๑ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑1 เรือ่ ง แรงพิโรธจากฟา้ ดนิ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รายวิชา ภาษาไทย รหสั ท๑๔๑๐๑ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ นางอรวรรณ ปานจำรูญ ครผู ู้สอน โรงเรยี นวัดพชื นมิ ติ (คำสวสั ดริ์ าษฎร์บำรุง) ตำบลคลองหน่งึ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี สำนักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาปทมุ ธานี เขต ๑
๒ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑๑ เรื่อง แรงพโิ รธจากฟ้าดนิ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย รายวชิ า ภาษาไทย รหสั ท ๑๔๑๐๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ เวลา 8 ชัว่ โมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี้ ัด สาระที่ ๑ การอ่าน มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคดิ เพ่อื นำไปใชต้ ดั สนิ ใจ แก้ปญั หาใน การดำเนนิ ชวี ติ และมนี สิ ยั รกั การอา่ น ตัวชีว้ ัด ท ๑.๑ ป. ๔/๑ อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ต้อง ท ๑.๑ ป. ๔/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ประโยค และสำนวนจากเรอื่ งที่อ่าน ท ๑.๑ ป. ๔/๓ อ่านเร่อื งส้นั ๆ ตามเวลาทก่ี ำหนดและตอบคำถามจากเรอื่ งท่ีอ่าน ท ๑.๑ ป. ๔/๖ สรุปความรคู้ วามคิดจากเรือ่ งท่อี า่ นเพ่ือนำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ท ๑.๑ ป. ๔/๘ มมี ารยาทในการอา่ น สาระท่ี ๒ การเขยี น มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นสือ่ สาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความและเขยี นเรอ่ื งราวใน รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อย่างมีประสทิ ธิภาพ ตัวชว้ี ัด ท ๒.๑ ป. ๔/๒ คดั ลายมอื ตวั บรรจงเต็มบรรทดั และครงึ่ บรรทดั ท ๒.๑ ป. ๔/๓ เขยี นสอ่ื สารโดยใชไ้ ดถ้ กู ตอ้ ง ชดั เจน และเหมาะสม ท ๒.๑ ป. ๔/๘ มีมารยาทในการเขียน สาระที่ ๓ การฟัง การดู และการพูด มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมวี ิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และ ความรสู้ กึ ในโอกาสตา่ งๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวชว้ี ดั ท ๓.๑ ป. ๔/๒ พดู สรปุ ความจากการฟังและดู ท ๓.๑ ป. ๔/๓ พดู แสดงความรู้ ความคิดเหน็ และความรู้สึกเกีย่ วกับเรอ่ื งทฟ่ี ังและดู ท ๓.๑ ป. ๔/๔ ตัง้ คำถามและตอบคำถามเชิงเหตผุ ลจากเรอื่ งทฟ่ี ังและดู ท ๓.๑ ป. ๔/๕ รายงานเรอื่ งหรือประเดน็ ท่ีศกึ ษาค้นควา้ จากการฟัง การดู และการสนทนา ท ๒.๑ ป. ๔/๖ มีมารยาทในการฟงั การดู และการพดู สาระที่ ๔ หลกั การใชภ้ าษาไทย มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษา และ พลังของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ ตัวชว้ี ดั ท ๔.๑ ป. ๔/๑ สะกดและบอกความหมายของคำในบรบิ ทตา่ งๆ
๓ สาระที่ ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเห็น คณุ คา่ และนำมาประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ จริง ตวั ชี้วดั ท ๕.๑ ป. ๔/๑ ระบุขอ้ คดิ นิทานพน้ื บา้ น หรอื นทิ านคตธิ รรม ท ๕.๑ ป. ๔/๒ อธบิ ายข้อคิดจากการอา่ นเพอ่ื นำไปใช้ในชีวิตจริง ๒. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การอ่านออกเสียงท่ีชัดเจนถูกต้องตามหลักการอ่าน ทำให้ผู้อ่านส่ือความหมายกับผู้ฟังได้อย่างชัดเจน ผู้ฟังสามารถรับรู้เรื่องราว ทำให้การอ่านประสบความสำเร็จ การอธิบายความหมายของคำ ประโยคและ ขอ้ ความไดอ้ ย่างถกู ต้อง ผอู้ ่านต้องรับรู้และเขา้ ใจ จึงจะสามารถสื่อสารกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ และการ ต้ังจุดหมายในการอ่าน อ่านอย่างพินิจ พิจารณา จะทำให้จับใจความสำคัญของเร่ืองท่ีอ่านได้ดี สามารถตอบ คำถามลำดับเหตุการณ์ของเรื่อง และนำไปเขียนเป็นแผนภาพความคิด เพื่อกำหนดเป็นแนวทางการ เขียนเร่ืองได้ดี การรู้หลักเกณฑ์ทางภาษาเร่ืองคำพ้องรูป คำพ้องเสียงทำให้สามารถนำคำมาเรียบเรียงเป็น ประโยคได้ถูกตอ้ งตามหลักเกณฑ์ทางภาษา เกิดประโยชนต์ ่องานเขียนส่ือสาร เขียนคำแนะนำและนำความคิด สู่ผู้อ่านได้อย่างเหมาะสม การมีมารยาทในการฟัง การดู การพดู จะทำให้ได้รบั ความร้ทู ่ีมีประโยชน์ นำไปใช้ พดู รายงานเพอื่ การส่อื สารใหเ้ กิดประโยชน์สูงสดุ ตอ่ ผู้สง่ สารและผรู้ ับสาร ๓. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ (K) ๑. การศกึ ษาคำศัพท์ ๒. การอา่ นจบั ใจความ ๓. แผนภาพความคิด ๔. การอา่ นออกเสยี ง ๕. คำพ้องรูป ๖. คำพ้องเสียง ๗. การพูดรายงาน ๘. การเขียนคำแนะนำ ๙. บทรอ้ ยกรองคำเตือนจากฟ้าดิน ทกั ษะ/กระบวนการ (P) ๑. การศกึ ษาคำศัพท์ ๒. การอา่ นจบั ใจความ ๓. การเขียนแผนภาพความคิด ๔. การอา่ นออกเสยี ง ๕. ศกึ ษาคำพอ้ งรูป ๖. ศกึ ษาคำพอ้ งเสยี ง ๗. การพดู รายงาน ๘. การเขยี นคำแนะนำ ๙. เรยี นรู้บทร้อยกรองคำเตอื นจากฟา้ ดิน
เจตคติ (A) ๔ ๑. รักการอ่านการเขียน เกณฑ์ ๒. มมี ารยาทในการอ่าน ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ ๘๐ ผา่ นเกณฑ์ รอ้ ยละ ๘๐ ๓. มมี ารยาทในการเขยี น ๔. มีมารยาทในการฟงั ดู พดู ๔. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร ๒. ความสามารถในการคิด - ทักษะการคดิ วิเคราะห์ ๓. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต - กระบวนการทำงานกลมุ่ - กระบวนการปฏิบตั ิ ๕. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๑. รกั ความเป็นไทย ๒. ซือ่ สตั ยส์ ุจริต ๓. ใฝ่เรียนรู้ ๖. ชิน้ งาน/ภาระงาน รายงานเรอ่ื งคำพ้องรูป คำพ้องเสียง ๗. การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี าร เครอ่ื งมือ -ทดสอบกอ่ นเรยี น -แบบทดสอบ -ตรวจชนิ้ งานรายงานคำพอ้ งรูป -แบบประเมินผลงานการเขียนบทร้อยกรอง คำพอ้ งเสียง
๕ เกณฑ์การประเมนิ การเขียนรายงาน ประเดน็ การ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ประเมนิ ๓๒ ๑ ๑.การวางแผน เป็นระบบ มกี ารวางแผนการทำงานเปน็ ระบบ การทำงาน ไมค่ รบถว้ น การทำงาน ไมค่ รบถว้ น -สมาชิกทุกคนมสี ่วนรว่ ม ขาด ๑ ประเดน็ ขาด ๒ ประเดน็ -ปฏบิ ัติงานตามที่ได้รบั มอบหมาย -มกี ารตรวจสอบผลการปฏิบตั งิ าน -มกี ารประเมนิ ปรับปรงุ งาน ๒.รูปเล่มรายงาน จดั ทำรายงานได้ถูกตอ้ งมี จัดทำรายงานได้ถกู ต้อง การทำรายงาน ส่วนประกอบครบถ้วน นา่ สนใจ รูปเล่มสวยงาม สะอาดเรียบร้อย มีส่วนประกอบครบถว้ น มขี ้อบกพร่อง นา่ สนใจ รปู เล่มสวยงาม ส่วนประกอบ สะอาดเป็นส่วนใหญ่ ไม่ครบถ้วน ๓ .เนอื้ หา เนือ้ หาของรายงานถกู ต้องสมบูรณ์ เน้อื หาของรายงานถูกต้อง เนื้อหาของรายงาน คอ่ นขา้ งถูกต้องสมบูรณเ์ ปน็ มีขอ้ บกพร่องมาก ส่วนใหญ่ เกณฑก์ ารประเมนิ ๑๐ – ๑๒ คะแนน หมายถงึ ดี ๖ – ๙ คะแนน หมายถงึ พอใช้ ๑ – ๕ คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรุง
๖ ๘. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ ๑ ศึกษาคำศัพท์ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองไดถ้ ูกตอ้ ง ๒. อธบิ ายความหมายของคำ ประโยค และสำนวนจากเร่ืองที่อา่ น ๓. คดั ลายมอื ตวั บรรจงเต็มบรรทดั และครึ่งบรรทดั ได้ ๔. มมี ารยาทในการเขยี น กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้นั นำ ๑. ครนู ำภาพภยั ธรรมชาติ ไดแ้ ก่ ภาพดินถล่ม ภาพน้ำทว่ ม ภาพไฟไหมป้ ่า (ภาคผนวก ) ให้นักเรยี นดู แลว้ สนทนากับนกั เรยี นว่าภยั ธรรมชาติท่นี กั เรียนเคยพบ คือภัยธรรมชาตใิ นดา้ นใด สาเหตกุ ารเกดิ นา่ จะเกดิ จากอะไรบา้ ง ข้ันสอน ๒. นกั เรยี นอา่ นบัตรคำ ในหนว่ ยการเรยี นตามครพู ร้อม ๆ กนั ๓. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายความหมายของคำศัพทท์ อี่ า่ น ๔. นกั เรียนอา่ น อธบิ ายเพม่ิ เติมความหมายจากหนังสือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย ภาษาพาที ชั้น ป.๔ โดยอา่ นทีละคน ครคู อยสังเกตการอ่านของนักเรยี นแต่ละคน ถา้ มีนักเรยี นอา่ นผดิ ครูชว่ ยแกไ้ ขเพอ่ื ให้ อ่านได้ถูกตอ้ ง ๕. ตัวแทนนักเรียนชาย ๑ คน และหญิง ๑ คน ออกมาเขียนคำศัพท์ในบทเรียนตามคำบอกบน กระดานดำ เมื่อเขยี นครบแลว้ ครูและนักเรยี นช่วยกนั ตรวจ หากพบคำผดิ แก้ไขใหถ้ ูกต้อง ๖. นักเรียนคดั คำศพั ท์ทบี่ นกระดานดำด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทดั ลงในสมดุ ขัน้ สรปุ ๗. นักเรียนอ่านคำศัพท์ที่บนกระดานดำพร้อมๆกันอีกครั้ง ครูมอบหมายให้นักเรียนกลับไปอ่านซ้ำ ท่ีบ้านให้ผู้ปกครองฟังเพื่อให้อ่านได้ถูกต้อง คล่องแคล่วมากข้ึน และเมื่ออ่านแล้วให้ผู้ปกครองลงชื่อกำกับด้วย ท้ังนี้เพื่อให้ผู้ปกครองได้มีส่วนร่วมในการฝึกทักษะด้านการอ่านและทราบผลการพัฒนา ด้านการอ่านของบุตร หลาน สื่อและแหลง่ เรยี นรู้ ๑. ภาพภัยธรรมชาติ ๒. บัตรคำ ๓. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐานภาษาไทย ภาษาพาที ชน้ั ป. ๔
๗ การวดั ผลประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์ วธิ ีการ ๑.แบบประเมินการอา่ นออกเสยี ง และเขยี นคำศัพท์ ๑. เกณฑ์การประเมนิ การอา่ นออกเสยี งและ ๑. ประเมินการอา่ นออกเสียง เขยี นคำศพั ท์ และเขยี นคำศัพท์ ๑. ๑๔ - ๑๘ ระดับคณุ ภาพ ดี ๒.เขียนคำศัพท์บนั ทึกลงสมดุ ๒.เกณฑ์การประเมินผลงาน ๘ – ๑๒ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ คำศัพท์ นกั เรียน สมดุ บันทึกคำศพั ท์ ๘ ระดบั คุณภาพ ปรับปรุง ๒. ๑. เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานนกั เรียน ๑๔ - ๑๘ ระดบั คุณภาพ ดี ๘ – ๑๒ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ๘ ระดับคณุ ภาพ ปรบั ปรงุ
๘ แบบประเมนิ การอ่านออกเสียงและเขียนคำ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ โรงเรียน.................................... สำนักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษา........................................................ ภาคเรยี นท่ี............ปีการศกึ ษา..................วนั ท่ี…….........เดอื น.......................................พ.ศ.............................. คำชี้แจง ครูประเมินพฤติกรรมของนกั เรยี นในการอา่ นออกเสยี งและเขยี นคำ ให้คะแนนลงในชอ่ งที่ตรงกับ พฤตกิ รรมของนักเรยี น ความถูกต้องในการอ่าน สรปุ ผล คุณ ัลกษณะ รวม การประเมนิ (มีความ ่ัมนใจในการใช้ภาษา ) เลขที่ ช่อื -สกุล การสะกดคำศัพ ์ท อธิบายความหมายของคำ ัศพ ์ท ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ดี พอใช้ ปรับ ปรงุ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ลงช่ือ............................................................ผู้ประเมิน (.....................................................)
๙ เกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมนิ การอา่ นออกเสยี งและเขยี นคำศพั ท์ (rubrics) กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ ประเดน็ การประเมนิ เกณฑก์ ารให้คะแนน ๑.ความถูกต้องในการอ่าน ๓ ๒๑ สามารถอา่ นได้ถกู ต้อง ๒.คณุ ลกั ษณะ ท้ังหมด สามารถอา่ นได้เกือบ พยายามอา่ นได้บ้าง (มคี วามมนั่ ใจในการอา่ น ) ๓. การสะกดคำศพั ท์ มคี วามม่นั ใจในการอ่าน ถกู ต้องทั้งหมด ผิดไม่ ผิดมากกวา่ ๓ คำ ๔. อธบิ ายความหมาย ดี มกี ารเตรียมตวั มา ของคำศพั ท์ อย่างดี มัน่ ใจตนเอง เกิน ๓ คำ การสะกด คำศัพทถ์ ูกตอ้ ง มีความม่นั ใจในการอ่าน ขาดความมั่นใจใน อธบิ ายความหมายได้ ถกู ต้องสมบรู ณ์ พอใช้ เตรียมตวั มาอยา่ ง ตนเอง เตรยี มตวั มา ดี ยงั ประหมา่ บ้างแต่ไม่มากนกั การสะกด สะกดคำผดิ มาก คำศัพทผ์ ดิ เลก็ น้อย อธบิ ายความหมายได้ อธบิ ายความหมาย เกือบถูกต้อง ไม่ได้ เกณฑก์ ารประเมิน ระดับคุณภาพ ดี ๙ - ๑๒ ระดับคุณภาพ พอใช้ ๕-๘ ระดับคณุ ภาพ ปรบั ปรุง ตำ่ กว่า ๕
๑๐ ช่ัวโมงที่ ๒ การอ่านจับใจความสำคญั จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อ่านเร่อื งสั้นๆ ตามเวลาท่ีกำหนดและตอบคำถามจากเรื่องท่ีอา่ นได้ ๒. สรปุ ความรู้และข้อคิดจากเร่อื งทีอ่ า่ นเพือ่ นำไปใช้ในชีวติ ประจำวันได้ ๓. ต้ังคำถาม ตอบคำถามจากเรื่องทฟ่ี ังและดูได้ ๔. มมี ารยาทในการอา่ น กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั นำ ๑. ทบทวนคำศพั ทใ์ นหน่วยการเรยี น แรงพโิ รธจากฟา้ ดิน โดยนกั เรยี นอ่านคำศัพท์จากบัตรคำ พรอ้ มๆ กัน ครพู ูดแนะนำให้นกั เรยี นอา่ นอย่างมีมารยาททด่ี ี ข้นั สอน ๒. นักเรียนและครูร่วมกันสนทนาทบทวนถึงความหมายของคำศัพท์แต่ละคำท่ีอ่านไปแล้วเพื่อให้ นักเรยี นสามารถเขา้ ใจเน้ือหาของหนว่ ยการเรยี น ๓. นกั เรียนอ่านในใจหน่วยการเรยี น แรงพโิ รธจากฟา้ ดิน โดยครกู ำหนดเวลาใหป้ ระมาณ ๑๐ นาที ๔. ครตู งั้ คำถามให้นกั เรยี นตอบปากเปลา่ เพือ่ ประเมนิ การจับใจความสำคญั จากเรอ่ื งที่อา่ น ๕. นักเรยี นทำแบบฝึกจากใบงานการเขียนตงั้ คำถามตอบคำถามจากเน้ือหา แรงพิโรธจากฟา้ ดิน (ภาคผนวก ๑๑/๒) ขน้ั สรปุ ๖. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรุปเน้อื หาบทเรยี นและข้อคิดท่ีได้จากหนว่ ยการเรยี น เพอ่ื นำไปใช้ ในชวี ติ ประจำวัน จากขอ้ คิด ตวั อย่าง เช่น -การตัดไมท้ ำลายปา่ เปน็ สาเหตุใหเ้ กิดดินถลม่ ได้ -การหาผลประโยชน์ของคนบางกลมุ่ จะส่งผลเสยี ถงึ สว่ นรวมได้ สือ่ และแหล่งเรียนรู้ ๑. บตั รคำ ๒. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย ภาษาพาที ชั้น ป. ๔ ๓. ใบงานการเขยี นตงั้ คำถาม-ตอบคำถาม การวดั ผลประเมนิ ผล วิธกี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์ ประเมนิ การอา่ นจับใจความ เกณฑ์การประเมนิ เกณฑก์ ารประเมิน ความสามารถในการอา่ น ๑๓ – ๑๖ คะแนน หมายถงึ ดี จับใจความ ๘ – ๑๒ คะแนนหมายถงึ พอใช้ ๑ – ๗ คะแนนหมายถึง ปรับปรงุ
๑๑ เกณฑ์การประเมินความสามารถในการอ่านจับใจความ ประเด็นการประเมนิ เกณฑก์ ารให้คะแนน ดี (๓) พอใช้(๒) ปานกลาง(๑) ๑. ตอบคำถามจาก ตอบคำถามถกู ตอ้ งทุกขอ้ ตอบคำถามผดิ ไมเ่ กิน ๓ ตอบผดิ มากกว่า ๓ ข้อใน เรือ่ งท่อี ่าน ข้อ ใน ๕ ขอ้ ๕ ข้อ ๒. บอกความสำคญั บอกเนอื้ หาสาระถูกต้องได้ บอกเนื้อหาสาระถูกต้อง บอกเน้ือหาสาระไดบ้ า้ ง ของเรื่องทีอ่ ่าน ใจความตอ่ เนอื่ ง ได้แต่วกวน ๓. บอกขอ้ คดิ จากเร่อื ง บอกข้อคดิ ได้ตรงประเดน็ บอกข้อคิดได้ตรงประเดน็ บอกข้อคิดได้บา้ งแต่ ที่อา่ น สมบูรณ์ แตไ่ มต่ อ่ เน่ือง วกวน ๔. แสดงความคดิ เหน็ เสนอความคิดเห็นด้วย เสนอความคิดเห็นได้ เสนอความคิดเหน็ แต่ไม่ จากเรื่องทอี่ า่ น เหตุผลและเป็นประโยชน์ อยา่ งมีเหตุผล แสดงเหตผุ ล เกณฑก์ ารประเมนิ ๑๓ – ๑๖ คะแนน หมายถึง ดี ๘ – ๑๒ คะแนนหมายถงึ พอใช้ ๑ – ๗ คะแนนหมายถึง ปรับปรุง
๑๒ ชวั่ โมงที่ ๓ แผนภาพความคิด จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. พดู สรปุ ความจากการอา่ นได้ ๒. เขยี นสอื่ สารโดยใชแ้ ผนภาพคิดไดถ้ ูกตอ้ งชดั เจน และเหมาะสม ๓. มมี ารยาทในการอ่านและการเขยี น กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. ทบทวนเน้อื หาของเรื่อง แรงพิโรธจากฟา้ ดนิ โดยให้นกั เรยี นเล่าเรื่องตอ่ กันทีละคน ขน้ั สอน ๒. ครูซกั ถามนักเรียนถึงใจความสำคัญของเนอ้ื หาของเรอ่ื ง เพอื่ สรุปใจความและการนำไปใช้ ในชีวติ ประจำวัน เชน่ -หมบู่ ้านของแตงอ่อนประสบกบั ภยั ธรรมชาตอิ ย่างไรบ้าง -ภัยธรรมชาตใิ นเรอ่ื งเกิดจากสาเหตใุ ด -พิธแี ห่นางแมวทำขึ้นเพ่ืออะไร นกั เรียนมคี วามคิดเหน็ อยา่ งไรกบั พธิ ีน้ี -เรามวี ธิ ใี ดบา้ งที่จะป้องกันภัยทางธรรมชาติ ๓. ครูตดิ แผนภูมแิ ผนภาพหน้าช้นั เรียน ๔. นักเรียนฝกึ เติมขอ้ ความในแผนภาพโดยการพูดแบบปากเปลา่ ครูคอยพูดกระต้นุ ใหน้ ักเรียนทุกคน มีส่วนรว่ มในกจิ กรรมการฝึกเตมิ ข้อความ ๕. นักเรียนเติมข้อความในแผนภาพ แรงพิโรธจากฟา้ ดิน จาก ใบงาน (ภาคผนวก ๑๑/๓) ขน้ั สรุป ๖. นักเรียนนำเสนอแผนภาพความคิดของตนเองที่หน้าช้ันเรียน ครูและเพื่อนๆ ช่วยกันแนะนำ เพ่มิ เตมิ ให้ผลงานท่นี ำเสนอมีความสมบรู ณม์ ากข้ึน กอ่ นนำไปปรบั ปรงุ แล้วสง่ ใหค้ รตู รวจ สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้ ใบงาน การเขยี นแผนภาพความคดิ การวดั และประเมนิ ผล วิธีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์ ๑. ประเมนิ การเขยี น แบบประเมินการเขยี น เกณฑก์ ารประเมิน แผนภาพความคดิ แผนภาพความคดิ ๑๐ – ๑๒ คะแนน หมายถึง ดี ๖ – ๙ คะแนน หมายถงึ พอใช้ ๑ – ๕ คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรงุ
๑๓ เกณฑก์ ารประเมินการเขียนแผนภาพความคดิ ประเดน็ การประเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน ๔ ๓ ๒๑ ๑.ประเดน็ หัวขอ้ การเขียนแผนภาพ เขยี นแผนภาพโดย เขยี นแผนภาพโดย เขยี นแผนภาพได้ ชดั เจน โดยแยกประเด็นหวั ข้อ แยกประเดน็ หัวข้อ แยกรายละเอยี ด แต่รายละเอียด ชดั เจนมีรายละเอยี ดของแตล่ ะ ชัดเจนมรี ายละเอยี ด ยอ่ ยไมม่ ีหวั ข้อชัดเจน ต่าง ๆ ปะปนกัน ประเดน็ ครบถว้ น รูปแบบ ของแตล่ ะประเดน็ แตก่ ็มีรูปแบบทที่ ำให้ ไม่เรียงลำดับหัวขอ้ และการใชค้ ำเข้าใจง่าย พอสมควร รูปแบบ เข้าใจได้ ไมม่ หี ัวข้อ และใช้คำเขา้ ใจง่าย ๒.ความสอดคล้องเปน็ เนื้อเรอ่ื งแสดงถึงความเป็นเหตุ เน้อื เร่อื งแสดงถึงความ เนือ้ เร่อื งแสดงถึงความ เน้อื หาไม่แสดงถึง เหตเุ ปน็ ผล เปน็ ผล สนบั สนุนซึ่งกนั และกัน เป็นเหตุเปน็ ผล สนบั สนนุ เป็นเหตุเปน็ ผล ความเป็นเหตเุ ปน็ ผล มกี ารยกตวั อย่างหรืออา้ งอิง ซ่ึงกันและกนั มีการ สนบั สนนุ ซ่งึ กันและ และไมม่ กี าร ประกอบได้สอดคลอ้ ง ยกตัวอยา่ งหรืออ้างองิ กนั มกี ารยกตวั อย่าง ยกตัวอยา่ งหรือ ประกอบไดค้ อ่ นขา้ ง หรืออา้ งอิงประกอบ อ้างองิ ประกอบ สอดคล้อง แตไ่ ม่สอดคลอ้ ง ๓.ระบขุ อ้ คดิ /คณุ คา่ สรปุ บอกขอ้ คิด อธบิ ายคุณค่า สรุป บอกขอ้ คดิ อธิบาย บอกขอ้ คดิ และ บอกข้อคิด การนำไปใช้ในชีวติ ของเรื่องท่อี ่านได้ ถูกต้อง คณุ คา่ ของเร่อื งท่อี ่านได้ ประโยชนท์ ่ีไดเ้ ร่ืองท่ี เรอ่ื งทอ่ี ่านได้ ครบถ้วนสามารถนำไป ถูกต้องครบถ้วน อ่านได้ ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจำวันได้ เกณฑ์การประเมิน หมายถึง ดี ๑๐ – ๑๒ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๖ – ๙ คะแนน หมายถงึ ปรับปรุง ๑ – ๕ คะแนน
๑๔ ช่ัวโมงท่ี ๔ อา่ นออกเสียง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. อา่ น สะกดและบอกความหมายของคำใบบรบิ ทตา่ ง ๆ ได้ ๒. มีมารยาทในการอา่ น กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นำ ๑. ทบทวนคำศัพท์ในหน่วยการเรียน โดยให้นักเรียนเล่นเกม เส่ียงใบเซียมซี ซึ่งมีวิธีเล่น ดังนี้ ๑. นักเรียนน่ังเป็นวงกลม ๒. ทุกคนช่วยกันร้องเพลง เสี่ยงใบเซียมซี (ภาคผนวก ๑๑/๖)แล้ว ให้นักเรียน ๑๐ คน ออกมาจับไม้ตัวเลขเซียมซี เม่ือไดต้ ัวเลขอะไรให้ดูบัตรคำทม่ี ีตัวเลขกำกับเป็นเลขตังเดยี วกัน ๓. นกั เรียน อา่ นคำศัพทใ์ หเ้ พ่อื นๆฟัง ๔. ถา้ อ่านไม่ได้ให้เพอ่ื นๆชว่ ยกนั อา่ น ครูสังเกตความถูกต้องของการอา่ น ๒. นักเรียนอา่ นบตั รคำจากหน่วยการเรยี นพรอ้ มๆกัน ขน้ั สอน ๓. ครูนำอ่านบตั รคำทลี ะใบ โดยเน้นการอา่ นออกเสยี งใหช้ ัดเจน ถูกต้อง นกั เรยี นอา่ นตามพร้อมๆกนั และอา่ นสลบั ชาย -หญิงอกี ๑ เที่ยว ๔. นักเรียนจับคู่กัน คนท่ี ๑ ให้เป็นคนอธิบายความหมายของคำ คนที่ ๒ ให้บอกชื่อคำจาก ความหมายเพอื่ ทบทวนความหมายของคำศพั ท์ ขั้นสรุป ๕. ครตู ดิ บัตรคำทห่ี น้าชนั้ เรียน นกั เรียนอ่านพรอ้ มๆ กันอีกครั้ง ๖. นักเรียนอ่านเน้ือหาหนว่ ยการเรียนต่อกันเปน็ รายบุคคล เม่ืออ่านครบทุกคนแล้วให้ทุกคนลงมติว่า เพอื่ คนใดในห้องอ่านไดถ้ กู ต้องชดั เจนและคล่องแคลว่ ทส่ี ุด ให้เปน็ ยอดนักอา่ นประจำหน่วยการเรียน แรงพิโรธจากฟ้าดนิ สอื่ และแหล่งเรยี นรู้ ๑. บตั รคำ ๒. เกม เส่ยี งใบเซยี มซี ๓. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานภาษาไทย ภาษาพาที ชัน้ ป. ๔ การวดั ผลประเมนิ ผล วิธกี าร เครอื่ งมือ เกณฑ์ ประเมนิ การอา่ นออกเสียง แบบประเมินการอา่ น เกณฑ์การประเมนิ อา่ นออกเสียง ออกเสยี ง ๑๓ – ๑๖ คะแนน หมายถงึ ดี ๘ – ๑๒ คะแนน หมายถงึ พอใช้ ๑ – ๗ คะแนน หมายถงึ ปรับปรงุ เกณฑ์
๑๕ เกณฑ์การประเมินการอา่ นรอ้ ยแก้ว ประเด็น เกณฑ์การใหค้ ะแนน การประเมนิ ๓ ๒ ๑ ๑.อกั ขรวธิ ี อ่านถกู ต้องทกุ คำ ออก อา่ นผิดไม่เกนิ ๓ คำ ออก อา่ นผดิ มากกวา่ ๕ คำออก เสยี ง ร ล ชัดเจน เสยี ง ร ล ชดั เจน เสียง ร ล ไมช่ ดั เจน ๒.แบง่ วรรคตอน แบ่งวรรคตอนถูกต้อง แบ่งวรรคตอนผดิ แบ่งวรรคตอนผดิ ทกุ วรรค ๑-๒ แหง่ ๓ - ๔ แหง่ ๓.บุคลิกภาพ นง่ั ในทา่ ท่ีเหมาะสม น่ังในท่าทเ่ี หมาะสม นั่งในท่าท่ีไม่เหมาะสม ทา่ ทางในการอ่าน ใช้สายตามองกวาด ใชส้ ายตามองกวาด ใช้น้ิวชีต้ ามตวั อักษร ตัวหนงั สือ ไมช่ ้หี รือ ตวั หนังสือ ถูกต้องเป็นสว่ น และสา่ ยหนา้ ตามตวั อักษร ส่ายหนา้ ตามตวั อกั ษร ใหญ่ ๔.นำ้ เสยี งในการ น้ำเสยี งชัดเจนนุม่ นวล นำ้ เสยี งชดั เจนนุ่มนวลนา่ ฟงั นำ้ เสยี งไมช่ ัดเจน ขาดความ อ่าน น่าฟัง เป็นส่วนใหญ่ ม่ันใจในการอา่ น เกณฑก์ ารประเมนิ ๑๓ – ๑๖ คะแนน หมายถงึ ดี ๘ – ๑๒ คะแนน หมายถงึ พอใช้ ๑ – ๗ คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรุง
๑๖ ช่วั โมงท่ี ๕ คำพ้องรปู จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. บอกความหมายของคำพ้องรปู ได้ ๒. คดั ลายมือตวั บรรจงคร่งึ บรรทดั ได้ ๓. มีมารยาทในการเขียน กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นำ ๑. ครูสนทนาซักถามนักเรียนว่า เคยได้ยินคำว่า คำพ้อง หรือไม่ คำน้ีมีความหมายอย่างไร หากนักเรยี นคนไหนตอบได้ ใหเ้ พื่อนๆ ปรบมอื ให้เกยี รติและฝึกการยอมรับผู้อื่น ๒. ครูอธบิ ายเพ่ิมเติมวา่ คำพ้อง คอื คำทม่ี ีลักษณะเหมือนกนั หรอื ซำ้ กัน คำพอ้ งมี ๒ ชนิด คือ คำพอ้ งรปู และคำพ้องเสียง ขน้ั สอน ๓. นักเรียนอ่านความรู้เร่ืองคำพอ้ ง จากอธบิ ายเพ่ิมเติมความรู้ ในหนงั สือเรียนรายวิชาภาษาไทย ภาษาพาที ช้ัน ป.๔ เรอ่ื งคำพอ้ งรูป ๔. ครูแขวนแผนภูมเิ พลง คำพอ้ งรูป (ภาคผนวก ๑๑/๕) ทห่ี นา้ ชน้ั เรียน แล้วอา่ นดว้ ยเสียงธรรมดา ให้นกั เรยี นอ่านตาม ๑ เทย่ี ว ๕. ครูรอ้ งเพลง คำพ้องรูป ที่มที ำนองเพลง มงแซะ ให้นักเรียนปรบมือและฝึกร้องพร้อมๆ กัน ๖. นักเรียนและครรู ว่ มสนทนาถงึ เนือ้ หาของเพลงท่กี ลา่ วถงึ ความหมายและตัวอยา่ งคำพอ้ งรูป ขั้นสรุป ๗. ครูพูดสรุปว่า คำพ้องรูปคือคำที่เขียนเหมือนกัน แต่ออกเสียงต่างกันและมีความหมายต่างกัน การอ่านคำพ้องรูปให้ถูกต้องจะต้องดูข้อความอื่นๆ ประกอบคำพ้องรูปว่า คำนั้นน่าจะหมายถึงอะไรและต้อง อ่านอย่างไร ๘. นักเรียนทำแบบฝึกหัดทักษะทางภาษา และคัดเพลง คำพ้องรูป ด้วยตัวบรรจงครึ่งบรรทัดใส่ใน สมุด เพ่ือนำไปฝกึ ร้องให้คล่องต่อไป ส่อื การสอนและแหลง่ การเรียนรู้ ๑. เพลง คำพอ้ งรปู ๒. แบบฝกึ หัดทักษะทางภาษา ชัน้ ป. ๔ การวดั ผลประเมนิ ผล วธิ กี าร เครื่องมอื เกณฑ์ ๑.ตรวจผลงาน ๑.แบบประเมินผลงานเฉลย ๑.เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงาน ใบงาน ๘๐ - ๑๐๐ = ดมี าก ๖๐ – ๗๐ = ดี ๕๐ = พอใช้ ตำ่ กวา่ ๕๐ = ปรับปรุง ๒.การสงั เกตความสนใจ ๒.แบบสงั เกตพฤติกรรม เกณฑ์การสงั เกตพฤตกิ รรมความสนใจ ในการเรียน ความสนใจในการเรยี น ๗ คะแนน ผลการประเมิน ดีมาก ๕-๖ คะแนน ผลการประเมนิ ดี ๓-๔ คะแนน ผลการประเมนิ พอใช้ ๑-๒ คะแนน ผลการประเมิน ควรปรับปรงุ
๑๗ แบบสงั เกตความสนใจและความต้ังใจในการทำกิจกรรมของนกั เรียน ชือ่ นักเรยี น....................................................................ชั้น..................... กจิ กรรม......................................................................วนั ที่ ............................................... รายการ ปฏบิ ัติ ไมป่ ฏบิ ัติ ๑. เริม่ ตน้ งานท่ไี ดร้ บั มอบหมายทนั ที ๒. ทำงานเสร็จเรยี บร้อยตามเวลาท่ีกำหนด ๓. ขอคำแนะนำจากครหู รอื เพ่ือนเม่ือไมเ่ ขา้ ใจ ๔. ทำกิจกรรมดว้ ยความสนกุ สนานและเตม็ ใจ ๕. มีส่วนรว่ มในการทำกจิ กรรมอย่างสมำ่ เสมอ ๖. ชว่ ยเหลือแนะนำเพอ่ื นในการทำกจิ กรรมตามสมควร ๗. สนใจศกึ ษาหาความรู้เพมิ่ เติมด้วยตนเอง รวมคะแนน หมายเหตุ ๑. ขอ้ ใดท่ีนกั เรียนปฏบิ ตั ิ ได้คะแนน ๑ คะแนน ไม่ปฏิบตั ิ ไดค้ ะแนน ๐ คะแนน ๒. เกณฑก์ ารประเมินจากแบบสังเกตอาจกำหนด ดงั น้ี ๗ คะแนน ผลการประเมนิ ดมี าก ๕-๖ คะแนน ผลการประเมนิ ดี ๓-๔ คะแนน ผลการประเมิน พอใช้ ๑-๒ คะแนน ผลการประเมนิ ควรปรับปรงุ
๑๘ ช่วั โมงที่ ๖ คำพอ้ งเสียง จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. สะกดและบอกความหมายของคำพ้องเสียงได้ ๒. คดั ลายมอื ตัวบรรจงคร่งึ บรรทดั ได้ ๓. มมี ารยาทในการเขยี น กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันนำ ๑. ครสู นทนาซกั ถามนกั เรยี นวา่ ในโรงเรียนหรือในชมุ ชน นกั เรยี นรูจ้ กั ใครทมี่ ชี อื่ ซำ้ กันบา้ ง ถ้ามคี รู เขยี นชื่อคำทน่ี ักเรียนบอกไวบ้ นกระดานดำ ถา้ ไมม่ ีครยู กตวั อยา่ งเชน่ ไพรวลั ย์ วรรณา วันวสิ าข์ ๒. นกั เรยี นสังเกตความแตกตา่ งของการเขยี นสะกดคำทคี่ รูเขยี นไว้บนกระดานดำ ซึง่ มคี ำอ่านออก เสียง วนั เหมือนกัน แตเ่ ขยี นไม่เหมือนกัน ข้นั สอน ๓. ครูแขวนแผนภูมิเพลง คำพอ้ งเสยี ง (ภาคผนวก ๑๑/๖) ทหี่ นา้ ชนั้ เรียน แล้วอ่านดว้ ยเสยี งธรรมดา ใหน้ ักเรียนอา่ นตาม ๑ เท่ียว ๔. ครูร้องเพลง คำพอ้ งเสียง ท่มี ีทำนองเพลง มงแซะ ใหน้ กั เรียนปรบมือและฝึกรอ้ งพรอ้ มๆกัน ๕. ครูอธบิ ายถงึ เนอ้ื หาของเพลงท่ีกล่าวถงึ ความหมายและตวั อยา่ งคำพ้องเสยี ง ข้นั สรปุ ๗. นักเรยี นอา่ นความร้เู ริองคำพอ้ งเสียง ในหนังสอื เรียนรายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย หวั ข้ออธิบาย เพ่ิมเติมความรแู้ ลว้ รว่ มกบั ครูสรุปความรูว้ ่า คำพอ้ งเสยี งคือคำทเ่ี สียงเหมือนกัน แตเ่ ขียนตา่ งกันและมี ความหมายทแ่ี ตกตา่ งกนั นักเรียนจงึ ตอ้ งเลอื กใชค้ ำใหถ้ กู ต้อง ๘. นกั เรียนทำแบบฝกึ หัดทักษะทางภาษา แบบฝึกหดั ที่ ๗ ขอ้ ๓และคดั เพลง คำพอ้ งเสยี ง ด้วยตวั บรรจงเตม็ บรรทดั ใสใ่ นสมุด สือ่ และแหลง่ เรียนรู้ ๑. เพลง คำพ้องเสียง ๒. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐานภาษาไทย ทักษะทางภาษา ชนั้ ป. ๔ การวดั ผลประเมนิ ผล วธิ กี าร เครือ่ งมอื เกณฑ์ ๑. ตรวจผลงาน ๑.แบบประเมนิ ผลงานเฉลย ๑.เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงาน ใบงาน ๘๐ - ๑๐๐ = ดีมาก ๖๐ – ๗๐ = ดี ๕๐ = พอใช้ ตำ่ กวา่ ๕๐ = ปรบั ปรุง ๒.การสงั เกตความสนใจ ๒.แบบสงั เกตพฤตกิ รรม เกณฑ์การสังเกตพฤติกรรมความสนใจ ในการเรยี น ความสนใจในการเรยี น ๗ คะแนน ผลการประเมิน ดมี าก ๕-๖ คะแนน ผลการประเมิน ดี ๓-๔ คะแนน ผลการประเมนิ พอใช้ ๑-๒ คะแนน ผลการประเมิน ควรปรบั ปรงุ
๑๙ แบบสงั เกตความสนใจและความตั้งใจในการทำกจิ กรรมของนกั เรยี น ชอ่ื นักเรยี น....................................................................ช้นั ..................... กจิ กรรม......................................................................วันที่ ............................................... รายการ ปฏิบตั ิ ไม่ปฏิบตั ิ ๘. เรมิ่ ต้นงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายทันที ๙. ทำงานเสรจ็ เรียบร้อยตามเวลาที่กำหนด ๑๐.ขอคำแนะนำจากครูหรอื เพ่ือนเมอื่ ไม่เขา้ ใจ ๑๑.ทำกิจกรรมด้วยความสนกุ สนานและเตม็ ใจ ๑๒.มีส่วนรว่ มในการทำกจิ กรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ๑๓.ชว่ ยเหลอื แนะนำเพอ่ื นในการทำกจิ กรรมตามสมควร ๑๔.สนใจศึกษาหาความรูเ้ พม่ิ เติมดว้ ยตนเอง รวมคะแนน หมายเหตุ ๑. ขอ้ ใดท่ีนักเรียนปฏบิ ตั ิ ไดค้ ะแนน ๑ คะแนน ไม่ปฏบิ ตั ิ ไดค้ ะแนน ๐ คะแนน ๒. เกณฑก์ ารประเมินจากแบบสังเกตอาจกำหนด ดังนี้ ๗ คะแนน ผลการประเมนิ ดีมาก ๕-๖ คะแนน ผลการประเมิน ดี ๓-๔ คะแนน ผลการประเมนิ พอใช้ ๑-๒ คะแนน ผลการประเมนิ ควรปรบั ปรงุ
๒๐ ชวั่ โมงท่ี ๗ การพูดรายงาน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. รายงานเร่ืองหรือประเดน็ ท่ีศึกษาคน้ ควา้ จากการฟงั การดู และการสนทนาได้ ๒. มีมารยาทในการฟงั การดู และการพดู กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั นำ ๑. ครูสนทนาซักถามนักเรียนวา่ เคยดูรายงานข่าวเกย่ี วกบั ภยั ธรรมชาติ เชน่ ขา่ วน้ำท่วม ลมพายพุ ดั หรอื ขา่ วไฟไหม้ หรือไม่ ถา้ ดดู จู ากสถานีโทรทศั นห์ รอื จากหนงั สือพิมพ์ หากดทู างโทรทัศน์ นกั เรยี นชอบการรายงานขา่ วของผู้รายงานคนใดบา้ ง เพราะอะไร ขั้นสอน ๒. นักเรยี นอ่านความรทู้ างภาษาเรือ่ งการพดู รายงาน ๓. ครอู ธิบายความรู้เพมิ่ เติม เร่อื ง ขัน้ ตอนการพูดรายงาน ดังน้ี -เตรยี มเรอ่ื งท่ีจะพูด -เตรียมส่อื หรืออปุ กรณป์ ระกอบการรายงาน -เตรยี มตวั ผู้รายงาน -รายงานตามลำดับขัน้ ตอน ๔. หาอาสมัครนักเรยี น ๒ คน ออกมาแสดงบทบาทสมมุติ พูดรายงาน การทำเวรประจำวนั ตามลำดับข้นั ตอนทีเ่ รียนมาแล้ว ๕. นักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ การพดู รายงานของอาสาสมัครทัง้ ๒ คน เพือ่ นำ ไปปรบั ปรงุ แกไ้ ข แลว้ นำไปใช้ต่อไป ๖. นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลุม่ ละ ๓ คน ศกึ ษาค้นคว้าเร่อื งภยั ธรรมชาตจิ ากหอ้ งสมดุ หรือทาง อนิ เทอร์เนต ตามความถนัด แลว้ จดั ทำเปน็ รายงานพร้อมทงั้ เตรยี มสง่ ตัวแทนออกมาพดู รายงานหน้าช้นั เรียน ในการเรียนครง้ั ตอ่ ไป ข้นั สรปุ ๗. ครูและนักเรยี นสรปุ ความรู้เรอ่ื ง การพูดรายงาน ทั้งดา้ นขน้ั ตอน การเตรยี ม และขน้ั ตอน การรายงาน ส่ือและแหล่งเรยี นรู้ ๑. อุปกรณป์ ระกอบการแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๒. หนงั สอื เรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ภาษาพาที ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๔
๒๑ การวดั ผลประเมินผล เครือ่ งมือ เกณฑ์ วธิ ีการ ๑.แบบประเมินผลงานเฉลย ใบงาน ๑.เกณฑก์ ารประเมินผลงาน ๑.ตรวจผลงาน ๘๐ - ๑๐๐ = ดีมาก ๒.แบบประเมินการพดู ๖๐ – ๗๐ = ดี ๒.การพดู รายงาน รายงาน ๕๐ = พอใช้ ตำ่ กวา่ ๕๐ = ปรับปรุง เกณฑ์การประเมนิ การพูดรายงาน ๑๖ - ๒๐ คะแนน หมายถงึ ดี ๑๐ - ๑๕ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๑ - ๙ คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารประเมินการพูดรายงาน ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ๑.เนอ้ื หาสาระ ๒.ดา้ นความคดิ ๔ ๓๒ ๑ เนื้อหาสาระถกู ตอ้ ง ๓.การนำเสนอ ครบถ้วน เนอื้ หาสาระถกู ตอ้ ง เนื้อหาสาระถูกตอ้ ง เน้ือหาสาระ ไม่ถูกต้องครบถ้วน ๔.ข้นั ตอน เรียงลำดับเรอื่ งราวท่ี ครบถ้วนเปน็ ส่วนใหญ่ ครบถว้ นบางส่วน การพดู แสดงความสัมพันธ์ เชอื่ มโยงกนั เรียงลำดับเรื่องราวที่แสดง เรียงลำดับเร่ืองราวท่ี เรยี งลำดบั เรอื่ งราว อย่างต่อเนอ่ื ง ชัดเจน ใชถ้ อ้ ยคำภาษาอย่าง ความสมั พนั ธเ์ ชอื่ มโยงกนั แสดงความสัมพนั ธ์ ไม่สมั พันธ์ ถูกต้อง สละสลวย ร้อย รดั กลมกลืน น้ำเสยี ง อยา่ งตอ่ เน่อื งค่อนข้าง เชอ่ื มโยงกนั เช่อื มโยงกนั เป็นธรรมชาติส่ือ ความหมายไดช้ ดั เจน ชัดเจน อย่างต่อเน่อื งเปน็ บางสว่ น ตลอดเรอ่ื ง กล่าวทกั ทายผฟู้ งั ใชถ้ อ้ ยคำภาษาอย่าง ใช้ถอ้ ยคำภาษาอย่าง ใช้ถ้อยคำภาษา แนะนำตนเอง แสดง ความเคารพต่อผ้ฟู งั ถกู ต้อง สละสลวย รอ้ ยรดั ถูกตอ้ ง สละสลวย ร้อยรดั ไม่ถูกตอ้ ง นำ้ เสียง ทัง้ เริม่ ตน้ และลงท้าย กลมกลืน นำ้ เสยี งเปน็ กลมกลนื นำ้ เสยี งเป็น ไม่เป็นธรรมชาติ ธรรมชาตสิ ือ่ ความหมาย ธรรมชาติสอ่ื ความหมาย ส่ือความหมาย ได้ชดั เจนเปน็ สว่ นใหญ่ ได้ชัดเจนเปน็ บางส่วน ไมช่ ดั เจน กล่าวทกั ทายผฟู้ งั แนะนำ กล่าวทกั ทายผูฟ้ ัง แนะนำ ไมก่ ลา่ วทกั ทายผฟู้ งั ตนเอง แสดงความเคารพ ตนเอง ไมแ่ สดงความ ไมแ่ นะนำตนเอง ตอ่ ผฟู้ ัง เคารพต่อผฟู้ งั ไมแ่ สดงความ เพียงอยา่ งใดอยา่ งหน่งึ ทั้งเร่มิ ต้นและลงท้าย เคารพต่อผูฟ้ งั ทั้งเริม่ ตน้ และ ลงทา้ ย เกณฑ์การประเมิน ๑๖ - ๒๐ คะแนน หมายถงึ ดี ๑๐ - ๑๕ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๑ - ๙ คะแนน หมายถึง ปรับปรุง
๒๒ ชัว่ โมงท่ี 8 บทร้อยกรองคำเตอื นจากฟ้าดิน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. ระบขุ อ้ คดิ จากนิทานพื้นบ้านหรือนิทานคตธิ รรมได้ ๒. อธบิ ายขอ้ คิดจากการอา่ น เพ่ือนำไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ ได้ ๓. มีมารยาทการอา่ น กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำ ๑. ครูและนักเรยี นสนทนาทบทวนความรู้เร่อื ง การอ่านบทรอ้ ยกรองใหถ้ ูกตอ้ งไพเราะ วา่ จะต้อง อ่านออกเสียงใหถ้ ูกต้อง ชดั เจน ไมอ่ ่านดงั หรอื คอ่ ยเกนิ ไป เวน้ วรรคตอนการอ่านใหถ้ กู ตอ้ ง และใชน้ ำ้ เสยี ง ไพเราะ เหมาะสม ข้ันสอน ๒. ครูนำอ่านบทรอ้ ยกรอง คำเตอื นจากฟา้ ดนิ ดว้ ยเสยี งธรรมดา ให้นกั เรยี นฟังอย่างตงั้ ใจ ๑ เที่ยว ๓. นักเรยี นฝึกอา่ นบทรอ้ ยกรองพร้อมๆ กันท้งั ชน้ั โดยเน้นการอา่ นออกเสยี งชดั เจน ถกู ต้อง ใชน้ ้ำเสยี งไพเราะเหมาะสม ๔. นกั เรียนฝกึ อา่ นเปน็ กลุ่ม เชน่ สลับชาย-หญงิ อ่านคร้งั ละ ๓ คน หรือครั้งละ ๒ คน และสุ่ม ให้นกั เรียนอ่านเปน็ รายบคุ คล ๕. ครูกับนักเรียนร่วมกนั สนทนาเนือ้ หาของบทร้อยกรอง คำเตอื นจากฟา้ ดิน วา่ หมายถงึ ธรรมชาติ เมอ่ื ถกู ทำลายจะสง่ สัญญานเตือนใหเ้ รารักษาธรรมชาติ ขนั้ สรปุ ๖. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ วธิ ีการอา่ นบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้อง ไพเราะวา่ จะตอ้ งอ่านดว้ ยความ ตง้ั ใจเพือ่ ใหส้ ามารถอ่านได้ถูกตอ้ ง ชดั เจน ใชน้ ำ้ เสยี งเหมาะสม ซึง่ นักเรยี นจะต้องฝึกการอ่านอยู่เสมอ จากน้ัน รว่ มสนทนาถึงขอ้ คดิ ท่ีไดจ้ ากการอา่ นบทรอ้ ยกรองเพ่อื นำความร้ไู ปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันต่อไป สือ่ และแหลง่ เรยี นรู้ หนงั สือเรียนรายวชิ าพื้นฐานภาษาไทย ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๔ การวดั ผลประเมินผล วธิ กี าร เครื่องมอื เกณฑ์ ๑.อ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ๑.แบบประเมนิ การอ่านออก ๑. เกณฑก์ ารประเมิน เสยี งบทร้อยกรอง ๑๓ – ๑๖ คะแนน หมายถงึ ดี ๘ – ๑๒ คะแนนหมายถงึ พอใช้ ๑ – ๗ คะแนนหมายถงึ ปรับปรุง ๒.การสงั เกตความสนใจ ๒.แบบสงั เกตพฤตกิ รรมความ ๒.เกณฑ์การสงั เกตพฤตกิ รรมความสนใจ ในการเรียน สนใจในการเรียน ๗ คะแนน ผลการประเมิน ดีมาก ๕-๖ คะแนน ผลการประเมนิ ดี ๓-๔ คะแนน ผลการประเมิน พอใช้ ๑-๒ คะแนน ผลการประเมิน ควรปรับปรุง
๒๓ เกณฑก์ ารประเมนิ การอา่ นบทรอ้ ยกรอง ประเดน็ การ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมิน ๔๓ ๒ ๑ ๑.อกั ขรวธิ ี อ่านผดิ มากกวา่ ๕ คำ อา่ นถกู ต้องทกุ คำ ออก อา่ นผดิ ไมเ่ กิน ๓ คำ อ่านผิดไม่เกนิ ๕ คำ ออก เสยี ง ร ล ชดั เจน ออกเสยี ง ร ล ชัดเจน เสยี ง ร ล ชัดเจน ๒.อ่านถูกต้องตาม อ่านถูกตอ้ งตาม อา่ นถูกต้องตาม อ่านถกู ต้องตามลกั ษณะ อ่านไมถ่ ูกตอ้ งตาม ฉันทลกั ษณ์ ลักษณะของ ลกั ษณะของ ของคำประพันธ์ ลักษณะของคำประพันธ์ คำประพนั ธ์ คำประพนั ธ์ แบง่ วรรคตอน และแบ่งวรรคตอนผดิ ๓.บุคลิกภาพ แบง่ วรรคตอน แบ่งวรรคตอน ผิด ๓-๔ แหง่ มากกว่า ๔ แหง่ ท่าทางในการอ่าน ถกู ตอ้ งทกุ วรรค ผดิ ๑-๒ แหง่ น่ังในท่าทเ่ี หมาะสม นงั่ ในทา่ ทีเ่ หมาะสม นัง่ ในท่าที่ นง่ั ในท่าท่ีไมเ่ หมาะสม ใช้ ๔.น้ำเสียงใน ใช้สายตามองกวาด ใช้สายตามองกวาด ไม่เหมาะสมใชส้ ายตามอง นวิ้ ช้ตี ามตวั อกั ษร การอ่าน ตวั หนังสือ ไม่ชห้ี รือ ตัวหนงั สือ ถูกต้องเป็น กวาดส่ายหนา้ ตาม และส่ายหน้าตาม สา่ ยหน้าตามตัวอกั ษร สว่ นใหญ่ ตวั หนังสือถูกต้อง ตัวอกั ษร เปน็ ส่วนน้อย น้ำเสยี งชัดเจนนุ่มนวล น้ำเสยี งชัดเจนนมุ่ นวล นำ้ เสยี งชัดเจนขาดความ น้ำเสยี งไมช่ ัดเจน ขาด นา่ ฟัง สอดคลอ้ งกับ นา่ ฟงั เปน็ สว่ นใหญ่ นุ่มนวลหรือสอดคล้องกับ ความม่ันใจในการอา่ น เรอื่ งที่อา่ น เรอ่ื งทอ่ี า่ น เกณฑก์ ารประเมิน ๑๓ – ๑๖ คะแนน หมายถึง ดี ๘ – ๑๒ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๑ – ๗ คะแนน หมายถึง ปรับปรงุ
๒๔ แบบสังเกตความสนใจและความตัง้ ใจในการทำกจิ กรรมของนักเรียน ชื่อนักเรียน....................................................................ชัน้ ..................... กิจกรรม......................................................................วันท่ี ............................................... รายการ ปฏบิ ัติ ไมป่ ฏิบตั ิ ๑. เร่มิ ตน้ งานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายทันที ๒. ทำงานเสรจ็ เรยี บร้อยตามเวลาที่กำหนด ๓. ขอคำแนะนำจากครหู รอื เพ่อื นเม่ือไม่เข้าใจ ๔. ทำกจิ กรรมดว้ ยความสนกุ สนานและเตม็ ใจ ๕. มีสว่ นรว่ มในการทำกจิ กรรมอย่างสมำ่ เสมอ ๖. ชว่ ยเหลือแนะนำเพื่อนในการทำกจิ กรรมตามสมควร ๗. สนใจศึกษาหาความรู้เพมิ่ เตมิ ด้วยตนเอง รวมคะแนน หมายเหตุ ๑.ขอ้ ใดทน่ี กั เรยี นปฏบิ ัติ ไดค้ ะแนน ๑ คะแนน ไมป่ ฏบิ ัติ ได้คะแนน ๐ คะแนน ๒.เกณฑ์การประเมนิ จากแบบสังเกตอาจกำหนด ดงั น้ี ๗ คะแนน ผลการประเมิน ดมี าก ๕-๖ คะแนน ผลการประเมิน ดี ๓-๔ คะแนน ผลการประเมนิ พอใช้ ๑-๒ คะแนน ผลการประเมนิ ควรปรับปรงุ
๒๕ ภาคผนวก
๒๖ ภาคผนวก ๑๑/๑ แผนภาพดนิ โคลนถลม่
๒๗ แผนภาพนำ้ ท่วม
๒๘ แผนภาพไฟไหม้
๒๙ ภาคผนวก ๑๑/๒ ใบงาน การตงั้ คำถาม – ตอบคำถามจากเรอ่ื งที่อ่าน คำชี้แจง ใหน้ ักเรยี นเขียนต้ังคำถามตอบคำถาม จากเร่ือง แรงพโิ รธจากฟา้ ดิน ๑. ถาม.................................................................................................................................... ตอบ................................................................................................................................... ๒. ถาม.................................................................................................................................... ตอบ................................................................................................................................... ๓. ถาม.................................................................................................................................... ตอบ................................................................................................................................... ๔. ถาม.................................................................................................................................... ตอบ................................................................................................................................... ๕. ถาม.................................................................................................................................... ตอบ................................................................................................................................... ๖. ถาม.................................................................................................................................... ตอบ................................................................................................................................... ๗. ถาม.................................................................................................................................... ตอบ................................................................................................................................... ๘. ถาม.................................................................................................................................... ตอบ................................................................................................................................... ๙. ถาม.................................................................................................................................... ตอบ................................................................................................................................... ๑๐. ถาม.................................................................................................................................... ตอบ................................................................................................................................... ชื่อ.......................................................................เลขที.่ ...................................
๓๐ ภาคผนวก ๑๑/๓ แผนภาพความคดิ แรงพโิ รธจากฟ้าดนิ ช่อื .......................................................................เลขที่....................................
๓๑ ภาคผนวก ๑๑/ ๔ เพลงเสีย่ งใบเซียมซี คำร้อง นางชวนพิศ ทับทอง ทำนอง ระบำยอดหญา้ มาเถอะมาพวกเรามาเสี่ยงเซยี มซี มาเถอะมาพวกเรามาเสีย่ งเซยี มซี เขย่ากนั ให้ดีกอ่ นจะจบั เขย่ากนั ใหด้ ีกอ่ นจะจบั ใครไดเ้ ลขอะไรใหค้ อยนับ ใครไดเ้ ลขอะไรใหค้ อยนบั แล้วรบี มาจบั กลับไป ถึงทเ่ี มื่อไรต้องอา่ นทนั ใดใหเ้ พอื่ นๆฟังเพ่อื นกัน โจ๊ะ พรึมพรมึ โจ๊ะ พรึมพรึม โจะ๊ พรึมพรมึ โจะ๊ พรมึ พรมึ
๓๒ ภาคผนวก ๑๑/ ๕ เพลง คำพอ้ งรูป คำพอ้ งรปู เขียนรูป เหมอื นกัน คำร้อง นางชวนพิศ ทบั ทอง ควรจดจำเชน่ คำว่าเพลารถไง ทำนอง มงแซะ (สร้อย) มงแซะ มงแซะ ความหมายมันน้นั ก็แตกต่างกันไป เมือ่ โคลงเรอื กโ็ คลงทนั ที ลมพัดช่ืนใจหากว่าใครมาเพลาเย็น ถอ้ ยแถลงนกแถลงคงยากเยน็ แซะมง ตะล่มุ ตมุ้ มง (ซำ้ ) (สร้อย) มงแซะ มงแซะ จอกแหนมคี นหวงแหนกเ็ คยเหน็ จำไวใ้ หเ้ ป็นความรนู้ ด้ี ีนกั เอย แซะมง ตะล่มุ ตุ้มมง (ซ้ำ)
๓๓ ภาคผนวก ๑๑/ ๖ เพลงคำพ้องเสยี ง คำรอ้ ง นางชวนพิศ ทับทอง ทำนอง มงแซะ คำพ้องเสยี งนนั่ เสยี งเหมอื นกัน แต่รปู มนั และความหมายตา่ งกนั ไป เงนิ สามพนั นน่ั มะมว่ งพนั ธุอ์ ะไร คนลว้ นสนใจหากสาวใดมีผิวพรรณดี (สร้อย) มงแซะ มงแซะ แซะมง ตะลมุ่ ตุ้มมง (ซ้ำ) กาลเวลาพาเราจากกนั ดว้ ยเหตกุ ารณม์ นั ผนั เปล่ียนเวยี นหนี เขียนกลอนกานท์เป็นคำว่าขอลาที จำไวใ้ ห้ดพี อ้ งเสยี งน่มี เี สยี งเหมือนกัน (สรอ้ ย) มงแซะ มงแซะ แซะมง ตะล่มุ ตมุ้ มง
๓๔ ภาคผนวก ๑๑/๗ ใบความรู้ การเขียนคำแนะนำ การแนะนำ คอื การชแี้ จงให้ทำหรอื ใหป้ ฏบิ ัติ เชน่ การทำความดี การใชย้ า การเขียนข้อแนะนำจึง เป็นการเขยี นเพอ่ื บอกเร่อื งราวหรือเหตผุ ล ชกั จูงใหท้ ำหรอื ให้ปฏิบตั ติ าม การเขยี นข้อแนะนำควรปฏบิ ัติดังนี้ ๑. เขยี นเรยี งลำดบั สิง่ ทีต่ ้องการแนะนำให้ปฏิบตั ิตามลำดบั ก่อนหลงั หรอื เรยี งลำดบั ความสำคญั หรอื เรียงลำดับตามความยากงา่ ยในการปฏบิ ตั ิ อาจเขียนเป็นความเรียงหรอื เขียนเป็นขอ้ ๆ ตาม ความเหมาะสมตามควรแกก่ รณี ๒. เขียนสอ่ื ความให้ชดั เจน ถกู ต้อง ตามหลกั การใชภ้ าษาไทย เรยี บเรียงประโยคให้สมบรู ณ์ ไดใ้ จความ ใช้ภาษาเข้าใจง่าย แต่ไมก่ ำกวมหรอื ตคี วามไดห้ ลายอยา่ ง ปฏบิ ตั ิได้ถูกต้อง ๓. ศกึ ษาค้นควา้ หาขอ้ มูลอย่างละเอียดเพ่ือให้ไดข้ ้อมูลทจี่ ะนำมาแนะนำได้ถกู ต้อง ๔. อ่านทบทวน ตรวจแกไ้ ขข้อบกพร่อง อาจใหผ้ อู้ น่ื ชว่ ยอา่ นอีกคร้งั
๓๕ แบบทดสอบ หน่วยการเรียนที่ ๑๑ แรงพโิ รธจากฟ้าดนิ คำชีแ้ จง ตอนที่ ๑ ใหน้ ักเรยี นเลอื ก ทบั ตวั อกั ษร หนา้ ขอ้ ทถี่ ูกที่สุดเพยี งข้อเดยี ว ๑. คำในข้อใดเขียนถกู ทง้ั ๒ คำ ๑. สนึ ามิ เชย่ี วกราก ๒. คำ่ ครา่ สูญเสีย ๓. สวดมนต์ พงั ทลาย ๔. ทรพั ย์สนิ พธิ กี รรม ๒. คำในขอ้ ใดเป็นคำพอ้ งเสยี ง ๑. พรรณ-พันธ์ุ ๒. วนั -วาน ๓. นก-หนู ๔ .สิน-ศีล ๓. คำในขอ้ ใดตา่ งจากพวก ๑. จันทร์ ๒. จนั ทน์ ๓. จารย์ ๔. จรรย์ ๔. คำวา่ วา-ตะ-ไพ เขยี นอย่างไร ๑. วาตะไพ ๒. วาตพยั ๓. วาตภัย ๔. วาตะภยั ๕. ข้อใดมคี วามหมายตา่ งจากพวก ๑. วารี ๒. พิรุณ ๓. นที ๔. คงคา ๖. ภยั อันตรายที่เกดิ จากไฟ เปน็ ความหมายของคำในขอ้ ใด ๑. สึนามิ ๒. อทุ กภัย ๓. อคั คภี ยั ๔. พิบัติภัย ๗. เลขขอ้ นี้…….ยาวมาก ๑. โจทย์
๓๖ ๒. โจษ ๓. โจด ๔. โจทก์ ๘. ใครคดั ลายมือได้ถูกตอ้ งตามวธิ ี ๑. ตู่ คดั ตัวโย้ไปขา้ งหน้า ๒. แตง คดั ตวั เอนไปขา้ งหลัง ๓. ต่าย คัดเล่นหางตัวอกั ษร ๔. ตนู คดั ตวั ตรง ๙. ข้อใดไมใ่ ช่ขั้นตอนการพดู รายงาน ๑. เตรียมเรือ่ ง ๒. เตรยี มสอื่ อุปกรณ์ ๓. เตรียมตวั ผพู้ ูด ๔. เตรยี มตวั ผู้ฟงั ๑๐. เสาไฟฟา้ และต้นไมห้ กั โค่น เป็นคำตอบของคำถามในข้อใด ๑. พายพุ ดั ท่ไี หน ๒. พายพุ ัดทำไม ๓. พายพุ ดั เม่อื ไร ๔. พายุพดั แลว้ เป็นอยา่ งไร
๓๗ บนั ทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1) สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู.้ .................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นนไ่ี มผ่ ่าน มีดงั น้ี 1............................................. 2......................................................... 3............................................. 4......................................................... แนวทางแกไ้ ขนกั เรียนที่ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้................................................................... 2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจ (K).................................................................................................... 3. นกั เรียนมคี วามรู้เกดิ ทักษะ (P)...................................................................................................... 4. นกั เรียนมีเจตคติ คา่ นยิ ม คณุ ธรรมจริยธรรม (A).......................................................................... 2) ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3) ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ .................................................. (นางอรวรรณ ปานจำรญู ) ตำแหน่งครู ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผทู้ ่ไี ดร้ ับมอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจดั การเรยี นรู้ของ................................................................แล้วมีความเหน็ ดงั น้ี 1. เป็นแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจดั กจิ กรรมได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม ยังไมเ่ น้นผ้เู รยี นเปน็ สำคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาตอ่ ไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี นำไปใชไ้ ดจ้ ริง ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................. (นางสาวกันยาภทั ร ภทั รโสตถิ) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนวดั พชื นมิ ิต (คำสวัสดร์ิ าษฎรบ์ ำรงุ )
Search
Read the Text Version
- 1 - 37
Pages: