการ ผลการประเมินอยใู่ นระดบั ดี ปฏบิ ตั ิได้ ๓ – ๔ รายการ ผลการประเมนิ อย่ใู นระดบั พอใช้ ๓.ตรวจผลงานในใบ ปฏิบัติได้ ๐ – ๒ รายการ ผลการประเมนิ ควรปรบั ปรุง ๓. นกั เรียนผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ ๗๐ข้นึ ไป กจิ กรรม ๓.ใบกจิ กรรม ๔. นักเรยี นผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ข้ึนไป ๔.แบบทดสอบหลงั เรยี น ๔.แบบทดสอบหลงั เรยี น
๑๓ ภาคผนวก
๑๔ ภาคผนวกแผนการสอนกล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย หนว่ ยท่ี ๒ เรือ่ งออมไวไ้ ดก้ ำไรชีวติ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๔ ชั่วโมงท่ี ๑ การศกึ ษาคำศัพท์ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรื่อง ออมไว้กำไรชีวติ ตอนที่ ๑ ใหเ้ ลอื กคำตอบท่ถี ูกทส่ี ุดเพยี งขอ้ เดียว ๑. เงนิ แป เกดิ ข้นึ ในสมยั ใด ก. รัชกาลท่ี ๒ ข. รชั กาลท่ี ๓ ค. รชั กาลที่ ๔ ง. รัชกาลที่ ๕ ๒. ปัจจุบนั มกี ารผลติ ธนบัตรชนดิ ใดบ้าง ก. ธนบัตรหา้ บาท สบิ บาท ยี่สบิ บาท ข. ธนบัตรสิบบาท หนงึ่ รอ้ ยบาท หนง่ึ พันบาท ค. ธนบัตรย่ีสิบบาท หา้ สบิ บาท หนงึ่ ร้อยบาท หา้ ร้อยบาท ง. ธนบัตรยี่สิบบาท หา้ สบิ บาท หนึง่ ร้อยบาท หา้ รอ้ ยบาท หน่ึงพนั บาท ๓. สำนวนคำพงั เพย “เอาหูไปนาเอาตาไปไร่” หมายความวา่ อยา่ งไร ก. ทำเป็นไม่รูไ้ ม่เห็นไมส่ นใจ ข. ทา่ ทางกระวนกระวาย ค. ทำจิตใจใหส้ งบเยอื กเยน็ ง. ดูแลเอาใจใส่ไร่นาอย่างดยี ง่ิ ๔. สำนวน เปรียบเทยี บเพือ่ สอนให้ทำหรือเว้นไม่ใหท้ ำ มีช่ือว่า? ก. คำพังเพย ข. ปริศนาคำทาย ค. สภุ าษติ ง. คำขวญั ๕. น้ำขนุ่ ไว้ใน น้ำใสไวน้ อก หมายความว่าอย่างไร ก. การพงึ่ พาอาศัยกัน ข. การแสรง้ ทำเปน็ ไมร่ ู้ไมเ่ ห็นไมส่ นใจ ค. แม้จะไมพ่ อใจแตย่ ังแสดงสหี นา้ ย้ิมแย้มแจ่มใส ง. เรียนรู้ไวไ้ มห่ นกั เรีย่ วแรงหรอื เสียหายอะไร ๖. ข้อใดเปน็ วลี ก. นกน้อยคอยคยู่ ามเยน็ ข. เรือลำน้อยลอยลอ่ งอยู่คุ้งน้ำ ค. ตะวันโค้งสดุ ขอบฟา้ ง. ฟากฟา้ ยามเยน็ ๗. ขอ้ ใดเป็นคำพงั เพย ก. เงยหนา้ อ้าปาก ข. ทำดไี ด้ดี ทำช่ัวได้ชัว่ ค. เกบ็ หอมรอมริบ ง. น้ำขนุ่ ไวใ้ น นำ้ ใสไว้นอก ๘. สำนวนทเ่ี ปน็ ความหมายแฝง “ทางออก” หมายถึงอะไร ก. วธิ ีการแก้ปญั หา ข. วิธีการพูด ค. ประตูทางออก ง. ประโยคบอกเลา่
15 ๙. อะไรเอย่ ตน้ เทา่ ครก ใบปรกดนิ ข. ต้นกล้วย ก. ตะไคร้ ง. ตน้ ขา้ ว ค. ต้นข่า ข. แม่น้ำ ๑๐. อะไรเอ่ย ตดั หลงั ตัดหนา้ เหลอื กลางวาเดียว ง. บุหร่ี ก. ถนน ค. กวาง
16 ตอนที่ ๒ คำชแี้ จง ใหน้ กั เรียนหาคำตอบของปรศิ นาคำทายต่อไปนี้ ๑. อะไรเอย่ สูงเทียมฟา้ ดูไปดมู าตำ่ หว่าหญ้านิดเดียว ๒. อะไรเอย่ เขยี วชอ่มุ พมุ่ ไสว ไมม่ ีใบ แต่มเี ม็ด ๓. อะไรเอ่ย น้ำใสๆ ถ้าใครชอบด่ืม สติหลงลืม เอะอะโวยวาย ๔. อะไรเอ่ย คนหน้าเหน่ือยลา้ คนหลังสบาย พอถึงจุดหมาย คนหลังจา่ ยเงิน ๕. อะไรเอย่ สูงกว่านำ้ ต่ำกว่าเรือ ๖. อะไรเอ่ย ปดิ หนา้ เห็นนม ปดิ หลังเหน็ ขน ๗. อะไรเอ่ยตดั โคนไม่ตาย ตดั ปลายไมเ่ น่า ๘. พระอะไรใหญ่ท่ีสดุ ๙. อะไรเอ่ยตั้งอยู่หน้าโรงเรียนเสมอ ๑๐. อะไรเอ่ย ขา้ งนอกประตไู ม้ ขา้ งในประตูเหล็ก ผ้าแดงผืนเล็ก ตากไมร่ จู้ กั แห้ง คำตอบ ๑. .............................................. ๒. .......................................................... ๓. .............................................. ๔. .......................................................... ๕. .............................................. ๖. .......................................................... ๗. .............................................. ๘. .......................................................... ๙. .............................................. ๑๐. ..........................................................
17 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยที่ ๒ เรือ่ ง ออมไว้กำไรชวี ติ ตอนท่ี ๑ ๑. ค ๒. ง ๓. ก ๔. ค ๕. ค ๖. ง ๗. ก ๘. ก ๙. ก ๑๐. ค ตอนที่ ๒ ๑. ภูเขา ๒. ฝน ๓. เหลา้ ๔. สามล้อ ๕. ฟองน้ำ ๖. ขนม ๗. เส้นผม ๘. พระนคร ๙. สระ โอ ๑๐. ปาก ฟนั ลิ้น
18 ชว่ั โมงที่ ๒ การอ่านจับใจความ - ชัว่ โมงที่ ๓ สำนวนเปรียบเทียบ โรงเรยี น................................ สำนกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศึกษา..................................... ใบความรู้ เรอ่ื ง สำนวนไทยกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชือ่ -สกลุ .............................................................ชัน้ .............เลขท.่ี ................ ความหมายของสำนวนไทย สำนวนหมายถึง ถอ้ ยคำท่เี รยี บเรียงเป็นขอ้ ความ หรือคำพดู ท่ีเปน็ ชนั้ เชงิ ไมต่ รงตาม รปู แบบภาษา เปน็ ถ้อยคำหรอื คำพูดทม่ี ีลกั ษณะเฉพาะตัว มีความหมายเป็นนยั แฝงอยู่ กนิ ความ กว้าง หรอื ลึกซึ้ง นำมาใชใ้ ห้มคี วามหมายแตกตา่ งไปจากความหมายเดมิ ของคำ ๆ นน้ั หรอื อาจจะ มคี วามหมายคล้าย กับความหมายเดิมของคำทนี่ ำมาประสมกนั แตก่ ็ไมเ่ หมอื นกับความหมายเดมิ ทีเดียว เปน็ ความหมายใน เชิงอุปมาเปรยี บเทยี บ มกั ใชถ้ ้อยคำท่ไี ม่ยาวมากแต่กนิ ความมาก ใช้ คำทไ่ี พเราะ คมคาย สละสลวย ตอ้ งอาศยั การตีความจงึ จะเข้าใจ สำนวนไทย มีจำนวนมากมายสามารถเลอื กใช้ได้ตามความต้องการ สำนวนไทย มลี ักษณะ ดังน้ี ๑. ถ้อยคำทีใ่ ชเ้ ปน็ สำนวนอาจเป็นเพยี งคำเดยี ว หรือประกอบดว้ ยถอ้ ยคำทเี่ รยี งกนั ต้งั แต่ ๒ คำขึ้นไปซึ่งบาง สำนวนเป็นกลมุ่ คำ บางสำนวนเปน็ ประโยค ซง่ึ มีทัง้ ความเดียวและประโยค ความซอ้ น ๒. สำนวนไทยบางสำนวนมีท้ังมีเสียงสมั ผัสและไม่มีเสยี งสัมผัส ที่มีเสียงสมั ผัส มเี สียง สมั ผัสในและสมั ผัสนอก จะมีตั้งแต่๔ ถึง ๑๒ คำ ส่วนทไี่ มม่ ีเสียงสัมผสั จะมีตั้งแต่ ๒ ถงึ ๘ คำ บางสำนวนมีการใช้คำซำ้ และเลน่ คำ ๓. เนอ้ื ความของสำนวนมที ง้ั ทม่ี ีเนอื้ ความตอนเดยี ว และมีเน้ือความสองตอนขึ้นไป ๔. เนื้อหาของสำนวนจะมีหลากหลาย ดงั น้ี ๔.๑ เนอ้ื หาเก่ียวกบั รปู รา่ ง หน้าตา ผวิ พรรณ และกริ ิยาทา่ ทาง ๔.๒ เน้อื หาเกยี่ วกับลกั ษณะนสิ ยั กริ ิยาอาการและพฤติกรรม ๔.๓ เนื้อหาเกยี่ วกบั จติ ใจ อารมณ์ ความรูส้ ึก ๔.๔ เนื้อหาเกีย่ วกบั การพูด ๔.๕ เน้ือหาเก่ียวกับความรกั การมคี ู่ และการครองเรอื น ๔.๖ เนอื้ หาเกี่ยวกับการศึกษาหาความรู้ และการอบรมส่ังสอน ๔.๗ เนื้อหาเกยี่ วกับความเป็นอยู่ อาชพี การทำงาน การทำมาหากนิ และการดำรงชวี ิต
19 ๔.๘ เนื้อหาเกยี่ วกับการอยู่รว่ มกันในสงั คม การเมือง การปกครอง ๔.๙ เน้ือหาเกีย่ วกบั คณุ ธรรม การเตือนสติและคำสอนต่าง ๆ ๔.๑๐ เน้ือหาเกยี่ วกับเหตุการณ์ สถานการณ์ เวลา ระยะทางและสถานท่ี ๕. เปน็ ถ้อยคำสละสลวยทีใ่ ชแ้ ทนคำพูดธรรมดา เปน็ คำแปลก ๆ โดยอาจเทยี บเคยี งมา จากการกระทำบางอย่าง เป็นคำกลา่ วทม่ี ีความหมายโดยนยั เป็นคำทีม่ าจากปรากฏการธรรมชาติ นทิ าน ชาดก หรือวรรณคดี ใช้ถ้อยคำนอ้ ย แต่มเี นือ้ ความมาก และเปน็ คำท่ีมคี วามไพเราะ ฯลฯ การใชส้ ำนวนที่ถกู ตอ้ งเหมาะสมจะช่วยให้การสื่อสารมีประสทิ ธิภาพมากย่งิ ขน้ึ สามารถ ส่อื ความหมาย ได้อย่างชดั เจน ถูกตอ้ ง และรวดเรว็ โดยทัว่ ไปเราใชส้ ำนวนเพอ่ื การส่ือสารในกรณี ตอ่ ไปน้ี ๑. ใชใ้ นการจงู ใจ เชน่ ทำดไี ดด้ ี ทำชว่ั ได้ช่ัว รกั ดีหามจัว่ รักชั่วหามเสา ธรรมะยอ่ ม ชนะอธรรม คบคนพาลพาลพาไปหาผดิ คบบณั ฑิต บัณฑิตพาไปหาผล แพ้เป็นพระ ชนะเปน็ มาร เป็นตน้ ๒. ใช้ย่อขอ้ ความยาว ๆ เชน่ ขิงกร็ า ข่ากแ็ รง ตัดหางปลอ่ ยวดั จับปลาสองมอื กินเปล่า ชุบมอื เปบิ ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เป็นต้น ๓. ใชข้ ยายความหรอื เนน้ ความเข้าใจ เชน่ ปิดทองหลังพระ หนเี สอื ปะจระเข้ ทำคุณบชู าโทษ กนิ น้ำใตศ้ อก เรือลม่ ในหนองทองจะไปไหน หนูตกถงั ข้าวสาร เปน็ ต้น ๔. ใชแ้ ทนถ้อยคำทีไ่ มต่ ้องการกลา่ วตรงๆ เช่น เฒ่าหัวงู ส้ินบญุ เจ้าโลก บ้านเลก็ ไก่แกแ่ มป่ ลาชอ่ น โคแก่กนิ หญ้าออ่ น ววั เคยขามา้ เคยขี่ เป็นต้น ๕. ใชเ้ พ่ิมสีสนั และความสละสลวยของถ้อยคำในการสอ่ื สาร เชน่ ข้าวแดงแกงรอ้ น อยู่ เยน็ เปน็ สขุ รัว้ รอบขอบชดิ คลกุ คลีตโี มง ขดุ บ่อ ลอ่ ปลา เป็นต้น
20 ช่ัวโมงท่ี ๔ ปรศิ นาคำทาย โรงเรยี น................................ สำนกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศึกษา..................................... ใบความรู้ เร่ือง ปริศนาคำทาย กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชอ่ื -สกลุ .............................................................ชนั้ .............เลขท.่ี ................ ปรศิ นาคำทายเป็นการทายปญั หาอยา่ งหนง่ึ ทีม่ ีคำข้ึนต้นหรือลงท้ายว่า “อะไรเอย่ ” ซึ่งให้ความรู้ความ เพลดิ เพลนิ และความบันเทิงใจ เป็นการฝกึ ให้เดก็ คดิ เปน็ ช่างสงั เกต มปี ฏิภาณไหวพรบิ ในการแกป้ ัญหา ปริศนาคำทายที่คนนิยมนำมาทายกนั มหี ลายหมวดหมูด่ ังน้ี หมวดพืช คอื การนำพชื มาสร้างเปน็ ปริศนาคำทาย เช่น ๑. อะไรเอ่ย ตน้ เท่าสายพาน ลูกยานโตงเตง(มะระ) ๒. อะไรเอ่ย สกุ ไมห่ อม งอมไม่หลน่ แห้งคาต้น คนกนิ ได้(ฝกั ข้าวโพด) ๓. อะไรเอย่ ต้นเท่าลำเรอื ใบหอ่ เกลอื ไม่มดิ (ตน้ สน) หมวดคน คือการนำส่ิงทเ่ี กย่ี วกบั คนมาสร้างเป็นปรศิ นาคำทาย เช่น ๑. แมอ่ ะไร ใหก้ ำเนดิ ภรรยา (แม่ยาย) ๒. อะไรเอย่ หวั หนา้ เข้าหากัน ต่างคนตา่ งดัน จนเหงื่อกาฬไหล(คนเล่ือยไม้) ๓. อะไรเอ่ย ยามเช้าเดนิ สี่ขา กลางวนั สองขา เยน็ เดนิ สามขา(คนวัยทารก วยั หนมุ่ สาวและ วัยชรา) หมวดสัตว์ คอื การนำสัตว์มาสร้างเป็นปริศนาคำทาย เช่น ๑. อะไรเอย่ ยงุ่ เหมือนใบบวั มตี วั อยู่ตรงกลาง(แมงมุม) ๒. อะไรเอ่ย แหวนกับแหวนชนกันท่หี ันอากาศ เกดิ เป็นสตั ว์ประหลาดชอบกินหญ้า(ววั ) ๓. อะไรเอย่ สีต่ ีนเดินเช่อื ง ไมม่ ุงกระเบ้ือง แต่มุงเขม็ (เมน่ ) ๔. อะไรเอ่ย สามตวั รวมกนั ชอบกนิ ไม้ เอาตัวกลางออกชอบกินน้ำตาล(มอด มด) หมวดส่งิ ของ คอื การนำส่ิงของต่าง ๆ มาสรา้ งเป็นปรศิ นาคำทาย เช่น ๑. อะไรเอย่ หลังงอ ๆ กนิ ข้าวหมดทงุ่ (เคยี วเกย่ี วข้าว) ๒. อะไรเอย่ หนา้ ขาว ๆ ตน้ ยาวแค่ศอก พอตัดขนออกยาวแคว่ า(ขวาน) ๓. อะไรเอย่ หน้าตาตัวตน ไมเ่ หมือนคนสักนดิ พูดเหมอื นคนไมม่ ีผิด ทัง้ องั กฤษ ทงั้ ไทย (วิทย)ุ หมวดเบด็ เตล็ด คอื การนำสิ่งท่ัว ๆ ไปนำสรา้ งเป็นปรศิ นาคำทาย เชน่ ๑. อะไรเอย่ เขยี วชอุ่ม พุ่มไสว ไม่มใี บ แตม่ ีเม็ด(ฝน) ๒. อะไรเอ่ย ตดั โคนก็ไม่ตาย ตัดปลายก็ไมเ่ น่า(ผม) ๓. อะไรเอ่ย สุกไม่รหู้ อม งอมไมห่ ลน่ สกุ คาตน้ กนิ ไมไ่ ด้(พระจันทรเ์ ต็มดวง)
21 โรงเรียน................................ สำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษา..................................... ใบกิจกรรม เรื่อง ปริศนาคำทาย กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ชื่อ-สกลุ .............................................................ช้นั .............เลขท.่ี ................ คำชแ้ี จง ให้นกั เรียนแต่งปริศนาคำทายจำนวน ๓ ปริศนาคำทาย พรอ้ มเฉลย ปริศนาคำทาย เฉลย ๑. ๒. ๓.
22 ชว่ั โมงท่ี ๕ การตั้งคำถามจากนทิ าน - ชัว่ โมงท่ี ๖ บทร้อยกรอง “เงนิ ตราน่ารู้” แบบทดสอบหลังเรยี น เร่ือง ออมไว้กำไรชวี ิต ตอนที่ ๑ ให้เลือกคำตอบทถ่ี กู ทส่ี ดุ เพยี งขอ้ เดยี ว ๑. ข้อใดเปน็ คำพังเพย ก. เงยหนา้ อ้าปาก ข. ทำดีได้ดี ทำช่วั ได้ชั่ว ค. เกบ็ หอมรอมรบิ ง. นำ้ ข่นุ ไวใ้ น นำ้ ใสไวน้ อก ๒. ขอ้ ใดเป็นวลี ก. นกนอ้ ยคอยคู่ยามเยน็ ข. เรอื ลำน้อยลอยลอ่ งอยคู่ งุ้ น้ำ ค. ตะวันโคง้ สุดขอบฟา้ ง. ฟากฟ้ายามเย็น ๓. อะไรเอ่ย ตัดหลงั ตดั หน้าเหลือกลางวาเดียว ก. ถนน ข. แมน่ ้ำ ค. กวาง ง. บุหร่ี ๔. สำนวน เปรยี บเทยี บเพื่อสอนให้ทำหรือเว้นไมใ่ ห้ทำ มีชอ่ื วา่ ? ก. คำพงั เพย ข. ปรศิ นาคำทาย ค. สุภาษติ ง. คำขวญั ๕. น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไวน้ อก หมายความว่าอยา่ งไร ก. การพงึ่ พาอาศัยกนั ข. การแสร้งทำเป็นไมร่ ู้ไม่เหน็ ไม่สนใจ ค. แมจ้ ะไมพ่ อใจแต่ยงั แสดงสีหนา้ ย้ิมแยม้ แจม่ ใส ง. เรียนร้ไู วไ้ มห่ นกั เรยี่ วแรงหรอื เสยี หายอะไร ๖. ปัจจุบันมีการผลติ ธนบตั รชนิดใดบ้าง ก. ธนบตั รหา้ บาท สิบบาท ยี่สบิ บาท ข. ธนบัตรสิบบาท หนึง่ ร้อยบาท หนึ่งพันบาท ค. ธนบัตรยีส่ ิบบาท หา้ สิบบาท หน่งึ ร้อยบาท ห้าร้อยบาท ง. ธนบตั รยส่ี บิ บาท ห้าสบิ บาท หนง่ึ รอ้ ยบาท ห้ารอ้ ยบาท หนึ่งพันบาท ๗. เงนิ แป เกิดขึน้ ในสมยั ใด ก. รชั กาลท่ี ๒ ข. รัชกาลท่ี ๓ ค. รชั กาลที่ ๔ ง. รชั กาลที่ ๕ ๘. สำนวนทเี่ ปน็ ความหมายแฝง “ทางออก” หมายถึงอะไร ก. วธิ ีการแก้ปัญหา ข. วิธกี ารพดู ค. ประตูทางออก ง. ประโยคบอกเลา่
23 ๙. อะไรเอ่ย ตน้ เทา่ ครก ใบปรกดิน ข. ต้นกลว้ ย ง. ตน้ ขา้ ว ก. ตะไคร้ ค. ต้นข่า ๑๐. สำนวนคำพงั เพย“ เอาหไู ปนาเอาตาไปไร่” หมายความวา่ อย่างไร ก. ทำเป็นไมร่ ้ไู มเ่ หน็ ไมส่ นใจ ข. ท่าทางกระวนกระวาย ค. ทำจติ ใจให้สงบเยอื กเยน็ ง. ดแู ลเอาใจใสไ่ ร่นาอย่างดียงิ่ ตอนที่ ๒ คำชี้แจงใหน้ ักเรียนหาคำตอบของปรศิ นาคำทายตอ่ ไปนี้ ๑. อะไรเอ่ย สูงกว่านำ้ ตำ่ กวา่ เรือ ๒. พระอะไรใหญ่ทส่ี ดุ ๓. อะไรเอ่ยตดั โคนไมต่ าย ตดั ปลายไมเ่ น่า ๔. อะไรเอย่ ข้างนอกประตูไม้ ข้างในประตูเหล็ก ผา้ แดงผืนเลก็ ตากไม่รู้จกั แหง้ ๕. อะไรเอย่ สูงเทยี มฟ้า ดไู ปดมู าต่ำหว่าหญ้านดิ เดียว ๖. อะไรเอย่ ปดิ หนา้ เห็นนม ปิดหลังเห็นขน ๗. อะไรเอ่ย น้ำใสๆ ถ้าใครชอบดม่ื สติหลงลืม เอะอะโวยวาย ๘. อะไรเอ่ย เขียวชอุม่ พมุ่ ไสว ไม่มใี บ แต่มเี มด็ ๙. อะไรเอ่ยต้งั อยหู่ น้าโรงเรียนเสมอ ๑๐. อะไรเอ่ย คนหน้าเหนอ่ื ยล้า คนหลังสบาย พอถึงจดุ หมาย คนหลงั จ่ายเงนิ
24 เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยที่ ๒ เรอ่ื ง ออมไวก้ ำไรชีวิต ตอนท่ี ๑ ๓. ค ๔. ค ๕. ค ๘. ก ๙. ก ๑๐. ก ๑. ก ๒. ง ๖. ง ๗. ค ๒. พระนคร ๔. ปาก ฟัน ลิน้ ตอนท่ี ๒ ๖. ขนม ๘. ฝน ๑. ฟองนำ้ ๑๐. สามล้อ ๓. เส้นผม ๕. ภเู ขา ๗. เหล้า ๙. สระ โอ คำตอบ ๑. .............................................. ๒. .......................................................... ๓. .............................................. ๔. .......................................................... ๕. .............................................. ๖. .......................................................... ๗. .............................................. ๘. .......................................................... ๙. .............................................. ๑๐. ..........................................................
25 เกณฑก์ ารประเมนิ ชิ้นงาน/ภาระงาน รายละเอียดเกณฑ์การใหค้ ะแนนแบบประเมนิ การอา่ นออกเสยี ง (rubrics) กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ โรงเรยี น.......................................................................... ภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ................... ประเด็นการประเมนิ เกณฑก์ ารให้คะแนน ๓๒๑ ๑.การจับหนงั สือ/พลกิ หนงั สอื / ลักษณะท่าทาง การวาง ลกั ษณะทา่ ทาง การวาง ลักษณะท่าทาง การวาง ท่าทางในการอ่านท่ีถกู ตอ้ ง และการจบั หนังสือ ถกู ต้อง แต่การจับ และการจับหนังสอื ไม่ ถูกตอ้ ง หนงั สือไม่ถกู ตอ้ ง ถกู ต้อง ๒. อ่านถูกต้องตามอักขรวิธี อา่ นถกู ต้องตามอักขรวธิ ี อา่ นถกู ต้องตามอักขรวธิ ี อา่ นไมถ่ กู ต้องตาม ออกเสียง ร และควบ ออกเสียง ร และควบ อกั ขรวธิ อี อกเสียง ร กล้ำ ร ล ว ชดั เจน กล้ำ ร ล ว ชัดบ้างไม่ชดั และควบกลำ้ ร ล ว ไม่ บ้าง ชัดเจนเลย ๓. การเว้นวรรคตอนถูกตอ้ ง อา่ นและเวน้ วรรคตอนได้ อ่านเว้นวรรคตอนผิด อ่านเวน้ วรรคตอนผิด ถูกต้องตลอดทั้งเรอ่ื ง บ้างเป็นบางครัง้ ตลอดท้ังเรอ่ื งตัง้ แตต่ น้ ตัง้ แต่ต้นจนจบ จนจบเรอ่ื ง ๔. น้ำเสียงเหมาะสมกับเรอ่ื งท่ี อา่ นเสียงดงั ชดั เจน อา่ นเสยี งดงั ชดั เจน อ่านเสียงไมช่ ดั เจน อา่ น น้ำเสยี งเหมาะสมกับ น้ำเสยี งเหมาะสมบ้าง นำ้ เสียงไมเ่ หมาะสมกบั เรื่องทีอ่ า่ น เปน็ บางครัง้ เรอ่ื งทีอ่ า่ นตลอดทงั้ เร่อื ง ๕. ไม่อา่ นขา้ ม/เติมคำ/ตคู่ ำ อา่ นออกเสยี งไดถ้ กู ตอ้ ง อ่านออกเสียงไดถ้ กู ต้อง อ่านออกเสยี งไมถ่ กู ต้อง ชัดเจนทกุ คำ ทุก ชัดเจนเปน็ บางคำ มีอ่าน ไม่ชดั เจน อา่ นขา้ มคำ ขอ้ ความ ทุกประโยค ตูค่ ำและเพิ่มคำเปน็ อา่ นเพิ่มคำ และตู่คำ บางคร้ัง มาก ๖. อ่านเสยี งดังเหมาะสม อา่ นเสยี งดัง ชดั เจน ได้ อา่ นเสยี งดงั บา้ งเป็น อ่านเสยี งเบา ได้ยนิ ไม่ ยนิ ท่ัวถงึ กับทัง้ หอ้ ง เสียง บางครง้ั เสยี งไม่ ท่ัวถงึ ดงั สมำ่ เสมอ สมำ่ เสมอ เกณฑก์ ารประเมิน ช่วงคะแนน ๑๔ – ๑๘ ระดับคณุ ภาพ ดี ชว่ งคะแนน ๘ – ๑๒ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ชว่ งคะแนน ต่ำกว่า ๘ ระดับคณุ ภาพ ปรับปรงุ
26 รายละเอียดเกณฑก์ ารให้คะแนนแบบประเมินความสามารถในการอา่ นจบั ใจความ (rubrics) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ โรงเรยี น.......................................................................... ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศกึ ษา ............ ประเด็นการประเมนิ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๑.ตอบคำถามจากเร่อื งที่อา่ น ๓ ๒๑ ตอบคำถามถกู ต้องทุก ตอบคำถามผดิ ไม่เกิน ๓ ตอบผิดมากกว่า ๓ ขอ้ ทง้ั ๕ ข้อ ข้อใน ๕ ขอ้ ขอ้ ใน ๕ ข้อ ๒.บอกความสำคัญของเร่อื งที่ บอกเน้ือหาสาระถูกตอ้ ง บอกเน้อื หาสาระได้ บอกเน้อื หาสาระได้ อ่าน ได้ใจความต่อเนอ่ื ง ถูกต้อง แตว่ กวน บา้ ง ๓. บอกขอ้ คิดจากเรือ่ งท่อี า่ น บอกขอ้ คดิ ได้ตรง บอกขอ้ คิดไดต้ รง บอกขอ้ คดิ ได้บ้างแต่ ประเด็นสมบูรณ์ ประเด็นแต่ไม่ตอ่ เนื่อง วกวน ๔. แสดงความคิดเหน็ จาก เสนอความคิดเหน็ ดว้ ย เสนอความคิดเหน็ ได้ เสนอความคิดเหน็ แต่ เรื่องท่อี ่าน ไม่แสดงเหตผุ ล เหตุผลและเปน็ อยา่ งมเี หตผุ ล ประโยชน์ เกณฑก์ ารประเมนิ ๙ – ๑๒ ระดบั คณุ ภาพ ดี ๕–๘ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ชว่ งคะแนน ตำ่ กวา่ ๕ ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรุง ชว่ งคะแนน ชว่ งคะแนน
27 รายละเอยี ดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบประเมินการทำสมดุ เลม่ เลก็ คำศัพท์ (rubrics) กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ โรงเรยี น.......................................................................... ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศึกษา ................... ประเดน็ การประเมนิ ๔ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๒ ๑.รูปเล่ม สวยงามแขง็ แรง คงทน ๓ ไมส่ วยงามใหญ่ เหมาะกับเรือ่ งราวและ เทอะทะไม่ เหมาะ วยั ของผู้อ่าน สวยงามแขง็ แรง คงทน กบั เร่ืองราวและวยั เหมาะกับเรอ่ื งราวและ ของผู้อ่าน วยั ของผ้อู ่านเป็นสว่ น ใหญ่ ๒.ความสมบูรณ์ของเนื้อหา เนอ้ื หาเหมาะสมกับภาพ เนอ้ื หาเหมาะสมกบั ภาพ เนอ้ื หามากเกนิ ไปไม่ สมบรู ณ์ ถูกตอ้ งท้งั การ สมบูรณ์ ถูกต้องทง้ั การ เหมาะสมกับภาพ มี เขยี นคำและการวาง เขยี นคำและการวาง เขยี นคำผิดเป็นบาง ขอ้ ความกับภาพ ขอ้ ความกบั ภาพเป็นส่วน แห่งและการวาง ใหญ่ ขอ้ ความกับภาพไม่ เหมาะสม ๓. ภาพประกอบ ภาพประกอบสอดคล้อง ภาพประกอบสอดคล้อง ภาพประกอบมนี อ้ ย กบั เนือ้ เรื่องและระบายสี กับเน้ือเรอ่ื งเป็นส่วนใหญ่ และไมส่ อดคลอ้ งกบั ได้สวยงาม และมีการระบายสี เนื้อเร่อื งและไม่ ระบายสี เกณฑก์ ารประเมนิ ๙ – ๑๒ ระดับคุณภาพ ดี ช่วงคะแนน ๕–๘ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ต่ำกว่า ๕ ระดับคณุ ภาพ ปรบั ปรงุ ช่วงคะแนน ช่วงคะแนน
28 แบบประเมินการอา่ นออกเสียงและเขียนคำศัพท์ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ โรงเรยี น.................................... สำนกั งานเขตการศึกษาขั้นพื้นฐาน.............................. ................................ ภาคเรียนท่ี.....................ปีการศึกษา ........................................... เรื่อง....................................................... ประเมินคร้ังท่ี ............... วนั ที่ ................... เดือน .............................................. พ.ศ...................... _________________________________________________________ คำชแี้ จง ครูประเมินพฤติกรรมของนกั เรียนในการอ่านออกเสยี งและเขียนคำศพั ท์ ให้คะแนนลงในชอ่ งทีต่ รง กับพฤติกรรมของนักเรยี น เลขที่ ชอ่ื -สกลุ ความ ูถกต้องในการอ่าน สรุปผล ุคณ ัลกษณะ รวม การประเมนิ ( ีมความ ่ัมนใจในการใ ้ชภาษา ) การสะกดคำ ัศพ ์ท อธิบายความหมายของคำ ัศพ ์ท ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ลงชือ่ ............................................................ผู้ประเมนิ (.....................................................)
29 รายละเอยี ดเกณฑ์การใหค้ ะแนนแบบประเมนิ การอา่ นออกเสียงและเขียนคำศพั ท์ (rubrics) กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ โรงเรยี น.......................................................................... ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศกึ ษา ............ ประเดน็ การประเมิน ๓ เกณฑก์ ารให้คะแนน ๑.ความถูกตอ้ งในการอ่าน สามารถอา่ นได้ถูกต้อง ๒๑ ทัง้ หมด สามารถอา่ นไดเ้ กอื บ พยายามอา่ นไดบ้ ้าง ถกู ต้องท้งั หมด ผิดไมเ่ กิน ผิดมากกว่า 3 คำ 3 คำ ๒.คุณลกั ษณะ มีความม่ันใจในการอา่ น มคี วามมนั่ ใจในการอ่าน ขาดความมัน่ ใจใน (มคี วามม่ันใจในการอา่ น ) ดี มีการเตรียมตัวมา พอใช้ เตรียมตัวมาอยา่ ง ตนเอง เตรยี มตวั มา อย่างดี มน่ั ใจตนเอง ดี ยังประหมา่ บา้ งแตไ่ ม่มากนกั ๓. การสะกดคำศัพท์ การสะกด การสะกด สะกดคำผิดมาก คำศัพท์ถูกต้อง คำศพั ท์ผิดเล็กน้อย ๔. อธิบายความหมายของ อธบิ ายความหมายได้ อธิบายความหมายได้ อธบิ ายความหมาย คำศัพท์ ถูกต้องสมบูรณ์ เกอื บถูกตอ้ ง ไม่ได้ เกณฑก์ ารประเมิน ๙ – ๑๒ ระดบั คุณภาพ ดี ช่วงคะแนน ๕–๘ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ช่วงคะแนน ช่วงคะแนน ตำ่ กวา่ ๕ ระดับคณุ ภาพ ปรบั ปรุง
30 แบบประเมนิ การทำงานกลุ่ม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียน.................................... สำนักงานเขตการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน.............................. ................................ ภาคเรียนท่ี.....................ปกี ารศึกษา ........................................... เร่อื ง ....................................................... ประเมินคร้งั ท่ี ……. วนั ที่ ................... เดือน .............................................. พ.ศ...................... ___________________________________________________________ คำชแ้ี จง ครูประเมินพฤติกรรมของนกั เรียนในการทำงานกลมุ่ ให้คะแนนลงในชอ่ งทต่ี รงกับพฤติกรรมของ นักเรียน เลขท่ี ช่อื -สกุล คณะทำงาน สรุปผล ความรับ ิผดชอบ ่ตอหน้า ี่ท รวม การประเมิน ัข้นตอนการทำงาน ความร่วมมือในการทำงาน การร่วมงานก ุ่ลมอ ่ยาง ีมความ ุสข เวลา ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๘ ดี พอใช้ ปรับปรงุ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ลงชอ่ื ............................................................ผปู้ ระเมิน (.....................................................)
31 รายละเอยี ดเกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมนิ การทำงานกลุม่ (rubrics) กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ โรงเรยี น.......................................................................... ภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ............ ประเดน็ การประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน ๑.คณะทำงาน ๒.ความรับผดิ ชอบต่อหน้าที่ ๓ ๒๑ ๓. ข้ันตอนการทำงาน มปี ระธาน เลขานุการ ขาดองคป์ ระกอบ๑อยา่ ง ขาดองคป์ ระกอบ ๒ ๔.ความร่วมมือในการทำงาน ๕. การร่วมงานกล่มุ อย่างมคี วามสขุ ผ้นู ำเสนอ ผู้รว่ มงาน อยา่ งขนึ้ ไป ๖.เวลา ทุกคนทำหน้าที่ และมี มีผูม้ ีหน้าท่ี แต่ไม่ มผี ทู้ ่มี ีหนา้ ท่ีแตไ่ ม่ ความรบั ผดิ ชอบต่อ รบั ผิดชอบ ๑ คน รับผดิ ชอบ ๒ คนขึ้น หนา้ ทขี่ องตนเอง ไป ๑. คดั เลือกเรอื่ งตาม ขาดขนั้ ตอน ๑ ข้ันตอน ขาดข้ันตอน ๒ ความสนใจของกลุม่ หรอื ไมช่ ัดเจน ขน้ั ตอนข้นึ ไปหรือไม่ ๒. มีการวางแผนงาน ชัดเจน ๓. เตรียมวัสดุอปุ กรณ์ ๔. ปฏบิ ตั ติ ามแผนและ พัฒนางาน ทุกคนมีสว่ นรว่ มและให้ รอ้ ยละ ๘๐ ของกล่มุ มี รอ้ ยละ ๖๐ ของกล่มุ ความรว่ มมอื อย่างเตม็ ท่ี สว่ นรว่ มและใหค้ วาม มสี ่วนรว่ มและให้ ร่วมมือ ความร่วมมือ ทกุ คนรว่ มกิจกรรมกลมุ่ ร้อยละ ๘๐ ของกลุ่มรว่ ม รอ้ ยละ ๖๐ ของกลุ่ม อย่างมีความสุข กิจกรรมกลมุ่ อย่างมี รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม ความสุข อยา่ งมีความสุข เสร็จตามกำหนดและ เสร็จไมท่ นั ตามกำหนด เสร็จไม่ทันตาม งานมีคณุ ภาพ แตง่ านมีคณุ ภาพ กำหนด และงานไม่มี คณุ ภาพ เกณฑ์การประเมิน ๑๔ – ๑๘ ระดบั คณุ ภาพ ดี ชว่ งคะแนน ๘ – ๑๒ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ช่วงคะแนน ต่ำกว่า ๘ ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรุง ชว่ งคะแนน
32 แบบสังเกตความสนใจและความต้งั ใจในการทำกิจกรรมของนักเรยี น ช่อื นักเรียน....................................................................ชนั้ ..................... กจิ กรรม......................................................................วันที่ ............................................... รายการ ปฏบิ ัติ ไม่ปฏิบตั ิ หมายเหตุ ๑. เร่ิมต้นงานท่ีได้รบั มอบหมายทนั ที ๒. ทำงานเสรจ็ เรยี บรอ้ ยตามเวลาทีก่ ำหนด ๓. ขอคำแนะนำจากครูหรือเพื่อนเมอื่ ไมเ่ ข้าใจ ๔. ทำกจิ กรรมดว้ ยความสนุกสนานและเต็มใจ ๕. มสี ่วนร่วมในการทำกิจกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ๖. ช่วยเหลอื แนะนำเพ่ือนในการทำกิจกรรมตามสมควร ๗. สนใจศกึ ษาหาความรเู้ พม่ิ เตมิ ดว้ ยตนเอง รวม หมายเหตุ เกณฑ์การผา่ นการทำกิจกรรมจากแบบสังเกต ดังน้ี ปฏิบตั ิได้ ๕ – ๗ รายการ ผลการประเมนิ อยใู่ นระดับ ดี ปฏิบตั ไิ ด้ ๓ – ๔ รายการ ผลการประเมินอยูใ่ นระดบั พอใช้ ปฏิบตั ิได้ ๐ – ๒ รายการ ผลการประเมิน ควรปรับปรุง
33 แบบประเมนิ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ชื่อ - สกลุ ............................................................ชน้ั ...........................เลขท.่ี ................... คำชแ้ี จง :ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน สมรรถนะด้าน รายการประเมนิ ระดับคุณภาพ ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรบั ปรุง (๑) ๑. ความสามารถ ๑.๑ มีความสามารถในการรบั – สง่ สาร ในการส่ือสาร ๑.๒ มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใชภ้ าษาอย่างเหมาะสม ๑.๓ ใช้วิธีการส่ือสารทเี่ หมาะสม ๑.๔วเิ คราะห์แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมีเหตผุ ล ๑.๕เขียนบันทึกเหตุการณป์ ระจำวนั แล้วเล่าให้เพือ่ นฟงั ได้ สรปุ ๒. ความสามารถ ๒.๑ มีความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ สังเคราะห์ ในการคิด ๒.๒ มที กั ษะในการคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์ ๒.๓ สามารถคิดอย่างมวี ิจารณญาณ ๒.๔มคี วามสามารถในการคิดอยา่ งมรี ะบบ ๒.๕ตัดสนิ ใจแก้ปัญหาเกยี่ วกับตนเองได้ สรปุ ๓. ความสามารถ ๓.๑สามารถแก้ปัญหาและอปุ สรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้ ในการ ๓.๒ใชเ้ หตุผลในการแก้ปญั หา แกป้ ญั หา ๓.๓เขา้ ใจความสัมพนั ธแ์ ละการเปลยี่ นแปลงในสงั คม ๓.๔แสวงหาความรู้ ประยกุ ต์ความรมู้ าใช้ใน การป้องกนั และแก้ไขปัญหา ๓.๕สามารถตัดสนิ ใจไดเ้ หมาะสมตามวยั สรุป ๔. ความสามารถ ๔.๑เรยี นรดู้ ว้ ยตนเองได้เหมาะสมตามวัย ในการใชท้ กั ษะ ๔.๒สามารถทำงานกลุม่ รว่ มกบั ผู้อนื่ ได้ ชวี ิต ๔.๓นำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจำวนั ๔.๔จดั การปญั หาและความขัดแยง้ ได้เหมาะสม สรปุ ๕. ความสามารถ ๕.๑เลือกและใช้เทคโนโลยไี ด้เหมาะสมตามวัย ในการใช้ ๕.๒มีทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เทคโนโลยี ๕.๓สามารถนำเทคโนโลยไี ปใชพ้ ัฒนาตนเอง ๕.๔ใช้เทคโนโลยใี นการแกป้ ญั หาอย่างสร้างสรรค์ ๕.๕มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยี สรปุ สรุปผลการประเมิน
34 แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๘ ประการ ชอื่ -สกุลนกั เรยี น...........................................................................ห้อง..............................เลขที่....................... คำชีแ้ จง: ใหผ้ ้สู อน สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อันพึงประสงค์ ๓๒๑ ๑. รกั ชาติ ศาสน์ ๑.๑มีความรัก และภูมิใจในความเป็นชาติ กษัตรยิ ์ ๑.๒ปฏบิ ัตติ นตามหลกั ของศาสนา ๑.๓แสดงออกถงึ ความจงรกั ภกั ดีตอ่ สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ ๒.ซือ่ สัตย์สจุ ริต ๒.๑ปฏิบตั ิตามระเบยี บการสอน และไม่ลอกการบ้าน ๒.๒ประพฤติ ปฏิบัติ ตรงต่อความเปน็ จรงิ ตอ่ ตนเอง ๒.๓ประพฤติ ปฏิบัตติ รงต่อความเปน็ จรงิ ตอ่ ผู้อ่ืน ๓. มวี ินัย ๓.๑เขา้ เรียนตรงเวลา ๓.๒แต่งกายเรยี บร้อยเหมาะสมกบั กาลเทศะ ๓.๓ปฏิบัติตามกฎระเบยี บของหอ้ ง ๔. ใฝ่หาความรู้ ๔.๑แสวงหาข้อมลู จากแหลง่ เรยี นรตู้ ่างๆ ๔.๒มีการจดบันทกึ ความรอู้ ยา่ งเป็นระบบ ๔.๓สรปุ ความร้ไู ดอ้ ย่างมีเหตุผล ๕.อยอู่ ย่าง ๕.๑ใช้ทรพั ยส์ ินและส่งิ ของของโรงเรยี นอย่างประหยดั พอเพยี ง ๕.๒ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยัดและร้คู ณุ ค่า ๕.๓ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน ๖. มงุ่ มัน่ ในการ ๖.๑มคี วามตัง้ ใจ และพยายามในการทำงานที่ไดร้ ับมอบหมาย ทำงาน ๖.๒มีความอดทนและไมท่ อ้ แท้ตอ่ อุปสรรคเพือ่ ให้งานสำเร็จ ๗.รักความเปน็ ไทย ๗.๑มีจติ สำนึกในการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย ๗.๒เหน็ คุณคา่ และปฏบิ ัติตนตามวัฒนธรรมไทย ๘.มีจติ สาธารณะ ๘.๑รู้จักการให้เพอื่ สว่ นรวมและเพ่อื ผู้อื่น ๘.๒แสดงออกถงึ การมนี ำ้ ใจหรือการให้ความช่วยเหลือผอู้ นื่ ๘.๓เขา้ ร่วมกิจกรรมบำเพญ็ ตนเพือ่ ส่วนรวมเม่อื มโี อกาส ลงชอ่ื ......................................................................ผปู้ ระเมนิ (.....................................................................) เกณฑ์การให้คะแนน - พฤตกิ รรมท่ีปฏบิ ัติชดั เจนและสม่ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน - พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ิชัดเจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ ๒ คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั ิบางครง้ั ให้ ๑ คะแนน
35 แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ โรงเรียน............................................................................ คำชีแ้ จง: ใหผ้ ู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียน แล้วขดี ✓ ลงในช่องที่ตรงกบั พฤตกิ รรม คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ซื่อตรงสุจรติ ใฝ่เรยี นรู้ รกั ความเป็นไทย ท่ี ชอื่ – สกุล ไม่ ูพดเ ็ทจ หมาย ทำตามสัญญา เหตุ ส ุรป เ ้ขาเรียนตรงเวลา ทำงาน ี่ทมอบหมาย ทำงาน ูถก ้ตอง ทำงานครบ ุทกครั้ง สรุป มีมารยาท มี ้นำใจช่วยเหลือครู ส ุรป ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ลงชอื่ .............................................................. (..........................................................................) เกณฑ์การผ่านการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ นักเรียนปฏบิ ตั ิได้ ๖ – ๘ รายการ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดบั ดี นักเรียนปฏิบตั ไิ ด้ ๓ – ๕ รายการ ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดบั พอใช้ นกั เรียนปฏบิ ัติได้ ๐ – ๒ รายการ ไมผ่ า่ นเกณฑ์
36 เกณฑ์การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน รายละเอยี ดเกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมนิ การอา่ นออกเสียง (rubrics) กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียน.......................................................................... ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศึกษา ................... ประเด็นการประเมนิ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๓๒๑ ๑.การจับหนงั สอื /พลิกหนังสือ/ ลกั ษณะทา่ ทาง การวาง ลกั ษณะท่าทาง การวาง ลักษณะท่าทาง การวาง ท่าทางในการอา่ นทถ่ี ูกต้อง และการจบั หนังสือ ถกู ต้อง แต่การจบั และการจับหนังสอื ไม่ ถูกต้อง หนังสือไมถ่ กู ต้อง ถกู ต้อง ๒. อ่านถูกต้องตามอักขรวิธี อา่ นถูกต้องตามอกั ขรวิธี อา่ นถกู ต้องตามอักขรวธิ ี อา่ นไมถ่ กู ต้องตาม ออกเสียง ร และควบ ออกเสยี ง ร และควบ อกั ขรวธิ อี อกเสียง ร กล้ำ ร ล ว ชดั เจน กลำ้ ร ล ว ชัดบา้ งไม่ชดั และควบกลำ้ ร ล ว ไม่ บา้ ง ชัดเจนเลย ๓. การเวน้ วรรคตอนถกู ต้อง อ่านและเวน้ วรรคตอนได้ อ่านเว้นวรรคตอนผิด อ่านเวน้ วรรคตอนผิด ถูกตอ้ งตลอดท้งั เร่ือง บา้ งเปน็ บางครั้ง ตลอดท้ังเรอ่ื งตัง้ แตต่ น้ ตง้ั แตต่ ้นจนจบ จนจบเรอ่ื ง ๔. น้ำเสียงเหมาะสมกับเรื่องที่ อา่ นเสยี งดงั ชัดเจน อา่ นเสยี งดงั ชัดเจน อ่านเสียงไมช่ ดั เจน อ่าน น้ำเสยี งเหมาะสมกบั นำ้ เสยี งเหมาะสมบา้ ง นำ้ เสียงไมเ่ หมาะสมกบั เรือ่ งทอ่ี ่าน เปน็ บางคร้งั เรอ่ื งทีอ่ า่ นตลอดทงั้ เร่อื ง ๕. ไมอ่ า่ นข้าม/เตมิ คำ/ตูค่ ำ อา่ นออกเสียงไดถ้ กู ต้อง อ่านออกเสียงไดถ้ ูกต้อง อ่านออกเสยี งไมถ่ กู ต้อง ชัดเจนทุกคำ ทุก ชดั เจนเปน็ บางคำ มอี ่าน ไม่ชดั เจน อา่ นขา้ มคำ ขอ้ ความ ทกุ ประโยค ตู่คำและเพ่ิมคำเปน็ อา่ นเพิ่มคำ และตู่คำ บางครั้ง มาก ๖. อ่านเสียงดังเหมาะสม อ่านเสยี งดัง ชดั เจน ได้ อา่ นเสยี งดงั บ้างเปน็ อ่านเสยี งเบา ได้ยนิ ไม่ ยนิ ทั่วถงึ กบั ทั้งห้อง เสียง บางคร้ัง เสยี งไม่ ท่ัวถงึ ดัง สม่ำเสมอ สม่ำเสมอ เกณฑก์ ารประเมนิ ช่วงคะแนน ๑๔ – ๑๘ ระดับคุณภาพ ดี ช่วงคะแนน ๘ – ๑๒ ระดับคุณภาพ พอใช้ ช่วงคะแนน ตำ่ กว่า ๘ ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรงุ
37 รายละเอียดเกณฑก์ ารให้คะแนนแบบประเมินความสามารถในการอา่ นจบั ใจความ (rubrics) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ โรงเรยี น.......................................................................... ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศกึ ษา ............ ประเดน็ การประเมนิ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๑.ตอบคำถามจากเร่อื งที่อา่ น ๓ ๒๑ ตอบคำถามถกู ต้องทุก ตอบคำถามผดิ ไม่เกิน ๓ ตอบผิดมากกว่า ๓ ขอ้ ทง้ั ๕ ข้อ ข้อใน ๕ ขอ้ ขอ้ ใน ๕ ข้อ ๒.บอกความสำคัญของเร่อื งที่ บอกเน้ือหาสาระถูกตอ้ ง บอกเน้อื หาสาระได้ บอกเน้อื หาสาระได้ อ่าน ได้ใจความต่อเนอ่ื ง ถูกต้อง แตว่ กวน บา้ ง ๓. บอกขอ้ คิดจากเรือ่ งท่อี า่ น บอกขอ้ คดิ ได้ตรง บอกขอ้ คิดไดต้ รง บอกขอ้ คดิ ได้บ้างแต่ ประเด็นสมบูรณ์ ประเด็นแต่ไม่ตอ่ เนื่อง วกวน ๔. แสดงความคิดเห็นจาก เสนอความคิดเหน็ ดว้ ย เสนอความคิดเหน็ ได้ เสนอความคิดเหน็ แต่ เรื่องท่อี ่าน ไม่แสดงเหตผุ ล เหตุผลและเปน็ อยา่ งมเี หตผุ ล ประโยชน์ เกณฑก์ ารประเมนิ ๙ – ๑๒ ระดบั คณุ ภาพ ดี ๕–๘ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ชว่ งคะแนน ตำ่ กวา่ ๕ ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรุง ชว่ งคะแนน ชว่ งคะแนน
38 บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1) สรปุ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นักเรียนจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรียนร.ู้ .................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรียนนไ่ี มผ่ า่ น มีดงั นี้ 1............................................. 2......................................................... 3............................................. 4......................................................... แนวทางแกไ้ ขนกั เรียนท่ีไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรียนรู้................................................................... 2. นกั เรียนมีความรู้ความเข้าใจ (K).................................................................................................... 3. นักเรยี นมีความรู้เกดิ ทักษะ (P)...................................................................................................... 4. นักเรียนมีเจตคติ คา่ นิยม คุณธรรมจริยธรรม (A).......................................................................... 2) ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3) ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ .................................................. (นางอรวรรณ ปานจำรญู ) ตำแหน่งครู ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา/ผทู้ ไี่ ด้รบั มอบหมาย ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แล้วมคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผ้เู รยี นเปน็ สำคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยังไมเ่ นน้ ผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาตอ่ ไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี นำไปใชไ้ ด้จรงิ ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนำไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ .................................................. (นางสาวกันยาภทั ร ภัทรโสตถิ) ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นวดั พชื นมิ ิต (คำสวัสดิ์ราษฎร์บำรงุ )
Search
Read the Text Version
- 1 - 38
Pages: