ชดุ แบบฝกึ ทกั ษะภาษาไทย เร่ืองอา่ นวนิ ิจสาร ก กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เลม่ ที่ ๓ การอ่านเพ่ือวิเคราะห์วิจารณ์และแสดงความคดิ เห็น ชดุ แบบฝกึ ทักษะภาษาไทย เร่ืองอ่านวินิจสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย จัดทาขึ้น เพื่อใช้ใน การฝกึ ทักษะการอา่ นเพือ่ วเิ คราะห์วิจารณ์ ให้กับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ได้เกิดการเรียนรู้และฝึกทักษะ การอ่านคดิ วิเคราะหว์ ิจารณ์อยา่ งเป็นขั้นตอนผ่านกระบวนการจัดการ เรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ซึ่งจะทา ให้นักเรียนสามารถคิดวิเคราะห์วิจารณ์ได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน มีเหตุผล นาความรู้ท่ีได้ไประยุกต์ใช้ให้เกิด ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวัน ชดุ แบบฝกึ ทักษะภาษาไทย เรื่องอ่านวินจิ สาร ประกอบดว้ ยแบบฝกึ ทกั ษะ จานวน ๕ เล่ม ดังน้ี เล่มที่ ๑ การอา่ นวิเคราะหค์ วามหมายของคา เลม่ ที่ ๒ การอา่ นจับใจความสาคัญ เล่มท่ี ๓ การอ่านเพอื่ วิเคราะห์วิจารณแ์ ละแสดงความคิดเหน็ เล่มที่ ๔ การอา่ นประเมนิ คุณคา่ เล่มที่ ๕ การแสดงความคิดเห็นโตแ้ ยง้ แบบฝึกทักษะการอ่านเพ่ือวิเคราะห์วิจารณ์ เล่มท่ี ๓ การอ่านเพ่ือวิเคราะห์วิจารณ์และแสดงความ คิดเห็น เน้นให้ผู้เรียนได้วิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินเรื่องที่อ่านโดยใช้กลวิธีการเปรียบเทียบ เพ่ือให้ผู้อ่าน เขา้ ใจไดด้ ียง่ิ ขึ้นได้ เปน็ พื้นฐานในการเรียนรู้สาหรบั การอ่านวินิจสาร ของชดุ แบบฝึกทกั ษะเล่มตอ่ ไป ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่า ชุดแบบฝึกทักษะภาษาไทย เร่ืองอ่านวินิจสาร สาหรับนักเรียนช้ัน มัธยมศกึ ษา,ปีที่ ๓ เลม่ น้ี จะเป็นแนวทางในการพัฒนาทักษะการอ่านวินิจสาร ให้กับผู้เรียนได้ตามเจตนารมณ์ ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และเป็นประโยชน์ต่อการจัดกระบวนการเรียนรู้สาหรับครูผู้สอน กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ให้มี ประสทิ ธิภาพ ดยี ่งิ ขนึ้ ตอ่ ไป ลัทธพล ยวนยี จัดทาโดย นายลทั ธพล ยวนยี ตาแหนง่ ครูผู้ช่วย โรงเรียนบ้านโคกกร่าง อาเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
ชดุ แบบฝกึ ทกั ษะภาษาไทย เร่ืองอา่ นวนิ ิจสาร ก กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เลม่ ที่ ๓ การอ่านเพ่ือวิเคราะห์วิจารณ์และแสดงความคดิ เห็น ชดุ แบบฝกึ ทักษะภาษาไทย เร่ืองอ่านวินิจสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย จัดทาขึ้น เพื่อใช้ใน การฝกึ ทักษะการอา่ นเพือ่ วเิ คราะห์วิจารณ์ ให้กับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ได้เกิดการเรียนรู้และฝึกทักษะ การอ่านคดิ วิเคราะหว์ ิจารณ์อยา่ งเป็นขั้นตอนผ่านกระบวนการจัดการ เรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ซึ่งจะทา ให้นักเรียนสามารถคิดวิเคราะห์วิจารณ์ได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน มีเหตุผล นาความรู้ท่ีได้ไประยุกต์ใช้ให้เกิด ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวัน ชดุ แบบฝกึ ทักษะภาษาไทย เรื่องอ่านวินจิ สาร ประกอบดว้ ยแบบฝกึ ทกั ษะ จานวน ๕ เล่ม ดังน้ี เล่มที่ ๑ การอา่ นวิเคราะหค์ วามหมายของคา เลม่ ที่ ๒ การอา่ นจับใจความสาคัญ เล่มท่ี ๓ การอ่านเพอื่ วิเคราะห์วิจารณแ์ ละแสดงความคิดเหน็ เล่มที่ ๔ การอา่ นประเมนิ คุณคา่ เล่มที่ ๕ การแสดงความคิดเห็นโตแ้ ยง้ แบบฝึกทักษะการอ่านเพ่ือวิเคราะห์วิจารณ์ เล่มท่ี ๓ การอ่านเพ่ือวิเคราะห์วิจารณ์และแสดงความ คิดเห็น เน้นให้ผู้เรียนได้วิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินเรื่องที่อ่านโดยใช้กลวิธีการเปรียบเทียบ เพ่ือให้ผู้อ่าน เขา้ ใจไดด้ ียง่ิ ขึ้นได้ เปน็ พื้นฐานในการเรียนรู้สาหรบั การอ่านวินิจสาร ของชดุ แบบฝึกทกั ษะเล่มตอ่ ไป ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่า ชุดแบบฝึกทักษะภาษาไทย เร่ืองอ่านวินิจสาร สาหรับนักเรียนช้ัน มัธยมศกึ ษา,ปีที่ ๓ เลม่ น้ี จะเป็นแนวทางในการพัฒนาทักษะการอ่านวินิจสาร ให้กับผู้เรียนได้ตามเจตนารมณ์ ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และเป็นประโยชน์ต่อการจัดกระบวนการเรียนรู้สาหรับครูผู้สอน กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ให้มี ประสทิ ธิภาพ ดยี ่งิ ขนึ้ ตอ่ ไป ลัทธพล ยวนยี จัดทาโดย นายลทั ธพล ยวนยี ตาแหนง่ ครูผู้ช่วย โรงเรียนบ้านโคกกร่าง อาเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
ชุดแบบฝกึ ทักษะภาษาไทย เรอ่ื งอา่ นวินจิ สาร ข กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เล่มท่ี ๓ การอา่ นเพ่อื วิเคราะห์วจิ ารณแ์ ละแสดงความคดิ เหน็ เร่อื ง หนา้ คานา ก สารบญั ข คาแนะนาสาหรับครผู สู้ อน ค คาแนะนาสาหรับนกั เรียน ง มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวดั และจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ จ กระดาษคาตอบแบบทดสอบก่อนเรียน ๑ ใบความรู้ เร่อื งการอ่านเพื่อวเิ คราะหว์ จิ ารณแ์ ละแสดงความคิดเหน็ ๔ แบบฝกึ ทกั ษะท่ี ๑ เรอ่ื งการอ่านเพอ่ื วเิ คราะห์วจิ ารณ์และแสดงความคดิ เห็น ๗ แบบฝกึ ทกั ษะที่ ๒ เรื่องการอ่านเพื่อวเิ คราะหว์ จิ ารณแ์ ละแสดงความคิดเหน็ ๙ ภาคผนวก ๑๐ เฉลยแบบฝกึ ทักษะท่ี ๑ เรอ่ื งการอา่ นเพ่ือวเิ คราะห์วจิ ารณ์และแสดงความคดิ เห็น ๑๐ เฉลยแบบฝกึ ทกั ษะที่ ๒ เรอ่ื งการอ่านเพ่อื วเิ คราะห์วิจารณแ์ ละแสดงความคิดเหน็ ๑๓ จดั ทาโดย นายลทั ธพล ยวนยี ตาแหนง่ ครผู ชู้ ่วย โรงเรียนบา้ นโคกกรา่ ง อาเภอตาคลี จังหวดั นครสวรรค์
ชดุ แบบฝึกทักษะภาษาไทย เรือ่ งอ่านวินิจสาร ค กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เลม่ ท่ี ๓ การอา่ นเพ่ือวิเคราะหว์ ิจารณ์และแสดงความคดิ เหน็ ๑. ชุดแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรือ่ งอา่ นวินิจสาร ใช้เวลา ๗ ช่วั โมง ๒. ครผู ู้สอนจดั เตรยี มแบบฝึกทักษะใหเ้ พยี งพอกับจานวนนกั เรียน ๓. แจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้ให้นกั เรยี นทราบ ๔. แนะนาวธิ กี ารใชแ้ บบฝึกเพ่อื นกั เรยี นจะไดปฏิบัตไิ ดอ้ ย่างถูกต้อง ๕. ให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี นเพ่อื ประเมนิ ความรู้เดมิ ๖. ดาเนินกิจกรรมการสอนตาม ชดุ แบบฝกึ ทักษะภาษาไทย เรื่องอ่านวินิจสาร ๗. ให้นักเรียนไดแ้ สดงความคดิ เห็น อภปิ รายและสรปุ องคค์ วามรูด้ ว้ ยตนเอง ๘. หากนักเรียนมีขอ้ สงสัยให้แนะนาเปน็ รายบุคคลหรอื รายกลุม่ ๙. ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลังเรยี น เพื่อประเมินความกา้ วหนา้ ๑๐. ครเู ฉลยแบบฝึกทักษะ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น – หลังเรียน ๑๑. บันทกึ คะแนนของนักเรียนแต่ละคนเพ่อื ประเมินความก้าวหนา ๑๒. หากมีนักเรียนไมผ่ ่านเกณฑค์ รคู วรจดั สอนซ่อมเสริมให้ ขอ้ สังเกต ชุดแบบฝึกทักษะภาษาไทย เร่ืองอ่านวินิจสาร บางแบบฝึกเป็น คาถามปลายเปิด ดังนั้นแนวการเขียนตอบแสดงความคิดเห็นของนักเรียน ครผู ูส้ อนควรใชด้ ุลยพินิจในการตรวจคาตอบ เมื่อตรวจแล้วควรแจ้งให้นักเรียน ทราบผลทันที เพื่อนักเรียนจะได้มีกาลังใจและครูจะได้นาไปพัฒนาการจัดการ เรยี นการสอนต่อไป จัดทาโดย นายลัทธพล ยวนยี ตาแหนง่ ครผู ้ชู ว่ ย โรงเรยี นบา้ นโคกกร่าง อาเภอตาคลี จงั หวดั นครสวรรค์
ชุดแบบฝึกทกั ษะภาษาไทย เรื่องอ่านวนิ จิ สาร ง กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เล่มที่ ๓ การอ่านเพอ่ื วเิ คราะห์วจิ ารณแ์ ละแสดงความคิดเห็น ๑. ศึกษาจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๒. ศกึ ษากรอบเนือ้ หาในใบความรู้ ๓. ทากิจกรรมท่ีกาหนดใหค้ รบทกุ กิจกรรม ๔. นักเรยี นต้องมีความชอ่ื สัตย์ ไมแ่ อบดูเฉลยกอ่ นทา ชดุ แบบฝกึ ทักษะภาษาไทย เรื่องอ่านวินจิ สาร “ความซื่อส้ตย์ คือ แก่นแท้ของความสาเรจ็ ทั้งมวล” บคั มนิ สเตอร์ ฟลู เลอร์ จดั ทาโดย นายลทั ธพล ยวนยี ตาแหนง่ ครผู ูช้ ว่ ย โรงเรยี นบา้ นโคกกร่าง อาเภอตาคลี จงั หวดั นครสวรรค์
ชดุ แบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่องอา่ นวินจิ สาร จ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เล่มท่ี ๓ การอา่ นเพอื่ วิเคราะห์วิจารณ์และแสดงความคดิ เห็น มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคิดเพอ่ื นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปัญหาใน การดาเนนิ ชีวิตและมีนิสยั รักการอ่าน ตวั ช้วี ดั ม.๓/๕ วิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินเรอ่ื งท่อี า่ นโดยใชก้ ลวธิ ีการเปรยี บเทยี บ เพื่อให้ผอู้ า่ น เขา้ ใจไดด้ ียิง่ ข้นึ สาระสาคัญ การอ่านจบั ใจความจากบทความ นกั เรยี นตอ้ งวเิ คราะห์ วิจารณ์ และประเมนิ เรอื่ งทอ่ี ่าน โดยใช้ กลวธิ กี ารเปรียบเทยี บ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ดียิง่ ข้ึน การอ่านวจิ ารณ์ไมใ่ ชก่ ารอ่านเพื่อจบั ผิดหรือหา ข้อบกพร่องของสิง่ ทอ่ี า่ น แต่เปน็ การพจิ ารณาใหเ้ ห็นว่าสง่ิ ท่อี า่ นมีลักษณะอย่างไร แล้วจงึ แสดงความคิดเห็น ซง่ึ การแสดงความคิดเห็นสามารถทาไดท้ ง้ั ในเชงิ เห็นด้วยและการโตแ้ ยง้ จงึ ตอ้ งมีการฝึกฝนเพ่ือใหเ้ กิดทักษะ และพัฒนาในการอา่ นตีความและประเมินคุณค่า ตอ่ ไป จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อธบิ ายการวิเคราะห์วิจารณ์ และประเมนิ เร่ืองทีอ่ ่าน โดยใชก้ ลวธิ ีการเปรยี บเทยี บ เพ่ือให้ ผอู้ า่ น เข้าใจยิง่ ขน้ึ ๒. อา่ นวเิ คราะห์ วิจารณ์ เรอ่ื งทีอ่ า่ นโดยใช้กระบวนการคดิ สาระการเรยี นรู้ การอา่ นจับใจความจากบทความ ต้องวิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมนิ เร่อื งทอ่ี ่านโดยใชก้ ลวธิ กี าร เปรยี บเทียบ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจไดด้ ยี งิ่ ขนึ้ จดั ทาโดย นายลทั ธพล ยวนยี ตาแหน่งครผู ู้ชว่ ย โรงเรียนบ้านโคกกรา่ ง อาเภอตาคลี จงั หวัดนครสวรรค์
ชดุ แบบฝกึ ทักษะภาษาไทย เร่อื งอา่ นวนิ จิ สาร ๑ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เล่มท่ี ๓ การอา่ นเพอ่ื วิเคราะหว์ ิจารณแ์ ละแสดงความคิดเห็น ๑. ความหมาย เปน็ การอา่ นเพ่ือแยกแยะข้อความท่ีอ่านอยา่ งถีถ่ ้วน เพอ่ื ใหท้ ราบถงึ โครงสรา้ ง องคป์ ระกอบ หลักการและเหตผุ ลของ เรอื่ ง จนสรุปไดว้ า่ แต่ละสว่ นเป็นอย่างไร สัมพนั ธก์ นั อย่างไร เหมอื นหรือแตกต่างกันอยา่ งไร เพอ่ื ให้เห็นความสมั พันธข์ อง องค์ประกอบต่างๆ ที่การวิเคราะห์ เปน็ การหาคาตอบว่า ขอ้ ความ บทความ ท่อี ่านนัน้ ใหค้ วามรูเ้ ร่อื งอะไรบ้าง ขอ้ เขยี นแสดงความคดิ เหน็ และความรูส้ กึ อยา่ งไร ซง่ึ จะช่วยใหเ้ ห็นภาพรวมและรายละเอียดของเร่ืองทอ่ี ่าน ช่วยใหเ้ ขา้ ใจเรื่องน้ันได้อยา่ งแทจ้ ริง รวมทั้งช่วยพฒั นา สติปัญญา เพราะตอ้ งใช้เหตุผลในการอธิบายแงม่ มุ ตา่ งๆ ซึ่งทกั ษะในการอ่านน้สี ามารถนาไปใช้ในชวี ิตประจาวันและนาไปในการ อา่ นเพื่อการประเมนิ ค่าต่อไปได้ การวจิ ารณ์ พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ใหค้ วามหมายไว้สองความหมาย คือ ความหมายท่ี ๑ เป็นการใหค้ าตดั สินสิง่ ท่ีเปน็ ศิลปกรรมหรอื วรรณกรรม โดยผมู้ คี วามรู้เช่ือถอื ได้วา่ มีความงาม ความ ไพเราะเพียงใดหรือมีข้อขาดตกบกพร่องอย่างไรบ้าง เช่น วจิ ารณว์ า่ หนังสอื เลม่ นสี้ ะท้อนปัญหาสังคมในปจั จุบนั ได้ดมี าก สมควร ได้รับรางวลั ความหมายที่ ๒ เปน็ การตชิ มในความหมายโดยทวั่ ไปมักใชค้ าวา่ วพิ ากษ์วจิ ารณ์ เชน่ ผู้ชมมักวพิ ากษ์วิจารณ์ ว่า ภาพยนตร์เร่ืองนด้ี าเนนิ เร่อื งชา้ ทาใหผ้ ้ชู มเบ่ือ เปน็ ตน้ การวเิ คราะห์วจิ ารณจ์ งึ เปน็ การแยกแยะแลว้ นามาวิจารณ์ข้อดีข้อเสยี และประเมินคา่ ของสง่ิ ใดสง่ิ หนง่ึ ซง่ึ ในท่ีนีจ้ ะ หมายถึงการวเิ คราะหว์ ิจารณ์ลักษณะของบทประพันธ์ แลว้ แยกแยะสว่ นประกอบทส่ี าคญั และหยบิ ออกมาแสดงวา่ ไพเราะงดงาม เพียงใด วเิ คราะห์ความหมายของบทประพนั ธ์นัน้ ๆ ถา้ มคี วามหมายซ่อนเรน้ อยู่ก็พยายามปะตดิ ปะตอ่ ให้พอทผี่ อู้ า่ นจะเข้าใจ ได้ แสดงหลกั ศลิ ปะและแนวความคิดของผู้ประพนั ธ์ ซ่ึงเป็นแนวทางในการแตง่ บทประพนั ธ์ นอกจากนจี้ ะต้องแสดงให้เห็น ความสัมพนั ธ์ระหว่างสว่ นประกอบตา่ งๆ วา่ แตล่ ะส่วนมีความสาคญั ต่อส่วนรวมพยี งใด ๒. การวิเคราะห์วจิ ารณว์ รรณคดี วรรณคดี หมายถงึ หนังสือที่แตง่ ดดี ว้ ยเนอ้ื เรอื่ งและศลิ ปะในการประพนั ธ์ ทาใหผ้ ้อู า่ นนั้นได้รับความเพลดิ เพลินในการ อา่ น ไดค้ วามรู้ เห็นสภาพชีวติ ของคนในสงั คมโดยแสดงให้เห็นสภาพชวี ิตของผู้คนในสมันทแี่ ตง่ และเห็นถงึ สัจธรรมของ มนษุ ย์ ชว่ ยยกระดบั จิตใจให้สงู ข้นึ ซงึ่ งานประพันธท์ ่ไี ด้รับการยกย่องว่าเป็นวรรณคดีนัน้ มีทั้งท่ีแต่งเป็นรอ้ ยแก้วและรอ้ ยกรอง คาว่า “วรรณคด”ี รจู้ กั กนั อยา่ งเป็นทางการเมอ่ื พ.ศ. ๒๔๕๐ ในสมยั รัชกาลท่ี ๕ ในโอกาสท่ที รงตั้ง “โบราณคดี สโมสร” ขน้ึ เมอ่ื วันท่ี ๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๕๐ โดยมวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ส่งเสริมการประพนั ธ์ การศึกษาประวัติศาสตร์และ โบราณคดี รวมถงึ การประพันธก์ ลอนและเรือ่ งความเรยี งรอ้ ยแก้วในภาษาไทยให้ดขี ึ้น ต่อมาสมยั รัชกาลที่ ๖ ไดท้ รง ต้ัง “วรรณคดีสโมสร” ขึ้นเม่อื วันท่ี ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ เพอื่ ทาหน้าท่ีพจิ ารณายกยอ่ งหนังสือวา่ เรื่องใดสมควรไดร้ บั การยกย่องว่าแตง่ ดจี นได้ชื่อวา่ เปน็ วรรณคดขี องชาติ ปจั จบุ นั หนว่ ยงานวรรณคดสี โมสรเลกิ ลม้ ไปแลว้ คาวา่ “วรรณคดี” จึงหมายถงึ หนงั สอื ที่แตง่ ดตี ้งั แตส่ มัยโบราณเปน็ ต้น มาจนส้นิ รชั กาลท่ี ๖ หนังสือรุ่นตอ่ มาแมจ้ ะแตง่ ดมี าก กจ็ ดั วา่ เปน็ วรรณกรรมดเี ด่นเทา่ นั้น วรรณกรรม หมายถงึ หนงั สอื ทัว่ ๆไปทกุ ชนดิ ทุกประเภท มคี วามหมายรวมถึงจุล สาร วารสาร ปาฐกถา เทศนา สุนทรพจน์ด้วย “วรรณกรรม” จึงมีความหมายกว้างกว่า “วรรณคดี” จดั ทาโดย นายลทั ธพล ยวนยี ตาแหนง่ ครูผูช้ ่วย โรงเรียนบ้านโคกกร่าง อาเภอตาคลี จังหวดั นครสวรรค์
ชุดแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่องอ่านวนิ ิจสาร ๒ กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เล่มที่ ๓ การอ่านเพื่อวิเคราะห์วจิ ารณ์และแสดงความคดิ เหน็ ๓. ประเภทของวรรณกรรม วรรณกรรมมี ๒ ประเภท คือ ๑. บันเทงิ คดี เป็นเรื่องที่แต่งขน้ึ จากจนิ ตนาการ ไมเ่ น้นสาระของเรือ่ ง มีจดุ มุ่งหมายเพอื่ ใหอ้ ่านสนุก ผอู้ า่ นจะสนกุ หรอื ไมข่ ึ้นอยกู่ ับตวั ผู้อ่านเพราะระดับความสนุกมีหลายระดับ เชน่ สนุกในการใชร้ สคา สนกุ กับบทบาทหรอื พฤติกรรมของตวั ละคร หรือมีความสุขในอารมณเ์ มือ่ อา่ นจบเร่อื ง บนั เทงิ คดที ี่ดตี ้องใหค้ วามสนกุ เพลดิ เพลินเปน็ หลัก มสี ว่ นอ่ืนๆ เขา้ มาเสริมเช่น ให้ ความรู้ มีคตเิ ตอื นใจ ให้ความคิดรเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ ส่งเสรมิ คุณค่าทางศลี ธรรมจรรยา การใช้สานวนดเี หมาะสม ๒. สารคดี เปน็ วรรณกรรมทเี่ นน้ การนาเสนอขอ้ มลู ข้อเทจ็ จริง มีสาระ ปจั จบุ นั หนงั สอื หรอื สารคดที แ่ี ตง่ ดแี ละไดร้ บั การยกยอ่ งจากหนว่ ยงานตา่ งๆ ใหเ้ ป็นหนงั สอื ดเี ดน่ ทส่ี มควรได้รับรางวลั เช่น รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรคแ์ หง่ อาเซยี น (ซี ไรต)์ รางวลั จากสมาคมหอ้ งสมดุ แห่งประเทศไทย สมาคมภาษาและหนงั สือ เป็นตน้ ๔. ข้นั ตอนการวิเคราะห์วิจารณ์ มขี ัน้ ตอนดงั นี้ ๑. หาความร้เู ก่ียวกบั ประเภทและลกั ษณะของหนังสอื นน้ั ๆ ใหเ้ ขา้ ใจอยา่ งถ่องแท้ ๒. อา่ นหนงั สอื เร่อื งนั้นอยา่ งถีถ่ ว้ น หาแนวคิดหลกั หรอื แกน่ ของเรือ่ งท่ีผู้เขียนต้งั ใจจะสือ่ ถงึ ผู้อ่าน ๓. หาความรู้และขอ้ มลู ทเ่ี กี่ยวขอ้ งในเร่อื งที่อ่านให้มากท่ีสดุ เพอื่ ใหเ้ ข้าใจเรอ่ื งไดช้ ดั เจนย่ิงขน้ึ ๔. ตงั้ คาถามเกยี่ วกบั องค์ประกอบหรอื ขอ้ เทจ็ จริงในเรอื่ งแล้วพยายามหาคาตอบให้ได้ ๕. ฝกึ ตั้งคาถามเชิงคาดคะเนเหตกุ ารณท์ อ่ี า่ นโดยมีเหตุผลประกอบ ๖. เรยี งลาดับความสาคญั ของประเด็นตา่ งๆ ที่ คดิ ว่าเปน็ ประเด็นสาคญั และจาเปน็ ต้องนามากลา่ วในคาวจิ ารณ์ ๗. แยกแยะข้อดีและข้อบกพร่องทีค่ วรนามากลา่ วถึง ๘. จัดลาดับประเดน็ ท่ีจาเปน็ ตอ้ งวจิ ารณ์ โดยมจี ุดม่งุ หมายเพ่อื ชี้ให้ผู้อ่านเห็นจดุ ดีและจุดทค่ี วรปรบั ปรุงแกไ้ ขโดยมเี หตุผล หรือขอ้ มูลประกอบ ๕. หลักการวิเคราะห์วจิ ารณจ์ ากการอ่าน ๑. พิจารณารปู แบบการประพันธ์ วา่ เป็นวรรณกรรมประเภทใด เช่น บันเทงิ คดปี ระเภท สารคดี นว นิยาย นทิ าน เรือ่ งสั้น หรือเป็นสารคดปี ระเภทบทความ ความเรียง ตาราในสาขาวชิ าตา่ งๆ เปน็ ต้นส่วนรอ้ ยกรองตอ้ ง วเิ คราะห์วา่ มีลกั ษณะคาประพนั ธ์ประเภทใด เชน่ ถา้ เปน็ โคลงตอ้ งวิเคราะห์ว่าเป็นโคลงประเภทใด (โคลงกระทู้ โคลงด้ัน โคลง สีส่ ภุ าพ โคลงสองสุภาพ โคลงสามสุภาพ) นอกจากนผี้ ูว้ ิเคราะห์วจิ ารณจ์ ะต้องพจิ ารณาวา่ รปู แบบกบั เนอ้ื หาเหมาะสมกันหรือไม่ ๒. ศึกษาประวัตผิ ู้แตง่ จุดมุ่งหมายในการแตง่ และทมี่ าของเรือ่ ง การร้จู ักผแู้ ตง่ จะทาใหผ้ อู้ ่านเข้าใจเร่ืองทแ่ี ต่งชัดเจน ย่ิงข้นึ การอ่านคานาจะทาใหเ้ ข้าใจจดุ ประสงคใ์ นการแตง่ และทมี่ าของเร่ือง แต่ในรอ้ ยกรองผู้แตง่ จะบอกจดุ ประสงค์ในการแต่งไว้ ในตอนทา้ ยเรอ่ื งการศกึ ษาประวัตผิ แู้ ต่งจะทาใหผ้ ู้อา่ นทราบว่าผแู้ ต่งมีความรอบร้ใู นเรอื่ งทีเ่ ขียนเพยี งใด สามารถถ่ายทอดความรู้ ลงไปในบทประพันธน์ นั้ ๆ ได้ถูกต้องเหมาะสมเพียงใด และจดุ มงุ่ หมายน้ันสอดคล้องกบั วธิ ีแตง่ หรือรูปแบบการแต่งอย่างไร จัดทาโดย นายลทั ธพล ยวนยี ตาแหนง่ ครูผ้ชู ว่ ย โรงเรยี นบา้ นโคกกรา่ ง อาเภอตาคลี จังหวดั นครสวรรค์
ชุดแบบฝกึ ทักษะภาษาไทย เรอ่ื งอา่ นวินจิ สาร ๓ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย เลม่ ที่ ๓ การอ่านเพือ่ วิเคราะห์วิจารณแ์ ละแสดงความคดิ เหน็ ๓ พจิ ารณาองค์ประกอบของเรอื่ งว่าสอดคล้องเหมาะสมกนั หรือขดั แยง้ กนั เชน่ การวเิ คราะหร์ ้อยแกว้ ประเภทบนั เทงิ คดี ต้องวเิ คราะห์โครงเรื่อง ตวั ละคร ฉาก การดาเนินเรื่องปมขัดแย้ง การคล่ีคลายเรื่องและการ จบเรอื่ ง ตลอดจนวเิ คราะห์ถงึ การแสดงความคดิ เห็นความสอดคล้องสมเหตุสมผล พจิ ารณาเนอื้ เรอ่ื งอยา่ ง ละเอียดถึงคณุ คา่ พฤติกรรมตวั ละครเหมาะสมกบั เนอื้ เร่ือง การใช้ภาษาเหมาะสมกับระดบั บคุ คลของบุคคล สว่ นรอ้ ยกรองจะพจิ ารณาถึงรูปแบบคาประพันธว์ ่า มีรูปแบบทเี่ หมาะสมกับเนอ้ื หา เนื้อหาสาระของเร่อื งมีคุณค่า ในการสรา้ งความเพลิดเพลนิ ประเทืองปญั ญา สะเทือนอารมณ์ สะท้อนสังคม ให้ความรู้ ขอ้ คดิ คติ เตอื นใจ มคี วามงามดา้ นวรรณศลิ ป์ คอื การใชถ้ อ้ ยคา สานวนโวหารทีไ่ พเราะ คมคาย มกี ลวิธใี นการสร้าง ภาพพจน์ การใชค้ า และเสยี งสมั ผัสทไ่ี พเราะ ๔. พจิ ารณาเนือ้ หา การนาเสนอและพฤติกรรมของตัวละคร ว่ามคี วามสอดคล้องกนั หรือไม่ สะท้อน ภาพชวี ติ สะท้อนสภาพสงั คมในสมัยทแ่ี ต่งอย่างไร ๕. พิจารณาแก่นเรือ่ ง วา่ ผู้แตง่ ตัง้ ใจทีจ่ ะส่ือเร่ืองราวเกีย่ วกับอะไร ผู้แต่งแสดงความ คิดเห็น รสนยิ ม และคา่ นิยมอย่างไร ๖. การวิจารณส์ รปุ ด้วยความคดิ เห็นของผู้วิจารณเ์ อง โดยยกข้อดใี ห้เห็นกอ่ นว่าดอี ย่างไร แลว้ จึงยกขอ้ บกพร่องว่าบกพรอ่ งอยา่ งไร จะแก้ไข อยา่ งไร การวิจารณค์ วรเปน็ ไปอยา่ งสรา้ งสรรค์ เปน็ ธรรมมีใจเป็นกลางไม่มอี คติ แล้วประเมินคณุ ค่าในภาพรวม วา่ วรรณคดีหรอื วรรณกรรมทวี่ จิ ารณ์นน้ั มีคุณค่าควรแกก่ ารอา่ นหรอื ควรคา่ แก่การศกึ ษาอย่างไร ผู้อ่านสามารถนา คุณคา่ ทไี่ ด้รบั ไปปรับใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้อยา่ งไรวรรณกรรมบางเรอ่ื งอาจมคี ณุ สมบัตทิ ีไ่ ม่ครบถ้วนตามหลัก ดังกล่าว ผอู้ ่านสามารถวจิ ารณ์ทงั้ จุดเด่นและจดุ ดอ้ ยไดเ้ ตม็ ท่ี ส่วนวรรณคดที ่ีมผี ้วู จิ ารณม์ าแลว้ และตดั สินแลว้ วา่ แตง่ ดี ผู้วจิ ารณ์อาจเห็นพอ้ งดว้ ยหรอื ไมก่ ็ได้ แตท่ ง้ั นผี้ วู้ จิ ารณต์ ้องชีใ้ ห้เห็นวา่ ดีเดน่ หรือบกพร่องอย่างไร จัดทาโดย นายลัทธพล ยวนยี ตาแหน่งครูผชู้ ่วย โรงเรยี นบ้านโคกกรา่ ง อาเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
ชดุ แบบฝกึ ทกั ษะภาษาไทย เรือ่ งอา่ นวนิ จิ สาร ๔ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เล่มท่ี ๓ การอ่านเพ่ือวเิ คราะหว์ จิ ารณแ์ ละแสดงความคดิ เห็น คาชแี้ จง ให้นกั เรยี นอา่ นเร่ืองที่กาหนด แลว้ นามาวเิ คราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคิดเหน็ ใหถ้ ูกต้อง ตามลาดับขน้ั ตอน ตามประเด็นทกี่ าหนด “เมจกิ จอหน์ สนั ” 20 ปี ทใี่ ชช้ วี ติ รว่ มกบั “เชอื้ เอชไอว”ี นับตั้งแต่ประกาศอาลาวงการบาสเกตบอลเอ็นบีเอไปเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ปี 1991 เมจิก จอห์นสัน ผู้คว้า แชมปเ์ อ็นบีเอรว่ มกับแอล เอ เลกเกอร์ส 5 สมัย ยงั คงใชช้ วี ิตอยา่ งเปน็ ปกตสิ ุขไม่ต่างจากคนอืน่ ๆ สขุ เสียจนหลายคนเกือบลืมไปว่า ในวันที่เขาประกาศเลิกเล่นกีฬายัดห่วงท่ีคลุกคลีมานานร่วมๆ 17 ปีน้ัน เป็นวัน เดียวกับที่โลกได้รบั รู้วา่ พอยตก์ าร์ดชอ่ื ดังตดิ เชอื้ ไวรสั เอชไอวี! หลงั จากแถลงขา่ วใหท้ กุ คนไดท้ ราบโดยไม่ปิดบงั วา่ ป่วยดว้ ยโรคเอดส์ เออรว์ ิน “เมจกิ จอห์นสนั ” ในวยั 32 ปี ตัดสินใจว่าจะอาลาวงการทันที เพราะแม้ว่าไม่ได้เป็นโรคท่ีติดต่อกันได้ง่ายๆ แต่ก็เป็นโรคร้ายที่ยังหาทางรักษาให้ หายขาดไมไ่ ด้ กอ่ นจะป่วยดว้ ยโรคน้ี อดีตเจ้าของรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (เอ็มวีพี) 3 สมัยเคยมีอคติกับคนท่ีติดเช้ือเอชไอวีมา ก่อน ดังนั้น เม่อื รแู้ นช่ ัดแลว้ ว่าตวั เองเปน็ เอดส์ จึงยอมรับว่าเหมอื นกาลงั ตกอยใู่ นฝนั ร้าย “มันเปน็ วันที่ส้นิ หวงั ที่สดุ ในชีวติ ผม รสู้ ึกราวกบั วา่ ชวี ิตนไี้ มม่ อี ะไรแน่นอน เพราะไมม่ ีใครบอกไดเ้ ลยว่าผมจะมีชีวิต อยู่จนถึงทกุ วันน้ีหรอื เปลา่ และผมกไ็ ม่มีความร้เู กย่ี วกบั เอชไอวแี ละเอดสส์ กั เท่าไร ขณะทคี่ นอน่ื กไ็ มไ่ ด้รู้จักโรคน้ีดีพอ ทุก คนจึงคิดวา่ เป็นโรคทต่ี อ้ งตายสถานเดยี ว” จอห์นสันราลึกถึงความหลังเมื่อคร้ังที่ได้กลับมายืนที่สนามสเตเปิลส์ เซ็นเตอร์ ของแอลเอ เลกเกอร์ส อีกครั้ง ในงานฉลองครบ 20 ปี ของการอาลาสนามคร้ังแรกของตวั เอง เมอ่ื วนั ที่ 7 พฤศจิกายนท่ีผ่านมา จอห์นสันร้วู ่าตนเองติดเชื้อ เม่ือไดร้ บั โทรศพั ทจ์ ากแพทย์ประจาทีม ไมเคิล เมลแมน ให้กลับบ้านด่วนในระหว่างท่ี เตรียมลงแข่งบาสเกตบอลรายการพิเศษที่ซอลต์เลก ซิต้ี กับยูทาห์ แจ๊ซซ์ หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้าที่บาสเกตบอลเอ็นบีเอ ฤดกู าล 1991-1992 จะเปิดฉาก หลงั ได้ทราบขา่ วเม่ือกลบั ถงึ บา้ น เจ้าตัวแทบไมเ่ ช่อื หตู ัวเองและขอใหม้ ีการตรวจเลือดใหมถ่ งึ 3 ครั้ง แต่สุดท้ายก็ หนีความจริงไม่พน้ สิ่งแรกที่จอห์นสันอยากรู้คือภรรยา คุกก้ี และเอ.เจ. ลูกชายที่กาลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลก ติดเชื้อเอชไอวีด้วย หรือไม่ ก่อนจะโล่งอกท่ีท้ังแม่และลูกปลอดภัยดี ขณะท่ีจอห์นสันเองก็หาคาตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าติดเช้ือเอชไอวี มาได้ อยา่ งไร แตป่ ฏิเสธชดั ว่าไม่ได้เป็นพวกรกั รว่ มเพศอยา่ งท่ีมีขา่ วลือออกมา จัดทาโดย นายลัทธพล ยวนยี ตาแหนง่ ครูผชู้ ่วย โรงเรียนบา้ นโคกกรา่ ง อาเภอตาคลี จงั หวัดนครสวรรค์
ชดุ แบบฝกึ ทกั ษะภาษาไทย เร่อื งอ่านวนิ จิ สาร ๕ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย เล่มท่ี ๓ การอ่านเพ่ือวเิ คราะห์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็น คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนอ่านเรือ่ งที่กาหนด แลว้ นามาวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคิดเหน็ ให้ถกู ตอ้ ง ตามลาดับขน้ั ตอน ตามประเดน็ ทก่ี าหนด ในระหว่างท่กี าลังเผชญิ มรสุมชวี ิตอยู่นนั้ บุคคลสาคญั ช่วยใหส้ ตารด์ งั มกี าลังใจฮดึ สู้กบั โรคเอดส์ คือ เอลิซาเบ็ธ เกล เซอร์ ภรรยาของนักแสดงดัง พอล ไมเคิล เกลเซอร์ ที่แม้จะตกเป็นเป้าของสังคมหลังติดเช้ือเอชไอวี แต่เอลิซาเบ็ธก็ ต่อสู้กบั โรคเอดส์อย่างกล้าหาญ และยังพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการเปลี่ยนสถานะจากผู้ป่วยติดเชื้อมาเป็นนัก กจิ กรรมเกย่ี วกับโรคเอดสท์ ่คี อยให้ความร้เู ปน็ วทิ ยาทานกบั คนอน่ื ซึง่ จอหน์ สนั ไดโ้ ทรศัพท์ไปขอคาแนะนาดีๆ จากเกล เซอรห์ ลายตอ่ หลายคร้งั ทุกวันน้ี ไมเ่ พยี งแต่ดารงชวี ิตไดอ้ ยา่ งเปน็ สขุ เท่านัน้ แต่จอห์นสันยังกลายเป็นโฆษกเก่ียวกับโรคเอดส์ และยัง เปน็ เจา้ ของมลู นิธเิ มจิก จอห์นสนั ทกี่ อ่ ตัง้ ข้นึ มาเพอ่ื ใหค้ วามรู้เก่ยี วกบั โรคเอดส์อย่างถูกต้อง ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับโรค เอดส์ อีกทงั้ ยังรว่ มมือกับหอ้ งแลบ็ “แอบ๊ บอ็ ตต์” เพ่อื ชว่ ยลดการตดิ เชอ้ื เอชไอวใี นสงั คมชาวแอฟรกิ ัน-อเมรกิ า ดว้ ย “ผมมกั พูดบ่อยๆ ว่า การตดิ เช้อื ไวรัสมีทงั้ เร่ืองดีและรา้ ย ดีตรงที่ผมยังดารงชีวิตได้ดี สามารถออกไปไหนมา ไหนเพื่อช่วยใหค้ นตระหนกั ถึงโรคนี้ได้ แต่ในทางกลับกนั พอใครๆ เห็นผมปกติสุขดีอยู่ พวกเขาก็จะเบาใจขึ้นเกี่ยวกับ โรคน้ี เพราะคิดว่าถ้าติดเช้ือเอดส์ข้ึนมา ก็คงจะดารงชีวิตอยู่ได้ แต่หารู้ไม่ว่ามีคนป่วย 2 ล้านคนที่กาลังจะตายด้วย โรคน”้ี ตลอดการใช้ชีวิตร่วมกับเจ้าไวรัสร้ายตัวนี้ จอห์นสันดูแลตนเองอย่างดีมาโดยตลอด เวลาน้ีเชื้อไวรัสเอชไอวี จงึ ทาไดเ้ พยี งหลับใหลอยู่ในร่างกายของเขาเท่าน้นั เคล็ดลับท่ีทาให้เช้ือโรคเหล่านี้หยุดการเจริญเติบโต คือการออกกาลังกายในทุกเช้า และควบคุมเรื่องการ รบั ประทานอาหาร รวมถงึ ทานยาอยา่ งเคร่งครัด วันละ 2 มอ้ื มอ้ื ละ 3 เม็ด จากท่ีแต่ก่อนต้องทานยาม้ือละ 15 เม็ด ตอ่ วนั วันละหลายๆ คร้งั แมว้ ่าจะปว่ ยดว้ ยโรคท่คี นในสงั คมสว่ นใหญ่รงั เกียจ แต่ตลอด 20 ปีทีผ่ ่านมา นกั กีฬาคนดงั ไม่เคยหมดหวังกับ การมีชีวติ อยู่ ดว้ ยเหตผุ ลสั้นๆ วา่ “ผมไม่เคยคดิ วา่ ตวั เองนอนรอวันตาย เพราะผมเป็นนักสู้มาตลอด ทัง้ ชวี ติ ” ทมี่ า : มตชิ นสุดสัปดาห์ ฉบบั ประจาวนั ที่ 18-24 พฤศจิกายน 2554 จัดทาโดย นายลัทธพล ยวนยี ตาแหนง่ ครผู ู้ช่วย โรงเรียนบา้ นโคกกร่าง อาเภอตาคลี จงั หวดั นครสวรรค์
ชดุ แบบฝึกทกั ษะภาษาไทย เรือ่ งอ่านวนิ ิจสาร ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เลม่ ที่ ๓ การอา่ นเพอ่ื วิเคราะหว์ ิจารณแ์ ละแสดงความคิดเหน็ คาชแี้ จง ให้นักเรยี นอา่ นเรอื่ งท่กี าหนด แล้วนามาวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคิดเหน็ ใหถ้ กู ตอ้ ง ตามลาดับขนั้ ตอน ตามประเดน็ ทกี่ าหนด ๑. เล่าเร่ือง .................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... ๒. จดุ มงุ่ หมาย .................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... ๓. วิเคราะหเ์ น้ือเรื่อง .................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... ๔. บริบททเ่ี กีย่ วกบั เร่อื ง .................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... ๕. ประเมินคณุ คา่ .................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... จัดทาโดย นายลัทธพล ยวนยี ตาแหน่งครผู ูช้ ว่ ย โรงเรียนบา้ นโคกกรา่ ง อาเภอตาคลี จังหวดั นครสวรรค์
ชดุ แบบฝึกทักษะภาษาไทย เร่อื งอ่านวนิ ิจสาร ๗ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เล่มที่ ๓ การอ่านเพ่ือวเิ คราะห์วิจารณแ์ ละแสดงความคดิ เห็น คำชีแ้ จง ให้นักเรียนอ่านเรื่องทีก่ าหนด แล้วนามาวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคิดเห็นให้ถูกต้อง ตามลาดบั ข้ันตอน ตามประเดน็ ที่กาหนด จัดทาโดย นายลทั ธพล ยวนยี ตาแหนง่ ครผู ู้ชว่ ย โรงเรียนบา้ นโคกกรา่ ง อาเภอตาคลี จังหวดั นครสวรรค์
ชดุ แบบฝึกทกั ษะภาษาไทย เร่อื งอา่ นวนิ ิจสาร ๘ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เลม่ ท่ี ๓ การอา่ นเพื่อวเิ คราะห์วจิ ารณแ์ ละแสดงความคิดเห็น คำชีแ้ จง ให้นกั เรียนอ่านเรือ่ งทีก่ าหนด แล้วนามาวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคิดเหน็ ให้ถูกต้อง ตามลาดบั ขั้นตอน ตามประเด็นที่กาหนด คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปนใี้ หถ้ กู ต้องสมบรู ณท์ ส่ี ุด ๑. ข้อมลู ที่อ่านมีอะไรบ้าง และอะไรเปน็ ข้อตกลงเบอ้ื งตน้ (หมวกสขี าว) ............................................................................................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. ......................................................... ๒. หลังจากอ่านขอ้ ความแล้วนักเรียนมคี วามร้สู กึ อย่างไร (หมวกสแี ดง) ............................................................................................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. ......................................................... ๓. นักเรียนจงบอกส่วนดี จดุ เดน่ ประโยชน์ คณุ ค่าทีพ่ บ (หมวกสเี หลอื ง) ............................................................................................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. ......................................................... ๔. จงบอกข้อเสยี ขอ้ บกพร่อง จุดดอ้ ย ข้อผดิ พลาดหรือสิ่งไมด่ ที พี่ บ (หมวกสดี า) ............................................................................................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. ......................................................... ๕. จงเสนอแนะทางออกของปัญหา แนวทางแกไ้ ขปญั หาจากข้อความ ทคี่ าดว่าจะเป็นไปได้ มากทส่ี ุด (หมวกสีเขียว) ............................................................................................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. ......................................................... ๖. จงสรปุ ผลจากขอ้ ความจากการอ่าน โดยเขียนผังความคิด Mind Mapping (หมวกสฟี า้ ) ............................................................................................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. ......................................................... ช่ือ........................................................สกลุ .................................................ช้ัน.........................เลขท่ี................. จดั ทาโดย นายลัทธพล ยวนยี ตาแหนง่ ครผู ูช้ ว่ ย โรงเรยี นบ้านโคกกรา่ ง อาเภอตาคลี จงั หวดั นครสวรรค์
ชดุ แบบฝกึ ทกั ษะภาษาไทย เร่อื งอ่านวนิ จิ สาร ๙ กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เล่มที่ ๓ การอ่านเพอ่ื วเิ คราะห์วจิ ารณแ์ ละแสดงความคิดเหน็ จัดทาโดย นายลทั ธพล ยวนยี ตาแหนง่ ครผู ูช้ ่วย โรงเรยี นบ้านโคกกรา่ ง อาเภอตาคลี จงั หวดั นครสวรรค์
ชดุ แบบฝึกทักษะภาษาไทย เรือ่ งอา่ นวนิ ิจสาร ๑๐ กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เลม่ ท่ี ๓ การอ่านเพื่อวิเคราะหว์ จิ ารณแ์ ละแสดงความคิดเหน็ เฉลยแบบฝึกทักษะที่ ๑ เรื่องการอา่ นเพือ่ วิเคราะห์และแสดงความคดิ เหน็ คาชี้แจง ให้นักเรยี นอ่านเร่อื งท่ีกาหนด แล้วนามาวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคิดเหน็ ใหถ้ ูกตอ้ ง ตามลาดบั ขน้ั ตอน ตามประเด็นท่กี าหนด “เมจิก จอหน์ สนั ” 20 ปี ทใี่ ชช้ ีวิตรว่ มกบั “เชอื้ เอชไอว”ี นับตั้งแต่ประกาศอาลาวงการบาสเกตบอลเอ็นบีเอไปเมื่อวันท่ี 7 พฤศจิกายน ปี 1991 เมจิก จอห์นสัน ผู้คว้า แชมปเ์ อน็ บีเอรว่ มกบั แอล เอ เลกเกอรส์ 5 สมัย ยงั คงใช้ชีวติ อยา่ งเป็นปกติสขุ ไมต่ า่ งจากคนอน่ื ๆ สขุ เสียจนหลายคนเกอื บลืมไปว่า ในวันท่ีเขาประกาศเลิกเล่นกีฬายัดห่วงท่ีคลุกคลีมานานร่วมๆ 17 ปีนั้น เป็นวัน เดยี วกับทโี่ ลกได้รบั รู้วา่ พอยตก์ าร์ดชอ่ื ดงั ติดเช้ือไวรัสเอชไอวี! หลงั จากแถลงขา่ วให้ทกุ คนได้ทราบโดยไม่ปดิ บงั ว่าปว่ ยด้วยโรคเอดส์ เออรว์ ิน “เมจกิ จอห์นสัน” ในวัย 32 ปี ตดั สนิ ใจว่าจะอาลาวงการทันที เพราะแม้ว่าไม่ได้เป็นโรคท่ีติดต่อกันได้ง่ายๆ แต่ก็เป็นโรคร้ายท่ียังหาทางรักษาให้ หายขาดไมไ่ ด้ ก่อนจะปว่ ยด้วยโรคน้ี อดีตเจ้าของรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (เอ็มวีพี) 3 สมัยเคยมีอคติกับคนท่ีติดเชื้อเอชไอวีมา ก่อน ดังน้นั เมอ่ื รูแ้ น่ชดั แล้ววา่ ตวั เองเปน็ เอดส์ จงึ ยอมรบั วา่ เหมอื นกาลงั ตกอยู่ในฝันร้าย “มนั เป็นวนั ท่สี ิน้ หวงั ที่สุดในชีวิตผม รูส้ ึกราวกับว่าชวี ิตนไ้ี มม่ อี ะไรแนน่ อน เพราะไมม่ ีใครบอกไดเ้ ลยว่าผมจะมีชีวิต อยู่จนถึงทกุ วนั นห้ี รือเปลา่ และผมกไ็ ม่มีความรเู้ กย่ี วกบั เอชไอวแี ละเอดส์สักเทา่ ไร ขณะทคี่ นอ่นื กไ็ มไ่ ด้รู้จักโรคนี้ดีพอ ทุก คนจึงคิดวา่ เปน็ โรคท่ีตอ้ งตายสถานเดยี ว” จอห์นสันราลึกถึงความหลังเมื่อคร้ังท่ีได้กลับมายืนท่ีสนามสเตเปิลส์ เซ็นเตอร์ ของแอลเอ เลกเกอร์ส อีกครั้ง ในงานฉลองครบ 20 ปี ของการอาลาสนามครง้ั แรกของตวั เอง เม่ือวนั ที่ 7 พฤศจกิ ายนที่ผา่ นมา จอห์นสนั รูว้ ่าตนเองติดเชื้อ เมื่อไดร้ บั โทรศพั ทจ์ ากแพทยป์ ระจาทมี ไมเคิล เมลแมน ให้กลับบ้านด่วนในระหว่างท่ี เตรียมลงแข่งบาสเกตบอลรายการพิเศษที่ซอลต์เลก ซิตี้ กับยูทาห์ แจ๊ซซ์ หน่ึงสัปดาห์ก่อนหน้าที่บาสเกตบอลเอ็นบีเอ ฤดูกาล 1991-1992 จะเปดิ ฉาก หลังได้ทราบขา่ วเมอื่ กลบั ถึงบ้าน เจ้าตวั แทบไมเ่ ชือ่ หูตัวเองและขอใหม้ ีการตรวจเลอื ดใหม่ถึง 3 ครงั้ แตส่ ุดท้ายก็ หนคี วามจริงไม่พน้ สิ่งแรกที่จอห์นสันอยากรู้คือภรรยา คุกกี้ และเอ.เจ. ลูกชายที่กาลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลก ติดเช้ือเอชไอวีด้วย หรือไม่ ก่อนจะโล่งอกท่ีท้ังแม่และลูกปลอดภัยดี ขณะท่ีจอห์นสันเองก็หาคาตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าติดเช้ือเอชไอวี มาได้ อยา่ งไร แต่ปฏิเสธชัดว่าไมไ่ ด้เปน็ พวกรักรว่ มเพศอยา่ งทม่ี ีข่าวลอื ออกมา จัดทาโดย นายลทั ธพล ยวนยี ตาแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย โรงเรยี นบ้านโคกกรา่ ง อาเภอตาคลี จงั หวดั นครสวรรค์
ชุดแบบฝึกทักษะภาษาไทย เร่ืองอ่านวนิ ิจสาร ๑๑ กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เลม่ ท่ี ๓ การอ่านเพ่ือวิเคราะหว์ จิ ารณแ์ ละแสดงความคดิ เห็น เฉลยแบบฝกึ ทกั ษะท่ี ๑ เรอ่ื งการอ่านเพอ่ื วเิ คราะหแ์ ละแสดงความคิดเหน็ คาช้แี จง ให้นักเรยี นอา่ นเรอื่ งท่กี าหนด แล้วนามาวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคิดเห็นใหถ้ กู ตอ้ ง ตามลาดับขัน้ ตอน ตามประเด็นทกี่ าหนด ในระหวา่ งท่ีกาลังเผชิญมรสุมชวี ิตอยู่นน้ั บคุ คลสาคญั ช่วยให้สตารด์ ังมกี าลังใจฮดึ สู้กับโรคเอดส์ คือ เอลิซาเบ็ธ เกล เซอร์ ภรรยาของนักแสดงดัง พอล ไมเคิล เกลเซอร์ ท่ีแม้จะตกเป็นเป้าของสังคมหลังติดเช้ือเอชไอวี แต่เอลิซาเบ็ธก็ ต่อสู้กับโรคเอดส์อย่างกล้าหาญ และยังพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการเปล่ียนสถานะจากผู้ป่วยติดเชื้อมาเป็นนัก กจิ กรรมเกีย่ วกบั โรคเอดส์ทีค่ อยให้ความรู้เปน็ วิทยาทานกับคนอื่น ซ่ึงจอห์นสันไดโ้ ทรศพั ทไ์ ปขอคาแนะนาดีๆ จากเกล เซอร์หลายตอ่ หลายครัง้ ทกุ วนั นี้ ไม่เพยี งแต่ดารงชวี ติ ได้อย่างเปน็ สขุ เทา่ นน้ั แตจ่ อหน์ สันยังกลายเป็นโฆษกเก่ียวกับโรคเอดส์ และยัง เปน็ เจ้าของมูลนิธเิ มจกิ จอห์นสนั ที่กอ่ ตงั้ ข้นึ มาเพือ่ ใหค้ วามรูเ้ กีย่ วกบั โรคเอดสอ์ ย่างถูกต้อง ค้นคว้าวิจัยเก่ียวกับโรค เอดส์ อีกทงั้ ยังรว่ มมอื กับหอ้ งแลบ็ “แอ๊บบอ็ ตต์” เพอ่ื ช่วยลดการติดเช้อื เอชไอวใี นสงั คมชาวแอฟรกิ ัน-อเมริกา ด้วย “ผมมกั พดู บ่อยๆ ว่า การติดเชอื้ ไวรัสมีท้งั เร่ืองดีและร้าย ดีตรงที่ผมยังดารงชีวิตได้ดี สามารถออกไปไหนมา ไหนเพอ่ื ช่วยให้คนตระหนักถงึ โรคน้ไี ด้ แต่ในทางกลบั กนั พอใครๆ เหน็ ผมปกติสุขดีอยู่ พวกเขาก็จะเบาใจข้ึนเก่ียวกับ โรคน้ี เพราะคิดว่าถ้าติดเช้ือเอดส์ข้ึนมา ก็คงจะดารงชีวิตอยู่ได้ แต่หารู้ไม่ว่ามีคนป่วย 2 ล้านคนที่กาลังจะตายด้วย โรคน”้ี ตลอดการใช้ชีวิตร่วมกับเจ้าไวรัสร้ายตัวน้ี จอห์นสันดูแลตนเองอย่างดีมาโดยตลอด เวลาน้ีเชื้อไวรัสเอชไอวี จึงทาไดเ้ พียงหลับใหลอยู่ในรา่ งกายของเขาเท่านั้น เคล็ดลับที่ทาให้เชื้อโรคเหล่านี้หยุดการเจริญเติบโต คือการออกกาลังกายในทุกเช้า และควบคุมเรื่องการ รบั ประทานอาหาร รวมถงึ ทานยาอยา่ งเคร่งครดั วนั ละ 2 มอ้ื มอื้ ละ 3 เมด็ จากทีแ่ ต่ก่อนต้องทานยามื้อละ 15 เม็ด ตอ่ วัน วนั ละหลายๆ ครัง้ แมว้ า่ จะป่วยด้วยโรคทคี่ นในสังคมส่วนใหญร่ ังเกียจ แตต่ ลอด 20 ปีทผ่ี ่านมา นกั กฬี าคนดังไม่เคยหมดหวังกับ การมชี ีวติ อยู่ ดว้ ยเหตผุ ลสั้นๆ วา่ “ผมไมเ่ คยคิดวา่ ตัวเองนอนรอวันตาย เพราะผมเป็นนกั สมู้ าตลอด ทง้ั ชวี ิต” ที่มา : มตชิ นสุดสปั ดาห์ ฉบับประจาวันที่ 18-24 พฤศจกิ ายน 2554 จดั ทาโดย นายลัทธพล ยวนยี ตาแหน่งครูผชู้ ว่ ย โรงเรียนบา้ นโคกกร่าง อาเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
ชุดแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรอ่ื งอ่านวนิ จิ สาร ๑๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เลม่ ที่ ๓ การอา่ นเพอื่ วเิ คราะห์วจิ ารณแ์ ละแสดงความคิดเหน็ เฉลยแบบฝึกทกั ษะที่ ๑ เรอื่ งการอา่ นเพอ่ื วเิ คราะห์และแสดงความคิดเห็น คาช้แี จง ให้นักเรียนอา่ นเร่อื งท่กี าหนด แลว้ นามาวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคดิ เห็นให้ถกู ต้อง ตามลาดบั ขน้ั ตอน ตามประเด็นท่ีกาหนด ๑. เลา่ เรอื่ ง เลา่ ถงึ การใชช้ วี ิตของเมจิก จอห์นสนั อดีตนกั บาสเกตบอลทีม่ ชี อื่ เสียงของสหรัฐอเมรกิ าท่ีอาลาวงการไปหลงั จากทท่ี ราบผลการ ตรวจของแพทย์วา่ เปน็ โรคเอดส์ เขากลายเปน็ คนท่สี ิน้ หวงั และทอ้ แท้ แต่ดว้ ยความชว่ ยเหลือและให้กาลงั ใจของเอลซิ าเบธ็ เกลเซอร์ ซึง่ เป็น คนปว่ ยเช่นเดียวกนั กับเขา เอลิซาเบ็ธเปน็ นักกจิ กรรมเก่ยี วกบั โรคเอดสท์ ีใ่ ห้ความรู้เป็นวิทยาทานแกค่ นอน่ื ปจั จุบนั เมจิก จอห์นสนั เป็นโฆษก เกี่ยวกบั โรคเอดส์ และเปน็ เจา้ ของมลู นธิ ิเมจกิ จอหน์ สนั ท่ีก่อต้ังขึ้นมาเพื่อใหค้ วามรูเ้ กยี่ วกบั โรคเอดส์อย่างถกู ต้อง ในวันนีเ้ มจิก จอหน์ สันใช้ ชวี ติ อยู่ในสังคมอยา่ งมีความสขุ ด้วยการทางานใหเ้ ป็นประโยชน์ตอ่ ผปู้ ่วยโรคเอดสค์ นอ่นื ๆ เคลด็ ลับในการทาใหเ้ ชื้อโรคในรา่ งกายของเขาหยุด การเจริญเติบโต คอื ออกกาลังกาย ควบคมุ อาหาร และรบั ประทานยาอย่างเครง่ ครัด ๒. จดุ มุ่งหมาย เป็นการนาเสนอแนวทางในการใชช้ วี ิตของผ้ปู ว่ ยโรคเอดส์ ๓. วิเคราะห์เนือ้ เร่อื ง เน้ือเร่อื งเป็นการให้กาลังใจผปู้ ว่ ยโรคเอดส์ โดยยกตัวอยา่ งเมจิก จอหน์ สัน นกั กีฬาบาสเกตบอลทีม่ ีชื่อเสียงเป็นท่รี จู้ กั ของ คนอเมริกัน เพ่ือไม่ให้ผู้ปว่ ยโรคเอดสม์ ีความสน้ิ หวงั ๔. บรบิ ททเี่ กยี่ วกับเรื่อง การประกาศอาลาวงการกีฬาบาสเกตบอลของเมจกิ จอห์นสัน เมอ่ื 20 ปีก่อนนเี้ ปน็ ท่สี นใจของคนทัว่ โลก ทกุ คนรู้ดวี า่ โรค เอดสไ์ มม่ ที างรักษาให้หายได้ เปน็ แลว้ ตอ้ งตาย เมอ่ื เขายงั มีชีวิตอยู่อยา่ งคนปกตทิ ง้ั หลาย จงึ เปน็ ท่ีน่าสนใจ เร่ืองของเขา จึงถูกนามาเผยแพรไ่ ปทัว่ โลกเพือ่ เปน็ ตวั อยา่ ง ๕. ประเมินคณุ ค่า จากเรือ่ งท่ียกมานี้ ให้ข้อคิด เปน็ กาลังใจในการตอ่ ส้กู บั โรคเอดส์ โดยทไ่ี ม่ใหส้ น้ิ หวงั ถ้าผปู้ ว่ ยรจู้ ักดแู ลตัวเอง ปฏบิ ตั อิ ยา่ ง ถูกต้องและเครง่ ครัด จัดทาโดย นายลัทธพล ยวนยี ตาแหน่งครผู ้ชู ่วย โรงเรียนบา้ นโคกกรา่ ง อาเภอตาคลี จงั หวัดนครสวรรค์
ชุดแบบฝกึ ทักษะภาษาไทย เร่อื งอา่ นวินจิ สาร ๑๓ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เลม่ ท่ี ๓ การอา่ นเพ่อื วเิ คราะห์วิจารณ์และแสดงความคดิ เหน็ เฉลยแบบฝึกทักษะท่ี ๒ เรื่องการอา่ นเพ่อื วิเคราะหแ์ ละแสดงความคดิ เห็น คำชี้แจง ให้นกั เรียนอ่านเรือ่ งทีก่ าหนด แล้วนามาวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคิดเหน็ ให้ถูกต้อง ตามลาดับขั้นตอน ตามประเด็นที่กาหนด จดั ทาโดย นายลัทธพล ยวนยี ตาแหนง่ ครผู ชู้ ว่ ย โรงเรียนบ้านโคกกรา่ ง อาเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
ชุดแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรอ่ื งอา่ นวนิ จิ สาร ๑๔ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เล่มที่ ๓ การอา่ นเพ่อื วิเคราะห์วิจารณ์และแสดงความคิดเหน็ เฉลยแบบฝกึ ทักษะท่ี ๒ เรอื่ งการอ่านเพ่อื วิเคราะหแ์ ละแสดงความคดิ เห็น ๑. แนวคาตอบ : นางสาวธญั ญรัศม์ สารสงั วาล และพวกถกู หมายศาล จงั หวัดสตูล ออกหมายจับฐาน ความผดิ รว่ มกนั ฉ้อโกงประชาชนทซี่ ้อื แพคเกจทวั ร์ แล้วไมไ่ ดท้ อ่ งเทีย่ วจริง ๒. โกรธทีไ่ มซ่ อ่ื ตรง คดโกงประชาชน ๓. การอา่ นขา่ วเปน็ บทเรียนให้ระมัดระวงั ตัวในการเลอื กซอื้ แพคเกจทวั ร์ ๔. การควบคมุ ดูแลของรฐั ไม่ทัว่ ถึง เจา้ ของบริษัทไร้คณุ ธรรม ๕. กฎหมายควรมบี ทลงโทษใหแ้ รงพอทีจ่ ะทาผิดแนวนี้ หรือมีระบบดูแลชว่ ยเหลือประชาชนให้ดกี วา่ ที่ เปน็ อยู่ ๖. จงสรุปผลจากขอ้ ความจากการอา่ น โดยเขยี นผังความคดิ Mind Mapping (หมวกสีฟ้า) จัดทาโดย นายลัทธพล ยวนยี ตาแหน่งครูผชู้ ว่ ย โรงเรยี นบ้านโคกกรา่ ง อาเภอตาคลี จงั หวดั นครสวรรค์
ชุดแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรอ่ื งอา่ นวนิ จิ สาร ๑๔ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เล่มที่ ๓ การอา่ นเพ่อื วิเคราะห์วิจารณ์และแสดงความคิดเหน็ เฉลยแบบฝกึ ทักษะท่ี ๒ เรอื่ งการอ่านเพ่อื วิเคราะหแ์ ละแสดงความคดิ เห็น ๑. แนวคาตอบ : นางสาวธญั ญรัศม์ สารสงั วาล และพวกถกู หมายศาล จงั หวัดสตูล ออกหมายจับฐาน ความผดิ รว่ มกนั ฉ้อโกงประชาชนทซี่ ้อื แพคเกจทวั ร์ แล้วไมไ่ ดท้ อ่ งเทีย่ วจริง ๒. โกรธทีไ่ มซ่ อ่ื ตรง คดโกงประชาชน ๓. การอา่ นขา่ วเปน็ บทเรียนให้ระมัดระวงั ตัวในการเลอื กซอื้ แพคเกจทวั ร์ ๔. การควบคมุ ดูแลของรฐั ไม่ทัว่ ถึง เจา้ ของบริษัทไร้คณุ ธรรม ๕. กฎหมายควรมบี ทลงโทษใหแ้ รงพอทีจ่ ะทาผิดแนวนี้ หรือมีระบบดูแลชว่ ยเหลือประชาชนให้ดกี วา่ ที่ เปน็ อยู่ ๖. จงสรุปผลจากขอ้ ความจากการอา่ น โดยเขยี นผังความคดิ Mind Mapping (หมวกสีฟ้า) จัดทาโดย นายลัทธพล ยวนยี ตาแหน่งครูผชู้ ว่ ย โรงเรยี นบ้านโคกกรา่ ง อาเภอตาคลี จงั หวดั นครสวรรค์
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: