ทปี่ รึกษา นายศานต์ พานิชสิติ นางสาวพมิ พ์พรรณ ทิพยแสง อาจารย์ประจ�ำ สาขาการงานอาชพี และเทคโนโลยี คณะเทคโนโลยกี ารเกษตรและเทคโนโลยีอตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภฏั เพชรบรู ณ์คณะผู้จัดท�ำ นายลัทธพล ยวนยี นายภูวนาท รักน้ำ�เที่ยง นายอาทติ ย์ ทา่ สออน นายธนวฒั น์ สามารถ นกั ศึกษา สาขาการงานอาชพี และเทคโนโลยี คณะเทคโนโลยีการเกษตรและเทคโนโลยอี ุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเพชรบูรณ์
คำ�นำ� หนงั สือ “ภมู ิปัญาการปลูกมะขามหวาน จงั หวดั เพชรบูรณ์” เปน็ องค์ ความรู้จากการวิจัยท่ี ผา่ นการรวบรวม คดั สรร วเิ คราะห์ สงั เคราะหอ์ งค์ ความรู้ จากคณะกรรมการ รวบรวม คัดสรร วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ความรู้ จากงานวจิ ัยหรืองานสร้างสรรค์ คณะเทคโนโลยกี ารเกษตรและเทคโนโลยี อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราซภฏั เพชรบรู ณ์ โดยมีเนือ้ หาเก่ยี วกับเรือ่ งการ ภมู ปิ ญั ญาการปลูกมะขามหวาน จังหวดั เพชรบรู ณ์ ประวตั มิ ะขามหวาน พนั ธุ์ มะขามหวาน การขายพนั ธุ์ วิธปี ลูกมะขามหวาน การบ�ำ รุงรกั ษาหลังเริ่มปลกู การตดั แตง่ ก่งิ มะขามหวาน การบำ�รุงต้นมะขามหวาน การเกบ็ ผลหรือฝกั มะขามหวาน การปอ้ งกนั โรคแมลงศตั รมู ะขามหวาน แมลงท่พี บในมะขาม หวาน ผู้จัดท�ำ หวังเปน็ อยา่ งยิง่ วา่ หนังสือเผยแพรอ่ งคค์ วามรจู้ ากงานวิจัย “ภูมปิ ัญาการปลูกมะขามหวาน จงั หวัดเพชรบรู ณ์” เล่มนื้ จะเป็นประโยชน์ ตอ่ เกษตรกร ผปู้ ลูกมะชามหวาน กลมุ่ วสิ าหกจิ ขุมซนมะชามหวาน และผู้ สนใจทวั่ ไป สามารถนำ�ไปใชป้ ระโยชนไ์ ดจ้ รงิ คณะเทคโนโลยกี ารเกษตรและเทคโนโลยีอสุ าหกรรม มหาวิทยาลยั ราซกัฏเพชรบรู ณ์ เมษายน 2561
สารบัญ หนา้ภูมิปัญญาการปลกู มะขามหวาน จังหวัดเพชรบูรณ์ 1ประวัตมิ ะขามหวาน 2พันธมุ์ ะขามหวาน - พันธ์ุหม่ืนจง 5 - พันธศ์ุ รชี มภ ู 6 - พันธ์ุสที อง 7 - พนั ธข์ุ นั ตี 8 - พนั ธอ์ุ นิ ทผาลมั 9 - ประกายทอง 10 - พันธ์ปุ ระกายเพชร 11การขายพันธุ์ 12วิธปี ลกู มะขามหวาน 13การบำ�รงุ รกั ษาหลงั เริม่ ปลกู 14การตดั แตง่ กิ่งมะขามหวาน 15การบ�ำ รงุ ตน้ มะขามหวาน 16การเกบ็ ผลหรือฝักมะขามหวาน 18การป้องกันโรคแมลงศตั รมู ะขามหวาน 19แหลง่ ทมี่ า 21
ภมู ปิ ัญญาการปลกู มะขามหวาน จังหวดั เพชรบรู ณ์ มะขามหวาน เพชรบูรณ์ มะขามหวานเป็นพืชเอกลักษณ์และพืช เศรษฐกิจของจังหวัดเพชรบูรณ์มาแต่ด้ังเดิม จนไดช้ อ่ื ว่า “เมืองมะขามหวาน” เม่ือเอ่ย ถึงเมืองมะขามหวานประชาชนโดยทั่วไป ก็เข้าใจเป็นอย่างเดียวกันว่าหมายถึงเมือง เพชรบรู ณ์ มะขามหวานของจังหวดั มีหลาย พนั ธุ์ เช่น พันธ์หุ มนื่ จง พันธุ์สที อง(พันธนุ์ าย หยดั ) พนั ธ์ุ อินทผาลมั พนั ธุ์สีชมภู พนั ธุ์ปาก ดุก พันธนุ์ ายเบือ้ ง พันธุ์หลงั แตก พนั ธุ์นำ�้ ผง้ึ พนั ธ์โุ ป่งตมู พนั ธ์ุผูใ้ หญม่ า เป็นตน้ 1ภมู ปิ ญั าการปลูกมะขามหวาน จังหวัดเพชรบูรณ์
ประวตั มิ ะขามหวาน การปลกู มะขามหวาน มะขาม มแี หล่งก�ำ เนิดในอัฟริกาเขตรอ้ น เปน็ ไม้ป่าแถบสะ วนั นาไดน้ ำ�เข้าไปปลูกใน อินเดยี และตอ่ มาได้แพร่กระจายท่วั ไปในเอเชยี และเขตรอ้ นอื่น ๆ ประเทศไทย จัดวา่ เปน็ แหล่งปลกู มะขามเปรี้ยวและมะขามหวานท่ใี หญ่ทส่ี ุด พบว่ามกี าร ปลกู มะขามหวานกันมานานแล้วในภาคเหนือของไทย โดยเฉพาะทีอ่ �ำ เภอหลม่ เกา่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซง่ึ เปน็ ต้นกำ�เนดิ มะขามหวานพนั ธ์หมน่ื จง สที อง และ อนิ ทผลมั ทมี่ ีช่อื ที่สุด นอกจากนนั้ ยงั พบ ในบางจงั หวัดทางภาค อสี าน ปัจจุบนั ไดม้ กี ารคดั เลือกขยายพนั ธ์ุและปลกู เป็นอาชีพเกอื บทุกภาค ของ ประเทศไทย คาดว่าในอนาคตอาจจะเป็นไมผ้ ลเศรษฐกิจท�ำ รายไดใ้ ห้แก่ประเทศ ช่ือสามญั : Sweet Tarmarind ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Tarmarindus indica L. มะขามหวานเป็นพืชในวงศ์ถ่วั (Lequminosae) เช่นเดยี วกบั ราชพฤกษ์, กัลปพฤกษ์ และขี้ เหล็ก อปุ นสิ ัยของมะขามหวาน มะขามหวานเปน็ ไมผ้ ลยนื ต้นขนาดใหญ่ มอี ายุยนื แผก่ ิ่งกา้ นสาขาเปน็ พ่มุ ทรงกลมแน่น ลำ�ต้นเหนยี วหักโคนยาก และรากลกึ ทนแลง้ เปน็ ไม้ผลกึ่งเขียวตลอดปี (Semi-evergreen) แตจ่ ะ ค่อย ๆ สลัดใบแก่ในฤดรู ้อน ประมาณเดอื นมนี าคม – เมษายน พรอ้ มกนั นน้ั ก็จะผลิใบใหม่ขนึ้ มา แทน เมอ่ื ใบเร่ิมแก่กจ็ ะออกดอก คอื ประมาณเดือนเมษายน – พฤษภาคม ติดฝกั ออ่ นพอมองเหน็ ได้ ราว ๆ ปลายเดอื นพฤษภาคม – มิถุนายนและฝกั จะแกเ่ กบ็ ได้ประมาณปลายเดอื นธันวาคม – มนี าคม ซงึ่ จะชา้ หรอื เรว็ ขน้ึ อยกู่ บั พนั ธุ์ ปรมิ าณของฝนและความชื้น 2ภมู ิปญั าการปลูกมะขามหวาน จังหวดั เพชรบรู ณ์
ลักษณะทางพฤกษศาสตร:์ ใบ (Leaves) มะขามหวานเปน็ พืชใบเล้ียงคู่ ชนิดใบประกอบ (compound leaves) ใบเรียงตวั แบบสลับ (alternate) มคี วามยาวประมาณ 10 -16 ซม. ประกอบดว้ ยใบยอ่ ยเล็ก ๆ รูปคลา้ ยสีเ่ หลย่ี มผืนผ้า (oblong) ขนาด 1 - 2.5 x 0.5 -1.0 ซม. เรยี งตัวตดิ กา้ นใบใหญแ่ บบตรงขา้ มมจี �ำ นวนใบยอ่ ยประมาณ 10 - 17 คู่ ดอก(Flowers) มะขามหวานมดี อกเปน็ ชอ่ แบบ Racemes ยาวประมาณ 5 -16 ซม. บานจากโคนชอ่ ไปยอดในช่อหนงึ่ ๆ จะมดี อกประมาณ 5 -12 ดอก ขนาดเสนผา่ ศูนย์กลางประมาณ 2-2.5ซม. มกี ลบี ไมเ่ ท่ากัน (Zygomorphic) ประกอบดว้ ยใบประดับ (Bracteoles) จ�ำ นวน 2 อนั รูปเรอื มีสีครีม, ชมพู-ครีม หรือสแี ดง ซง่ึ แลว้ แตพ่ นั ธ์ุ ใบประกอบน้จี ะหุม้ ตาดอกไว้ แตจ่ ะร่วงกอ่ นดอกบานดอกมะขามหวานจะมีกลบี เลี้ยง (Sepals) 4 อนั สีครีมยาวประมาณ 1-1.5 ซม. กลีบดอก (Petale) 3 อันสเี หลืองหรือสีชมพแู ละมเี สน้ ลายแดงคลา้ ยเส้นโลหติ ฝอยยาวประมาณ 1-1.5 ซม. กา้ นเกสร (Style) ยาวกว่าของตวั ผเู้ ลก็ นอ้ ยและมขี นออ่ นปกคลมุ การติดของรงั ไข่(overy) เปน็ แบบ Superior มี 1 ชอ่ ง (locule) แตม่ ีไข่ออ่ น (ovules) จำ�นวนมาก มะขามหวานส่วนใหญ่มกี ารผสมพันธ์ขุ า้ มดอก เนื่องจากเกสรตัวผ้จู ะบานกอ่ นเกสรตวั เมยี และมกั จะมอี ายุในการผสมราว 1-2 วนั และถา้ ไม่ได้รบั การผสมหรอื ผสมไม่ตดิ ประมาณ 2-3 วนั ตอ่ มาดอกจะร่วงโดยกลีบดอกจะร่วงก่อน ส่วนดอกท่ีได้รับการผสมตดิ แลว้ รงั ไข่กจ็ ะขยายตัวเจริญเปน็ ฝกั มะขามตอ่ ไป ฝกั หรอื ผล(Pods or Fruits) ฝกั มะขามหวานเปน็ ฝกั เด่ยี วยาว มีหลานเมลด็ ประมาณ1-10 เมลด็ ฝักอ่อนจะมสี เี ขยี วและมสี ะเก็ด (scurfy) สีน้�ำ ตาลปกคลมุ เมอื่ ฝกั แก่จะแข็งเปน็ สนี ำ�้ ตาลเปลือกจะแยกออกจากเนือ้ (pulp) ซ่ึงห้มุ แต่ละเมลด็ เชื่อมต่อกันทัง้ ฝกั มะขามหวานมฝี ักลกั ษณะรูปร่างตา่ ง ๆ มขี นาดเล็กจนถึงใหญ่ พอจะแบ่งตามลักษณะของฝักไดด้ ังนี้ 1. ฝกั ดงิ่ หรือตรง เป็นมะขามที่มลี กั ษณะของฝักเหยยี ดตรงรูปร่างคลา้ ยกระบอกหวั ทา้ ยมน ฝักไมโ่ ค้งหรอื งอ เวลาติดฝักอยกู่ บั ตน้ ปลายฝกั จะหอ้ ยชีล้ งเปน็ แนวตรงไดแ้ ก่ พันธุข์ ันต,ี อนิ ทผลมั และศรีชมภู 2. ฝกั ดาบ เป็นมะขามทมี่ ลี กั ษณะของฝกั คลา้ ย ๆ กบั ฝกั ดงิ่ แตจ่ ะโคง้ งอเลก็ นอ้ ย เหมอื นกบั รปูมดี ดาบ ฝกั อาจจะกลมหรือค่อนข้างแบนไดแ้ ก่ พันธ์แจห้ ่ม, ฟากเลย, ปากดุก และอนิ ทผลัม 3. ฝกั ฆอ้ งหรือโค้ง เปน็ มะขามทมี่ ีลักษณะของฝกั กลมยาวโค้งงอ บางทเี กือบเป็นวงกลมเหมอื นฆ้องวง ได้แก่ พนั ธหุ์ ม่นื จง สีทอง น้�ำ ผงึ้ และพันธ์หลังแตก 4. ฝกั ดูก เป็นมะขามท่ีมลี กั ษณะของผักแบนเปน็ เหล่ยี ม ฝกั เล็กอาจจะโคง้ หรอื ตรง มเี นือ้ น้อยน�้ำ หนักเบา บางทีเรียกวา่ มะขามขแ้ี มว มะขามกระดูก และมะขามฝกั แป ฯลฯ 3ภมู ิปัญาการปลกู มะขามหวาน จงั หวัดเพชรบรู ณ์
เนอ้ื มะขาม (Pulp) เนือ้ มะขามหวานเป็นส่วนที่ใชร้ ับประทาน ซ่งึ มะขามหวานที่ 4ดีนน้ั ควรจะมuรสหวาน กล่นิ หอม เน้ือน่มุ หรือกรอบ มพี งั พืดหรือเยอ้ื หมุ้ เมลด็ ไม่เหนียว และเมลด็ เล็กหลุดออกจากเนือ้ งา่ ย อยา่ งไรกต็ ามมะขามแตล่ ะพนั ธ์จะให้เน้ือดีแค่ไหน ขน้ึ อย่กู ับปจั จยั หลายอยา่ ง สว่ นเรือ่ งสีของเน้ือมะขามหวานน้นั มีตง้ั แตส่ ีนำ�้ ตาลเข็มเกอื บด�ำ สนี ้ำ�ตาลแดง สีนำ้�ตาล สนี �้ำ ตาลเหลอื ง ตลอดจนสนี ำ้�ตาลอ่อนซีด หรือดา้ น ๆ มะขามเมอื่ แกแ่ ลว้ เกบ็ ไว้นาน ๆ สขี องเน้ือจะเข็มหรือคล�ำ้ ขึ้น และกลนิ่ หอมจะหายไปบา้ ง มะขามหวานขณะยงั อ่อนจะมีรสเปรี้ยวและฝาด เนอ่ื งจากเนือ้ มะขามมีกรดทาแทริค(Tartaric acid) เมอ่ื แก่แล้วความฝาดจะหายไป ปริมาณกรดกจ็ ะลดลงและน�ำ้ ตาลจะเพม่ิ ข้นึ ถ้าประมาณของน้ำ�ตาลสงู มีกรดนอ้ ย มะขามก็จะหวานจดั ซงึ่ มะขามแตล่ ะพนั ธ์ุมีความหวานแตกต่างกนัมะขามไม่ว่าหวานหรือเปร้ยี ว ในฝักหนึง่ ๆ ควรจะมีเนอ้ื (pulp) อยอู่ ย่างน้อย 40% ซงึ่ เนื้อมะขามประกอบดว้ ย น�ำ้ ประมาณ 20% โปรตนี 3-3.5% ไขมนั 0.4 -0.5% คารโ์ บไฮเดรท 70%เสน้ ไย 3.0% และข้ีเถ้า 2.1% ความเปรี้ยวของเน้อื มะขามจะขึ้นอยกู่ ับประมาณกรดทาแทริคในเนอ้ื มะขามเปรย้ี วสว่ นใหญ่จะมกี รดประมาณ 12% สว่ นมะขามหวานจะมนี ้อยกว่าและคารโ์ บไฮเดรทส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของน้�ำ ตาล เมล็ด(Seeds) เมลด็ มะขามเม่ือแกจ่ ดั จะแข็ง มีสนี ้�ำ ตาลเขม้ ผวิ เรยี บเปน็ มนั เมล็ดจะมลี กั ษณะเป็นแทง่ สเี่ หลี่ยมหัวปา้ น (obovoid) ภายในมเี นอ้ื ประกอบดว้ ย แป้ง 63% โปรตนี16% และน้ำ�มนั 5.5% สามารถใชป้ ระกอบอาหารได้ เมล็ดมะขามไมม่ รี ะยะพกั ตวั เมอ่ื แก่จดันำ�ไปเพาะจะงอกเป็นต้นอ่อนราว5 - 7 วนั ข้นึ อยกู่ ับความชื้นและความสมบูรณข์ องเมลด็ แต่ไมค่ วรเก็บเมล็ดไวน้ าน ๆ เพราะความงอกจะลดลง และจะเสียหายจากตวั แมลงเจาะกินสภาพแวดล้อมท่เี หมาะสมต่อการปลูกมะขามหวาน:มะขามหวานเป็นไมผ้ ลที่เจรญิ เติบโตได้ดีในเขตร้อน ข้ึนไดใ้ นดินเกือบทกุ ชนดิ ทนแลง้ต้องการปริมาณน�้ำ ปานกลาง นบั ว่าต้องการนำ�้ นอ้ ยกวา่ ไมผ้ ลชนิดอืน่ ๆ ไม่ชอบน้ำ�ท่วมขังปลกู เลี้ยงง่าย โตเรว็ ไม่คอ่ ยมปี ญั หาเนื่องจากมะขามจะออกดอกและตดิ ฝกั ออ่ นในฤดูฝน ผลแกใ่ นฤดูแลง้ อย่างไรกต็ าม สภาพดินฟ้าอากาศ ทเี่ หมาะในการปลูกมะขามหวานเปน็ อาชีพนนั้ควรเป็นดนิ ค่อนข้างเหนยี ว มีความเป็นกลางหรอื ด่างออ่ น ๆ มปี รมิ าณอินทรยี วัตถพุ อสมควรเปน็ ท่สี ูงนำ้�ไม่ท่วมขงั และในฤดแู ล้งมีน�ำ้ ใหบ้ า้ ง สรปุ แล้วในประเทศไทยสามารถปลูกมะขามหวานไดเ้ กือบทุกภาค และถ้ามีการบำ�รงุ รักษาตามสมควร แล้วก็จะได้ผลดกี ว่าไม้ผลอืน่ ๆมากทเี ดียว ภมู ปิ ัญาการปลกู มะขามหวาน จังหวดั เพชรบูรณ์
ถ่ินก�ำ เนิด : มถี น่ิ ก�ำ เนดิ อยู่ท่ีต�ำ บลหลม่ เกา่ อำ�เภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ลักษณะประจำ�พนั ธ์ุหม่ืนจง : เปลอื กของล�ำ ตน้ หยาบ เกล็ดโตห่างเปน็ รอ่ งลึกมีสีเทาแก่จนเกอื บดำ� ทรงพมุ่ กวา้ ง ค่อนข้างโปรง่ ยอดอ่อนสชี มพู ใบขนาดปานกลางสีเขยี วเข้มดอกสีชมพูอมเหลืองฝักกลมขนาดใหญ่ ทง้ั โคง้ มากจนเปน็ วงกลม และโคง้ นอ้ ยเป็นครง่ึ วงกลมมที ้งั ฝักยาวและฝกั สั้นมักติดฝักดกเป็นพวง เนอื้ ของฝกั ทีแ่ กจ่ ะมีสีนำ�้ ตาลอมเหลอื ง เน้อื กรอบเมล็ดโตปานกลาง เยอ่ื หมุ้ เมลด็ หนาและเหนยี ว แตร่ สชาติหวานจัด เนอ้ื กรอบ มีกลิ่นหอมชวนรบั ประทาน 5ภมู ิปญั าการปลูกมะขามหวาน จงั หวดั เพชรบูรณ์
ถนิ่ กำ�เนิด : มีถิ่นก�ำ เนดิ อยู่ท่ีบา้ นน้ำ�ร้อน หม่ทู ่ี 6 ต�ำ บลน้�ำ รอ้ น อ�ำ เภอเมอื งเพชรบรู ณ์จังหวัดเพชรบูรณ์ ลักษณะประจ�ำ พันธุศ์ รีชมภู : เปลอื กของลำ�ตันมสี เี ทาแก่ เกลด็ ของเปลอื กหยาบเป็นรอ่ งลกึ ยอดอ่อนมีสีแดงเขม้ ทรงพุ่มทรงกระบอกตงั้ ตรงไม่กวา้ ง ดอกสีแดงปนเหลอื ง ฝักกลมใหญ่และเหยียดตรงสะดวกตอ่ การบรรจุหีบห่อ เหมาะต่อการสง่ ออก รกหมุ้ เนือ้ มนี อ้ ย เยอื่ หมุ้ เมล็ดบางไมเ่ หนยี ว ฝักออกเป็นพวงเรยี กวา่ ศรีชมภพู วง และบางต้นฝักแบนเหมอื นรปู ปลิงเรยี กวา่ ศรีชมภูท้องปลงิ เปน็ พันธุเ์ บา ฝักแก่เรม่ิ เก็บได้ประมาณปลายเดอื นพฤศจิกายนหรอื ตดิ ฝกั ดกปานกลางสม่�ำ เสมอ 6ภูมปิ ัญาการปลูกมะขามหวาน จังหวัดเพชรบรู ณ์
ถนิ่ กำ�เนดิ : มถี นิ่ ก�ำ เนดิ อยูท่ ตี่ �ำ บลหลม่ เกา่ อำ�เภอหล่มเกา่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ลกั ษณะประจ�ำ พันธ์ุสีทอง : เปลือกของล�ำ ตน้ เป็นสนี �ำ้ ตาลออ่ นนวล เกล็ดของเปลือกเรียบไม่หยาบเหมือนพนั ธุ์หมนื่ จง ใบใหญส่ ีเขยี วเขม้ ยอดอ่อนสีชมพู กง่ิ ทอดยืดยาว ทรงพุ่มกวา้ งไมเ่ ปน็ ระเรยี บ ดอกสแี ดงอมเหลอื ง ฝกั กลม มีทัง้ ฝกั โคง้ มากเป็นครง่ึ วงกลม และโค้งนอ้ ยจนเกือบตรง เปลอื กค่อนขา้ งหนา รกหุ้มเนอ้ื มากและเหนียว เนือ้ หนา เมล็ดโต เยอ่ื หมุ้ เมลด็ หนาและเหนยี ว เนือ้ สนี ำ�้ ตาลทอง รสชาติหวาน 7ภมู ปิ ัญาการปลกู มะขามหวาน จงั หวัดเพชรบรู ณ์
ถิน่ ก�ำ เนิด : มถี ่นิ กำ�เนิดที่บา้ นป่าม่วง หมทู่ ่ี 11 ต�ำ บลท่าพล อ�ำ เภอเมอื งเพชรบูรณ์จังหวดั เพชรบรู ณ์ ลกั ษณะประจำ�พนั ธ์ขุ ันตี : ตน้ มีขนาดเลก็ กว่าพันธ์ุอน่ื ๆ เปลือกของล�ำ ตน้ เปน็ สเี ทา เกล็ดของเปลือกเรยี บเล็กใบเลก็ กว่าทกุ พันธุ์ ยอดอ่อนสเี ขียวอมชมพเู ลก็ น้อย ทรงพมุ่ กวา้ ง มกี ิง่ แขนงมาก ฝกั ใหญก่ ลมตรงคลา้ ยพันธศ์ุ รีชมภู แตท่ อ้ งฝกั ไมแ่ บน เปลือกฝกั หนาออกสีน้ำ�ตาลเข้มและเปลอื กหนากวา่ พนั ธ์ุสชี มพู เนื้อสีน�ำ้ ตาลแดง เยอ่ื หมุ้ เมลด็ หนาและเหนียว รกหุ้มเนือ้ มมี ากกว่าพนั ธศุ์ รีชมพู รสชาตหิ วานหอม การติดฝกั ดี ฝกั ดกสมำ�่ เสมอทุกปี ติดฝักเรว็ จะเก็บฝกั ได้ เดอื นมกราคม 8ภูมิปัญาการปลูกมะขามหวาน จงั หวัดเพชรบูรณ์
ถิน่ กำ�เนดิ : มีถน่ิ ก�ำ เนิดอยู่ท่บี า้ นหนองแล ตำ�บลหินฮาว อ�ำ เภอหลม่ เก่าจงั หวัดเพชรบรู ณ์ ลกั ษณะประจ�ำ พนั ธุอ์ ินทผาลัม : เปลือกของล�ำ ต้นสเี ทาออ่ น เกร็ดเปลือกละเอยี ดเรียบ ใบใหญ่สีเขียว ยอดอ่อนสเี ขยี วอมเหลอื ง ทรงพมุ่ กวา้ งเป็นทรงกลมสวยงาม ฝักกลมโตโคง้ เลก็ น้อย เปลือกบาง อมเปรี้ยวเล็กน้อย เน้อื มสี นี ำ้�ตาล เมลด็ โตปานกลาง รกหุม้ เนอื้ มีนอ้ ยเย่อื หมุ้ เมล็ดบางและไมเ่ หนียว เปลือกบาง รสชาตหิ วานมนั เปน็ พนั ธุ์ท่ใี หฝ้ ักคอ่ นขา้ งดกเป้นพวงสำ่�เสมอทุกปี จะเร่มิ เก็บฝกั ได้ประมาณกลางเดือนมกราคม หรอื ต้นเดือนกุมภาพันธ์ุ 9ภมู ปิ ัญาการปลูกมะขามหวาน จังหวัดเพชรบูรณ์
ถิ่นกำ�เนิด : มถี ิน่ ก�ำ เนดิ อยู่ท ีบ่ า้ นโปง่ ตาเบ้า หมู่ท่ี 14 ต�ำ บลชนแดน อำ�เภอชนแดนจังหวัดเพชรบูรณ์ ลกั ษณะประจ�ำ ประกายทอง : เปลือกของลำ�ต้นเรยี บเกล็ดเล็กคลา้ ยพนั ธอุ์ ินทผาลัม แตส่ ีของเปลือกเปน็ สเี ทาออ่ นไมเ่ หมือนพันธอ์ุ นิ ทผาลมั ท่ีมีเปลือกขาวนวลยอดออ่ นสีเขยี วอมเหลอื งดอกเหลอื งอ่อนเชน่ เดียวกบั พนั ธ์อุ นิ ทผาลัมน่าจะกลายพันธุ์จากอนิ ทผาลัม แตฝ่ กั มขี นาดใหญ่กว่า ฝักกลมตรง โคง้ เลก็ นอ้ ย รสชาติหวานสนทิ เมล็ดเล็กร่อน เปลอื กบาง แกเ่ ร็ว เป็นพันธ์ุเบาซ่งึ เก็บเกีย่ วไดใ้ นเดือนธันวาคม ในบางปีอาจสกุ ตัง้ แตเ่ ดอื นพฤศจิกายนขนึ้ อยกู่ บั สภาพอากาศ และการบ�ำ รงุ ของเจา้ ของสวนทจี่ ะ 10ภูมปิ ญั าการปลกู มะขามหวาน จงั หวดั เพชรบรู ณ์
ถ่ินกำ�เนดิ : มีถ่นิ ก�ำ เนิดอยทู่ บี่ า้ นบ้านเสาธงทอง ต�ำ บลตะเบาะ อ�ำ เภอเมือง จังหวดั เพชรบูรณ์ ลกั ษณะประจ�ำ พนั ธุป์ ระกายเพชร : ทรงต้นกว้างคลา้ ยพันธส์ุ ที อง แตกกิ่งใหมๆ่กงิ่ คอ่ นขา้ งโตแลว้ ก่ิงจะยอ้ ยลงทำ�ให้ทรงพ่มุ ไมส่ งู มาก สีของดอกมสี สี ้มอมเหลือง มีลกั ษณะของคล้ายฝักพันธสุ์ ที อง แตโ่ ค้งไม่เทา่ พันธ์สุ ีทอง และมคี วามแตกตา่ งจากมะขามหวานพันธอุ์ น่ื ๆ คือมีลักษณะของฝกั ใหญ่กว่ามะขามหวานพันธุอ์ ื่นๆ อกี ทงั้ มีรปู ของฝกั โคง้ แบนคล้ายกบั รูปตวั ซี(C) และมีเปลอื กหนาแข็งแรง สีของเน้ือมีสีน�ำ้ ตาล นำ�้ หนักฝักเฉล่ียประมาณ 400 กรัม /ฝัก รสชาตหิ วาน 11ภูมิปัญาการปลูกมะขามหวาน จงั หวดั เพชรบูรณ์
การทาบก่ิงเป็นวิธที ่ีงา่ ยและนยิ มมากทีส่ ดุใชเ้ วลาประมาณ 45 - 60 วัน โดยใชต้ น้ ตอจากการเพาะเมลด็ มะขามเปร้ียว จะเพาะลงแปลงแลว้ ขดุ ใสถ่ ุงพลาสตกิ หรอื เพาะลงถุงเลยกไ็ ด้อายขุ องตน้ ตอ(root stock) ประมาณ 3 เดือนถึง 1 ปี ไมค่ วรใช้ต้นตออายมุ ากเกินหรือขนาดใหญม่ ากเพราะเนอ้ื ไมจ้ ะแขง็ ทาบยาก และอาจมรี ากไมค่ ่อยแข็งแรง เนือ่ งจากรากบางส่วนท่ียาวเกินและโผลอ่ อกจากถงุ ตอ้ งถกู ตดั ออกก่อนเอาต้นตอขึ้นทาบกงิ่ การขยายพนั ธุ์มะขามหวานด้วยการทาบก่งิ ได้ผลดี สะดวก แข็งแรงเจรญิเตบิ โตเรว็ และทนแล้ว ตลอดจนใหฝ้ ักเรว็ ใช้เวลาเพียง 2-3 ปี ก็เริม่ ให้ผลผลิต 12ภูมปิ ญั าการปลกู มะขามหวาน จังหวดั เพชรบูรณ์
วิธปี ลกู มะขามหวาน มะขามสามารถขน้ึ ได้ดใี นดินแทบทุกชนดิ เปน็ ต้นวา่ ดินทราย ดนิ เหนียว ดนิ ลูกรงั แต่ดินทีเ่ หมาะสมทส่ี ดุ คือดินร่วนปนทราย และควรมีการระบายนำ้�ดีที่ดดี ้วย ท้ังมะขามหวานและมะขามเปรี้ยวเป็นพืชที่ทนแล้งไดด้ ี สามารถข้นึ ไดใ้ นที่ค่อนขา้ งแห้งแล้ง ก�ำ หนดหลุมปลกู ในแปลงกอ่ น โดยใช้ระยะปลกู 8 x 8 เมตร (ระยะห่างระหว่างแถว 8 เมตรระยะหา่ งระหว่างต้น 8 เมตร) ซึ่งจะปลูกได้ 25 ตน้ ต่อไร่ควรมีการเตรยี มหลมุ ปลกู ขนาดกวา้ ง x ยาว x ลกึ 60 x 60 x 60 เซนตเิ มตร ดินที่ขุดจากหลุมปลูกให้แยกเปน็ สองกอง คอื ดนิ ชน้ั บนและดินชัน้ ลา่ ง ตากดินทข่ี ุดขึ้นมาท้ิงไว้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ แลว้ผสมดนิ ทง้ั สองกองด้วยปุ๋ยคอก ประมาณ 1-2 บงุ้ ก๋ีต่อหลุม จากนั้นจงึ กลบดินลงไปในหลุมตามเดิมโดยเอาดินชน้ั บนลงไว้กน้ หลุมก่อนแลว้ จงึ กลบทับดว้ ยดนิ ชัน้ ล่าง สำ�หรับฤดปู ลกู ควรจะปลูกตน้ ฤดฝู น เพราะเมื่อปลูกเสรจ็ แล้วตน้ มะขามท่ยี ังเลก็ อยู่จะไดร้ ับนำ�้ ฝน สามารถตง้ั ตัวได้ดีก่อนจะเขาถึงฤดแู ล้ง ต้นมะขามท่ีปลกู ใหม่ควรจะผกู ยึดกบั หลกั เพ่ือให้ตน้ มะขามขน้ึ ตรงไม่โคน่ ล้มเนอื่ งจากลมแรงกอ่ นจะปลูก หากปลูกดว้ ยกิง่ ทาบจ�ำ เปน็ ตอ้ งแกะเอาเชอื กฟางหรอื ผา้ พลาสติกตรงรอยต่อออกเพราะถ้าไม่ได้แกะออก จะท�ำ ให้ต้นมะขามแคระแกร็นหรืออาจจะตายได้ ในช่วงแรกของการปลูก เนือ่ งจากการปลกู มะขามหวาน ใช้ระยะห่าง 8 x 8 เมตร ขณะท่ีมะขามหวานยงั เล็กอยู่ อาจจะปลกู พืชแซมระหว่างแถวได้ เชน่ ถว่ั เขียว ถ่วั เหลอื ง ถว่ั ลสิ ง สบั ปะรดหรือพริก อนั จะเปน็ การเพมิ่ รายได้ต่อเน้อื ทใี่ หม้ ากขน้ึในระยะปลกู ใหม่ หากฝนไมต่ ก จ�ำ เปน็ ต้องรดนำ�้ ทุก ๆ วัน ประมาณ 1 สปั ดาห์ จนกวา่ จะต้งั ตัวได้จากนน้ั จงึ เว้นช่วงเวลาการรดนำ้�ให้หา่ งกวา่ เดมิ อาจจะเปน็ 3 หรอื 7 วนั ครง้ั ส�ำ หรบั มะขามหวาน เมอื่ต้นโตใหผ้ ลผลิตแล้ว ควรจะใหน้ �ำ้ เดอื นละคร้งั จะชว่ ยให้ตน้ แข็งแรงสมบรู ณ์ ในระยะทต่ี ้นยังเลก็ อยูจ่ �ำ เปน็ ตอ้ งกำ�จดั วัชพชื เป็นระยะไป อยา่ ใหว้ ชั พืชแยง่ น�ำ้ และอาหารได้การทำ�ความสะอาดรอบโคนต้นอาจจะเปน็ การก�ำ จดั วัชพืชแล้วยงั สามารถท�ำ ลายแหล่งอาศยั ของโรคและแมลงได้ด้วย 13ภูมปิ ญั าการปลกู มะขามหวาน จังหวดั เพชรบรู ณ์
การบำ�รงุ รักษาหลังเริ่มปลกู การบ�ำ รงุ รักษาหลงั เร่มิ ปลูก ควรเอาใจใสด่ ายหญา้ รอบต้น และรดน้�ำ ทุกวัน ขึน้ ได้ใน ดินแทบทกุ ชนิดแมแ้ ต่ดินเลว เชน่ ดนิ ลูกรัง เจรญิ ได้ดใี นดนิ รว่ นปนดนิ เหนยี ว ทนแล้งไดด้ ี ฤดูปลกู ทเี่ หมาะสม คอื ตน้ ฤดฝู น ควรหาเศษหญ้าฟางคลมุ โคนจนกว่าต้นจะแขง็ แรง คฉดี ยา ปอ้ งกันโรคราแปง้ และแมลงพวกหนอนเจาะฝกั ดว้ งเจาะเมลด็ ในระยะที่เปน็ ดอกอยู่ การก�ำ จัดวชั พืช ในระยะทต่ี ้นยังเล็กอย่จู ำ�เปน็ ต้องก�ำ จดั วัชพชื เป็นระยะไป อย่าให้วัชพืช แยง่ นำ�้ และอาหารได้ การท�ำ ความสะอาดรอบโคนตน้ อาจจะเป็นการ กำ�จดั วัชพืชแลว้ ยงั สามารถทำ�ลายแหลง่ อาศัยของโรคและแมลงไดด้ ้วย การให้น้�ำ ในระยะปลูกใหม่ หากฝนไมต่ ก จำ�เปน็ ตอ้ งรดน้ำ�ทกุ ๆ วัน ประมาณ 1 สปั ดาห์ จนกวา่ จะต้ังตวั ได้ จากนน้ั จึงเว้นชว่ งเวลาการรดนำ้�ใหห้ า่ ง กวา่ เดมิ อาจจะเป็น 3 หรอื 7 วนั คร้งั ส�ำ หรบั มะขามหวาน เมือ่ ตน้ โตให้ ผลผลติ แลว้ ควรจะใหน้ �้ำ เดอื นละครง้ั จะชว่ ยใหต้ น้ แข็งแรงสมบูรณ์ การใสป่ ยุ๋ ส�ำ หรบั มะขามหวานตน้ เลก็ ยังไม่ออกผล อายุ 1-3 ปี ควรใหป้ ๋ยุ สูตร 12-24-12 อัตรา 450 กรัมตอ่ ต้น (ประมาณ 1 กระป๋องนม) ในปแี รกแบง่ ใส่ 3 คร้ัง (4 เดือนต่อครง้ั ) จ�ำ นวน 100, 150, 200 กรัม ตามล�ำ ดับ ส�ำ หรับปีตอ่ ๆ ไป ใหเ้ พม่ิ ปุย๋ มากข้นึ ตามจำ�นวนอายทุ ่ีมากข้นึ เมื่อมะขามตกผลแลว้ ควรใส่ป๋ยุ สูตร 12- 12-17 หรือ 13-13-21 โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง คอื ชว่ งตน้ ฝน และปลายฝน ซงึ่ จะชว่ ยใหม้ ีการติดผลมากขึน้ และเพมิ่ ความหวานด้วย อัตราทใ่ี สค่ ำ�นวณจากสูตรดังน้ี จำ�นวนปุ๋ยทใี่ ส่ (กก.) = อายุตน้ มะขาม /2 เช่น ถ้าตน้ มะขามอายุ 2 ปี จะตอ้ งใส่ปยุ๋ สูตร 12-12-17 หรือ 13-13-21 จ�ำ นวน จ�ำ นวน = 2/2 = 1 กโิ ลกรัม โดยแบง่ ใส่ตน้ ฝน .5 กโิ ลกรัม และปลายฝนอกี .5 กิโลกรัม 14ภูมปิ ญั าการปลกู มะขามหวาน จังหวดั เพชรบรู ณ์
การตดั แตง่ กิง่ มะขามหวาน การตัดแตง่ กงิ่ มะขามหวาน เปน็ การตัดสว่ นทไ่ี มต่ ้องการออก เซน่ กิง่ กระโดง กงิ่แน่นทึบ กง่ิ เลก็ กิง่ น้อย กง่ิ แก่ ก่ิงแห้งตาย เพอ่ื เป็นการพัฒนาตน้ มะขาม หวานให้มโี ครงสร้างทแี่ ข็งแรง ได้รปู ทรงท่ี ต้องการ ท�ำ ใหต้ ดิ ดอกออกผลดีขนึ้ โดยเฉพาะตน้ มะขามหวานที่มอี ายุมาก จะ มีขนาดสงู ใหญ่ แสงแดดสอ่ งเข้าไปในทรงพุ่มไม่ทัว่ ถึง ทำ�’ใหต้ ดิ ผ้เกนอ้ ย และจะติดเฉพาะรอบๆทรงพุ่ม มคี ณุ ภาพตา่ํ โดยเฉพาะมะขามพนั ธปุ ระกายทองจะเกิดเช้ือรา มาก เพราะความขึ้นในทรงพ่มุ สูงวธิ ดี �ำ เนินการ ตดั แตง่ กง่ิ หลังจากเก็บ ผลผลิตเสร็จสิ้นแล้ว หรือ พรอ้ มกับเกบ็ ผลผลิตมะขามหวานครั้งสดุ ท้าย มะขามทมี่ ี การตดั แต่งก่งิ จะมีการสรา้ งตาดอกที่สมบูรณ์ กา้ นดอกแขง็ แรงท�ำ ให้ดอกไมร่ ่วงงา่ยตดิ ผเ้ กดี ข้ึน ฝืกจะมคี วามสมบรู ณ์ส่งผลใหค้ ณุ ภาพ ผลผลติ ดีท่สี ุดนอกจากนีก้ ารตัดแตง่ กิ่งยัง ชว่ ยลดต้นทนุ ดา้ นปิจจัยการผลิต และลดการระบาดของแมลงศัตรมู ะขามหวานได้การทำ�สาวตน้ มะขามหวาน การท�ำ สาวตน้ มะขามหวาน ทมี่ อี ายมุ าก โดยการตดั ตรงกลางล�ำ ตน้ ตน้ มะขามจะยังไม่ตาย แต่จะแตกก่ิงใหมอ่ อกมา ใชเ้ วลาประมาณ 1 ปกี ็จะใหผ้ ลผลติ กงิ่ ท่ีแตกใหมก่ ็จะแตกเป็นพ่มุ ใหม่ขน้ึ มาเม่ือออกฝักก็สามารถเก็บไดง้ ่าย หมดปัญหาแรงงานเกบ็ มะขาม เพราะสามารถยืนเกบ็ หรอื ใชบ้ นั ไดเตย้ี ได 15ภูมิปัญาการปลูกมะขามหวาน จงั หวดั เพชรบรู ณ์
การบำ�รุงต้นมะขามหวาน การบ�ำ รงุ ต้นมะขามหวาน การบ�ำ รงุ ต้นมะขามหวาน เพ่อื ปรบั โครงสรา้ งของดนิ และเพิม่ แรธ่ าตอุ าหารให้ ต้นมะขาม หวานสมบรู ณ์ ดงั น้ี 1. ปยุ๋ อนิ ทรีย์ การใสอ่ นิ ทรียวัตถลุ งไปในดนิ จะไดธ้ าตอุ าหารท่ีเปน็ ประโยชน์ต่อพืช วิธกี ารใส่ปยุ ใชว้ ิธีการหว่านใต้ทรงพุ่ม หรือ ขดุ เปน็ รอ่ งเล็กๆ รอบ ชายพ่มุ การหวา่ นปุยจะได้ประโยชนม์ าก ถ้าผวิ ดินมี อินทรียวตั ถุ หรอื เศษใบไมใ้ บหญา้ ปกคลมุ อยู่ ท�ำ ให้ ลดการไหลบา่ ของนี้าลง การซมึ ของน้าี เชา้ สผู่ ิวดนิ จะ มากขน้ึ ปุยอินทรยี ์ ไดแ้ ก่ ปุยคอก ปยุ หมัก ปุยพชื สด ปุยคอกและปยุ หมกั เกษตรตอ้ งใส่ทกุ ปี ปริมาณเฉลย่ี ประมาณ 15-30 กิโลกรมั / ตน้ ขึ้นอยู่กับขนาดของต้น จะท�ำ ให้มะขามหวานมี ความสมบูรณ์ขึ้น ปุยพชื สด โดยเนน้ พชื ตระกูลถัว่ เซน่ ปอ เทือง เนื่องจากได้ท้งั อินทรียวตั ถทุ ี่ เกิดจากซวี มวล ของลำ�ต้น ใบ ดอก ยงั ไดธ้ าตุไนโตรเจนจาก แบคทเี รียท่อี ยใู่ นปมราก ปยุ พชื สดมีวิธปี ฏิบตั ิ ดังน้ี หวา่ นเมล็ดพืชบรเิ วณทรงพ่มุ ประมาณ 45 วนั จากนัน้ ไถกลบ หรือ ตัดให้ คลุมดนิ พชื จะสลายเนา่ เปอี ยเปน็ อนิ ทรียวตั ถุให้แกด่ นิ และการปลูกปุยพืชสดระหวา่ งแถวจะ ช่วยควบคมุ วัชพืชไม่ให้ขน้ึ มาแยง่ อาหาร อนุรักษห์ น้าดินและธาตอุ าหารไมใ่ หถ้ กู ซะล้างพัง ทลาย จากฝน และแสงแดด ท�ำ ใหจ้ ุลนิ ทรีในดนิ มชี ีวติ และขยายพนั ธุ พร้อมท้ังมกี จิ กรรมใน การเสรมิ สร้างความอุดมสมบรู ณข์ องดนิ 16ภมู ิปญั าการปลกู มะขามหวาน จังหวัดเพชรบรู ณ์
2. ปุ๋ยนาํ้ หมักชีวภาพ วิธที �ำ ใชเ้ ศษปลา หอยเชอร่ี นา่ มาบด หรอื สับ สว่ นผสมทั้งหมด คลกุ เคลา้ ให้เชา้ กันบรรจุลง ในภาชนะทไี่ มใ่ ชโ่ ลหะ ใส่กากนํ้าตาลในอตั รา วสั ดุ 3 สว่ น กากนํา้ ตาล 1 ส่วน หัวเชื้อจรุ ินท รืย์ 1 ส่วน และ,นา 10 ส่วน ใชว้ ัสดุมนี ้ําหนัก วางทับ เพอ่ื กดไล่อากาศ ปดิ ภาชนะให้สนิท เพอ่ื ปอ็ งกันไม่ใหอ้ ากาศเช้าหมักไว้ประมาณ 2 วางรอบตน้ โรยดว้ ยปุยคอก รดด้วยน้าํ สกดั ชวี ภาพ ทผ่ี สมน้าํ อัตราส่วน 1 ช้อนแกง ตอ่ นา้ํ 10 ลติ ร ในชว่ งตน้ ฤดูฝน ทำ� 3 - 4 ครัง้ดินรอบต้นมะชามจะร่วนซุย มะชาม หวานเจรญิ เติบโตดื การใช้นาํ้ หมักชวี ภาพในอัตรา 1:300ฉดี พน่ ทกุ 7 วนั เปน็ การให้ ปุยทางใบ หากปฏิบัติได้ ตงั้ แต่มะขามตดิ ฝืก จนถงึ คอ่ นระยะคาบหมู จะ’ไดผ้ เ้ ก’ท่สี มบูรณ์ เพราะมะชาม หวานไดป้ ุยตลอดระยะการพฒั นาผิก ท�ำ ใหผ้ ิก มะชามหวานสมบูรณผ์ เ้ กใหญ่ เนื้อหนา ผวิ สวยชาย ไดร้ าคาดี3. การใชฮ้ อร์โมน การฉีดพ่นฮอรโ์ มน ขยายขนาดของใบ เพอื่ ชว่ ยในการสงั เคราะห์ แสง และสะสมอาหาร และการฉดี พ่นฮอรโ์ มน เป็นการกระตุ้นตาดอก และชว่ ยเพิ่มความ สมบรณู ์ของเกสรป็องกนั ดอกร่วงทำ�ใหต้ ิดฝืก มากข้นึ* แนะน่าให้ฉีดพน่ ด้วยสารจบิ เบอเรลสนิ โดยผสม 1 หลอด (20 มล) ผสมน้ํา100 ลติ ร (5 ปม๊ ) พน่ 1-2 คร้ัง ห่างกนั 7-10 วนั จะทำ�ใหม้ ะขามติดผเ้ กดก** ควรฉดี พน่ ฮอรโ์ มนเพอ่ื ใหม้ ะขามหวาน ออกดอกมาก และตดิ ผ้เก’ในรุ่นแรก จะทำ�ให้ขนาดของฝืกยาว 17ภูมิปัญาการปลูกมะขามหวาน จังหวัดเพชรบูรณ์
การเกบ็ ผลหรอื ฝกั มะขามหวาน มะขามหวาน จะแกเ่ กบ็ ได้ในฤดแู ล้งประมาณเดอื นธนั วาคม-มีนาคม ขึน้ อยู่กับ พันธแ์ุ ละสภาพดนิ ฟ้าอากาศ ปใี ดฝนตกตน้ ฤดแู ละหมดเร็วมะขามกจ็ ะแก่เรว็ และพนั ธุ์เบา ฝัก เลก็ คุณภาพปานกลาง จะแก่เก็บได้กอ่ นส่วนพนั ธุ์ดี ๆ นั้นจะเกบ็ ไดต้ อนกลางฤดู คอื ประมาณ เดอื นมากราคม -กุมภาพนั ธ์ หรือตน้ มีนาคม การเก็บฝักมะขาม ต้องพิจารณาดเู ปน็ ต้น ๆ หรือเปน็ ฝัก ๆ ไปบางทีอาจจะแก่ เกบ็ ไดไ้ มพ่ รอ้ มกนั ฝกั ปลาย ๆ หรือด้านนอกพุ่มมักจะแก่ก่อนโดยสงั เกตจากสีของฝกั ความ เหย่ี วของกา้ นฝกั และลกั ษณะอื่น ๆ ซึง่ ต้องใชค้ วามช�ำ นาญ หรอื ประสบการณ์ จะตอ้ งเกบ็ ที ละฝกั โดยใชม้ ดี หรือกรรไกรตดั ออกจากต้น น�ำ ฝกั มะขามหวานทีเ่ ก็บไดไ้ ปกองผง่ึ อากาศไว้ สัก 2-3 วัน เพอื่ ใหค้ วามชนื้ ในฝักมีอย่พู อสมควร จึงท�ำ การตัดแตง่ กา้ นหรอื ขว้ั ฝกั แลว้ บรรจุ ภาชนะจำ�หนา่ ยได้ มะขามจดั วา่ เป็นผลไม้รับประทานสดทสี่ ามารถเกบ็ ไวไ้ ด้นานท่ีสดุ และ สามารถแปรรูปเป็นอาหารและเครอ่ื งดื่มไดห้ ลานอย่าง เชน่ มะขามแช่อิ่ม มะขามเปยี ก แยม มะขาม มะขามคลกุ ทอ๊ ปฟีม้ ะขาม นำ�้ มะขามเข้มขน้ และไวน์มะขาม การเก็บรักษาฝักมะขามหวาน มะขามถึงแม้วา่ จะเป็นผลไมท้ ่ีเก็บไวร้ บั ประทานไดน้ านก็ตามแต่ถ้าต้องการเกบ็ ไว้นานมาก ๆ เนอื่ งจากผลผลิตมากเกนิ ไป จ�ำ หน่าย ไม่หมด หรอื เพ่ือรอตลาด ควรมกี ารเก็บรกั ษาให้ถกู วิธี แนวทางการเกบ็ รกั ษาฝักมะขามหวาน ทชี่ าวสวนมะขามหวานเพชรบรู ณใ์ ชก้ ันและได้ ผลดีคอื การอบดว้ ยไอนำ้�เดือดหรอื หรอื การ นงึ่ ฝักมะขามโดยใชเ้ วลาประมาณ 10-15 นาที จะช้าหรอื เร็วข้ึนอยู่กับ ขนาดของฝกั พันธ์ุ มะขาม และปรมิ าณของฝักท่ใี ชอ้ บ ตลอดจนอุปกรณ์และเชื้อเพลิง ซ่งึ อาจจะน�ำ ไปอบไอร้อน เพอื่ ลดความชื้นในฝกั ทำ�ใหฝ้ ักแหง้ จากนัน้ บรรจุมะขามลงในโอง่ เคลอื บทีแ่ ห้งและสะอาด คลมุ ด้วยผา้ พลาสตกิ แล้วปดิ ฝาทบั อกี ใหม้ ดิ ชดิ กนั อากาศเขา้ หรือจะบรรจใุ สถ่ ึงพลาสติก หนา เยบ็ ปากถุงให้สนทิ ก็ได้ผลเชน่ กัน วิธีดงั กลา่ วจะช่วยท�ำ ลายไขแ่ ละตวั แมลง ตลอดจน เช้อื ราตา่ ง ๆ ที่ติดมากบั ฝักมะขามให้หมดไป สามารถเก็บไว้ได้นานตามตอ้ งการหรืออาจจะ เปน็ แนวทางทจี่ ะชว่ ยใหส้ ามารถส่งฝัก มะขามหวานไปจำ�หน่ายยังตลาดอันหา่ งไกลจากพ้ืนที่ ปลูกได้ 18ภูมปิ ัญาการปลกู มะขามหวาน จังหวดั เพชรบูรณ์
การปอ้ งกนั กำ�จดั โรค แมลงศัตรูมะขามหวานแมลง แมลงศตั รมู ะขามทสี่ �ำ คญั และท�ำ ความเสียหายใหไ้ ดแ้ ก่ 1. แมลงนูนหรือแมลงปกี แขง็ กดั กนิ ใบอ่อนและดอก จะระบาดในระยะมะขามผลใิ บออ่ น และออกดอก แมลงจะท�ำ ลายในตอนเย็นหรอื กลางคนื ควรใช้ยาเซฟวนิ 85 พ่นขณะท่มี ีการระบาด ควรพ่นยาในตอนเย็นใหถ้ ูกตัวแมลง และพน่ ยาป้องกนั ไวท้ กุ เดือน 2.หนอนคบื สเี ทา่ เป็นศัตรูส�ำ คัญ ทีทำ�ความเสียหายให้แก่สวนมะขาม ตวั หนอนจะระบาดในชว่ งฤดูฝนระยะมะขามก�ำ ลงั ผลิใบจวนแก่และกำ�ลังออกดอก ถึงติดฝกั ออ่ น หนอนจะอยู่ใต้ใบ กดั กินใบ ดอก และฝกั อ่อน ทัง้ กลางวันและกลางคนื และจะชกั ใยทง้ิ ตัวลงเมือ่ ได้รับความกระเทอื นควรใชย้ าแลนเนท หรอื เซฟวิน 85 พน่ ให้ถูกตัว และควรพ่นยาปอ้ งกันไว้เมอ่ื ถงึ ระยะการระบาด 3. หนอนเจาะฝกั จะเขา้ ทำ�ลายโดยเจาะฝักมะขาม ตง้ั แต่ฝกั เรม่ิ อายุ 2 เดอื นขนึ้ ไป ทำ�ใหฝ้ ักเสียหายมาก ควรใชย้ าอโซดริน หรือคาร์โบน๊อกซ์ พน่ ป้องกันและก�ำ จัด ซ่งึ ยาดงั กล่าวสามารถปอ้ งกนั กำ�จัดพวกเพลีย้ แป้ง และเพลย้ี หอย ได้อกี ดว้ ย 19ภูมปิ ัญาการปลกู มะขามหวาน จังหวดั เพชรบรู ณ์
โรคมะขามหวาน มะขามหวานมีโรครบกวนคอ่ นขา้ งน้อย อาจจะมบี า้ งในบางทอ้ งทีห่ รอื บางปี และสว่ นใหญเ่ กิดกับมะขามในแปลงขยายพนั ธ์ุ สำ�หรบั ต้นใหญ่มกั พบกับตน้ ท่ีไดร้ บั ไนโตรเจนมากและในช่วงแตกใบออ่ นได้แก.่ - 1.โรคราจุดสดี �ำ (Black Spot) จะระบาดในช่วงฤดูฝนอากาศมคี วามชนื้ สงู หรือร้อนช้ืนมาก โดยจะท�ำ ความเสยี หายให้กบั ใบออ่ นและยอดออ่ น เป็นจดุ สดี �ำ ทำ�ให้ใบร่วงหรอื เสยี หายการปอ้ งกนั ก�ำ จดั ควรหยดุ ให้ป๋ยุ ที่มีไนโตรเจนสงู และใช้ยาโกรแรม-คอมบี้ หรือเบนแลทหรือดาโคนิล พน่ กำ�จัดและป้องกัน 2. โรคราแปง้ (Powdery mildew) จะระบาดในชว่ งปลายฤดูฝนตน้ ฤดหู นาว หรอื เมื่อมีอากาศเยน็ ชนื้ โรคน้ีระยาดรนุ แรง ท�ำ ความเสียหายใหท้ ัง้ ในแปลงขยายพนั ธุ์ และแปลงปลกูหรอื ตน้ มะขามทีใ่ หผ้ ลแลว้ โรคนเ้ี กดิ ท่ใี บออ่ น หรือยอดออ่ น ท�ำ ให้ใบบดิ งอ และร่วง มะขามชงักการเจริญ มีผลต่อคณุ ภาพของฝกั ด้วย การปอ้ งกนั ก�ำ จดั หยดุ การใหป้ ยุ๋ ที่มไี นโตรเจนสูงตดั ยอดหรือสว่ นทเ่ี สียหายทิง้ และใชย้ าไดเทนเอม 45 หรือโลนาโคล หรือโกรแรม-คอมบี้หรอื มิลเดก หรือคาราเทน พ่นก�ำ จดั และป้องกนั 20ภมู ิปัญาการปลกู มะขามหวาน จงั หวัดเพชรบูรณ์
แหล่งทีม่ าaxiom_solution , การปลูกมะขามหวาน[ระบบออนไลน์],แหลง่ ท่มี า http://oknation.nationtv.tv/blog/print.php?id=827914 (13 พฤษภาคม 2561).กลมุ่ มะขามหวานแปรรปู ไรบ่ ุญคง120/1 หมู่ 1 ตำ�บลวงั ชมภู อำ�เภอเมอื ง จงั หวัดเพชรบูรณ์ 67210ติดตอ่ : นางสงั เวยี น จนั ทมาลาโทร : 08-9568-8441, 0-5656-8376นายจวนชิน เก่งอนุรกั ษ์ ผู้เชีย่ วชาญด้านการใช้สารชวี ภาพเกษตรกรผปู้ ลูกมะขามอนิ ทรยี ์ ต�ำ บลริมสีม่วง อำ�เภอเขาค้อ จังหวดั เพชรบูรณ์โทร : 0800284536 ,0896416425 21ภูมปิ ัญาการปลกู มะขามหวาน จังหวดั เพชรบูรณ์
สาขาการงานอาชพี และเทคโนโลยีคณะเทคโนโลยกี ารเกษตรและเทคโนโลยอี ุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเพชรบูรณ์
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: