Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 405_ภาษาไทย ป4 หน่วย16 เพื่อชีวีที่ปลอดภัย

405_ภาษาไทย ป4 หน่วย16 เพื่อชีวีที่ปลอดภัย

Published by krupom61, 2020-05-08 03:40:28

Description: 405_ภาษาไทย ป4 หน่วย16 เพื่อชีวีที่ปลอดภัย

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 16 เรอื่ ง เพ่ือชวี ที ่ปี ลอดภยั กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทยรายวิชา ภาษาไทยรหสั วิชา ท ๑๔๑๐๑ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ นางอรวรรณ ปานจำรูญ ครูผสู้ อน โรงเรียนวัดพชื นมิ ิต (คำสวสั ดริ์ าษฎร์บำรุง) ตำบลคลองหน่งึ อำเภอคลองหลวง จงั หวัดปทุมธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต ๑

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 16 เรอื่ ง เพอื่ ชีวีทป่ี ลอดภยั กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย รหัส ท ๑4๑๐๑ รายวชิ าภาษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 เวลา 6 ชั่วโมง ............................................................................................................................. ...................................... แผนการเรียนรู้ที่ 1 เรอื่ ง อา่ นเขยี นเรียนรูค้ ดิ เวลา 2 ช่ัวโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้วี ดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรแู้ ละความคดิ เพอื่ นำไปใชต้ ัดสินใจแก้ปญั หาในการ ดำเนินชวี ติ และมีนสิ ยั รกั การอา่ น ตัวชว้ี ดั ป.๑.๑ ป.๔/๑ อ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ และ บทรอ้ ยกรองได้ถูกต้อง ท ๑.๑ ป.๔/3 อา่ นเรอ่ื งส้ันๆตามเวลาท่กี ำหนดและตอบคำถามจากเร่อื งทีอ่ ่าน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียน เขียนสอื่ สาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเรอื่ งราว ในรูปแบบตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชีว้ ัด ท.๒.๑ ป.๔/๒ เขียนสอื่ สารโดยใช้คำได้ถูกต้องชัดเจนเหมาะสม มาตรฐาน ท 5.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณว์ รรณคดี และวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คุณค่า และนำมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง ตวั ชีว้ ดั ท.5.๑ ป.๔/๒ อธิบายขอ้ คิดจากการอ่าน เพ่อื นำไปใชใ้ นชีวติ จริง ๒. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การอา่ นจบั ใจความและตอบคำถามจากเรื่องท่ีอ่านไดถ้ ูกต้องทำให้การสอ่ื สารเกดิ ความเขา้ ใจและมี ความหมายชัดเจน จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรยี นอา่ นเรอ่ื งส้ันๆตามเวลาท่กี ำหนดได้ 2. นกั เรยี นอา่ นจบั ใจความและตอบคำถามจากเรอื่ งทอ่ี า่ นได้ถูกต้อง 3. สาระการเรยี นรู้ การอ่านจบั ใจความและตอบคำถามจากเร่อื งที่อ่าน 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 4.๑. ความสามารถในการคดิ 4.๒. ความสามารถในการสอื่ สาร 5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์/ค่านิยม 5.๑. ใฝ่เรียนรู้ 5.๒.มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

6. ช้นิ งาน/ภาระงาน การอ่านจับใจความ 7.การวดั ประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน ผา่ นรอ้ ยละ60 วิธีการ 1. แบบทดสอบ 1. ทดสอบกอ่ นเรยี น 2. แบบประเมนิ การอ่านจบั ใจความ 2. ประเมินการอ่านจับใจความ 3. แบบประเมินการสังเกต 3. การสงั เกตพฤติกรรม ๘. กิจกรรมการเรียนรู้ (กระบวนการสร้างความรู้ ) ชั่วโมงที่1 ทดสอบกอ่ นเรียนจำนวน 10 ขอ้ (10 นาที) ขัน้ ท่ี 1 ขั้นแนะนำ 1. ชีแ้ จงจดุ ประสงคก์ ารเรยี นและสร้างแรงจูงใจ 2. ให้นกั เรยี นช่วยกันรอ้ ง เพลงคนอ่านหนงั สอื (ท้ายแผน) 3. สนทนาความหมายของเนื้อเพลง ขั้นที่ 2 ข้ันทบทวนความรเู้ ดิม 4. นกั เรียนรว่ มกนั เลา่ ประสบการณ์ความรู้เก่ียวกบั การอา่ นหนังสือในชวี ติ ประจำวนั 5. ให้นักเรยี นอา่ นเรอื่ ง “สารพิษในชวี ติ ประจำวนั ”จากหนงั สือเรยี น รายวิชาพ้นื ฐาน ภาษาไทยชุด ภาษาเพื่อชวี ิต ภาษาพาที ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ หน้า ๑92 – ๑99 6. เมอื่ อา่ นจบแลว้ ร่วมกันสนทนาแสดงความคดิ จากเรือ่ ง “สารพิษในชีวติ ประจำวัน”และครู คอยกระตุน้ ความคดิ ด้วยการต้ังคำถามใหน้ ักเรียนตอบ เชน่ - เน้ือเรอ่ื งกล่าวถึงเร่อื งใด - ตัวละครในเร่ืองมีใคร ทำอะไร ทไ่ี หน อย่างไรบา้ ง - บังเกดิ ผลเป็นอยา่ งไร - นักเรียนไดข้ อ้ คิดอะไรจากเรอื่ งนบี้ ้าง 7. แบ่งกลุม่ นกั เรียนตามความเหมาะสมใหแ้ ต่ละกลุ่มอ่านหนังสอื นิทานท่ีครเู ตรยี มไว้ให้กลุ่ม ละ 1 เรือ่ ง แล้วส่งตัวแทนออกมาเล่าเรอื่ งหน้าชนั้ พรอ้ มทั้งบอกขอ้ คิดทีไ่ ดจ้ ากการอ่าน 8. ครมู อบหมายให้นกั เรยี นกลบั ไปอ่านหนังสอื นิทานที่ชื่นชอบมาคนละ 1 เรอ่ื งแลว้ มา นำเสนอในชวั่ โมงต่อไป ชว่ั โมงท2ี่ ทบทวนบทเรียนชัว่ โมงทผี่ ่านมาและรว่ มกนั สนทนาเกี่ยวกบั ชอ่ื เรอ่ื ง “สารพิษในชีวติ ประจำวนั ” และ ช่วยกันอธิบายเกย่ี วกบั ความหมายของสารพษิ จากในเนื้อเรือ่ ง ขน้ั ที่ 3 ขน้ั ปรบั เปล่ียนความคดิ 9. ให้ตัวแทนนกั เรียนออกมาเลา่ นทิ านที่ครมู อบหมายในชว่ั โมงที่แล้ว และตั้งคำถามถาม เพ่ือนเกีย่ วกับเน้อื เรอ่ื งและขอ้ คดิ ครคู อยแนะนำและกระต้นุ การถามตอบของนักเรียน 10. ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มโดยใช้กลุม่ เดมิ ศกึ ษาใบความรู้เร่อื งหลักการอา่ นจบั ใจความ(ท้าย แผน)

11. นกั เรยี นอา่ นจบั ใจความเร่อื ง“สารพษิ ในชวี ติ ประจำวัน”อกี คร้ัง จากนนั้ ให้นกั เรยี นเขียน ตอบคำถามจากเรอ่ื งท่ีอา่ นในหนงั สือแบบฝึกหัด รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทยชุด ภาษาเพือ่ ชวี ิต ทักษะภาษา ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ หนา้ ๑18 – ๑20 ขั้นท่ี 4 ข้ันทบทวน 12. นกั เรยี นชว่ ยกนั สรุปความเขา้ ใจหลกั การอ่านจบั ใจความและการตอบคำถามจากเรื่องท่ี อ่าน 13. ให้นกั เรียนตอบคำถามจากการอ่านในใบงาน(ท้ายแผน) ๙. ส่อื และแหลง่ เรียนรู้ ๙.๑ หนังสือเรยี น รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทยชุด ภาษาเพ่อื ชีวติ ภาษาพาที ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ ๙.๒ หนงั สอื แบบฝึกหัด รายวชิ าพ้ืนฐานภาษาไทยชดุ ภาษาเพ่อื ชีวิต ทักษะภาษา ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔ 9.3 หนงั สอื นทิ าน 9.4ใบความรู้ หลกั การอ่านเพือ่ จบั ใจความสำคัญ 9.5 ใบงาน เรื่อง ตอบคำถามจากการอา่ น 9.6 เพลงคนอา่ นหนงั สือ ๑0. ขอ้ เสนอแนะ

ใบความรู้ หลกั การอ่านเพ่ือจับใจความ ๑. ต้งั จดุ ม่งุ หมายในการอ่านให้ชดั เจน ๒. อา่ นเรอ่ื งราวอย่างครา่ วๆ พอเขา้ ใจ และเก็บใจความสำคญั ของแต่ละยอ่ หน้า ๓. เมอื่ อ่านจบให้ต้ังคำถามตนเองวา่ เรื่องที่อา่ น มีใคร ทำอะไร ท่ีไหน เม่ือไหร่ อย่างไร ๔. นำสงิ่ ท่ีสรุปได้มาเรียบเรียงใจความสำคัญใหมด่ ว้ ยสำนวนของตนเองเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความสละสลวย วธิ จี บั ใจความสำคัญ วิธีการจบั ใจความมหี ลายอยา่ ง ขึ้นอยูก่ ับความชอบว่าอย่างไร เชน่ การขีดเส้นใต้ การใช้สีต่างๆ กัน แสดงความสำคญั มากนอ้ ยของข้อความ การบนั ทึกย่อเปน็ ส่วนหนึ่งของการอ่านจบั ใจความสำคัญท่ีดี แตผ่ ู้ทย่ี อ่ ควรยอ่ ด้วยสำนวนภาษาและสำนวนของตนเองไมค่ วรย่อด้วยการตดั เอาข้อความสำคัญมาเรยี งตอ่ กัน เพราะ อาจทำใหผ้ ู้อ่านพลาดสาระสำคญั บางตอนไปอันเป็นเหตใุ หก้ ารตีความผิดพลาดคลาดเคลือ่ นได้ วธิ จี บั ใจความ สำคญั มหี ลักดงั นี้ ๑. พจิ ารณาทีละยอ่ หนา้ หาประโยคใจความสำคญั ของแต่ละย่อหนา้ ๒. ตัดส่วนท่ีเป็นรายละเอยี ดออกได้ เชน่ ตัวอย่าง สำนวนโวหาร อปุ มาอปุ ไมย(การเปรียบเทยี บ) ตวั เลข สถิติ ตลอดจนคำถามหรือคำพดู ของผูเ้ ขยี นซึ่งเป็นสว่ นขยายใจความสำคญั ๓. สรุปใจความสำคัญดว้ ยสำนวนภาษาของตนเอง การพิจารณาตำแหน่งใจความสำคญั ใจความสำคัญของข้อความในแต่ละยอ่ หนา้ จะปรากฏดงั นี้ ๑. ประโยคใจความสำคัญอยูต่ อนตน้ ของยอ่ หนา้ ๒. ประโยคใจความสำคัญอยู่ตอนกลางของย่อหนา้ ๓. ประโยคใจความสำคญั อย่ตู อนทา้ ยของยอ่ หน้า ๔. ประโยคใจความสำคญั อยู่ตอนต้นและตอนท้ายของย่อหน้า ๕. ผูอ้ ่านสรปุ ขน้ึ เอง จากการอา่ นท้ังย่อหน้า(ในกรณใี จความสำคัญหรือความคดิ สำคัญอาจ ทม่ี า : จไุ รรตั น์ ลักษณะศริ ิ และบาหยนั อิ่มสำราญ , การใชภ้ าษาไทย, 2547, หนา้ 45-46 เพลง คนอา่ นหนังสือ (ทำนองเพลงเป็นโสดทำไม) คนอ่านหนังสอื คอื ผู้ฉลาดทนั คน แมน้ มที รพั ย์มากเหลอื ลน้ ใครจะปล้นหรือจ้ีไม่ได้ อย่ามัว ลงั เลทำตวั เสเพลทำไม รีบอา่ นหนังสือเรว็ ไว จะทำใหพ้ บสิ่งดีงาม เมอ่ื อา่ นทกุ คร้ังควรตงั้ ใจจบั ใจความ จากนั้นควรต้ังคำถามว่าได้ความเรอ่ื งใดมาบ้าง และควร บันทึกตรึกตรองเสียใหก้ ระจ่าง เรอื่ งราวความรู้ตา่ งๆ ใชเ้ อ่ยอา้ งเมอ่ื ยามจำเปน็ ที่มา: การสอนทางไกลผา่ นดาวเทียมของครวู ไิ ลพร วิไลลกั ษณ์

ใบงาน เร่ือง อา่ นจบั ใจความ คำชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นอ่านเรอ่ื งพญานาคแล้วตอบคำถามจากเนือ้ เรือ่ งนะคะ พญานาค ในเมืองโกตาบารูมชี ายสามคนประกอบอาชพี ตัดหวายในปา่ วนั หนง่ึ เดินทางเขา้ ไปในป่า พบไข่ฟองหนง่ึ มขี นาดใหญ่ ชายสองคนไมส่ นใจแต่ชายอีกคนหนึง่ นำไปตม้ กนิ และเรียกเพ่อื นทงั้ สองกินดว้ ย แตก่ ็ปฏเิ สธชายคนนัน้ จงึ กินไขจ่ นหมดฟอง คืนน้ันชายทัง้ สามนอนค้างในปา่ ตกดกึ ชายทก่ี นิ ไข่ตม้ กส็ ะดุ้งตกใจตื่นเพราะรสู้ ึกร้อนไป ทว่ั รา่ งจึงลงไปแชน่ ้ำในลำธาร ส่วนชายสองคนกย็ ังคงหลบั ต่อไปพรอ้ มทั้งฝันว่าเพ่อื นของเขาได้กลายร่าง เปน็ งู และได้สง่ั ให้บอกกกภรรยาและบตุ รว่าเม่อื นำ้ ทว่ มริมฝ่งั คลองจะมงี ูใหญป่ รากฏร่างให้เห็น อย่าได้ทำ รา้ ยเพราะน่ันคอื ตวั เขาเอง ชายสองคนตกใจตน่ื ไม่เห็นเพ่อื นเท่ียวตามหากไ็ ม่พบ จึงกลบั ไปบอกภรรยาและบตุ รของ ชายคนนั้น นางยงั ไม่ปกั ใจเชอ่ื ตอ่ มาเม่อื น้ำทว่ มริมฝงั่ คลองนางไดพ้ าบุตรไปท่ีนั่น จึงเหน็ งใู หญ่ปรากฏรา่ ง งตู วั น้มี ลี ำตวั ใหญ่มากมหี งอนบนหัว นางจึงเชื่อวา่ เปน็ สามี เมอื่ นำ้ ลดงูใหญก่ ห็ ายไป และกลับมาอกี เมอ่ื วนั ที่นำ้ ท่วมฝ่งั คลอง 1. จากเร่ืองพญานาคอะไรคือลกั ษณะท่ตี ่างกนั ระหวา่ งงูกบั พญานาค ตอบ................................................................................................................................................................................ 2. เมือ่ ใดที่พญานาคจะปรากฏตวั ตอบ ............................................................................................................................................................................... 3. ในเร่ืองน้ใี ครเปน็ ผูท้ ่เี สยี ใจท่ีสุด ตอบ ............................................................................................................................................................................... 4. เพราะเหตใุ ดชายตหัดนหวว่ ายยกจางึ มรเรี ร่ายีงกนารยู้ทก่ีล๔ายเเปรน็ ่อื งงใู หเญพ่ือ่ ชีวิตที่ปลอดภัย ตอบ .............................................................................................................................................................................. 5. เหตกุ ารณน์ ี้เกิดขึ้นท่ีใด ตอบ ...............................................................................................................................................................................

แบบประเมินการอ่านจบั ใจความ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 เรื่อง เพื่อชวี ีท่ีปลอดภัย คำช้ีแจง ครูประเมินพฤติกรรมของนกั เรียนในการอา่ นจบั ใจความและให้คะแนนลงในช่องท่ีตรงกับพฤตกิ รรม เลขที่ ช่ือ - สกลุ ๑. ุบค ิลกในการอ่าน สรุป ๒. การกวาดสายตา รวม ผลการประเมนิ ๓. ไ ่มใ ้ชมือ ้ีชตาม ัตวอักษร ๔. ไม่ ่สายหน้าไปมาในขณะ ี่ท ่อาน ๕. ัจบใจความสำ ัคญของเรื่อง ่ีทอ่าน ๖. การตั้งคำถามและตอบคำถามจากเร่ือง ๗. การสรุปเร่ือง แนว ิคดและข้อ ิคดของเร่ือง ๑ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๒๑ ผ่าน ไมผ่ ่าน ๒ ๓ ร้อยละ ๖๐ ขึ้นไป (๑๓ คะแนนขึ้นไป) ๔ ๑๘ – ๒๑ คะแนน ระดับ ดี ๕ ๑๓ – ๑๗ คะแนน ระดับ พอใช้ ๖ ๐ – ๑๒ คะแนน ระดับ ปรบั ปรงุ ๗ ลงชือ่ ................................................ผูป้ ระเมิน ๘ ( ...............................................) ๙ ๑๐ เกณฑ์การประเมิน

รายละเอียดเกณฑก์ ารให้คะแนนแบบประเมนิ การอา่ นจับใจความ(rubrics) กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ประเดน็ การประเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ๑. บคุ ลิกในการอ่าน ๓ ๒๑ ๒. การกวาดสายตา นง่ั ตวั ตรง วางและเปิด หนงั สือถกู ต้อง น่ังตวั ตรง วางหรอื เปิด นัง่ ตัวไม่ตรง วางและเปดิ หนงั สือไม่ถูกตอ้ ง ๑ อยา่ ง หนังสอื ไมถ่ ูกตอ้ ง กวาดสายตาจากซา้ ยไป ขวาไดถ้ ูกตอ้ ง รวดเร็ว กวาดสายตาจากซ้ายไป กวาดสายตาจากซ้ายไป และต่อเนอ่ื ง ขวาได้ถูกต้อง แต่ช้าและ ขวาได้ถกู ต้องแตช่ า้ มาก ต่อเน่อื ง และไมต่ อ่ เนอื่ ง ๓. ไม่ใช้มอื ชตี้ ามตัวอกั ษร ไมใ่ ช้มอื ชตี้ ามตัวอกั ษร ใชม้ ือช้ตี ามตวั อักษร ใช้มือชีต้ ามตัวอักษร ขณะทอ่ี า่ นตลอดท้ังเรอ่ื ง ๒ ครั้ง ขณะที่อา่ น มากกวา่ ๒ ครั้ง ขณะที่ ต้ังแต่ต้นจนจบ อา่ น ๔. ไม่สา่ ยหนา้ ไปมาใน ไมส่ ่ายหน้าไปมาในขณะ สา่ ยหน้าไปมา ๒ คร้ัง ส่ายหน้าไปมา มากกวา่ ขณะท่ีอา่ น อ่านตลอดท้งั เรื่องต้งั แต่ตน้ ในขณะอ่าน ๒ คร้ัง ในขณะอ่าน จนจบ ๕. จบั ใจความสำคญั ของ ระบตุ วั ละคร เหตกุ ารณ์ เร่อื งท่ีอา่ น ระบุตัวละคร เหตุการณ์ ระบุตวั ละคร เหตุการณ์ สถานท่ี เวลา และผลท่ี สถานท่ี เวลา และผลที่ สถานท่ี เวลา และผลท่ี เกิดข้นึ ได้ แต่เรียงลำดบั ๖. การตอบคำถามจาก เกิดข้ึน โดยเรยี งลำดับ เกดิ ข้นึ ได้ แตเ่ รียงลำดับ เหตกุ ารณผ์ ิด ๒ ตำแหน่ง เร่ือง เหตกุ ารณไ์ ดอ้ ย่างต่อเนอ่ื ง เหตกุ ารณผ์ ิด ๑ ตำแหน่ง ขึ้นไป เหมาะสม ๗. การสรุปเร่ือง แนวคิดและ ตอบคำถามจากเรอ่ื งท่ี ขอ้ คิดของเร่อื ง ตอบคำถามจากเรือ่ งท่ี ตอบคำถามจากเร่ืองที่ อ่านไม่ถูกต้อง ๒ข้อขึ้นไป อ่านได้ถกู ต้องทกุ เร่อื ง อา่ นไม่ถกู ต้อง ๑ข้อ ทกุ ประเด็น สรุปเรื่อง บอกแนวคิดและ สรุปเรอ่ื งได้ แต่บอก ข้อคิดไมได้ สรุปเร่อื ง แนวคิดและ แนวคิดหรอื ข้อคิดอย่างใด ข้อคิดของเรื่องได้ครบ อยา่ งหนงึ่ ไม่ได้ สมบูรณ์

แผนการเรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง ร้คู ิดจำแนกแยกความจริง เวลา 2 ชั่วโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชวี้ ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพ่ือนำไปใช้ตดั สนิ ใจ แก้ปญั หาในการ ดำเนินชวี ติ และมีนิสัยรักการอา่ น ตวั ชี้วดั ท ๑.๑ ป.๔/3 อ่านเรือ่ งส้ันๆตามเวลาท่ีกำหนดและตอบคำถามจากเร่อื งทอ่ี ่าน ท ๑.๑ ป๔/4 แยกข้อเท็จจรงิ และข้อคิดเห็นจากเรอื่ งที่อ่าน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียน เขียนสือ่ สาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขยี นเรื่องราวใน รปู แบบต่างๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ชี้วัด ท 2.๑ ป๔/๒ เขยี นสอ่ื สารโดยใช้คำได้ถกู ต้อง ชัดเจนและเหมาะสม มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟงั และดอู ย่างมีวจิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรสู้ ึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ ตวั ช้ีวดั ท 3.๑ ป๔/1 จำแนกขอ้ เท็จจรงิ และข้อคิดเหน็ จากเร่อื งท่ีฟังและดู ๒. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การอา่ นการฟังที่ดเี ป็นทักษะของการสอื่ สารท่ีทำให้สามารถจำแนกแยกแยะขอ้ เท็จจรงิ จากเร่อื งท่อี ่าน ฟงั และดูได้อยา่ งถูกตอ้ งชัดเจน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อ่านเร่อื งส้ันๆตามเวลาที่กำหนด ๒. นกั เรียนสามารถแยกขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ คดิ เห็นจากเร่อื งทอ่ี า่ นฟังและดูไดถ้ กู ตอ้ ง 3. สาระการเรียนรู้ 2.1 การอา่ นจับใจความจากสื่อตา่ งๆ เชน่ เรอ่ื งสนั้ ๆ เร่อื งเลา่ ขา่ วเหตุการณ์ต่างๆ 2.2 การจำแนกข้อเท็จจรงิ และข้อคดิ เหน็ จากเรอ่ื งที่ฟังและดูในชวี ติ ประจำวนั 4. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น 4.๑. ความสามารถในการคดิ 4.๒. ความสามารถในใช้ทักษะชีวติ 5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์/คา่ นิยม 5.๑. ใฝ่เรียนรู้ 5.๒.มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 6. ช้ินงาน/ภาระงาน การจำแนกแยกขอ้ เท็จจริง

7.การวัดประเมินผล วธิ กี าร เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารผ่าน ผา่ นร้อยละ60 1.สังเกตพฤติกรรม 1. แบบประเมนิ การสงั เกต 2.ประเมินใบงานการจำแนกแยก 2. แบบประเมนิ การจำแนกแยก ข้อเทจ็ จรงิ ขอ้ เทจ็ จรงิ 3.ประเมินทักษะการทำงานกล่มุ 3. แบบประเมินทักษะทำงานกลมุ่ ๘. กิจกรรมการเรยี นรู้ (ทกั ษะกระบวนการคิด ) ช่วั โมงท่ี 1 ขัน้ ท่ี ๑ การจัดสภาพแวดลอ้ มและสรา้ งบรรยากาศท่ีเอ้อื อำนวยต่อการคดิ ๑. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสนทนาทบทวนบทเรียนชั่วโมงที่แลว้ ๒. นกั เรียนร่วมกนั อ่านแผน่ โฆษณาสนิ คา้ ท่คี รตู ิดไว้ตามฝาผนังแล้วรว่ มกนั อภิปรายเก่ยี วกับ เนื้อหาสาระและประเภทของโฆษณาท่อี า่ น ๓. ครใู ช้คำถามกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนคดิ และชว่ ยกนั วจิ ารณว์ ่าโฆษณาท่นี กั เรียนเหน็ มีความ น่าเชอ่ื ถอื หรือไม่ เพราะเหตุใด ขั้นท่ี ๒ ใช้รปู แบบวิธีการสอนหรือเทคนคิ การสอนตา่ งๆ กระตุ้นให้ผู้เรียนเกดิ การคิดเชือ่ มโยงจาก ความคดิ เดิมในลักษณะใดลักษณะหนง่ึ ๔. ให้นักเรียนอ่านบทความเรื่อง…. จากหนังสอื เรยี น รายวชิ าพน้ื ฐานภาษาไทยชุด ภาษาเพอื่ ชีวติ ภาษาพาที ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ หน้า 203 แลว้ รว่ มกนั อภิปรายถงึ ใจความสำคัญ ๕. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ตามความเหมาะสมแล้วร่วมกันศกึ ษาเก่ยี วกับลักษณะของข้อเท็จจริง และ ข้อคิดเห็นจาก ใบความรู้ เรื่องข้อเท็จจริงและข้อคิดเหน็ (ภาคผนวก) ๖. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สนทนาเกยี่ วกบั ลกั ษณะของขอ้ เท็จจริง และขอ้ คิดเหน็ ข้ันที่ ๓ จดั กิจกรรมใหผ้ เู้ รียนได้ฝกึ ทักษะการคิด และกระบวนการคิดต่างๆ ตามความเหมาะสมกบั พ้นื ฐานของผ้เู รยี น ขอ้ คดิ เหน็ ๗. ครูอา่ นขอ้ ความตอ่ ไปนี้ให้นกั เรียนฟงั แลว้ ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันตอบว่าเปน็ ขอ้ เท็จจรงิ หรอื - พลเอก ประยุทธ์ จนั ทร์โอชา เปน็ นายกรัฐมนตรี คนท่ี 29 (ขอ้ เท็จจรงิ ) - จังหวดั ระยอง ต้งั อยภู่ าคตะวันออก(ข้อเทจ็ จรงิ ) - คนเรยี นเกง่ มกั จะประสบความสำเรจ็ ในชีวิต (ข้อคดิ เหน็ ) - ดวงอาทิตย์ขน้ึ ทางทิศตะวันออกและตกทางทศิ ตะวันตก(ขอ้ เท็จจรงิ ) - พรุ่งนี้ฝนอาจจะตก (ขอ้ คิดเห็น) - วนั นฝี้ นตกแลว้ (ข้อเทจ็ จรงิ ) ๘. ให้นักเรียนฝึกแยกประโยคท่ีเป็นข้อเท็จจรงิ และข้อคิดเหน็ จากเรอื่ ง “สารพิษใน ชวี ติ ประจำวนั ” จากหนงั สอื เรียน รายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทยชุด ภาษาเพอื่ ชวี ิต ภาษาพาที ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ หน้า193 แลว้ เขียนบนั ทกึ ลงในสมุด

ชวั่ โมงที่ 2 ให้นกั เรยี นร่วมกันร้องเพลง คนอา่ นหนงั สอื แลว้ สนทนาทบทวนบทเรียนชั่วโมงท่ีผา่ นมา ข้ันที่ ๔ ให้เวลาแกผ่ เู้ รียนในการใช้ความคิด และแสดงความคิด อภปิ รายแลกเปล่ยี นกระบวนการคดิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในกระบวนการเรียนรู้ ๙. แบง่ กลมุ่ นักเรยี นโดยใชก้ ลมุ่ เดมิ แลว้ ให้นักเรยี นคนหนึง่ ในแต่ละกลมุ่ อ่านขา่ วหรือบทความ จากหนงั สือพมิ พใ์ หเ้ พื่อนๆ ฟังโดยครูแจกบทความหรอื ข่าวจากหนังสอื พิมพใ์ ห้ แล้วให้นักเรยี นทีเ่ หลือชว่ ยกัน วิเคราะห์ความเปน็ ไปได้วา่ เขียนเกนิ ความเปน็ จริงหรือไม่ ๑๐. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมารายงานผลหน้าช้ันเรียน พรอ้ มทัง้ อธบิ ายเหตุผลประกอบ ครู คอยตรวจสอบใหค้ ำแนะนำเมือ่ นกั เรียนเขา้ ใจไมถ่ ูกต้อง ขั้นที่ ๕ รว่ มกนั สรุปประเดน็ ท่ไี ด้จากกระบวนการคิดทเ่ี กิดขึ้นจากการเรียนรู้ ๑๑. นกั เรยี นช่วยกันสรุปขอ้ แตกตา่ งระหว่างขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ คิดเห็นรว่ มกันอกี คร้ัง ขั้นที่ ๖ การวัดและประเมนิ ผลการเรยี น ท้ังทางด้านเน้ือหา สาระการเรียนรู้ และทกั ษะ กระบวนการคดิ ๑๒. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ จากเรอื่ งท่ีฟงั และดูในชวี ติ ประจำวนั เช่น โฆษณา ขา่ ว ๑๓. ใหน้ กั เรียนทำกจิ กรรมจำแนกข้อเทจ็ จรงิ และข้อคิดเหน็ จากเรอ่ื งทก่ี ำหนด ในใบงานคดิ จำแนกแยกขอ้ เท็จจรงิ (ท้ายแผน) ๙. ส่ือและแหลง่ เรียนรู้ ๙.๑ หนังสอื เรียน รายวชิ าพืน้ ฐานภาษาไทยชุด ภาษาเพื่อชีวิต ภาษาพาที ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่4 ๙.๒ ใบความรู้ เร่ืองข้อเท็จจริงและขอ้ คิดเห็น 9.3 ใบงานคดิ จำแนกแยกขอ้ เท็จจริง 9.4 แผน่ โฆษณาสนิ ค้าต่างๆ 9.5 หนังสือพมิ พ์ ๑0. ข้อเสนอแนะ

ใบความรู้ เร่ือง ขอ้ เทจ็ จริงและขอ้ คดิ เหน็ ในการท่ีจะวเิ คราะหเ์ นือ้ หาสาระของการอา่ นและการพดู นน้ั จะต้องรวู้ ่าอะไรเปน็ ใจความสำคญั ของเรื่อง อะไรเปน็ เน้ือหาหลัก เนือ้ หารอง ตอนใดเปน็ ใจความที่แสดงเหตุและผล ข้อเทจ็ จรงิ ข้อคิดเห็น ในขณะเดียวกันก็ ต้องใช้ความคิด ความรู้ และประสบการณ์ เพื่อพิจารณาว่าเรื่องที่ฟังนี้มีความสมเหตุสมผลและมีความถูกต้อง หรือไม่ มากน้อยเพียงใด การวิเคราะห์ข้อความใดเป็นข้อเท็จจริง ข้อความใดเป็นข้อคิดเห็นนั้น จะต้องตัง้ ใจอ่าน และต้งั ใจฟงั แลว้ ลองใชห้ ลกั ตอ่ ไปน้ีพจิ ารณาแยกแยะ ลกั ษณะของข้อเทจ็ จรงิ ลกั ษณะของข้อคิดเห็น ๑. มคี วามเปน็ ไปได้ ๑. เป็นข้อความที่แสดงความรู้สึก ๒. มคี วามสมจรงิ ๒. เปน็ ข้อความท่ีแสดงความคาดคะเน ๓. มหี ลักฐานเช่ือถือได้ ๓. เป็นข้อความท่ีแสดงการเปรยี บเทยี บ อุปมาอุปมัย ๔. มคี วามสมเหตุสมผล ๔. เปน็ ขอ้ ความที่เปน็ ข้อเสนอแนะหรอื เป็นความ คิดเหน็ ของผู้พดู เอง ตัวอยา่ งข้อความท่ีเปน็ และข้อเท็จจรงิ และข้อคิดเห็น ลักษณะของข้อความท่ีเป็นข้อเท็จจริง ลกั ษณะของขอ้ ของขอ้ ความท่เี ป็นคิดเห็น ๑. ขา้ วเปน็ อาหารหลกั ของคนไทย ๑. ระยองมีภมู ิประเทศทส่ี วยงามนา่ อยู่ ๒. การทำลายป่าไม้ทำให้เกิดความแห้งแลง้ ๒. กนิ ผกั บุ้งทำใหต้ าหวาน ๓. อาเซียนมีสมาชิกทงั้ หมด ๑๐ ประเทศ ๓. ในอนาคตน้ำจะทว่ มกรุงเทพมหานคร ๔. การนอนเปน็ การพกั ผอ่ นที่ดที สี่ ุด ๔. หญงิ ลีรอ้ งเพลงไดอ้ ารมณม์ ากท่ีสุด ๕. พ่อขนุ รามคำแหงเปน็ ผปู้ ระดษิ ฐอ์ กั ษรไทย ๕ เกาะเสมด็ เปน็ สถานทนี่ า่ เทย่ี วมาก

ใบงาน เร่อื งคิดจำแนกแยกขอ้ เท็จจรงิ คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนอ่านข่าวที่กำหนดใหแ้ ล้วแยกขอ้ ความท่เี ปน็ ข้อเทจ็ จรงิ และขอ้ คดิ เหน็ ตามตาราง เร่ิมแล้ว! ประเพณถี ือศีลกินผกั วันแรก ศาลเจ้าบางเหนียว จ.ภเู ก็ต ประชาชนตา่ งเดินทางห้ิวปิ่นโต มารับอาหารโรง ครัวของศาลเจ้าอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน โรงเรียนเทศบาลบ้านบางเหนียว นำนักเรียนทำกิจกรรมจิตอาสา เรียนรู้ วัฒนธรรม เกิดความสนุกใกล้ชิดชุมชนธูป และเทียนที่ถูกจัดเรียงมัดเป็นกำ ด้วยฝีมือของนักเรียนชั้น ป.3 เพื่อให้พร้อม สำหรับผถู้ อื ศีลกนิ ผัก ไดส้ ะเดาะเคราะห์ เปน็ กจิ กรรมจิตอาสา ท่ีทางโรงเรียนได้ปฏบิ ตั ิต่อเนือ่ งมากวา่ 10 ปีแล้ว ดา้ น นางสาวศจี ประภาธิมา ครปู ระจำชนั้ กลา่ วว่า กิจกรรมน้ีเป็นการปลูกฝังจติ สาธารณะให้กับเดก็ ในพ้ืนท่ี โดยใช้เวลา ในช่วงปิดเทอมประกอบกบั การเรยี นการสอนในวิชา สงั คมไดส้ อนเก่ียวกับประเพณีกนิ ผัก หากนำนักเรยี น มาเรยี นรู้สถานทจี่ ริงและบรรยากาศจรงิ จะทำให้นกั เรยี น สนกุ ใกล้ชิดกบั ชุมชนมากขนึ้ ซง่ึ ทางครอบครัวของ นกั เรียนยินดี รวมทั้งใหค้ วามรว่ มมอื อยา่ งเต็มที่ ท่ไี ด้ ปลูกพลังศรัทธาแหง่ องค์พระผ่านกจิ กรรม กลายเป็น เรือ่ งสนุกที่แทรกไปด้วยความรู้สำหรบั เดก็ ๆ ท่ไี ดร้ ่วมกนั ทำ รว่ มกนั แชรค์ วามรู้กบั เพอ่ื นๆ \"ครอบครวั ให้ถอื ศลี กนิ ผกั มาแลว้ ตงั้ แตอ่ นุบาล ทุกปี โดยทุกคนต่างถือศีลกินผักได้ครบท้ัง 9 วัน ซึ่งเด็กที่นี่จะไม่ชอบการกินเนือ้ เทียม และจะเน้นกินผักเท่านั้น\"ตัวแทน นกั เรียน กล่าว ขณะที่ ศาลเจา้ บางเหนยี ว คาดว่า เดก็ ๆ รนุ่ น้จี ะขึน้ มาเปน็ จิตอาสาให้กับศาลเจ้าได้ ซึ่งในแต่ละปี ศาลเจ้า บางเหนยี ว ต้องใช้กำลังคนในการดูแลศาลเจา้ และทำอาหารเพ่ือแจกจา่ ยให้กับผู้ถอื ศีลกินผกั โดยในหน่งึ ปี ศาลเจ้าจะต้อง ทำเมนูฟักทอง ซึ่งเป็นเมนูดั้งเดิมของภูเก็ต ต้องใช้ฟักทองกว่า 10,000 ตัน ผักอื่นๆ กว่า 1,000 กิโลกรัม สับปะรด 10,000 ลูก ข้าวสารเกอื บ 5,000 กิโลกรมั และน้ำมนั ในการประกอบอาหารกว่า 1,400 ลติ ร ซ่งึ ทัง้ หมดนต้ี ่างต้องใชแ้ รง คน และความสามัคคที ้ังส้ิน. โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 ต.ค. 2558 18:10 ข้อเทจ็ จริง ขอ้ คิดเห็น กลุม่ ................................................... สมาชิก : ๑. .............................................. ๒................................................ ๓. .............................................. ๔. ............................................... ๕. .............................................. ๖. ...............................................

แบบประเมินการจำแนก เกณฑ์การประเมินการจำแนกขอ้ เท็จจริงและขอ้ คดิ เห็นจากเร่อื งทอี่ ่าน หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เรือ่ ง เพ่อื ชีวที ี่ปลอดภัย รายการ ๔ ระดับคุณภาพ น้ำหนกั คะแนน ประเมนิ ๓๒ ๑ คะแนน รวม การจำแนก ๑๒ ๑. การจำแนก ขอ้ เท็จจรงิ การจำแนก การจำแนก การจำแนก ข้อเท็จจริง ถกู ตอ้ งครบถว้ น ๑๒ ข้อเทจ็ จรงิ ข้อเท็จจริง ข้อเทจ็ จริง ๓ ๓ ๑๒ ถกู ต้องเปน็ ถกู ตอ้ งเป็นสว่ น ยังไม่ถูกตอ้ ง ๓ ๑ ๔ สว่ นมาก น้อย ๔๐ ๒. การจำแนก การจำแนก การจำแนก การจำแนก การจำแนก ข้อคดิ เห็น ขอ้ คิดเหน็ ถกู ตอ้ งครบถ้วน ขอ้ คิดเหน็ ขอ้ คิดเห็น ข้อคดิ เหน็ ถูกตอ้ งเป็น ถูกต้องเปน็ ส่วน ยงั ไมถ่ ูกตอ้ ง สว่ นมาก น้อย ๓. สำนวนภาษา สำนวนภาษาสอ่ื สำนวนภาษาสือ่ สำนวนภาษาสือ่ สำนวนภาษาสื่อ สอ่ื ความหมาย ความหมายได้ ชดั เจน ถกู ตอ้ งชัดเจน ความหมายได้ ความหมาย ความหมายยังไม่ ดีมาก ๔. ความสะอาด สะอาด เป็น ถกู ต้องพอใช้ ถูกต้องเปน็ บาง ถูกต้อง เปน็ ระเบยี บ ระเบียบ ลายมอื เรียบร้อย สม่ำเสมอ ไมม่ ี ข้อความ รอยขีดฆ่า สะอาด เปน็ สะอาด เปน็ สะอาด เป็น ระเบียบ ลายมือ ระเบียบ ลายมือ ระเบียบ มีรอยลบ สม่ำเสมอ มีรอย สม่ำเสมอ รอยขดี ขูด ขีดฆา่ ขดี ฆา่ เล็กนอ้ ย ฆ่า ลบ ๓-๔ แห่ง มากกว่า ๔ แห่ง รวมคะแนน เกณฑ์การตัดสนิ /ระดับคณุ ภาพ ระดับ ๕ หมายถงึ ดีเย่ยี ม คะแนน ๓๒ – ๔๐ ระดบั ๔ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๒๘ – ๓๑ ระดบั ๓ หมายถงึ ดี คะแนน ๒๔ – ๒๗ ระดับ ๒ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๒๐ – ๒๓ ระดบั ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรงุ คะแนน ๐ – ๑๙ เกณฑ์การผา่ น ผา่ นระดับ ๓ ข้นึ ไป

๑. การจำแนกข้อเ ็ทจจริงแบบบันทึกคะแนนการจำแนกข้อเท็จจริงและขอ้ คิดเหน็ จากเรื่องทอ่ี ่าน ๒. การจำแนกข้อ ิคดเ ็หน ๓. สำนวนภาษา ่ืสอความหมายหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง เพอ่ื ชีวีทีป่ ลอดภัย ัชดเจน ๔. ความสะอาดเ ็ปนระเ ีบยบรายการประเมิน เรียบร้อยคะแนน รวมคะแนน ระ ัดบ ุคณภาพเลข ท่ี ชือ่ -สกลุ ๑๒ ๑๒ ๑๒ ๔ ๔๐ ๕ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ หมายเหตุ ใหด้ ูจากเกณฑ์ท่กี ำหนดไว้ขา้ งต้น

แผนการเรียนร้ทู ่ี 3 เรือ่ ง สรปุ ความเข้าใจยอ่ ไว้จดจำ เวลา 2 ชว่ั โมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชวี้ ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคดิ เพื่อนำไปใชต้ ัดสนิ ใจแก้ปัญหาในการ ดำเนินชวี ติ และมนี สิ ัยรักการอ่าน ตัวชี้วดั ท ๑.๑ ป.๔/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและ บทร้อยกรองได้ถูกตอ้ ง ท ๑.๑ ป.๔/๔ แยกข้อเทจ็ จริงและขอ้ คดิ เห็นจากการอา่ น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียน เขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเร่ืองราว ในรูปแบบต่างๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมปี ระสิทธิภาพ ตัวชว้ี ดั ท ๒.๑ ป ๔/๒ เขียนส่ือสารโดยใช้คำได้ถกู ตอ้ งชดั เจนเหมาะสม ท ๒.๑ ป ๔/๔ เขยี นยอ่ ความจากเร่ืองสั้นๆ ท ๒.๑ ป ๔/8 มีมารยาทในการเขยี น ๒. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การอา่ นออกเสียงบทร้อยแก้วและบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ตอ้ งและจับใจความเร่อื งท่อี า่ นหรอื ฟังไดช้ ัดเจนจะ ทำให้แยกขอ้ เท็จจริงและได้ขอ้ คิดจากเรื่องซง่ึ ส่งผลต่อการเขยี นยอ่ ความเพือ่ สือ่ สารใหผ้ ูอ้ น่ื เข้าใจเรื่องไดถ้ กู ตอ้ ง และเข้าใจแนวคดิ ของผ้เู ขยี นได้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. สามารถเขยี นยอ่ ความตามรปู แบบและหลกั เกณฑ์ไดถ้ ูกต้อง ๒. มมี ารยาทในการเขียน 3. สาระการเรยี นรู้ การเขียนย่อความจากสอ่ื ตา่ งๆ เชน่ นิทาน ความเรยี ง 4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 4.๑. ความสามารถในการคดิ 4.๒. ความสามารถในการสื่อสาร 5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์/คา่ นยิ ม 5.๑. ใฝเ่ รยี นรู้ 5.๒.ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 6. ชนิ้ งาน/ภาระงาน การเขยี นยอ่ ความ

7.การวดั ประเมนิ ผล เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารผา่ น ผ่านรอ้ ยละ60 วิธีการ 1. แบบทดสอบหลงั เรยี น 1. ทดสอบหลงั เรยี น 2. แบบประเมนิ การสังเกตพฤติกรรม 2. สงั เกตพฤตกิ รรม 3. แบบประเมินการเขียนย่อความ -การอ่าน -การถามตอบ -การเขา้ รว่ มกจิ กรรม 3. ประเมินการเขียนย่อความ ๘. กิจกรรมการเรียนรู้ (กระบวนการสรา้ งความรู้ ) ชวั่ โมงที่ ๑ ทดสอบหลงั เรียน 10 ขอ้ (10 นาที) ขั้นที่ ๑ ข้ันแนะนำ 1. ครแู จ้งจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ใหน้ กั เรยี นทราบ ขนั้ ที่ 2 ข้นั ทบทวนความรเู้ ดมิ 2. ร่วมกนั สนทนาทบทวนบทเรียนที่เรียนในช่ัวโมงท่แี ลว้ โดยการให้นกั เรียนช่วยกันเลา่ แบบ ย่อๆ ครูคอยช่วยเสริมเติมเตม็ ใหไ้ ด้ความเข้าใจ ขั้นท่ี 3 ข้นั ปรบั เปลย่ี นความคิด 3. ใหน้ กั เรียนอา่ นบทอา่ นเสรมิ เรือ่ ง “รู้เรอื่ งเครื่องปรงุ รส” หนังสอื เรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทยชุด ภาษาเพือ่ ชวี ิต ภาษาพาที ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี4 หนา้ 200-201 4. เมือ่ นกั เรยี นอา่ นจบแลว้ ครูส่มุ ถามคำถาม หรอื ให้นกั เรยี นสรปุ บทความยอ่ ๆ ใหฟ้ งั ครู ชมเชยนกั เรียนท่ตี อบคำถามหรือสรปุ บทความได้ถูกต้อง 5. ใหน้ ักเรียนร่วมกันศกึ ษาความรเู้ พือ่ เป็นแนวทางในการเขียนย่อความ จากใบความรกู้ าร เขียนยอ่ ความ(ทา้ ยแผน) 6. ครูชว่ ยสรปุ ความรเู้ กีย่ วกับการย่อความเพ่มิ เตมิ และเน้นยำ้ ให้นกั เรียนเขา้ ใจความรตู้ าม ขน้ั ตอน ดงั นี้ - ข้ันตอนการอ่าน - ข้ันตอนการคดิ - ขนั้ ตอนการเขยี น 7. ครเู ลา่ นทิ านเรอื่ งสนั้ ๆ ใหน้ ักเรยี นฟงั เพื่อเป็นรางวลั สำหรับนักเรยี นทกุ คนทม่ี ีความตั้งใจใน การเรยี น (นิทานทีจ่ ะเลา่ ควรมขี ้อคิดเตือนใจ ) 8. ใหต้ ัวแทนนักเรยี น ออกมาเลา่ เรอ่ื งย่อของนทิ านท่ีครูเล่าจบ แล้วให้เพ่ือนๆ ในชน้ั เรยี น ช่วยกนั ตดั สินวา่ ใครสามารถเล่าเรอื่ งไดใ้ จความสำคญั ของเร่ืองมากทส่ี ุด และปรบมอื ให้กำลงั ใจตัวแทนนกั เรยี น ทกุ คน

ชั่วโมงท่ี 2 ให้นกั เรยี นสนทนาทบทวนบทเรียนชัว่ โมงทผี่ า่ นมา ขั้นท่ี 4 ขั้นทบทวน 1. ให้นกั เรียนรว่ มกันบอกข้ันตอนในการเขยี นยอ่ ความว่าควรทำอยา่ งไรบา้ ง เชน่ - อ่านเร่ืองใหเ้ ขา้ ใจ - สรุปใจความสำคัญ - นำใจความสำคัญไปเรียบเรียงใหม่ - ยอ่ ความตามรปู แบบทีก่ ำหนด 2. นักเรียนและครรู ่วมกนั ตรวจสอบขน้ั ตอนของการย่อความ ให้ถูกต้อง และครูชว่ ยอธบิ าย เพิม่ เตมิ ในส่วนทีบ่ กพรอ่ ง 3. นกั เรียนร่วมกนั อ่านออกเสยี งบทอ่านเสริม เรอื่ ง “รู้เรอื่ งเครอ่ื งปรงุ รส” หนังสือเรยี น รายวิชาพื้นฐานภาษาไทยชุด ภาษาเพอ่ื ชวี ิต ภาษาพาที ช้นั ประถมศึกษาปที ี4่ หน้า 200-201 4. ครูมอบหมายให้นักเรยี นย่อความลงในใบงานเรอ่ื ง สรุปความเขา้ ใจยอ่ ไว้จดจำ (ท้ายแผน) เสรจ็ แลว้ ครตู รวจสอบความถูกต้องตามรปู แบบของการเขยี นยอ่ ความ ถ้ามีนักเรียนทำไมถ่ กู กอ็ ธิบายเพมิ่ เติมและ ให้ฝึกซ้ำเป็นรายบุคคล ๙. สื่อและแหล่งเรยี นรู้ ๙.๑ หนงั สอื เรียน รายวชิ าพื้นฐานภาษาไทยชุด ภาษาเพอ่ื ชวี ติ ภาษาพาที ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ ๙.๒ หนังสือนทิ านสนั้ ๆมีคติสอนใจ 9.3 ใบความรู้ การเขยี นย่อความ 9.4 ใบงาน เรื่อง สรุปความเข้าใจยอ่ ไว้จดจำ ๑0. ข้อเสนอแนะ

ใบความรู้ เรอ่ื ง การเขียนยอ่ ความ การเขียนยอ่ ความ การยอ่ ความ คอื การเกบ็ ใจความสำคญั ของเรอ่ื งโดยตดั คำขยายออกไปเหลอื แต่ใจความสำคญั แล้วนำมาเรยี บเรยี งขนึ้ ใหมด่ ว้ ยถอ้ ยคำที่สละสลวย วธิ ีการเขียนยอ่ ความ ๑. อ่านบทความทจ่ี ะย่อทัง้ เรอ่ื งใหเ้ ขา้ ใจโดยตลอด ๒. พยายามจับความคดิ ของผูเ้ ขียนว่า ต้องการเสนอเรื่องใดเป็นสำคัญ ๓. จับใจความสำคญั ของเรื่องใหไ้ ด้ โดยตัง้ คำถามไวใ้ นใจ ดงั น้ี “เรอ่ื งอะไร มใี คร ทำอะไร กบั ใคร ทีไ่ หน เมื่อไร อย่างไร บงั เกิดผลเช่นใด” ๔. นำใจความทัง้ หมดทจี่ ับไดม้ าเรียบเรยี งใหม่ โดยใชภ้ าษาทเ่ี ข้าใจงา่ ย ซง่ึ มวี ธิ ีดงั นี้ 4.1 ไมใ่ ชส้ รรพนามบรุ ษุ ท1ี่ และบุรษุ ท่ี2 แต่ใชส้ รรพนามบรุ ษุ ท่ี3แทน 4.2 ไม่ใช้อกั ษรยอ่ นิยมเขยี นคำเต็ม 4.3 ใช้สำนวนโวหารของตนเองใหก้ ระชบั เข้าใจง่าย 4.4 คำศัพท์ยากหรอื ศัพท์วชิ าการใหเ้ ปลย่ี นมาใช้คำสามญั 4.5 ถ้ามีคำราชาศัพท์ และใจความสำคญั ตอ้ งใช้ราชาศพั ท์ ให้คงราชาศัพทน์ นั้ ไว้ 5. เม่อื เรียบเรยี งเสรจ็ แล้วให้อา่ นทบทวนอีกคร้งั เพือ่ แกไ้ ขใหเ้ น้ือหากระชบั รดั กมุ เชื่อมข้อความให้สัมพันธ์กันตั้งแต่ต้นจนจบ 6. เขยี นยอ่ ความให้สมบรู ณ์และเขยี นตามแบบการข้นึ ตน้ ย่อความ ใหถ้ กู ต้องตามแต่ละประเภทของเร่ือง ดังนี้ 1. ย่อนิทาน เรือ่ ง___________________________________ผแู้ ตง่ _______________________ จากหนงั สือ_________________________________________________________มีความว่า 2. ยอ่ ข่าว เร่ือง_______________จาก_____________วันท่ี______หน้า_________มคี วามวา่ 3. ย่อโอวาทของ_______________________________ในโอกาส______________________________ เมือ่ (วนั เดือน ปี)____________________________________________________มีความวา่ 4. ยอ่ บทความเรอ่ื ง____________ผแู้ ตง่ _____________จากหนงั สอื ____________มีความว่า

ใบงาน เรื่อง สรปุ ความเข้าใจย่อไว้จดจำ คำชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นเขยี นยอ่ ความให้ถูกต้องตามรปู แบบ และมีใจความครบถว้ น ย่อบทความ เรือ่ ง................................................ผ้แู ตง่ ......................................................... จากหนงั สอื ..........................................................................................................มีความว่า ฝกึ บ่อย ๆ เดีย๋ วก็เก่งเองนะครบั . ชอื่ ................. .................................................. เลขที่ .................ชนั้ ................

รายการการ แบบประเมินการเขียนยอ่ ความ นำ้ หนกั คะแนน ประเมิน คะแนน รวม หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 เร่อื ง เพ่อื ชวี ีทป่ี ลอดภัย ระดับคณุ ภาพ ๔๓๒๑ ๑.ตวั อักษร เขียนตัวอักษรได้ เขยี นตัวอักษรได้ เขียนตัวอักษรได้ เขียนตัวอกั ษรยัง ถกู ตอ้ งตามแบบ ถูกตอ้ งตาม ถูกต้องตาม ถกู ตอ้ งตาม ไมถ่ ูกตอ้ งตาม ๓ ๑๒ ๒ ๘ รูปแบบ รปู แบบพอใช้ รปู แบบเป็นบาง รปู แบบ ๑ ๔ ๔ ๑๖ ดมี าก แหง่ ๔๐ ๒.ความถูกต้อง ความถกู ตอ้ งของ ความถกู ต้องของ ความถูกตอ้ งของ ยงั เขียนไมถ่ ูกต้อง ของเนอื้ หา เน้อื หาทเ่ี ขยี น ดี เนอ้ื หาพอใช้ เนอ้ื หาถูกตอ้ ง มาก เปน็ บางแหง่ ๓.การเวน้ ชอ่ งไฟ การเว้นช่องไฟได้ การเว้นชอ่ งไฟ การเวน้ ช่องไฟ การเวน้ ชอ่ งไฟยงั สม่ำเสมอดมี าก สม่ำเสมอพอใช้ สมำ่ เสมอเปน็ บาง ไมส่ มำ่ เสมอ แห่ง ๔.ความสวยงาม สวยงามเปน็ สวยงามเป็น สวยงามเปน็ ยงั ไม่เปน็ เป็นระเบยี บ ระเบียบเรียบร้อย ระเบียบเรียบรอ้ ย ระเบียบ มีรอยลบ ระเบยี บ มรี อย เรยี บรอ้ ย ดมี าก พอใช้ ขีดฆา่ เป็นบางแห่ง ลบขดี ฆ่ามากกว่า ๕ แห่ง รวมคะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ รอ้ ยละ๖๐

แบบบันทึกคะแนนการเขยี นยอ่ ความ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 เร่ือง เพื่อชีวีทปี่ ลอดภัย เลข รายการประเมิน ๑.เน้ือเรื่อง สรุป ท่ี ช่ือ-สกุล คะแนน ๒.ลำ ัดบความ ิคดเห ุตการ ์ณ ่ตอเน่ือง ัสมพัน ์ธกัน ๓.สำนวนภาษา ื่สอความหมาย ัชดเจน ๔.ความสะอาดเ ็ปนระเ ีบยบ เรียบร้อย รวมคะแนน ระ ัดบ ุคณภาพ ๑๒ ๑๒ ๑๒ ๔ ๔๐ ๕ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ หมายเหตุ ให้ดูจากเกณฑ์ทกี่ ำหนดไวข้ ้างต้น

ภาคผนวก

แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลงั เรียน หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 เรอื่ ง เพ่อื ชวี ีที่ปลอดภัย คำชแี้ จง ให้นกั เรยี นทำเครอ่ื งหมาย × ทบั ตัวอักษร ก ข ค ง ท่ถี กู ที่สุดเพียงข้อเดยี ว ________________________________________________________________________________ 1. ข้อใดมคี วามหมายตรงกบั สำนวน รักดงั แก้วตา ก. แม่สวมแวน่ ตากนั แดดเพื่อทะนถุ นอมสายตา ข. แมเ่ ลย้ี งดูลกู อย่างทะนถุ นอม ค. พถี่ อื แก้วอย่างทะนถุ นอม ง. ฉันล้างแก้วสะอาด 2. คางคกขึ้นวอ มีความหมายคลา้ ยกบั สำนวนใด ก. คอทองแดง ข. นำ้ ตาตกใน ค. ก้ิงกา่ ได้ทอง ง. นกสองหวั ข้อ 3 – 4 อา่ นขอ้ ความทีก่ ำหนด แลว้ ตอบคำถาม 3.ข้อความนี้จัดอยใู่ นประเภทใด บุหรมี่ ีพษิ อย่าคิดสูบมนั รีบเร่งเร็วพลนั ช่วยกันรณรงค์ ก. คำขวญั ค. ประกาศ ข. โฆษณา ง. แจง้ ความ 4. เม่ืออ่านข้อความนแี้ ล้ว เราควรปฏิบตั อิ ยา่ งไร ก. ไม่คบเพอื่ นสบู บหุ รี่ ข.ไมท่ ดลองสบู บุหรี่ ค. ไมพ่ ูดกบั คนสบู บุหร่ี ง. เลกิ สูบบุหรี่ 5. 1) เขียนสรปุ ด้วยสำนวนภาษาของตนเอง 2) สรุปสาระสำคัญของเร่อื งท่ีอา่ น 3) ตั้งใจอ่านเร่อื งต้งั แตต่ ้นจนจบ 4) อา่ นทบทวนส่ิงที่เขยี น ตรวจสอบความเรยี บร้อยและถูกต้อง จากขอ้ ความที่กำหนด ขอ้ ใดเรยี งลำดับวิธกี ารเขยี นยอ่ ความไดถ้ กู ตอ้ ง ก. 1) 2) 3) 4) ข. 2) 3) 4) 1) ค. 4) 1) 2) 3) ง. 3) 2) 1) 4) 6. ข้อใดไม่ควรปฏิบตั ิในการเขยี นยอ่ ความ ก. ทำความเข้าใจเนื้อเร่ืองทอี่ ่าน ข. สรปุ สาระสำคัญของเรอื่ งที่อ่าน ค. เขยี นย่อความโดยใชอ้ กั ษรย่อ ง. เขียนย่อความโดยใช้ภาษาเปน็ สำนวนของตนเอง

ขอ้ 7 – 10 ฟังครูอา่ นเรอื่ งที่กำหนด แล้วตอบคำถาม 7. ขอ้ ใดเป็นขอ้ เทจ็ จริงจากเรอ่ื งที่ฟัง ก. คนที่มีความสามารถในการทำอาหารสามารถนำไปใช้ประกอบอาชีพได้ ข. กุลสตรีไทย มีความสามารถในการประกอบอาหารทกุ คน ค. เยาวชนไทยควรฝกึ ประกอบอาหาร ง. การทำงานบ้านและทำอาหารเป็นงานทีต่ ำ่ 8. เสนห่ ์ปลายจวัก เกี่ยวข้องกบั ขอ้ ใด ก. รปู ร่างหนา้ ตา ข. การปรุงอาหาร ค. ฐานะการเงิน ง. การประกอบอาชพี 9. ข้อใดไม่ใชป่ ระโยชนข์ องการทำอาหารเกง่ ก. ได้รับประทานอาหารอรอ่ ย ข. นำไปประกอบอาชีพได้ ค. ไดอ้ ย่ใู นครวั ท้งั วนั ง. สมาชิกในครอบครัวชอบ 10. ผู้เขยี นเสนอให้เยาวชนเอาใจใสใ่ นเรื่องอะไร ก. การบริโภคอาหาร ข. การประกอบอาชพี ค. การคดิ รายการอาหาร ง. การฝึกหดั ทำอาหาร

เฉลย แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลงั เรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 เร่ือง เพื่อชีวีทป่ี ลอดภัย ข้อที่ คำตอบ 1ข 2ค 3ก 4ข 5ง 6ค 7ก 8ข 9ค 10 ง สำหรับครู กุลสตรีไทยสมัยโบราณ ส่วนใหญ่มีความรู้ความสามารถในการประกอบ อาหารมาก แม้สตรีที่มีตำแหน่งหนา้ ที่สูงหรือมีบรรดาศักดิ์ ก็เห็นความสำคัญของ การปรุงอาหาร เสน่หป์ ลายจวักยังมีคุณค่าสำหรับทุกยุคสมยั ตราบเท่าท่ีมนุษย์ยัง ต้องบริโภคอาหาร สมัยนี้คนบางกลุ่มมักมีค่านิยมผิดๆ คิดว่า การทำงานบ้าน การ ทำอาหารเป็นงานตำ่ แท้จริงแล้ว ทุกคนที่มีฝีมือมีความสามารถในด้านน้ี สามารถ นำไปใช้ประกอบอาชีพได้ เยาวชนไทยจึงควรเอาใจใส่ฝึกหัดประกอบอาหาร เพื่อ นำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวัน

มีการวางแผน แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ทำตามแผน หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 เร่อื ง เพ่อื ชวี ีทป่ี ลอดภยั ีมความค ่ลองแค ่ลว ทำงานร่วมกับ ู้ผอ่ืนไ ้ดชือ่ ชน้ิ งาน/ภาระงาน การทำงานเปน็ กระบวนการกลุ่ม................................................................................ ทำงานเสร็จตามกำหนด___________________________________________________________________________ สนใจและ ้ัตงใจทำงานคำชี้แจง ๑. เขยี นเคร่อื งหมาย  ในชอ่ งรายการประเมนิ ที่ตรงกบั พฤตกิ รรมนักเรยี น รักความสะอาดเ ็ปนระเ ีบยบ ข ัยนอดทน๒. เขียนเครือ่ งหมาย  ในชอ่ งรายการประเมินที่นักเรียนไมแ่ สดงพฤตกิ รรม ีมความรับ ิผดชอบเกณฑ์การประเมิน การผ่านการประเมนิ ตอ้ งผา่ นทุกรายการ แล้วใช้อักษร ผ (ผ่าน) มผ (ไมผ่ ่าน) มีความ ิคดริเร่ิมสร้างสรร ์ค สรุปผลรายการประเมนิ เลข ท่ี ชือ่ – สกลุ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕

แบบประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 4 เร่อื ง เพ่อื ชวี ีที่ปลอดภยั คำช้ีแจง ๑. เขียนเครือ่ งหมาย  ในช่องรายการประเมนิ สมรรถนะทผ่ี ่านการประเมนิ ๒. เขยี นเครอ่ื งหมาย  ในช่องรายการประเมินทน่ี กั เรยี นไมผ่ า่ นการประเมนิ ๓. ช่องสรปุ ทำเครอื่ งหมาย ✓ ลงในชอ่ ง ผ่าน เมือ่ นกั เรยี นผา่ นการประเมินสมรรถนะครบทุกข้อ ทำเครื่องหมาย ✓ ในช่อง ไม่ผา่ น กรณนี ักเรยี นไม่ผ่านการประเมนิ ข้อใดขอ้ หนึง่ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน สรปุ เลขท่ี ชื่อ - สกลุ ๑. ความสามารถ ผา่ น ไมผ่ า่ น ในการ ื่สอสาร ๒. ความสามารถ ในการ ิคด 3. ความสามารถใน การใ ้ช ัทกษะ ีชวิต ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 เรอื่ ง เพื่อชีวีทปี่ ลอดภัย คำชีแ้ จง ๑. ทำเครื่องหมาย ✓ ในช่องรายการคุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ในชอ่ งรายการให้ตรงกบั ระดบั คุณภาพ ท่ีประเมนิ ๒. ชอ่ งสรุปทำเครอ่ื งหมาย ✓ ลงในชอ่ ง (ผ่าน) เมือ่ นักเรยี นมีผลการประเมินคณุ ลักษณะระดบั ผ่าน ขนึ้ ไปทกุ ข้อ ทำเครื่องหมาย ✓ ในช่อง (ไม่ผ่าน) กรณีนกั เรยี นไม่ผ่านการประเมินข้อใดขอ้ หน่งึ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ สรปุ ๑.ใฝ่ ๒.ม่งุ มน่ั ใน เลข เรียนรู้ การทำงาน ่ผาน ไ ่ม ่ผาน ท่ี ระดบั ระดับ คุณภาพ คณุ ภาพ ๐๑๒๓๐๑๒๓๐๑๒๓๐๑๒๓๐๑๒๓๐๑๒๓๐๑๒๓๐๑๒๓ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ คำอธบิ าย ระดับ ๓ = ดีเย่ยี ม , ระดับ ๒ = ดี , ระดับ ๑ = ผ่าน , ระดบั ๐ = ไมผ่ ่าน หมายเหตุ ใหศ้ กึ ษาแนวทางการวดั และประเมนิ ผลคณุ ลักษณะอนั พึงประสงคป์ ระกอบการประเมนิ

แบบสรปุ คะแนนตามตัวชี้วัดประจำหน่วย หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 เร่ือง เพือ่ ชีวีท่ีปลอดภยั มฐ. ท ๑.๑ มฐ. ท ๒.๑ มฐ. ท ๓.๑ มฐ. ท 5.๑ เลขท่ี ตชว. ท่ี ๑,3,4 ตชว. ที่ 2,4,8 ตชว. ที่ 1 ตชว. ที่ 2 คะแนน สรปุ คะแนน สรุป คะแนน สรุป คะแนน สรปุ ผ/มผ. ผ/มผ. ผ/มผ. ผ/มผ. ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ๑๘ ๑๙ ๒๐ หมายเหตุ ให้นำผลคะแนนตามตัวชีว้ ัดทีไ่ ดร้ บั การประเมินจากชนิ้ งานและภาระงานประจำหนว่ ยการเรียนร้มู ากรอก เพือ่ นำไปเป็นขอ้ มลู สรุปการประเมินแต่ละตัวช้ีวัดปลายปี สรปุ ลงใน ปพ.๕ ต่อไป

แบบสรปุ คะแนนประจำหนว่ ย หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 4 เรื่อง เพอื่ ชวี ีที่ปลอดภยั คะแนนช้ินงาน/ภาระงาน/ทดสอบกอ่ นเรียน – หลังเรยี น ประกอบแผนการเรียนรู้ คะแนน แผนการเ ีรยน ู้รท่ี ๑ ทดสอบ ่กอนเ ีรยน แผนการเ ีรยน ู้รท่ี ๒ ทดสอบหลังเ ีรยน แผนการเรียน ู้รที่ ๓ รวมคะแนน สรุปน้ำหนักคะแนน เลข ท่ี ๔๐ ๑๐ ๔๐ ๑๐ ช่อื -สกลุ๔๐ 140 10 ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ หมายเหตุ การคดิ คา่ นำ้ หนักคะแนนประจำหนว่ ยการเรียนรู้ คะแนนรวมของนกั เรียนรายบุคคล × น้ำหนักคะแนน คะแนนเต็ม

แบบกรอกคะแนนการวัดผลกอ่ นเรียน - หลงั เรียน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 เรื่อง เพอื่ ชวี ีทป่ี ลอดภยั เลขที่ ช่อื - สกลุ คะแนน คะแนน ผลความกา้ วหนา้ ก่อนเรียน หลงั เรยี น + หรือ - ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ๑๘ ๑๙ ๒๐ คะแนนเฉลยี่

บนั ทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1) สรปุ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรยี นร้.ู .................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรยี นนไ่ี มผ่ ่าน มีดังนี้ 1............................................. 2......................................................... 3............................................. 4......................................................... แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นที่ไม่ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้................................................................... 2. นกั เรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K).................................................................................................... 3. นักเรยี นมีความร้เู กิดทักษะ (P)...................................................................................................... 4. นกั เรียนมีเจตคติ คา่ นิยม คุณธรรมจริยธรรม (A).......................................................................... 2) ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………….3) ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (นางอรวรรณ ปานจำรูญ) ตำแหนง่ ครู ความเห็นของหวั หนา้ สถานศึกษา/ผ้ทู ไี่ ดร้ บั มอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจดั การเรียนรูข้ อง................................................................แล้วมีความเหน็ ดงั น้ี 1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. การจดั กจิ กรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้  เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคญั มาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม  ยังไมเ่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคญั ควรปรับปรงุ พัฒนาตอ่ ไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี  ควรปรบั ปรุงกอ่ นนำไปใช้  นำไปใช้ได้จรงิ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื .................................................. (นางสาวกันยาภทั ร ภัทรโสตถิ) ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นวดั พืชนิมิต (คำสวัสด์ริ าษฎร์บำรุง)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook