การแปรรูปผลิตภณั ฑจ์ ากผักเหมยี ง (ราชินผี กั พนื้ บา้ น) กศน.อำเภอตะกว่ั ทุ่ง สังกดั สำนกั งำนกำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศยั งหวัดพงั งำ 76 หมู่ 3 ตำบลกระโสม อำเภอตะก่วั ทงุ่ จังหวัดพงั งำ 82130 โทรศพั ท์ 076 496 503
การแปรรปู ผลิตภัณฑจ์ าก ผกั เหมียง (ราชนิ ผี ักพ้นื บ้าน ) โดย กศน.อาเภอ ตะก่วั ทุง่ ผกั เหมียง / ผักเหรียง ผักเหมียง (Baegu) จัดเป็นผกั เศรษฐกิจหลกั ของภาคใต้ นิยมใช้ใบออ่ นประกอบอาหาร อาทิ ผดั ผัดเหมียง แกงเหมียง ผดั ใส่ไข่ แกงจดื หอ่ หมก ลวกจม้ิ น้าพริกหรือรบั ประทานสดคู่กบั กบั ข้าว มีราคาขายอยู่ในชว่ งกิโลกรัมละ 80-100 บาท • วงศ์ : Gnetaceae • ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Gnetum gnemon var. tenerum • ชอ่ื สามญั : Baegu • ชือ่ ทอ้ งถิ่น : – ผกั เหมียง (ทุกภาค) – ผักเหมียง (พงั งา, ภูเกต็ , กระบี)่ – ผกั เขลยี ง (สุราษฎรธ์ านี, นครศรธี รรมราช) – ผักเปรียง (นครศรีธรรมราช) – กะเหรียง (บางท้องถ่ินของจังหวดั ชุมพร) ถิน่ กาเนดิ และการแพรก่ ระจาย ผักเหมยี ง เปน็ พันธไ์ุ มป้ า่ มถี น่ิ กาเนดิ ในทวปี เอเชียบริเวณคาบสมทุ รมาลายู พบแพร่กระจายทั้งในประเทศ ไทย มาเลเซีย และหมเู่ กาะบอร์เนยี ว เติบโตได้ดใี นภมู อิ ากาศรอ้ นชืน้ พบแพร่กระจายบนพ้นื ที่สงู กว่าระดบั นา้ ทะเล 50-200 เมตร โดยประเทศไทยพบแพรก่ ระจายทวั่ ไปบรเิ วณเชิงเขา และท่รี าบในภาคใต้ บริเวณจังหวดั ชุมพร สุราษฎรธ์ านี ระนอง พงั งา และกระบ่ี [1], [2] สายพันธุผ์ กั เหมียง ผักเหมียง พบประมาณ 6 สายพนั ธ์ุ พันธุ์ทนี่ ิยมปลกู และรบั ประทานมากแบ่งเป็น 2 สายพันธุ์ ได้แก่ 1. Gnetum gnemom var. genemon พบแพร่กระจาย และปลกู มากในประเทศอินโดนีเซีย ฟลิ ิปปนิ ส์ มาเลเซยี ปาปวั นวิ กีนี 2. Gnetum gnemom var. tenerum พบแพรก่ ระจาย และปลูกในภาคภาคใตข้ องไทย [5]
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (พันธ์ุ tenerum) ลาตน้ ผักเหมียง เปน็ ไมย้ ืนตน้ ขนาดเล็ก มลี ักษณะเปน็ ทรงพุม่ เต้ียๆ ลาต้นมขี นาด 10-30 มิลลิเมตร สูงประมาณ 2-3 เมตร ลาต้น และกง่ิ มลี กั ษณะเป็นขอ้ ๆ ลาต้นแตกกิง่ แขนงมาก และแตกไหลออกด้านขา้ ง จนแลดเู ป็นทรงพุ่ม หนาทบึ เปลือกลาต้นมีสนี ้าตาล กงิ่ ออ่ นมสี เี ขยี วเขม้ แต่ละก่งิ ไมม่ ีการสลดั ทงิ้ ก่ิง ลาต้นเป็นไม้เน้อื ออ่ น กิง่ เปราะหัก ง่าย ใบ ผักเหมียง เป็นพืชใบเลยี้ งคู่ มีลกั ษณะใบคล้ายใบยางพารา ใบแตกออกที่ปลายกงิ่ แขนง แตกออกเป็นใบเดยี่ ว ตรงข้ามกันเป็นค่ๆู ใบมลี ักษณะรี มีกา้ นใบยาวประมาณ 1 – 2 เซนตเิ มตร โคนใบสอบ ปลายใบเรียวแหลม ขนาดใบ กวา้ งประมาณ 4 – 10 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10 – 20 เซนตเิ มตร แผ่นใบมีสีเขยี วเขม้ แผ่นใบบาง แตเ่ หนยี ว ใบอ่อนมสี ีแดงอมส้ม มีรสหวานมัน ดอก ผกั เหมยี งออกดอกเปน็ ช่อที่ปลายกิง่ แต่ละชอ่ ดอกเปน็ ช่อดอกแบบเชิงลด มีความยาวช่อประมาณ 2-5 เซนตเิ มตร แยกออกเป็นตน้ ดอกช่อตวั ผู้ และตน้ ดอกสมบรู ณเ์ พศแยกต้นกัน ดอกตวั ผู้ออกเปน็ ชอ่ ยาวประมาณ 3 – 4 เซนตเิ มตร ช่อดอกมีลักษณะเป็นข้อๆท่มี ีดอกตวั ผู้เรียงลอ้ มขอ้ ตัวดอกมี ขนาดเล็ก มกี ลบี ดอกสีขาว ส่วนต้นดอกสมบรู ณเ์ พศมีชอ่ ดอกยาวประมาณ 5 – 7 เซนติเมตร ดอกมีขนาดใหญ่กว่า ดอกต้นตัวผู้ ท้งั ดอกตัวผู้ และดอกตัวเมยี เรียงลอ้ มบนขอ้ เหมือนต้นดอกตัวผู้ ประมาณ 7 – 10 ขอ้ ท้ังน้ี ดอกผกั เหมยี งจะเริม่ ออกในชว่ งเดอื นพฤศจกิ ายน-ธนั วาคม
ผล ผลผักเหมยี งออกรวมกนั บนช่อ แตล่ ะชอ่ มผี ลประมาณ 10-20 ผล ผลมีลักษณะเป็นรูปกระสวย กว้าง ประมาณ 1 – 1.5 เซนตเิ มตร ยาวประมาณ 2.5 – 4 เซนตเิ มตร เปลือกผลค่อนข้างหนา ผลออ่ นมีสเี ขียว ผลสกุ มี สเี หลือง เน้อื ผลมรี สหวาน ทั้งน้ี หลงั ออกดอก ดอกผกั เหมยี งจะเรมิ่ ตดิ ผลในชว่ งเดือนกุมภาพนั ธ์-มนี าคม และผลสุก ในชว่ งเดือนมนี าคม-เมษายน และติดเร่มิ ติดผลครั้งแรกเมื่ออายปุ ระมาณ 5-6 ปี ขน้ึ ไป แตก่ ารตดิ ดอกออกผลจะไม่ แน่นอน บางปอี าจไมม่ กี ารตดิ ดอกออกผล โดยเฉพาะปีทีฝ่ นตกชกุ มาก เมล็ด เมลด็ ผักเหมยี งมรี ปู ไขห่ รอื รูปกระสวย เปลอื กหุม้ เมลด็ บาง และหนาเฉพาะบรเิ วณข้ัวเมลด็ ขนาดเมลด็ กว้าง ประมาณ 1 เซนติเมตร ยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร เมล็ดคอ่ นขา้ งงอกยาก และงอกชา้ ประโยชน์ผักเหมยี ง 1. ยอดผักเหมยี ง กรอบเมอ่ื รับประทานสด นุม่ เม่ือปรุงสกุ มีรสชาตอิ รอ่ ย หวานมนั นยิ มรับประทานสดหรือ ใชป้ ระกอบเปน็ อาหาร เชน่ แกงเลียง ผัดใส่ไข่ แกงจืด แกงกะทิ และแกงไตปลา เปน็ ตน้ 2. ผักเหมียง ใช้เคีย้ วหรือรับประทานสดแกห้ ิว แก้ทอ้ งว่าง ชว่ ยบารุงร่างกาย เพิม่ กาลงั วงั ชา แก้อาการขาด น้า โดยเฉพาะเวลาเดินทางไกลหรือเดินป่า 3. เมลด็ ใชค้ ว่ั รับประทานเปน็ ของขบเคย้ี วคลา้ ยถ่ัว สว่ นประเทศมาเลเซยี และอินโดนเี ซีย นยิ มใช้เนื้อเมล็ด มาบด ก่อนรดี เป็นแผ่น และทอดใชท้ าข้าวเกรียบ
4. ผกั เหมียงในบางครวั เรอื นใชป้ ลูกในกระถางเพื่อประดบั ในบ้านเรือน เพราะลาตน้ แตกออกเป็นทรงพ่มุ มีใบเขียวสดตลอดท้งั ปี 5. ทกุ ส่วนของผักเหมยี งประยุกต์ใช้เป็นยาสมนุ ไพร อาทิ ชว่ ยบารงุ ร่างกาย บารงุ สายตา และแกโ้ รคซางใน เด็ก เปน็ ต้น 6. ยางจากลาต้นใชท้ าลอกฝ้า ชว่ ยใหห้ น้าขาวใส 7. ผลเหมียงสุกมรี สหวานสามารถรบั ประทานได้ และเป็นแหล่งอาหารสาคัญของสัตว์ป่า 8. ผกั เหมยี งช่วยในการอนุรักษ์ดนิ และนา้ ป้องกนั การกัดเซาะหน้าดนิ ชว่ ยชะลอการไหลซมึ ของนา้ ชว่ ยให้ หน้าดินชมุ่ ช้นื นาน ชว่ ยปอ้ งกันไฟปา่ ชว่ ยบารงุ ดิน ป้องกนั หนา้ ดินแข็ง เออ้ื ตอ่ การเตบิ โต และให้ผลผลิตของพชื หลกั ในแปลง 9. ชว่ ยเพม่ิ รายได้ อาทิ การปลูกเหมยี งแซมในสวนยาง สวนปาล์ม นอกจากจะได้รายได้จากสวนยางหรือ ปาลม์ แลว้ ยอดผกั เหมยี งยงั ชว่ ยสรา้ งรายไดง้ ามในแต่ละปี นอกจากนัน้ ผักเหมยี งเป็นผกั ท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการสงู ประกอบด้วยสารอาหาร แร่ธาตุ และวติ ามนิ หลาย ชนดิ อาทิ เบต้าแคโรทนี ทส่ี ูงกวา่ ผกั บ้งุ จนี ถึง 3 เท่า และสูงกว่าผกั บุ้งไทยถึง 5-10 เท่า [4]
คณุ คา่ ทางโภชนาการผักเหมียง (ใบ 100 กรัม) Proximates น้า กรมั 75.1 100 พลงั งาน กโิ ลแคลอรี่ 6.6 1.2 โปรตีน กรัม 15.8 8.8 ไขมนั กรมั 1.3 คารโ์ บไฮเดรต กรมั 151 224 ใยอาหาร กรมั 2.5 เถา้ กรมั 192 0.18 Minerals 0.75 1.7 แคลเซียม มลิ ลกิ รัม 1089 ฟอสฟอรัส มลิ ลกิ รมั เหลก็ มลิ ลิกรัม Vitamins วิตามิน C มิลลกิ รัม ไทอะมีน มิลลิกรมั ไรโบฟลาวิน มลิ ลกิ รัม ไนอะซีน มิลลกิ รมั วิตามนิ A, RAE ไมโครกรมั ทม่ี า : [2]
สรรพคุณผักเหมยี ง – บารุงเส้นเอน็ – บารุงกระดกู – บารุงสายตา – แกโ้ รคซางในเด็ก ทม่ี า : [3], [6] การปลูกผกั เหมียง ผกั เหมียงในภาคใต้นยิ มปลกู ตามสวนหลังบา้ น ตามสวนยาง สวนปาลม์ หรอื ปลูกเปน็ ผกั ชนิดเดียวเพอ่ื เกบ็ สง่ ขาย เปน็ พชื ที่เติบโตได้ดใี ตร้ ม่ ไมอ้ ื่น เมลด็ ผักเหมยี งจะงอกยาก และงอกไดช้ า้ มาก ดังน้ัน การปลูกผักเหมยี งจึงนยิ มปลูกแบบไมอ่ าศัยเพศ คอื การปกั ชาราก การปกั ชาก่งิ และการตอนก่งิ เปน็ หลัก มรี ะยะเวลาการชาหรือการตอนประมาณ 2 เดือน ข้นึ ไปจนถงึ 3 เดือน จงึ จะได้กิ่งพนั ธพ์ุ ร้อมปลูก การชารากหรือใช้ต้นออ่ นทงี่ อกจากราก ตน้ เหมียงทเ่ี ติบโตเตม็ ท่ีจะมีระบบรากแข็งแรง และยาว รากเหล่านี้ สามารถแตกหนอ่ กลายเป็นตน้ ใหม่ได้ ดังน้ัน หากตัดรากมาชาหรอื นารากทแี่ ตกหนอ่ แล้วมาชาต่อก็สามารถแยกปลกู เปน็ ต้นใหม่ได้ ทงั้ น้ี ไมค่ วรนารากลง ปลกู แต่ควรชาในถุงเพาะชากอ่ น แลว้ ดแู ลให้แตกยอดสงู 20-30 เซนตเิ มตร ก่อนนาปลกู ลงแปลง
การตอนกง่ิ กง่ิ ที่ใชต้ อนควรมีสีนา้ ตาล ซึง่ อาจใช้ก่งิ กระโดนหรอื กงิ่ แขนงท่ีโตเตม็ ท่ี จากน้ันควนั่ กิง่ ใหช้ ิดกับขอ้ และใช้วัสดุ ตอนทว่ั ไป เชน่ ข๋ยุ มะพรา้ ว หลังแตกราก ควรให้รากแก่มีสนี ้าตาลกอ่ นค่อยตัดก่ิงลงเพาะดูแลตอ่ ในกระถาง ดแู ล จนกว่าต้นจะตัง้ ตวั ได้ค่อยนาปลูกลงแปลง การปกั ชา การปกั ชาจะเลอื กกง่ิ ชาท่มี ลี กั ษณะเช่นเดียวกับการตอนกงิ่ จากนนั้ ตดั กิ่งชายาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร ก่อนปกั ชาในถงุ เพาะชาหรอื ในกระถาง ดูแลจนแทงยอดสูง 20-30 เซนติเมตร คอ่ ยนาปลกู ลงแปลง การเพาะเมลด็ เมลด็ ท่ีใชเ้ พาะจะต้องเป็นเมล็ดทีไ่ ด้จากผลท่สี ุกจัดหรอื ใชเ้ มล็ดจากผลท่รี ว่ งลงดินแลว้ จากนน้ั นาผลมาตาก แหง้ ก่อนหอ่ รวบรวมไว้ในถุงผา้ นาน 2-3 เดือน เพ่อื ใหเ้ มล็ดได้พักตวั จากนนั้ คอ่ ยนาเมล็ดลงเพาะในถงุ เพาะชา ซ่ึง เมลด็ จะเร่มิ งอกตง้ั แต่ 4 เดือน ข้ึนไป และอาจนานเป็นปีกวา่ จะงอก ดังนนั้ วธิ ขี ยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดจึงไม่เป็น ที่นิยมนกั การเก็บยอดผกั เหมยี ง ผักเหมยี งหลงั การปลกู ประมาณ 1 ปี จะโตได้กว่า 1 เมตร โดยเริ่มเกบ็ ยอดไดต้ ั้งแต่ 1-2 ปี ข้นึ ไป และ สามารถเกบ็ ยอดออ่ นได้ตลอดท้ังปี
การเก็บยอด ควรเก็บตอ่ เน่ืองอยา่ งสม่าเสมอ ไมค่ วรปล่อยใหเ้ กิดยอดแก่ แตห่ ากเกดิ ยอดแก่ ให้ตัดโคนยอดทงิ้ เพอ่ื ให้แตกยอดออ่ นใหม่ หลังเกบ็ แลว้ ประมาณ 15 วัน กิง่ เหมยี งจะเร่ิมแตกยอดใหม่ และใช้เวลาพัฒนายอดอกี ประมาณ 10-15 วัน จึงพร้อมเกบ็ ดงั นนั้ ใน 1 เดือน จะเกบ็ ยอดเหมียงไดป้ ระมาณ 1 คร้งั การเกบ็ ยอดแตล่ ะครง้ั ให้เดด็ หรือตัดใกล้ข้อ ไมค่ วรเดด็ กลางหรอื ปลายขอ้ เพราะจะทาใหย้ อดใหม่แตกชา้ โดยควรเกบ็ ในชว่ งเชา้ หรือเย็นทแี่ สงแดดไมร่ อ้ น ทงั้ น้ี การเดด็ หรือเกบ็ ยอดเหมียงใหร้ ะวงั นา้ ยางไมใ่ หเ้ ข้าตา เพราะ หากเข้าตาจะทาใหร้ ะเคอื ง และแสบตาได้ หลงั เก็บยอดเหมียง ควรพรมน้าใหช้ ุม่ ตลอดหรือเกบ็ รกั ษาไว้ในตู้เยน็ หรอื รบี บรรจถุ งุ ส่งจาหน่าย เพราะผกั เห มยี งจะเหี่ยวเรว็ หากเกบ็ ไวน้ านโดยไมส่ ัมผัสนา้ โดยปกติหากพรมนา้ หรอื เกบ็ ไวใ้ นร่มท่ชี มุ จะเก็บได้นาน 5-7 วัน การผลติ ใช้ผักเหมียงในชมุ ชน พืน้ ท่ีจงั หวัดพงั งา มีผักเหมยี ง เป็นผักพนื้ ที่บา้ นทม่ี ีมานานแลว้ หลายสมยั แล้ว และเป็นรจู้ ักของคนในทอ้ งถน่ิ ผกั เหมียงจะขนึ้ ตามธรรมชาติ ในป่า เขา ท่ัวไป และ มกี ารนามาปลูกไว้ ตามบ้านเรือน สวนยาง ชาวพังงา และใน อาเภอตะกวั่ ทงุ่ มีผักเหมียงเป็นจานวนมาก มีการนายอดออ่ นทาเป็นเมนูอาหาร หลายชนดิ เปน็ ท่ีรู้จกั ของคนทัว่ ไป ตามร้านอาหาร ภตั ตาคารในจังหวัดพังงา และอาเภอใกลเ้ คียง อาเภอตะกัว่ ทงุ่ มรี ายได้จากการเก็บผักเหมียงส่งขาย เปน็ รายได้เสรมิ และรายได้หลกั หลกั ในครวั เรือน แต่ เนอื่ งจากส่วนของผกั เหมยี งท่ีนามาปรุงเปน็ อาหารคือยอดออ่ น ดงั นัน้ ใบทเี่ ร่ิมแก่ หรอื ใบแก่ ไม่ไดน้ ามาใช้ ทงั้ ที่คณุ ประโยชน์และคุณสมบัติมีคุณค่าเทา่ กนั ดงั นน้ั จึงได้คดิ การแปร รูปผกั เหมยี งส่วนที่ไมไ่ ดน้ ามาใช้ มาแปรรูปเป็นผลิตภณั ฑ์ เพื่อใหง้ า่ ยและสะดวกในการรบั ประทาน และสามารถ พกพา ติดตัวไปไดท้ กุ ที่ เสมือนได้รับประทานผัก ได้ทกุ ท่ี ดงั นนั้ การจัดหาวัตถดุ บิ ในพืน้ ที่ หาไดง้ า่ ยในพื้นที่อาเภอ ตะกว่ั ทุง่ และจงั หวดั พังงา และเปน็ การเพ่มิ รายได้ ผกั เหมยี งใบแก่ท่ีไมไ่ ดน้ ามาใช้ นามาทาให้เกดิ รายไดอ้ กี ทางเลอื ก หนง่ึ สาหรับชุมชน ผกั เหมยี ง มีความประณตี สวยงาม แข็งแรง ทนทาน ผักเหมยี งปลกู ตามธรรมชาติ ไม่ต้องสารเคมี ไม่ต้องดแู ลมากกมาย ดงั นนั้ เป็นใบผกั เหมยี ง ปลอดภัยจาก สารพิษแน่นอน และยงั คงคุณค่าของผกั ทม่ี ีประโยชนท์ างการอาหาร สะดวก สบาย ทานได้ทกุ เวลา ทกุ คนใน ครอบครวั และนามาประกอบอาหารเชน่ ผสมในอาหารทานพรอ้ มน้าพริก หรือ เป็นอาหารรับประทานเลน่ เพือ่ ทดแทนผกั หรอื ผลไมไ้ ด้ เพอื่ บารงุ สายตา และบารงุ ระบบประสาท ผลติ ภัณฑท์ ่ีนามาแปรรปู ผ่านการฆา่ ดว้ ยแสงแดด (ตากในที่ปิดไมม่ ฝี ุน่ ละออง ) และฆา่ เชอ้ื ดว้ ยเตาไฟ ดว้ ย การคั่วและอบ หลักจากนาผลติ ภณั ฑ์ เขาบรรจุหีบห่อ สถานในการทาสะอาด และใชบ้ รรจุภัณฑ์ ท่สี ะอาด และ ปลอดภยั สะดวกสบายในการแกะรับประทาน หรือใชง้ าน ไม่ย่งุ ยากซบั ซ้อน ใช้งานงา่ ย งา่ ย ปลอดภยั สะอาด สวยงาม ประณีต ในการเลือกผลิตภณั ฑ์ท่ีเหมาะกบั สมกับสนิ ค้า
ความเปน็ มาของผักเหมยี ง ผักเหมียงเป็นผักสด ผักใบเขียว ผักรับประทานควบคู่อาหารคาวคู่กับชุมชนชาวอาเภอตะก่ัวทุ่งมานาน ดังนั้น กศน.อาเภอตะกว่ั ท่งุ ซ่ึงเปน็ สถานศกึ ษาทจี่ ัดกระบวนการเรียนรู้ในการขยายพนั ธ์ุ ก่ิงผกั เหมียงร่วมกับชมุ ชนใน พ้ืนท่ีของอาเภอตะก่ัวทุ่งกล่มุ เป้าหมายสนใจ ทง้ั ในกศน.ตาบล และกศน.อาเภอ มีจัดกระบวนเรียนรู้ การขยายพันธ์ุ การปลูก การดูแล ในกศน.อาเภอตะก่ัวทุ่ง ในโครงการ 1 อาเภอ 1 อาชีพ ติดต่อ มา 3 ปี ได้เล็งเห็นคุณค่าทาง อาหารและประโยชน์ที่ได้รับ จากผักเหมียงท่ีรับประทานได้เฉพาะยอดอ่อน ดังน้ัน การคิดค้นหาการแปรรูปอาหาร จากใบผักเหมียงที่แก่ (ใบเพลาด ) ท่ีไม้ใช้แล้วนามาแปรรูปอาหารและผลิตภัณฑ์ของใช้ เพ่ือให้ได้คุณค่าทางอาหาร และการเก็บรักษาสะดวก สะอาด ปลอดภัย กศน.อาเภอตะกว่ั ทุ่ง มโี ครงการจดั กระบวนการเรยี นร้กู ารแปรรปู อาหาร ได้รบั ผลตอบรบั เป็นอย่างดี และกลุ่มเปา้ หมายดังกลา่ วได้ขยายผลนาไปประกอบอาชพี ได้นาผกั เหมียงแกท่ ่ไี ด้ มาแปร รูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ผงผักเหมียง ชาผักเหมียง โลชั่นผักเหมียง สบู่ผักเหมียง สังขยาผักเหมียง น้าพริกผัก เหมยี ง (สาเร็จรปู ) น้าพรกิ ผกั เหมยี งสด ขนมโมจิผักเหมยี ง ขนมคุกกีผ้ กั เหมยี ง แซนวสิ ผักเหมยี ง โดยนาวัตถดุ บิ คอื ผง ผักเหมียงเป็นวัตถุดิบสาคัญในการนามาใช้ในส่วนประกอบอาหาร เน่ืองจากรบั ประทานง่าย สาหรับใช้ส่วนประกอบ อาหารให้เด็กรบั ประทาน เดก็ ทไ่ี ม่ชอบรบั ประทานผกั ได้รับผลตอบรับทีด่ จี ากชมุ ชน เนื่องจากใบผักเหมียงทไี่ ด้ปล่อย ไว้ให้หลน่ ไปตามกาลเวลา มาทาใหเ้ ก็ดรายได้ และแปรรปู เป็นผลิตภณั ฑ์ และมคี ุณคา่ และประโยชน์ตอ่ ผทู้ ่รี ับประทาน โรงตากของกศน.อาเภอตะกวั่ ทุ่ง รวมผกั เหมยี งรอบบริเวณกศน.อาเภอตะก่วั ทงุ่
การมสี ่วนร่วมสนับสนนุ ของ ครูกศน. กศน.อาเภอตะกัว่ ทุ่ง ให้คาปรึกษาแนะนาด้านวทิ ยา จัดโครงการกระบวนการเรียนรู้ และผเู้ รยี นไดน้ าไปขยาย ผลเป็นอาชีพ และได้ให้คาปรึกษาในการ การวางแผน การทาบัญชี การคิดต้นทุนในการผลิตภัณฑ์ แหล่งการหาซ้ือ หีบห่อง การหาช่องทางจาหน่าย การเลือกหบี ห่อที่เหมาะสมกับผลติ ภณั ฑ์สนิ ค้า กศน.ตะกวั่ ทุ่งสนบั สนนุ และ มสี ่วน ร่วม โดยให้กลุ่มนา ใบผักเหมียงของ กศน.ตะกั่วทุ่ง และให้ใช้ที่ตากของกศน.ตะกั่วทุ่ง ท่ีมิดชิดเพ่ืออานวยการความ สะดวก ให้กลมุ่ มีผลติ ภัณฑ์ทดี่ ี ปลอดภัย และสวยงาน โอกาสทางการตลาดของสนิ คา้ สามารถจาหนา่ ยได้ กศน.อาเภอตะกัว่ ทงุ่ มีช่องทางการจาหนา่ ยทางบนเพ็จFB OOCCกศน.อาเภอตะกั่วท่งุ และช่องทางการจา หน่วยออนไลน์ทางFB ของสมาชิกกลุ่ม รวมถึง line ของชุมชน และจาหน่ายปลีกในสมาชิกและคนชุมชน มีการ ออกบธู อาเภอเคล่ือนที่ จงั หวัดเคลอื นที่ และงานปลอ่ ยเต่า และประชุมประจาเดือน ผนู้ าของอาเภอตะก่วั ท่งุ โครงการจัดกระบวนการเรยี นรู้ การแปรรูปจากผกั เหมียง ณ กศน.อาเภอตะกว่ั ทุง่ ผลิตภัณฑ์ท่ีได้จากการแปรรูปจากผักเหมยี ง
ผลติ ภัณฑแ์ ปรรูปจากผักเหมยี ง
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: