รายงานการวิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การพฒั นาพฤติกรรมนกั ศกึ ษาตามหลกั การปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง โดยวธิ ีการย้ำเตอื นกบั ศึกษา กศน.ตำบลนครชัยศรี ปีการศึกษา 1/2565 ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอนครชัยศรี ผ้วู จิ ัย นายกติ ติพนั ธ์ กา้ นขวา ครู กศน.ตำบลนครชยั ศรี สภาพปัญหา ปัจจุบันโลกกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต เศรษฐกิจกำลังมีปัญหา น้ำมันแพงข้ึนอย่างไม่รู้หยุด ทำให้ข้าวของเครื่องใช้มีราคาแพง การก้าวย่างอย่างรวดเร็วของประเทศตามกระแสทุนนิยมทำให้ คนไทยมีความโนม้ เอียงท่ีจะใช้สิ่งของเกินตัว และอย่างไม่ระมัดระวังอาจกอ่ ให้เกิดปัญหากับระบบการเงิน ในครอบครัวได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยขู่ องเราไดท้ รงนำเสนอแนวคดิ เร่ืองปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้ คนไทยได้รู้จักประหยัด รู้จักใช้ รู้จักอดออม ดำเนินชีวิตอย่างพออยู่พอกิจ รวมท้ังรู้จักใช้ทรัพยากรทั้งน้ำ ไฟ และเชอ้ื เพลงิ อยา่ งระมดั ระวงั ไม่ก่อใหเ้ กิดเป็นปัญหาของครอบครวั และประเทศในทสี่ ดุ ผู้วิจัยในฐานะครูท่ีปรึกษาจึงได้ดำเนินการวิจัยเร่ืองการพัฒนาพฤติกรรมนักศึกษาตามหลักการ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยวิธีการย้ำเตือนกับศึกษา กศน.ตำบลนครชัยศรี ปีการศึกษา 1/2565 โดยพยายามปลูกฝังให้กับนักศึกษาได้ปฏิบัติตามและยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงในชีวิตประจำวันเก่ียวกับ การรจู้ ักปดิ ไฟหลังใช้ ไมเ่ ปิดน้ำท้งิ ไวโ้ ดยเสียประโยชน์ นำส่ิงของเหลือใชก้ ลับมาใช้ใหม่ ประหยัดไฟฟ้าที่ ใชไ้ มว่ ่าจะเป็นโทรทัศนห์ รือหลอดไฟ รวมถงึ การรับประทานอาหารพอประมาณให้หมดจาน หรือแม้แตซ่ ้ือ ของเทา่ ท่จี ำเป็นไม่ฟุ่มเฟอื ย หลักการ และแนวคิดในการพฒั นา 1. ทัศนคตติ อ่ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงทมุ่ เทพระสตปิ ัญญาพระวรกายทงั้ พระองค์ นับต้ังแต่ทรงข้ึนครองราชย์เพ่ือประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยามด้วยความห่วงใยอาณาประชาราษฎร์ และประเทศชาติในทุก ๆ เรอ่ื ง พระองคท์ รงพระราชทานพระราชดำรเิ ศรษฐกิจพอเพียงให้ปวงชนชาวไทย น้อมนำไปปฏิบัติ ดำรงชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความพอมี พอกิน พอใช้ ดังกระแสพระราชดำรัสเมื่อวันท่ี 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2517 ความตอนหนึ่งว่า “คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา จะว่าเมืองไทยล้าสมัย ว่าเมืองไทย เชย ว่าเมืองไทยไม่มีส่ิงท่ีสมัยใหม่ แต่เรา อยู่พอมีพอกิน และขอให้ทุกคนมีความปรารถนาที่จะให้ เมืองไทยพออยู่พอกิน มีความสงบและทำงานต้ังอธิษฐาน ตั้งปณิธานในทางท่ีจะให้เมืองไทยอยู่แบบ พอมีพอกินไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่ว่ามีความสงบเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ถ้าเรารักษาความ พออยู่พอกินนีไ้ ด้เราก็จะยอดยงิ่ ยวดได้” (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2546)
เมอ่ื เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2540 ได้ทรงมีพระราชดำรัสเกีย่ วกับเศรษฐกิจพอเพียงแก่พสก นิกรชาวไทย ความตอนหนึ่งว่า “…เร่ืองการค้า การบริโภค การผลิตและการขายน้ี ก็นึกว่าท่านทั้งหลาย กำลังกลุ้มใจในวิกฤตการณ์ ต้ังแต่คนมีเงนิ น้อยจนกระท่ังคนที่มีเงินมากล้วนเดือดร้อน แตถ่ ้าสามารถที่จะ เปล่ียนให้กลับเป็นเศรษฐกิจแบบพอเพียง ไม่ต้องท้ังหมด แม้จะไม่ถึงคร่ึง อาจจะเศษหน่ึงส่วนสี่ก็สามารถ ทีจ่ ะอย่ไู ด…้ ” และในวันเฉลิมพระชนมพรรษาปีต่อมาได้ทรงมีพระมหากรณุ าธคิ ุณอธิบายเพิ่มเติม ความว่า “...ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียงและทำได้เศษหน่ึงส่วนสี่เท่าน้ัน ไม่ได้แปลว่าเศษหนึ่งส่วนส่ีของ พื้นท่ี แต่เป็นเศษหน่ึงส่วนส่ีของการกระทำ…” และ “เศรษฐกิจแบบพอเพียงเป็นเศรษฐกิจแบบพอมี พอ กิน โดยแบบพอมี พอกิน หมายความว่า อุ้มชูตนเองได้ให้มีพอเพียงกับตนเอง” (สำนักงานทรัพย์สินส่วน พระองค์, 2541) และทรงอธิบายเพ่ิมเติมวา่ “พอมี พอกิน ก็แปลว่า เศรษฐกิจพอเพียงน่ันเอง แต่ถ้าแต่ ละคนมีพอกินก็ใช้ได้ ยิ่งประเทศมีพอกินก็ยิ่งดี… Self – Sufficiency นั้น หมายความว่า ผลิตอะไร มีพอใช้ไม่ต้องไปขอยืมคนอื่น อยู่ได้ด้วยตนเอง เป็นไปตามท่ีเรียกว่ายืนบนขาของตัวเอง แต่ว่า พอเพียง น้ันมีความหมายกว้างยิ่งกว่าน้ันอีก คือ คำว่าพอ ก็พอแค่นั้นเอง คนเราถ้าพอใจในความต้องการมันก็มี ความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนผู้อื่นน้อย…พอเพียงน้ีอาจจะมีมาก อาจจะมีของหรูหราก็ ได้ แต่ว่าต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น ต้องให้พอประมาณ พูดจาก็พอเพียง ทำอะไรก็พอเพียง ปฏิบัติงานก็ พอเพยี ง…” (สถาบนั ราชภฎั กรงุ เกา่ , 2542) ความพอเพียง (Self-sufficiency) เป็นทั้งวิธีการ (Means) ท่ีคำนึงถึงความสมดุล พอประมาณ อย่างมี เหตุผล และการสร้างภูมิคุ้มกันท่ีเหมาะสม ในขณะเดียวกันก็นำไปสู่ผลของการกระทำ (Ends) ที่ก่อให้เกิดความสมดุลและพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงและนำไปสู่ความย่ังยืนของการพัฒนา โดยมี “ทางสายกลาง” เป็นหัวใจสำคัญของปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่การอยู่อย่างโดดเด่ียว (Independence) หรือพ่ึงพิงภายนอกหรือ คนอื่นทั้งหมด (Dependence) แต่เน้นความคิดและการ กระทำที่จะพึ่งตนเอง (self-reliance) เป็นหลักก่อนที่จะไปพึ่งคนอื่น ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะพร้อม ๆ กัน คือ ความพอประมาณ (Moderation) ความมีเหตุผล (Reasonableness) และการมีภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดี (Self-immunity) ถ้าขาดคุณลักษณะใดคุณลักษณะหน่ึงไปก็จะไม่สามารถ เรียกไดว้ ่าเป็นความพอเพียง การตัดสินใจในการประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจท่ีอยู่ในระดับพอเพียงต้องคำนึงถึงเงื่อนไข สำคัญ 2 ประการ คือ ความรู้คู่คุณ ธรรม ได้แก่ (1) ความรู้ ซ่ึงประกอบด้ วย ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวัง ได้แก่ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ อย่างรอบด้าน โดย ครอบคลุมเนื้อหาของเร่ืองต่างๆ ท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการนำไปใช้ในโอกาสและเวลา ต่างๆ ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้เช่ือมโยงกันเพ่ือประกอบการวางแผนก่อนที่จะ นำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติทุกขั้นตอน และความระมัดระวังในการนำแผนไปใช้ให้เกิดผลในทาง ปฏิบัติอย่างมสี ติ (2) คุณธรรมท่ีจะตอ้ งเสรมิ สร้างประกอบด้วย ด้านจติ ใจที่ตระหนักในคณุ ธรรม และความ ซ่ือสัตย์สุจริต และ มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ด้านการกระทำ หรือแนวทางการดำเนินชีวิตซ่ึงเน้นความ อดทน ความเพยี ร สติ ปัญญา และความรอบคอบ (สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2546 : 32-33)
ดังน้นั องคค์ วามรู้ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง จึงประกอบด้วย (1) ความพอประมาณ (Moderation) หมายถึง ความพอดี (dynamic optimum) ท่ีไม่ สุดโต่ง ยืนได้บนขาของตนเอง (self-reliant) เป็นการดำเนินชีวิตอย่างทางสายกลางในมิติต่างๆของการ กระทำท่ีไม่เบียดเบียนตนเองหรือผู้อื่น ความพอดี ความพอประมาณ นี้มีท้ังหมด 5 ประการ (สุเมธ ตันติ เวชกุล, 2546) คือ (1) ด้านจิตใจคือเร่ิมต้นจากตนเองที่ต้องตั้งสติ มีปัญญามีจิตสำนึกท่ีดี มีความเมตตา เอ้ืออาทร มีความเข้าใจ ประนีประนอม นึกถึงผลประโยชน์ส่วนรวม เข้มแข็งสามารถพึ่งตนเองได้ (2) ด้านสังคม คือ การสร้างความพอดีในทุกระดับของสังคม โดยเร่ิมจากครอบครัว ชุมชนและสังคม ซ่ึงต้อง ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สร้างความ เข้มแข็งให้แกช่ ุมชน รู้จักผนึกกำลัง และทส่ี ำคัญมีกระบวนการเรยี นรทู้ ่ี เกิดจากฐานรากที่มั่นคงและแข็งแรง (3) ด้านเศรษฐกิจ คือ ต้องอยู่อย่างพอดี พอมี พอกิน ไม่หรูหรา ฟุ่มเฟือย (4) ด้านเทคโนโลยี ควรเหมาะสมสอดคล้องกับสภาวะและความต้องการของประเทศและควร พั ฒ น าเท คโน โล ยี จากภู มิ ปั ญ ญ าท้ องถิ่ นให้ ส อดคล้ องเป็ น ป ระโยช น์ ต่ อส ภ าพ แวดล้ อม ของเราแล ะ (5) ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคือใช้อย่างประหยัด และมีประสิทธิภาพตลอดจนรณรงค์ รกั ษาทรพั ยากรธรรมชาติใหเ้ กิดความย่ังยนื สงู สุด และจากรายงานการพัฒนาคนของประเทศไทย ได้กล่าวถึงความพอประมาณ ว่าเป็นคำที่มี ความหมายใกล้เคียงกับคำว่าพอเพียง ท้ังในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยส่ือความหมายไปในทางสาย กลางระหว่างความต้องการและความหรูหราฟุ่มเฟือย ระหว่างความยากลำบากกับความฝันท่ีไม่อาจจะ เป็นจรงิ ดังนั้นคำดังกล่าวจึงมีความหมายถึงการพึ่งตนเองและการมีชวี ิตอยา่ งเรียบง่าย (UNDP, 2007) (2) ความมีเหตุผล (Reasonableness) หมายถึง การตัดสินใจเก่ียวกับระดับของความ พอประมาณในมิติต่างๆ นั้นจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผลที่คาดว่าจะเกิดข้ึนจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ ซื่อตรงและไม่โลภ ต้องเป็นการมอง ระยะยาวท้ังในปัจจุบันและอนาคต (สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ,2546) ซ่ึงแตกต่างจากความมีเหตุผล (Rationality) ทางเศรษฐศาสตร์ ที่เป็นมโนทัศน์เพ่ือการวิเคราะห์ความ พอใจและพฤติกรรมของผู้บริโภค (Robert, 2006, Benjamin, 2005) (3) การมีภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดี (Self-immunity) เป็นการเตรียมตัวพร้อมรับผลกระทบที่คาดว่า จะเกิดข้ึนจากการเปล่ียนแปลงด้านต่าง ๆ เนื่องจาก เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่มองโลกเชิงระบบที่ มีลักษณะพลวัตร การกระทำที่จะสามารถเรียกได้ว่าพอเพียงจึงมิใช่แต่จะคำนึงถึงเหตุการณ์และผลใน ปัจจุบันเท่านั้น แต่จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ท่ีคาดว่าจะเกิดข้ึนใน อนาคตทง้ั ใกล้และไกลภายใต้ข้อจำกดั ของความรู้ที่มีอยู่ และสร้างภูมคิ ุ้มกันในตวั ให้พอเพียงท่ีจะสามารถ พรอ้ มรบั ตอ่ การเปล่ียนแปลงต่างๆ ได้ และจากรายงานการพฒั นาคนของประเทศไทย (UNDP, 2007) ได้กล่าวถึงการมีภมู คิ ุ้มกันในตัวที่ ดี ว่าเป็นการสร้างความสามารถภายในท่ีจะช่วยให้ฟ้ืนตัวได้ง่าย หรือความสามารถท่ีจะอยู่ได้ในภาวะท่ี เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง หรือความสามารถในการปรับตัว อันเกิดจากการเปล่ียนแปลงจาก ภายนอก รวมทงั้ ความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ทอ่ี ยู่นอกเหนือการควบคมุ และไมส่ ามารถคาด เดาได้ลว่ งหนา้ ซึ่งทง้ั หมดน้มี ีพืน้ ฐานจากความสามารถในการพึ่งตนเองและความมีวินยั ในตนเอง นอกจากจะยึดหลักสามคุณลักษณะและสองเงื่อนไขแล้ว การปฏิบัติตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงจะต้อง (UNDP, 2007) รู้ตัวว่าทำอะไร (Know what you are doing) ซื่อสัตย์และพากเพียร (Be honest and persevere) ปฏิบัติตามทางสายกลางไม่สุดโต่ง (Take a middle path, avoid extremes) ตัดสินใจอย่างไตร่ตรองรอบคอบ มีเหตุมีผล (Be sensible and insightful in taking
decision) มีการป้องกันจากการเปล่ียนแปลงท่ีรุนแรง (Build protection against shocks) หรือในทาง พุทธศาสนา ก็อาจจะปฏิบัติตนตามหลัก สัปปุริสธรรม 7 หรือธรรมของสัตตบุรุษ คือ ธัมมัญญุตา ความ เป็นผู้รู้จักเหตุ อัตถัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักผล อัตตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักคน มัตตุญญุตา ความเป็นผู้รู้ ประมาณ กาลัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักกาล ปรสิ ัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักชุมชนและกิรยิ าที่ต้องประพฤติต่อ ประชุมชน และปุคคลปโรปรัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักเลือกคบคน รวมทั้ง มรรค 8 ซ่ึงประกอบด้วย สัมมาทิฏฐิ ปัญญาอันเห็นชอบ สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ สัมมาวาจา เจรจาชอบ สัมมากัมมันตะ ทำการ งานชอบ สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชพี ชอบ สัมมาวายามา เพียรชอบ สัมมาสติ ระลึกชอบ และสัมมาสมาธิ ต้ังใจ ชอบ กจ็ ะมสี ว่ นในการสรา้ งความพอเพยี งเช่นกนั (ณฎั ฐพงศ์ ทองภกั ดี, 2550) ดังนั้น เศรษฐกิจพอเพียงจะมีความสมบูรณ์ได้ต้องประกอบไปด้วยความพอประมาณ ความมี เหตุผล ภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดี และความรอบรู้คู่คุณธรรม องค์ประกอบทั้งหมดต้องมีความสัมพันธ์กันอย่าง เป็นระบบ กล่าวคือ ความมีเหตุผล ถือได้ว่าเป็นกระบวนการเสริมสร้างให้ความพอใจเป็นไปอย่าง พอประมาณ ระดับความพอประมาณจำเป็นต้องพอเพียง ในเชิงการสร้างภูมิคุ้มกันในตัว ซ่ึงต้องมีความรู้ คู่คุณธรรมเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ต้องอยู่คู่กันอย่างสมดุล และการมีภูมิคุ้มกันในตัวจะเป็นปัจจัย เสริมสร้างให้การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจมีลักษณะเป็นพลวัตรอย่างมีเหตุผลในระยะยาว ซึ่งระบบความสัมพันธ์นี้เป็นพื้นฐานของวิถีชีวิตท่ีจะนำไปการพัฒนาที่สมดุล ยั่งยืน และก่อให้เกิดสังคม แห่งความพอเพียงได้ในท่ีสุด (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2546: น. 35-45) 2. การย้ำเตือน เป็นเครื่องมือสู่ความสำเร็จคนที่มีภาระกิจรอบตัวตลอดเวลาเพื่อสร้างเสริม ภาพลักษณ์ของตนเองได้บ่อยคร้ังทุกวันถึงแม้ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ตามหากคุณย้ำเตือนตัวเองตลอดเวลามัน จะทำให้คุณประสบผบสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์(www.numtan.com/nineboard/view.php?id=38-40k) นั่นหมายความว่า การย้ำเตือนสามารถประยุกต์ใช้กับการกำหนดเป้าหมายของกลุ่มนักเรียนได้ เพ่ือให้ การดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมาย ครูที่ปรึกษาและผู้เรียนควรย้ำเตือนซ่ึงกันและกันต่อเป้าหมายที่ได้ กำหนดไวอ้ ันจะนำไปสคู่ วามสำเร็จไดอ้ ยา่ งแนน่ อน วัตถปุ ระสงค์การวิจยั ผูว้ จิ ัยตอ้ งการพัฒนาพฤตกิ รรมนักศึกษาตามหลกั ปรัชญาการเศรษฐกิจพอเพียงโดยวธิ ีการย้ำ เตือนของนักศกึ ษา กศน.ตำบลนครชัยศรี วธิ ดี ำเนนิ การ ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง กลมุ่ ประชากรเป้าหมายคือ นักศกึ ษา กศน.ตำบลนครชยั ศรี จำนวน 45 คน กลุม่ ตัวอย่างคือ ใช้วธิ ีการสุ่มอย่างงา่ ยกับนกั ศกึ ษา กศน.ตำบลนครชัยศรี จำนวน 20 คน พฤติกรรมท่ีต้องการพัฒนา การปฏิบัติตนเองตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงโดยพิจารณาจาก การปิดไฟทุกคร้ังเมื่อเลิกใช้ ไม่เปิดน้ำทิ้งขณะแปรงฟัน นำกระดาษสมุดที่เหลือใช้มาเป็นสมุดเล่มใหม่ ล้างจานหลาย ๆใบพร้อม กัน รีดผ้าคร้ังละหลาย ๆ ตัว ไม่เปิดโทรทัศน์ท้ิงไว้ รับประทานอาหารหมดจาน ไม่เปิดน้ำทิ้งไว้ ขณะอาบนำ้ นำวัสดุเหลอื ใช้มาใชป้ ระโยชนอ์ ย่างอื่น ซ้ือของแตเ่ ฉพาะทจ่ี ำเป็นจริง ๆ เท่านน้ั
วธิ ีการพัฒนาพฤตกิ รรมนกั เรยี นตามหลักการเศรษฐกจิ พอเพียง 1. ศึกษาหลักการปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงและนโยบายโรงเรยี นเกย่ี วกบั การจดั การสิ่งแวดล้อม 2. ศกึ ษาเรือ่ งเทคนคิ การสอนโดยวธิ กี ารย้ำเตือน 3. ศึกษาพฤติกรรมในชีวิตประจำวันท่ีนักเรียนควรแสดงออกและต่อหลักการเศรษฐกิจ พอเพยี งเกยี่ วกับทรัพยากรน้ำ ไฟฟ้า และการใชส้ ่ิงของเคร่ืองใช้ 4. ทำการย้ำเตือนหลังเคารพธงชาติตอนเช้าของทุกวันในพฤติกรรมท่ีควรแสดงออกตาม หลกั เศรษฐกิจพอเพียงเพื่อให้นักเรียนเขา้ ใจ และปฎบิ ัติได้ถกู ตอ้ ง 5. ให้นักเรียนมาเล่าพฤติกรรมที่สอดคล้องกบั หลักการเศรษฐกิจพอเพียงและ ประสบความสำเร็จในแต่ละวันแมแ้ ตเ่ ลก็ น้อยก็ตาม การเก็บรวบรวมข้อมลู การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้แบบสำรวจ 3 ระดับ หากแสดงพฤติกรรมโดยการกระทำเป็น ประจำ 3 คะแนน ทำบางครั้ง 2 คะแนน ไมค่ ่อยทำ 1 คะแนน ตามลำดับ โดยเป็นแบบสำรวจท่ี ผู้วิจัยสร้างขึ้นในสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย และทำการเก็บข้อมูลในสัปดาห์ท่ี 14 ของ ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565 เดอื น สิงหาคม พ.ศ.2565 การวิเคราะห์ข้อมลู หาค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานจากการปิดไฟทุกครั้งเม่ือเลิกใช้ ไม่เปิดน้ำทิ้งขณะ แปรงฟัน นำกระดาษสมุดที่ใช้แล้วมาทำสมุดเล่มใหม่ ล้างจานหลาย ๆ ครั้งพร้อม ๆ กัน รีดผ้าครั้ง ละหลาย ๆ ตัว ไม่เปิดโทรศัพท์ทิ้งไว้ รับประทานอาหารจนหมดจาน ไม่เปิดน้ำท้ิงไว้ขณะอาบน้ำ นำ้ วัสดุเหลือใช้มาประยุกต์ใช้ทำอยา่ งอนื่ และซือ้ ของเพียงแต่เฉพาะเท่าที่จำเป็นจรงิ ๆ โดยกำหนด ความหมายของค่าเฉลยี่ ดงั นี้ 1.00 – 1.49 หมายถงึ แสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยคร้ังมาก 1.50 – 1.99 หมายถงึ แสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยคร้งั 2.00 – 2.49 หมายถึง แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง 2.50 – 3.00 หมายถงึ แสดงพฤติกรรมสม่ำเสมอ
ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล คา่ เฉลี่ย x และค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) ของพฤติกรรมที่แสดงออกตามหลกั การ เศรษฐกจิ พอเพียง ข้อ พฤติกรรมทีแ่ สดงออก x S.D. 1 ปดิ ไฟทกุ คร้งั เม่ือเลกิ ใช้ 3.00 0.00 2 ไมเ่ ปิดนำ้ ทงิ้ ขณะแปรงฟัน 2.71 0.59 3 นำกระดาษสมดุ ที่เหลอื ใชม้ าเปน็ สมุดเลม่ ใหม่ 2.41 0.62 4 ล้างจานหลาย ๆ ใบพร้อมกัน 3.00 0.00 5 รีดผา้ คร้ังละหลาย ๆ ตวั 2.94 0.24 6 ไม่เปิดโทรทัศน์ทง้ิ ไว้ 2.53 0.51 7 รับประทานอาหารหมดจาน 2.76 0.44 8 ไม่เปดิ นำ้ ท้ิงไว้ขณะอาบน้ำ 2.76 0.44 9 นำวสั ดุเหลอื ใชม้ าใช้ประโยชนอ์ ยา่ งอน่ื 2.65 0.49 10 ซอ้ื ของแต่เฉพาะทจี่ ำเป็นจริง ๆ เท่าน้นั 2.82 0.39 เฉลี่ยรวม 2.76 0.19 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบวา่ โดยรวมนกั เรียนส่วนใหญ่ (S.D.=0.19 ) สามารถพฤติกรรมตาม หลักเศรษฐกิจพอเพียงได้ในระดับบ่อยครั้งท่ีค่าเฉลี่ย เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าพฤติกรรมที่ เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอคือการปิดไฟทุกคร้ังเมื่อเลิกใช้และล้างจานหลาย ๆ ใบพร้อมกันท่ีค่าเฉลี่ย 3.00 ส่วนพฤตกิ รรมการแสดงออกน้อยครง้ั คอื ไมเ่ ปดิ โทรทัศน์ทง้ิ ไว้มคี ่าเฉลยี่ 2.53 สรปุ และอภปิ รายผล โดยรวมนักศึกษา กศน.ตำบลนครชยั ศรีส่วนใหญ่สามารถพฤติกรรมตามหลักปรชั ญา เศรษฐกจิ พอเพียงได้ในระดับบ่อยคร้งั พฤติกรรมที่เกิดข้ึนอยา่ งสมำ่ เสมอคอื การปิดไฟทุกครัง้ เมือ่ เลิก ใช้และล้างจานหลาย ๆ ใบพร้อมกัน ส่วนพฤติกรรมการแสดงออกน้อยครั้งคือไม่เปิดโทรทัศน์ท้ิงไว้ นนั่ หมายความว่าการสอนนักศึกษาด้วยวิธกี ารย้ำเตือนมีผลต่อการพฒั นาพฤตกิ รรมนักเรียนตามหลัก ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างเป็นทีน่ ่าพอใจ ขอ้ เสนอแนะ ผู้วิจัยอาจใช้วิธีการพัฒนาโดยให้ผู้เรียนกับครูผู้วิจัยวางแผนกิจกรรมร่วมกันซึ่งอาจ สง่ ผลตอ่ พฤตกิ รรมของผู้เรยี นไดด้ ีข้นึ และขยายผลการวจิ ัยน้ีไปยัง กศน.ตำบลอนื่ ๆ
บรรณานกุ รม ณัฎฐพงศ์ ทองภักดี. (2550). เศรษฐกิจพอเพียงเคียงคู่สังคมวิจัย. บทความประกอบการประชุม การ นำเสนอผลงานวิจัยแหง่ ชาติ 2550. สำนักงานคณะกรรมการวิจยั แหง่ ชาต.ิ สถาบนั ราชภัฏ. (2542). พระราชดำรสั ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัว เม่ือวันที่ 5 ธันวาคม 2541. วารสารทางวิชาการราชภฏั กรุงเก่า, ฉบับท่ี 5 หนา้ 1-6. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2546). วรรณกรรมปริทัศน์ที่ เกยี่ วข้องกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง. กรุงเทพมหานคร : สำนักงานคณะกรรมการ พฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาต.ิ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระองค์. (2541). คู่มือการดำเนินชีวิตสำหรับประชาชน ปี 2541 และ ทฤษฎีใหม.่ ม.ป.ท. Benjamin, Friedman. (2005 ). The Moral Consequences of Economic Growth New York: Alfred A. Knopf Publisher. Robert, Frank. (2006). Micro Economics and Behavior 6th edition New York: McGraw- Hill Irwin. UNESCO. (2000). World Cultural Report . UNESCO. www.numtan.com/nineboard/view.php?id=38-40k
ภาคผนวก ทำ ไม่ บางครั้ง คอ่ ยทำ แบบสำรวจพฤติกรรมตามหลักเศรษฐกิจพอเพยี ง คำแนะนำ ใหน้ กั ศึกษาขดี เครอ่ื งหมาย ✓ ตามความเปน็ จรงิ (2) (1) ทำเปน็ ประจำ ขอ้ การแสดงออกของพฤติกรรม (3) 1 ปิดไฟทุกครงั้ เมื่อเลิกใช้ 2 ไมเ่ ปดิ นำ้ ทิ้งขณะแปรงฟัน 3 นำกระดาษสมดุ ท่ีเหลอื ใชม้ าเป็นสมดุ เล่มใหม่ 4 ลา้ งจานหลาย ๆ ใบพร้อมกัน 5 รีดผ้าครัง้ ละหลาย ๆ ตัว 6 ไมเ่ ปิดโทรทัศนท์ ้งิ ไว้ 7 รับประทานอาหารหมดจาน 8 ไมเ่ ปิดนำ้ ท้ิงไวข้ ณะอาบนำ้ 9 นำวัสดุเหลือใชม้ าใช้ประโยชนอ์ ย่างอ่ืน 10 ซ้อื ของแตเ่ ฉพาะที่จำเปน็ จรงิ ๆ เท่านัน้ ข้อเสนอแนะ ..................................................................................................................
ตารางการกรอกขอ้ มลู เพ่อื การวเิ คราะห์ ลำดบั ท่ี ข้อ.1 ขอ้ .2 ขอ้ .3 ข้อ.4 ข้อ.5 ข้อ.6 ข้อ.7 ขอ้ .8 ขอ้ .9 ขอ้ .10 1 3223 3 2 3 2 2 3 2 3323 3 3 2 3 2 3 3 3323 3 2 2 3 2 2 4 3333 3 2 3 3 2 2 5 3333 3 2 3 3 2 3 6 3333 3 3 3 3 3 3 7 3333 3 3 3 3 3 3 8 3333 3 3 3 3 3 3 9 3113 3 3 3 3 3 3 10 3 3 3 3 2 2 2 2 3 3 11 3 3 2 3 3 2 2 3 3 3 12 3 3 2 3 3 2 3 3 3 3 13 3 2 2 3 3 3 3 2 2 3 14 3 3 2 3 3 3 3 3 3 3 15 3 3 3 3 3 3 3 3 3 3 16 3 3 3 3 3 3 3 3 3 3 17 3 2 2 3 3 2 3 2 3 2 X 3.00 2.71 2.41 3.00 2.94 2.53 2.76 2.76 2.65 2.82 S.D. 0.00 0.59 0.62 0.00 0.24 0.51 0.44 0.44 0.49 0.39
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: